วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สุดยอดทีมประสิทธิภาพแห่งปี 2010

ทีมประสิทธิภาพแห่งปี


นิตยสาร Time Magazine ได้จัดอันดับบุคคลแห่งปี โดยยกตำแหน่งนี้ให้กับ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร เครือข่ายทางสังคมชื่อก้องโลก FaceBook ให้เป็นบุคคลแห่งปีเนื่องจากมีผลงานโดดเด่นสร้างชุมชนออนไลน์ขนาดใหญ่และเป็นการสร้างนวัตกรรมทางด้านการสื่อสารแบบใหม่ให้เกิดขึ้นบนโลก ในขณะที่วารสารคู่แข่งอย่าง Le Monde ของฝรั่งเศษกลับยกให้ Julian Assanne ผู้ก่อตั้งและเจ้าของเว็บไซต์อื้อฉาวประจำปี wikileaks เป็นบุคคลแห่งปี ซึ่งสร้างความฮือฮาและแรงสั่นสะเทือนไปถึงรัฐบาลในหลายประเทศ เกี่ยวกับข้อมูลที่ถูกปูดขึ้นมาหรือแฉ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข่าวที่ทำร้ายทำลายความน่าเชื่อถือให้กับหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะกับสหรัฐอเมริกา จีน หรือแม้กระทั่งประเทศไทยก็โดนแฉในหลายๆ ประเด็น จนเว็บไซต์ wikileaks ได้รับฉายาเว็บไซต์จอมแฉ แต่สำหรับบล็อกหยิกแกมหยอก ขอจัดอันดับในสิ่งที่สื่อต่างๆ ไม่ค่อยมีใครจัดอันดับกันซักเท่าไร นั่นคือ ทีมประสิทธิภาพแห่งปี เพราะเราเชื่อว่าการที่ผลงานชิ้นหนึ่งๆ หรือหน่วยงานใดๆจะประสบความสำเร็จจนได้รับการยอมรับขึ้นมาได้นั้น องค์ประกอบที่แวดล้อมอยู่นั้นคือทีมงาน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งจะเนรมิตผลงานขึ้นมาได้ราวกับฮีโร่หรืออัศวินขี่ม้าขาว ค่านิยมในเรื่อง one man show อาจจะยังมีอยู่ แต่เป็นอะไรที่หาได้ยากเต็มทีในโลกนี้ ในปัจจุบันองค์กรใดๆที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น เขาต้องมีทีมงานที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่มี CEO ที่เก่งอยู่เพียงคนเดียวแล้วทำเป็นทุกอย่าง อันนี้อาจจะเป็นไปได้แต่องค์กรเหล่านั้นอาจจะไม่สามารถเติบโตหรือแข่งขันสู้กับองค์กรอื่นที่มีทีมประสิทธิภาพได้ อะไรคือทีมประสิทธิภาพแห่งปี และ สุดยอดทีมประสิทธิภาพแห่งปี มีใครกันบ้างนั้น เราไม่แยกแยะว่าจะต้องเป็นหน่วยทางธุรกิจหรือไม่แบ่งแยกว่าเป็นมืออาชีพหรือมือสมัครเล่น ขอแต่เพียงเรามอนิเตอร์แล้วเห็นว่าในรอบปีที่ผ่านมานั้น เขาโดดเด่นที่สุดแล้วจริงๆ เขาเหล่านั้นมีดังนี้

(ไม่เรียงอันดับ)

ทีมฟุตบอลชาติสเปน และสโมสรฟุตบอลเรอัลแมดริดกับสโมสรฟุตบอลบาเซโลน่า การได้เป็นแช็มป์ฟุตบอลโลกของสเปนคงไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแน่ๆ แต่เกิดจากบุคลากรในแวดวงการฟุตบอลของสเปนที่มีบุคลากรที่มีความสามารถในทุกๆองคาพยพ ไม่ว่าจะเป็นโค้ช นักเตะ ผู้บริหารสมาคม รวมไปถึงบรรดาสโมสรฟุตบอลอาชีพในสเปน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นทีมชั้นนำของโลกอยู่ในเวลานี้ สเปนมีสโมสรฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกอย่างน้อย 2 ทีมอยู่ในประเทศของตนเอง อีกทั้งเป็นลีคฟุตบอลที่ดีที่สุดของโลกแห่งหนึ่งด้วย จนกล่าวได้ว่าหากจะดูฟุตบอลซอกเกอร์ที่ดีที่สุดในโลกขณะนี้แล้ว ก็ต้องดูลาลีก้าสเปน ซึ่งมีทีมฟุตบอลสโมสรอย่างเรอัลแมดริด กับสโมสรบาเซโลน่า ซึ่งทั้ง 2 ทีมต่างก็มีสุดยอดโค้ช และนักเตะที่ดีที่สุดของโลกกระจายอยู่ทั้ง 2 ทีม คงไม่ต้องสาธยายใดๆ หากเป็นผู้ที่ติดตามเรื่องเกี่ยวกับฟุตบอลคงจะทราบดี กล่าวโดยรวมก็คือฟุตบอลเป็นกีฬาของมวลมนุษยชาติ การแข่งขันฟุตบอลโลกเพิ่งจะผ่านพ้นไปในปีนี้ หากจะดูหรือศึกษาระบบการทำงานของผู้นำ ผู้ปฏิบัติ(ผู้เล่น) และการแก้ปัญหาของผู้นำและผู้ปฏิบัติงานในทีม ก็อาจศึกษาได้จากการดูฟุตบอลได้เหมือนกัน และทีมที่ดีและเก่งที่สุดในโลก ถนนทุกสายต่างมองไปที่สเปนนั่นเอง

