วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Children of Men พลิกวิกฤติ ขีดชะตาโลก


 
 

ตัวหนังสร้างโดยดัดแปลงจากนิยายของ พี ดี เจมส์ ปี 1993 ตัวหนังเล่าเรื่องของโลกยุคอนาคตอันใกล้ (ปี ค.ศ.2027) ที่ซึ่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ชาติใกล้สิ้นสุด ผู้หญิงไม่สามารถตั้งท้องและให้กำเนิดทารกมาได้ 18 ปีแล้ว หนำซ้ำสภาพสังคมยังเสื่อมโทรม การก่อการร้ายแพร่ระบาด ในเรื่องใช้ประเทศอังกฤษเป็นฉากหลังของเหตุการณ์ในเรื่องทั้งหมด สภาพบ้านเมืองในตอนนั้นตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้นำเผด็จการ เหล่าผู้อพยพถูกปฏิบัติเยี่ยงทาส และในท่ามกลางความวุ่นวายของหายนะนี้ ตัวละครเอกซึ่งเป็นชายหนุ่มนามว่า ธีโอ ฟารอน เขาได้รับภารกิจสำคัญที่จะส่งผลต่ออนาคตของมวลมนุษยชาติ นั่นคือการปกป้องหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ ให้สามารถหนีรอด สามารถให้กำเนิดลูกน้อยได้อย่างปลอดภัย

Children of Men เป็นภาพยนตร์ไซไฟ-ดิสโทเปีย ที่ออกฉายในปี ค.ศ. 2006 เขียนบท กำกับ และตัดต่อโดยอัลฟอนโซ กัวร็อน ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวสเปน ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อ The Children of Men ของพี. ดี. เจมส์ ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1992 กล่าวถึงสังคมมนุษย์ในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร หากมนุษย์ไม่สามารถสืบพันธุ์ได้

ภาพยนตร์นำแสดงโดยไคลฟ์ โอเวน, จูเลียน มัวร์, ไมเคิล เคน และแคลร์-โฮป แอชทีย์ นักแสดงหน้าใหม่ชาวอังกฤษเชื้อสายกานา บทภาพยนตร์เขียนโดยทีมงานของกัวรอน ซึ่งรวมไคลฟ์ โอเวน นักแสดงนำอยู่ในทีมงานเขียนบทด้วย

ภาพยนตร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 3 สาขา จากบทภาพยนตร์ดัดแปลง, การกำกับภาพ และการตัดต่อ ได้รับรางวัลบาฟตา 2 รางวัล และรางวัลแซทเทิร์น สาขาภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยม

บทของ คี เป็นตัวละครที่ทีมงานผู้เขียนบทเพิ่มเติมขึ้นมาจากในนวนิยาย มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่าเรื่องราวตอนที่ ธีโอและคี อุ้มเด็กทารกกำลังร้องไห้ ท่ามกลางกองทหารกำลังรบกันอยู่ และฉากอื่นๆ เป็นสัญลักษณ์อ้างอิงถึงคัมภีร์ไบเบิล เปรียบเทียบคนทั้งคู่เหมือนนักบุญโยเซฟกับพระแม่มารี รวมไปถึงการเลือกวันเข้าฉายในสหรัฐอเมริกา ตรงกับวันคริสต์มาส

ภาพยนตร์กล่าวถึงเหตุการณ์อนาคตในปี ค.ศ. 2027 มนุษยชาติกำลังประสบความลำบากเนื่องจากความเสื่อมทรามทั้งในด้านสังคม สิ่งแวดล้อม การเมืองการปกครอง รัฐบาลของประเทศต่างๆ ล้วนล่มสลาย และตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองและการก่อการร้าย มีเพียงประเทศเดียวที่ยังคงอยู่ คือ ประเทศอังกฤษ ที่อยู่ในสถานะรัฐตำรวจ กลายเป็นจุดมุ่งหมายเดียวที่ผู้อพยพทั่วโลกลี้ภัยเข้ามา แต่เหล่าผู้อพยพกลับได้รับการปฏิบัติอย่างเข้มงวด สามารถฆ่าทิ้งได้โดยไม่เห็นคุณค่า รัฐบาลนี้ถูกต่อต้านโดนกลุ่มกบฏที่เรียกตัวเองว่า ฟิช ที่พยายามปลุกระดมประชาชนให้ลุกขึ้นปฏิวัติ

สืบเนื่องจากมลภาวะ ทำให้หญิงมีครรภ์ทุกคนพากันแท้งลูก และไม่มีทารกเกิดใหม่มาเป็นเวลา 18 ปีตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009 จนเกิดความกังวลว่ามนุษยชาติจะถึงที่สิ้นสุด ธีโอ (รับบทโดย ไคลฟ์ โอเวน) อดีตนักรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อม ได้รับการติดต่อจาก จูเลียน (รับบทโดย จูเลียน มัวร์) อดีตภรรยาที่แยกทางกันตั้งแต่ปี 2008 หลังจากลูกชายของทั้งคู่ ชื่อ ไดแลน เสียชีวิตเนื่องจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ให้ช่วยพา คี (รับบทโดย แคลร์-โฮป แอชทีย์) เด็กสาวแอฟริกันที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หลบหนีออกนอกอังกฤษ

ระหว่างการเดินทาง รถของธีโอ จูเลียน คี ลูค (รับบทโดย ชิววีเทล เอจิโอฟอร์) และมีเรียม (รับบทโดย แพม เฟอร์ริส) ถูกโจมตีโดยฝูงชนที่บ้าคลั่ง จูเลียนถูกกระสุนปืนเสียชีวิต สี่คนที่เหลือถูกตามล่าโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพากันไปหลบซ่อนในรังลับขององค์กรฟิช ธีโอได้ทราบว่าแท้ที่จริงจูเลียนเป็นหัวหน้าสาขาของฟิช และตั้งใจจะพาคี ซึ่งเป็นหญิงสาวคนแรกที่ตั้งครรภ์ในรอบ 18 ปี หลบหนีไปยังฐานลับกลางทะเลของ ฮิวแมนโปรเจก องค์กรวิจัยที่พยายามแก้ปัญหาการเป็นหมันของมนุษย์ และได้พบว่า ลูค ที่เป็นผู้นำรองจากจูเลียน เป็นผู้วางแผนการสังหารจูเลียน เพื่อเลื่อนเป็นผู้นำแทน และจะนำคีมาใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนลุกฮือขึ้นโค่นล้มรัฐบาล

ระหว่างหลบหนีไปยังค่ายกักกัน คีคลอดทารกหญิงออกมา ขณะเดียวกันค่ายกักกันถูกโจมตีโดยหน่วยรบใต้ดินของฟิช ที่ทำสงครามกับทหารฝ่ายรัฐบาลอย่างหนัก ผู้คนพากันล้มตาย แต่เมื่อทารกหญิงส่งเสียงร้องไห้ออกมา กองกำลังทหารทั้งสองฝ่ายและประชาชนผู้เป็นเหยื่อสงคราม เมื่อได้ยินเสียงร้องของเธอต่างตกตะลึง หยุดยิงชั่วคราว และหลีกทางให้ทีโอ คี และทารกน้อยเดินจากไป ราวกับรับรู้ว่าเด็กน้อยคนนี้คือ อนาคตของมนุษยชาติ คี ตั้งชื่อทารกน้อยว่า ไดแลน ตามชื่อลูกของธีโอและจูเลียนที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน



 


ภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้จะเป็นแนวไซไฟ-ดิสโทเปีย แต่ก็ผูกโยงเข้ากับแนวคิดด้านการเมืองและศาสนาด้วย การใช้สัญลักษณ์ต่างๆ ในภาพยนตร์ อาทิ ที่เกี่ยวโยงกับการเมือง นั้น มีบรรยากาศของการต่อสู้แบบสงครามกลางเมือง การอพยพ การก่อการร้าย การรักษาความปลอดภัยทีก็ขัดแย้งและปิดกั้นเสรีภาพของมนุษย์ด้วย ซึ่งเรื่องราวทำนองนี้ช่างใกล้เคียงกับเหตุการณ์ที่เป็นจริงอยู่ในโลกยุคปัจจุบัน เช่น เหตุการณ์ในลิเบีย ยูเครน ฉนวนกาซ่า อียิปต์ อิรัก ซีเรีย เป็นต้น ที่เกี่ยวโยงกับศาสนา เช่น การใช้ชื่อเรื่องว่า Children of Men ที่เป็นคำที่นำมาจากคัมภีร์ไบเบิล, การเดินทางของธีโอกับคี ที่ดูคล้ายคลึงกับการเดินทางของโจเซฟกับพระแม่มารี (เพื่อเป็นการปกป้องเธอและลูกในท้อง ซึ่งเปรียบดังความหวังของมนุษย์ทั้งปวง) และฉากคีคลอดลูก ที่ไปพ้องกับตำนานการประสูติของพระเยซูคริสต์  เส้นเรื่องหลัก คือธีโอต้องการพาสาวท้องแก่ฝ่าด่านทหารไปสู่เรือแห่งอนาคต เพื่อคลอดลูกได้ปลอดภัยหรือไม่ ส่วนเส้นเรื่องรอง คือการต่อสู้กับผู้นำเผด็จการของกลุ่มผู้ประท้วง (ฟิช) ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่

จุดเด่นของหนังเรื่องนี้ นอกเหนือจากแง่คิดด้านปรัชญาการเมืองและหลักศาสนาที่สะท้อนแง่มุม ประเด็นปัญหาที่ทันและเข้ากับยุคสมัยแล้ว ส่วนที่เป็นไฮไลต์อีกอย่างก็คือซีนถ่ายลองเทค ในฉากที่ธีโอจะต้องช่วยคีหนีออกจากการสู้รบ ฝ่าฝูงชนกลุ่มกบฏฟิชเพื่อไปยังฐานลับกลางทะเล ซึ่งมุมกล้องที่ถ่าย เป็นมุมกล้องแบบ 360 องศา ซึ่งการณ์ต่อมา เราได้เห็นเทคนิคนี้ของอัลฟองโซ กัวร็องได้นำมาใช้ต่อยอดในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Gravity อีกครั้ง ซึ่งสร้างมิติใหม่และปรากฏการณ์ใหม่ของโลกภาพยนตร์จนได้รับการกล่าวขวัญถึงและได้รางวัลมากมาย กลายเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดของเขา

 ประวัติชีวิตและผลงานของ อัลฟองโซ กัวร็อน

เกิด November 28, 1961 (age 52) Mexico City, Mexico เป็นชาวเม็กซิกัน

ปัจจุบันเขาพักและใช้ชีวิตอยู่ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ,เขาเป็นทั้งผู้กำกับ ,ผู้เขียนบท โปรดิวเซอร์ ,ผู้ตัดต่อลำดับภาพ

สถานภาพพ่อหม้าย  คู่ชีวิต Mariana Elizondo (1980–1993) Annalisa Bugliani (2001–2008)  เขาเคยมีอดีตภรรยาถึง 2 คน

ผลงานสร้างชื่อของเขาได้แก่ Y Tu Mamá También, Children of Men, Gravity, Harry Potter and the Prisoner of Azkaban ,Great Expectations

Feature films (Year Film Credited as  Director  ,Writer  ,Producer  ,Editor  ,Assistant director  ,Associate producer)

1986 Les Pyramides Bleues 

1989 Romero

1991 Sólo con tu pareja

1995 A Little Princess

1998 Great Expectations

2001 Y Tu Mamá También

2004 Harry Potter and the Prisoner of Azkaban   ,Crónicas  ,The Assassination of Richard Nixon

2005 Black Sun

2006 Children of Men   ,Pan's Labyrinth

2007 Year of the Nail 

2008 Rudo y Cursi

2010 Biutiful

2013 Gravity


Short films

• Who's He Anyway (1983)

• Vengeance Is Mine (1983) Co-director

• Cuarteto para el fin del tiempo (1983)

• Paris, je t'aime (2006) (segment "Parc Monceau")

• The Shock Doctrine (2007) Co-writer and Producer (a short film directed by his son Jonás Cuarón, different than book with same name)

Documentary films

• The Possibility of Hope (2007) Short

TV

• La Hora Marcada (1986) (episodes "Ángel Pérez", "El taxi", "Zangamanga", "No estoy jugando" and "A veces regresa")

