วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

โลก 360 องศา - (อเมริกาส่งเรือพิฆาตลาดตระเวณใกล้เกาะเทียมของจีน,หาสาเหตุเครื่องบินรัสเซียตกที่อียิปต์,ผู้นำอัลกอฮิดะห์ออกมาสนับสนุนไอเอสต่อกรกับชาติตะวันตก)


รอยเตอร์ - กองทัพเรือสหรัฐฯ มีแผนจะส่งเรือออกลาดตระเวนภายในรัศมี 12 ไมล์ทะเลรอบเกาะเทียมของปักกิ่งในทะเลจีนใต้ประมาณ 2 ครั้งทุกๆ 3 เดือน เพื่อย้ำเตือนให้จีนและชาติอื่นๆ ตระหนักถึงสิทธิของสหรัฐฯ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่เพนตากอนเผยวานนี้ (2 พ.ย.) เราจะส่งเรือออกไปไตรมาสละ 2 ครั้ง หรืออาจจะบ่อยกว่านั้นเล็กน้อยเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้นำแผนปฏิบัติการของกองทัพเรือออกมาเผยต่อสาธารณชน ระบุ ความถี่ระดับนี้ถือว่ากำลังพอดี ไม่เป็นการยั่วยุจนเกินไป และสอดคล้องกับเป้าหมายของเราที่ต้องการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อเตือนให้จีนหรือชาติอื่นๆ ตระหนักในมุมมองของเรา  เบน โรดส์ รองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงภายในของสหรัฐฯ เผยวานนี้ (2) ว่า กองทัพสหรัฐฯ จะมีการแสดงออกเพิ่มเติม เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ในการปกป้องเสรีภาพการเดินเรือในทะเลจีนใต้  เรามีผลประโยชน์อยู่ที่นั่น... การแสดงออกเช่นนี้ก็เพื่อรักษาไว้ซึ่งหลักเสรีภาพในการเดินเรือโรดส์ กล่าวในงานอีเวนต์ซึ่งจัดโดยสำนักข่าว ดีเฟนซ์ วัน  เมื่อวันอังคารที่ 27 ต.ค. เรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี ยูเอสเอส แลสเซน ได้ล่องเข้าไปเฉียดเกาะเทียมที่ปักกิ่งสร้างขึ้นในทะเลจีนใต้ ทำให้ผู้บัญชาการทหารเรือจีนต้องแจ้งเตือนไปยังฝ่ายสหรัฐฯ ว่า เหตุการณ์เล็กๆ เช่นนี้อาจเป็นชนวนให้เกิดสงครามทางเรือในทะเลจีนใต้ หากวอชิงตันไม่หยุดการกระทำยั่วยุในเขตน่านน้ำพิพาท  ภารกิจลาดตระเวนของเรือพิฆาต ยูเอสเอส แลสเซน ถือเป็นการส่งสัญญาณท้าทายอธิปไตยของจีนในเขต 12 ไมล์ทะเลรอบเกาะเทียมที่ถูกสร้างขึ้นในบริเวณหมู่เกาะสแปรตลีย์  จีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำส่วนใหญ่ในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าทางเรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในแต่ละปี ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม มาเลเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน ก็อ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนกับจีนอยู่  พล.ร.ท. จอห์น อาควิลิโน รองหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งรับผิดชอบดูแลปฏิบัติการ แผน และยุทธศาสตร์ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่า การลาดตระเวนใกล้เกาะเทียมของจีนจะมีขึ้นอีกเมื่อใด   เรามีการส่งเรือออกไปปฏิบัติภารกิจเช่นนี้ตลอดเวลาทั่วโลก และจะยังคงดำเนินต่อไปอาควิลิโน ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์   เจ้าหน้าที่เพนตากอน เผยว่า แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อาจไปตรวจเยี่ยมเรือรบระหว่างเดินทางเยือนเอเชียเร็วๆ นี้ แต่คงจะไม่ขึ้นไปอยู่บนเรือขณะที่ออกลาดตระเวนเพื่อประกาศเสรีภาพในการใช้น่านน้ำทะเลจีนใต้