ทีมงานเว็บไซต์ wikileaks

จริงๆ แล้วแฮกเกอร์หรืออาชีพสายลับสืบเจาะข้อมูลในโลกไซเบอร์นั้น จัดได้ว่าเป็นอาชญากรชนิดนึง ซึ่งเป็นอาชีพที่ต้องถือว่าเป็นมิจฉาชีพทีเดียว ไม่น่าจะมานิยมส่งเสริมกันเท่าไร แต่หากการกระทำของเขาเหล่านั้นทำไปเพื่อจุดประสงค์ที่ดี เพื่อนำเอาความจริงมาเปิดเผยแก่สาธารณชนก็ย่อมเป็นสิ่งที่น่ายกย่องนับถือ เว็บไซต์ wikileaks จัดได้ว่าเป็นเว็บไซต์ที่ก่อตั้งโดยอดีตแฮกเกอร์และดูเหมือนจะมีจุดประสงค์ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม แต่ก็มีการตั้งข้อสงสัยเคลือบแคลงถึงที่มาที่ไป และจุดประสงค์เป้าหมายที่แท้จริง รวมถึงภูมิหลังของผู้ก่อตั้งเว็บไซต์แห่งนี้ เส้นทางการเงินของเงินที่มาสนับสนุนเว็บไซต์นี้ คุณูปการที่ดีอย่างนึงของการมีเว็บไซต์นี้ก็คือได้นำข้อมูลที่คนในโลกนี้ไม่มีทางรู้ออกมาเผยแพร่ให้ได้รับทราบกัน แม้ว่าข้อมูลบางอย่างอาจไม่เป็นความจริง หรือไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่ก็ได้ทำให้กระแสตื่นตัวเรื่องการตรวจสอบ ความโปร่งใส และการหาข้อเท็จจริง ในสื่อมวลชนต่างๆ ตื่นตัวมากขึ้น และต้องมีการทำการบ้านกันมากขึ้น อีกทั้งหน่วยงานหรือองค์กร รัฐบาลของประเทศที่ถูกเปิดเผยข้อมูล ต้องมีการปรับปรุงข่าวกรองรวมถึงพฤติกรรมความโปร่งใส ตลอดจนนโยบาย การให้ข้อมูลข่าวสาร กันอย่างโปร่งใสด ระมัดระวัง และรอบคอบมากขึ้น แต่เบื้องหลังความไม่ชอบมาพากลของเว็บไซต์ wikileaks นี้ยังคงเป็นลึกลับท้าทาย การพิสูจน์ตรวจสอบของสังคมโลกกันต่อไป ว่าเป็นของจริงหรือของปลอมกันแน่ ใครอยู่เบื้องหลัง เป็นเครื่องมือขององค์กร หน่วยงาน รัฐบาลใดกันแน่ สุดท้ายแล้วความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และจะต้องถูกเปิดเผยออกมาไม่วันใดก็วันหนึ่งในอนาคตอย่างแน่นอน

