วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Sin City เมืองคนบาป ช่วยมาปราบฉันที


ตามตรรกะของพวกฟิมล์นัวร์แล้ว มักมาคู่กับอะไรที่เป็นดาร์กๆ หรือสิ่งเลว ตกต่ำ มืดมน ผิดกฎหมาย ก็อาทิ เซ็กส์ กับยาเสพติด sin city เคยถูกสร้างเป็นซีรีย์การ์ตูนนัวร์มาก่อน โดย แฟรงค์ มิลเลอร์ สร้างจากนวนิยายการ์ตูนอาชญากรรมชื่อดังของมิคกี้ สปิลแลนซ์กับเรย์มอนด์ แชนเลอร์ ปรากฏว่าฮิตมากในช่วงปลายยุค 70’s มาจนถึงทศวรรษที่ 80’s และก็มีคนดังนิยมชมชอบซีรี่ย์การ์ตูนชุดนี้อย่างมาก อาทิ โรเบิร์ต โรดริเกวซ ,เควนติน ทาแรนติโน่ ,สตีเว่น โซเดนเบิร์ก รวมถึงจอห์น วู ด้วย ภายหลังที่ปฏิเสธมาตลอด จนในที่สุดมิลเลอร์ก็ยอมขายลิขสิทธิ์การ์ตูนนัวร์เรื่องนี้ให้กับโรดริเกวซ สร้างเป็นฉบับภาพยนตร์ โดยมีหุ้นส่วนคู่หูอย่าง เควนติน ทาแรนติโน่ มาเป็นที่ปรึกษาและร่วมกำกับด้วยบางฉาก sin city แบ่งออกเป็น 3 part คือ the hard goodbye, the big fat kill, และตอนสุดท้าย the yellow batard โดยทั้งสามตอนนี้เล่าเรื่องด้านมืดของอาชญากรรมและชะตากรรมของตัวละครหลายๆ คนที่มาเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งเป็นที่มาของ  “นครแห่งคนบาป” Sin City ฉบับออกฉายปี 2005 นำแสดงโดยดาราแถวหน้าของฮอลลีวู้ดอย่างคับคั่ง บรู๊ซ วิลลิส, ไคล์ฟ โอเว่น ,เบนนิชิโอ เดล โทโร, จอช ฮาร์ทเน็ท ,อะลิจาห์ วู๊ด ,บริทนีย์ มอร์ฟีย์ รวมทั้ง เจสสิก้า อัลบา (ซึ่งเธอฮอตมากใน พ.ศ.นั้น)  แฟรงค์ มิลเลอร์ ก็มาเล่นเป็นบาทหลวงด้วยในบางฉาก

Sin City คือเมืองแห่งฆาตกรรม และคอร์รัปชั่น มันคือเมืองแห่งความรักและการล้างแค้น ทุกสิ่งนั้นช่างง่ายดาย ชีวิตเหมือนกับเรื่องราวที่อยู่ในหัวใจของทุกตัวละครในเรื่อง หนังเริ่มต้นในคืนหนึ่งที่ มาร์ฟ (มิคกี้ รูค) อาชญากรคนสำคัญผู้ที่เพิ่งถูกปล่อยตัว มาร่วมดื่มด่ำความสุขกับโกลดี้ (เจม คิง) สาวสวยจิตใจดี แต่ยังไม่ทันจะถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็ถูกฆ่าตาย ทั้งๆ ที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา แน่นอนว่าตำรวจสงสัยไปแล้วว่าตัวเขาจะเป็นฆาตกรในทันที แต่แท้ที่จริงแล้ว เขาไม่ได้ทำ อีกทั้งยังแน่ใจว่าใครสักคนกำลังสร้างเรื่องนี้ขึ้น แล้วป้ายความผิดมาที่ตัวเขา เขาจึงอยากออกล่าหาตัวคนทำมาให้ได้ อีกด้านหนึ่งของเมืองบาปหนาแห่งนี้ จอห์น ฮาร์ติกัน (บรู๊ซ วิลลิส) นายตำรวจใหญ่แห่ง sin city ผู้กำลังปวดหัวกับการหาหลักฐานมามัดตัว โรค จูเนียร์ (นิค สตาห์ล) ลูกชายของนักการเมืองที่มีคดีติดตัวมากมาย และส่อแววว่าจะหลุดพ้นไปได้ แถมล่าสุดมีเด็กน้อยที่ชื่อ แนนซี่ วัย 11 ขวบปีหายตัวไป โดยมีโรค จูเนียร์มาเกี่ยวข้องอย่างไม่ต้องสงสัย ฮาร์ติกันจึงต้องเข้ามาช่วยเหลือหนูน้อยแนนซี่ให้ถึงที่สุด แต่แล้ว เขาก็ถูกตำรวจคู่หูหักหลัง จากการไปรับสินบนและตามมาด้วยแผนขู่ฆ่าตัวเขาแบบยกครัว ทำให้ฮาร์ติกันต้องยอมติดคุกอยู่ถึง 8 ปี แต่แล้วฮาร์ติกันก็คิดได้ว่า ฮีโร่อย่างเขาคงไม่สามารถปกป้องคนดีได้ หากว่าตัวเขายังต้องอยู่ในคุก และนั่นเป็นที่มาที่ทำให้เขาต้องแหกคุกออกมาเพื่อสะสางความแค้น โดยมีหนูน้อยแนนซี่ (เจสสิก้า อัลบา) ที่บัดนี้เติบโตขึ้นเป็นสาวสุดเซ็กซี่ ซึ่งกลายมาเป็นเหยื่อล่อชั้นดี  ไม่ใช่แค่มาร์ฟ และฮาร์ติกัน เท่านั้น ที่มีชะตากรรมเลวร้าย ถูกใส่ความ ดไวท์ แม็คคาร์ทธี่ (ไคลฟ์ โอเว่น) อาชญากรผู้เป็นหนี้ชีวิตโสเภณีแห่ง sin city ตัดสินใจทำศัลยกรรมใบหน้าของตนเองเพื่อหลบหนีตำรวจ  และหวังใช้ชีวิตกับชีล่า (บริทนีย์ มอร์ฟีย์) แต่อะไรยังไม่ทันจะเข้ารูปเข้ารอย ดไวท์ ดันพลั้งมือฆ่า บิ๊กแจ็ค อดีตแฟนเก่าของชีล่า ขณะช่วยเหลือพวกโสเภณีที่กำลังถูกแก๊งค์อันธพาลของบิ๊กแจ็ครังแก และเรื่องก็ไม่จบง่ายๆ แค่นั้น เมื่อแท้ที่จริงแล้ว บิ๊กแจ็ค ก็คือ แจ๊ค แรฟเฟอร์ตี้ (เบนิชิโอ เดล โทโร) นายตำรวจที่ทุกคนใน sin city นับถือ การตามล่าตัวดไวท์ จึงเกิดขึ้น 

แม้ว่าตัวเนื้อหาจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ตอน แต่แท้ที่จริงแล้ว เรื่องราวทั้งหมดของหนังคือเรื่องเดียวกัน และบทของหนังสร้างแง่มุมบางอย่างที่ทำให้คนดูรู้สึกว่าเรื่องราวของหนังสามเรื่องนั้น เป็นเรื่องเดียวกัน บางฉากเกิดในสถานที่เดียวกัน พฤติกรรมคล้ายกันแต่ต่างตัวละครกัน และบางซีนนั้น เป็นอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน  โรดริเกวซ เอาสไตล์ดิบเถื่อน ที่เคยเป็นที่ถูกใจจาก El Mariachi มาตัดต่อใส่กับรูปแบบการเดินเรื่องแบบเล่นกับอารมณ์ไม่ไว้ใจของคนดูอย่าง Pulp Fiction และ Kill Bill ทำให้หนังมีสไตล์ที่คมชัดและอัดแน่นไปด้วยพลังที่รุนแรง แม้ในฉากที่เงียบนิ่ง แต่คนดูก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกนี้  ส่วนที่โดดเด่นมากก็คือ ตอนที่ เดล โทโรและไคลฟ์ โอเว่น ต้องฟาดฟันกัน ถือเป็นไฮไลต์ของหนัง ส่วนที่รู้สึกขับเน้นความรู้สึกหยาบเถื่อนของตัวละครออกมาได้ น่าสนใจว่าองค์ประกอบอย่างหนึ่งที่ดูจะเด่นไม่แพ้เรื่องอื่นๆ ก็คือ การนำเสนอส่วนของงานวิชวล เอ็ฟเฟ็ค ว่าด้วย  mise en scene องค์ประกอบที่หนังพาคนดูเข้าไปสู่โลกของการ์ตูนนัวร์ ภาพแบบป็อปอัพ ใช้โทนสีดำเป็นพื้นหลัง และใช้โทนสีขับเน้นในรายละเอียดบางจุด เช่น ใช้สีแดงเป็นสีของเลือด ใช้สีทองขับเน้นสีผมบลอนด์ทองของตัวละครผุ้หญิง ใช้สีแดงเป็นสีลิปสติกที่ริมฝีปากของตัวละครผู้หญิงสาวเซ็กซี่ นอกนั้นเป็นโทนดำขาวทั้งหมด เป็นต้น
โรดริเกวซ ใช้การเดินเรื่องแบบสไตล์ที่เขาถนัด ค่อยๆ พาคนดูดำดิ่งไปสู่ความมืดมิดและเสพติดเรื่องราวที่เกิดขึ้น เหมือนกับเราทุกคนล้วนเป็นคนบาปของนครแห่งความชั่วร้ายด้วยกันทั้งหมด แตกต่างก็แต่เพียงว่าเราจะวางตัวเองในฐานะคนดู หรือผู้ก่อการร้ายก็เท่านั้น จัดเป็นหนังดีหนังเด่นเรื่องนึงในช่วงปี 2005 ที่นักวิจารณ์ชมชอบมากอีกเรื่อง มีทั้งความเป็นนัวร์ เป็นคัลท์ และงานอาร์ตอย่างครบสูตร