• Fallen Angels (1993) (episode "Murder, Obliquely")

• Believe (2014)

วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โลก 360 องศา - (เครื่องบินสายการบินแอลจีเรียตกที่มาลี,มาเลย์แอร์ไลน์โดนสอยกลางอากาศ,ยิวจู่โจมภาคพื้นดินในฉนวนกาซ่า,ไต้ฝุ่นรามสูรจ่อถล่มเวียดนามต่อ,กลุ่มอิสลามิสต์ยิงถล่มสนามบินลิเบีย)



ซากของเครื่องบินแม็กดอนเนลล์ดักลาส เอ็มดี-83 ซึ่งเช่ามาจากสายการบิน "สวิฟต์แอร์" ถูกพบในเขตกอสซี ของมาลี ห่างจากชายแดนบูร์กินาฟาโก ไปทางเหนือราว 50 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบจำนวนผู้อยู่บนเครื่องที่ถูกต้อง ด้วยสวิฟต์แอร์ บอกว่ามี 116 คน แต่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ระบุมีผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 118 คน  เครื่องบินลำนี้กำลังมุ่งหน้าสู่กรุงแอลเจียร์ เมืองหลวงของแอลจีเรีย โดยมันประสบอุบัติเหตุท่ามกลางรายงานข่าวเกิดพายุฝนฟ้ารุนแรงในพื้นที่ และยังเกิดขึ้นไม่นานหลังจากนักบินได้แจ้งขอเปลี่ยนเส้นทางสืบเนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย วิดีโอที่เผยแพร่ในวันศุกร์(25) พบเห็นเศษซากเครื่องบินชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดินทรายที่โดยรอบห้อมล้อมด้วยพุ่มไม้เตี้ยๆ ลักษณะดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ามันเกิดการกระแทกอย่างรุนแรง จนซากบนส่วนที่พบเห็นในคลิปแทบดูไม่ออกว่าเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบิน  ทางการบินเปิดเผยว่าผู้ที่อยู่บนเครื่องส่วนใหญ่ 51 คนเป็นชาวฝรั่งเศส ส่วนอื่นๆได้แก่ บูร์กินาฟาโซ 24 ราย, เลบานอน 8 ราย, แอลจีเรีย 6 ราย, แคนาดา 5 คน, เยอรมนี 4 คน, ลักเซมเบิร์ก 2 ราย, เบลเยียม 1 ราย, สวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย, ไนจีเรีย 1 ราย, แคเมอรูน 1 ราย, ยูเครน 1 ราย, โรมาเนีย 1 ราย ขณะที่ลูกเรือ 6 คนทั้งหมดเป็นชาวสเปน ในส่วนของฝรั่งเศส ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ เผยว่าไม่มีใครรอดชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้พบกล่องดำของเครื่องแล้วและกำลังนำมันมุ่งสู่เมืองเกา  เอเอฟพี - วิดีโอและภาพถ่ายชุดแรกจุดตกของเที่ยวบิน AH5017 ของสายการบินแอร์แอลจีเรียในมาลี ถูกเผยแพร่ในวันศุกร์(25) ซึ่งแสดงให้เห็นเศษซากของตัวเครื่องกระจัดกระจายไปตามภูมิประเทศ อันเชื่อได้ว่าเกิดจากกระแทกอย่างรุนแรง ขณะที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ชาติของผู้โดยสารส่วนใหญ่ ยอมรับไม่มีใครรอดชีวิตและพบกล่องดำแล้ว คลิปวิดีโอที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ฟร้องซ์ 2 เป็นภาพที่บันทึกโดยเหล่านายทหารของบูร์กินาฟาโก ซึ่งเป็นประเทศที่เที่ยวบิน AH5017 ขึ้นบินในตอนเช้าวันพฤหัสบดี(24) ก่อนหายไปจากจอเรดาร์


เอเอฟพี/รอยเตอร์ - หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯเชื่อเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส บรรทุกลูกเรือและผู้โดยสาร 295 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวเนเธอร์แลนด์ ถูกยิงตกเหนือท้องฟ้ายูเครนจากขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศในวันพฤหัสบดี(17) โดยไม่ได้พาดพิงว่าเป็นฝีมือใคร แต่มีแนวโน้มว่าฝ่ายกบฏอาจอยู่เบื้องหลัง เหตุอ้างเองเพิ่งสอยเครื่องบินทหารร่วงในพื้นเดียวกัน เลยถูกตั้งข้อสงสัยว่ายิงผิดลำ ขณะที่เหตุการณ์นี้สร้างความหวาดผวาแก่สายการบินต่างๆ จนมีคำสั่งให้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว เจ้าหน้าที่อเมริกาผู้ไม่ประสงค์เอ่ยนามรายหนึ่งเปิดเผยว่าหน่วยวิเคราะห์ข้อมูลข่าวกรองสหรัฐฯ เชื่ออย่างที่สุดว่าขีปนาวุธจากพื้นผิวสู่อากาศยิงเครื่องบินตกและกำลังทบทวนข้อมูลเพื่อสรุปว่าอาวุธดังกล่าวยิงโดยพวกแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียในยูเครน ทหารรัสเซียที่ข้ามพรมแดนเข้ามาหรือกองกำลังรัฐบาลยูเครนกันแน่ รัฐบาลยูเครนกล่าวหาพวกนักรบก่อการร้ายที่กำลังต่อสู้ทางภาคตะวันออกของยูเครนติดกับรัสเซีย ว่าเป็นคนยิงเครื่องบินโบอิ้ง 777 เที่ยวบินเอ็มเอช 17 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ด้วยอาวุธหนักขีปนาวุธจากภาคพื้นสู่อากาศ SA-11 ยุคสมัยโซเวียต ขณะที่เครื่องบินกำลังมุ่งหน้าจากอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ สู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย แต่ทางเหล่าแกนนำฝ่ายกบฏแห่งสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ ปฏิเสธความเกี่ยวข้องใดๆ ฮูอิบ กอร์เตอร์ รองประธานอาวุโสของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เปิดเผยว่าเครื่องบินลำดัวกล่าว มีชาวเนเธอร์แลนด์ อย่างน้อย 154 คน ออสเตรเลีย 27 คน มาเลเซีย 23 คน อินโดนีเซีย 11 คน อังกฤษ 6 คน เยอรมนี 4 คน เบลเยียม 4 คน ฟิลิปิปินส์ 3 คน และแคนาดา 1 คน อย่างไรก็ตามยังมีผู้โดยสารอีก 47 คนที่ยังไม่ทราบสัญชาติแน่ชัด ขณะที่ลูกเรือทั้งหมด 15 คนเป็นชาวมาเลเซีย พวกแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียทางภาคตะวันออกของยูเครน อ้างว่าพบบันทึกกล่องดำของเครื่องบินลำดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน นอกจากนี้แล้วแกนนำรายหนึ่งของพวกเขากล่าวหาว่ากองกำลังยูเครนเป็นคนยิงเอ็มเอช 17 ตก และอ้างว่าฝ่ายกบฏไม่มีอาวุธชนิดใดที่มีแสนยานุภาพยิงเครื่องบินที่บิน ณ ระดับความสูงถึง 10 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามคำปฏิเสธของพวกเขาถูกกัดเซาะโดยพฤติกรรมของนายกอร์ สเตรลคอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังฝ่ายกบฏเอง หลังจากนายคนนี้ เขียนลงบนเว็บเพจสื่อสังคมออนไลน์ของตนเอง เมื่อตอนประมาณ 13.37 จีเอ็มที(ตรงกับเมืองไทย20.37น.) หรือราวครึ่งชั่วโมงก่อนที่เที่ยวบินเอ็มเอช-17 จะสูญหายไปหลังการติดต่อครั้งสุดท้าย ระบุว่านักรบของเขายิงเครื่องบินอานโตนอฟ อาน-26 ตกในพื้นที่เดียวกัน ก่อข้อสัญนิษฐานถึงความเป็นไปได้ในการเข้าใจผิด เว็บเพจดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงอาวุธที่ใช้ยิงเครื่องบิน ซึ่งเจ้าหน้าที่รัสเซียระบุว่ากำลังบินอยู่ระดับความสูงราว 10,000 เมตร(33,000ฟุต) แต่พวกกบฏแบ่งแยกดินแดนเคยโพสต์ลงบนทวิตเตอร์บัญชี "สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์" ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี(17) ว่าพวกเขาสามารถยึดระบบยิงขีปนาวุธที่เรียกว่า "Buk" มาจากทหารยูเครน ที่มีแสนยานุภาพสามารถยิงเครื่องบินที่บินในความสูงระดับนั้นได้ นอกจากสาดโคลนกันไปมาระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับพวกกบฏแล้ว โศกนาฏกรรมครั้งนี้ยังโหมกระพือความตึงเครียดระหว่างเคียฟกับมอสโกด้วย หลังหัวหน้าหน่วยความมั่นคงของยูเครน กล่าวหาเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของกองทัพรัสเซียเกี่ยวข้องกับเหตุเครื่องบินโดยสารถูกยิงตก พร้อมเรียกร้องให้นำคนเหล่านั้นมาลงโทษต่ออาชญากรรมที่ก่อขึ้น วาเลนติน นาลีเวย์เชนโก หัวหน้าหน่วยความมั่นคงของยูเครน อ้างว่าคำกล่าวหาของเขามีพื้นฐานจากการดักฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเจ้าหน้าที่ทั้งสองคน "ตอนนี้คุณรู้แล้ว ว่าใครเป็นก่ออาชญากรรมนี้ เราจะทำทุกอย่างเพื่อนำทหารรัสเซีย ผู้ที่ก่ออาชญากรรมนี้มาลงโทษ"อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียก็ออกมาตอบโต้ในวันศกร์(18) ว่ายูเครนนั่นแหละที่ต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบต่อเหตุเครื่องบินโดยสารถูกยิงตก โดยบอกว่ามันจะไม่เกิดขึ้นเลย หากว่ายูเครนไม่กลับมาปฏิบัติการกวาดล้างทางทหารต่อฝ่ายกบฏอีกรอบ "ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารัฐบาลของดินแดนนั้นต้องรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมที่ตื่นตะลึงนี้" ปูตินกล่าว พร้อมเรียกร้องเจ้าหน้าที่รัสเซีย ดำเนินการทุกทางในความเป็นไปได้ที่จะเข้าช่วยเหลือการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   ความเห็นของนายปูติน มีขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่นายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติออกมาเรียกร้องให้เปิดการสืบสวนนานาชาติอย่างเต็มรูปแบบต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส "ชัดเจนว่ามันจำเป็นต้องมีการสืบสวนอย่างโปร่งใสและมีส่วนร่วมของนานาชาติอย่างเต็มรูปแบบ" เขากล่าวพร้อมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต เหตุการณ์อันเลวร้ายนี้กระพือความตื่นกลัวในอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก โดยสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) เปิดเผยว่าเหล่าสายการบินต่างๆของอเมริกา ยินยอมโดยสมัครใจหลีกเลี่ยงเส้นทางนี้ ส่วนทางยูโรคอนโทรล(ศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศของยุโรป) เผยว่าทางการยูเครนได้ปิดน่านฟ้าเหนือดินแดนทางตะวันออกของประเทศแล้ว ตามหลังโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบินเอ็มเอช 17