ทีมช่วยเหลือกู้ภัยของนาซ่า ที่เข้าไปช่วยเหลือคนงานเหมืองแร่ที่ชิลี
เอเจนซีส์ - ทั่วโลกแซ่ซ้อง ปฏิบัติการช่วยเหลือคนงานเหมืองชิลีทั้ง 33 คนเป็นไปอย่างราบรื่นตลอดกระบวนการ จากวินาทีแรกที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยหย่อนแคปซูลช่วยเหลือลงไปตามปล่องทางออก ที่ขุดเจาะเตรียมเอาไว้ ไปจนถึงภาพที่คนงานเหมืองคนแรกโผล่พ้นขึ้นมาดูโลกภายนอกเป็นครั้งแรกใน รอบกว่า 10 สัปดาห์ กระทั่งสิ้นสุดภารกิจที่คนงานคนสุดท้ายถูกดึงขึ้นมา ทุกขั้นตอนล้วนสะกดสายตาคนหลายล้านซึ่งเฝ้าชมอยู่หน้าจอทีวีที่มีการแพร่ สัญญาณสดไปทั่วโลก ด้วยความลุ้นระทึก ระคนความปลื้มปิติและยินดีเคล้าน้ำตาเสมือนว่าคนงานเหล่านี้เป็นญาติมิตรของ พวกเขาเอง วินาทีแห่งประวัติศาสตร์เริ่มนับหนึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยใจแกร่ง นามว่า มานูเอล กอนซาเลซ เข้าไปในแคปซูล “ฟินิกส์” ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษด้วยขนาดความกว้าง 53 ซม. และสามารถจุคนได้เพียงคนเดียว จากนั้นระบบชักรอกก็เริ่มหย่อนแคปซูลที่ว่านี้ ลงไปตามปล่องทางออกที่ถูกขุดเจาะลึกลงไปจากพื้นดินกว่า 600 เมตรเชื่อมไปถึงที่พักหลบภัยฉุกเฉิน เพื่อนำคนงานซึ่งเป็นชาวชิลี 32 คนและชาวโบลิเวียอีก 1 คนที่ติดอยู่ในนั้นเป็นเวลากว่า 68 วัน กลับขึ้นไปทีละคนๆ ด้วยแคปซูลที่กอนซาเลซนำลงมาด้วยตัวเองนี้ ท่ามกลางสายตาคนนับล้านที่เฝ้าชมภาพสัญญาณสดจากหน้าจอโทรทัศน์ รวมไปถึงประจักษ์พยานต่างๆ ซึ่งรวมทั้งประธานาธิบดีเซบาสเตียน ปิเนรา แห่งชิลี และบรรดาญาติมิตรสหายที่มาเฝ้าเกาะติดสถานการณ์อย่างใจจดใจจ่อในบริเวณ เหมืองซาน โฮเซที่พังถล่มปิดทางออกเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา และแล้วเสียงปรบมือก็ดังก้องไปทั่วเหมือง ทันทีที่แคปซูลฟินิกส์ที่ถูกหย่อนลงไปในเหมืองเมื่อเวลาราว 10.11 น. ของวันพุธ (13) ตามเวลาประเทศไทย ได้โผล่ขึ้นมาอีกครั้งในเวลาประมาณ 10.31 น. พร้อมกับคนงานเหมืองคนแรกที่ถูกช่วยขึ้นมาได้สำเร็จ คนงานผู้นี้มีชื่อว่า ฟลอเรนซิโอ อาบาลอส วัย 31 ปี เขาอยู่ในสภาพร่างกายที่แข็งแรงฟิตพร้อมที่สุดคนหนึ่งในกลุ่มคนงานทั้งหมด ที่ติดอยู่ข้างใต้ ทั้งนี้การที่เลือก อาบาลอส เป็นคนแรกนั้นก็เพื่อป้องกันไว้หากมีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้น เขาก็ยังมีสภาพร่างกายที่พร้อมจะแบกรับได้ โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ซึ่งรออยู่ด้านบนปลดสายรัดต่างๆ ภายในแคปซูลที่พาคนงานคนแรกขึ้นมานี้ออกหมดแล้ว อาบาลอสก็ปรี่เข้าไปสวมกอดลูกชายวัย 7 ขวบและภรรยาทันที ตามมาด้วยการเข้าไปกอดประธานาธิบดีปิเนรา ที่ยิ้มแก้มไม่หุบจากความสำเร็จก้าวแรกอันยิ่งใหญ่นี้ จากนั้น มาริโอ เซปุลเวดา ก็เป็นรายที่ 2 ที่ขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์บนพื้นผิวโลก เขาร้องลั่นด้วยความสะใจพร้อมกับหยิบของที่ระลึกจากกระเป๋าของเขาซึ่งเป็น ก้อนหินมาฝากแก่เจ้าหน้าที่กู้ภัยซึ่งอยู่ในบริเวณนั้น รวมทั้งประธานาธิบดีด้วย และนี่คือปฏิบัติการของทีมฟีนิกซ์หน่วยกู้ภัยของนาซ่า กับปฏิบัติการสะท้านโลก ถือเป็นทีมประสิทธิภาพแห่งปีอย่างแท้จริง


ทีมงานฝ่ายการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท)
ไม่ว่าประเทศไทยจะเผชิญสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างไร หน่วยงานที่ต้องออกมาคอยแก้ภาพลักษณ์ให้กับประเทศไทย ก็คือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหน่วยงานเชิงรุกด้านการตลาดให้กับประเทศไทยในเวทีระดับนานาชาติ และสร้างรายได้ให้กับประเทศไทย เพราะรายได้หลักของประเทศเราก็คือการท่องเที่ยว และแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวดีๆ เจ๋งๆ ของประเทศนั้น ส่วนใหญ่ผ่านมันสมองของหน่วยงานนี้ทั้งนั้น แคมเปญการท่องเที่ยวที่โดดเด่นมากในปีนี้ก็คือ เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา ทาง ททท.แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ ‘Ultimate Thailand Exploeres’ เชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติร่วมกิจกรรมออนไลน์เที่ยวเมืองไทย ด้วยการให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ไม่เคยเที่ยวเมืองไทย และนักท่องเที่ยวที่อยากจะกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง ร่วมส่ง Video Clip เข้าประกวดบนเว็บไซต์ เพื่อให้ได้รับคัดเลือกให้เป็น The Explorers 5 คู่ มาร่วมกิจกรรมท่องเที่ยว ฟรี 6 วัน 5 คืน ใน 5 พื้นที่ของประเทศไทย ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เชียงใหม่ สมุย พัทยา ทั้งนี้ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 5 คู่ จะต้องถ่ายทอดประสบการณ์การท่องเที่ยวโดยการเขียนบล็อก และ upload ภาพถ่าย วิดีโอ ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ให้เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย โดยคู่ที่ได้รับโหวตออนไลน์มากที่สุดจะเป็นผู้ชนะในโครงการ Ultimate Thailand Explorers และได้รับรางวัลเงินสด แพ็คเก็จทัวร์ และของรางวัลต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 15,000 USD