รีวิว Sin City 2 จากคุณ Jediyuth
ผู้กำกับโรเบิร์ต รอดริเกซ และ แฟรงก์ มิลเลอร์ ได้นำหนัง Sin City: A Dame to Kill For ไปนำเสนอในงานคอมมิคคอนและปล่อยตัวอย่างฉบับเรดแบนด์ หรือฉบับผู้ใหญ่ให้ชมกันที่นั่นครับ และไม่นานนักก็มีการปล่อยให้ชมกันทางยูทูบ

สิ่งที่โดดเด่นของตัวอย่างหนังนี้ก็คือการให้เห็นภาพรวมของหนังมากขึ้นว่านี่ไม่ใช่หนังครอบครัว เพราะมีฉากเปลือยกายของนักแสดงในหนัง รวมถึงน่าจะมีฉากโหดๆ ด้วย ตัวอย่างยังมีฟุตเตจใหม่ที่ชวนให้ตื่นตา และการเผยฉากรับเชิญของสองผู้กำกับหนังด้วยครับ

Sin City: A Dame To Kill For เป็นหนังที่มีเรื่องราวทั้งหมด 4 ตอน มีทั้งที่เป็นเหตุการณ์ก่อนและหลังของ Sin City ภาคแรก มีโจเซฟ กอร์ดอน-เลวิทท์ เป็นหน้าใหม่และตัวละครใหม่ของภาคนี้ในตอนชื่อว่า The Long Bad Night เป็นหนุ่มนักพนันชื่อจอห์นนี่ ที่เสียมากกว่าที่คาดไว้เมื่อเขาชนะพนันคู่ปรับที่ทรงอิทธิพล ส่วนตอนที่เป็นชื่อหนัง  Dame to Kill For ก็จะมีเอวาน กรีน มารับบทนำ เป็นเอวา ลอร์ด สาวเสน่ห์อันตราย ซึ่งเป็นตอนก่อน The Hard Goodbye ของภาคแรก ที่ความร้ายของเธอทำให้มาร์ฟ (มิคกี้ โร้ก) กับดไวท์ (จอช โบรลิน) ต้องร่วมมือกันสู้
โร้กยังนำแสดงในตอน Just Another Saturday Night ที่ต่อเนื่องจาก The Yellow Bastard ด้วย ที่หลังจากอุบัติเหตุบนถนน เขาตื่นขึ้นมาพบศพมากมาย โดยจำไม่ได้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นั่นได้ยังไง และยังมีตอน The Big Fat Loss ที่นำแสดงโดยเจสซิกา อัลบา, บรูซ วิลลิส และพาวเวอร์ บูธ

โรซาริโอ ดอว์สัน, เรย์ ลิออตตาคริสโตเฟอร์ เมโลนี, เลดี้ กาก้า, เจเรมี ไพเวน และเรย์ ลิออตตา ร่วมแสดงในหนังด้วย จะเข้าฉาย 21 สิงหาคมนี้ คลิกดูตัวอย่างด้านใน

 
ผู้เขียนเห็นตัวอย่างหนัง trailer ของ Sin City2 ตอนใหม่ที่ปล่อยออกมา ชวนให้อยากดู จึงนำเอาภาคแรกกลับมาดูใหม่ ยังคงสนุก และน่าติดตามเหมือนเดิม (เว็บ imdb ให้คะแนนภาค 1 ดีกว่าภาค 2 ซึ่งภาค 2 ผู้เขียนยังไม่ได้ชม จึงยังไม่อาจจะวิจารณ์ได้) ตอนใหม่เห็นมีตัวละครที่เพิ่มเข้ามาหลายตัวน่าสนใจ อาทิ โจเซฟ กอร์ดอน เลวิทท์ , เอวาน กรีน (ช่วงหลังเธอฮอตมาก ดังมาจาก Camelot,300) หากว่าช่วงนี้เบื่อหนังแอ็คชั่นฮีโร่ประเภทเอ็ฟเฟ็คท์เยอะๆ เบื่อหนังรักเฝือๆ และอยากดูงานกำกับภาพสวยๆ ก็แนะนำเรื่องนี้ ซึ่งให้อรรถรสทั้งฉากบู๊แอ็คชั่น การแสดงที่เยี่ยมยอด บทที่เฉียบคมก็ต้องดูเรื่องนี้เป็นการล้างตาได้อีกเรื่องนึง

ประวัติและผลงานของผู้กำกับ  Robert Anthony Rodriquez
เขาเกิด June 20, 1968 (age 46)  San Antonio, Texas, United States
สถานภาพพ่อหม้าย เคยใช้ชีวิตสมรสอยู่กับ Elizabeth Avellian (ช่วงปี 1990-2006)
อาชีพ เขาทำมาหมดแล้ว ทั้งนักแสดง,เขียนบท,กำกับภาพ ,ตัดต่อภาพ, ผู้กำกับ ,โปรดิวเซอร์ผู้อำนวยการสร้าง

ผลงานการกำกับของเขา

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

โฉมหน้า Start Up ชั้นนำของเมืองไทย เขาทำกันอย่างไร


เผยผลสำรวจ หนึ่งในข้อมูลน่าสนใจจากรายงานผลสำรวจผู้ก่อตั้งกิจการโลกหรือ World Startup Report คือ 50 อันดับประเทศที่มีการสร้างกิจการด้านเทคโนโลยีในประเทศจนเติบโตและมีมูลค่ามากที่สุดในโลก ปรากฏว่ามีเพียง 13 ประเทศมาจากภูมิภาคเอเชีย แถมไทยยังติดอันดับกับเขาด้วย

สำนักข่าว Economist เผยแพร่ข้อมูลนี้ไว้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนำสถิติจากรายงาน World Startup Report มาคำนวณและสร้างเป็นแผนภูมิแสดงมูลค่าบริษัทเทคโนโลยีที่สูงที่สุด 3 อันดับของแต่ละประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าผลที่ได้คือสหรัฐอเมริกาเป็นแชมป์ 1 ใน 50 ประเทศที่ถูกจัดอันดับในครั้งนี้

บริษัทเทคโนโลยีมูลค่าสูงที่สุดในสหรัฐฯคือ Google รองลงมาคือ Amazon และอันดับ 3 คือ Facebook มูลค่าของทั้ง 3 บริษัทนี้ทำให้สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศอันดับ 1 ที่มูลค่าบริษัทไอที Top 3 ของประเทศรวมกันแล้วสูงที่สุดในโลก นำหน้าจีนที่ไล่ตามมาชนิดหายใจรดต้นคอ โดยบริษัทไอที Top 3 ของจีนคือ Alibaba, Tencent และ Baidu

หากมองในช่วง Top 10 ของตาราง จะพบว่ามี 3 ประเทศจากเอเชียเท่านั้นที่สามารถแทรกตัวเข้าไปอยู่ในชาร์จได้ ได้แก่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน โดยออสเตรเลียแดนจิงโจ้นั้นอยู่ที่อันดับ 13 ของตาราง

สำหรับภูมิภาคอาเซียน มีเพียงประเทศอย่างสิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์เท่านั้นที่ติดอันดับ 50 ประเทศซึ่งเป็นที่กำเนิดของบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ระดับโลก งานนี้สิงคโปร์ทำอันดับได้เหนือกว่าใครในภูมิภาคด้วยการรั้งตำแหน่งอันดับที่ 27 ของตาราง โดยบริษัทไอทีอันดับ 1 คือ Garena รองลงมาคือ Reebonz และ Viki
สำหรับเวียดนามนั้นครองอันดับที่ 30 บริษัทไอทีอันดับ 1 คือ VNG ซึ่งถูกรายงานว่ามีมูลค่าตลาด 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเทียบเท่ากับบริษัท Garena ของสิงคโปร์ รองลงมาคือ Vat Gia และ VC Corp

ขณะที่ประเทศไทยครองอันดับ 36 ของตาราง บริษัทไอทีอันดับ 1 ของไทยคือ AsiaSoft มูลค่าตลาด 181 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รองลงมาคือ Agoda มูลค่าตลาด 76 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และอันดับ 3 คือ Ookbee มูลค่าตลาด 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่มา : TechInAsia
เครดิต ข้อมูลจาก http://thumbsup.in.th/2014/07/top-most-valued-companies-in-asia-13-make-top-50-world/

เรามาแนะนำบริษัทที่ถือเป็น Start Up ชั้นนำของไทย ที่ติดอันดับโลกในรายงานชิ้นนี้กันครับ

1.Asiasoft Corporation ได้ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยเป็นที่แรกเมื่อปี 2001 ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับเกมออนไลน์ในประเทศไทย ต่อมาในปี 2003 Asiasoft ก็ได้เปิดให้บริการเกมออนไลน์เป็นครั้งแรก ซึ่งได้ทำการเปิดเกมถึง 2 เกมด้วยกันครับ ได้แก่ เกม Ragnarok Online จากค่าย Gravity และเกม Dragon Raja Online จากค่าย eSofnet ต่อมาในปี 2004 Asiasoft ก็ได้ประกาศเปิดให้บริการเกมออนไลน์เพิ่มอีก 2 เกมด้วยกัน ได้แก่ Gunbound จากค่าย Softnyx และ TS Online และในปลายปี 2005 ก็ยังเปิดให้บริการเพิ่มอีก 1 เกม คือเกม Maple Story จากค่าย Wizet นี่คือจุดเริ่มต้นแห่งตำนานค่ายเกมอันยิ่งใหญ่ Asiasoft ในประเทศไทย และที่ประเทศเวียดนามนั้นบริษัท Asiasoft ก็ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2001 เช่นกัน และเกมที่นำไปเปิดเป็นเกมแรกนั่นก็คือเกม Gunbound  และปีต่อมาก็ได้เปิดให้บริการเกม TS Online ของไต้หวัน และนี่เป็นประวัติของค่ายเกม Asiasoft ในประเทศเวียดนาม