รอยเตอร์/เอเอฟพี - เครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส พร้อมลูกเรือและผู้โดยสาร 295 ชีวิต ประสบอุบัติเหตุทางภาคตะวันออกของยูเครน ใกล้ชายแดนรัสเซีย ดินแดนที่กบฏนิยมมอสโกกำลังสู้รบกับกองกำลังรัฐบาล สื่อมวลชนรัสเซียและยูเครนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวด้านการบินพลเรือนและความมั่นคง ด้านประธานาธิบดีเคียฟ สันนิษฐานว่ามันอาจถูกยิงตก สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของยูเครน รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวด้านความมั่นคงเปิดเผยว่าเครื่องบินโบอิ้ง กำลังบินเข้าใกล้เมืองชัคตาร์สก ในจังหวัดโดเนตสก์ ก่อนหายไปจากจอเรดาร์ ณ ความสูง 10,000 เมตรและเวลานี้คณะของหน่วยฉุกเฉินกำลังพยายามเข้าไปให้ถึงจุดดังกล่าว อินเตอร์แฟ็กซ์อ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อบอกด้วยว่าเที่ยวบินจากอัมสเตอร์ดัมสู่กัวลาลัมเปอร์ลำนี้ ประสบอุบัติเหตุก่อนเข้าสู่น่านฟ้าของรัสเซียราว 50 กิโลเมตร จากนั้นก็ถูกพบในสภาพไฟลุกท่วมอยู่บนพื้นดินในอาณาเขตของยูเครนในส่วนของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ยังไม่ยืนยันถึงอุบัติเหตุ แต่ยอมรับในทวิตเตอร์เมื่อวันพฤหัสบดี(17) ว่าพวกเขาขาดการติดต่อกับเที่ยวบิน MH17 จากอัมสเตอร์ดัม และตำแหน่งสุดท้ายของเครื่องบินก็คือเหนือน่านฟ้ายูเครน  เปโตร โปโรเชนโก ประธานาธิบดียูเครน บอกว่าเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส อาจถูกยิงตก "เราไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เครื่องบินถูกยิงตกและขอยืนยันว่ากองทัพยูเครนไม่ได้ยิงใส่เป้าหมายใดๆบนท้องฟ้า" นายโปโรเชนโก ระบุในถ้อยแถลงที่โพสต์บนเว็บไซต์ทำเนียบประธานาธิบดี ส่วนทางนายกรัฐมนตรีอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค สั่งดำเนินการสืบสวนโศกนาฏกรรมดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยยูเครนรายหนึ่งกล่าวโทษว่าพวกก่อการร้ายใช้ขีปนาวุธจากภาคพื้นสู่อากาศ แต่นายอเล็กซานเดอร์ โบโรดาอี ผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของประเทศยูเครน ตอบโต้กลับด้วยกล่าวหาว่าเหตุเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สตก เป็นฝีมือของกองกำลังรัฐบาล "ชัดเจนว่า เครื่องบินโดยสารถูกยิงตกโดยกองกำลังรัฐบาล" เขาให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์รอสซิยา 25 ของรัสเซีย

สื่อรัสเซีย อ้าง กบฏยูเครน เจอ “กล่องดำ” MH17 แล้ว และจะส่งต่อไปให้รัสเซียตรวจสอบหาสาเหตุเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์สตก จนก่อให้เกิดคำถามตามมา รัสเซียจะปกปิดข้อเท็จจริงหรือไม่ ขณะที่ทีมกู้ภัยพบศพเหยื่อเคราะห์ร้ายแล้ว 181 ศพ เมื่อ 18 ก.ค. สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ของรัสเซียรายงานความคืบหน้าโศกนาฏกรรมเครื่องบินโดยสารมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH 17 โดนขีปนาวุธยิงตกทางภาคตะวันออกของยูเครนว่า ขณะนี้ กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน ได้พบ ‘กล่องดำ’ บันทึกเสียงของนักบินและข้อมูลการบิน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาหาสาเหตุเครื่องบินตกแล้ว พร้อมกับจะส่งให้แก่ทางการกรุงมอสโกตรวจสอบต่อไป สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ รายงานอ้างการเปิดเผยของนายแอนดรีย์ เปอร์กิน รองนายกรัฐมนตรีคนแรกของรัสเซีย กล่าวว่า กล่องดำของเที่ยวบิน เอ็มเอช 17 จะถูกส่งมาตรวจสอบ และมอบให้แก่คณะกรรมการการบินระหว่างรัฐ หรือ Interstate Aviation Committe ( IAC) ของรัสเซียในกรุงมอสโก เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณภาพสูง และจะสามารถตรวจสอบหาสาเหตุของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นได้ ด้าน สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานอ้างการเปิดเผยของพยานหลายคนในที่เกิดเหตุเครื่องบินตก ว่า ทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยในยูเครน มีทั้งคนงานเหมืองแร่ ตำรวจท้องถิ่น ได้พบกล่องดำอันที่ 2 ด้วย อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่มีภาพของกล่องดำเผยแพร่ออกมา เพื่อที่จะยืนยันและสร้างความน่าเชื่อถือว่าข่าวการพบกล่องดำเป็นเรื่องจริง อย่างไรก็ตาม ตามที่มีรายงานข่าวออกมาว่า กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในยูเครนอาจ เจอกล่องดำ และไปให้ทางการรัสเซียตรวจสอบนั้น ได้ก่อให้เกิดคำถามว่า ทีมเจ้าหน้าที่ต่างชาติที่จะถูกส่งไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุนั้น อาจไปถึงจุดที่เกิดเหตุช้าเกินไป รวมถึงก่อให้เกิดคำถามว่าทางการรัสเซียจะมีการปกปิดข้อเท็จจริงของโศกนาฏกรรมเอ็มเอช 17 หรือไม่ ด้าน กระทรวงการต่างประเทศยูเครน แถลงพบศพผู้เสียชีวิต เอ็มเอช 17 โดนขีปนาวุธยิงตกในแคว้นโดเนตสก์ แล้ว 181 ศพ จากจำนวนผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องบินทั้งหมด 298 ศพ

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเมื่อวันพฤหัสบดี(17) ออกคำสั่งให้กองทัพเริ่มต้นปฏิบัติการจู่โจมทางภาคพื้นในฉนวนกาซา หลังจากไล่ถล่มทางอากาศมานานกว่า 1 สัปดาห์ อ้างเพื่อปกป้องชีวิตพลเรือนยิว ทำเนียบนายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุว่า "นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมได้มีคำสั่งให้กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอล(ไอดีเอฟ) เริ่มต้นปฏิบัติการภาคพื้นในคืนนี้ เพื่อจัดการกับการลักลอบขุดอุโมงค์จากกาซาเข้าสู่อิสราเอล" ถ้อยแถลงที่เผยแพร่ออกมาในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี(17) อันเป็นวันที่ 10 ของปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพื่อสกัดการยิงจรวดออกมาจากฉนวนของชาวปาเสไตน์ "ตามหลัง 10 วันของการโจมตีทางอากาศและทางทะเล รวมถึงการปฏิเสธซ้ำๆต่อข้อเสนอลดขอบเขตสถานการณ์ของพวกฮามาส กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล จึงได้เริ่มต้นปฏิบัติการทางภาคพื้นภายในฉนวนกาซา" ถ้อยแถลงจากทำเนียบนายกรัฐมนตรีระบุ ในส่วนของกองทัพระบุในถ้อยแถลงว่าปฏิบัติการครั้งนี้มีเป้าหมายต่อปกป้องชีวิตประชาชนชาวอิสราเอล "เป้าหมายของกองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอลซึ่งถูกกำหนดโดยรัฐบาลอิสราเอล ก็คือสร้างสภาพความเป็นจริงที่พลเรือนอิสราเอลสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมั่นคง โดยปราศจากภัยคุกคามที่ไม่เลือกหน้า"ด้านพันโทปีเตอร์ เลอร์เนอร์ โฆษกของกองทัพชี้แจงกับผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่าปฏิบัติการรุกรานทางภาคพื้นของอิสราเอลต่อฉนวนกาซา ไม่ได้มีเป้าหมายโค่นล้มกลุ่มฮามาส ที่ควบคุมฉนวนกาซาอยู่ "มันไม่ใช่เป้าหมายของภารกิจนี้" อย่างไรก็ตามทางฮามาสก็ออกมาตอบโต้ทันที โดยเตือนว่าการรุกรานทางภาคพื้นของอิสราเอลเข้าสู่ฉนวนกาซา จะนำมาซึ่งผลย้อนกลับที่น่าสะพรึงกลัว "มันไม่ได้ทำให้เหล่าผู้นำฮามาสและประชาชนปาเลสไตน์รู้สึกกลัวเลย" โฆษกของฮามาสบอกกับรอยเตอร์ "เราขอเตือนนายเนทันยาฮู ถึงผลย้อนกลับที่น่าสะพรึงกลัวของพฤติกรรมโง่ๆเช่นนี้" อิสราเอล ลงมือปฏิบัติการปกป้องเขตแดน (Operation Protective Edge) มาตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม เพื่อหยุดยั้งการยิงจรวดข้ามพรมแดนออกมาจากฉนวนกาซาของฮามาส ขณะที่กองทัพเผยว่าปฏิบัติการใหม่นี้จะเป็นการโจมตีทั้งทางภาคพื้นและทางอากาศ มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 240 ในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศนับตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ขณะที่ฝั่งอิสราเอลมีผู้เสียชวิตแค่รายเดียว แต่ทางรัฐยิวก็กล่าวหาว่าพวกฮามาสใช้แหล่งชุมชนอำพรางที่ตั้งทางทหาร ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี(17) มีข่าวลือว่าอิสราเอลและฮามาส บรรลุข้อตกลงหยุดยิงระยะยาวที่มีอียิปต์เป็นคนกลางตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00 น.ของวันศุกร์(18) ตามเวลาท้องถิ่น(ตรงกับเมืองไทย 10.00น.) เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามต่อมาทั้งสองฝ่ายก็ออกมาปฏิเสธ

ไต้ฝุ่น รามสูร ยังคงแผ่อิทธิพลสร้างความเสียหายในประเทศเวียดนาม ล่าสุดทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย และทำไร่นาเสียหายอย่างหนัก...สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อิทธิพลจากพายุไต้ฝุ่น 'รามสูร' ที่เคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่ภาคเหนือของประเทศเวียดนามเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย และมีผู้สูญหายอีก 4 คน ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเมื่อวันจันทร์ (21 ก.ค.) ขณะที่ในประเทศจีน จำนวนผู้เสียชีวิตในเส้นทางผ่านของไต้ฝุ่นลูกนี้เพิ่มขึ้นเป็น 26 รายแล้ว คณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมน้ำท่วมและพายุ เผยเมื่อวันจันทร์ว่า พบผู้เสียชีวิต 5 ราย และมีผู้สูญหายอีก 2 หลังเกิดเหตุดินถล่มเนื่องจากฝนตกในช่วงเช้าวันจันทร์ ในจังหวัด ฮา เกียง (Ha Giang) ทางเหนือของเวียดนาม นอกจากนี้ ฝนที่ตกหนักยังทำให้เกิดดินถล่มที่จังหวัด หล่างเซิน (Lang son) ติดชายแดนประเทศจีน มีผู้เสียชีวิต 5 รายเช่นกัน ขณะที่ผู้เคราะห์ร้ายอีก 3 ราย เสียชีวิตเพราะถูกฟ้าผ่า นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่า บ้านเรือนอย่างน้อย 500 หลังได้รับความเสียหาย และพื้นที่ปลูกข้าวราว 4,000 เฮคตาร์ถูกน้ำท่วม หลังจากไต้ฝุ่นรามสูรทำให้เกิดฝนตกหนักในภาคเหนือ วัดปริมาณน้ำได้ระหว่าง 250-550 มม. ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ ไต้ฝุ่นรามสูรสร้างความเสียหายอย่างหนักแก่ภาคเหนือและภาคกลางของประเทศฟิลิปปินส์เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 94 ราย ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าสู่เกาะไหหลำของจีน เมื่อวันศุกร์ (18 ก.ค.) และเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายอย่างน้อย 51,000 หลัง พื้นที่เพาะปลูกถูกทำลาย 40,600 เฮคตาร์ พบผู้เสียชีวิตแล้ว 26 ราย   ไต้ฝุ่นรามสูรถล่มจีนดับ18เตรียมเข้าเวียดนามต่อ (ไอเอ็นเอ็น) พายุรามสูร ย้ายฟากจากฟิลิปปินส์เข้าจีน เสียชีวิตแล้ว 18 ราย ล่าสุด พายุรามสูร เตรียมถล่มเวียดนามต่อไป วันที่ 21 กรกฎาคม 2557 สื่อต่างประเทศรายงานว่า พายุรามสูรที่พัดมาจากฟิลิปปินส์ ได้เข้าถล่มชายฝั่งทางใต้ของจีนที่เกาะไหหนานตั้งแต่วันศุกร์ (18 กรกฎาคม) ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 9 ราย และสูญหายอีก 5 ราย ล่าสุด มีผู้เสียชีวิตจากพายุดังกล่าวในภูมิภาคกวางสีอีก 9 ราย และจะพัดเข้าเขตเวียดนามในเวลาต่อไปตามกรมอุตุนิยมวิทยาของจีนรายงาน อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายจากพายุรามสูร ทางการจีนได้สั่งระงับการเดินทางของขบวนรถไฟในพื้นที่ที่เกิดพายุแล้วกว่า 100 เที่ยว   Typhoon RAMMASUN ไต้ฝุ่น“รามสูร”ได้อ่อนกำลังเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 ที่ละติจูด 15.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 119.1 องศาตะวันออก และขณะนี้ มีศูนย์กลางอยู่***งประมาณ 114 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงมะนิลาประเทศฟิลิปปินส์ กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ 17 กิโลเมตร ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 115 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา จากภาพถ่ายดาวเทียม บ่งบอกว่าพายุมีการอ่อนกำลังลงจากไต้ฝุ่นระดับ2 เป็นระดับ1กำลังเคลื่อนตัวอยู่ที่ทะเลจีนใต้ตอนกลาง ซึ่งจะทวีกำลังขึ้นเป็นไต้ฝุ่นระดับ 2 อีกครั้ง ก่อนพัดเข้ากลางเกะไหหลำ ในช่วงวันที่ 18-19 กรกฎาคม 2557 และจะอ่อนกำลังลงบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน

นักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เสียงยิงกันด้วยอาวุธหนักนั้นได้ยินไปถึงใจกลางเมืองที่ห่างจากสนามบินออกไปประมาณ 25 กิโลเมตร ขณะที่เจ้าหน้าที่สนามบินระบุว่า มีการยิงจรวดเข้ามาในอาณาเขตของสนามบินเมื่อตอนเช้า ช่วงเวลาประมาณ 06.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (11.00 น.ตามเวลาประเทศไทย) ทำให้หลายเที่ยวบินไม่สามารถขึ้นบินได้ หลังจากนั้นก็มีการปะทะกันระหว่างกลุ่มกองกำลังซินตันที่ควบคุมพื้นที่สนามบิน กับอีกฝ่ายที่ต้องการจะขับไล่กลุ่มซินตัน อดีตกองกำลังฝ่ายกบฏจากเมืองซินตัน เมืองในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองหลวง คือกองกำลังสนับสนุนหลักของฝ่ายเสรีนิยมในรัฐสภาลิเบีย ที่ต่อต้านความพยายามของกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ ในการจะเข้ามาแย่งชิงอำนาจหลังการโค่นล้มจอมเผด็จการ มูอัมมาร์ กัดดาฟี “กลุ่มปฏิบัติการปฏิวัติลิเบีย” ที่เกิดจากการรวมตัวกันของบรรดากลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ และถือว่าเป็นกองกำลังของฝ่ายที่เคร่งศาสนาอิสลามในรัฐสภาลิเบีย ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการโจมตีครั้งนี้ โดยมีการระบุไว้ในหน้าเพจเฟซบุ๊กว่า กองกำลังปฏิวัติได้เข้าไปในพื้นที่ของสนามบินในกรุงตริโปลี แล้วปะทะกับกลุ่มติดอาวุธที่อยู่ภายใน การสู้รบกันครั้งนี้ ทิ้งช่วงเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์หลังจากการเลือกตั้งรัฐสภา ที่จะเข้ามาแทน “สมัชชาใหญ่แห่งชาติ” ซึ่งเดิมถูกกุมอำนาจโดยฝ่ายที่เคร่งศาสนาอิสลาม จนทำให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างหนักและถูกกล่าวหาว่าละโมบในอำนาจ  ทั้งนี้ ลิเบียกลายเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยอาวุธ หลังการลุกฮือขึ้นมาต่อต้านรัฐเมื่อปี 2011 แถมยังตกอยู่ในสภาวะบ้านป่าเมืองเถื่อนไร้กฏเกณฑ์ที่ระบาดไปทั่ว ขณะที่บรรดาคณะมนตรีก็มัวแต่แย่งชิงอำนาจกันสำหรับการปะทะกันในสนามบินครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ทางสหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งในลิเบียแค่ไม่กี่ชั่วโมง โดยสหรัฐฯ ระบุว่า ปัญหาความรุนแรงอาจจะลุกลามบานปลายไปทั่ว เว้นเสียแต่ว่ารัฐสภาชุดใหม่จะเข้ารับตำแหน่งและร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยเร็ว เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐอเมริกาเป็นห่วงอย่างมากเกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในลิเบีย รวมถึงเป็นห่วงทัศนคติที่เป็นอันตรายซึ่งอาจทำให้ความขัดแย้งกระจายไปทั่ว พร้อมยืนยันให้การสนับสนุนแก่ลิเบียในช่วงการเปลี่ยนผ่านของระบอบประชาธิปไตย รวมถึงขอให้สมาชิกสภาฯ ชุดใหม่เข้าประจำตำแหน่งโดยเร็ว ขณะเดียวกันการออกรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรจะได้รับการดำเนินการโดยที่ไม่มีเหตุรุนแรงหรือการแทรกแซง อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว (6 ก.ค.) คณะกรรมการเลือกตั้งของลิเบียประกาศไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งจาก 24 หน่วยเลือกตั้งเพราะมีการโกง พร้อมกับระบุว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมาจะยังไม่สามารถประกาศผลได้ไปจนถึงช่วงปลายเดือนนี้ แถมอาจจะได้ผู้แทนฯ แค่ 184 คนเท่านั้น จากทั้งสภา 200 คน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุท่าอากาศยานนานาชาติในกรุงทริโปลี ของลิเบีย ถูกยิงถล่มด้วยจรวดหลายลูกตั้งแต่เมื่อเย็นวานนี้ (14 ก.ค.57) นอกจากนั้นยังสร้างความเสียหายให้กับเครื่องบิน 12 ลำ ที่จอดอยู่ที่สนามบินแห่งนี้ รวมทั้งหอบังคับการบินด้วย ท้ังนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1 รายและได้รับบาดเจ็บอีก 6 ราย อีกทั้งเที่ยวบินทุกเที่ยวที่จะขึ้นลงที่ท่าอากาศยานแห่งนี้ ต้องยกเลิกการเที่ยวบินไปจนถึงวันพุธนี้ ด้านสหประชาชาติประกาศจะถอนเจ้าหน้าที่ในลิเบียกลับทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็เพิ่งเกิดเหตุโจมตีในเมืองเบงกาซี เป็นเหตุให้มีประชาชนเสียชีวิตไป 6 รายและบาดเจ็บอีก 25 ราย ด้านรัฐบาลลิเบียแถลงว่า ได้สั่งการให้ออกไล่ล่ากองกำลังติดอาวุธที่ก่อเหตุแล้ว พร้อมกับเตือนว่า หากกองกองกำลังฝ่ายต่อต้านกลุ่มใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง รัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด สำหรับเหตุปะทะกันระหว่างกองกำลังฝ่ายต่อต้านกับฝ่ายรัฐบาล ยืดเยื้อมาเป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว และที่ผ่านมา รัฐบาลลิเบียพยายามที่จะรักษาความสงบในประเทศ ภายหลังจากประธานาธิบดีโมอัมมาร์ กัดดาฟี ได้ถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อปี 2554 ก่อให้เกิดเหตุวุ่นวายในลิเบีย เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ในประเทศได้

วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โศกนาฏกรรมกรณีคดีของน้องแก้มกับอาชญากรบนรถไฟไทย กับโศกนาฏกรรมกรณีดราม่าความพ่ายแพ้ของเจ้าภาพกับฟุตบอลโลก


ขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัยกับการจากไปของน้องแก้มและครอบครัวด้วย

ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งครับพี่ดาวิด ลุยส์ จากน้องฮาเมสเอง

โศกนาฏกรรมที่เกิดจากแรงกดดัน การประณาม เสียงกร่นด่า ความคาดหวังที่ไม่อยู่บนฐานของเหตุผลและความเข้าใจบนโลกแห่งความเป็นจริง นั้นน่ากลัวและรุนแรงกว่า

โศกนาฏกรรมกรณีน้องแก้มกับอาชญากรบนรถไฟไทย กับโศกนาฏกรรมกรณีดราม่าความพ่ายแพ้ของเจ้าภาพกับฟุตบอลโลก