Mechanic หรือวิธีการร่วมสนุก คือ ผู้สนใจต้องสมัครมาเป็นคู่ โดยถ่ายทำวีดีโอคลิปความยาว 1 นาที และ upload ขึ้นบน www.UltimateThailandExplorers.com พร้อมกับอธิบายเหตุผลในการเลือกแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ และวิธีที่จะช่วยประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวที่ผู้เข้าร่วมแข่งขันได้เลือกไว้ คณะกรรมการจาก ททท. จะคัดเลือกจากคลิปทั้งหมด มาเพียง 25 คู่ เพื่อให้ผู้เข้าชมทั่วโลก ร่วมโหวต ให้เหลือเพียง 5 คู่สุดท้าย ที่จะได้เดินทางมาร่วมกิจกรรมการแข่งขันในเมืองไทย ตลอดระยะเวลาการแข่งขันที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 5 คู่ จะได้รับมอบหมายให้เดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดที่เลือกไว้ โดยหลังจากการเดินทางท่องเที่ยวผู้เข้าแข่งขันจะต้องเขียนบล็อก และ upload ภาพถ่าย วิดีโอ ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นให้กับผู้ชมทั่วโลก เพื่อประชาสัมพันธ์จังหวัดนั้นๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ให้เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยและสัมผัสด้วยตนเอง เป็นแคมเปญที่ครีเอทมากและหากปีที่ผ่านมาบ้านเราไม่เกิดเหตุการณ์แย่ๆ ทางการเมืองขึ้นมาแล้วหล่ะก็ จะเป็นปีที่ชาวต่างชาติมาเที่ยวไทยมากที่สุด คิดว่าคงทุบสถิติรายได้ และจำนวนชาวต่างชาติเข้าไทยมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ดีก็ต้องยกย่องทีมงานฝ่ายการตลาด และผู้บริหารองค์กรการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยทุกคนที่ทำงานให้กับประเทศได้ดีมาก และงานที่ท่านทำต้องไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน

ทีมข่าว บรรณาธิการบริหาร และผู้บริหารเว็บไซต์เมเนเจอร์ ทีมข่าว ASTV news1 และนสพ.ในเครือผู้จัดการ

ต้องถือว่าเป็นสื่อมวลชนที่เลือกข้าง และมีจุดยืนที่มั่นคงแข็งแรงค่ายหนึ่งของประเทศไทยเลยทีเดียว ผลงานในอดีตที่ผู้เขียนติดตามมาตลอดก็คือ การตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่นมีมาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ตั้งแต่ยุค สปก. 4-01 รัฐบาลชวน 1 ตรวจสอบการเปิดวิเทศธนกิจ BIBF ปรส. ทุจริตคลองด่าน ทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ ทุจริตในการบินไทย ทุจริตสนามกอล์ฟอัลไพน์ ทุจริตกล้ายาง โครงการทุจริตในสมัยรัฐบาลทักษิณเกือบทั้งหมด จวบจนมาถึงทุจริตโครงการต่างๆในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ในปัจจุบัน การต่อต้านขบวนการล้มเจ้า การออกมาร่วมเคลื่อนไหวกับภาคประชาชนในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของและผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ แต่ที่เกาะติดและโดดเด่นมากก็คือบทบาทในการเปิดโปง ให้ข่าวสารความไม่ชอบมาพากลกรณีเขาพระวิหาร บันทึกข้อตกลง MOU 43 บันทึกความเข้าใจและเงื่อนไขการเจรจา JBC ตลอดจนประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอันนำมาซึ่งการสุ่มเสี่ยงที่จะเสียดินแดน ซึ่งโยงไปถึงผลประโยชน์เกี่ยวกับพลังงานบริเวณใต้ทะเลในอ่าวไทย ซึ่งสื่อในเครือผู้จัดการทำหน้าที่เกาะติด และนำเสนอแง่มุม ความรู้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน โดยที่สื่อในเครืออื่นๆ หรือในสื่อมวลชนอื่นๆ แทบไม่มีใครกล่าวถึง หรือนำเสนอความรู้เรื่องนี้แก่ประชาชนน้อยมาก ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญ และเป็นผลประโยชน์ใหญ่หลวง เราจึงขอยกเครดิตให้สื่อในเครือผู้จัดการเป็นสื่อยอดเยี่ยมแห่งปีที่ได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดี อย่างเต็มที่แล้วแม้ว่าบางเรื่องจะไปขัดผลประโยชน์กับผู้มีอำนาจในรัฐบาลก็ตาม และถือเป็น wikileaks เมืองไทยตัวจริงเสียงจริง

