วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

โลก 360 องศา - (คณะมาราปัตตานีเจรจาสันติภาพกับรัฐไทย,จีนสั่งจับกุมตัวผู้มีส่วนเกี่ยวระเบิดเทียนจิน,ต่างประเทศตั้งข้อสังเกตมือบึ้มราชประสงค์เอี่ยวกลุ่มเกรย์วูฟส์ในตุรกี,วรรณะใหม่ในอินเดียประท้วง,เหตุยิงผู้สื่อข่าวหญิงและช่างภาพแบบอุกอาจ)


เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - แนวร่วมกบฏมุสลิมกลุ่มใหม่ที่เกิดจากการรวมตัวของผู้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ได้เปิดตัวที่มาเลเซีย พร้อมเรียกร้องในวันพฤหัสบดี (27 ส.ค.) ให้มีการกลับมาเจรจาสันติภาพกันอีกครั้ง แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าผู้นำรัฐบาลไทยจะให้การยอมรับพวกเขาหรือไม่ คณะผู้แทนของกลุ่ม มารา ปัตตานีซึ่งอ้างว่าเป็นปากเป็นเสียงพูดแทนกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้ของไทย 6 กลุ่ม ระบุว่า พวกเขาได้พบกับเจ้าหน้าที่ไทยแล้วระหว่างการพูดคุยกันที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา  ทั้งนี้ มารา ปัตตานีเป็นการร่วมมือกันของกลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ของไทย 6 กลุ่ม ได้แก่ แนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี (บีอาร์เอ็น), แนวร่วมอิสลามปลดปล่อยปาตานี (บีไอพีพี), องค์การปลดปล่อยสหปาตานี (พูโล) 3 กลุ่ม, ขบวนการมูญาฮิดีนอิสลามปาตานี (จีเอ็มไอพี) หลักการของเรา คือ หาวิธีแก้ปัญหาโดยการพูดคุยอย่างสันติอาวัง ยะบะ บอกกับนักข่าวระหว่างการพูดคุยกันที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เขาเป็นประธานกลุ่มมาราปัตตานี และเป็นผู้แทนจากขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี (บีอาร์เอ็น)  เราหวังว่าจะสามารถยุติการสู้รบและก่อให้เกิดสันติอย่างยั่งยืนเขากล่าว  เขาบอกด้วยว่า ผู้แทนของไทยที่เข้าร่วมการพูดคุยเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา ยังไม่แสดงท่าทีชัดเจน โดยอ้างว่าต้องขอหารือกับผู้นำ คสช. เสียก่อน อย่างไรก็ตาม พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของไทย ได้แสดงท่าทีข้องใจกับการหันกลับมาขอเจรจาสันติภาพครั้งนี้ ระหว่างการให้ความเห็นกับเอเอฟพีที่กรุงเทพฯ  การเจรจาสันติภาพเป็นเรื่องที่ทางหน่วยงานความมั่นคงดูแลอยู่แล้ว อย่าไปให้ความสำคัญกับกลุ่มที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่เหล่านี้เขากล่าว  การก่อความไม่สงบที่กินเวลายาวนานนับทศวรรษในภาคใต้ของไทยนั้น มีทั้งการวางระเบิดและยิงกันเกือบทุกวัน บางครั้งก็มีการตัดคอด้วย เหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดน หนึ่งในนั้นคือ ปัตตานี  ชาวมุสลิมจำนวนมากในพื้นที่ชายแดนใต้ของไทย มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย  การต่อสู้เพื่อสิทธิในการปกครองตนเองของกลุ่มก่อความไม่สงบเหล่านี้ในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ประเทศที่คนส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ ได้ทำให้มีคนตายไปแล้วมากกว่า 6,400 ราย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นพลเรือน  มาเลเซีย เคยจัดให้มีการเจรจาสันติภาพระหว่างกลุ่มก่อความไม่สงบกับรัฐบาลไทยชุดก่อนหลายครั้งแล้วเมื่อปี 2013 แต่มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ผู้เชี่ยวชาญเรื่องความขัดแย้งนี้ ระบุว่า ความพยายามที่จะนำมาซึ่งสันติภาพได้ถูกขัดขวางโดยกลุ่มย่อยของผู้ก่อความไม่สงบเหล่านี้ รวมถึงความคลางแคลงใจในตัวผู้เจรจาครั้งก่อน ๆ ของกลุ่มบีอาร์เอ็น ว่าเป็นตัวแทนของผู้ที่ก่อความไม่สงบในพื้นที่ตัวจริงหรือไม่  ระหว่างการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ไทยเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา มารา ปัตตานีได้ขอให้มีการคุ้มครองทางกฎหมายสำหรับความรุนแรงในอดีตที่เคยทำไว้ เป็นหนึ่งในเงื่อนไขของการกลับมาเจรจาสันติภาพ  พวกเขายังบอกด้วยว่า การเจรจาสันติภาพควรได้รับการบรรจุให้เป็นวาระแห่งชาติโดยรัฐสภาไทย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้การเจรจาในอนาคตต้องล่มอีกครั้ง เพราะการเปลี่ยนรัฐบาล รวมถึงต้องการให้ไทยยอมรับองค์กร มารา ปัตตานี

เอพี/เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ อัยการจีนได้ออกคำสั่งจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐและผู้บริหารบริษัทจำนวน 11 คน หลังต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดคลังสินค้าเก็บสารเคมีพิษโซเดียมไซยาไนด์ในนิคมอุตสาหกรรมเทียนจินในช่วงกลางเดือนสิงหาคมล่าสุด หลังจากที่ยอดผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ไม่ต่ำกว่า 139 คน และเป็นที่น่าตกใจเมื่อพบว่าทางการจีนได้นำกรงสัตว์ อาทิ กรงกระต่าย กรงไก่ ในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมเพื่อทดสอบพิษในอากาศ ในขณะที่มีรายงานพบฝูงปลาจำนวนมากได้ตายบริเวณแม่น้ำในเทียนจินสร้างความกังวลให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองท่าแห่งนี้
เอพีรายงานในวันนี้(27)ว่า สำนักงานอัยการจีนได้ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ในวันพฤหัสบดี(27)ว่า กลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมรวมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่ยังปฎิบัติหน้าที่และเจ้าหน้าที่ซึ่งเกษียณอายุไปแล้วของเมืองเทียนจิน เมืองท่าสำคัญแห่งหนึ่งของจีน และการจับกุมตัวยังรวมไปถึงพนักงานบริษัทที่บริหารท่าเรือ ซึ่งใหญ่ที่สุดในทางตอนเหนือของจีน  ซึ่งในการแถลงได้ระบุข้อกล่าวหาว่า ทั้งหมดละเลยการปฎิบัติหน้าที่และใช้ตำแหน่งในการหาผลประโยชน์  เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า เหตุระเบิดในนิคมอุตสาหกรรมเทียนจินในวันที่ 12 สิงหาคม 2015 ทำให้มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และตำรวจจำนวนไม่ต่ำกว่า 115 คน เสียชีวิต และสาบสูญและทำให้มียอดผู้เสียชีวิตล่าสุดในปัจจุบันสูงถึง 139 คน  ในขณะที่การสอบสวนในคดีนี้พุ่งเป้าไปที่การได้รับใบอนุญาตในการเก็บสารเคมีอันตราย โซเดียมไซยาไนด์ และสารเคมีอันตรายอื่นๆของโกดังทั้งสองแห่งในนิคมอุตสาหกรรมเทียนจินถึงแม้ว่าจะละมิดกฏหมายความปลอดภัยที่ห้ามไม่ให้ตั้งอยู่ใกล้กับเขตชุมชนและถนนในรัศมี 1 กม. และในการสอบสวนยังพบว่า โกดังเกิดเหตุนั้นเก็บสารเคมีอันตรายจำนวนมากเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต และเก็บในบริเวณขึ้นลงสินค้า ไม่ใช่ในบริเวณเฉพาะซึ่งจัดสำหรับการเก็บสารพิษอันตรายที่ต้องมีความปลอดภัยเป็นพิเศษ  เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า แถลงการณ์จากสำนักงานอัยการจีนยังกล่าวต่อว่า ผู้ต้องสงสัยทุกรายที่ถูกสั่งจับกุมนั้นล้มเหลวในการใช้มาตรการที่เข้มงวดต่อการทำความผิดของบริษัท Ruihai International Logistics ที่ใช้ช่องทางพิเศษรับใบอนุญาตผิดกฎหมายรับรองความปลอดภัยเพื่อเก็บสารพิษในโกดังที่เกิดระเบิดที่ทางบริษัทดำเนินการบริหาร  ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจีนได้จับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวน 12 คนซึ่งเป็นพนักงานของบริษัท Ruihai International Logistics ซึ่งบริษัทแห่งนี้เก็บสารเคมีพิษต่างกันถึง 40 ชนิด รวมไปถึงโซเดียมไซยาไนด์700 ตัน แอมโมเนียมไนเตรท 800 ตัน และโปแตทเซียมอีก 500 ตัน
ทั้งนี้จากการรายงานของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อ้างอิงการรายงานของสื่อจีน ไชน่าเดลี พบว่า เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจีนได้วางกรงสัตว์ขนาดเล็กเป็นต้นว่า กรงกระต่าย กรงไก่ และกรงนก ซึ่งแต่ละกรงมีสัตว์อย่างละ 2 ตัวไว้บริเวณจุดศูนย์กลางการระเบิดเพื่อทดสอบสภาพอากาศในพื้นที่ว่ามีการปนเปื้อนสารเคมีพิษในอากาศหรือไม่ในวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามสื่อท้องถิ่นจีนรายงานถึงชะตากรรมกระต่ายทดลองในกรงที่วางไว้สูดอากาศเป็นเวลา 2 ชม.ว่า พวกมันรอดตายอย่างราวกับปาฎิหารย์  ทั้งนี้มีความสงสัยในการปนเปื้อนสารพิษในอากาศและทางระบบนิเวศน์หลังเกิดระเบิดเทียนจินขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนชาวเทียนจินหวาดผวา และต่างไม่เชื่อในคำบอกอ้างของรัฐบาลจีนที่ว่า "ทุกสิ่งปกติและอยู่ในความควบคุม" และความกังวลมีเพิ่มมากขึ้นเมื่อในวันที่ 21 สิงหาคมล่าสุด ชาวเมืองพบภาพปลาจำนวนมากลอยตายเกลื่อนซัดขึ้นฝั่งบริเวณแม่น้ำเทียนจิน แต่ทว่าทางการจีนกลับออกมาอ้างว่า ตรวจไม่พบการปนเปื้อนของสารไซยาไนด์ในแม่น้ำที่มีปลาลอยตายยกฝูงนี้

รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่ตุรกีเผยในวันพฤหัสบดี(27ส.ค.) พวกเขาทราบเรื่องแล้วกรณีที่ตำรวจไทยกำลังตรวจสอบการเดินทางเข้าประเทศของพลเมืองเตอร์กิช ไม่กี่วันก่อนหน้าเกิดเหตุระเบิดใจกลางกรุงเทพฯคร่าชีวิต 20 ศพ แต่ยังไม่ได้รับคำร้องขอข้อมูลหรือความช่วยเหลือจากทางการไทย สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าตำรวจในไทยและนักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงบางส่วนหยิบยกความเป็นไปได้ในความเชื่อมโยงของชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์ จากทางตะวันตกไกลของจีน ซึ่งคร่ำครวญว่าถูกรัฐบาลปักกิ่งกดขี่ข่มเหง กับเหตุระเบิดบริเวณศาลพรพรหมเอราวัณ บริเวณแยกราชประสงค์ แหล่งสถานสักการะบูชายอดนิยมของนักท่องเที่ยวเอเชีย คร่าชีวิต 20 ศพ ในนั้นมากกว่าครึ่งเป็นชาวต่างชาติ รอยเตอร์รายงานว่าเมื่อเดือนที่แล้ว ไทยบังคับเนรเทศชาวอุยกูร์มากกว่า 100 คนไปยังจีน เรียกเสียงประณามจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆและการประท้วงด้านนอกสถานกงสุลไทยในอิสตันบูล ทั้งนี้แนวทางปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์เป็นประเด็นที่สำคัญของชาวเติร์กจำนวนมาก ที่มองว่าพวกเขาเองมีพื้นเพทางศาสนาและวัฒนธรรมร่วมกับชนกลุ่มน้อยกลุ่มนี้  ในรายงานข่าวของรอยเตอร์อ้างสื่อมวลชนไทยรายงานว่าตำรวจกำลังสืบสวนพลเมืองตุรกี 15 ถึง 20 คนที่เดินทางเข้าประเทศในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนเกิดระเบิด ขณะที่พอผู้สื่อข่าวสอบถามถึงเรื่องนี้ ทางพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตำรวจแห่งชาติ ก็ยืนยันว่าตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบชาวเตอร์กิซที่เดินทางเข้ามา "บางทีอาจมีชาวเติร์กเดินทางเข้ามาไทยมากกว่านั้น เรากำลังสืบสวนกลุ่มต่างๆที่อาจเดินทางเข้ามาในประเทศ" เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว ทันจู บิลกิค โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของตุรกีเปิดเผยว่าเขาทราบเกี่ยวกับรายงานข่าวของสื่อมวลชนไทยที่ว่าบางทีอาจมีชาวเติร์กเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด แต่เน้นว่าอังการายังไม่ได้รับคำร้องขอข้อมูลหรือขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ไทย  "รัฐมนตรีต่างประเทศของเราได้ต่อสายถึงรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของไทยเมื่อวานนี้ และพวกเขาพูดคุยถึงความสัมพันธ์ทวิภาคี เช่นเดียวกับเรื่องต่อสู้กับก่อการร้าย แต่ในประเด็นที่เฉพาะเจาะจงนี้ไม่ได้มีการหารือกัน" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว "เราบอกกับเจ้าหน้าที่ไทยว่าถ้าคุณมีข้อมูลที่จับต้องได้ กรุณาถ่ายทอดมันมาให้เรา แต่จนถึงตอนนี้ยังเรายังไม่ได้รับข้อมูลใดๆเลย"  ผู้ต้องสงสัยหลักในเหตุระเบิดของตำรวจคือบุคคลในภาพกล้องวงจรปิดที่เป็นชายผมดำใส่เสื้อยืดสีเหลืองและวางกระเป๋าเป้ทิ้งไว้หลังจากเข้าไปยังบริเวณศาลพระพรหมและเดินออกมาก่อนเกิดระเบิด โดยในบรรดาผู้เสียชีวิต 20 คนนั้น เป็นชาวต่างชาติ 12 คน มีทั้งชาวจีน ฮ่องกง อังกฤษ อินโดนีเซีย มาเลเซียและสิงคโปร์  รายงานของรอยเตอร์อ้างคำพูดของนายแอนโธนี เดวิส นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงประจำประเทศไทยของวารสารความมั่นคงไอเอชเอส เจนส์ แสดงความเห็น ณ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศของไทยเมื่อวันจันทร์(24ส.ค.) ว่ามีเพียงไม่กี่กลุ่มที่มีแรงจูงใจและความสามารถในการก่อเหตุโจมตีลักษณะนี้  เขาบอกว่าเป็นไปได้อย่างมากที่สุดว่ามือโจมตีจะเป็นสมาชิกขององค์กรชาตินิยมรุนแรงเตอร์กิชกลุ่มหนึ่ง นามว่า เกรย์ วูล์ฟส (Grey Wolves) เนื่องจากมีศักยภาพในการก่อความรุนแรง เพื่อมุ่งหมายเอาชีวิตคนจำนวนมาก ส่วนกลุ่มต่างๆ ทางการเมืองนั้น ไม่เคยก่อเหตุเพื่อมุ่งหมายเอาชีวิตคนจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน อีกทั้งการโจมตีที่บริเวณศาลพระพรหมนั้น เป็นความตั้งใจโจมตีสถานที่ ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนไทย  นายเดวิส บอกว่าแรงจูงใจน่าจะมาจากต้องการแก้แค้นไทยที่ส่งชาวอุยกูร์ไปยังจีน พร้อมระบุว่ากลุ่มเกรย์ วูล์ฟส เป็นแถวหน้าของฝูงม็อบที่ลงมือโจมตีสถานกงสุลไทยในอิสตันบูลเมื่อเดือนที่แล้ว ระหว่างการประท้วงต่อต้านการตัดสินใจส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีนของทางการไทย

บีบีซีไทย/ข่าวสดออนไลน์  รายงานเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2558 ว่า นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงเสนอแนวคิดใหม่อธิบายเหตุระเบิดราชประสงค์ ตัดประเด็นทั้งการเมืองเรื่องภาคใต้ ไม่เกี่ยวกับไอเอสหรืออัลไคดา ตีโจทย์คนลงมือต้องเป็นกลุ่มต่างประเทศ เอ่ยชื่อกลุ่มเกรย์ โวลฟส์ในตุรกี ชี้เป็นการจับมือเฉพาะกิจต้องการแก้แค้นเรื่องอุยกูร์  แอนโทนี เดวิส นักวิเคราะห์ประจำประเทศไทยของกลุ่มไอเอชเอส - เจนส์ ซึ่งเป็นกลุ่มวิเคราะห์ข้อมูลด้านข่าวความมั่นคงและการทหาร เปิดประเด็นความเป็นไปได้ของกลุ่มลงมือกรณีระเบิดราชประสงค์ว่า ต้องเป็นกลุ่มที่มีความสามารถพิเศษในการใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพสูง เพราะลักษณะของระเบิดที่ใช้และลักษณะของการลงมือชี้ว่าต้องอาศัยการวางแผน อย่างดี รอบคอบและมีคนสนับสนุน โดยดูจากทั้งที่ราชประสงค์และที่สาทร  เดวิสซึ่งอยู่ในประเทศไทยร่วมสามสิบปี ติดตามงานด้านความมั่นคงตลอดจนปัญหาสามจังหวัดภาคใต้มานานนำเสนอความเห็นของ เขาในวงเสวนาเรื่อง ระเบิดในกรุงเทพฯ: ที่จริงแล้วเรารู้อะไรบ้าง” The Bangkok Bombing : What do we really know? ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศค่ำวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมาโดยชี้ว่า ในความเห็นส่วนตัวของเขา ระเบิดหนนี้ไม่ใช่การลงมือโดยคนคนเดียวอย่างแน่นอน เพราะ ลักษณะของการลงมือที่บ่งบอกว่าต้องวางแผนมาอย่างดีดังกล่าว มีการจัดวางกำลังชัดเจน ประการถัดมาสิ่งที่ชัดเจนคือมุ่งหมายทำร้ายชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเรื่องนี้มีนัยสำคัญยิ่งกว่าข้อเท็จจริงที่ว่าเป็นการโจมตีเป้าหมายที่ มีความสำคัญทางศาสนา เขาระบุว่ามีสามกลุ่มที่ควรพิจารณา กลุ่มแรกคือกลุ่มการเมืองในประเทศที่เกิดจากความแตกแยกกัน กลุ่มที่สองคือกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐในสามจังหวัดภาคใต้ และกลุ่มที่สามคือกลุ่มจากต่างประเทศ  นักวิเคราะห์ของไอเอชเอส - เจนส์บอกอีกว่า เขาตัดกลุ่มแรกที่กระทำด้วยมูลเหตุจูงใจในเรื่องการเมืองออกไปเพราะจาก ประสบการณ์ที่เห็นเมืองไทยมานานทำให้เห็นได้ชัดว่า ระดับของความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับระเบิดราชประสงค์ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เคย เกิดจากความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ ระเบิดเมื่อวันจันทร์ที่แล้วเป็นความรุนแรงระนาบใหม่ มันเป็นเกมแบบใหม่ไม่ใช่แบบที่เราเคยเห็นจากประสบการณ์ที่ผมอยู่เมืองไทยมา สามสิบปี เห็นการนองเลือดมาหลายหนแต่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ ลักษณะแบบนี้ไม่ใช่ลักษณะการลงมือแบบไทย  ส่วนในเรื่องว่าระเบิดนี้อาจจะเป็นการลงมือของกลุ่มผู้เห็นต่างในภาคใต้ ซึ่งที่จะมีศักยภาพทำได้ก็มีเพียงกลุ่มเดียวคือกลุ่มบีอาร์เอ็น เดวิสบอกว่า ลักษณะระเบิดที่ใช้ไม่เหมือนในภาคใต้ซึ่งใช้วัตถุระเบิดที่แตกต่างกว่ากัน มาก ระเบิดที่ราชประสงค์เป็น “industrial type” คือมีลักษณะใช้เทคโนโลยีสูง ในทางเทคนิคไม่ใช่แบบที่ใช้ในภาคใต้ นอกจากนั้นการลงมือส่วนใหญ่ในภาคใต้เพื่อต้องการดึงดูดความสนใจหรือทำเพื่อ บ่งบอกอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง แม้จะมีคนบาดเจ็บเสียชีวิตแต่ไม่ได้หวังทำลายชีวิตมากเท่านี้ นอกจากนี้เดวิสบอกว่าเขาได้ยินมาว่าบีอาร์เอ็นได้พยายามสื่อสารเงียบๆไปยัง ฝ่ายต่างๆว่าตนไม่เกี่ยวข้อง บีอาร์เอ็นเองก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรในอันที่จะยอมให้มีกลุ่มย่อยแยกตัวออกมา แล้วไปสังหารคนสร้างความเสียหายมากขนาดนี้  เดวิสชี้ว่า สิ่งที่เป็นไปได้คือระเบิดหนนี้เป็นการทำงานของกลุ่มนอกประเทศ ต้องเป็นกลุ่มที่มีลักษณะจัดตั้ง มีศักยภาพที่จะทำได้ และมีมูลเหตุจูงใจที่จะทำ เขาชี้ว่า กลุ่มที่อยู่ในข่ายคือกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส ซึ่งไม่จำเป็นต้องปฏิบัติการจากพื้นที่ในครอบครองในตะวันออกกลางเท่านั้น แต่เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนในต่างแดนตอบสนองด้วย มีกลุ่มผู้สนับสนุนที่ไปร่วมรบไอเอสทั้งในอินโดนีเซียและมาเลเซีย และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีกลุ่มที่ขึ้นต่อไอเอสเรียกว่า Katibah Nusantara และประเด็นที่เป็นมูลเหตุจูงใจก็คือไม่พอใจวิธีที่รัฐบาลไทยปฏิบัติต่อ มุสลิมในประเทศ กลุ่มต่างประเทศกลุ่มถัดมาที่เดวิสเห็นว่ามีศักยภาพทำได้คือกลุ่มอัลไคดา ซึ่งก็มีกลุ่มย่อยที่มีความเชื่อมโยงเป็นพันธมิตรที่เรียกว่า Turkistan Islamic Party ซึ่งก็คือกลุ่มคนเชื้อชาติเดียวกันกับอุยกูร์ แต่แอนโทนี เดวิสชี้ว่า ทั้งสองกลุ่มนี้ก็ยังไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการวางระเบิดที่ราชประสงค์ เพราะแม้จะมีศักยภาพและมีมูลเหตุจูงใจ แต่ทั้งไอเอสและอัลไคดา ดำเนินการก่อเหตุเพราะต้องการดึงดูดความสนใจ ในขณะที่ระเบิดราชประสงค์ผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์โดยที่ไม่มีใครตัวอ้างเป็น ผู้ลงมือ อีกอย่าง ลักษณะการลงมือของกลุ่มเหล่านี้มักมีจุดเด่นคือเป็นลักษณะพลีชีพ  นักวิเคราะห์ไอเอชเอส - เจนส์สรุปว่า กลุ่มที่เขาเห็นว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากในบรรดากลุ่มต่างๆที่กล่าวมา เป็นกลุ่มจิฮาดในต่างประเทศที่เขาใช้คำว่า พันธุ์ผสมและไม่จำเป็นต้องมีชื่อหรือเป็นที่รู้จัก แต่มีลักษณะของการเป็นองค์กรจัดตั้งและเกี่ยวพันกับกลุ่มในตุรกี เดวิสชี้ให้จับตากลุ่ม Grey Wolves ซึ่งเป็นกลุ่มใช้ความรุนแรงขวาสุดโต่ง เกี่ยวพันกับการก่อเหตุมาแล้วในอดีตในความขัดแย้งหลายกรณีตั้งแต่นากอร์โน คาราบัค เชชเนีย ไซปรัส เป็นกลุ่มที่รวมตัวกันรวมๆ สนับสนุนอุยกูร์อย่างมากและมีบทบาทอยู่แถวหน้าในการประท้วงและเข้าโจมตีสถาน ทูตไทยในตุรกีหลังเหตุการณ์ไทยส่งอุยกูร์ให้จีน เขาเชื่อว่ากลุ่มนี้มีความสัมพันธ์กับกลุ่มอาชญากรรมของคนเชื้อสายตุรกีทั่ว ไปไม่ว่ากลุ่มที่ทำเรื่องลักลอบค้ายาเสพติดหรือค้ามนุษย์ และกลุ่มที่เป็นกลุ่มอาญากรรม จับมือกับกลุ่มที่มีแนวความคิดหรืออุดมการณ์ลงมือในงานนี้โดยเฉพาะ แต่ทั้งนี้เขาระบุว่า ผมไม่ได้บอกว่าอุยกูร์เป็นคนลงมือ อุยกูร์ต่อสู้ในประเทศไม่มีอะไรเลย ศักยภาพไม่ถึงขั้นด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและโฆษก สตช.กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่ยากเป็นพิเศษ ลักษณะระเบิดใช้วัสดุที่หายากในไทย ทำลายตัวเองเกือบหมด มีแรงทำลายล้างสูง ไม่ใช่ระเบิดที่จะทำได้โดยง่าย ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีกรณีเช่นนี้ เมื่อถามว่าระเบิดนี้น่าจะประกอบในไทยหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิชี้ว่าน่าจะประกอบในไทยแต่ไม่ใช่ในกรุงเทพฯ ส่วนเรื่องที่ว่าเจ้าหน้าที่กำลังตามหาชายคนหนึ่งพร้อมระบุชื่อด้วยนั้น พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวปฏิเสธ พร้อมกันนั้นชี้กับผู้สื่อข่าวว่า ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงาน ที่ผ่านมาทุกคนทำงานกันเต็มที่จนหลายคนไม่ได้นอน มันเพิ่งผ่านมาเจ็ดวันนะครับ ไม่ใช่เจ็ดปี

เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียล่าสุดออกมาร้องขอให้ประชาชนในรัฐคุชราตอยู่ในความสงบหลังจากเกิดเหตุประท้วงของคนในวรรณะปาเทล(Patel Caste)ที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลซึ่งมีจำนวนร่วม 20% จากประชากรทั้งหมดในรัฐนี้เพื่อร้องขอโอกาสความเท่าเทียมในการจ้างงาน การศึกษา และนำไปสู่ความรุนแรงจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย สถานีตำรวจในพื้นที่ถูกเผาไม่ต่ำกว่า 40 แห่ง และรถเมล์โดยสารอีกอย่างน้อย 70 คันถูกจุดไฟวอด ซึ่งทางกลุ่มอ้างว่า เพราะกฏหมายความเท่าเทียมทำให้โควตาในการเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยต้องถูกแบ่งปันไปให้ชาวคุตราตที่มีวรรณะต่ำกว่า และเป็นเพราะการเติบโตอุตสาหกรรมระดับกลางและล่างช้าลง ทำให้ส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจโดยตรงกับคนวรรณะปาเทล ซึ่งทำให้โอกาสการได้งานลดลง  บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(26)ว่า นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดีได้กล่าวถึงความรุนแรงในรัฐคุชราตที่โมดีเคยดำรงตำแหน่งมุขมนตรีก่อนก้าวเข้าสู่ทำเนียบนิวเดลีว่า ความรุนแรงไม่เคยให้ประโยชน์กับผู้ใดและหลังจากมีความรุนแรงเกิดขึ้น เคอร์ฟิวถูกนำมาใช้ที่รัฐทางภาคตะวันตกของอินเดีย หลังจากมีการปะทะในเหตุประท้วงระหว่างชาวปาเทล(Patel Caste)และตำรวจปราบจลาจลอินเดียและประชาชนชาวคุชราตเชื้อสายอื่นที่มีวรรณะต่ำกว่า เรียกร้องขอโควตาตำแหน่งงานของเจ้าหน้าที่รัฐสำหรับพวกตน ซึ่งผู้สื่อข่าวบีบีซีในพื้นที่รายงานเพิ่มเติมว่า เคอร์ฟิวถูกประกาศใช้ใน9 เขตภายในเมืองอาห์เมดาบาด (Ahmedabad) เมืองซูราต(Surat)ศูนย์กลางการค้าเพชรที่มีคนวรรณะปาเทลควบคุม และเขตเมห์ซานา(Mehsana)  และจากรายงานพบว่าปาเทลเป็นชุมชนขนาดใหญ่ในรัฐคุชราชย์ ซึ่งประชาชนอาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้เรียกตนเองว่าวรรณะปาเทล ถือเป็น 20% ของประชาชนทั้งหมดในรัฐคุชราตที่มีความแตกต่างด้านเชื้อชาติอาศัยรวมกัน  ซึ่งชุมชนปาเทลไดรับผลประโยชน์ในกฎหมายปฏิรูปที่ดินในศตวรรษที่ 19 จากประเทศเจ้าอาณานิคมอังกฤษในขณะนั้น และทำให้คนวรรณะปาเทลมีความมั่งคั่ง  และในปัจจุบันนี้ชาววรรณะปาเทลที่จัดว่าเป็นกลุ่มคนมั่งคั่ง ดำรงชีพจากเกษตรกรรม และเป็นเจ้าของที่ดินให้เช่าทำกิจการต่างๆ เช่น ธุรกิจ หรือ โรงแรมขนาดเล็กเป็นต้น และยังควบคุมในอุตสาหกรรมหลักและธุรกิจหลักต่างๆในรัฐคุชราต  นอกจากนี้บีบีซีรายงานเพิ่มเติมว่า การเรียกร้องผละงาน 1 วันจากคนวรรณะปาเทลยังเป็นที่ถูกจับตาอีกด้วย  อาห์เมดาบาด เมืองเอกของรัฐคุชราต และเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 7 ของอินเดีย ศูนย์กลางของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกาย อีกทั้งเป็นที่ตั้งของบริษัทผลิตยาที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย 2 บริษัท คือ Zydus Cadila and Torrent Pharmaceuticals  ซึ่งอาห์เมดาบาดเหมือนถูกปิดตายไปโดยปริยาย และกองทัพอินเดียรวมไปถึงกองกำลังทหารอาสาอินเดียได้ถูกสั่งให้ลงควบคุมสถานการณ์ในเมืองแห่งนี้ และรวมไปถึงที่ซูราต  นอกจากนี้การให้บริการอินเตอร์เนตโทรศัพท์มือถือได้ถูกระงับลงชั่วคราว โรงเรียนถูกสั่งปิด บริษัทและห้างร้านหยุดการทำงาน และการให้บริการขนส่งสามธารณะในเมืองอาห์เมดาบาดหยุดลงชั่วคราว รวมไปถึงส่วนอื่นๆของรัฐคุชราต  บีบีซีรายงานเพิ่มเติมว่า ในเหตุประท้วงที่กลายเป็นความรุนแรงนั้น มีพ่อและลูกชายอยู่ในกลุ่มคนที่เสียชีวิต และสถานีตำรวจพื้นที่อย่างน้อย 40 แห่งถูกวางเพลิงเผา และรถเมลอย่างน้อย 70 คันถูกจุดไฟเผาโดยกลุ่มผู้ประท้วง  สื่ออังกฤษรายงานต่อว่า เหตุปะทะเกิดขึ้นในอาห์เมดาบาด ซูราต และ ราจโกต(Rajkot) รวมไปถึงเขตบานาสกานรธา( Banaskantha)ในวันพุธ (26)
  
เอเจนซีส์ - กระแสรณรงค์ควบคุมอาวุธปืนในอเมริกาตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง หลังเหตุการณ์อดีตพนักงานจ่อยิงนักข่าวและตากล้องของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นที่ตนเองเคยทำงานอยู่ เสียชีวิตคาที่ระหว่างออกอากาศสดเมื่อวันพุธ (26 ส.ค.) โดยทิ้งข้อความระบายความรู้สึกยาวเหยียดก่อนยิงตัวตายตาม ระบุว่า ตนคือ ถังดินปืนมนุษย์ที่รอวันระเบิด จากการถูกเหยียดผิวและกลั่นแกล้งในที่ทำงาน เพียงเพราะเป็น เกย์ผิวสี  เวสเตอร์ ลี ฟลานาแกน วัย 41 ปี หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไบรซ์ วิลเลียม ซึ่งเป็นมือปืนที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ ได้โพสต์คลิปการสังหาร อลิสัน พาร์คเกอร์ ผู้สื่อข่าวสาววัย 24 ปี และ อดัม วอร์ด ตากล้องวัย 27 ปี ของสถานีทีวีช่อง WDBJ ในเครือ CBS แห่งเมืองโรอาโนค มลรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันพุธ ลงบนเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์  คลิปดังกล่าวซึ่งดูเหมือนว่า ฟลานาแกน เป็นผู้ถ่ายเอง ได้เผยให้เห็นว่าผู้เสียชีวิตทั้งคู่ถูกยิงในระยะเผาขน แต่หลังจากโพสต์ขึ้นไปไม่นานนักก็ถูกลบออก  ทั้ง พาร์คเกอร์ และ วอร์ด ดูเหมือนมองไม่เห็นตัวมือปืนที่กำลังคุกคามเข้าใกล้พวกเขา
ระหว่างเกิดเหตุ พาร์คเกอร์กำลังสัมภาษณ์ วิกกี การ์ดเนอร์ วัย 62 ปี ประธานหอการค้าสมิธ เมาน์เทน เลค ที่บริดต์วอเตอร์ รีสอร์ต ในเมืองโมนิตา ใกล้ ๆ กับเมืองโรอาโนค ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐเวอร์จิเนีย โดยการ์ดเนอร์เป็นคนเดียวที่รอดชีวิต และล่าสุด ได้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาลโดยมีอาการทรงตัวแล้วภายหลังเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉิน ทั้งนี้ เหยื่อทั้งสามต่างเป็นคนผิวขาว  จากคลิปเหตุการณ์ซึ่งถูกนำออกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ระหว่างที่พาร์คเกอร์สัมภาษณ์การ์ดเนอร์ ก็มีเสียงปืนหลายนัดและเสียงกรีดร้องดังขึ้น แล้วกล้องร่วงจากมือวอร์ดลงสู่พื้น เผยให้เห็นภาพระทึกขวัญที่มือปืนเล็งอาวุธลงที่พื้น ก่อนที่สถานีจะตัดภาพกลับไปที่ผู้ประกาศข่าวในห้องส่งที่มีอาการตื่นตระหนกอย่างชัดเจน ในเวลาต่อมา ฝ่ายข่าวของเครือข่ายโทรทัศน์เอบีซี (เอบีซี นิวส์) ที่นิวยอร์ก รายงานว่า ได้รับแฟกซ์ความยาว 23 หน้าจากชายที่ระบุชื่อว่า ไบรซ์ วิลเลียมส์ หลังเหตุจ่อยิงผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง แล้วจากนั้น ชายคนดังกล่าวยังโทรศัพท์ไปที่สถานีเพื่อสารภาพว่า ตนเป็นคนยิงนักข่าวและตากล้องของ WDBJ พร้อมบอกว่า กำลังถูกเจ้าหน้าที่ทางการตามล่าก่อนวางสายไป ต่อมา ฟลานาแกนได้ยิงตัวเองระหว่างขับรถหนีการติดตามของตำรวจบนทางหลวงของมลรัฐเวอร์จิเนีย และตำรวจเผยว่ามือปืนรายนี้ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล  ในแฟกซ์ดังกล่าว ฟลานาแกน ซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน และถูก WDBJ ปลดออกในปี 2013 บอกว่า ได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์มือปืนหนุ่มผิวขาวบุกกราดยิงโบสถ์คนดำในมลรัฐเซาท์แคโรไลนาเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และบอกว่า ตนเองเป็น ถังดินปืนมนุษย์ที่รอวันระเบิดเขายังบรรยายเอาไว้ในแฟกซ์ที่ใช้ชื่อว่า บันทึกการฆ่าตัวตายส่งถึงเพื่อนและครอบครัวโดยระบุว่า ถูกเลือกปฏิบัติจากสีผิวและถูกกลั่นแกล้งในที่ทำงานเพราะเป็น เกย์ผิวสีทางด้าน เจฟฟรีย์ มาร์คส์ ผู้จัดการทั่วไปของ WDBJ ให้สัมภาษณ์ว่า ฟลานาแกนถูกเลิกจ้างหลังจากแสดงพฤติกรรมโกรธแค้นออกมาอย่างชัดเจนหลาย ๆ ครั้ง   นอกจากสร้างความเศร้าโศกในหมู่เพื่อนฝูง ครอบครัว และชุมชนแล้ว โศกนาฏกรรมครั้งนี้ซึ่งเกิดขึ้นใกล้กับที่เกิดเหตุกราดยิงในมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค เมื่อปี 2007 ยังปลุกกระแสการวิจารณ์การควบคุมปืนในอเมริกาอีกครั้ง  ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ให้สัมภาษณ์สถานีทีวีในเครือ ABC ในเมืองฟิลาเดลเฟีย ว่า สะเทือนใจทุกครั้งที่ได้รับรู้ข่าวทำนองนี้ ขณะที่ แอนดี พาร์คเกอร์ พ่อของผู้สื่อข่าวหญิงที่เสียชีวิต เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อควบคุมการเข้าถึงอาวุธปืน อย่างไรก็ดี แม้มีเหตุกราดยิงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทว่า บรรดาสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ กลับลังเลที่จะสนับสนุนกฎหมายที่ควบคุมการเข้าถึงปืนเข้มงวดขึ้น ส่วนหนึ่งเนื่องจากไม่อยากขัดใจกลุ่มผู้สนับสนุนของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มล็อบบี้ทรงอิทธิพลที่ยืนหยัดปกป้องสิทธิ์ในการพกพาอาวุธอย่างถูกต้องตามกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญ ตามรายงานข่าวระบุว่า อาวุธปืนที่ฟลานาแกนใช้นั้นซื้อหามาโดยถูกกฎหมาย นอกจากนั้น เหตุการณ์นี้ยังก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการที่อินเทอร์เน็ต กลายเป็นช่องทางเผยแพร่อาชญากรรมสะเทือนขวัญอย่างรวดเร็วทันใจแต่ไร้การกลั่นกรอง

 
อเอฟพี - ตำรวจเยอรมนีออกแถลงการณ์วันนี้ (26 ส.ค.) ว่า มีศูนย์ผู้อพยพ 2 แห่งทางตะวันออกของเยอรมนีถูกกลุ่มผู้ประท้วงขวาจัดใช้ระเบิดเพลิงขว้างเข้าไปข้างในไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิลจะเดินทางไปเยือน  เอเอฟพีรายงานในวันพุธ (26) ว่า ตำรวจท้องถิ่นเยอรมนีแถลงถึงเหตุโจมตีค่ายผู้อพยพในวันนี้ (26) ว่ามีคนพบเห็นชายคนหนึ่งได้ขว้างระเบิดเพลิงเข้าไปยังศูนย์ผู้อพยพในเมืองไลป์ซิก (Leipzig) ทางตะวันออกของเยอรมนีซึ่งมีผู้อพยพอยู่ในศูนย์แห่งนี้จำนวน 56 คน และความเสียหายเกิดขึ้นกับที่นอนถูกไฟไหม้ แต่ทางคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุสามารถรับมือได้ฉับไว   ในวันเดียวกัน ตำรวจท้องที่สามารถจับกุมตัวชายต้องสงสัย 2 คนไว้ในเมืองพาร์คิม (Parchim) ทางตะวันออกของเยอรมันในข้อหาใช้มีดเป็นอาวุธในศูนย์ผู้อพยพที่ตั้งอยู่ในเมืองนี้ โดยชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับศูนย์ผู้อพยพพาร์คิมได้แจ้งให้ตำรวจในท้องหลังจากพบเห็น 1 ใน 2 ของผู้ถูกจับกุมมีมีดยาวร่วม 8.5 นิ้วในความครอบครองในขณะที่ชายทั้งสองได้ตะโกนร้องต่อต้านการไหลทะลักของผู้อพยพเข้ามาในเยอรมนี และมีรายงานว่าตำรวจเมืองพาร์คิมได้ตรวจวัดระดับแอลกอฮอร์ในเลือดของชายทั้งสอง  อย่างไรก็ตาม เอเอฟพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเยอรมันระวังอยู่เสมอหลังจากเกิดเหตุลอบโจมตีศูนย์อพยพอยู่อย่างต่อเนื่อง จากการที่เยอรมนีอ้าแขนโอบอุ้มรับผู้อพยพจำนวน 800,000 คนในประเทศ ซึ่งสูงกว่า 4 เท่าของจำนวนผู้อพยไหลเข้าเยอรมนีในปีที่ผ่านมา  มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล จะเข้าเยี่ยมศูนย์ผู้อพยพไฮเดเนา (Heidenau) ในเยอรมนีตะวันออกในวันนี้ ซึ่งแมร์เคิลได้กล่าวประณามกลุ่มผู้ประท้วงขวาจัดในเยอรมนีในวันจันทร์ (24) ว่า เป็นพวกชั่วร้ายโดยแมร์เคิลไม่จำกัดการประณามไปเพียงแค่เฉพาะกลุ่มนีโอนาซี แต่ยังรวมไปถึงครอบครัวของคนเหล่านั้นที่มีทั้งผู้หญิงและเด็กที่เข้าร่วมการประท้วงต่อต้านการลี้ภัย โดยกล่าวว่าการสนับสนุนการประท้วงเช่นนี้ ช่างน่าละอาย  และมีรายงานว่า ในการเดินทางไปถึง แมร์เคิลถูกกลุ่มผู้ประท้วงที่รวมตัวสองข้างทางราว 150 คนโห่ขับไล่
หมายเหตุ อ้างอิงและคัดลอกจากแปลข่าวคอลัมน์ข่าวต่างประเทศ ผู้จัดการออนไลน์ ,ข่าวสดออนไลน์