ในช่วง 2-3 วันนี้ คงไม่มีเรื่องใดเป็นกระแสทอล์คออฟเดอะทาวน์ไปมากกว่า 2 เรื่องนี้อีกแล้ว ทันทีที่ข่าวแพร่สะพัดของการหายตัวไปของน้องแก้ม (ขอสงวนชื่อนามสกุลจริงของน้องเอาไว้) อายุ 13 ปี หน้าตาน้องน่ารักมาก ในคืนวันศุกร์ ติดตามมาด้วยการค้นพบศพของน้องแก้มในพงหญ้าข้างทาง ซึ่งมีร่องรอยของการถูกข่มขืน และตามมาด้วยข่าวการจับกุมผู้ต้องสงสัย (นายวันชัย แสงขาว อายุ 22 ปี)และสุดท้ายยอมรับสารภาพว่าเป็นคนข่มขืนและโยนร่างของน้องลงจากรถไฟในสภาพที่ยังมีลมหายใจอยู่ แต่สุดท้ายก็เสียชีวิต พัฒนาการของการติดตามข่าวของคนไทยและสังคมไทยต่อเหตุการณ์นี้เป็นไปอย่างลุ้นระทึกและสนใจติดตามอย่างใกล้ชิด จนทราบเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าคดีนี้เป็นการข่มขืนและฆ่าเหยื่อเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี จากนั้นก็อำพรางศพโดยการโยนลงจากตู้รถไฟที่กำลังวิ่งอยู่ และที่สะเทือนใจหนักเข้าไปอีกก็เมื่อสืบทราบว่า คนร้ายก็คือพนักงานลูกจ้างที่ทำงานอยู่บนตู้รถไฟนั่นเอง (ก่อนหน้านั้น ผู้ว่าการรถไฟฯ ได้ออกมาให้ข่าวปฏิเสธ โดยบอกว่าเป็นลูกจ้าง บ.สัมปทานรับเหมาปูผ้าเตียงนอนบนรถไฟ แต่ภายหลังก็ยอมรับ จนมุมด้วยหลักฐาน) ซึ่งมีพฤติกรรมทั้งเสพยาบ้า และดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอลล์ในขณะปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งตอนเกิดเหตุไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ แต่มีผู้รู้เห็นและร่วมก่อเหตุด้วยหรือไม่กับนายวันชัยอีก 2-3 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นพนักงานลูกจ้างที่ในขบวนรถไฟ ตามมาด้วยกระแสสังคมที่เฝ้าติดตามข่าวนี้มีทั้งประณามและกดดัน ร่วมแชร์ และนัดจะรวมตัวกัน รณรงค์ ทำจดหมายเปิดผนึกลงชื่อ ร่วมต่อต้านและยื่นข้อเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายให้มีบทลงโทษผู้ที่ทำการข่มขืนควรได้รับโทษสถานเดียวคือประหารชีวิต โดยไม่มีข้อแม้หรือการลดหย่อนผ่อนโทษใดๆ แม้ว่าผู้ต้องหาจะยอมรับสารภาพในที่สุดก็ตาม คำถามที่ตามมามากมายในหลายๆ ประเด็นเกิดขึ้นมากมาย เช่น มาตรการความปลอดภัยบนตู้รถไฟ โดยเฉพาะตู้นอนและเป็นเที่ยวดึก ,ไม่มีตำรวจรถไฟเดินตรวจการณ์เลยหรือ , กฎระเบียบการคัดเลือกรับบรรจุพนักงานเข้าเป็นเจ้าหน้าที่ของการรถไฟ เหตุใดไม่มีการตรวจสอบประวัติภูมิหลัง เพราะทันทีที่ทราบว่าผุ้ต้องหานั้นเสพยาบ้าเป็นประจำ อีกทั้งเคยมีประวัติข่มขืนผู้หญิงมาก่อน เคยต้องคดีเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อนด้วย รวมถึงกฏเกณฑ์ที่หละหลวมอื่นๆ เช่น ไม่มีกล้องวงจรปิดบนตู้รถไฟในตัวอาคารและชานชาลาของสถานีรถไฟ ,เปิดโอกาสให้พนักงานสามารถนำเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ไปดื่มบนรถไฟได้ (โดยเฉพาะในขณะปฏิบัติงาน) ข้ออ้างทีว่ากฎระเบียบเดิมๆ เปิดโอกาสให้สามารถนำเครื่องดื่มขึ้นไปทานบนตู้รถไฟได้ปฏิบัติที่มีมานานแล้ว หรือสามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์บนตู้รถไฟได้ เหตุเช่นนี้ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น หรือเป็นคดีสะเทือนขวัญที่สุด ในรอบ 117 ปีของการก่อตั้งการรถไฟ โดยการให้ข่าวของผุ้ว่าการรถไฟคนปัจจุบัน (คุณประภัสร์ จงสงวน ในขณะนั้น ซึ่งบทความนี้เขียนขึ้นเมื่อวาน ณ ขณะโพสต์บทความนี้ ได้ถูกปลดออกจากตำแหน่งตามประกาศคำสั่งของ คสช.ฉบับที่ 89) ออกมาให้ข่าวแก้เกี้ยว ด้วยการบอกว่าตนเพิ่งมารับตำแหน่งได้ปีเศษ จะให้รู้ทุกเรื่องที่เกียวกับคนรถไฟ หรือน็อตทุกตัวของรถไฟก็คงไม่ใช่ แต่สิ่งที่สังคมตั้งคำถามและกดดันไปยังท่านนั้นก็เพียงต้องการให้ท่านกล่าวขอโทษและแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง มิได้หมายความว่าคนในสังคมคาดโทษว่าท่านต้องเป็นคนทำผิดหรืออยู่เบื้องหลังความผิดพลาดหรือล้มเหลวของการรถไฟ มันไม่ใช่ มันคนละประเด็นกัน ทุกคนในประเทศนี้ รู้ดีว่าปัญหาการรถไฟมีมาช้านาน และหมักหมม ฉาวโฉ่ หยำฉ่ามานานแล้ว เพียงแต่เหตุการณ์นี้มันร้ายแรงและสะเทือนต่อจิตใจของคนทั้งประเทศมากเกินไป เขาต้องการคนที่ออกมาแสดงความรับผิดชอบในเบื้องต้น และคงไม่มีอะไรดีไปกว่า การแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งของผู้ว่าการรถไฟฯ เพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและในฐานะผู้นำองค์กรสูงสุด ซึ่งถือเป็นมารยาทของการแสดงความรับผิดชอบในแบบสากล ที่ในสังคมไหนในโลก เขาก็ทำกัน และไม่ได้เจาะจงเฉพาะตัวไปที่คุณประภัสร์ จงสงวน แต่ประการใด เพราะใครที่มานั่งในตำแหน่งนี้ แล้วต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ก็สมควรจะต้องปฏิบัติเช่นนั้น แต่ท่านกลับให้ข่าวเป็นว่า ไม่ขอลาออก เพราะว่าถ้าลาออกจะเสมือนเป็นการหนีปัญหา และการอยู่ในตำแหน่งจะสามารถทำงานแก้ปัญหาได้มากกว่า ท่านก็เลยถือโอกาส แสดงออกถึงความกระตือรือร้นโดยทันที ว่าจะเข็นมาตรการนั่นนี่โน่น ออกมาเพื่อจะอุดช่องโหว่และรอยรั่วขององค์กรแห่งนี้ ซึ่งทำงานไม่เข้าตาประชาชนมาช้านานแล้ว

หมายเหตุ วันนี้(10 ก.ค. 57)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ออก 5 มาตรการเร่งด่วนดูแลความปลอดภัยผู้โดยสาร พร้อมทบทวนมาตรการสร้างความเชื่อมั่นระยะสั้น-ยาว นำสู่การปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยอย่างยั่งยืนมีดังนี้

1.ทบทวน+ตรวจสอบคุณสมบัติ+สอบประวัติลูกจ้างชั่วคราว90คนที่รับเข้าทำงานล็อตเดียวกับนายวันชัน แสงขาว ตรวจสอบใหม่ทั้งหมด

2.ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม สุขภาพจิตทุกคนก่อนว่าจ้างทำงานทั้งลูกจ้างชั่วคราว+ลูกจ้างประจำ ให้ สตช.ยืนยันประวัติอาชญากรรมจึงให้ปฏิบัติงาน

3.ห้ามขายเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์บนรถไฟ

4.ให้มีรถนอนชั้น 2 เฉพาะผู้หญิง (Lady Car) อย่างน้อยขบวนละ 1 คันในขบวนรถที่มีการพ่วงรถนอน

5.ติดปุ่มแจ้งเหตุฉุกเฉินภายในที่นอนบนขบวนรถนอนทุกคัน

ซึ่งอยากจะบอกว่ามันสายเกินไปมั๊ย เพราะว่าท่านนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้มาปีกว่านั้น ไม่ถือว่าเป็นระยะเวลาที่สั้นเลย สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง ท่านได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง เมื่อปีที่แล้วที่มีข่าวรถไฟตกรางหลายขบวน เรียกว่าเป็นข่าวรายสัปดาห์นั้น ท่านได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง และในกรณีกระแสข่าวเรื่องการสอบบรรจุพนักงานลูกจ้างล็อตที่มีปัญหานี้กว่า 90 คน ซึ่งเป็นการสอบบรรจุที่มีการเปิดโปงว่าใช้เส้นสาย และหย่อนยานการตรวจสอบประวัติภูมิหลังพนักงานอย่างมาก ซึ่ง 1 ในจำนวนนั้น ก็มีนายวันชัย แสงขาวผู้ต้องหาสอบติดเข้ามาเป็นพนักงานและก่ออาชญากรรมจนงามหน้า ประจานองค์กร High Cost Low Service นี้จนไม่เหลือภาพลักษณ์ขององค์กรที่น่าเชื่อถืออยู่เลย (จริงๆ เดิมก็ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว) อีกทั้งยังทำลายชื่อเสียงของประเทศ ฉาวโฉ่ไปทั่วโลกด้วย ก็ต้องถือว่ามันอยู่ในช่วงที่ท่านดำรงตำแหน่งอยู่จะอ้างอะไรมาปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ได้ จริงๆ ดูจากการให้ข่าวและตอบคำถามสื่อที่ยื่นไมค์ถามท่าน ก็พอจะทราบวุฒิภาวะทั้งทางสติปัญญาและอารมณ์ของท่านได้เป็นอย่างดี ก็ทำให้ประชาชนโดยทั่วไปหมดความเชื่อถือ ขาดความเชื่อมั่นในฝีมือการบริหารของท่านไปหมดแล้ว อย่าว่าแต่จะให้นั่งบริหารงานเป็นผู้ว่าการรถไฟฯ เลย เป็นผู้ว่ารถไฟเหาะของแดนเนรมิตก็ยังไม่คู่ควรเลย เพราะว่าหากเกิดอุบัติเหตุจนลูกค้าที่มาใช้เครื่องเล่นได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ท่านก็คงตอบแบบเดียวกันว่า ไม่ขอลาออก จะอยู่เพื่อขอปรับปรุงเครื่องเล่นให้ดีเสียก่อน เพื่อให้บริการลูกค้าคนอื่นๆต่อไป งานนี้สิ่งที่เป็นงานยากและเป็นงานใหญ่ท้าทายขีดความสามารถของผู้ว่าการรถไฟฯคนใหม่ก็คือการกู้ภาพลักษณ์ให้กลับคืนมา การสร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัย ความศรัทธา ไว้วางใจของประชาชนให้กลับมาใหม่ ซึ่งคงเป็นสิ่งที่กว่าจะทำได้คงอีกนาน พร้อมๆ ไปกับการต้องลงไปแก้ไขปัญหาโครงสร้าง และจิตวิญญาณของคนการรถไฟแบบบูรณาการขนานใหญ่ เปลี่ยนวิธีคิด วิธีการทำงาน กระบวนทัศน์ วิสัยทัศน์ เป้าหมาย การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานกันใหม่หมด ต้องทำงานแบบเอกชนมืออาชีพเขาทำงานกัน ไม่ใช่ทำงานแบบข้าราชการเมื่อยุค 117 ปีที่แล้วเขาทำกัน ปรับปรุงการกำกับดูแล ความโปรงใส การบริหารความคาดหวัง การสื่อสารองค์กร ตั้งเป้าหมายเป็นองค์กรธรรมาภิบาลให้ได้ ปรับเป็นระบบให้สัมปทานให้เอกชนเข้ามาบริหารในบางสายเส้นทาง เพื่อก่อให้เกิดการแข่งขันบ้าง สร้างรางคู่หรือ 4 รางเลยก็ได้ ให้มีการวิ่งผ่านไปเหนือใต้ออกตก ได้หลากหลายเส้นทาง เป็นทางเลือกในการขนส่งเดินทางที่สะดวกรวดเร็วและประหยัด จ้างผู้บริหารมืออาชีพที่มีความสามารถจริงๆ มานั่งบริหารและประเมินผลเป็นรายปี ถ้าไม่ผ่านก็ไม่ต่อสัญญาแบบการบินไทย ปตท.เขาทำกัน อยากให้พนักงานของการรถไฟทำหน้าที่แข็งขันเหมือนแอร์สจ๊วตของสายการบินต้นทุนต่ำอย่าง Thaiair Asia ซึ่งคงต้องให้เอกชนทำจะดีกว่า มีพนักงานสาวสวยคอยเสิร์ฟให้บริการ พูดจาดี มีจิตใจให้บริการ (service mind) ,การตกแต่งตู้รถไฟมีความสวยงามสะอาดสะอ้าน เบาะที่นั่งนุ่มไม่แข็ง มีทีวีดิจิตอลให้ดู สถานีรถไฟสะอาด ห้องน้ำสะอาด มีร้านรวงเปิดให้ขายของ แต่ไม่ควรให้หิ้วขึ้นไปขายของบนขบวนรถไฟได้ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีป้ายบอกทาง บอกขบวนรถ เวลา และเที่ยววิ่งขาไป-กลับ สาย,สถานที่ชัดเจน มีจอมอนิเตอร์บอกชัดเจน มีเครื่องตรวจจับวัตถุ มีกล้องวงจรปิด บลาๆๆๆ (ฝันไปหรือเปล่า...ท่านผู้ชม) คิดว่าถ้าอยากจะยกระดับมาตรฐานการรถไฟไทย ก็ต้องทำอย่างที่ผู้เขียนเสนอแนะมา มิเช่นนั้นก็จะล้าหลังที่สุดในอาเซี่ยนต่อไป คิดว่าถ้าทำการยกเครื่องทั้งระบบแล้ว ในช่วงแรกค่าโดยสารอาจจะถูกมองว่าแพง จนคนจนหรือคนส่วนใหญ่ที่เป็นคนต่างจังหวัดซึ่งเป็นตลาดสำคัญไม่สามารถใช้บริการได้ แต่หากเปิดเส้นทางได้หลากหลายเส้นทางเป็นระยะสั้นบ้าง ยาวบ้าง มีการบริการที่ดีทุกด้าน วันข้างหน้าการแข่งขันจะทำให้ค่าโดยสารถูกลงเอง หรือไม่ก็อยู่ในสภาพที่สมดุลคุ้มค่ากับการบริการ

มุมมองที่เกี่ยวกับจำเลยหรือผู้ต้องหาบ้าง ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าไม่ค่อยมีคนพูดถึงหรือให้ความสำคัญ ซึ่งจริงๆแล้วก็คือต้นตอของอาชญากรรมในสังคมไทย โดยมากสังคมไทย พอเกิดเหตุร้ายแรงแล้วก็จะมองไปที่ปลายเหตุ คือให้ไปแก้ที่กฎหมาย แต่จริงๆ ควรแก้ที่ต้นเหตุของปัญหา หรืออย่างน้อยควรจะมีการรณรงค์ในส่วนของต้นตอของปัญหาควบคู่ไปด้วย อะไรคือต้นตอของปัญหาบ้าง