เอเอฟพี เจมส์ แคลปเปอร์ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ แถลงวานนี้ (2 พ.ย.) ว่า ตนยังไม่ได้รับข้อมูลที่ยืนยันได้ว่า เหตุเครื่องบินโดยสารของรัสเซียตกในอียิปต์จนผู้โดยสารและลูกเรือ 224 คนเสียชีวิตยกลำเป็นฝีมือกลุ่มก่อการร้าย แม้เครือข่ายกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) จะออกมาอ้างความรับผิดชอบก็ตาม  ในงานเสวนาด้านกลาโหมที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แคลปเปอร์ ชี้ว่า ไม่น่าเป็นไปได้ที่กลุ่มติดอาวุธอย่างไอเอสจะมีศักยภาพในการโจมตีถึงขั้นนั้น แต่เราก็ยังไม่ตัดประเด็นนี้ออกไป    เรายังไม่พบหลักฐานโดยตรงที่จะยืนยันได้ว่า เรื่องนี้พัวพันการก่อการร้ายเครือข่ายไอเอสในอียิปต์อ้างว่าได้ยิงเครื่องบินโดยสารรัสเซียที่ออกเดินทางจากเมือง ชาร์ม เอล ชัยค์ เพื่อไปยังนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กตกเมื่อวันเสาร์ (31 ต.ค.) ทว่ารัฐบาลไคโรและมอสโกยังไม่ปักใจเชื่อ ไอเอสออกมาอ้างความรับผิดชอบ... แต่เราก็ยังสรุปไม่ได้ว่าจริงหรือไม่แคลปเปอร์ กล่าว พร้อมระบุว่า เมื่อมีการตรวจสอบข้อมูลกล่องดำแล้ว อาจจะทราบอะไรมากขึ้น  เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนอื่นๆ ก็พูดไปในทางเดียวกันว่า ยังเร็วเกินไปที่จะเชื่อมโยงโศกนาฏกรรมทางการบินครั้งนี้กับการก่อการร้าย นิโคลัส ราสมุสเซน ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านก่อการร้ายแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวในเวทีเสวนากลาโหมว่า กระบวนการสอบสวนกรณีเครื่องบินรัสเซียตกในเขตคาบสมุทรไซนายของอียิปต์ยังไม่เสร็จสิ้น แต่ ณ ขณะนี้เรายังไม่ได้รับข่าวกรองใดๆ ที่จะเชื่อมโยงกับลัทธิก่อการร้าย  เราไม่ได้รับรายงานใดๆ ที่สนับสนุนสมมติฐานข้อนี้เลยเอลิซาเบธ ทรูโด โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเสริม  เจ้าหน้าที่เพนตากอนอีกคนหนึ่งยอมรับว่า ตนยังไม่ให้น้ำหนักกับเรื่องก่อการร้าย เพราะขีปนาวุธที่จะสามารถยิงเครื่องบินโดยสารซึ่งอยู่สูงหลายหมื่นฟุตได้มีแต่ รัฐเท่านั้นที่เป็นเจ้าของ  สายการบินโคกาลีมาเวีย (Kogalymavia) ของรัสเซีย ระบุว่า แอร์บัส เอ 321 ลำนี้น่าจะตกเพราะ ปัจจัยภายนอกและไม่มีเหตุขัดข้องทางเทคนิคใดๆ ที่จะเป็นต้นเหตุให้เครื่องบินแตกกระจายกลางอากาศได้  ทีมสอบสวนซึ่งนำโดยอียิปต์ได้เดินทางเข้าไปยังจุดตกของเครื่องบินบนคาบสมุทรไซนายเพื่อสืบหาสาเหตุที่เป็นไปได้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากรัสเซีย แอร์บัส และไอร์แลนด์ซึ่งเป็นประเทศที่เครื่องบินลำนี้จดทะเบียน เข้าร่วมตรวจสอบด้วย

รอยเตอร์ - เครื่องบินโดยสารรัสเซียที่ตกในอียิปต์ไม่ได้ถูกกระทบจากภายนอกและนักบินไม่ได้ส่งสัญญาณแจ้งเหตุร้ายก่อนมันหายไปจากจอเรดาร์ แหล่งข่าวในคณะกรรมการที่กำลังวิเคราะห์กล่องดำเปิดเผยในวันจันทร์(2พ.ย.) หลังจากก่อนหน้านี้สายการบินโคกาลีมาเวีย แถลงว่าเครื่องบินลำดังกล่าวแตกเป็นเสี่ยงๆกลางอากาศและไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิคหรือความบกพร่องของมนุษย์ แหล่งข่าวปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติม แต่จากความเห็นของเขามาจากการตรวจสอบเบื้องต้นกล่องดำที่เก็บกู้มาได้จากซากเครื่องบินแอร์บัส เอ321 ที่ตกในแถบคาบสมุทรไซนายเมื่อวันเสาร์(31ต.ค.) คร่ายกลำ 224 ชีวิต ในนั้น 214 คนเป็นชาวรัสเซีย ชาวยูเครนอย่างน้อย 3 คนและมีชาวเบลารุสรวมอยู่ด้วย 1 คน  อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวด้านการบินพลเรือนรายหนึ่งเปิดเผยว่าคณะสืบสวนของอียิปต์ภายใต้ความช่วยเหลือจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญจากรัสเซียและฝรั่งเศสยังไม่เสร็จสิ้นการตรวจสอบกล่องดำทั้ง 2 กล่อง  เจ้าหน้าที่รัสเซียบอกว่าเครื่องบิน ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารจากเมืองชาร์ม เอล-ชีค ดินแดนตากอากาศริมทะเลแดง มุ่งหน้าสู่เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก น่าจะระเบิดกลางอากาศ แต่ระบุยังเร็วเกินไปที่จะสรุปถึงสาเหตุของโศกนาฏกรรมคราวนี้  ศพชุดแรกที่เก็บกู้จากบริเวณเศษซากเครื่องถูกนำขึ้นเครื่องบินรัฐบาลรัสเซีย เดินทางกลับถึงท่าอากาศยานพูลโคโว ในเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้สื่อข่าวรอยเตอร์รายงานว่าเห็นรถบรรทุกสีขาวขับออกไปจากสนามบินภายใต้การอารักขาของรถตำรวจ มุ่งหน้าไปยังโรงเก็บศพแห่งหนึ่ง เพื่อดำเนินการระบุเอกลักษณ์บุคคลต่อไป  สำนักข่าวต่างๆของรัสเซียรายงานว่าเครื่องบินลำดังกล่าวบรรทุกศพมาทั้งหมด 144 ศพ ส่วนเครื่องบินของรัฐบาลลำที่ 2 มีกำหนดออกเดินทางจากกรุงไคโรในตอนค่ำวันจันทร์(2พ.