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

รหัสสังหาร เจาะตำนาน ฯ ตอนที่ 15-16


Cold War ชื่อไทย 2 คมล่าถล่มเมือง

เหตุการณ์ระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ ทำให้ผู้เขียนนึกไปถึงเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นบนโลกนี้หลายๆ แห่ง หลายๆ สถานการณ์ที่ผ่านมา รวมถึงนึกไปถึงภาพยนตร์ที่เคยชมหลายๆ เรื่องด้วย แม้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้หลายๆ ที่ หรือที่เกิดสมมติขึ้นในโลกภาพยนตร์ทั้งหลายแหล่ แม้จะมีที่มาหรือมูลเหตุจูงใจ และรูปแบบเป็นมาที่แตกต่างกัน ไม่เหมือนกันอย่างไรก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกก็คือประสิทธิภาพการทำงานของผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการคลี่คลายคดีหรือพูดง่ายๆ ก็คือผู้ที่ทำหน้าที่จับโจรนั่นแหละ (ไม่ใช่ประเด็นประสิทธิภาพของโจรผู้ก่อการนะ อันนั้นมันมีประสิทธิภาพในระดับหนึ่งอยู่แล้ว คนจ้องก่อเหตุย่อมชิงความได้เปรียบอยู่เหนือคนคลี่คลายเหตุอยู่แล้ว) แต่ของบ้านเรา เวลาเกิดเหตุไม่ว่าคดีอะไรก็แล้วแต่ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา อย่างคดีการอุ้มฆ่าคุณเอกยุทธ อัญชันบุตร, คดีนักท่องเที่ยวอังกฤษที่ถูกข่มขืนและฆ่าตายที่เกาะเต่า,คดีของเณรคำ,คดีธัมมชโย วัดธรรมกายเกียวโยงกับเครดิตยูเนี่ยน,คดียักยอกเงินของมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าเกี่ยวโยงกับธนาคารไทยพาณิชย์, คดีสหกรณ์ยูเนี่ยน,คดียูฟัน,คดีท่านคำรณวิทย์พกปืนออกจากสนามบินไปโดนจับที่ญี่ปุ่น ,คดีเสี่ยชูวงศ์เสียชีวิตเกี่ยวโยงกับการโอนหุ้นอำพราง จนมาถึงล่าสุด คดีระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ ที่ประชาชนเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจการทำงานของหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการคลี่คลายคดีเท่าไหร่ ดูด้อยประสิทธิภาพมาก ทำงานไม่เป็นมืออาชีพ อันนี้ไม่ได้ว่าบรรดาผู้ปฏิบัติงานที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชานะครับ เพราะคงจะทำงานเต็มประสิทธิภาพตามคำสั่งกันอยู่แล้ว (เห็นว่าไม่ได้หลับไม่ได้นอน) แต่หมายถึงบรรดาบิ๊กๆหัวๆ ทั้งหลาย ที่ดูเหมือนว่า ท่านไม่ได้รับการฝึกฝนมา หรือไม่มีความรู้ ความเข้าใจอะไรที่เกี่ยวกับงานของท่านอย่างดีพอ พูดง่ายๆ ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือเป็นมืออาชีพเลย ดูอย่างการออกมาให้สัมภาษณ์หรือแถลงข่าวก็พูดไปคนละทาง ไม่ตรงกัน และดูจะเป็นการพูดมาก พูดให้เกิดความเข้าใจผิด พูดผิดพูดถูก ดูเลอะเทอะเปรอะเปื้อนมากๆ ชาวบ้านอย่างเราๆ บางคน ยังดูว่าพูดแล้วรู้เรื่องเข้าใจกว่า คำพูดของบรรดาบิ๊กๆ ทั้งหลายดูขัดกันเองกับคำพูดของตัวเอง อาทิ เช่น รู้แล้วใครเป็นผู้ลงมือ มีผู้ลงมือทำกันกี่คน คาดว่าจะจับตัวได้แน่ แต่อีกสักพักมาให้ข่าวอีกว่า ตอนนี้ไม่มั่นใจว่าผู้ลงมือยังหลบหนีอยู่ในไทยหรือออกนอกต่างประเทศไปแล้ว ตอนนี้ได้ขอความร่วมมือทีมสอบสวนจากต่างชาติเข้ามาช่วยสืบคดีอีกหลายประเทศ ตกลงว่ายังไงกันแน่ ในเมื่อมั่นใจว่าจะจับได้แน่ และรู้ตัวแล้วว่าเป็นใคร เหตุใดจึงตอบให้คลุมเคลือเช่นนี้ แถมยังต้องอาศัยทีมงานจากต่างชาติมาช่วย อ้างว่าเครื่องไม้เครื่องมือไม่พร้อมไม่ทันสมัย ต้องของบซื้อเครื่องมือใหม่อีกล็อตใหญ่ และอ้างว่ากล้องไม่ชัดอีก อีกประเด็นนึงที่ชาวบ้านเขางงกันก็คือ เหตุการณ์เกิดจนจะครบ 1 สัปดาห์เพิ่งมานึกขึ้นได้หรืออย่างไร จึงมีมาตรการปูพรมล้อมจับโจรในเช้าวันเสาร์หรืออาทิตย์ แทนที่จะทำตั้งแต่วันแรกๆ แล้ว ป่านนี้โจรมันคงอยู่ให้จับมั๊ง พณ ท่าน ทำอย่างหนังหรือละครไทยที่ทำงานได้ช้าและไม่รอบคอบมากๆ ยังไม่นับหลายๆ กรณีที่ในโลกโซเชียลตั้งข้อสังเกตไว้ อีกทั้งมีการตั้งท่านรองจักรทิพย์ ขัยจินดา (ว่าที่ ผบ.ตร คนใหม่) เป็นผู้คลี่คลายคดีนี้ แล้วเหตุใดเบอร์ 1 ยังชอบมาจ้อหน้าจอทีวี พูดมากแบบทำให้ไก่หรือกระต่ายตื่นไปหมดแล้ว โดยไม่ระวังคำพูดตัวเอง นอกจากแสดงความโง่ออกทีวีแล้ว ยังทำลายความน่าเชื่อถือโดยภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติย่อยยับไปพร้อมกัน แทนที่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนที่มีความรู้ และความเชี่ยวชาญจริงๆ ออกมาแถลง หรือตั้งคนให้ข่าวเพียงคนเดียวก็พอ กลายเป็นพูดกันไปคนละทาง มีคนที่ออกมาให้ข่าวเรื่องนี้นับสิบคน ทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจและรัฐบาล งงกันไปใหญ่ แล้วอย่างนี้จะให้ประชาชนเชื่อมั่นและไว้วางใจการทำงานของรัฐบาลได้อย่างไร

กลับมาที่หนังฮ่องกงเรื่องนี้ Cold War 2 คมล่าถล่มเมือง หนังฮ่องกงปี 2012 กำกับโดย Lok Man Leung และ Kim-Ching Luk กวาดรายได้ไปมากกว่า 20 ล้านเหรียญฮ่องกง และในจีน ไต้หวัน เคยได้ไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่ปูซานมาแล้ว เนื้อหาโดยรวมสนุก ตื่นเต้นตลอดทั้งเรื่อง (แม้ฉากแอ็คชั่นไม่เยอะมาก) ชิงไหวชิงพริบ เชือดเฉือนบทบาทกันอย่างสนุกสนานเต็มที่ แม้บทก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หรือเกินกว่าที่จะเดาทางได้ แต่ก็นับเป็น 1 ในหนังฮ่องกงยุคหลังๆ ที่มีคุณภาพ น่าติดตาม ระดมทีมนักแสดงชั้นนำ ดูได้เพลินๆ และให้ข้อคิดอีกด้วย   

เรื่องย่อโดยสังเขป   "ฮ่องกง" เมืองที่ปลอดภัยที่สุดในเอเชีย เมืองการค้าระดับโลกที่ตำรวจเป็นใหญ่และไม่มีใครกล้าแตะต้อง แต่แล้วในกลางดึกคืนหนึ่ง มีโทรศัพท์ลึกลับโทรเข้ามายังสำนักงานตำรวจฮ่องกง แจ้งเบาะแสว่ารถตู้ขนอาวุธที่นำสมัยที่สุดของกรมตำรวจและเจ้าหน้าที่ระดับสูง 5 นาย ได้หายไปจากระบบติดตาม โจรที่ปฏิบัติการในครั้งนี้ ล่วงรู้ระบบการทำงานของตำรวจเป็นอย่างดี และยังรู้เท่าทันการทำงานของตำรวจ แต่ล้ำหน้าไปหนึ่งขั้นตลอดเวลา ตำรวจจะต้องทำตามข้อเรียกร้องที่พวกมันกำหนดขึ้นรวมทั้งเงินค่าไถ่จำนวนมหาศาล เพื่อแลกกับการปล่อยตัวประกัน ทุก ๆ เสี้ยววินาทีหมายถึงชีวิตของตัวประกัน เวลาเริ่มนับถอยหลังแล้ว

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่ายบริหาร หลิว ฉีฮวย และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่ายปฏิบัติการ หลี่ เหวินปิง ต่างแย่งชิงกันทำคดีนี้ ซึ่งคดีนี้ถูกตั้งรหัสภารกิจว่า "โคลด์ วอร์" หลิวต้องการต่อรองกับโจร ในขณะเดียวกันก็พยายามที่จะตามแกะรอยไปให้ถึงแหล่งที่ซ่อนของพวกมัน แต่ในขณะที่ หลี่พร้อมจู่โจมอย่างบ้าระห่ำไม่สนว่าจะต้องสูญเสียอะไรบ้าง สำหรับพวกเขาแล้วมันไม่ใช่แค่การเดิมพันชีวิตของตัวประกันหรือภาพลักษณ์ของกรมตำรวจ แต่มันหมายถึงอำนาจ เนื่องจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำลังจะว่างลงในไม่ช้านี้ ภารกิจโคลด์ วอร์ จึงเปรียบเสมือนบันไดที่พวกเขาต้องแย่งชิงเพื่อชัยชนะและให้ได้มาซึ่งอำนาจ ก่อนที่ทั้งหมดจะถูกต้องสงสัยจากสำนักงานปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าเป็นการคอร์รัปชั่นหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดเป็นแผนการของตำรวจในกรมด้วยกันเอง
 

นักแสดง กัว ฟู่เฉิง รับบทเป็น หลิว ฉีฮวย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่ายบริหาร, เหลียง เจียฮุย รับบทเป็น หลี่ เหวินปิง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่ายปฏิบัติการ, เฉิน เจียเล่อ รับบทเป็น วินเซนต์ ตำรวจใต้บังคับบัญชาของหลิว, หยาง ไฉ่หนี รับบทเป็น ฟีนิกซ์ หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ กรมตำรวจแห่งชาติ ,หลิน เจียตง รับบทเป็น อัลเบิร์ต ตำรวจผู้เชี่ยวชาญกฎหมายใต้บังคับบัญชาของหลี่, อารีฟ ราห์มาน (หลี่จื้อถิง)รับบทเป็น บิลลี่ เฉิง เจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, เผิง อวี๋เยี่ยน รับบทเป็น หลี่ จาจิน นายตำรวจหนุ่มอายุน้อยฝีมือดี ลูกชายคนเดียวของหลี่เหวินปิง, อัน จื้อเจี๋ย รับบทเป็น ไมเคิล ตำรวจฝ่ายปฏิบัติการใต้บังคับบัญชาของหลี่


นักแสดงรับเชิญ หลิว เต๋อหัว รับบทเป็น เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไมเคิล หว่อง รับบทเป็น อธิบดีกรมตำรวจ

ภายหลังจากดูเรื่องนี้แล้ว อยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยหาหนังเรื่องนี้มาให้บุคลากรของสำนักงานของท่านดูและศึกษาวิธีการทำงานของประเทศอื่นไว้บ้าง นี่ขนาดเป็นหนังนะ ไม่ใช่ของจริง เป็นเรื่องแต่งที่ดูจะโม้ๆ อยู่บ้าง แต่ของจริง วิธีการทำงานของตำรวจฮ่องกงหรือจีนก็ไม่ต่างจากนี้เท่าไหร่ อาจเข้มข้นกว่านี้ด้วยซ้ำ เผื่อจะยกระดับขีดความสามารถ ประสิทธิภาพของตำรวจไทยให้กระฉับกระเฉงกว่านี้บ้าง ดูจบแล้วอเนจอนาถกับวิธีการทำงานของตำรวจไทย เมื่อไหร่ถึงจะดีขึ้นเสียที ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องการปฏิรูปสำนักงานตำรวจอะไรหรอก เอาแค่ทำในสิ่งที่เป็นหน้าที่ของท่านทุกวันนี้ให้ดีขึ้น เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพดีขึ้น ก็ยังไม่รู้จะหวังได้หรือเปล่าเลย ว่าแล้วก็เปิดหนังเรื่องอื่นดูต่อ สุดท้ายขอแสดงความเสียใจต่อครอบครังผู้เสียชีวิตทุกท่านด้วยครับ

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

โลก 360 องศา - (เหตุระเบิดกลางสี่แยกราชประสงค์ คนตาย คนเจ็บจำนวนมาก)