-เบ้าหลอมทางสังคมหรือครอบครัว หรือแบ็คกราวน์ ของชายคนนี้ ซึ่งจริงๆ ก็ต้องถือว่าเขายังเป็นคนอายุน้อย จิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม ประสบการณ์ในชีวิตยังไม่มาก หน้าที่การงาน การศึกษา ฐานะทางครอบครัว เป็นอย่างไร สื่อมวลชนทั้งหลายช่วยไปเจาะประวัติที ว่าเป็นอย่างไร สภาพแวดล้อมที่เขาอยู่ เป็นเด็กมีปัญหาหรือไม่ ครอบครัวขาดความอบอุ่นหรือไม่ (บางคนอาจจะบอกว่า ไม่ต้องไปสืบหรอก ร้อยทั้งร้อยเป็นเด็กมีปัญหาทั้งสิ้น และฐานะ การศึกษาไม่ได้ช่วยอะไร ลองดูกรณีของเด็กหนุ่มที่ฆ่ายกครัวของตนเอง เป็นเด็กที่เรียนดี ฐานะทางบ้านดี ก็ยังตัดสินใจก่ออาชญากรรมขั้นร้ายแรง ปิตุฆาตได้ ดู link ข่าวนี้ http://www.manager.co.th/AstvWeekend/ViewNews.aspx?NewsID=9570000029491 ) ล่าสุดพ่อของนายวันชัย ผู้ต้องหารายนี้ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวและออกรายการทางโทรทัศน์ช่อง อมรินทร์ทีวี โดยเปิดเผยภูมิหลังของเด็กคนนี้และนิสัยใจคอ

-ค่านิยมของสังคมไทย ที่หากเกิดเป็นลูกผู้ชาย ควรหัดให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ตั้งแต่วัยรุ่น หรือพฤติกรรมเลียนแบบ พ่อแม่พี่น้องญาติ ตั้งวงดื่มเหล้าเบียร์ทุกเย็นหรือหลังเลิกงาน จนกลายเป็นค่านิยมในสังคมไทย โดยเฉพาะพี่น้องตามต่างจังหวัด ซึ่งไม่แปลกใจว่าประเทศไทยติดอันดับเป็นประเทศที่มียอดขายสุรา แอลกอฮอลล์ติดอันดับโลก และมีนักดื่มเป็นอันดับ 5 ของโลก, ดู link ข่าวนี้http://cas.or.th/index.php/news/7798 กับ https://th-th.facebook.com/NationChannelTV/posts/10152290798863083 ) ถ้าไม่มีการแก้ไขหรือรณรงค์ปรับเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องนี้ให้กับเยาวชน คนรุ่นใหม่ให้เลิกทดลอง หรือเสพติดการดื่มเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ เห็นทีปัญหาอาชญากรรมคงไม่ลดลง เพราะสิ่งเหล่านี้แหละคือต้นตอของปัญหาอาชญากรรมเพราะเวลาเมาแล้วจะขาดสติ ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ บางคนอาจจะเถียงว่าฉันดื่ม แต่ไม่เคยไปก่ออาชญากรรมในทีใดให้ใครเดือดร้อนมาก่อน อย่ามาเหมาเข่งรวมกล่าวหากัน ก็จะขอบอกว่าเรารณรงค์ในหมู่เยาวชน คนรุ่นใหม่เท่านั้น ที่เขายังอ่อนประสบการณ์และถูกชักจูงให้ลองง่ายๆ เท่านั้น หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะบรรดาพวกไม้แก่ดัดยากนั้น คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม และครรลองของกฏหมายจะไว้คอยเล่นงานหรือลงโทษ หากเกิดเหตุขึ้นมา)

-ปัญหายาเสพติด ยังคงมีระบาดอยู่ในสังคมไทย เหตุก็เพราะว่า ชายคนนี้ยังสามารถซื้อยาบ้ามาเสพได้ง่ายๆ จากสตรีคนหนึ่งที่นำมาขายให้บริเวณสถานีรถไฟ ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนออกจากสถานี ตรงนี้ต้องมีการตรวจสอบ กวาดล้างให้สิ้นซาก อย่าให้มีซื้อขายกันง่ายราวกับร้านเซเว่น

-สื่อมวลชน ละครโทรทัศน์ เซเลบหรือคนดังทั้งหลาย มักมีส่วนชี้นำ ชักจูง กระตุ้น และสร้างค่านิยมที่ไม่ดีให้กับวัยรุ่นเอาเป็นแบบอย่าง หรือพฤติกรรมเลียนแบบ ไม่ว่าจะเป็นการลงภาพโป๊ ล่อแหลม การแต่งกายล่อแหลมของบรรดานักแสดงที่เป็นไอด้อลคนดัง บทละครที่มีฉากข่มขืน โป๊เปลือยอนาจาร บทเข้าพระเข้านางแบบจงใจขายความเซ็กซี่ โดยที่สถานีโทรทัศน์และกสทช.ไม่ช่วยกันตรวจสอบหรือควบคุม หรือแม้กระทั่งภาพความรุนแรง ประเภทอื่นๆ เช่น การจิก ตบ การด่าทอด้วยภาษา วาจาที่ไม่สุภาพ การพูดประชดประชันเสียดสีด้วยท่าที สีหน้าของนักแสดง ฯลฯ มากมาย มีส่วนที่ทำให้ไปกระตุ้นหรือเกิดการชี้นำความคิด พฤติกรรมการลอกเลียนแบบ แม้อาจจะไม่จงใจ หรือรุนแรงต่อกันในความเชื่อของคนดูละครจริงๆ แต่เมื่อผ่านการตอกย้ำ ซ้ำๆ บ่อยๆ เข้าก็อาจกลายเป็นพฤติกรรมที่คุ้นชินไปโดยปริยาย และฝังลึกในมโนสำนึกของเด็กเยาวชน ที่ยังไม่มีวิจารณญาณที่ดีพอ หรือมีจริยธรรมศีลธรรมในจิตใจอย่างเข้มแข็ง ทั้งหลายทั้งปวงนั้น เป็นที่มาของการก่ออาชญากรรมโดยลอกเลียนแบบจากสื่อในทีวี ภาพยนตร์ เกมส์ หนังสือ เป็นผู้ชี้นำ สร้างอิทธิพลหรือแรงบันดาลใจอย่างไม่รู้ตัว เป็นต้น

กรณีดราม่า ผลการแข่งขันฟุตบอลโลกระหว่างบราซิล vs เยอรมัน


ผลการแข่งขันที่เป็นอภิมหาช็อคโลกนี้ ด้วยผลการแข่งขันที่ออกมาว่า ทีมบราซิลพ่ายยับต่อทีมเยอรมัน ด้วยสกอร์ 1:7 ลูก ไม่เพียงสร้างผลกระทบกระเทือนจิตใจแค่ผู้เล่นในทีมบราซิล โค้ช ประชาชนคนดูซึ่งเป็นชาวบราซิลทั้งประเทศเท่านั้น แต่ยังผลไปถึงแฟนบอลบราซิลทั่วโลกด้วย มูลเหตุจูงใจ ก็มีหลายกระแสต่างพูดกันว่า สภาพจิตใจของผู้เล่นนั้นไม่แข็งแกร่ง และเริ่มออกอาการไม่ดีมาตั้งแต่รอบ 16 ทีมแล้ว ที่ขนาดจะต้องจ้างนักจิตบำบัดเข้าไปทำการรักษาสภาพจิตใจและปลุกเร้าให้กับผู้เล่นในทีมบราซิลให้มีความฮึกเหิมและคลายความกดดันในทีมเสีย พอผ่านมาถึงรอบตัดเชือกเหลือ 4 ทีมสุดท้ายนั้น ก่อนแข่งก็ต้องเสียผู้เล่นคนสำคัญไป 2คน ซึ่งเป็นหัวใจของทีมอย่าง เนย์มาร์และซิลวา ซึ่งเป็นเพลย์เมกเกอร์ของทีม ยังผลให้สภาพในทีมระส่ำระสาย ต้องหาผู้เล่นคนอื่นที่มีศักยภาพด้อยกว่ามาลงเล่นแทน และปรับแผนการเล่นใหม่ จนยังผลมาถึงผลการแข่งขันกับทีมเยอรมัน ที่ทำให้ปราชัยพลาดท่าแพ้เสียประตูเป็นสถิติสูงสุดของทีมและของเจ้าภาพบอลโลกด้วย กลายเป็นตราบาปของผู้เล่นในทีมชุดนี้ โค้ช และประชาชนคนดูที่รับไม่ได้ เพราะถือว่าตนเองได้เปรียบในฐานะเจ้าภาพแล้ว ภายหลังทราบผลการแข่งขันของแม็ทช์นี้ โดยที่ผุ้เขียนไม่ได้ดูตอนถ่ายทอดสด ได้มาดูตอนที่เป็นเทปและภาพข่าวแล้ว ก็รู้สึกเสียใจและสงสารผู้เล่นบางคนเช่นกัน ภาพที่ดาวิด ลุยส์เดินลูบหัวปลอบประโลมฮาเมส รอดริเกวซ ศูนย์หน้าดาวรุ่งของทีมโคลัมเบีย ในนัดที่บราซิลเฉือนชนะโคลัมเบียนั้น เป็นอารมณ์เดียวกับที่ดาวิด ลุยส์ยืนร้องไห้ ในฐานะสวมปลอกกัปตันทีมบราซิล โดยมีดิอาโก้ ซิลวา เพื่อนร่วมทีมเข้ามาปลอบ ไม่คิดว่าจะได้เห็นฉากดราม่าสุดบรรยายในฟุตบอลโลกหนนี้ นาทีแห่งความผิดหวัง พลาดหวัง ปราชัย นั้นเป็นอารมณ์เดียวกัน เทียบแบบช็อตต่อช็อต ผู้เขียนเห็นแล้วทั้งเสียใจและน้ำตาไหลไปกับพวกเขาเช่นกัน เห็นภาพนั้นแล้วนึกไปถึงตอนดูหนังเรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาคล่าสุด ตอนสงครามยุทธหัตถี อารมณ์ตอนที่มังสามเกียด (พระมหาอุปราชา) ต้องออกไปท้ารบสู้กับพระนเรศวร ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนเองต้องพ่ายแพ้ หากออกรบในตอนนั้นโดยมีโหรมาทำนายไว้แล้ว แต่ก็จำใจต้องออกไปรบ แสดงความกล้าให้พระราชบิดา (พระเจ้านันทบุเรง)ได้ทรงเห็น ด้วยแรงปรามาส ดุด่า นั้นเป็นแรงกดดัน แบบเดียวกับที่ทีมบราซิลเจอ ก็คือแบกรับเอาแรงกดดัน ความคาดหวังจากประชาชนคนของเขาทั้งประเทศ แบกเอาศักดิ์ศรีความเป็นแชมป์ 5 สมัย ทีมแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติด้านฟุตบอล ในสภาพคนเราที่ต้องมีวันต้องท้อ ต้องเหนื่อย ต้องอ่อนแอ ต้องการกำลังใจอย่างสูงส่ง บางครั้งโชคไม่ช่วย ไม่สามารถเค้นฟอร์มหรือศักยภาพได้สูงสุดออกมาได้ในวันนั้น ขาดซึ่งปัจจัยเกื้อหนุนต่างๆ ทำให้ปราชัยอย่างง่ายดาย