Asiasoft Online Pte Ltd (สิงคโปร์และมาเลเซีย)
สำหรับบริษัท Asiasoft สาขาประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียนั้นได้ถูกก่อตั้งขึ้นพร้อมกันในปี 2004 ซึ่งได้เปิดให้บริการเกมออนไลน์อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Maple Story, Ragnarok Online, Audition และอื่นๆ รวมถึงการเป็นตัวแทนจำหน่ายเกม World of Warcraft ของค่าย Blizzard Entertainment อย่างเป็นทางการเพียงเจ้าเดียว


และนี่เป็นเครื่องการันตีความยิ่งใหญ่ของค่าย Asiasoft ครับ เหล่าบรรดาเกมออนไลน์ที่ Asiasoft Corporation ได้มาเปิดให้บริการในประเทศไทยมีกันอยู่กี่เกมแล้วบ้าง อาทิ

Ragnarok Online
Dragon Raja Online
JY Online
GunBound
TS Online
MapleStory
BnB (Bomb and Bubble)
Yulgang
Granado Espada
Audition Online
Cabal Online
FreeStyle Street Basketball
Dekaron
Sudden Attack
Furinkazan
Ragnarok Online II
Atlantica Online
Yulgang 2
AIKA Online


และนี่คือเกมที่ Asiasoft Corporation ในประเทศมีไว้ในครอบครอง ซึ่งก็มีหลายเกมปิดให้บริการไปแล้ว บางเกมก็ยังเปิดให้บริการอยู่ และบางเกมที่เตรียมตัวจะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้ สุดท้ายเชื่อว่าเกมที่ทำให้ทุกคนรู้จักค่าย Asiasoft Corporation นี้เป็นอย่างดีก็คือเกมแห่งตำนาน Ragnarok Online ที่ทุกวันนี้ยังคงเปิดให้บริการอยู่ นี่คือประวัติความเป็นมาของค่าย Asiasoft Corporation  ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงให้บริการทางด้านเกมออนไลน์ให้กับเหล่าเกมเมอร์ทุกคนอยู่อย่างต่อเนื่อง

บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (อังกฤษ: ASIASOFT CORPORATION PUBLIC COMPANY LIMITED ชื่อย่อ:AS) บริษัทก่อตั้งเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2544 เพื่อประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายเกมพีซี ต่อมาในปี 2546 บริษัทได้เริ่มธุรกิจการให้บริการเกมออนไลน์ในประเทศไทย โดยได้เปิดตัวเกม “Ragnarok Online” ซึ่งซื้อลิขสิทธิ์มาจาก กราวิตี้ คอร์ปอเรชั่น ประเทศเกาหลีใต้ แล้วนำมาดัดแปลงเป็นภาษาไทยเพื่อให้บริการแก่ผู้เล่นเกมในประเทศ จนประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยจำนวน Peak Concurrent User สูงสุดมากกว่า 110,600 ราย ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในผู้ให้บริการเกมออนไลน์ชั้นนำในไทย

ปัจจุบันกลุ่มบริษัทซึ่งประกอบด้วยบริษัทต่างๆ รวม 13 แห่ง เป็นผู้ให้บริการด้านความบันเทิงออนไลน์ที่เกี่ยวกับเกมออนไลน์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ และอันดับ 8 ในเวียดนาม วันที่ 31 ธันวาคม 2555 มีเกมออนไลน์ที่เปิดให้บริการรวม 61 เกม ใน 6 ประเทศ คือ ไทย (35 เกม) สิงคโปร์ (8 เกม) มาเลเซีย (20 เกม)อินโดนีเชีย (3 เกม) ฟิลิปปินส์ (3 เกม) และ อินโดจีน (6 เกม) โดยการให้บริการเกมออนไลน์ถือเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัทในสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 82 ของรายได้ทั้งหมด

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังได้ลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับแหล่งข้อมูลข่าวสารด้านไอทีได้แก่ www.thaiware.com ซึ่งเป็นเว็ปไซด์ที่เป็นศูนย์รวมด้านไอทีและยังเป็นแหล่งสำหรับดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ ทั้งทีจำหน่ายและฟรี

เครดิตข้อมูลจาก  http://en.wikipedia.org/  และ เอเชียซอฟท์วิถีพีเดีย

2.บริษัทอโกด้า (www.agoda.com) เป็นหนึ่งบริษัทผู้ให้บริการเว็บไซต์จองห้องพักในโรงแรมที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยมีโรงแรมในเครือข่ายกว่า 100,000 แห่งและมีเว็บไซต์ที่ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง 38 ภาษา อโกด้าก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2548 โดยสองผู้คร่ำหวอดในวงการธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ ในปี 2007 อโกด้าได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเครือไพรซ์ไลน์กรุ๊ป (Priceline Group) บริษัทผู้ให้บริการจองห้องพักทางออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด ทั้งนี้ หุ้นของไพรซ์ไลน์กรุ๊ปมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ (Nasdaq: PCLN)และเป็นส่วนหนึ่งของดัชนี S&P 500

อโกด้ามีพนักงานที่เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวมากกว่า 1,300 คนจากประเทศต่างๆ มากกว่า 20 ประเทศ โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ในสิงคโปร์ กรุงเทพฯ กัวลาลัมเปอร์ โตเกียว ซิดนีย์ ฮ่องกง และบูดาเปสต์ รวมถึงเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วเอเชีย แอฟริกา ตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกา ผู้จัดการบริหารกลุ่มลูกค้าที่ทุ่มเทของเรารักษาความสัมพันธ์อันดีกับโรงแรมพันธมิตรของอโกด้าทั่วโลก พร้อมทั้งสร้างสรรค์โปรโมชั่นพิเศษและแผนการตลาดเพื่อช่วยให้อโกด้าสามารถมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดทางอินเตอร์เน็ตให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีนโยบายการันตีราคาดีที่สุดซึ่งช่วยคอยสนับสนุนความได้เปรียบที่กล่าวมาข้างต้น

 
เว็บไซต์ของอโกด้ามีความรวดเร็ว ง่ายต่อการใช้งาน และใช้เทคโนโลยีระดับโลกจนทำให้ได้รับรางวัลมาแล้ว เราให้บริการยืนยันการจองห้องพักทันทีสำหรับโรงแรมกว่าแสนแห่งทั่วโลก นอกเหนือจากประเภทสถานที่พักและห้องพักที่หลากหลายแล้ว อโกด้ายังมีรีวิวโรงแรมที่มาจากลูกค้าตัวจริง 100 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบัน เรามีรีวิวซึ่งลูกค้าส่งมาให้เราหลังจากเข้าพักที่โรงแรมแล้วกว่าหลายล้านรีวิว สุดท้ายนี้ ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของเรายินดีให้ความช่วยเหลือลูกค้าตลอดทุกวัน 24 ชั่วโมง โดยให้บริการในภาษาต่างๆมากมายหลายภาษา ท่านจึงมั่นใจได้ถึงการสนับสนุนที่รวดเร็ว

อโกด้ามีความภาคภูมิใจในความเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือ เข้าถึงได้และมีเครือข่ายพันธมิตรมากมาย เรานำเสนอโรงแรมที่หลากหลายและมุ่งมั่นที่จะมอบราคาที่ดีที่สุดให้ลูกค้าอยู่เสมอ โดยมุ่งหวังที่จะช่วยให้ทุกคนเดินทางท่องเที่ยวได้ง่ายขึ้นในราคาที่ไม่แพง พร้อมทั้งสนุกสนานกับการเดินทางได้มากยิ่งขึ้น

อโกด้า (Agoda) คือ บริษัทผู้ให้บริการสำรองห้องพักทางออนไลน์ สำหรับโรงแรมในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกเป็นหลัก โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์และมีสำนักงานดำเนินการหลักอยู่ที่กรุงเทพ กัวลาลัมเปอร์ โตเกียว ซิดนีย์ ฮ่องกงและบูดาเปสต์ นอกจากนี้ยังมีสำนักงานย่อยในเมืองใหญ่ทั่วเอเชีย แอฟริกา ตะวันออกกลาง ยุโรปและอเมริกา

ก่อตั้งปี พ.ศ. 2541 โดยนายไมเคิล เคนนี่ ภายใต้ชื่อแพลนเน็ต ฮอลิเดย์ ดอตคอม (PlanetHoliday.com) โดยมีแนวคิดเริ่มแรกในการใช้เสิร์ชเอนจิน เพื่อเติมเต็มช่องว่างทางด้านข้อมูลโรงแรมและการท่องเที่ยว แพลนเน็ต ฮอลิเดย์นับเป็นหนึ่งในเว็บไซต์จองโรงแรมแห่งแรกๆ ในวงการสำรองห้องพักออนไลน์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นธุรกิจมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ

แต่เดิม นายเคนนี่อาศัยอยู่ในลองไอส์แลนด์ นครนิวยอร์ก ก่อนจะย้ายมาประเทศไทยในปี พ.ศ. 2537 และก่อตั้งเว็บไซต์พร้อมสำนักงานเล็กๆ ขึ้นในเกาะภูเก็ต ซึ่งช่วงปี พ.ศ. 2543-2544 เป็นยุคที่ธุรกิจ ดอตคอม ตกต่ำ และเกิดเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 ในสหรัฐอเมริกา ปี พ.ศ. 2546 เกิดโรคซาร์สระบาด เหตุการณ์ทั้งหมดได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แต่เว็บไซต์ที่อยู่ในวงการธุรกิจสำรองห้องพักออนไลน์ทั้งหมด ก็สามารถเอาตัวรอดจากหายนะเหล่านี้มาได้

ปี พ.ศ. 2545 สำนักงานของบริษัทได้ย้ายจากภูเก็ตมาที่กรุงเทพ และในปี พ.ศ. 2548 บริษัทได้เพิ่ม พรีซิชั่น เรเซอร์เวชั่น ดอตคอม (PrecisionReservation.com) เข้ามา ในฐานะเว็บไซต์หุ้นส่วนเพื่อให้บริการจองโรงแรมผ่านเว็บไซต์ที่เป็นพันธมิตร และในปีเดียวกันนี้ แพลนเน็ต ฮอลิเดย์ และ พรีซิชั่น รีเซอร์เวชั่น ก็ได้รวมเข้าด้วยกันภายใต้ชื่อ บริษัท อโกด้า จำกัด