ทีมงานผู้กำกับภาพยนตร์ไทยอิสระ

อาทิ  คุณอภิชาตพงศ์ ,คุณอโนชา ,คุณธนญชัย ,คุณอาทิตย์

“ลุงบุญมีระลึกชาติ” ของผู้กำกับอภิชาตพงศ์ ชนะรางวัลปาล์มทองคำที่เมืองคานส์

May 24, 2010

ภาพยนตร์เรื่อง “ลุงบุญมีระลึกชาติ” (Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Lives) ของผู้กำกับชาวไทยมากฝีมือ “เจ้ย” อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ชนะรางวัลสูงสุดของเทศกาลหนังที่เมืองคานส์
ผู้กำกับอภิชาตพงศ์ นั้นเคยส่งภาพยนตร์เข้าประกวดที่คานส์มาหลายครั้ง โดยภาพยนตร์เรื่อง “สุดสเน่หา” ได้รับรางวัล Un Certain Regard (รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม) ในปี 2002 และภาพยนตร์เรื่อง “สัตว์ประหลาด” ได้รับรางวัล Jury Price (ซึ่งมีศักดิ์เป็นรางวัลอันดับสามของคานส์) ในปี 2004
ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขา “ลุงบุญมีระลึกชาติ” ได้เข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำ (Palme d’Or) ซึ่งเป็นรางวัลที่ทรงเกียรติที่สุดของเทศกาลหนังเมืองคานส์ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2010

“ลุงบุญมีระลึกชาติ” มีแก่นเรื่องว่าด้วยความทรงจำของผู้คนในหมู่บ้านนาบัว ตำบลเรณูนคร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม หลังจากที่อภิชาติพงศ์ได้เดินทางเข้าไปยังหมู่บ้านดังกล่าว และได้พบกับชาวนาที่ใช้ชีวิตผ่านความรุนแรงและการกดขี่ในรูปแบบต่าง ๆ ในยุคสมัยที่รัฐไทยทำสงครามประชาชนกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย



อโนชา สุวิชากรพงศ์ ผู้กำกับหญิงจากประเทศไทยได้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยอีกครั้ง ด้วยการคว้ารางวัลสูงสุดจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติทรานซิลเวเนีย
เว็บไซด์ของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติทรานซิลเวเนีย รายงานเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า อโนชา สุวิชากรพงศ์ ผู้กำกับหญิงจากประเทศไทยได้นำภาพยนตร์เรื่อง "เจ้านกกระจอก" หรือ "มุนเดน ฮิสตอรี่" คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์นานานชาติทรานซิลเวเนียครั้งที่ 9 ที่จัดขึ้นที่ประเทศโรมาเนีย โดยคณะกรรมการตัดสินได้แสดงความเห็นว่า "เป็นภาพยนตร์ที่มีโครงสร้างแตกต่างไปจากภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ มีการเลือกเฟ้นและสรรหาภาพได้อย่างน่าสนใจ สามารถแสดงถึงก้นบึ้งของความเจ็บปวดของตัวละครที่ท้ายสุดแล้วก็ต้องการใครสักคนแม้ว่าจะมีความแตกต่างกัน ได้อย่างน่าสนใจ" อโนชานับเป็นผู้กำกับไทยคนที่สองของปีนี้ ที่สามารถคว้ารางวัลสูงสุดของเทศกาลภาพยนตร์ระดับนานาชาติได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ "อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล" สามารถคว้ารางวัล "ปาล์มทองคำ" ที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 63 ได้เป็นผลสำเร็จ นอกจากนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อโนชายังสามารถนำภาพยนตร์เรื่องเดียวกันคว้ารางวัล "ไทเกอร์ อวอร์ดส" ที่งานเทศกาลภาพยนตร์นานานชาติรอตเตอร์ดัมครั้งที่ 39 มาแล้วด้วย