ย.)  ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งประกาศให้เมื่อวันอาทิตย์(1พ.ย.) เป็นวันไว้ทุกข์ทั่วประเทศ กล่าวในวันจันทร์(2พ.ย.) ว่าเหตุการณ์นี้เป็นโศกนาฏกรรมใหญ่หลวง "ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เราต้องดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้ภาพแห่งความเป็นจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นปรากฎขึ้น" ปูตินกล่าว "ดังนั้นเราก็จะทราบว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่"  เมื่อถูกถามว่ามันอาจเป็นการโจตีก่อการร้ายหรือไม่ นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของประธานาธิบดีปูิน บอกว่ายังไม่มีการตัดสมมุติฐานใดออกไป  ในวันเสาร์(31ต.ค.)ที่ผ่านมา กลุ่มนักรบอียิปต์ที่เกี่ยวข้องกับรัฐอิสลาม(ไอเอส) ออกมาอ้างว่าเป็นคนยิงเครื่องบินลำนี้ตก ตอบโต้ที่รัสเซียปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเข่นฆ่าพี่น้องมุสลิมหลายร้อยคนบนแผ่นดินซีเรีย ทว่าทางรัฐมนตรคมนาคมมอสโกปฏิเสธคำกล่าวอ้างนี้ อเล็กซานเดอร์ สมีร์นอฟ รองผู้อำนวยการใหญ่ของสายการบินโคกาลีมาเวีย ที่ดำเนินงานภายใต้แบรนด์เมโทรเจ็ต บอกว่ามีเพียงประเด็นทางเทคนิคและการกระทำจากภายนอกที่อาจทำให้เครื่องบินแตกเป็นเสี่ยงกลางอากาศ "เครื่องบินอยู่ในสภาพที่ยอดเยี่ยม" เขากล่าวในมอสโก " เราตัดประเด็นความบกพร่องผิดทางทางเทคนิคและความผิดพลาดของลูกเรือ"  ความเห็นของเขามีขึ้นท่ามกลางหลักฐานที่ชี้ชัดมากขึ้นว่าเครื่องบินผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัย ส่วนลูกเรือก็ผ่านการทดสอบด้านการแพทย์แล้ว ขณะที่อันเดรย์ อาเวอร์ยานอฟ รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวิศวกรรม ของสายการบินโคกาลีมาเวีย ยืนยันว่าเครื่องยนต์ของเครื่องบินเพิ่งได้รับการตรวจสอบตามรอบระยะเวลาปกติในกรุงมอสโกเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ซึ่งไม่พบมีปัญหาใดๆ และในเที่ยวบิน 5 เที่ยวก่อนหน้าประสบอุบัติเหตุ พวกลูกเรือก็บันทึกลงในปูมประจำเครื่องบินว่าไม่มีปัญหาทางเทคนิคใดๆ ทั้งสิ้น  รัสเซีย ซึ่งเป็นพันธมิตรกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มกลุ่มฝ่ายต่อต้านในซีเรีย ในนั้นรวมถึงพวกรัฐอิสลาม(ไอเอส) เมื่อวันที่ 30 กันยายน กระตุ้นให้ไอเอส ซึ่งบุกยึดดินแดนอันกว้างขวางในอิรักและซีเรีย เรียกร้องสมุนทำสงครามกับทั้งมอสโกและสหรัฐฯ เพื่อแก้แค้นที่พวกเขาโจมตีอากาศในซีเรีย สำหรับ ไซนาย เป็นฉากแห่งความไม่สงบจากฝีมือพวกนักรบที่มีความใกล้ชิดกับไอเอส ซึ่งเข่นฆ่าทหารและตำรวจอียิปต์ไปหลายร้อยนายและยังโจมตีเป้าหมายตะวันตกหลายต่อหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญไม่เชื่อว่าพวกนักรบในพื้นที่จะมีขีปนาวุธที่มีแสนยานุภาพยิงเครื่องบินที่บินอยู่ ณ ระดับความสูง 30,000 ฟุตได้  

 