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2550 Priceline.com (NASDAQ: PCLN) ได้ซื้อกิจการของบริษัทอโกด้า นับเป็นบริษัทนานาชาติแห่งที่สามที่ Priceline.com ตัดสินใจซื้อ ปัจจุบัน อโกด้ามีพนักงานกว่า 1,200 คน และให้บริการสำรองห้องพักออนไลน์จากโรงแรมกว่า 250,000 แห่งทั่วโลกผ่านเว็บไซต์ที่มีการแปลเป็นภาษาต่างๆ กัน 38 ภาษาซึ่งรวมถึงภาษาจีนกลาง จีนกวางตุ้ง ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลี และไทย

เครดิตข้อมูลจาก อโกด้า วิถีพีเดีย

3.บริษัท Ookbee
คุณณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ เจ้าของบริษัท Ookbee อุ๊คบี ผู้พลิกโฉมวิธีการอ่านหนังสือของคนไทย แอพลิเคชั่นสุดล้ำที่ทำให้เล่มหนังสือกระดาษ กลายเป็นหน้าหนังสือที่ สามารถดูได้จาก แทบเลท สมาร์ทโฟน ที่ซื้อง่าย อ่านง่าย ในราคาย่อมเยาว์ พกพาติดตัวไปได้ทุกที่ ภายใต้ชื่ออุ๊คบี ที่มีหนังสือให้เลือกมากกว่า 10,000 เล่ม และมีคนใช้ถึง 4 ล้านคน เขาใช้เวลาเพียง 3 ปี ในการสร้างแอพพลิเคชั่น ที่มียอดดาวน์โหลดหนังสือ เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ  เกี่ยวกับ บริษัท Ookbee - อุ๊คบี ชื่อนี้เป็นคำผวนของคำว่า อีบุ๊ค ดำเนินธุรกิจหนังสือดิจิตอลออนไลน์ โดยรับเอาหนังสือจากสำนักพิมพ์ หรือนักเขียนอิสระ มาทำให้อยู่ในรูปแบบดิจิตอล จากนั้นนำไปจำหน่ายบนเครื่องโทรศัพท์มือถือ, Smartphone, Tablet ในปัจจุบัน มีผู้รักการอ่านเข้าไปใช้งาน มากกว่า 4 ล้านคนทีเดียว

คุณณัฐวุฒิ พีงเจริญพงศ์ หรือคุณหมู CEO และผู้ก่อตั้ง Ookbee ซึ่งเป็น digital book platform ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่มีหน้าร้านอย่าง AIS Bookstore และ B2S Book Store มาบรรยายในงาน tech talk #2 ที่จัดขึ้นโดยหลักสูตรนโยบายและเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยนวัตกรรม คุณหมูเริ่มต้นด้วยการเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการก่อตั้ง Ookbee ว่ามีที่มาจากการที่ได้ลองสัมผัสกับ iPad เวอร์ชั่นแรกเมื่อปี 2010 และคิดว่า ebook น่าจะเป็นธุกิจที่เหมาะกับอุปกรณ์ประเภทนี้ประกอบกับในช่วงนั้นตนเองก็มีบริษัทที่รับพัฒนา application อยู่แล้วจึงเริ่มลงมือ code เอง ในขณะเดียวกันก็เริ่มติดต่อกับสำนักพิมพ์ต่างๆในการที่จะนำหนังสือมาขายบน Ookbee คุณหมูได้เล่าว่าปัจจุบัน Ookbee ได้กลายมาเป็น #1 e-book store ในประเทศไทย มีส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 88% มีผู้ใช้กว่า 2.5 ล้านคน และมีจำนวนเพิมขึ้นกว่าวันละ 3 พันคน มีหนังสือถูกดาวน์โหลดผ่าน Ookbee แล้วกว่า 6 ล้านเล่ม และล่าสุดบริษัท Intouch (Shin Corp.) ได้เข้าร่วมลงทุนกับ Ookbee ด้วยเงินกว่า 60 ล้านบาท นอกจากนี้คุณหมูยังได้แชร์ไอเดียในเรื่องของการทำ App อย่าไรให้ประสบความสำเร็จ โดยหลักๆที่สำคัยคือการให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศ (คุณหมูใช้คำว่า Local Local Local) โดยเฉพาะประเทศไทยเป็นประเทศทีมีจำนวนคนดาวน์โหลด App เป็นจำนวนมากที่สุดใน Asean เป็นอันดับ 3 ใน Asia รองจากญี่ปุ่นและเกาหลี และอัตราการเติบโตของรายได้ผ่าน App Store เป็นอันดับ 3 เป็นรองแค่เพียงบราซิล และ ญี่ปุ่น สำหรับแนวทางของ Ookbee ใน Asean นั้น คุณหมูเล่าว่าในขณะนี้ก็ได้เข้าไปทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้านแล้ว โดยเริ่มจากเวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งในเวียดนามมีผู้ใช้กว่าหนึ่งแสนคนแล้วโดยใช้เวลาเพียง 9 เดือน และสุดท้ายคุณหมูก็ได้ให้ข้อคิดดีๆในการที่จะเป็น startup  ล่าสุดบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรืออินทัชได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนมูลค่า 57.48 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25.03 ของบริษัท อุ๊คบี จำกัด (Ookbee) ซึ่งผู้ให้บริการและพัฒนาช่องทางการนำเสนอสิ่งพิมพ์แบบดิจิตอลและหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
Ookbee ปัจจุบันให้บริการระบบเผยแพร่สื่อในรูปแบบดิจิตอลทั้งนิตยสาร หนังสือพิมพ์ ตลอดจนหนังสือให้กับสำนักพิมพ์ใหญ่ในไทยหลายแห่ง ทั้งเครือจีเอ็ม, อมรินทร์ และแกรมมี่ โดยมีบนหลายแพลตฟอร์มทั้ง iOS, Android และ BlackBerry ครับ 

อ่านคำให้สัมภาษณ์ของคุณณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ (คุณหมู) เจ้าของบริษัท OOKBEE ได้ที่ http://www.tpa.or.th/publisher/pdfFileDownloadS/tn228B_p024-26.pdf

Renovate ,Re-Branding, Re-Positioning ศูนย์การค้า ตอนที่ 3



จุดหมายปลายทาง ของแหล่งการค้า กระจายไปทั่วทุกมุมเมือง ปริมณฑล

ริมถนนสายหลักหรือสายรองในเมือง หากเป็นเส้นทางผ่านของการคมนาคมสายหลัก ที่นั่นจะเป็นจุดหมายปลายทางของแหล่งช็อปปิ้ง แหล่งการค้า และศูนย์รวมของร้านค้ารูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์การค้ารูปแบบ Shopping Mall,Shopping Complexl,Modern Trade,Night Plaza,Shopping Plaza,Street และล่าสุดรูปแบบที่นิยมกันก็คือ Community Mall ศูนย์รวมร้านค้าแบบใหม่ ที่จัดผังร้านค้าในรูปแบบเมือง สวนสาธารณะ หรือนิเวศวิทยาที่เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมในทำเลพื้นที่นั้นๆ ซึ่งในช่วง 3-4 ปีมานี้ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ทั่วทุกหัวระแหง ในย่านการค้าหลัก รอง หรือในย่านการค้าที่สำคัญตามแหล่งท่องเที่ยว หัวเมืองหลักในภูมิภาคต่างๆ

Community Mall ที่เปิดตัวไปแล้วในยุคแรกๆ จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ J avenue, Market Place,Siam Future Development Place ,Major Cineplex Stand Alone (Major Avenue),La Villa ซ.อารีย์,Esplanade รัชดาภิเษก,Emporium Stadium สุขุมวิท,UD Town อุดรธานี,Palio เขาใหญ่,K Village สุขุมวิท 26,CDC คริสตัลดีไซน์เซ็นเตอร์ เอกมัยรามอินทรา,The Circle ราชพฤกษ์,เสนา fest ธนบุรี,The Posri Market,The Retail,Mimosa พัทยา,Venice di IRIS วัชรพล,Vue Lifestyle Mall พระราม2,ต้นซุง Avenue,The Sense ปิ่นเกล้า,The Paseo Town รามคำแหง,Maze ทองหล่อ,The Jas วังหิน,ลาดปลาเค้า,The Phyll สุขุมวิท 54,The Walk ราชพฤกษ์,เกษตรนวมินทร์,นครสวรรค์, View Mall Vientiane, Lao,Metro East Town สุขุมวิท 77,กัลปพฤกษ์,Porto Chino มหาชัย พระราม 2,Victoria Garden เพชรเกษม 69,Vista Avenue เพชรเกษม 81,Pure Place ราชพฤกษ์,The Nine พระราม9,The City Viva ถ.นราธิวาส,Klang Villa โคราช,มหาชัย,นวมินทร์ซิตี้ อเวนิว,Urban Square ประชาชื่น,The Coast สุขุมวิทบางนา,The Compound รามอินทรา109,Power Center เอกมัย,Festival Walk เกษตรนวมินทร์,The Avenue พัทยา,Mega บางนา,Rain Hill สุขุมวิท 47,Santorini Park ชะอำ,Green Place ถ.จันทน์ 43,B-Boulevard บางนาตราด12,The Fifth Canal รังสิตนครนายก 15,I’m Park สามย่าน,Market Park อุดมสุข 103,The Crystal ทางด่วนเอกมัยรามอินทรา,Oasis,Park,Garden ถ.สามัคคี,สุขุมวิท 101,เพชรเกษม 81,Park Lane สุขุมวิท61-63,Banana Walk ภูเก็ต,@ Curve เชียงใหม่ ฯลฯ ยังมีอีกหลายที่ ลิสต์มาไม่หมด และที่จะเปิดตามมาอีกมากมาย ตามกระแสความนิยมและอินเทรนด์ของ community mall ที่เป็นแหล่งรวมค้าปลีกที่สามารถต่อกรกับห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ได้อย่างสมศักดิ์ศรี และนับวันจะสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองเข้าไปทุกที และเป็นการกระจายความเจริญ และกระจายรายได้ออกไปตามย่านหัวเมืองต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สยามสแควร์วัน : SIAM SQUARE ONE
Urban Shopping Street  สีสัน....สู่อนาคต  
เจ้าของโครงการ          : ส่วนบริหารกิจการอาคารสยามสแควร์วัน
ที่ดิน                         :  8 .45  ไร่
งบประมาณก่อสร้าง      : 1,800  ล้านบาท
พื้นที่รวมโครงการ        :  74,000  ตร.ม.
พื้นที่ให้เช่า                 :  32,600  ตร.ม.
จำนวนชั้น                  :  7 ชั้น และ 2 ชั้นใต้ดิน
จุดเชื่อมต่อ               : รถไฟฟ้า BTS บริเวณชั้น 3
                               :  อาคาร ดิจิตอล เกตเวย์ ชั้น 2-4
พื้นที่จอดรถ              :  270 คัน (ชั้นใต้ดิน)
ทำเลที่ตั้ง                   :  จุดศูนย์กลางสยามสแควร์ (ดีที่สุดของที่สุด)
                                ด้านหน้าติด ถ.พระราม 1  และ  ด้านหลังติดสยามสแควร์ ซอย 7
ภาพรวมโครงการ