น.ร.สาวชาวไทยโด่งดังในเทศกาลหนังเมืองคานส์ เผยเป็นผู้กำกับฯ หนังสั้นคนไทยคนแรกและคนเดียวจากสถาบัน "นิวยอร์ก ฟิล์ม อะคาเดมี" ได้รับรางวัลหนังยอดเยี่ยมระดับนักเรียน กับหนังที่ได้รับเลือกให้เข้าฉายในงานเทศกาลหนังดังระดับโลก เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส จากหนังสั้น 2 เรื่อง หลังกวาดรางวัลจากเทศกาลต่างๆ มาแล้วหลายรางวัล 1 ในสองเรื่องได้รับเลือกไปฉายในหลายประเทศทั่วโลก
เมื่อวันที่ 24 พ.ค. น.ส.พรพัชญา สุพรรณรัตน์ อายุ 24 ปี ผู้กำกับฯ หนังสั้นชาวไทย ซึ่งเป็นคนไทยคนแรกที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับรางวัล "Best Student Film" และ "Official Selection" จากหนัง "Revenge Tragedies" และ "Unfaithfully Yours" จากเทศกาลภาพยนตร์ "คานส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม เฟสติวัล 2009" ที่จัดขึ้นในวันที่ 13-24 พ.ค.ที่ประเทศฝรั่งเศส เปิดใจให้สัมภาษณ์ "ข่าวสด" ถึงเบื้องหลังความสำเร็จครั้งนี้
น.ส.พรพัชญา กล่าวว่า เพิ่งจบการศึกษาจากสถาบันนิวยอร์ก ฟิล์ม อะคาเดมี สาขา Filmmaking-Dickson นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา โดยหนังสั้น "Revenge Tragedies" ความยาว 10 นาที เกิดขึ้นขณะเรียนหนังสือ โดยได้รับรางวัล "Best Student Film" ในการประกวดเทศกาลภาพยนตร์แคนาคาและเทศกาลภาพยนตร์ลาสเวกัส ได้รับคัดเลือกให้เข้าฉายที่ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ และฉายหลายประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย, แอฟริกาใต้, อียิปต์, อังกฤษ, แคนาดา และสหรัฐอเมริกา
น.ส.พรพัชญา กล่าวว่า นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน ยังได้รางวัลอีกมากมายในเวทีโตรอนโต้ ฟิล์ม เฟสติวัล, ลอสแองเจลิส ฟิล์ม เฟสติวัล, ลอสแองเจลิส ช็อต ฟิล์ม เฟสติวัล, ภูเก็ต ฟิล์ม เฟสติวัล และล่าสุดได้รับรางวัลในงาน "คานส์ ฟิล์ม เฟสติวัล" ประเภท "Best Student Film" และผลงานเรื่องดังกล่าว ได้ร่วมงานกับบรูซ ดิกสัน ตากล้องภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดจากเรื่อง "สไปเดอร์แมน 2-3" และ "ซูเปอร์แมน รีเทิร์นส์" และยังได้ร่วมงานกับดาราอีกหลายคน เช่น แกรี่ แดเนียลส์ ดาราแอ๊กชั่นชื่อดัง
สำหรับภาพยนตร์สั้นเรื่องที่ 2 "Unfaith fully Yours" ความยาว 7 นาที น.ส.พรพัชญา กล่าวว่า ปรัชญา ปิ่นแก้ว ชักชวนให้มาถ่ายทำที่เมืองไทยแล้วนำกลับไปตัดต่อที่สหรัฐอเมริกา ได้รับรางวัล "Official Selection" ให้เข้าฉายในเทศกาล "คานส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม เฟสติวัล 2009"
น.ส.พรพัชญา กล่าวว่า ตนเป็นนักเรียนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลและเป็นคนเดียวของนักเรียนทั้งหมดในสถาบันนิวยอร์ก ฟิล์ม อะคาเดมี ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ และยังได้รับเกียรตินิยมอันดับ 1 ซึ่งล่าสุดทาง อียิปต์ ฟิล์ม เฟสติวัล ติดต่อเพื่อขอภาพยนตร์ไปฉาย ถือว่าโชคดีมากที่หนังได้รางวัลทั้ง 2 เรื่องจนรู้สึกตื่นเต้น สำหรับเนื้อหาของภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องนั้น เรื่องแรก "Revenge Tragedies" เล่าเรื่องผู้หญิงที่ถูกเจ้านายข่มขืน และถูกแฟนหนุ่มทิ้งก่อนถึงกำหนดแต่งงาน แต่เมื่อบอกแฟนหนุ่มคิดได้แต่ก็สายไปเสียแล้ว ส่วน "Unfaith fully Yours" เล่าเรื่องครอบครัวๆ หนึ่งที่หัวหน้าครอบครัวไปมีกิ๊กซึ่งเป็นเพื่อนภรรยาตัวเองและเกิดผลกระทบต่อครอบครัว