 
เหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ ฝั่งศาลพระพรหม ผบ.ตร. เผยเป็นระเบิดแสวงเครื่องทีเอ็นที ที่มีผู้นำมาวางไว้ ด้านศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย รายงานผู้เสียชีวิตล่าสุด 27 ราย เป็นชาวต่างชาติ 4 ราย ด้านศูนย์เอราวัณรายงานยอดผู้บาดเจ็บ 81 รายเข้ารักษาตัวใน รพ.14 แห่ง เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ทวิตเตอร์ จส.100 (@js100radio) รายงานว่า เกิดเหตุเสียงดังคล้ายระเบิดกลางแยกราชประสงค์ ฝั่งพระพรหม มีผู้บาดเจ็บ และมีไฟลุกไหม้ จนท. อยู่ระหว่างตรวจสอบ ต่อมา มีผู้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมว่า เกิดเหตุระเบิดน่ากลัวมาก หน้าพระพรหม บาดเจ็บ หนัก 4 - 5 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยกู้ภัย และทหารจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุที่เกิดเหตุ เข้าระงับเหตุดับเพลิง พร้อมทั้งปิดการจราจรบนสี่แยกราชประสงค์  เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือบริเวณหน้าพระพรหม เอราวัณ และรายงานจากศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปเบื้องต้นตามรายงาน บาดเจ็บ 30 ราย เสียชีวิต 2 - 3 ราย ยังไม่ยืนยัน รถยนต์เสียหายมากกว่า 30 คัน อาคารใกล้เคียงเสียหาย  19.41 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบถุงดำที่คาดว่ามีวัตถุต้องสงสัยเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ลูก ขณะนี้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้ทำการเก็บกู้วัตถุต้องสงสัยว่าจะมีระเบิด  ต่อมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) เปิดเผยว่า ล่าสุด มีผู้เสียชีวิตแล้ว 12 ราย ส่วนระเบิดที่ใช้ก่อเหตุครั้งนี้เป็นระเบิดทีเอ็นที ที่มีผู้นำมาวางไว้ ไม่ใช่คาร์บอมบ์ หรือจักรยานยนต์บอมบ์  ต่อมา เวลา 20.00 น. บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ประกาศปิดทางเดินลอยฟ้าเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าสยาม กับสถานีรถไฟฟ้าราชประสงค์ เป็นการชั่วคราว ขณะที่ห้างสรรพสินค้าย่านราชประสงค์ อาทิ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า ฯลฯ แจ้งลูกค้าให้ออกจากพื้นที่ เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบระเบิดแสวงเครื่องที่ยังไม่ทำงานอีก 2 ลูก ลูกแรกอยู่ที่บริเวณศาลพระพรหม เอราวัณ อีกลูกหนึ่งอยู่ที่หน้าศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจปิดกั้นพื้นที่สี่แยกราชประสงค์ ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปเพื่อความปลอดภัย และความสะดวกในการทำงานของเจ้าหน้าที่  รายงานจาก ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปเบื้องต้นตามรายงาน บาดเจ็บ 80 ราย เสียชีวิต 15 ราย  ต่อมา เวลา 20.30 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมนิวส์วัน ยืนยันว่า ที่มีการเผยแพร่ข้อความว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศให้สถาบันการศึกษา สถาบันการเงิน และหน่วยงานราชการทั้งหมดหยุดทำการที่เผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียนั้น ไม่เป็นความจริง  ด้านทวิตเตอร์ทางการของสถานีวิทยุ จส.100 ชี้แจงว่า ขณะนี้มีข้อความในไลน์ แอบอ้าง จส.100 ประกาศว่า คสช. ประกาศหยุดเรียนหยุดงานวันพรุ่งนี้ จส.100 ขอยืนยันว่า ไม่ได้ประกาศข้อความนี้แต่อย่างใด  ต่อมา เวลา 21.00 น. ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานเพิ่มเติมว่า มีเสียชีวิต 27 ราย ในจำนวนนี้มีชาวต่างชาติ 4 ราย ขณะที่ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ได้รายงานยอดผู้บาดเจ็บว่ามีทั้งหมด 81 คน เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 14 แห่ง แบ่งเป็น โรงพยาบาลจุฬาฯ 28 ราย โรงพยาบาลราชวิถี 8 ราย โรงพยาบาลรามาธิบดี 5 ราย โรงพยาบาลกลาง 6 ราย โรงพยาบาลหัวเฉียว 12 ราย โรงพยาบาลเลิดสิน 8 ราย โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 3 ราย โรงพยาบาลพญาไท 1 จำนวน 1 ราย โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน 4 ราย โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ 1 ราย โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 จำนวน 2 ราย โรงพยาบาลพระราม 9 จำนวน 1 ราย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ 1 ราย โรงพยาบาลมเหสักข์ 1 ราย    
(หมายเหตุ อ้างอิงแหล่งข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์)

เสียชีวิต16รายระเบิดราชประสงค์เจ็บกว่า70 เกิดระเบิดแยกราชประสงค์ ตายอย่างน้อย 16 ราย เจ็บกว่า 70 คน ทั้งไทย-คนต่างชาติ ส่งตัว 11 รพ. ด้านผบ.ตร.ชี้เป็นระเบิดแสวงเครื่องซุกใกล้ศาลพระพรหม เกิดเหตุระเบิดขึ้นใจกลางเมืองกรุง มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 17 สิงหาคม ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่แยกราชประสงค์บริเวณใต้สกายวอล์ค เขตปทุมวัน กทม. ได้ยินเสียงระเบิดดังไกลไปทั่วและมีแสงไฟลุกท่วมรถยนต์ตรงจุดเกิดเหตุ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้รับแจ้งเหตุระเบิดดังกล่าว พร้อมนำกำลังเข้าจุดเกิดเหตุบริเวณกลางแยกราชประสงค์ ถนนราชดำริ พบผู้เสียชีวิตที่เกิดเหตุ 12 ราย และผู้บาดเจ็บจำนวนมาก นอนเกลื่อนกลาดบริเวณถนนและบนฟุตบาทใกล้เคียง โดยพบผู้เสียชีวิตนอนอยู่ด้านในพระพรหม จำนวน 7 ราย สำหรับอานุภาพแรงระเบิดทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนทำให้พื้นถนนบริเวณดังกล่าวถึงกับยุบตัว และส่งผลทำให้กระจกของโรงแรมอัมรินทร์แตกกระจายตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 3 ลงมาเกลื่อนพื้นถนน  สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่ง 1.รพ.ตำรวจ 2.รพ.จุฬาฯ 3.รพ.ราชวิถี 4.รพ.รามาฯ 5.รพ.กลาง 6.รพ.พระมงกุฏ 7.รพ.หัวเฉียว 8.รพ.พญาไท1 9.รพ.กล้วยน้ำไทย 1 10.รพ.พระราม 9 และ11.รพ.บำรุงราษฎร์ โดยได้ระดมรถพยาบาลกว่า 50 คัน ลำเลียงส่งผู้บาดเจ็บทั้งอาการเล็กน้อยถึงสาหัส โดยผู้บาดเจ็บมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งมีผู้บาดเจ็บถึง 77 รายและมีอาการสาหัสจำนวนมาก  ขณะเดียวกัน ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้ส่งโลหิต 20 ยูนิตให้โรงพยาบาลตำรวจแล้ว พร้อมโลหิตพร้อมจ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ คือ กรุ๊ป A ทุกชนิด 597 ยูนิต, กรุ๊ป B ทุกชนิด 2,500 ยูนิต, กรุ๊ปโอ ทุกชนิด 1,000 ยูนิต และกรุ๊ป เอบี ทุกชนิด 218 ยูนิต

ห้างปิด-กั้นจราจรจุดเกิดเหตุ
ต่อมาเวลา 19.15 น. เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หรืออีโอดี ได้ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ และมีการสั่งปิดพื้นที่การจราจรโดยรอบรวมทั้งปิดสกายวอลค์ เพื่อตรวจสอบจุดเกิดเหตุ รวมทั้งป้องกันความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยปิดกั้นพื้นที่ไปจนถึงบริเวณด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะที่ฝั่งเพลินจิตได้ปิดกั้นพื้นที่่ตั้งแต่หน้าห้างเซ็นทรัลชิดลม ส่วนถนนมุ่งหน้าไปยังลุมพินีได้ปิดกั้นตั้งแต่พื้นที่โรงพยาบาลจุฬาฯ และฝั่งด้านเซ็นทรัลเวิร์ลปิดกั้นตั้งแต่บริเวณสะพานข้ามคลองแยกประตูน้ำ  ต่อมาห้างเซ็นทรัลเวิร์ลและห้างสรรพสินค้าย่านราชประสงค์และประตูน้ำ ได้ประกาศปิดให้บริการ รวมทั้งโรงเรียนมาแตร์เดอีและโรงเรียนสาธิตศรีนครินทรวิโรฒ์ปทุมวัน ได้ประกาศหยุดเรียนในวันที่ 18 สิงหาคม ส่วนโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ปิดการเรียนการสอนระดับอนุบาลและชั้นประถมศึกษา

จนท.กู้วัตถุสงสัยแต่ไม่ใช่ระเบิด  ด้านเจ้าหน้าที่อีโอดี ที่เข้าเคลียร์พื้นที่ได้พบระเบิดที่ยังไม่ทำงานด้วยอยู่ห่างจากลานพระพรหมไปเล็กน้อย โดยเจ้าหน้าที่อีโอดีใส่ชุดบอมม์สูตรเข้าเก็บกู้และวางอุปกรณ์ทำลายวงจรระเบิด แต่พบว่าวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวไม่ใช่ระเบิด  ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ได้ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุเช่นกัน มีรายงานว่าระเบิดที่เกิดเหตุครั้งนี้ เป็นระเบิดทีเอ็นทียังไม่ทราบน้ำหนัก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางเจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดีวิเคราะห์ว่ามีรัศมีการทำลายล้างประมาณ 100 เมตร

จุดวางระเบิดใกล้ศาลพระพรหม  เจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่าระเบิดที่ใช้เป็นระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนัก 5 กิโลกรัม วางไว้ใต้โต๊ะม้านั่งภายในติดริมรั้วบริเวณศาลพระพรหม ถูกจุดชนวนด้วยระบบอิเลคทรอนิคส์ และจากเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบวัตถุต้องสงสัยต่อวงจรสายไฟลักษณะเป็นกล่องพลาสติกวางอยู่  อย่างไรก็ตามมีกระแสข่าวว่าก่อนเกิดเหตุมีผู้ชายต้องสงสัย 1 ราย ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบรุ่นและทะเบียนเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าพระพรหม จากนั้นได้รีบลงจากรถจักรยานยนต์ออกไปทันที ก่อนที่จะระเบิดขึ้นจนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก สำหรับบรรยากาศโดยรอบทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าเก็บหลักฐานและนำร่างของผู้เสียชีวิตจากจุดที่เกิดเหตุ โดยพบร่างผู้เสียชีวิตที่บริเวณพระพรหมจำนวนหลายราย ขณะที่เจ้าหน้าที่อีโอดีใช้วิธีเดินหน้ากระดานเรียงแถวจากจุดเกิดเหตุไปจนถึงแยกเพลินจิตเพื่อตรวจหาระเบิดที่อาจหลงเหลืออย่างละเอียด  เจ้าหน้าที่กู้ภัยรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ลักษณะการเกิดเหตุทุกอย่างกระจายออกมาจากบริเวณด้านหน้าศาลพระพรหม แรงระเบิดทำให้คนที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุมากที่สุดเสียชีวิตคาที่และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้กั้นไม่ให้เข้าบริเวณด้านข้าศาลพระพรหมแล้ว โดยคาดว่าจุดระเบิดอยู่ที่บริเวณใต้แท่นบูชาพวงมาลัยด้านในศาลพระพรหม โดยรถจักรยานยนต์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเกิดไฟลุกไหม้และผู้ขับขี่ถูกไฟลุกท่วมทันที และจากอายุภาพแรงระเบิดทำให้พบเศษกระจกกระจายเป็นมุมกว้างไปทั่วบริเวณ
เท่าที่เดินนับผู้เสียชีวิตที่นอนอยู่ที่พื้นถนนมีทั้งหมด 6 คน และยังมีที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามช่วยเหลือปั๊มหัวใจอยู่อีก 2-3 คนเจ้าหน้าที่กู้ภัยรายนี้ ระบุ

ระเบิดแสวงเครื่องทีเอ็นที  เวลา 20.10 น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ในเบื้องต้นทราบว่าเป็นระเบิดที่มีคนร้ายนำมาวางไว้ที่ศาลพระพรหม ซึ่งเป็นระเบิดแสวงเครื่องใช้เชื้อเพลิงจุดระเบิดแบบระเบิดทีเอ็นที โดยได้รายงานเหตุให้ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ทราบแล้ว โดยท่านได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ชั้นปฏิบัติการอย่างระมัดระวัง และให้กันประชาชนออกนอกพื้นที่ รวมถึงแสดงความเสียใจถึงประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า จากรายงานในเบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าวแล้วกว่า 12 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก ขณะนี้ได้กันประชาชนรวมถึงผู้ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่อย่างน้อย 100 เมตร เพื่อความปลอดภัยเนื่องจากมีการตรวจพบวัตถุต้องสงสัย ซึ่งอาจจะเป็นระเบิดอีก 1 ลูก ที่อยู่ใกล้กับจุดระเบิด โดยเจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดีอยู่ระหว่างตรวจสอบและเก็บกู้