กว่า 40 ปี ที่สยามสแควร์เป็นศูนย์การค้าแนวราบขนาดใหญ่ใจกลางย่านการค้าของกรุงเทพมหานคร  ริมถนนพระราม 1 เริ่มแรกจากกลุ่มอาคารพาณิชย์และโรงภาพยนตร์ที่ต่อมาได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนแผ่ขยายไปสู่ที่ดินบริเวณรอบข้าง  เกิดเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ เป็นแหล่งรวมกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย อาทิ สถาบันกวดวิชา  ร้านหนังสือ  โรงเรียนสอนดนตรี  ร้านอาหาร  โรงแรม ร้านค้าปลีก และอาคารสำนักงานที่ทันสมัยจำนวนมากมาย บ่มเพาะเอกลักษณ์ของความเป็นสยามสแควร์ในจิตใจวัยรุ่นมาทุกยุคทุกสมัย ในส่วนของโครงการสยามสแควร์วัน แต่เดิมนั้น เป็นพื้นที่บริเวณ Block E และ D2 ของศูนย์การค้าสยาม สแควร์ ประกอบไปด้วยอาคารพาณิชย์ 89 คูหา อาคารพิเศษ 2 อาคารคือ โรงภาพยนตร์สยามและอาคารโพโมโดโร และศาลพระภูมิสยามสแควร์ (หลวงปู่ชัยมงคล) ต่อมาเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ได้เกิดเพลิงไหม้อันเนื่องมาจากสถานการณ์ทางการเมือง ทำให้อาคารพาณิชย์ของมหาวิทยาลัย รวมทั้งสินค้าและทรัพย์สินของผู้เช่าได้รับความเสียหาย  จึงทำให้ผู้เช่าจำนวนมากไม่มีสถานที่ประกอบการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เช่าในบริเวณ Block E ดังนั้น มหาวิทยาลัย จึงได้เลื่อนแผนพัฒนาโครงการบนพื้นที่ดังกล่าวให้เร็วขึ้น จากเดิมที่กำหนดการพัฒนาประมาณเดือนตุลาคม 2554  เป็นเดือนมกราคม 2554 เพื่อลดผลกระทบต่อผู้เช่า ตลอดจนทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดี สวยงาม และทันสมัย 
ด้วยเอกลักษณ์ดั้งเดิมของความเป็น ช้อปปิ้ง สตรีท ที่ให้อิสระแก่การเดินพักผ่อนเพื่อจับจ่าย การเป็นจุดนัดสังสรรค์ พบปะเพื่ออัพเดทแฟชั่นและกระแสวัฒนธรรมร่วมสมัย ท่ามกลางบรรยากาศของท้องฟ้ายามเช้า แสงแดดยามบ่าย หรือแสงไฟยามค่ำคืน ยังคงเสน่ห์ครองใจทั้งวัยรุ่น  หนุ่มสาววัยทำงาน และชาวต่างชาติ มาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนความต้องการในการจับจ่ายของ ชาวสยามสแควร์มีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  พื้นที่ของอาคารพาณิชย์ที่มีอยู่ จึงไม่เพียงพอที่จะรองรับความต้องการนี้ได้  แนวคิดการออกแบบช้อปปิ้ง สตรีท แนวตั้งอย่างสยามสแควร์วัน (Siam Square One)  จึงเป็นศูนย์การค้าที่ตอบโจทย์นี้ได้อย่างลงตัว

Concept
BRAND DNA   :  FLD Concept (Fashion, Lifestyle and Digital)     

โครงการสยามสแควร์วัน มีเอกลักษณ์เฉพาะในการเป็นแหล่งรวม One Stop Shopping   ของความหลากหลายในไลฟ์สไตล์ จากร้านค้ากลุ่ม  Flagship Stores  แฟชั่น เสื้อผ้า  เครื่องประดับ  เครื่องหนัง  จากกลุ่มยังดีไซน์เนอร์ของคนไทย และอินเตอร์แบรนด์  กลุ่ม ไอที กับสินค้า ไฮเทค ที่จะไม่ทำให้คุณตกยุคไซเบอร์(Cyber) มีบรรยากาศดีๆของร้านอาหารอินเทรนด์ทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างชาติไว้รองรับ ไม่ว่ามื้อนั้นของคุณจะเป็นการสังสรรค์ในกลุ่มเพื่อนสนิท  การเจรจาปิดยอดขาย 120 ล้าน  หรือเพียงแค่การแวะนั่งพักกับกาแฟถ้วยโปรดของคุณ  นอกเหนือไปกว่านั้น สยามสแควร์วัน ยังเตรียมความพร้อมสำหรับนักช้อปที่ใส่ใจในความ  “In Trend & In Shape”  ด้วยสปา  และสถาบันเสริมความงามอีกมากมายบนพื้นที่นี้

Inhabitants Mixture

ชั้น 7      :   Sky Hall & Roof Garden
ชั้น 6      :   Banking and Beauty
ชั้น 5     :   Fine Dining & Family Restaurant
ชั้น 4     :   Café, Restaurants, Ice Cream Parlor & Bakeries, and Juice Bars
ชั้น 3     :   International Fashion & Lifestyle Brands, Digital Technology Shops,
                Event Area (Outdoor)                     
ชั้น 2     :   International Fashion & Lifestyle Brands
ชั้น 1     :   Fashion by Siam Square Origins
ชั้น LG   :   Fashion by Siam Square Origins, Event Area (Outdoor),
               Event Area (Indoor)
ชั้น B     :  Parking Lot

กลุ่มผู้ใช้บริการ 

เป็นกลุ่มลูกค้าที่จัดอยู่ในระดับ B+ จนถึงระดับ A ได้แก่ กลุ่มวัยรุ่น นิสิต นักศึกษา นักเรียน กลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งในกลุ่มนี้มีกำลังซื้อค่อนข้างสูงพฤติกรรมการใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท ต่อครั้ง ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่จะตั้งใจมาช้อปปิ้ง รับประทานอาหาร   เรียนพิเศษ และ พบปะสังสรรค์ 