ดังนั้น สิ่งที่ผู้เขียนคิดว่ามูลเหตุของความปราชัยนั้นอยู่ที่สภาพจิตใจของผู้เล่นในทีมมีส่วนสำคัญที่สุด ซึ่งผสมรวมกันมากับความกดดัน แบกเอาความคาดหวังที่สูงลิ่วของคนทั้งประเทศ บวกกับศักยภาพ ความไม่พร้อมในทีม เป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมนี้ขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงอยากให้กำลังใจทีมบราซิลชุดนี้ให้สู้ต่อไป ให้กำลังใจโค้ช ที่ทำดีที่สุดแล้ว ให้กำลังใจแก่ประชาชนชาวบราซิล ที่ทำหน้าที่ของความเป็นเจ้าภาพได้อย่างสมบูรณ์ดีแล้ว การไม่ได้แชมป์ในหนนี้ ไม่ใช่ความเสียหาย เสียหน้าแต่ประการใด โอกาสหน้ายังมี ค่อยแก้ตัวใหม่ ยังไงเสียทีมบราซิลก็ยังคงเป็นทีมฟุตบอลโลกที่ยิ่งใหญ่ในใจของคนทั่วโลกอยู่ดี กลับไปปรับปรุงแก้ไขจุดบกพร่องและสร้างทีมขึ้นมาใหม่ กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งเสมอ เปรียบดังคนเรา ย่อมต้องเคยเจออุปสรรค ความผิดพลาด ความล้มเหลว คนล้มแล้วอย่าข้าม โปรดช่วยกันให้กำลังใจแก่เขา ให้ลุกขึ้นแล้วสู้ต่อไป เพราะบาดแผลของความล้มเหลวว่าเจ็บแล้ว ต้องรอเวลาของการเยียวยารักษานานพอสมควร ไม่ควรที่คนผู้นั้นจะต้องถูกแทงซ้ำที่บาดแผลเดิม จากอาวุธที่เรียกว่าเสียงกร่นด่า ประณาม เยาะเย้ย ถากถาง เสียดสี ประชดประชัน ซ้ำเข้าไปอีก จะทำให้บาดแผลนั้นฝังลงไปในจิตใจจนไม่อาจจะลบลืมเลือนได้ กลายเป็นโศกนาฏกรรมซ้ำดาบสอง

วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โลก 360 องศา - (กลุ่มฮามาสลั่นจะแก้แค้นแทนปาเลสไตน์ต่อพวกยิว,ไต้ฝุ่นนอกูรีถล่มญี่ปุ่น,กลุ่มติดอาวุธบุกยึดวัสดุนิวเคลีร์ที่อิรัก,เลือกตั้งปธน.อินโดนีเซีย)

หนังสือพิมพ์เยรูซาเล็ม เพรสส์ ฉบับออนไลน์ รายงานว่า กลุ่มฮามาส ใช้ภาษาฮิบรูในคลิปวิดิโอล่าสุด ในการทำสงครามจิตวิทยา เพื่อข่มขวัญชาวอิสราเอล ด้วยการบอกให้ชาวยิว ทั้งหลาย รอดูการโจมตีด้วยการไล่แทงในทุกหนทุกแห่ง รอคอยการโจมตีแบบพลีชีพบนรถบัสโดยสารทุกคัน รวมถึงตามคาเฟ่และบนถนน ซึ่งการออกวิดิโอข่มขู่ของฮามาส มีขึ้นในขณะที่กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล หรือ IDF ใช้ "ยุทธการปกป้องชายขอบ" ถล่มกาซ่า มีเป้าหมายเพื่อยับยั้งจรวดที่ยิงโจมตีชุมชนต่าง ๆ ของอิสราเอล หน่วยวิทยุกองทัพอิสราเอลรายงานวันนี้ (8 ก.ค.) ว่า เครื่องบินอิสราเอลยิงถล่มเป้าหมาย 50 แห่งในฉนวนกาซาเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้มีชาวปาเลสไตน์บาดเจ็บ 12 คน และมีบ้านเรือนเป้าหมายได้รับความเสียหายจำนวนหนึ่งในบริเวณเมืองข่านยูนิส โดยการตอบโต้ครั้งนี้มีขึ้นหลังจากกลุ่มฮามาสยิงจรวดมากถึง 85 ลูกเข้าไปยังภาคใต้ของอิสราเอลตั้งแต่เมื่อวันจันทร์จนถึงเช้าวันนี้ และเครื่องบินอิสราเอลได้โปรยใบปลิวในฉนวนกาซาขอให้ชาวบ้านแจ้งเบาะแสที่ตั้งของนักรบฮามาส ขณะเดียวกันกองทัพอิสราเอลเรียกทหารกองหนุน 1,500 นายเข้าประจำการในขณะที่ปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้กำลังจะกลายเป็นการโจมตีในดินแดนปาเลสไตน์ครั้งใหญ่ครั้งที่ 3 ในรอบ 6 ปี   กลุ่มติดอาวุธของกลุ่ม ฮามาส ของปาเลสไตน์ ประกาศจะแก้แค้นอิสราเอลที่โจมตีฉนวนกาซา จนทำให้สมาชิกของกลุ่มเสียชีวิต 8 รายเมื่อวันจันทร์...สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 7 ก.ค. ว่า กลุ่มติดอาวุธของกลุ่ม 'ฮามาส' ของปาเลสไตน์ ประกาศว่าอิสราเอลจะต้องชดใช้ในราคาที่สูงมาก หลังสมาชิกของกลุ่ม 8 คนถูกสังหารในการโจมตีด้วยมิสไซล์ ที่อุโมงค์ลักลอบเข้าเมืองใกล้เมืองราฟาห์ ทางใต้ของฉนวนกาซาและการโจมตีในพื้นที่อื่นๆ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กองกำลัง 'อิซซ์ อัล-ดิน อัล-คัสซาม' กลุ่มติดอาวุธของกลุ่มการเมืองฮามาสของปาเลสไตน์ ระบุว่า เครื่องบินรบของอิสราเอลโจมตีเป้าหมายในเมืองราฟาห์ ทำให้สมาชิกของกลุ่มอย่างน้อย 6 คนเสียชีวิต แต่แหล่งข่าวบอกต่อสำนักข่าวบีบีซีในภายหลังว่า ที่จริงแล้วคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่สื่ออิสราเอลระบุว่า มิสไซล์ไปตกที่อุโมงค์ดังกล่าวโดยไม่ได้ตั้งใจ กองกำลัง อิซซ์ อัล-ดิน อัล-คัสซาม ยังอ้างด้วยว่า มีอากาศยานไร้พลขับลำหนึ่ง โจมตีเป้าหมายในเมืองทางเหนือของฉนวนกาซา ทำให้นักรบของกลุ่มเสียชีวิต 1 ราย และมีอีก 2 รายเสียชีวิตในการโจมตีอีกจุดหนึ่งในพื้นที่ทางตะวันออกของค่ายผู้อพยพ 'บูเรจ' ตอนกลางของฉนวนกาซา ทั้งนี้ ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังเกิดเหตุอุ้มฆ่าเผาทั้งเป็น นายโมฮัมเหม็ด อาบู คาดาอีร์ ชาวปาเลสไตน์ อายุ 16 ปี เมื่อกลางสัปดาห์ก่อน จนทำให้ชาวปาเลสไตน์ที่โกรธแค้นออกมาประท้วงและปะทะกับเจ้าหน้าที่ของอิสราเอล ขณะที่กลุ่มติดอาวุธของฮามาส ก็ยกระดับการโจมตีด้วยมิสไซล์และปืนใหญ่ใส่อิสราเอลขึ้นเช่นกัน พันโท ปีเตอร์ เลอร์เนอร์ โฆษกกองทัพอิสราเอลระบุว่า กองทัพดำเนินการโจมตีพื้นที่ 14 จุดในกาซา เพื่อตอบโต้กลุ่มติดอาวุธที่ยิงมิสไซล์และปืนใหญ่ถึง 39 ลูก โจมตีภาคใต้ของอิสราเอล เนื่องจากเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ และจะโจมตีต่อไปเพื่อทำลายคลังแสงและขีดความสามารถในการผลิตมิสไซล์ของฮามาส


ญี่ปุ่น-ไตัฝุ่น"นอกูรี"พัดถล่มโอกินาวา ตาย 2 ไต้ฝุ่น"นอกูรี"คร่าชีวิตประชาชนไป 2 คนแล้ว หลังพัดถล่ม เกาะโอกินาวา ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นโดยผู้เสียชีวิตเป็นชายวัย 62 ปีพลัดตกจากเรือหลังเกิดคลื่นสูงและลมแรง ส่วนผู้เสียชีวิตอีกรายเป็นชาวประมง 81 ปี ในจังหวัดคุมาโนโตะ รายงานยังระบุด้วยว่า มีผู้บาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 26 คน ทางการแนะนำประชาชนกว่า 600,000 คนที่อาศัยใกล้ชายฝั่งและพื้นที่ต่ำอพยพออกจากพื้นที่ แต่มีเพียง 1,000 คนที่ยอมอพยพ อย่างไรก็ตามทางการญี่ปุ่นได้ยกเลิกคำเตือนพายุไต้ฝุ่นนอกูรีที่เข้าพัดถล่มเกาะโอกินาวา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้ว หลังพายุดังกล่าวอ่อนกำลังลงและเคลื่อนตัวผ่านเกาะโอกินาวาไปแล้ว ไต้ฝุ่นนอกูรีพัดถล่มโอกินาวา ด้วยความเร็วลม 216 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สร้างความเสียหายให้บ้านเรือน ร้านค้า ต้นไม้หักโค่น ทับสายไฟขาด รถยนต์หลายคันคว่ำ เนื่องจากลมแรง ขณะที่ประชาชนกว่า 100,000 คนไม่มีไฟฟ้าใช้ นอกจากนี้ สนามบินเกาะโอกินาวะต้องยกเลิกเที่ยวบินกว่า 100 เที่ยวบิน โดยขณะนี้ ร้านค้า โรงเรียน และสนามบินต้องปิดทำการชั่วคราว

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว แจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับพายุไต้ฝุ่นนี้ว่าขณะนี้จังหวัดโอกินาวะได้ประกาศปิดท่าอากาศยานนาฮะ รวมทั้งได้ยกเลิกการเดินทางทางเรือไปยังเกาะต่างๆ ภายในจังหวัดโอกินาวะแล้ว ส่วนท่าอากาศยานนาริตะ ฮาเนดะ และคันไซ ยังเปิดให้บริการตามปกติ นอกจากนี้ได้ประกาศเตือนคนไทยในญี่ปุ่นทางเว็บไซต์ http://www.thaiembassy.jp ว่า ควรงดการเดินทางไปยังจังหวัดโอกินาวะในช่วง 2-3 วันนี้ และหากประสงค์ขอรับความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน ให้ติดต่อที่ฮอตไลน์ +819044357812 ขณะนี้พายุไต้ฝุ่นนอกูรีเคลื่อนผ่านโอกินาวาแล้ว และผ่านเมืองสำคัญอาทิ นางาซากิ และฟูกูโอกะ ของเกาะคิวชูและกำลังเคลื่อนผ่านไปทางทะเลจีนตะวันออก คาดว่า ในกลางดึกคืนนี้จะขึ้นฝั่งที่เกาะคิวชูด้วยความเร็วลดลงเหลือประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะอ่อนกำลังลงกลายเป็นพายุโซนร้อน


อิรักเผยกลุ่มก่อการร้ายยึด “วัสดุนิวเคลียร์” ภายในมหาวิทยาลัยเมืองโมซุล-ร้อง UN เร่งป้องกันความเสี่ยง รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – รัฐบาลอิรักยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือจากองค์การสหประชาชาติ กรณีกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์บุกยึด “วัสดุนิวเคลียร์” เพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ภายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของประเทศ โดยขอให้ยูเอ็นช่วย “ยับยั้งอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการที่กลุ่มติดอาวุธนำวัสดุเหล่านั้นออกมาใช้ ทั้งในอิรักและต่างแดน” โมฮาเหม็ด อาลี อัล-ฮากีม เอกอัครราชทูตผู้แทนอิรักประจำยูเอ็น ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยัง บัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม เกี่ยวกับสารประกอบยูเรเนียมเกือบ 40 กิโลกรัมที่ถูกเก็บไว้ภายในมหาวิทยาลัยโมซุล “กลุ่มก่อการร้ายได้เข้ายึดครองวัสดุนิวเคลียร์ในสถานที่ซึ่งรัฐไร้อำนาจควบคุม” อัล-ฮากีม ระบุ พร้อมเตือนว่าสารอันตรายเหล่านั้น “อาจถูกนำไปผลิตเป็นอาวุธทำลายล้างสูง” “วัสดุนิวเคลียร์แม้มีจำนวนจำกัดดังที่ได้กล่าวไปแล้ว แต่กลุ่มติดอาวุธก็อาจนำไปใช้งานเดี่ยวๆ หรือใช้ร่วมกับวัสดุอื่นๆ เพื่อก่อการร้าย หากมีความชำนาญพอ” อัล-ฮากีม ยังเตือนด้วยว่า วัสดุอันตรายเหล่านี้อาจถูกลักลอบนำออกไปจากอิรัก