เอเอฟพี/รอยเตอร์ สายการบินรัสเซียที่เครื่องบินโดยสารแตกเป็นเสี่ยงๆกลางอากาศและตกในอียิปต์ ทำให้ผู้โดยสารกับลูกเรือเสียชีวิตหมดทั้งลำ แถลงในวันนี้ (2 พ.ย.) ว่า สาเหตุของการโหม่งโลกคราวนี้ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิคหรือความบกพร่องของมนุษย์ จึงน่าจะมาจากปัจจัย ภายนอกเท่านั้น   ไม่มีความบกพร่องผิดทางทางเทคนิคใดๆ ซึ่งสามารถนำไปสู่การที่เครื่องบินแตกเป็นเสี่ยงๆ กลางอากาศได้เลยอเล็กซานเดอร์ สมีร์นอฟ รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายเที่ยวบิน ของสายการบินเช่าเหมาลำ โคกาลีมาเวียกล่าวต่อที่ประชุมแถลงข่าวในกรุงมอสโก  เขาแถลงต่อไปว่า คำอธิบายมีเพียงประการเดียว นั่นคือ การกระทำจากภายนอกบางอย่างบางประการแต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากไปกว่านี้  สมีร์นอฟระบุว่า เครื่องบินลำนี้เริ่มตกลงมาอย่างควบคุมไม่ได้ โดยนักบินก็ไม่มีเวลาที่จะรายงานว่าเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น  พวกลูกเรืออยู่ในสภาพสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง และด้วยเหตุผลนี้เองจึงไม่มีใครสักคนพยายามที่จะติดต่อทางวิทยุ และรายงานสถานการณ์อุบัติเหตุบนเครื่องบินเขาอธิบาย  เครื่องบิน กำลังบินไปโดยควบคุมไม่ได้ มันไม่ใช่กำลังบินหรอก มันกำลังตกลงมาเขากล่าว  ดูเหมือนว่าในชั่วขณะนั้นเครื่องบินได้รับความเสียหายอย่างสำคัญถึงระดับโครงสร้างของมัน จนไม่อนุญาตให้มันสามารถทำการบินต่อไปได้  ขณะที่กล่าวย้ำว่าจำเป็นต้องรอคอยสิ่งที่จะออกมาจากการสอบสวนกันก่อน แต่สมีร์นอฟปฏิเสธหนักแน่นว่า ไม่ได้มีปัญหาความผิดพลาดทางเทคนิคหรือความบกพร่องของมนุษย์   เราขอปฏิเสธว่าไม่ได้เกิดความผิดพลาดทางเทคนิคของตัวเครื่องบิน และเราขอปฏิเสธว่าไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของนักบินหรือลูกเรือ ซึ่งก็คือสิ่งที่เรียกกันว่า ปัจจัยด้านมนุษย์เขาแจกแจง  เขากล่าวว่า เครื่องบินลำนี้อยู่ใน สภาพทางเทคนิคที่ดีเยี่ยมในขณะที่ประสบอุบัติเหตุตกลงในคาบสมุทรไซนายเมื่อวันเสาร์ (31 ต.ค.) ทางด้าน อันเดรย์ อาเวอร์ยานอฟ รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวิศวกรรม ของสายการบินโคกาลีมาเวีย แถลงว่า เหตุการณ์เมื่อปี 2001 ซึ่งขณะนั้นเครื่องบินลำนี้ยังเป็นของเจ้าของเดิม โดยส่วนหางของเครื่องบินได้กระแทกกับรันเวย์ขณะร่อนลงนั้น ได้รับการซ่อมแซมเสร็จสิ้นสมบูรณ์ไปแล้ว และไม่สามารถที่จะเป็นปัจจัยหนึ่งของการตกคราวนี้ได้  เขาบอกด้วยว่า เครื่องยนต์ของเครื่องบินก็ได้รับการตรวจสอบตามรอบระยะเวลาปกติในกรุงมอสโกเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ซึ่งไม่พบมีปัญหาใดๆ และในเที่ยวบิน 5 เที่ยวก่อนหน้าประสบอุบัติเหตุ พวกลูกเรือก็บันทึกลงในปูมประจำเครื่องบินว่าไม่มีปัญหาทางเทคนิคใดๆ ทั้งสิ้น  ขณะที่ โอคซานา โกโลวินา ผู้แทนของบริษัทโฮลดิ้งคอมปานีที่เป็นบริษัทผู้ควบคุมสายการบินโคกาลีมาเวีย บอกกับที่ประชุมแถลงข่าวว่า สายการบินแห่งนี้ไม่ได้เคยมีปัญหาการเงินใดๆ ที่อาจส่งผลต่อเรื่องความปลอดภัยในการบิน

เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(1) ว่า หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธ IS ได้ออกแถลงการณ์ผ่านทางทวิตเตอร์อ้างว่า ทางกลุ่มติดอาวุธรับผิดชอบการตกของเครื่องบินสัญชาติรัสเซีย ล่าสุดก่อการร้าย IS ได้เผยแพร่วิดีโอคลิปที่ยังไม่ได้รับการยืนยันผ่านอินเตอร์เนตในวันที่ 31 ตค. จากการรายงานของสื่ออังกฤษและบีบีซีอเมริกา ที่มีความยาวของวิดีโอคลิปราว 1.09 นาที แสดงภาพเครื่องบินระเบิดลุกโชนกลางอากาศและมีควันดำขโมงเหนือคาบสมุทรไซนาย แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งอียิปต์และมอสโกต่างปฎิเสธคำอ้างของกลุ่มก่อการร้าย IS ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครื่องบินสายการบินเมโทรเจ็ต A-321 ตก ที่มีคนทั้งหมด 224 ชีวิตอยู่บนนั้น รวมไปถึงทางรกอายุ 10 เดือน นอกจากนี้บีบีซี สื่ออังกฤษ ยังได้วิเคราะห์วิดีโอคลิปชิ้นนี้ที่เผยแพร่ออกมาว่า วิดีโอคลิปเครื่องบินตกไม่ได้เป็นวิดีโอคลิปอย่างเป็นทางการของสื่อ IS และไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการของกลุ่มติดอาวุธ IS ซึ่งสอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีคมนาคมรัสเซีย มัคซิม โซโคลอฟ(Maksim Sokolov)ให้สัมภาษณ์ว่า "ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าเครื่องบินรัสเซียตกเป็นเป้า และตลอดจนภาพถ่ายและวิดีโอคลิปที่ปรากฎในเวลานี้ไม่ได้ถูกกลุ่มก่อการร้าย IS เป็นผู้ถ่าย"  ด้านดิอินดีเพนเดนต์ สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมในรายละเอียดว่า กลุ่มติดอาวุธ Wilayat Sinai ที่มีเครือข่ายโยงใยกับกลุ่ม IS มีรายงานออกปฎิบัติการอยู่ในบริเวณที่เครื่องบินโดยสารรัสเซียตก โดยใช้ระเบิดฆ่าตัวตายต่อกำลังเจ้าหน้าที่อียิปต์ ซึ่งจากแถลงการณ์ที่ออกมาโดยกลุ่มติอาวุธ IS ระบุว่า "นักรบของสาธารณรัฐอิสลามทำให้เครื่องบินรัสเซียเหนือจังหวัดไซนายตก ซึ่งบรรทุกชาวรัสเซียจำนวนกว่า 220 คน โดยคนทั้งหมดบนเครื่องถูกสังหารทั้งสิ้น ขอขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้า" ดิอินดีเพนเดนต์รายงานในวันเสาร์  (31 ตค.) นอกจากนี้ดิอินดีเพนเดนต์ยังระบุว่า ในแถลงการณ์ ไม่ได้กล่าวถึงวิธีที่ทำให้เครื่องบินโดยสารรัสเซียตก แต่ผู้สนับสนุนกลุ่มติดอาวุธได้เผยแพร่วิดีโอคลิปที่แสดงให้เห็นขณะกำลังตกโดยระเบิดกลางอากาศก่อนมีควันดำพวยพุ่ง ที่วิดีโอคลิปนี้มีผู้ชมจำนวนมากต่างอ้างว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องจริง  ดิอินดีเพนเดนต์ยังรายงานเพิ่มเติมต่อว่า แต่อย่างไรก็ตาม จากการรายงานของบีบีซีพบว่า Wilayat Sinai นั้นมีอาวุธ RPG แบบประทับบ่าอยู่จริงที่เรียกว่า Manpads แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ไม่มีศักยภาพสามารถยิงเครื่องบินระดับ 31,000 ฟุตได้ ซึ่งล่าสุดจากการรายงานของ MSNBC News สื่อสหรัฐฯในวันอาทิตย์(1)ว่า วิคเตอร์ โซโรเชนโก (Viktor Sorochenko) เจ้าหน้าที่กรรมาธิการระหว่างหน่วยงานด้านการบินรัสเซียยืนยันว่า เที่ยวบิน 7K-9268 ที่เดินทางออกมาจากท่าอากาศยานเมืองตากอากาศริมฝั่งทะเลแดง ชาร์ม เอล-ชีคห์ บนคาบสมุทรไซนายของอียิปต์ไปยังปลายทางที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในรัสเซียนั้นระเบิดกลางอากาศแยกออกเป็น 2 ส่วนก่อนที่จะตก  แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญรัสเซียปฎิเสธที่จะชี้เฉพาะเจาะจงลงไปถึงการตกครั้งนี้โดยอ้างว่า ต้องรวบรวมข้อมูลให้ได้มากกว่านี้ โดยโชโรเชนโกให้สัมภาษณ์ในขณะได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังจุดตกบนคาบสมุทรไซนาย อียิปต์  และสอดคล้องกับการให้ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญอีกคนของรัสเซีย อเล็กซานเดอร์ นาราดค์ (Alexander Neradk)ผู้อำนวยงานสำนักงานการบินรัสเซียที่กล่าวว่า เชื่อว่าเครื่องบินโดยสารลำนี้แยกชิ้นส่วนด้วยระดับเพดาบินอัลติจูดสูง จากหลักฐานที่ชิ้นส่วนของเครื่องบินเมโทรเจ็ตถูกค้นพบกระจัดกระจายในบริเวณกว้าง  เดลีเมลรายงานต่อว่า มีรายงานเปิดเผยว่า ซากเครื่องบินโดยสารรัสเซียถูกค้นพบห่างไปจากบริเวณจุดออกบินไปราว 200 กม.ทางทิศเหนือ ซึ่งวิเคราะห์ว่าในขณะนั้น ระดับเพดานการบินสูงถึง 31,000 ฟุต และสื่ออังกฤษยังชี้ว่า เป็นที่เข้าใจว่า ในขณะนี้ยังไม่พบว่ากลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธจะมียุทโธปกรณ์ที่สามารถยิงอากาศยานบินในระดับความสูงนี้ได้  โดยศาสตราจารย์ ไมเคิล คล๊าก (Michael Clarke) ผู้อำนวยการใหญ่แห่งสถาบัน Royal United Services วิเคราะห์ว่า เครื่องบินเมโทรเจ็ต A-321 นั้นน่าจะเกิดมาจากระเบิดที่ซุกอยู่ในตัวเครื่องมากกว่า  โดยให้เหตุผลกับบีบีซี สื่ออังกฤษว่า กลุ่มติดอาวุธมีอาวุธ RPG แบบยิงประทับบ่า ซึ่งมีศักยภาพสามารถทำลายเครื่องบินที่กำลังแหล่นลงจอด หรือในขณะกำลังบินขึ้นได้ แต่ทว่าในระดับความสูงเหนือกว่า 8,000 หรือ 9,000 ฟุตนั้นพ้นจากความสามารถของอาวุธที่กลุ่มก่อการร้ายมีในขณะนี้คล๊ากกล่าว  นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ยังชี้ว่า ถึงแม้เครื่องบินโดยสารรัสเซียจะตกในบริเวณปฎิบัติการของกลุ่มติดอาวุธที่โยงใยกับกลุ่มก่อการร้าย IS แต่ทว่ายังไม่มีเหตุหลักฐานทำให้เชื่อได้ว่า อาวุธของกลุ่มติดอาวุธท้องถิ่นจะมีส่วนเกี่ยวของกับการตกของเมโทรเจ็ต A-321 ในวันเสาร์(31 ตค.) ด้าน ฮอสซาม คาเมล (Hossam Kamal)รัฐมนตรีการบินพลเรือนอียิปต์แถลงว่า จากการรายงานพบว่า การติดต่อระหว่างหอควบคุมการบิน และนักบินเที่ยวบิน 7K-9268 นั้นทุกอย่างดูเป็นปกติก่อนที่จะเกิดโศกนาฎกรรมขึ้น และอีกทั้งนักบินคนขับไม่ได้ร้องขอเปลี่ยนเส้นทางการบินแต่อย่างใด และหอบังคับการบินไม่ได้มีบันทึกการร้องขอฉุกเฉิน  ซึ่งการให้สัมภาษณ์ล่าสุดของคาเมลขัดแย้งกับรายงานก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า นักบินเมโทรเจ็ตได้แจ้งเรื่องปัญหาทางเทคนิก และแจ้งความประสงค์ต้องการจะลงจอดยังสนามบินที่ใกล้ที่สุดในเวลานั้น  นอกจากนี้ ในวันอาทิตย์(1)สายการบินลุฟต์ฮันซาประกาศระงับการบินเหนือคาบสมุทรไซนายหากยังไม่ปรากฎว่าสาเหตุของเครื่องบินโดยสารรัสเซียลำนี้ตกเพราะอะไร โดยโฆษกหญิงลุฟต์ฮันซาชี้แจงว่า ความปลอดภัยถือเป็นหัวใจหลักของลุฟต์ฮันซาและกล่าวต่อว่า ทางบริษัทจะใช้เส้นทางอ้อมไปยังท่าอากาศยานอื่นที่อยู่ในย่านนั้น  เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า กระทรวงคมนาคมเยอรมันได้ออกคำสั่งด่วนเตือนเมื่อวานนี้(1)ไปยังทุกบริษัทสายการบินของเยอรมันไม่ให้ใช้เส้นทางการบินของสายการบินเมโทรเจ็ตที่เกิดปัญหา  และมาถึงขณะนี้พบว่า นอกจากสายการบินลุฟต์ฮันซาที่ระงับการบินในบริเวณนี้แล้ว สายการบินแอร์ฟรานซ์ และสายการบินสัญชาติดูไบ เอมิเรตส์ ออกประกาศระงบการบินเหนือคาบสมุทรไซนายเช่นกันจนกว่าสาเหตุการตกของเครื่องบินโดยสารรัสเซียจะถูกระบุอย่างเป็นทางการ  ในขณะที่สายการบินบริติชแอร์เวย์ อีซีเจ็ต และเวอร์จินแอตแลนติก ต่างยืนยันจะยังคงให้บริการบินต่อไปในบริเวณโดยไม่มีการระงับ จากการรายงานของเอพี แต่ทว่าเดลีเมล สื่ออังกฤษรายงานว่า ในวันอาทิตย์(1)นักบินของบริษัทบริติชแอร์เวย์ได้เปิดเผยว่า มีคำสั่งด่วนให้เลี่ยงการใช้เพดานบินต่ำเหนืออียิปต์หลังเกิดเหตุโศกนาฎกรรมครั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจตามมา  ซึ่งสื่ออังกฤษชี้ว่า พิสัยการยิงของปืนยิงขีปนาวุธแบบประทับบ่า หรือ RPG จากภาคพื้นสู่อากาศไม่เกิน 25,000 ฟุต  และเดลีเมลยังรายงานเพิ่มเติมว่า มีการค้นพบว่านักบินอังกฤษต่างได้รับคำเตือนในเรื่องการปลอดภัยโดยไม่ให้บินในระดับเพดานการบินต่ำเหนือจุดตกบนคาบสมุทรไซนายตั้งแต่วันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งในคำเตือนระบุพบว่า ได้มีการเตือนไม่ให้นักบินทำการบินต่ำกว่า 25,000 ฟุตครอบคลุมพื้นที่ 14,000 ตารางไมล์ เพื่อป้องกันไม่ให้โดนถูกยิงจากอาวุธแบบยิงภาคพื้นสู่อากาศ  แต่อย่างไรก็ตาม สื่ออังกฤษไม่ได้เปิดเผยในรายละเอียดถึงหน่วยงานที่ออกคำสั่งนี้ไปยังนักบินอังกฤษ
ทั้งนี้พบว่าคำเตือนถึง Airmen (NOTAM) นั้นถูกสั่งในวันที่ 9 กันยายน 2015 เวลา 8.50 น.จะยังคงมีผลไปจนถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2015 ที่คาดว่าจะค้นพบสาเหตุการตกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เดลีเมลรายงานว่า ในคำสั่งนี้ระบุให้นักบินไม่ให้บินในระดับต่ำกว่า 25,000 ฟุตครอบคลุมพื้นที่ 14,000 ตารางไมล์เหนือพื้นที่คาบสมุทรไซนายเหนือเมื่อบินเข้าไปยังชาร์ม เอล-ชีคห์ ซึ่งในคำสั่งนี้กล่าวว่า สถานการณ์อันตรายเหนือท้องฟ้าอียิปต์บริเวณไซนายเหนือ นั้นสามารถเป็นอันตายต่อเครื่องบินที่บินผ่านในบริเวณนี้ที่มีเพดานบินต่ำกว่า 25,000 ฟุต ที่อาจเป็นอันตรายต่อเครื่องยิงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานและในคำเตือนยังกล่าวต่อว่า ขอให้ผู้บังคับการเครื่องไตร่ตรองให้รอบคอบในความเสี่ยงถึงชีวิตที่อาจเกิดขึ้น และรวมไปถึงการตัดสินใจการเปลี่ยนเส้นทางการบินและสื่ออังกฤษชี้ว่า สายการบินสัญชาติอังกฤษยังได้รับคำแนะนำให้ติดต่อกระทรวงคมนาคมอังกฤษในรายละเอียดเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้