แนวคิดในการออกแบบ Innovative Structure
1.   ด้านสถาปัตยกรรม ( Architecture)    มีแนวความคิดในการออกแบบด้านสถาปัตยกรรมให้เป็น
ถนนช้อบปิ้งแบบเปิดแนวตั้ง (Urban Vertical Shopping Streets) โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ
1.1 พื้นที่ปรับอากาศ ชั้น 1 และ LG รวม 2 ชั้น กว่า 20,300 ตร.ม. เป็นพื้นที่สำหรับร้านค้าย่อย   (Small Shops) มีบรรยากาศแบบอันเดอร์กราวน์แฟคทอรี่ เป็นศูนย์แฟชั่นและการออกแบบให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่เริ่มต้นสร้างสรรค์งานออกแบบก่อนที่จะเติบโตเป็นแบรนด์ดังระดับแนวหน้า   
1.2  พื้นที่อาคารเหนือระดับพื้นดินรวม 6 ชั้น กว่า 54,000 ตร.ม.   ถูกออกแบบให้เป็นทางลาดเพื่อโอกาสสำหรับกิจกรรมต่างๆ  ทางเดินเปิดโล่งที่พร้อมเชื้อเชิญผู้คนจากระดับถนนและภายในศูนย์การค้า และจากจุดเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าสยามสามารถเดินต่อเนื่องไปยังถนนคนเดินที่อยู่ชั้นถัดไปของอาคาร บรรยากาศของทางเดินภายนอกอาคารมีทั้งรูปแบบสวนแนวตั้งและต้นไม้ใหญ่ กระจายต่อเนื่องไปตามจุดต่างๆ ทุกชั้น   เพื่อสร้างความแตกต่างให้ลูกค้ามีและสร้างบรรยากาศเสมือนเป็น oasis กลางเมือง
2.  ด้านภูมิทัศน์ ( Landscape)  แนวคิดในการออกแบบด้านภูมิทัศน์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ
2.1 ลานสนามสีเขียว (Green Courtyard) บริเวณช่องเปิดส่วนกลางระหว่างอาคาร หรือภูมิทัศน์ภายในอาคาร (Indoor/ Outdoor Landscape) ใช้แนวคิดที่ผสมผสานระหว่างสวนแนวตั้งและสวนกระถางโดยดัดแปลงใช้พันธุ์ไม้ของไทยเพื่อให้ง่ายต่อการดูแลรักษาและมีการวิเคราะห์ปริมาณแสงแดดธรรมชาติเพื่อประกอบการเลือกประเภทและบริเวณที่ปลูกไม้เลื้อยในร่มหรือไม้ยืนต้นอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ โดยแบ่งออกเป็น 3 ลาน คือ
- ลานฤดูหนาว (Winter Courtyard)
- ลานฤดูฝน   (Rainy Courtyard)
- ลานฤดูร้อน (Summer Courtyard) 
โดยแต่ละลาน มีการใช้สีของโครงสร้างและพันธุ์ไม้ที่แตกต่างกันไป เพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับ
แต่ละพื้นที่
2.2 บริเวณทางลาดเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าสยาม บริเวณทางลาดเชื่อม (Ramp Linkage) เป็นการออกแบบการเชื่อมต่อสยามสแควร์กับสถานีรถไฟฟ้าสยามโดยตรง  ซึ่งถือเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของโครงการสู่มหานครกรุงเทพ  โดยแนวความคิดเป็นการสร้างซอย 4 แห่งสยามกลับคืนมา  มีพื้นที่ลานกิจกรรมขนาดใหญ่ที่เป็นจุดเชื่อมต่อและต้อนรับผู้คนเข้าสู่โครงการ  (Transitional Area/ Welcoming Plaza)  การสร้างบรรยากาศของทางลาดมีการออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวแนวตั้ง และ องค์ประกอบทางภูมิสถาปัตยกรรม ซึ่งแตกต่างจากอาคารศูนย์การค้าแบบปิดโดยรอบ
2.3 สวนหลังคา ( Roof Garden ) ยึดแนวคิดเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Technology) ในการออกแบบสวนหลังคาบริเวณชั้น 7 เพื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ให้เป็นพื้นที่เกิดประโยชน์เชิงนิเวศวิทยาเมืองในรูปแบหลังคาสีเขียว (Green Roof) ซึ่งสามารถลดพื้นที่ผิวสัมผัสที่สร้างความร้อนอันเป็นต้นเหตุของปรากฏการณ์เรือนกระจกและปรากฏการณ์เกาะร้อนในเมือง อีกทั้งยังเลือกใช้พันธุ์ไม้ที่มีอยู่ในท้องถิ่น และวัสดุชิ้นส่วนอาคารเดิมในการพัฒนาสวนหลังคา ทำให้ง่ายต่อการดูแลรักษา (Low Maintenance) เพื่อที่จะสร้างอาคารสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Building)  และนำไปสู่การพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการผสมผสานการสร้างพื้นที่สีเขียวเข้ากับการพัฒนาอาคารสถาปัตยกรรมใจกลางเมือง

บทสรุป

ด้วยศักยภาพของพื้นที่โครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดใจกลางเมือง  และความสะดวกในการเดินทาง มีจุดเชื่อมตรงกับสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส สถานีสยาม เป็นศูนย์กลางของการขนส่งมวลชนหลายสาย  ที่จะนำทุกท่านเข้าสู่โครงการ   และด้วยความเป็นศูนย์การค้าที่ได้รับความรู้จักและมีชื่อเสียงมายาวนาน ผสานด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นในความเป็น แหล่งช้อปปิ้ง สตรีท  จึงมั่นใจได้ว่าศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน จะเป็นศูนย์รวมสำคัญของนักลงทุน เหล่าศิลปินดีไซน์เนอร์ และบรรดานักช้อปจากทั่วทุกมุมโลกอีกแห่งหนึ่ง  ที่จะต้องมาสัมผัสและหลงใหลไปกับสีสันความหลากหลายของบรรยากาศที่คุ้นเคยได้จากสยามสแควร์วัน Urban Shopping Street สีสัน...สู่อนาคต แห่งนี้ 

 
เปิดตัวแล้วสุดยิ่งใหญ่อลังการ Central Embassy เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ขนแบรนด์หรู ร้านดัง รวมไว้เพียบ กับห้างใหม่ 8 ชั้น บนตึกสูง 37 ชั้น ย่านเพลินจิต พร้อมสัมผัสโรงภาพยนตร์เริ่ดกว่าใครสไตล์ฮอลลีวูด

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย...สำหรับโครงการ "Central Embassy เซ็นทรัล เอ็มบาสซี" ห้างหรูแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่อลังการสมการรอคอย  สำหรับ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี อาณาจักรไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งหรูระดับอัลตร้าลักชัวรี่ อยู่ภายใต้การบริหารงานของ ชาติ จิราธิวัฒน์ ทายาทรุ่นที่ 3 แห่งตระกูลจิราธิวัฒน์ ซึ่งใช้เวลากว่า 7 ปี ในการเนรมิต Central Embassy ให้กลายเป็นห้างหรูระดับมาสเตอร์พีซที่จะมาตอบสนองทุกความต้องการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Infinite Possibilities : ทุกความเป็นไปได้เกิดขึ้นที่นี่ โดยบรรยากาศงานเปิดตัว "Grand Opening of Central Embassy" เป็นไปอย่างคึกคัก ได้พิธีกรฝีปากกล้าอย่าง วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา มานั่งแท่นโชว์ไดเรคเตอร์เป็นครั้งแรกร่วมกับ เมฆ เกรียงไกร กาญจนะโภคิน สร้างสรรค์โชว์พิเศษสุดอลังการให้บรรดาแขกระดับเอลิสต์ นำโดย หญิงแมงมุม ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล, พล.ต.พัชร รัตตกุล, ม.ร.ว.จันทรนิภา ยุคล, หญิงแม้น ม.ร.ว.แม้นนฤมาส ยุคล, อรชุมา ดุรงค์เดช, กรกนก ยงสกุล, ศิรประภา จีระพันธ์ ฯลฯ พร้อมบิ๊กเซอร์ไพรส์จากแร็พเปอร์ระดับโลก A$AP Rocky  สำหรับ Central Embassy มีความพิเศษอย่างไร มีช้อปแบรนด์ไหน ร้านใหม่ อะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลย...

Central Embassy ตั้งอยู่บริเวณจุดตัดของถนนเพลินจิตและถนนวิทยุ บนพื้นที่โครงการ 144,000 ตารางเมตร ใช้เม็ดเงินลงทุนมูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็นที่ดิน 6,000 ล้านบาท โครงสร้าง 7,000 ล้านบาท และการตกแต่งภายในอีกกว่า 5,000 ล้านบาท


Infinity Building ตัวตึกของโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี มีความสูงรวม 37 ชั้น และมีหน้ากว้างยาวกว่า 200 เมตร โดยตัวอาคารนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนศูนย์การค้าจำนวน 8 ชั้น (Retail Podium) และส่วนทาวเวอร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมปาร์คไฮแอท (Tower) ทั้ง 2 ส่วนถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกันเป็นเครื่องหมายสัญลักษณ์อินฟินิตี้ (Infinity) ความหมายคือ ไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนตัวตึกเป็น 3D Curve คือ โค้ง 3 มิติ ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบน ทำให้ดูสวยงามลงตัวไม่ว่าจะมองมาจากมุมใด  ใช้เกล็ดอะลูมิเนียมจำนวนกว่า 300,000 เกล็ด ติดรายล้อมรอบตัวตึก โดยได้แรงบันดาลใจจากเกล็ดหลังคากระเบื้องเคลือบของพระอุโบสถในวัดไทย เมื่อฉาบแสงอาทิตย์จะเกิดเป็นสีเหลื่อมระยิบระยับสวยงามวิจิตร เสมือนเป็นพื้นผิวของผ้าไหมไทยที่เลื่องชื่อ

เปิดตัว 7 Facade Brands ได้แก่ Bottega Veneta, Chanel, Gucci, Hermes, Miu Miu, Prada และ Ralph Lauren ในรูปแบบไอคอนนิค สโตร์ (Iconic Store) ที่นำเสนอรูปแบบร้าน Duplex 2 ชั้น เต็มรูปแบบ


เปิดตัวอินเตอร์แบรนด์สุดหรูกว่า 200 แบรนด์ อาทิ A.P.C., BCBG Max Azria, Calvin Klein Collection, CH Carolina Herrera, Christian Louboutin, Givenchy, Isabel Marant, Jil Sander, Paul Smith, Versace ฯลฯ

ร้านอาหารนานาชาติชื่อดังจากทุกมุมโลก เช่น Yuutaro, Hinata, Din Tai Fung, Great American Rib, Minibar Cafe รวมถึง Eathai (อีทไทย) อาณาจักรแห่งสุดยอดอาหารไทยที่ดีที่สุดของทุกภาคมารวมอยู่ที่นี่ และ Talad Eathai (ตลาดอีทไทย) ที่รวบรวมสินค้าระดับพรีเมี่ยมทั้งผลไม้ ขนม และของที่ระลึกที่เป็นที่นิยมสำหรับคนต่างชาติหรือผู้มาเยือนได้ซื้อกลับไป

โรงภาพยนตร์ Embassy Diplomat Screens เป็นโรงภาพยนตร์ระดับ Ultra-First Class จำนวน 5 โรง แบบ Exclusive ด้วย 30-50 ที่นั่งต่อโรง และดีไซน์โรงที่พิเศษหรูหราสไตล์ฮอลลีวูด มีจอภาพ Real D และระบบเสียงที่ดีที่สุด รวมถึงเลานจ์และการบริการที่เทียบเท่าโรงแรม 6 ดาว

เป็นที่ตั้งของโรงแรมปาร์ค ไฮแอท กรุงเทพ (Park Hyatt Bangkok) สุดยอดแห่งโรงแรมระดับ 6 ดาวซึ่งมีเพียง 36 สาขาทั่วโลก โดยมีจำนวนห้องพัก 222 ห้อง สูง 30 ชั้น ในรูปแบบห้องพักที่เป็นห้องสวีททั้งหมด