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งทราบรายละเอียดเรื่องนี้ชี้ว่า วัสดุนิวเคลียร์ที่กลุ่มติดอาวุธยึดไปไม่น่าจะเป็นยูเรเนียมสมรรถนะสูง ดังนั้นจึงยากที่จะนำไปผลิตอาวุธได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอีกรายก็กล่าวทำนองเดียวกันว่า ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นยังไม่เป็นภัยคุกคามในมุมมองของวอชิงตัน กลุ่มติดอาวุธมุสลิมสุหนี่ที่เรียกตนเองว่า “รัฐอิสลาม” (Islamic State – IS) สามารถยึดครองพื้นที่ตอนเหนือของอิรักและซีเรียได้อย่างกว้างขวาง โดยก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเป็นที่รู้จักในชื่อ “รัฐอิสลามในอิรักและเลแวนต์” (ISIL) “สาธารณรัฐอิรักได้แจ้งให้ประชาคมโลกทราบถึงอันตรายที่เกิดขึ้น และขอความช่วยเหลือหรือการสนับสนุน เพื่อยับยั้งอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการที่กลุ่มติดอาวุธนำวัสดุเหล่านั้นออกมาใช้ ทั้งในอิรักและต่างแดน” อัล-ฮากีม ระบุในจดหมาย ทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) แถลงว่า รัฐบาลอิรักได้ลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันทางกายภาพต่อวัตถุนิวเคลียร์ (Convention on the Physical Protection of Nuclear Material) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(7) ซึ่งกำหนดให้รัฐภาคีต้องป้องกันโรงงานและวัสดุนิวเคลียร์ให้มีความปลอดภัย ทั้งระหว่างการใช้งานที่มีจุดประสงค์เชิงสันติ การเก็บรักษา และการขนส่ง “อนุสัญญาฉบับนี้ยังกำหนดมาตรการความร่วมมือระหว่างรัฐภาคีในการค้นหาและกู้คืนวัสดุนิวเคลียร์ที่ถูกขโมย บรรเทาผลทำลายล้างที่เกิดจากรังสี ตลอดจนป้องกันและต่อต้านการละเมิดที่เกี่ยวข้อง” ไอเออีเอ ระบุ

เอเจนซีส์ - ลุ้นระทึกศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอินโดนีเซียในวันพุธ (9 ก.ค.) ซึ่งถือได้ว่าเข้มข้นและคู่คี่ที่สุด โดยหลังจากปิดหีบลงคะแนนไม่นาน ผู้สมัครทั้งสองคนต่างอ้างตัวเป็นผู้ชนะ ขณะที่ผลสำรวจอย่างไม่เป็นทางการแต่แม่นยำมากชี้ว่า “โจโควี” ผู้ว่าจาการ์ตา นำพลโท “สุเบียนโต” อดีตบุตรเขยของอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โต อย่างเฉียดฉิวไม่ถึง 5% ทั่วทั้งประเทศอินโดนีเซีย เปิดหน่วยเลือกตั้งให้ไปใช้สิทธิเลือกประธานาธิบดีกันเมื่อวันพุธ (9) โดยผลการนับคะแนนด่วนอย่างไม่เป็นทางการแต่แม่นยำอย่างมากที่เรียกว่า “quick count” ระบุว่า โจโค วิโดโด ผู้ว่าการมหานครจาการ์ตา กวาดคะแนนไป 52% จากบัตรเลือกตั้งที่นับแล้ว 80% ขณะที่ ปราโบโว สุเบียนโต ได้คะแนน 48% ทั้งนี้ ควิกเคาต์ เป็นการสุ่มนับคะแนนจากทั่วประเทศ ที่สามารถคาดการณ์ผลได้อย่างแม่นยำเป็นที่เชื่อถือกันมากนับตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปในปี 2004 ขณะที่ผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการจริงๆ คณะกรรมการการเลือกตั้งมีกำหนดจะประกาศในวันที่ 22 กรกฏาคม ทั้งนี้สืบเนื่องจากอินโดนีเซียประกอบด้วยหมู่เกาะกว่า 17,000 เกาะ อยู่ใน 3 เขตเวลา และมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรวมจำนวนถึง 190 ล้านคน “ณ ขณะนี้ ควิกเคาต์ชี้ว่า โจโควี-คัลลา เป็นผู้ชนะ” ผู้ว่าการ วิโดโด หรือที่รู้จักเรียกขานกันในชื่อ “โจโควี” แถลงเช่นนี้หลังจากการลงคะแนนตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ปิดลงไม่กี่ชั่วโมง โดยที่ “คัลลา” ซึ่งเขากล่าวถึงนั้น หมายถึง ยูซุฟ กัลลา ผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในทีมของเขา อย่างไรก็ดี ขณะที่ผู้สนับสนุนโจโควีร่วมยินดีกับชัยชนะอยู่นั้น โมฮัมหมัด มาห์ฟูด ผู้รับผิดชอบทีมรณรงค์หาเสียงของสุเบียนโตก็แถลงตอบโต้ว่า ควิกเคาต์ภายในของโพล 3 สำนักชี้ว่า สุเบียนโต-ฮัตตา ต่างหากที่คะแนนกำลังนำ ทั้งนี้ ฮัตตา ที่เขากล่าวถึงคือ ฮัตตา ราจาซา ผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในทีมของสุเบียนโต กระนั้น มาห์ฟูดก็ขอให้ผู้สนับสนุนสุเบียนโตอยู่ในความสงบขณะที่ทางการยังคงนับคะแนนอยู่

ทางด้านประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุทโธโยโน เรียกร้องให้ผู้สมัครทั้งสองฝ่าย “ยับยั้งชั่งใจ” และขอให้พวกผู้สนับสนุนงดประกาศชัยชนะอย่างโจ่งแจ้ง จนกว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งจะประกาศผลในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า วิโดโด นั้น ถึงแม้ขาดประสบการณ์การเมืองระดับชาติ แต่เสน่ห์ของเขาอยู่ที่การแสดงตนเป็นคนของประชาชน ซึ่งส่งเสริมการปฏิรูปประชาธิปไตย และไม่มีประวัติมัวหมองเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น เหมือนนายทหารหรือนักธุรกิจชั้นนำที่ปกครองอินโดนีเซียในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เขาเป็นผู้สมัครคนแรกนับแต่ที่อินโดนีเซียเปลี่ยนมาใช้วิธีให้ประชาชนเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง ที่ไม่มีความพัวพันเชื่อมโยงกับยุคสมัยประธานาธิบดีซูฮาร์โต ซึ่งเป็นผู้นำทหารที่ปกครองแดนอิเหนาแบบเผด็จการอย่างยาวนานระหว่างปี 1966-1998 ตรงข้ามกับสุเบียนโตที่เป็นทั้งอดีตลูกเขยของซูฮาร์โตและก็เป็นทหารเก่า ที่ปัจจุบันเป็นนักธุรกิจมั่งคั่ง เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ วิโดโด วัย 53 ปี ที่ไต่เต้าจากคนธรรมดาจนกลายมาเป็นผู้ว่าการจาการ์ตาในปี 2012 ยังมีคะแนนนำสุเบียนโตไม่เห็นฝุ่น แต่หลังจากที่พลโทวัย 62 ปี ได้รับการรับรองจากพรรคการเมืองใหญ่ที่สุดและมีการจัดการดีที่สุดหลายๆ พรรค รวมทั้งปรับปรุงแคมเปญรณรงค์หาเสียงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนใช้วิธีป้ายสีฝ่ายตรงข้าม คะแนนนิยมของสุเบียนโตก็ตีตื้นขึ้นมากระทั่งหายใจรดต้นคอวิโดโด ผู้สมัครทั้งสองคนนี้มีนโยบายและบุคลิกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง วิโดโดนั้นพูดจานุ่มนวล ชอบสวมรองเท้ากีฬาและเสื้อผ้าลำลอง แอบย่องไปเยี่ยมชาวบ้านในสลัม และยังชอบดนตรีเฮฟวี่เมทัล ขณะที่สุเบียนโตเป็นคนเสียงดัง โปรดปรานรถหรู และในการรณรงค์หาเสียงครั้งหนึ่งเขาได้ปรากฏตัวโดยขึ้นนั่งบังคับม้าราคาแพง เขาได้รับการสนับสนุนจากพวกพรรคการเมืองอิสลามแนวทางแข็งกร้าวเกือบทั้งหมด และก็สร้างความกังวลให้แก่พวกนักลงทุนต่างชาติที่กลัวว่า หากเขาได้รับชัยชนะ จะมีการนำลัทธิกีดกันการค้ามาใช้ในภาคการเงินและการเกษตร รวมทั้งมีการหวนกลับไปใช้นโยบายแบบเผด็จการเพิ่มมากขึ้น อิกตาร์ นูวาบากิต นักวิเคราะห์การเมืองจาก อินโดนีเซีย อินสติติวท์ ออฟ ไซนส์ ชี้ว่า ชาวมุสลิมมากมายชอบบุคลิกคล่องแคล่วและเข้มแข็งของปราโบโว เพราะเชื่อว่า จะสามารถคัดง้างนโยบายการต่างประเทศของพวกเพื่อนบ้านและสหรัฐฯได้ รวมถึงจัดการกับปัญหาคอร์รัปชั่นที่ระบาดอย่างหนักได้ ขณะที่ชาวอิเหนาอีกมากมายชื่นชอบความเอาใจใส่และความติดดินของโจโควี ช่วงการหาเสียงที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายต่างสาดโคลนใส่กัน แต่วิโดโดชี้ว่า คะแนนนิยมของตนที่นำโด่งอยู่กว่า 12% ในเดือนพฤษภาคมก่อนดิ่งฮวบเหลือเพียง 3.5% ในช่วงก่อนการเลือกตั้งนั้น มาจากการกล่าวหาว่า เขาไม่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งถือเป็นข้อกล่าวหาอุกฉกรรจ์อย่างยิ่งในประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลกอย่างอินโดนีเซียขณะเดียวกัน ดูเหมือนแคมเปญหาเสียงของสุเบียนโตจะมีประสิทธิภาพและมีเงินทุนสนับสนุนอุ่นหนาฝาคั่งกว่า นอกเหนือจากที่ได้รับการสนับสนุนจากสถานีทีวีใหญ่ที่สุด 2 แห่งของอินโดนีเซีย ฮัมดี มูลัค นักวิเคราะห์การเมืองจากมหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย ชี้ว่า แม้แคมเปญสาดโคลนของสุเบียนโตสามารถโจมตีภาพลักษณ์ของวิโดโดโดยตรง ทว่า อดีตของสุเบียนโตที่แนบชิดกับระบบเผด็จการทหาร รวมถึงการลักพาตัวนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในช่วงก่อนซูฮาร์โตตกบัลลังก์ ก็เป็นสิ่งที่ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวนมากจำขึ้นใจ โดยเฉพาะพวกที่กลัวว่า ระบอบเผด็จการโหดร้ายจะฟื้นคืนชีพ และคนเหล่านี้เองที่เทคะแนนให้วิโดโด เฉกเช่นเดียวกับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรงครั้งที่ 3 ของอินโดนีเซีย โดยผู้ชนะจะเป็นประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งคนที่ 2 หลังจากยุทโธโยโนที่ครองตำแหน่งมาแล้วสองสมัย และจะพ้นหน้าที่ในเดือนตุลาคมนี้ ภายหลังจากปกครองอินโดนีเซียอย่างมีเสถียรภาพแต่ไร้ซึ่งความเด็ดขาด ผู้นำอิเหนาคนใหม่ยังต้องรับภาระหนักอย่างยิ่งจากปัญหาการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว คอร์รัปชั่นกระจาย ความยากจน และความกังวลว่า ชาวมุสลิมหัวรุนแรงที่ไปร่วมรบในตะวันออกกลางอาจกลับมาฟื้นเครือข่ายก่อการร้ายในอินโดนีเซีย