ธนญชัย ศรศรีวิชัย เขาคือเบอร์หนึ่ง
ความ สำเร็จที่มี ชื่อเสียงระดับโลกที่ได้มา ไม่ใช่ของง่าย หากแต่เป็นความพยายามอย่างยิ่งยวด ต่อ-ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับมือ 1 ของโลก เป็นผู้กำกับที่ได้รางวัลมากที่สุดเป็นอันดับ 1 จากการจัดอันดับของ The Gunn Report 2005 เป็นรางวัลการันตีล่าสุดที่พิสูจน์ถึงการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณามือทอง ผู้เป็นที่ต้องการของเอเยนซี่และเจ้าของสินค้าทั้งหลาย ด้วยหมายมั่นว่าเขาจะเสกไอเดียบนแผ่นกระดาษให้โลดแล่นบนจอได้อย่างน่าชม
ย้อนกลับเมื่อครั้งอยู่บริษัท สามหน่อ ธนญชัย เป็นกราฟิก ดีไซเนอร์ ก่อนจะถูกดึงมาเป็นจิ๊กซอว์คนสำคัญในฟีโนมีนาในเวลาต่อมา ตอนหนึ่งจากการให้สัมภาษณ์กับนิตยสารอะเดย์ ว่า ธนญชัย บอกว่า เขาต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในแง่ของโปรดักชั่น เขาไม่เข้าใจกระทั่งคำว่า ฟิล์ม 35 มม. แต่ด้วยความเป็นคนใฝ่รู้และมุ่งมั่น ทำให้เขาใช้เวลาเรียนรู้ไม่นาน ลบคำประมาสได้โดยสิ้นเชิงเมื่อเขาสร้างผลงานจนกลายเป็นผู้กำกับมือดีไม่ใช่ แค่ที่หนึ่งของเมืองไทย แต่เป็นถึงที่หนึ่งของโลก
ทุกครั้งที่ได้เห็นผลงานชั้นเซียนทางหน้าจอโทรทัศน์ ร้อยละ 90 เชื่อได้ว่านั่นคือฝีมือของเขา ไม่ว่าจะเป็น เยสโล่ เพจเจจ ฟอร์ดคิงคอง สมูทอี เบบี้ เฟซ โฟม เซียงเพียงอิ๊ว กรุงเทพประกันภัยฯลฯ และจากนั้นไม่นานรางวัลความสำเร็จจากสถาบันทั้งในและนอกประเทศจะไหลบ่ามา กำนัลแก่เขา
เขาบอกว่า โชคดีที่ทีมงานเก่งมาก แต่ก็ทำงานเหนื่อยมากเช่นกัน เนื่องจากเฉลี่ยต่อเรื่องใช้เวลาทำงานประมาณ 15-30 วัน และมีบางเดือนที่เขาต้องถ่ายหนังถึง 14 เรื่อง ถ่ายกันจนท้องเสียเลยทีเดียว
การจะได้ร่วมงานกับฟีโนมีนา ซึ่งวาง Positioning เป็นโปรดักชั่น เฮาส์ ระดับพรีเมียม ต้องใจป้ำพอที่จะควักกระเป๋าขั้นต่ำ 3.5 ล้านบาท และที่นี่มีผู้กำกับถึง 10 คน ธนญชัย ได้ชื่อว่า เป็น The Most Wanted Director “ทุกวันนี้นอกจากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาแล้ว ยังต้องดูแลทีมงาน และมีภาพยนตร์ที่ฉายในโรงหนังด้วย ในนามของฟีโนมีนา โมชั่น พิคเจอร์ เฉพาะภาพยนตร์โฆษณาก็ไม่ค่อยมีเวลาแล้ว”
งานที่แทบหาเวลาพักผ่อนไม่ได้ บ่งบอกถึงความฮอต โดยเอเยนซี่ขาประจำที่ร่วมงานกันบ่อยครั้ง อาทิ Ogilvy & Mather, J.Walter Thompson และ Leo Burnett เป็นต้น
เขาเคยให้สัมภาษณ์ POSITIONING เกี่ยวกับแนวคิดในการทำงานของเขาที่ไม่ได้มุ่งหวังทำเพื่อเงิน เพื่อกล่องอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของความสุขจากการทำงาน คือ เห็นคนดูแล้วเขามีความสุข ให้เขาสนุก หนังโฆษณา อย่างแรกคือต้องขายของ แต่ต้องเริ่มต้นจังหวะแรกด้วยการทำให้เขาสนุก ไม่ใช่ทำให้คนดูตกใจ เหมือนเรานั่งอยู่บ้านแล้วมีเซลล์เดินเข้ามาเคาะประตู แล้วเขามาขายของอย่างเดียว เราไม่ต้องการ ไม่ชอบ เราชอบเซลล์ที่ช่างเจรจา ไม่ได้ตั้งท่าจะเอาเงินอย่างเดียว
“หน้าที่ของผมคืออยากขายของให้ลูกค้าด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นกฎต่อไปนี้ ก็คือว่า ต้องไม่ให้สังคมมีปัญหา หนังจะต้องทำให้สังคมดี ขายของได้แล้วต้องขายศีลธรรม อะไรบางอย่างให้กับสังคมบ้าง ขอขายพ่วงนิดนึง ที่ชอบมีดาบวิชัย จากแรงเยอร์ และไทยประกันชีวิตชุดที่เกี่ยวกับพ่อลูก ผมขอบคุณสำหรับคนที่ชม ขอบคุณสำหรับคนที่ด่าว่ามันรุนแรงเกินไป แต่สิ่งที่ดีใจคือ อย่างน้อยเขาดูแล้วเขาคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ของเขา วัตถุประสงค์คือขายประกันให้ได้ อีกวัตถุประสงค์หนึ่งที่เท่ากันก็คือ ต้องกลับไปกอดพ่อกอดแม่กลับไปหาคนที่เรารัก...แต่ผมบอกก่อนนะที่พูดอย่างนี้ ผมไม่ใช่คนดีอะไรนะ”
“ผมทำหนังเรื่องนี้เพราะอยากให้คนปลูกต้นไม้ คิดสิว่าปลูกต้นไม้กันไหม รางวัลผมก็ไม่ได้แคร์มากอะไรนักหรอก ขายของผมก็อยากขาย แต่ผมเชื่อว่ามันมีวิธีขายที่จะทำให้ประเทศมันดีขึ้นด้วย คิดแบบนี้ดีกว่า และสิ่งหนึ่งที่ผมพยายามสอดแทรกเข้าไปก็คือแนวคิดของพระพุทธศาสนา เราเชื่อว่าต้นไม้คือสิ่งที่มีชีวิตให้คุณค่า วัตถุล่มสลายแต่ธรรมชาติยั่งยืน แต่ใครจะรับได้แค่ไหนก็สุดแท้แต่ละคน”
ฝีไม้ลายมือของเขาเป็นแรงบันดาลใจ ทรงอิทธิพลทางความคิดใครหลายคน และก่อให้เกิดผลิตผลชั้นดีแก่วงการ อาทิ ทรงยศ สุขมากอนันต์ 1 ในผู้กำกับแฟนฉันและโชว์เดี่ยวครั้งแรกกับเด็กหอ ทรงยศนับถือธนญชัยเป็นครูคนสำคัญเลยทีเดียว