เปิดตัวโครงการ Icon Siam

สยามพิวรรธน์-แมกโนเลียฯ-ซีพี ลงทุนเพิ่ม 40% เดินเครื่อง ไอคอนสยามอาณาจักรศูนย์การค้า-คอนโดหรู 7.5 แสนตร.ม. มูลค่าโครงการ 5 หมื่นล้าน เปิด มาสเตอร์แพลนผนึกความร่วมมือรัฐ-เอกชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปั้นแลนด์มาร์คใหม่ ชู “7 สิ่งมหัศจรรย์ดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก ดีเดย์ปี 2560 เล็งกว้านที่ดินรอบข้างขยายโครงการเชื่อมรถไฟฟ้า ชี้ศักยภาพริมน้ำเจ้าพระยาดึงดูดนักลงทุนแห่ผุด 30 โครงการมูลค่ากว่า 1.12 แสนล้าน

ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง 3 ทุนไทยยักษ์ใหญ่ สยามพิวรรธน์ แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น และเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี.) ได้ฤกษ์เปิดองค์ประกอบและประกาศชื่อโครงการแลนด์มาร์คแห่งใหม่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาไอคอนสยามมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท บนที่ดิน 50 ไร่ ย่านเจริญนคร นับเป็นอภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคต กำหนดเปิดบริการปี 2560 ซึ่งจะเป็นการ โชว์เคสประเทศไทยแข่งขันบนเวทีโลก

วานนี้ (1 ก.ค.) นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด นางสาว ทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ นายณรงค์ เจียรวนนท์ ผู้ช่วยอาวุโสประธานกรรมการ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ร่วมกันเปิดเผย รายละเอียดโครงการไอคอนสยาม (ICONSIAM) ภายใต้แนวคิด The Icon of Eternal Prosperity หรือเมืองแห่งความรุ่งโรจน์อันเป็นนิรันดร์

พร้อมกันนี้ ได้ประกาศแผนแม่บทวิสัยทัศน์แห่งแม่น้ำเจ้าพระยา (ICONSIAM River Master Vision) ที่จะเป็นการผนึกกำลังของธุรกิจโรงแรม ค้าปลีก ผู้ประกอบการเรือสัญจร และแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เพื่อเนรมิตพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ ยาว 10 กิโลเมตร ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกแห่งใหม่

นางชฎาทิพ กล่าวว่า ไอคอนสยาม มีการขยายพื้นที่โครงการใหญ่ขึ้น โดยการซื้อที่ดินที่อยู่ล้อมรอบโครงการเพิ่มเติม ทำให้ปัจจุบันมีขนาดพื้นที่ 50 ไร่ จากเดิม 40 ไร่ ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 40% เป็น 5 หมื่นล้านบาท จากเดิม 3.5 หมื่นล้านบาท โดยกำหนดเปิดบริการภายในปี 2560 ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครองราชย์ครบ 70 ปี และมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา

แนวทางพัฒนาโครงการอยู่ภายใต้วิสัยทัศน์ธุรกิจ ที่ต้องการออกแบบเมืองที่สง่างามสมบูรณ์แบบ ผสมผสานที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้า และพื้นที่ชุมชน (Community space) รวม 7.5 แสนตร.ม. ไว้ด้วยกัน

เป็นโครงการระดับโลก ซึ่งจะทำให้ประเทศไทย ก้าวไปอยู่ในทำเนียบประเทศ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสัญลักษณ์อันโดดเด่น ขับเคลื่อนกรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางที่น่ามาเยือนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หรือ โกลเบิล เดสทิเนชั่น

สำหรับการลงทุนโครงการไอคอนสยาม ใช้เงินกู้ 50% โดยมีธนาคารกสิกรไทยและธนาคารธนชาติ เป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน และยังมีแผนขยายที่ดินบริเวณรอบโครงการเพิ่มรองรับส่วนต่อขยายโครงการรถไฟฟ้า ทั้งเป็นการเสริมศักยภาพโครงการมากยิ่งขึ้น

ผนึก "รัฐ-เอกชน" ปั้นแลนด์มาร์ค

ไอคอนสยาม ตั้งอยู่บนทำเลยุทธศาสตร์สำคัญของกรุงเทพฯ ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มีด้านหน้าทอดยาวเลียบริมน้ำมากกว่า 400 เมตร เป็นจุดเด่นในการต่อยอดและสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ

บริเวณดังกล่าวมีทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ท่ามกลางโครงการที่พักอาศัยระดับบนกว่า 200 โครงการ มีผู้พักอาศัยมากกว่า 3 ล้านคน มีโรงแรมเชนระดับโลกในรัศมี 10 กิโลเมตร ถึง 50 แห่ง รวมห้องพักกว่า 1 หมื่นห้อง ในอีก 3-5 ปีข้างหน้าจะมีโครงการขนส่งมวลชนขนาดใหญ่สร้างเสร็จเพิ่มเติมในพื้นที่ใกล้เคียงอีกด้วย

ระหว่างปี 2555-2563 มีโครงการค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมต่างๆ เกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 30 แห่ง รวมมูลค่ากว่า 1.12 หมื่นล้านบาท ทั้งหมดนี้สามารถเชื่อมเครือข่ายสร้างพลังในการทำตลาดแบบ One Destination”

เปิดสัญจรทางน้ำเพิ่มทางเลือก

ทั้งนี้ แผนแม่บท ‘ICONSIAM River Master Vision’ จะร่วมมือกับผู้ประกอบการและหน่วยงานต่างๆ กว่า 30 ราย ซึ่งมีทั้งผู้ค้าปลีก เจ้าของโรงแรม ผู้ประกอบการเรือสัญจรในแม่น้ำ และสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในการผลักดันแม่น้ำเจ้าพระยาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก เพิ่มเสน่ห์ให้กรุงเทพฯ ในฐานะเมืองจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่น่าจดจำ

สำหรับ พันธมิตรที่ตกลงเข้าร่วมผนึกกำลังในแผนแม่บทดังกล่าวแล้ว ได้แก่ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน, โรงแรมแชงกรีล่าเรือด่วนเจ้าพระยา เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซต์ กรุงเทพโรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน โรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพ เป็นต้น

โครงการความร่วมมือจะเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลที่ทำให้ผู้คนปรับเปลี่ยนวิถีการเดินทางในกรุงเทพฯ อยากหันมาใช้การเดินทางทางน้ำมากขึ้น เป็นทางเลือกใหม่นอกเหนือจากการใช้รถยนต์

สอดรับนโยบายของ สำนักผังเมือง กรุงเทพมหานครมีแนวคิดที่จะสร้างทางเดินเลียบฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ไอคอนสยามจะสร้าง เดอะ ริเวอร์ พาร์ค หรือ ลานคนเมือง พื้นที่กว่า 1 หมื่นตร.ม. เป็นพื้นที่จัดแสดงงานประเพณี วัฒนธรรมต่างๆ

ผุด 2 ศูนย์การค้า 2 คอนโดหรู

นางสาวทิพาภรณ์ กล่าวว่า ไอคอนสยาม เปรียบเสมือน เมืองใหม่ประกอบด้วย 2 อาณาจักรศูนย์การค้า พื้นที่ 5.25 แสน ตร.ม. อาคารที่พักอาศัยริมน้ำระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ 70 ชั้น 1 อาคาร และ 40 ชั้น 1 อาคาร นอกจากนี้ ยังมี “7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยามที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย เป็นแม่เหล็กหลัก

สำหรับ 2 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ ได้แก่ ระบำน้ำพุ หรือ การแสดงสายน้ำผสมผสานมัลติมีเดียแสงสีเสียง และไฟ (Multi-Media Water-and-Fire Feature) ที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มากกว่า 400 เมตร

นอกจากนี้ จะมีพิพิธภัณฑ์ศูนย์รวมของมรดกทางประวัติศาสตร์และสุดยอดภูมิปัญญาไทย หรือ แชมเปี้ยนไทย

ดึงแบรนด์ปั้น ไอคอนสตอรี่

อาณาจักร 2 ศูนย์การค้า แยกเป็นอาคารลักชัวรี่ พื้นที่ 2.5 หมื่นตร.ม.ด้านหน้าอาคารยาวกว่า 300 เมตร ขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นการรวบรวมที่สุดของแบรนด์ดังระดับโลกที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ Icons within Icon เป็นแห่งแรกในโลก โดยการเนรมิตคฤหาสน์ (Brand Mansions) ถ่ายทอดเรื่องราวและเอกลักษณ์ของแบรนด์อันเป็นมรดกตกทอด รวมถึงการรวมภัตตาคารหรูระดับ 3 มิชลินสตาร์จากประเทศต่างๆ

ส่วนอาคารเมน รีเทล พื้นที่ 5 แสนตร.ม. อยู่ติดถนนเจริญนคร จะเป็นแหล่งของการนำเสนอ ประสบการณ์แปลกใหม่ ด้วยการสร้างพื้นที่ของร้านค้าในรูปแบบที่ไม่มีใครเหมือนในบรรยากาศอินดอร์และเอาท์ดอร์ รวม 500 ร้านค้า 100 ภัตตาคารจาก 30 ประเทศ

นอกจากนี้ จะมีศูนย์การประชุมระดับโลก (World Class Auditorium) 3,500 ที่นั่ง สามารถจัดการประชุมผู้นำระดับโลก งานสำคัญของรัฐบาล งานแสดงสินค้านิทรรศการต่างที่จะหมุนเวียนมาจากประเทศต่างๆ และรองรับโชว์จากบรอดเวย์ เป็นต้น

ขณะที่ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนท์ ที่ไอคอนสยาม จะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของโครงการที่พักอาศัยในไทย ทั้งเชิงคุณภาพและความหรูหราที่สามารถติดต่อสัมพันธ์และเชื่อมโยงกับชุมชนโลก ผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารระบบไฟเบอร์ออพติคให้ความเร็วสูงสุดแห่งแรกในไทย