รอยเตอร์ ผู้นำหมายเลขหนึ่งคนปัจจุบันของกลุ่มอัลกออิดะห์ อัยมาน อัล-ซอวาฮิรีออกมาเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนชาวมุสลิมทั้งหลายร่วมมือกัน เพื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากฝ่ายตะวันตกและรัสเซียในซีเรียและอิรัก นับเป็นคลิปบันทึกเสียงชิ้นล่าสุดซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพิ่มขึ้นมาก ระหว่าง อัลกออิดะห์กับ กลุ่ม รัฐอิสลาม” (ไอเอส) พวกอเมริกัน, พวกรัสเซีย, พวกอิหร่าน, พวกอาลาวิต, และพวกฮิซบอลเลาะห์ กำลังร่วมมือประสานงานกันในการทำสงครามของพวกเขาซึ่งต่อต้านเล่นงานพวกเรา แล้วพวกเราล่ะ ไม่สามารถหรือ ที่จะยุติการสู้รบกันเองในระหว่างพวกเรา เพื่อที่พวกเราจะได้สามารถทุ่มเทความพยายามของพวกเราทั้งหมดหันไปต่อสู้เล่นงานพวกเขา?” ซอวาฮิรี กล่าวในคลิปเสียงซึ่งถูกนำออกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตเมื่อวันอาทิตย์ (1 พ.ย.) ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าคลิปเสียงนี้ทำการบันทึกไว้เมื่อใด แต่จากเนื้อหาที่ผู้นำหมายเลขหนึ่งของอัลกออิดะห์ผู้นี้พูดถึงการรุกรานของรัสเซีย บ่งบอกให้เห็นว่าคงจะทำขึ้นหลังจากรัสเซีย ซึ่งเป็นพันธมิตรของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย เปิดฉากทำการถล่มโจมตีทางอากาศเล่นงานกลุ่มฝ่ายค้านต่างๆ ในซีเรีย รวมทั้งกลุ่มไอเอสด้วย ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ในคลิปเสียงอีกคลิปหนึ่งซึ่งนำออกเผยแพร่ในเดือนกันยายน ซอวาฮิรีได้ปฏิเสธไม่ยอมรับฐานะของกลุ่มรัฐอิสลาม และ อบู บาคร์ อัล-แบกดาดี ผู้นำของกลุ่มนี้ แต่ก็กล่าวว่าสาวกของอัลกออิดะห์ควรที่จะเข้าร่วมกับไอเอส ในการสู้รบกับกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยฝ่ายตะวันตกในอิรักและซีเรีย ถ้าหากสามารถที่จะกระทำเช่นนั้นได้  พี่น้องนักรบมูจาฮีดีนของเราในทุกหนทุกแห่ง และของทุกๆ กลุ่ม ... เรากำลังเผชิญการรุกรานจากอเมริกา, ยุโรป, และรัสเซีย ... ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับพวกเราที่จะต้องยืนหยัดร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว ตั้งแต่เตอร์กิสถานตะวันออก ไปจนกระทั่งถึงโมร็อกโกซอวาฮิรี เรียกร้องในคลิปล่าสุด ไอเอส กลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งซึ่งเวลานี้สามารถควบคุมพื้นที่ผืนใหญ่ๆ หลายผืนในอิรักและซีเรีย ก็ได้ออกมาเรียกร้องชาวมุสลิมทั้งหลายให้ทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้เล่นงานทั้งรัสเซียและสหรัฐฯ เพื่อเป็นการตอบโต้การที่มอสโกและวอชิงตันเข้าถล่มโจมตีทางอากาศใส่นักรบไอเอสในซีเรีย  ถ้าหาก อัลกออิดะห์ และ ไอเอส มีความร่วมมือกันใดๆ ขึ้นมา ย่อมเพิ่มความยุ่งยากซับซ้อนให้แก่ความพยายามในการสร้างเสถียรภาพในตะวันออกกลาง หลังจากที่ภูมิภาคนี้ถูกกลุ่มหัวรุนแรงต่างๆ แผ่อิทธิพลบารมี รวมทั้งเปิดการโจมตีมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เกิดกระแส อาหรับสปริงในปี 2011 ซึ่งมีการโค่นล้มพวกผู้นำเผด็จการรวบอำนาจของหลายชาติในตะวันออกกลาง ที่เคยมีบทบาทในการควบคุมพวกหัวรุนแรงเหล่านี้