คสช.ตั้ง3ปมเหตุบึ้มกลางกรุง  มีรายงานว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เรียกประชุมด่วนเพื่อวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์ดังกล่าว ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และแม่ทัพภาคที่ 1 ได้ประชุมหารือเหตุการณ์ระเบิดที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.สมยศ ให้สัมภาษณ์หลังประชุมว่า ชนิดระเบิดต้องให้เจ้าหน้าที่อีโอดียืนยันอีกครั้ง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างสถานการณ์โดยผู้เสียชีวิตตอนนี้อยู่ที่ 16 คน ในจำนวนนี้มีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย 4 คน ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 70 คน  หลังเกิดเหตุท่านนายกฯได้ต่อสายตรงมาหาผมเพื่อแสดงความห่วงใยและเสียใจกับเหตุการณฺ์ที่เกิดขึ้นพล.ต.อ.สมยศ ระบุ และว่า รัศมีระเบิดประมาณ 100 เมตร ส่วนสาเหตุเป็นฝีมีือกลุ่มไหน ยังไม่สรุปแต่พอมีข้อมูลอยู่บ้าง ตอนนี้เร็วไปเราตั้งไว้หลายประเด็นขอเวลาเจ้าหน้าที่สอบสวนก่อน  มีรายงานข่าวจากที่ประชุม คสช.แจ้งว่า สาเหตุระเบิดครั้งนี้ ได้ตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ 1.การเมือง 2.การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการโดยคสช.จำนวนมากโดยใช้มาตรา 44 และ 3.ก่อการร้ายสากล
ผบ.ตร.ประณามอำมหิตโหดเหี้ยม  พล.ต.อ.สมยศ  แถลงข่าวประณามมือระเบิดที่ก่อเหตุว่าเป็นคนจิตใจอำมหิต โหดเหี้ยม ทำกับคนบริสุทธิ์ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ทั้งที่รู้ว่าช่วงเวลา 19.00 น.ที่ศาลพระพรหม จะมีประชาชนทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ เดินทางมาสักการะศาลพระพรหมเป็นจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าเป็นการมุ่งก่อเหตุเพื่อมุ่งหวัง่ชีวิต ทั้งนี้ นายกฯและพล.อ.ประวิตร ได้สั่งการมายังตนให้ลงพื้นที่ดูแล ซึ่งตนได้สั่งให้พล.ต.ท.จักรทิพย์ เข้ามากำกับดูแลเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย

ปิดจราจรหาหลักฐานถึงเที่ยงวัน  ผบ.ตร.กล่าวว่า ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป หน่วยอีโอดีและหน่วยพิสูจน์หลักฐานจะเข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุจนถึงวันพรุ่งนี้ ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้ (อังคาร) จนถึงเวลา 12.00 น.จำเป็นต้องปิดการจราจร บริเวณแยกประตูน้ำ ถนนราชดำริถึงแยกสารสิน และปิดถนนพระราม 1 จากแยกเพลินจิตถึงแยกเฉลิมเผ่า สำหรับรายละเอียดระเบิดเบื้องต้น มีลูกเดียว เป็นระเบิดแสวงเครื่อง โดยระเบิดทำจากท่อแป๊ปพันด้วยผ้าสีขาว ส่วนที่มีข่าวว่ามีอีก 2-3 ลูกนั้น ตรวจสอบแล้วไม่ใช่ระเบิด ทั้งนี้ขอให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่รัฐเข้มงวดตรวจตราดูแลประชาชนทั้งชาวไทย ชาวต่างประเทศเต็มที่ แต่ด้านการข่าวนั้น เราขอไม่เปิดเผยเพราะอาจมีผลต่อการสืบสวนสอบสวน แต่เรามีข้อมูลพอสมควร และยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ให้ความสำคัญกับทุกประเด็น ซึ่งในส่วนของกล้องวงจรปิดก็จะเป็นพยานหลักฐานที่จะใช้ประกอบการสอบสวนด้วย

นายกฯสั่งล่ามือระเบิดมาดำเนินคดี  ผบ.ตร.กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้โทรศัพท์มาหาตนบอกว่าเป็นห่วงประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ และท่านนายกฯเสียใจต่อเหตุที่เกิดขึ้น กำชับให้สอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้ได้ แต่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่าต้องเสร็จสิ้นเมื่อใด

ส่งเทปวงจรปิดให้ตร.แล้ว75ตัว มีรายงานจากสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ ว่า บริเวณแยกราชประสงค์มีกล้องวงจรปิดทั้งหมด 1,500 ตัวได้ส่งมอบเทปที่สมบูรณ์ให้ตำรวจได้แล้ว 75 ตัว ซึ่งในจำนวนนี้คาดว่ามี 3 ตัวที่น่าจะจับภาพก่อนเกิดเหตุได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันห้างสรรพสินค้า​และอาคารซึ่งเป็นเครือข่ายของสมาคม อาทิ ศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า ศูนย์การค้าอัมรินทร์พลาซ่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เอราวัณแบงค็อก โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ได้แยกกันหารือถือมาตราการรับมือต่างๆ

สั่งประวิตรติดตามสถานการณ์ ด้านพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้โทรศัพท์สั่งการให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯด้านความมั่นคง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและรายงานสถานการณ์ให้นายกฯทราบอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นเร็วเกินไปที่จะระบุว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ถ้าเป็นความตั้งใจจากใครที่จงใจให้เกิดเหตุ รัฐบาลจะเข้าดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษให้เร็วที่สุด ทั้งนี้นายกฯสั่งการให้ทหาร ตำรวจและกทม.เข้าพื้นที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและตรวจสอบผู้เสียชีวิต พร้อมสั่งให้นำกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าวมาตรวจสอบเป็นการด่วน


รัฐฟันธงฝีมือกลุ่มการเมืองเสียประโยชน์ พล.ต.สรรเสริญ ให้สัมภาษณ์เนชั่นทีวี ว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเชื่อว่าผู้ลงมือ ต้องการให้ระเบิดในพื้นที่ที่เป็นจุดสัญญลักษณ์ทางการเมืองและเป็นพื้นที่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันหลังเกิดเหตุ มีการปล่อยข่าวลวง ทั้งเรื่องที่บอกว่าจะมีการปิดสถาบันการเงิน ปิดการเรียนการสอน และประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งไม่เป็นความจริง ทุกอย่างเป็นข้อมูลเท็จ มีการกระทำอย่างเป็นระบบ เป็นขบวนการเพื่อให้สังคมเกิดความสับสน  ตรงนี้แนวโน้มกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังเป็นกลุ่มที่เสียประโยชน์ โดยเฉพาะกลุ่มการเมืองที่ไม่อยากให้บ้านเมืองเรามีความสงบพล.ต.สรรเสริญ กล่าว
เมื่อถามว่่ากลุ่มที่ก่อเหตุ ไม่พอใจเรื่องการปรับ ครม.หรือเรื่องการถอดยศหรือไม่ รองโฆษกฯ กล่าวว่า เรื่องปรับครม.ไม่น่าเกี่ยวข้องและเป็นไปไม่ได้เลย ส่วนเรื่องถอดยศนั้น ตนไม่อยากลงในรายละเอียด แต่เป็นกลุ่มที่เสียประโยชน์ทางการเมืองที่เห็นว่ารัฐบาลกำลังไปต่อได้ เลยก่อเหตุขึ้นมา สาเหตุที่ทำช่วงนี้เพราะบ้านเมืองกำลังเข้าสู่ภาวะสงบ เรียบร้อย ความขัดแย้งลดลงจะมีปัญหาเดียวก็คือด้านเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ที่เสียผลประโยชน์ด้านการเมืองเกิดความไม่พอใจขึ้น  พล.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า นายกฯได้สั่งสแกนพื้นที่รอบที่เกิดเหตุแล้ว ขณะเดียวกันกรณีที่มีกระแสข่าวว่าทหารเข้าระวังในจุดสำคัญรวมทั้งสถานีโทรทัศน์บางช่องนั้นเป็นการปล่อยข่าวว่า ตรงนั้น ตรงนี้ไม่ปลอดภัย จึงขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลด้วย

อุดมเดชไม่ระบุเหตุบึ้มกลางกรุง  พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ. กล่าวว่า ได้รับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วและได้สั่งการให้ทหารจัดกำลังทำงานร่วมกับตำรวจ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ระวังไว้ในช่วงนี้ ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่การที่จะมีอะไรแทรกซ้อนก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เราพยายามดูแลในช่วงที่ผ่านมา ระยะหลังก็ไม่มีข่าวอะไรที่เป็นสิ่งบอกเหตุ แต่เราได้ติดตามข่าวมาโดยตลอด ซึ่งขอให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเกิดเหตุเพราะสาเหตุใดที่เป็นเรื่องราวที่แน่นอน ซึ่งในห้วงนี้ก็มีเรื่องต่างๆ ที่มีความคิดเห็นต่างและอาจจะเป็นส่วนที่ชักนำให้มาก่อเหตุในครั้งนี้ก็เป็นได้ แต่เรียนว่ายังไม่มีความชัดเจน จึงไม่อยากจะพูดว่าเป็นเรื่องอะไร พยายามติดตามประสานงานกับทางตำรวจเพราะทำงานร่วมกันมาโดยตลอด  พล.อ.อุดมเดช กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงได้รับทราบเรื่องและได้สั่งการให้ดูแลร่วมกับตำรวจและให้ระมัดระวังอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีก ซึ่งท่านก็เป็นห่วงให้ดูแลพี่น้องประชาชน  "เหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารต้องออกมาช่วยตำรวจโดยเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน เพราะอาจจะมีบางจุดเป็นจุดล่อแหลมและเป็นจุดเสี่ยง ซึ่งบางครั้งไม่สามารถดูแลได้ทั้งหมด และการออกมาก็เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนด้วยพล.อ.อุดมเดช กล่าว

ยังไม่ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินสั่งเฝ้าระวัง  เมื่อถามว่า กรณีที่ทหารออกมาก็จะต้องมีการประกาศภายใต้คำสั่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า เรามีส่วนของกองกำลังรักษาความสงบอยู่แล้ว กองกำลังทั้งหมดในสี่กองทัพภาค ยังปฏิบัติงานอยู่ ยังลงพื้นที่สัมผัสกับประชาชน เมื่อเหตุการณ์สงบก็เข้าไปพูดคุยเสริมสร้างความปรองดองดูแลความเรียบร้อย หากมีเหตุการณ์เราก็สามารถออกมาได้ ซึ่งการออกมาปฏิบัติหน้าที่ของทหารในขณะนี้เป็นส่วนที่สามารถออกมาทำงานได้ เรามีกฎหมายรองรับ  เมื่อถามว่า ความคิดต่างส่วนใหญ่มักจะใช้กับทางการเมือง พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ก็อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ขอไม่ระบุอย่างชัดเจน ซึ่งสาเหตุสามารถประมวลภาพได้อาจเกิดเหตุได้ในช่วงนี้เหมือนกัน บางครั้งก็มีกระแสแต่ก็ไม่น่าจะนำไปสู่เหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บล้มตาย เป็นที่น่าเสียใจ ขอประณามผู้ที่คิดในสิ่งเหล่านี้มา เพราะที่ผ่านมาเราก็มีความสงบเรียบร้อยดีมาโดยตลอด

ประวิตรชี้มุ่งประเด็นทำลายศก.-จับคนร้ายให้ได้  ขณะนี้ได้ส่งทหารออกปฎิบัติหน้าที่ดูแลในจุดเสี่ยงทั่วกทม.แล้ว และยังไม่มีกาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เบื้่องต้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดการเห็นต่าง แต่จะไม่ขอด่วนสรุปว่าเป็นกลุ่มใด ยืนยันว่าฝ่ายความมั่นคงมีมาตรการเฝ้าระวังดูแลอย่างเต็มที่พล.อ.อุดมเดช กล่าว  ด้านพล.อ.ประวิตร กล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยขณะนี้ยังไม่ระบุชัดเจนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการเมืองหรือการก่อการร้าย แต่สิ่งที่กระทำของคนร้ายมีเจตนาทำร้ายเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เพราะจุดเกิดเหตุอยู่ใจกลางพื้นที่ธุรกิจ พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ทหารและตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพราะเป็นสิ่งที่สะเทือนใจ และตามหาคนร้ายให้ได้ ซึ่งนายกฯได้สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงเกาะติดอย่างใกล้ชิด  พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพรหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ให้สัมภาษณ์ระบุว่าเป็นระเบิดป่วนเมืองมุ่งทำลายเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องปิดเมืองตามล่าคนร้ายให้ได้

เลขาฯสมช.เร่งหาความชัดเจน  ด้านนายอนุสิฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุระเบิดครั้งนี้อาจไม่ใช่อุบัติเหตุ เพราะลักษณะของเหตุระเบิดเป็นการก่อเหตุที่มีระเบิดแสวงเครื่องใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งขณะนี้สมช.กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและมีรายงานเข้ามาเป็นระยะๆ และในส่วนของตำรวจได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ติดตามสถานการณ์  อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุระเบิดยังคงสับสนจึงยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องอุบัติเหตุหรือสถานการณ์ทางการเมือง เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินการหาความชัดเจนอยู่ เมื่อได้ข้อมูลที่สามารถสรุปเหตุการณ์ได้แล้ว จะมีการชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง ในขณะเดียวกันรัฐบาลกำลังติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดและฝ่ายการข่าวได้รายงานข้อมูลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ฝ่ายการข่าวมีการรายงานให้เฝ้าระวังหรือไม่ นายอนุสิษฐ กล่าวว่า คนจะก่อเหตุก็จ้องจะก่อเหตุอยู่อย่างนั้น แต่เราก็พยายามเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ยกเว้นมีคนไม่หวังดีกับชาติบ้านเมืองแล้วจึงก่อเหตุ ถ้ามีการปฏิบัติการในรูปแบบการก่อเหตุจริงๆ หรือเกี่ยวกับเรื่องอะไรก็ควรต้องมีการตรวจสอบในแน่ชัดก่อน จึงต้องขอให้มีการตรวจสอบก่อน อย่างไรก็ตามประชาชนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังและช่วยตรวจสอบเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้น ในหลายประเทศได้ใช้กลไกของประชาชนในการตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ เมื่อไหร่ที่เห็นสิ่งไม่ปกติต้องบอก แต่แน่นอนคนทำกับคนพยายามป้องกัน คนป้องกันก็จะเหนื่อย หากประเทศไม่มีความขัดแย้งกัน ประเทศก็จะมีความก้าวหน้าและไม่อยากให้มีการขยายผลเพราะสังคมไทยยังมีการทะเลาะเบาะแว้งกันไม่หยุดนิ่ง ไม่รู้จะเดินไปทางไหนนายอนุสิษฐ กล่าว