หนุนกรุงเทพฯฮับการค้า-ท่องเที่ยว

นายณรงค์ กล่าวว่า ไอคอนสยามจะเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของกรุงเทพฯ ในการดึงดูดคนจากทั่วโลกเข้ามาพำนัก ท่องเที่ยว จับจ่ายใช้สอย ในประเทศไทย เสริมศักยภาพให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและธุรกิจของภูมิภาคอาเซียนและโลก

ไอคอนสยามจะจุดประกายความรุ่งเรืองให้กับแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้ง

แม่น้ำเจ้าพระยา นับเป็นแหล่งอารยธรรมที่มีคุณค่าและมีศักยภาพมากที่สุด ซึ่งแผนแม่บท ICONSIAM River Master Visionจะช่วยจุดประกายความเรืองรองของแม่น้ำเจ้าพระยากลับมาสว่างไสวโดดเด่นอีกครั้ง

นางชฎาทิพ กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นเตรียมงบกว่า 200 ล้านบาททำการตลาดสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ ไอคอนสยามช่วง 6 เดือนสุดท้ายปีนี้ เป็นการตลาดระดับโลกที่จะมีการโรดโชว์ประเทศต่างๆ พร้อมทำการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ ผ่านช่องทางพันธมิตรทั้งภาครัฐ และเอกชน อาทิ สำนักงานการท่องเที่ยวไทยในต่างประเทศ สถานทูต ฯลฯ

ทุ่มซื้อที่ดินมูลค่าเกือบ 4 พันล้าน

ด้านแหล่งข่าวจากบริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ราคาที่ดินในบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยราคาซื้อขายที่ดินเพิ่มจากประมาณ 110,000 บาทต่อตร.ว. ในปี 2551 มาเป็น 265,000 บาทต่อตร.ว.ในปี 2554 หรือปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 40% แต่ในปัจจุบัน คาดว่า ราคาขายจะมากกว่า 300,000 บาทต่อตร.ว.

โดยที่ดินบริเวณที่ตั้งโครงการไอคอนสยาม 37 ไร่ 2 งาน 48 ตร.ว. หรือ 15,048 ตร.ว. (ก่อนขยายพื้นที่เป็น 50 ไร่) พบว่า มีราคาขายอยู่ที่ 263,459 บาทต่อตร.ว. หรือเท่ากับเฉพาะค่าที่ดินโครงการนี้มีมูลค่า 3,964 ล้านบาท
 
ตลาดนัดรถไฟ ตลาดยามเย็นบรรยากาศชิวๆ มีสินค้ามากมายหลายชนิด ทั้งเสื้อผ้า ของแต่งบ้าน ของมือสองสวยๆ ซึ่งตอนนี้ ตลาดรถไฟนั้นได้ย้ายที่ตั้งใหม่แล้วมาอยู่ที่ ศรีนครินทร์ บริเวณหลังห้างซีคอนสแควร์ แต่เดิมนั้น ตลาดนัดรถไฟ อยู่ที่จตุจักร ด้วยความที่เป็นตลาดนัดบรรยากาศแบบย้อนยุค มีสินค้าหลากหลาย เป็นแหล่งรวมเฟอร์นิเจอร์ ของสะสม ของตกแต่งบ้านสุดคลาสสิก รถโบราณ อะไหล่รถคลาสสิก ทำให้ค่อยๆได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นตลาดยอดนิยมแห่งหนึ่งของกรุงเทพ แต่ต่อมามีปัญหาเรื่องที่ดินกัน ก็เลยต้องย้ายมาที่ใหม่คือ ศรีนครินทร์ โดยมีการปรับปรุงใหม่ แบ่งโซนเป็นสัดส่วนมากขึ้น

การเดินทางมายัง ตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์  ถ้ามาจากทางพัฒนาการ อ่อนนุช ก็วิ่งเข้าถนนศรีนครินทร์ เลยห้างซีคอนสแควร์มาอยู่ซ้ายมือ สามารถนำรถเข้ามาจอดได้หรืออาจจอดที่ลานจอดรถด้านข้างของซีคอนสแควร์ซึ่งอยู่ติดกับตลาดนัดรถไฟ แล้วเดินไปก็ได้ จะมีบันไดเล็กๆให้ปีนข้ามเข้าตลาดได้เลย เมื่อเข้ามาถึงด้านหน้า เราก็จะพบกับ โซนพลาซ่า  ภายในก็ยังมีสินค้ามากมายหลากหลายจำหน่าย ทั้งเสื้อผ้าวัยรุ่น ชาย-หญิง เสื้อผ้ามือสอง รองเท้า กระเป๋า ของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เดินไปเรื่อยๆตามทางก็เจอของมากมาย ภายในตลาดมีทั้งโซนนอกร่มและในร่ม ด้านในก็มีบูทร้านค้าหลายร้านเช่นเดียวกับบริเวณด้านนอก ร้านน้ำต่างๆ ที่มีอยู่หลากหลายร้านได้ครับ ทั้งร้านกาแฟ ร้านชา ร้านน้ำปั่น น้ำหวาน มีให้เลือกทานกัน ภายในบริเวณโซนในร่มจนทั่วแล้ว ก็เดินทะลุจนออกมาอีกด้านหนึ่ง เป็น โซนตลาดนัด โซนนี้ด้านในจะพบว่ากว้างมาก และคนเยอะคึกคักมาก บรรยากาศจะคล้ายๆตลาดนัด แต่สินค้าจะมีความเป็นตลาดนัดรถไฟ บรรยากาศเก่าๆ ถูกใจคนชอบของวินเทจ ของย้อนยุค ทั้งเสื้อผ้าวินเทจ รองเท้ามือสอง เฟอร์นิเจอร์เก่า มือ 2 มีให้เลือกหลายร้าน ต่อราคาได้ตามถนัด ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ซื้อและผู้ขายที่จะตกลงราคากัน แบบตาดีได้ ตาร้ายเสียในแบบฉบับของตลาดนัดรถไฟฟ้า ที่ยังคงความคลาสสิกในแบบเดิมๆ

เปิดตัวห้าง Central Plaza : ศาลายา

ศูนย์การค้า Theme Mall ที่มีสวนโบทานิคพร้อมพรรณไม้นานาพันธุ์ภายใต้แนวคิด “Contemporary Botanical” มูลค่ากว่า 3,700 ล้าน บนทำเลศักยภาพสูงแห่งอนาคตของกรุงเทพฯ และปริมณฑลฝั่งตะวันตก กำหนดเปิดประมาณไตรมาสที่ 3 ของปี 2557
ที่ตั้ง: บนถนนบรมราชชนนี ขนาด 10 เลน บริเวณศาลายา ระหว่างถนนพุทธมณฑลสาย 5 และ 7 ทำเลศักยภาพสูงแห่งอนาคตของกรุงเทพฯ และปริมณฑลฝั่งตะวันตก

 

พื้นที่โครงการ :
ที่ดินรวมประมาณ 70 ไร่
พื้นที่โครงการ (GFA):
180,000 ตร.ม.
กำหนดเปิด :
ประมาณไตรมาสที่ 3 ปี 2557
มูลค่าโครงการ :
ประมาณ 3,700 ล้านบาท
โครงการจะตอบสนองต่อชุมชนธุรกิจและผู้อยู่อาศัย :
ศูนย์กลางที่อยู่อาศัยที่มีความหนาแน่นสูงในปัจจุบัน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ระดับกลางถึงสูง มีโครงการบ้านจัดสรรระดับกลางถึงสูง กว่า 100 โครงการ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายหลักและกลุ่มเป้าหมายรองกว่า 700,000 ครัวเรือนในปัจจุบัน ครอบคลุมอาณาเขตของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกและปริมณฑล โดยเฉพาะฝั่ง พุทธมณฑล นครชัยศรี สามพราน จนถึงเมืองนครปฐม และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคต
เป็นศูนย์กลางการศึกษา แหล่งรวมคนรุ่นใหม่ ที่มีกำลังซื้อสูง มีสถาบันการศึกษา ทั้งมหาวิทยาลัย และโรงเรียนชั้นนำ ที่มีนักศึกษารวมกว่า 250,000 คน
โรงแรมชั้นนำรองรับนักท่องเที่ยว อาทิ สวนสามพรานโรสการ์เด้นริเวอร์ไซค์, เดอะรอยัลเจมส์กอล์ฟ รีสอร์ท, สุวรรณกอล์ฟแอนด์คันทรีคลับ
สถานที่ราชการสำคัญ
การขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคตจากแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจใหม่ ฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันตก
กลุ่มเป้าหมายหลัก :
ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย บริเวณฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ และจังหวัดนครปฐม พื้นที่รัศมีการเดินทางในระยะ 30 นาที
รูปแบบสถาปัตยกรรม :
โดดเด่นภายใต้แนวคิด “Contemporary Botanical” นำบรรยากาศ Outdoor เข้าไปไว้ในศูนย์การค้า
ประดับด้วยพรรณไม้นานาชนิด ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง ทั่วทั้งศูนย์การค้า
ยังนำเอกลักษณ์ของศาลายาและนครปฐมมาเป็นองค์ประกอบหลักในการออกแบบและตกแต่ง ศูนย์การค้า ทำเป็นจุด Photo Landmark ให้คนมาถ่ายรูป ทั้ง บ้านริมคลอง รวมถึงเส้นสายการออกแบบที่แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมอันงดงามของพระราชวัง สนามจันทร์ และโบราณสถานที่มีชื่อเสียงของท้องถิ่น
ความครบครันทันสมัยตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ :
พันธมิตรหลักห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เป็น Magnet หลักในการดึงดูดลูกค้า นอกจากนี้ ยังมี Anchor สำคัญ อย่าง Tops MarketPowerBuy, SuperSports, B2S และ OfficeMate
รวมร้านค้าแบรนด์ชั้นนำทั้งไทยและอินเตอร์กว่า 250 ร้านค้า : Fashion Brand ระดับโลก Dining Destination แห่งใหม่ที่รวมร้านอาหารคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์
เพียบพร้อมด้วย เอนเตอร์เทนเมนต์ สวนสนุก โรงภาพยนตร์ ที่ทันสมัย