เอเจนซีส์ อดีตผู้ว่าการรัฐฟลอริดา เจบ บุช ต้องตกที่นั่งลำบากอีกครั้งท่ามกลางมรสุมการเงินหลังจาก คริสติน ชิโกเน (Christine Ciccone) ผู้จัดการทีมหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2016 ประจำสำนักงานใหญ่ลาออกในวันศุกร์(30 ตค.) ซึ่งถือเป็นผู้ช่วยของเจบที่มีตำแหน่งสำคัญเป็นคนแรกที่ได้ลาออกจากตำแหน่ง  NBC News สื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้(1)ว่า คริสติน ชิโกเน (Christine Ciccone) ผู้จัดการทีมหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2016 ประจำสำนักงานใหญ่ของเจบ บุช ลาออกจากตำแหน่งในวันศุกร์(30 ตค.) โดยแหล่งข่าวที่ปรึกษาของเจบ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิหารประจำวันให้ข้อมูลกับสื่อสหรัฐฯว่า ชิโกเนถือเป็นคนสำคัญมากๆ ซึ่งถือได้ว่าอยู่ในตำแหน่งคีย์แมนในฝ่ายบริหารทีมหาเสียงของเจบ โดยชิโกเนนั่งตำแหน่งบริหารสำนักงานหาเสียงต่างๆสื่อสหรัฐฯรายงานว่า ชิโกเนได้รับเงินเดือนในการรับบริหารงานให้เจบ บุชด้วยตัวเลขสูงกว่า 12,000 ดอลลาร์ต่อเดือนเล็กน้อย อ้างอิงข้อมูลจาก FEC แต่ทว่าชิโกเนตกที่นั่งลำบากเหมือนเจ้าหน้าที่ทีมหาเสียงคนอื่นๆส่วนใหญ่ของเจบซึ่งเงินเดือนถูกปรับลดนับตั้งแต่สิ้นเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา  เราต่างรู้สึกยิดีที่ได้ชิโกเนมาร่วมทีม เรานับถิอเธอมากโฆษกประจำทีมหาเสียงของเจบ บุช แถลงกับ NBC News ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานหาเสียงของเจบ บุชได้ออกบันทึกความเข้าใจภายในในการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ท่ามกลางปัญหาด้านการเงินที่รุมเร้า ซึ่งรวมไปถึงการเลิกจ้างพนักงาน รวมไปถึงการลดขนาดสำนักงานหาเสียงในเมืองไมอามี รัฐฟลอลิดา และการลดค่าใช้จ่ายด้านค่าจ้างพนักงานลดลงอีก 40% และนอกไปจากนี้ในที่ประชุมผู้สนับสนุนการเงินที่เมืองดัลลัส รัฐเทกซัสในสัปดาห์ที่แล้ว เจบพยายามที่จะทำให้บรรดาผู้บริจาคต่างคลายกังวลถึงตัวเลขความนิยมรั้งท้ายโพลของเขา และในที่ประชุมนี้เจบได้ให้สัญญาจะเปลี่ยนแปลงให้สถานการณ์ดีขึ้น พร้อมสัญญาที่จะทำให้กลายเป็นผู้สมัครตัวเต็งแถวหน้าให้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม สื่อสหรัฐฯชี้ว่า สถานการณ์ของเจบดูจะไม่กระเตื้องขึ้นเมื่อดูจากผลการดีเบตครั้งที่ 3 ของพรรครีพับลิกันในวันพุธ(28 ตค.)ที่ผ่านมา ซึ่งการโจมตีของเจบต่ออดีตที่ปรึกษา ซึ่งปัจจุบันเป็นคู่แข่ง มาร์โก รูบิโอ สว.รัฐฟลอลิดาดูจะไม่มีน้ำหนัก และพบว่าใช่วงเริ่มต้นของการดีเบต เจบแทบไม่มีโอกาสได้พูดอะไรออกมาเลย  NBC News รายงานเพิ่มเติมว่า เจบ บุช ประกาศตัวเข้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯด้วยความคาดหวังที่สูงจากหลายฝ่ายเมื่อดูได้จากบรรดาผู้บริจาคกระเป๋าหนักต่างรุมเข้าไปหา และเจบมีโอกาสคัดเลือกผู้มีชื่อเสียงจากในพรรครีพับลิกันให้มาช่วยงาน แต่ทว่าเจบ กลับยังไม่สามารถทำให้ผู้บริจาคเหล่านั้นพึงพอใจได้ด้วยคะแนนนิยมตัวเลขสองหลักจากผลโพลสำนักต่างๆล่าสุดได้ทั้งๆที่โฆษณาหาเสียงการเมืองของเขาออกอากาศถี่ยิบเกือบทุกวัน ซึ่งในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ MSNBC ช่วง Meet the Press ในวันอาทิตย์(1)เจบรับรู้ถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากพร้อมยอมรับว่าผู้จัดการทีมหาเสียงได้ลาออกแล้ว แต่เขายังประกาศยืนยันจะสู้ต่อ และประกาศว่าคนที่ปรามาสเขาเหล่านั้นยังไม่รู้จักเขาดี ซึ่งสื่อสหรัฐฯวิเคราะห์ว่า เจบ บุช ยังต้องหาทางแก้ปัญหาว่า จะแก้ปัญหาในสถานการณ์การเงินได้อย่างไร จะสู้ต่อไปอย่างไร และในรูปแบบไหน ทั้งนี้คริสติน ชิโกเนมีความสัมพันธ์ยาวนานกับครอบครัวบุช ซึ่งเธอเคยทำงานในสมัยของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ในตำแหน่งผู้ประสานงานวุฒิสมาชิก และยังเป็นล็อบบี้ยิสต์ให้กับบริษัทคอนซัลแทนต์ในวอชิงตัน Sphere

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น