รพ.จัดทีมแพทย์รับเหตุฉุกเฉิน  นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุคล้ายระเบิดขึ้นบริเวณศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ ว่า ขณะนี้ โรงพยาบาลรามาฯ ได้รับตัวผู้บาดเจ็บจากเหตุดังกล่าวเข้ามารักษาตัวประมาณ 2-3 ราย แต่เป็นผู้บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คาดว่า จะมีการส่งตัวผู้บาดเจ็บเข้ามาอีก นอกจากนี้ โรงพยาบาลรามาได้ส่งรถพยาบาลฉุกเฉินเข้าไปสนับสนุนบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุแล้ว และยังสำรองเตียงไว้รองรับสถานการณ์ด้วย  ส่วนที่โรงพยาบาลตำรวจ ญาติและกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ได้มาลงชื่อเพื่อแจ้งติดตามหาคนหายจากเหตุการณ์ระเบิดจำนวนมากทำให้เกิดความชุลมุนวุ่นวายพอสมควร เนื่องจากโรงพยาบาลยังไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อหรือให้ข้อมูลแก่ญาติและนักท่องเที่ยว  รศ.นพ.ประเสริฐ ตรีวิจิตรศิลป์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการยกระดับเปิดแผนรับมืออุบัติเหตุหมู่ โดยได้เพิ่มบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พร้อมประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ อีกทั้งได้มีการจัดพื้นที่แบ่งโซนผู้บาดเจ็บตามอาการ เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิด ล่าสุด มีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งตัวมายังโรงพยาบาลจุฬาฯ จำนวนทั้งสิ้น 30 ราย ทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยได้ติดตามสถานการณ์ผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างใกล้ชิด สำหรับผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นชาวจีนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจและโรงพยาบาลราชวิถีมีจำนวนมาก

กาชาดปัดขอบริจาคเลือดฉุกเฉิน  พญ.สร้อยสอางค์ พิกุลสด ผอ.ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ตอนนี้ได้รับการประสานจาก รพ.จุฬาฯ และรพ.ตำรวจ เพื่อรอรับเลือด ซึ่งยืนยันว่าตอนนี้ที่ศูนย์ฯ มีเลือดทุกหมู่เลือดเพียงพอต่อการรองรับสถานการณ์แน่นอน ทั้งนี้ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้ปฏิเสธข่าวในโลกโซเชียลมีเดียที่ขอให้ประชาชนมาบริจาคโลหิตช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ โดยยืนยันว่าตอนนี้ที่ศูนย์ฯ มีโลหิตกว่า 3 พันยูนิต ที่พอจะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ส่วนใครที่อยากบริจาคโลหิตต้องมาพรุ่งนี้(18ส.ค.)

(หมายเหตุ  อ้างอิงแหล่งข้อมูลจาก คมชัดลึกออนไลน์)

 
 

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

โลก 360 องศา - (จีนช็อกโลกด้วย 2 เหตุการณ์ใหญ่ ลดค่าเงินหยวนหลายระลอก ตามติดด้วยระเบิดใหญ่คล้ายนิวเคลียร์ลงที่เทียนจิน)

 
 
เอเจนซี่ - สืบเนื่องจากเหตุระเบิดรุนแรงบริเวณอาคารคลังสินค้าที่เชื่อว่าเป็น วัตถุอันตรายในเขตอุตสาหกรรมของนครเทียนจินทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนในคืนวันพุธ (12 ส.ค.) ซึ่งทำให้ประชาชนและนักดับเพลิงเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 50 ราย และบาดเจ็บอีกมากกว่า 700 คน (ตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บยังไม่นิ่ง) สำนักข่าวซินหวาของทางการจีนรายงานว่า ปฎิบัติการดับเพลิงต้องระงับลงชั่วคราวในช่วงสายวันนี้ หลังจากมีการยืนยันนักผจญเพลิงเสียชีวิต 12 ราย และสูญหาย 36 คน โดยรัฐบาลท้องถิ่นเทียนจินระบุเหตุผลมาจากการขาดแคลนข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าที่เก็บอยู่ในอาคารว่าอันตรายและมีปริมาณมากเท่าไร ทีมนักผจญเพลิงกลับเข้าไปควบคุมสถานการณ์อีกครั้งในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา พบเปลวเพลิงยังคงคุกรุ่นอยู่ในพื้นที่ 4 แห่งด้วยกัน ขณะการทำงานก็เป็นไปอย่างยากลำบากเพราะซากปรักหักพังปิดกั้นถนนรอบจุดเกิดเหตุ แต่คาดว่าจะคุมสถานการณ์ได้ก่อนสิ้นแสงตะวัน หน่วยดับเพลิงนครเทียนจินเผยว่ามีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ชุดแรกเข้าไปยังที่เกิดเหตุตอน 22.50 น. ตามเวลาท้องถิ่นของคืนวานนี้ ซึ่งเป็นเวลา 40 นาที ก่อนจะระเบิดระลอกแรกปะทุขึ้นมา จากนั้นนักดับเพลิงอีกราว 1,000 คน ก็กรีธาทัพตามเข้าไปสมทบก่อนจะต้องถอนกำลังออกมาในช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่วนช่วงบ่ายวันนี้มีเจ้าหน้าที่ด้านการจัดการสารเคมีราว 8,000 คน และตำรวจราว 1,500 นาย รวมถึงผู้เชี่ยวชาญทางชีววิทยาและระเบิดนิวเคลียร์เข้าร่วมภารกิจช่วยเหลือและบรรเทาภัยพิบัติ สำนักงานตรวจจับแผ่นดินไหวแห่งชาติของจีนชี้ว่า แรงระเบิดระลอกแรกเทียบเท่ากับระเบิดทีเอ็นที (TNT) 3 ตัน และระลอกสองนั้นเพิ่มสูงถึง 21 ตัน ขณะเดียวกันดาวเทียมตรวจสอบสภาพอากาศของญี่ปุ่นยังสามารถจับภาพแสงสว่างจากการระเบิดอย่างรุนแรงรอบสองได้จากอวกาศอีกด้วย แรงสั่นสะเทือนจากการระเบิดที่ส่งเปลวไฟพวยพุ่งคล้ายดอกเห็ดสู่ท้องฟ้าจนสว่างวาบไปทั่วทั้งเมือง สามารถรับรู้ได้แม้อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร โดยกระจกหน้าต่างและบานประตูของอาคารบ้านเรือนจำนวนมากต่างพังเสียหายย่อยยับ นอกจากนั้นรถยนต์ผลิตเสร็จใหม่หลายร้อยคันที่จอดเรียงรายรอการขนย้ายส่งออก ก็ถูกเปลวเพลิงเผาผลาญดำเป็นตอตะโกจนกลายสภาพเป็นสุสานรถยนต์ ทำให้คาดว่าความเสียหายทั้งหมดจะสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจแก่เมืองท่าที่ใหญ่เป็นอันดับ 10 ของโลกเป็นจำนวนมหาศาล เทศบาลนครเทียนจินตั้งอยู่ห่างจางกรุงปักกิ่งราว 120 กิโลเมตร ริมชายฝั่งทะเลปั๋วไห่ เป็นหนึ่งในเมืองท่าสำคัญของประเทศ มีประชากรราว 15 ล้านคน โดยถือเป็นเมืองที่มีความทันสมัยและเชื่อมต่อกับนครหลวงด้วยเส้นทางรถไฟความเร็วสูง  นางจัง ซืออี้ว์ ชาวบ้านที่อาศัยห่างออกไปหลายกิโลเมตรจากจุดระเบิดบอกว่า ตอนแรกคิดว่าเป็นแผ่นดินไหวจนวิ่งออกมาข้างนอกถึงเห็นลูกไฟกลมขนาดมหีมาและกลุ่มควันหนาทึบบนฟ้า ส่วนชายวัย 28 ปี อีกรายที่กำลังขับรถอยู่บนสะพานห่างจากจุดเกิดเหตุราวหนึ่งกิโลเมตรเล่าว่า ระเบิดรอบแรกเหมือนจุดพลุประทัดแต่รอบสองเหมือนอุกกาบาตตกใส่โลก  ผมและคนอื่นๆ หนีออกจากรถที่ชิ้นส่วนโลหะบิดเบี้ยวและกระจกหน้าต่างถูกแรงระเบิดอัดใส่จนแตกละเอียด วิ่งหนีทิ้งสิ่งของมีค่าทุกอย่างแบบไม่คิดชีวิตขณะที่อพาร์ทเมนต์หรูแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไปสองกิโลเมตรก็มีสภาพเละเทะจากเศษกระจกและชิ้นส่วนโลหะที่ดำเมื่อมเกลื่อนกลาดทั่วบริเวณ ไม่ต่างจากหมู่มวลอาคารรอบๆ ที่บานกระจกหน้าต่างทั้งหมดแตกกระจายและผนังอาคารไหม้เกรียมเป็นตอตะโก  โชคดีที่ยังไม่มีใครย้ายเข้ามาอยู่หลิว จวินเว่ย คนงานก่อสร้างของโครงการอพาร์ทเมนต์กล่าว แต่สำหรับเราคงเป็นความสูญเสียหมดสิ้น สองปีของการทำงานแทบไม่มีค่าอะไรเลย   มันเป็นคืนที่เงียบสงบแล้วจู่ๆ ท้องฟ้าก็สว่างวาบขึ้นมายิ่งกว่าตอนกลางวัน เหมือนงานแสดงดอกไม้ไฟคนงานแซ่หลี่กล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจนครเทียนจินเผยเบื้องต้นว่า การระเบิดเกิดขึ้นแถวตู้คอนเทนเนอร์สินค้าในอาคารคลังสินค้าที่จัดเก็บวัตถุอันตราย โดยมีบริษัท เทียนจิน ตงเจียง พอร์ต รุ่ยไห่ โลจิสติกส์ เป็นเจ้าของซึ่งระบุว่าตนเองได้รับอนุญาตกักเก็บวัตถุอันตรายอย่างถูกต้อง สำนักข่าวไชน่า ยูทธ์ เดลี อ้างเว็บไซต์บริษัทฯ ซึ่งก่อตั้งในปี 2554 รายงานว่า บรรดาสารเคมีที่จัดเก็บนั้นเป็นพวกโซเดียม ไซยาไนด์ ที่มักใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เพื่อช่วยสกัดทอง หรือพวกโทลูอีนไดไอโซไซยาเนต (TDI) อันเป็นสารประกอบระเหยง่ายที่เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต  อย่างไรก็ดี ผู้บริหารอาวุโสของบริษัทถูกตำรวจควบคุมตัวแล้ว ส่วนสาเหตุของการระเบิดนั้นยังไม่ทราบชัดเจนในเวลานี้  ด้านตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ สื่อทางการจีนอ้างรัฐบาลเทียนจินระบุล่าสุดพบผู้เสียชีวิต 50 ราย และผู้บาดเจ็บมากกว่า 700 คน ซึ่งมากกว่า 60 คน ยังคงมีอาการสาหัส โดยโรงพยาบาลท้องถิ่นตกอยู่ในสภาวะโกลาหลจากคลื่นผู้บาดเจ็บ ญาติและสมาชิกครอบครัวที่ต่างตึงเครียด มีรายงานข่าวว่า ขณะนายวิลล์ ริพลีย์ นักข่าวของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น กำลังรายงานสดอยู่ด้านนอกโรงพยาบาลแห่งหนึ่งนั้น เขาถูกชายผู้โกรธเกรี้ยวตรงเข้าทำร้ายด้วยต้องการให้วิลล์ยุติการรายงานข่าวและลบวีดีโอทั้งหมดทิ้ง จนเขาต้องวิ่งหนีและหยุดการรายงานข่าว สำนักข่าวไชน่า นิวส์ เซอร์วิส กล่าวว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนสั่งการเร่งด่วนให้ทางการท้องถิ่นควบคุมเปลวเพลิงและเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ พร้อมกับดำเนินการสอบสวนเรื่องราวและคุมตัวบุคคลที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบกับหายนะครั้งใหญ่หลวงของประเทศคราวนี้

เอเอฟพี - เหตุระเบิดใหญ่ที่เมืองเทียนจิน ในเขตท่าเรือและอุตสาหกรรมสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของจีน เมื่อคืนวันพุธ (12 ส.ค.) สร้างความเสียหายมโหฬารแก่อุตสาหกรรมหลักหลายแขนง ทั้งการบิน พลังงาน อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ฯลฯ ซึ่งมีทั้งกิจการท้องถิ่นและกิจการจากต่างแดน เนื่องจากแม้ไม่ได้รับความเสียหายโดยตรงจากแรงระเบิด แต่ได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการดำเนินการของท่าเรือที่กลายเป็นอัมพาต หลายบริษัทจึงตัดสินใจระงับการดำเนินการชั่วคราวเพื่อประเมินสถานการณ์ ปินไห่ นิว แอเรียในภาคเหนือของจีน ที่เกิดเหตุระเบิดรุนแรงทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคนและบาดเจ็บอีกกว่า 500 คนคราวนี้ เป็นฮับลอจิสติกส์ใหญ่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเกาะฮ่องกงถึงสองเท่าตัว เขตอุตสาหกรรมดังกล่าวที่ประกาศตัวบนเว็บไซต์ว่า เป็น ฐานการผลิตและค้นคว้าวิจัยสมัยใหม่เป็นที่ตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ โรงงานประกอบเครื่องบิน โรงกลั่นน้ำมัน และศูนย์บริการและการผลิตอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วในการคำนวณเป็นอันดับสองของโลก ซึ่งได้ถูกปิดไปชั่วคราวเพื่อป้องกันไว้ก่อนหลังเหตุระเบิดเมื่อคืนวันพุธ  ตามรายงานของสำนักข่าวซินหวาของทางการจีน ซึ่งอิงอิงการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่ใน ศูนย์กลางซูเปอร์คอมพิวเตอร์แห่งชาติที่ตั้งอยู่ในปินไห่ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ของจีนที่มีชื่อว่า เทียนเหอ-1 เอ ยังคงทำงานได้ตามปกติภายหลังเกิดเหตุระเบิด ทว่าตัวอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ได้รับความเสียหาย ดังนั้นจึงมีการปิดเครื่องเอาไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย  ปินไห่ นิว แอเรีย ยังเป็นจุดขนถ่ายรถยนต์ที่สำคัญมาก โดยตามรายงานของหนังสือพิมพ์ฉีลู่ อีฟนิง นิวส์ มีรถนำเข้าราว 10,000 คันได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์นี้ ในจำนวนนี้เป็นรถจากค่ายโฟล์กสวาเก้นของเยอรมนี 2,478 คัน และกว่า 1,000 คันเป็นของเรโนลต์จากฝรั่งเศส เทียนจินนั้นเป็นท่าเรือแห่งสำคัญทางภาคเหนือของจีน โดยได้ดำเนินการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต เป็นจำนวนมากกว่า 14ล้านตู้เมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้ จากข้อมูลบนเว็บไซต์ปินไห่ ขณะที่ไชน่า ซีเคียวริตี้ส์ เจอร์นัลของทางการจีนรายงานว่า การดำเนินงานของท่าเรือเทียนจิน เป็นอัมพาตโดยพื้นฐานจากการระเบิด  บีเอชพี บิลลิตัน บริษัทด้านทรัพยากรยักษ์ใหญ่ที่มีจีนเป็นตลาดสำคัญ แถลงว่าแท่นขนถ่ายแร่เหล็กของบริษัทไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด โดยแท่นที่อยู่ใกล้ที่สุดห่างจากสถานที่เกิดเหตุ 20 กิโลเมตร  อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการขนส่งและการดำเนินงานของท่าเรือหยุดชะงัก ทำให้บริษัทต้องหารือกับลูกค้าเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุด ทางด้านแอร์บัสของยุโรประบุเช่นเดียวกันว่า กำลังประเมินผลกระทบจากการดำเนินงานในท่าเรือชะงักงัน ทั้งนี้แอร์บัสมีสายการประกอบเครื่องบินเอ320 ในเขตอุตสาหกรรมดังกล่าว แต่ในวันพฤหัสบดี (13) บริษัทแถลงว่า โรงงานประกอบแห่งนี้ของตนอยู่ไกลจากที่เกิดเหตุและไม่มีความเสียหายเฉพาะหน้าแต่อย่างใด ทั้งตัวโรงงานและพนักงาน ในส่วนโตโยต้า ค่ายรถอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ก็เผยว่า มีโรงงานร่วมทุนผลิตรถยนต์ในปินไห่ แต่ขณะนี้ โรงงานอยู่ในช่วงวันหยุดพักร้อนและไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิด ตามข้อมูลบนเว็บไซต์ระบุว่า ปินไห่ นิว แอเรีย ครอบคลุมพื้นที่ 2,270 ตารางกิโลเมตร และมีพื้นที่ติดแนวชายฝั่งเป็นระยะทาง 153 กิโลเมตร โดยเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมหลัก 8 แขนง อาทิ การบินและอวกาศ อิเล็กทรอนิกส์และสารสนเทศ การผลิตเครื่องจักรอุปกรณ์ ปิโตรเคมีและพลังงานแนวใหม่ และวัสดุ




 
เอเจนซีส์ - จีนลดค่าเงินหยวนลงอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่สามในวันพฤหัสบดี (13 ส.ค.) พร้อมกับออกมาแถลงยืนยันเศรษฐกิจยังคงเข้มแข็งดี จึงไม่มีเหตุผลในการปล่อยอัตราแลกเปลี่ยนดิ่งยาว รวมทั้งไม่คิดก่อสงครามค่าเงินอย่างที่หลายฝ่ายกังวล ทางด้านตลาดการเงินโลกที่ตกถล่มทลายไปสองวันก็ใจชื้นขึ้นและเริ่มฟื้นสู่แดนบวก ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (PBoC) หรือธนาคารกลางจีน ประกาศ ค่ากลางหรือ อัตราอ้างอิงสำหรับอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินหยวนกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ประจำวันพฤหัสบดี (13) อยู่ที่ 6.4010 หยวนต่อดอลลาร์ เท่ากับให้ค่าสกุลเงินตราแดนมังกรอ่อนลงมาอีก 1.1% จากค่ากลางประจำวันพุธ (12) ซึ่งอยู่ที่ 6.3306 และก็ถือเป็นการปรับลดน้อยที่สุดในรอบ 3 วันที่ผ่านมา นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า PBoC เข้าแทรกแซงตลาดด้วยการบอกให้พวกธนาคารและสถาบันการเงินของรัฐจีน ปล่อยขายดอลลาร์ซื้อหยวนในวันพุธ (12) เพื่อป้องกันไม่ให้เงินหยวนตกแรงเกินไป ทั้งนี้ จีนประกาศในวันอังคาร (11) เริ่มปรับใช้วิธีการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนโดยอิงกับกลไกตลาดมากขึ้น ขณะที่พวกผู้สังเกตการณ์วงกว้างมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวลดค่าเงิน จนกระตุ้นเตือนความเคลือบแคลงเกี่ยวกับสถานะเศรษฐกิจของจีนที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากดัชนีเศรษฐกิจหลายตัวที่ออกมาล่าสุดชวนกันถดถอยลง หลังจากทำให้ตลาดหุ้น อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และตลาดโภคภัณฑ์ทั่วโลกร่วงมา 2 วัน แบงก์ชาติจีนก็จัดการแถลงข่าวในวันพฤหัสบดี โดยที่ จาง เซี่ยวฮุย ผู้ช่วยผู้ว่าการ PBoC กล่าวยืนยันว่า เงินหยวนยังคงเป็นสกุลเงินตราที่แข็งแกร่ง และปักกิ่งมุ่งมั่นรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนต่อไป เธอแจกแจงด้วยว่า สภาพแวดล้อมเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง การเกินดุลการค้าอย่างยั่งยืน สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศจำนวนมหาศาล ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน  การยืนยันดังกล่าว บวกกับรายงานที่ว่าจีนได้เข้าแทรกแซงพยุงไม่ให้เงินหยวนต่ำเกินไปในวันพุธ กลายเป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นเอเชียและค่าเงินสกุลต่างๆ ในเอเชีย-แปซิฟิกฟื้นตัว หลังจากถูกเทขายต่อเนื่องสองวันหนักหน่วงที่สุดนับจากปี 1998 แม้นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า ความเชื่อมั่นในตลาดยังเปราะบางอยู่ก็ตาม ทั้งนี้ เงินหยวนซื้อขายกันจริงๆ ในระดับ 6.3982 ต่อดอลลาร์ตอนปิดตลาดวันพฤหัสบดี อ่อนตัวลงจากราคาปิดเมื่อวันพุธซึ่งอยู่ที่ 6.3870 หยวน แต่ยังคงแข็งค่ากว่าอัตราอ้างอิงที่แบงก์ชาติจีนประกาศไว้ นับจากวันอังคาร PBoC ประกาศวิธีคำนวณอัตราอ้างอิงใหม่ จากเดิมที่อิงกับผลสำรวจความคิดเห็นของพวกมาร์เก็ตเมคเกอร์ ก็เปลี่ยนเป็นอิงกับราคาปิดของวันก่อนหน้า อุปสงค์และอุปทานในตลาด และอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินหลักอื่นๆ นับจากนั้น จีนลดค่าเงินหยวนลง 3 วันติดกัน รวมแล้วถือว่า มากที่สุดนับจากปี 1994 ที่มีการลดค่าเงินหยวนถึง 33% เพื่อเริ่มต้นระบบอัตราแลกเปลี่ยนยุคใหม่ นักวิเคราะห์มองความเคลื่อนไหวนี้ว่า เป็นการกระตุ้นการส่งออกด้วยการทำให้สินค้าจีนมีราคาถูกลงในต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็เป็นการเดินหน้าให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความยืดหยุ่นและเป็นไปตามกลไกตลาดมากขึ้น เพื่อเพิ่มน้ำหนักในการทำให้เงินหยวนได้รับการยอมรับเป็นส่วนหนึ่งในสกุลเงินอ้างอิงในกลุ่มสิทธิพิเศษถอนเงิน (SDR) ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แต่ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ ก็ทำให้เงินหยวนที่ปกติแล้วมีเสถียรภาพ บังเกิดความผันผวนมากขึ้น อีกทั้งมีนักวิเคราะห์จำนวนมากคาดว่า เงินหยวนอาจจะถูกปล่อยให้อ่อนค่าต่อไปอีกหลายเดือน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของการค้าโลก รวมทั้งสำนักข่าวรอยเตอร์ยังอ้างคำบอกเล่าของแหล่งข่าวหลายรายซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการกำหนดนโยบายในเรื่องนี้ ระบุว่าเสียงที่ทรงอำนาจหลายๆ เสียงในคณะรัฐบาล กำลังผลักดันให้ค่าเงินหยวนอ่อนตัวลงไปอีก เป็นการบ่งชี้ถึงแรงกดดันที่จะให้มีการลดค่าเงินโดยรวมแล้วในระดับเกือบๆ 10% ทีเดียว เกี่ยวกับเรื่องหลังนี้ อี้ กัง รองผู้ว่าการแบงก์ชาติจีน กล่าวปฏิเสธในการแถลงข่าววันพฤหัสบดี โดยบอกว่า นี่เป็นเรื่องไร้สาระอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นเรื่องที่ไม่มีมูลเลยโดยสิ้นเชิง  ขณะที่รายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันพุธที่ว่า PBoC แทรกแซงตลาดเงินเพื่อปกป้องเงินหยวนนั้น อี้ ปฏิเสธไม่ขอยืนยัน แต่กล่าวว่า PBoC จะบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ หากค่าเงินผันผวนรุนแรง  PBoC ยังแถลงว่า จะเฝ้าติดตาม เงินทุนไหลออกที่ ผิดปกติหลังจากการลดค่าเงินทำให้เกิดความกังวลว่า นักลงทุนอาจถอนเม็ดเงินทุนออกจากจีนเนื่องจากคาดว่าเงินหยวนจะตกต่อเนื่อง นอกจากนั้น เมื่อวันพุธ หม่า จุน นักเศรษฐศาสตร์ของ PBoC ยังปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จีนกำลังก่อสงครามค่าเงิน โดยยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นที่คาดหมายอยู่แล้วว่าการส่งออกจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี ทางด้านฟิตช์ เรทติ้ง บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำ กล่าวในวันพฤหัสบดี ว่า การลดค่าเงินหยวนตอกย้ำว่า เศรษฐกิจจีนกำลังถูกกดดันในวงกว้าง แต่ขณะเดียวกัน ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า ปักกิ่งยังมุ่งมั่นในการปฏิรูปตามแนวทางตลาด ซึ่งเป็นพันธสัญญาที่ผู้สังเกตการณ์จำนวนมากบังเกิดความเคลือบแคลง หลังจากจีนเข้าแทรกแซงอย่างหนักเพื่อปกป้องตลาดหุ้นในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

เอเอฟพี - ราคาน้ำมันเมื่อวันพุธ (12 ส.ค.) ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี หลังอุปทานเชื้อเพลิงสหรัฐฯลด และดอลลาร์อ่อนค่าลง ปัจจัยภาคพลังงานพยุงวอลล์สตรีทปิดในกรอบแคบๆ แม้มีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจจีน ขณะที่ข้อวิตกดังกล่าวช่วยดันให้ทองคำขยับขึ้นแรงกว่า 15 ดอลลาร์ น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 22 เซ็นต์ ปิดที่ 43.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 48 เซ็นต์ ปิดที่ 49.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯที่เผยแพร่ในวันพุธ (12 ส.ค.) พบว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของอเมริกาในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 สิงหาคม ลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่กำลังผลิตภายในประเทศ ก็ลดลง 70,000 บาร์เรลต่อวัน เหลือ 9.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อวันพุธ (12 ส.ค.) ขณะที่ความเคลื่อนไหวลดค่าเงินของหยวนต่อดอลลาร์ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ของจีน กระพือความคาดเดาว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยช้ากว่าเดิม อย่างไรก็ตาม แม้การลดค่าเงินหยวนจะกระพือความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจของจีน แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ (12 ส.ค.) สามารถฟื้นตัวขึ้นมาปิดทรงตัว จากแรงหนุนของแอปเปิลและหุ้นกลุ่มพลังงาน  ดาวโจนส์ ลดลง 0.33 จุด (0.00 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,402.51 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 1.98 จุด (0.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,086.05 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 7.60 จุด (0.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,044.39 จุด  แอปเปิล ซึ่งขยับลงเกือบตลอดทั้ง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปิดบวกร้อยละ 1.6 ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานสมาชิกดาวโจนส์ อย่าง เอ็กซอนโมบิล ปิดบวกร้อยละ 1.7, โคโนโคฟิลลิปส์ ปิดบวกร้อยละ 2.3 และอาปาเช ปิดบวกร้อยละ 3.2 จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น วอลล์สตรีทแกว่งตัวอยู่ในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน จากความกังวลว่าการลดค่าเงินหยวนของจีน คือ การส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจอ่อนแอกว่าที่คิด โดย ดาวโจนส์ ร่วงลงไปกว่า 275 จุด อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดก็ฟื้นตัวขึ้นมาปิดในกรอบแคบๆ  กระนั้นราคาทองคำเมื่อวันพุธ (12 ส.ค.) พุ่งขึ้นอย่างแรงและปิดบวกเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน หลังความยุ่งเหยิงในตลาดเงินโลก ตามหลังจีนประกาศลดค่าเงินหยวน 2 วันติด กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 15.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,123.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

(เครดิตอ้างอิง : คัดลอกจากคอลัมน์ข่าว (แปลข่าว) ต่างประเทศ เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์)