Profile
Name : ธนญชัย ศรศรีวิชัย
Age : 37 ปี
Education :
- ประถมศึกษา-มัธยมศึกษา โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จ.เชียงใหม่
- ปริญญาตรีสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเจ้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
Career Highlights :
- 2537-ปัจจุบัน ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา บริษัท ฟีโนมีนา จำกัด
- 2534-2537 กราฟิกดีไซเนอร์ บริษัท สามหน่อ จำกัด
Major Award Winnings 2549 (โดยสังเขป) :
- Cannes Lion Gold สมูทอี เบบี้ เฟซ โฟม
- Gold กรุงเทพประกันภัย
- One Show Silver กรุงเทพประกันภัย
- Clio Gold แคมเปญกรุงเทพประกันภัย
- Gold กรุงเทพประกันภัย ชุด พายุ
- Silver สมูทอี เบบี้ เฟซ โฟม
- Bronze ไทยประกันชีวิต
2548 Awarded Director 2005 จาก The Gunn Report


ทีมนักเรียน อาจารย์ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ,ร.ร.มหิดลวิทยานุสรณ์


ไม่ต้องบอกว่า 2 โรงเรียนดังแห่งนี้ สร้างเด็กเก่งให้กับประเทศไทยขนาดไหน ส่งไปแข่งขันโอลิมปิกวิชาการหรือแข่งขันคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ทีไรเป็นได้รางวัลทุกที มากบ้างน้อยบ้าง ต้องมีติดตัวกลับมาตลอด นับรางวัลแทบไม่ถ้วน เครดิตเหล่านี้ต้องยกให้ทีมอาจารย์และนักเรียน ศิษย์เก่า ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนทุกคน ที่ขยัน เอาใจใส่แก่ลูกหลานของตนเอง นับเป็นหน้าเป็นตาให้กับวงการศึกษาของไทยเป็นอย่างมาก ไหนใครบอกว่าเด็กไทยไอคิวต่ำไง ก็คงมีและเป็นส่วนมากด้วย แต่อยากจะบอกว่าทุกประเทศก็มีทั้งเด็กเก่งและเด็กไม่เก่ง แต่ควรจะยกย่องเด็กเก่งเป็นแบบอย่างให้คนอื่นเลียนแบบมากกว่า

ทีมประสิทธิภาพ คืออะไร
คำว่าประสิทธิภาพ แปลมาจาก Efficiency หมายถึงผลดีที่เกิดขึ้นจากกิจกรรม หรือการดำเนินงาน นั่นคือ หากจะวัดว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ มีส่วนประกอบหลายส่วน หลักๆ คือควรพิจารณากระบวนการดำเนินงานว่า ก่อให้เกิดสิ่งเหล่านี้หรือไม่ 1. ความประหยัด (Economy) ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดต้นทุน (Cost) ประหยัดทรัพยากร (Resources) หรือ ประหยัดเวลา (Time) 2. ความรวดเร็ว ทันตามกำหนดเวลา (Speed) ก็เป็นอีกตัวบ่งชี้ว่าเกิดประสิทธิภาพหรือไม่ เพราะหากการดำเนินงานก่อให้เกิดความประหยัดทรัพยากร แต่ไม่ทันตามกำหนดเวลา ก็ไม่ถือว่ามีประสิทธิภาพ 3. ความมีคุณภาพ (Quality) ซึ่งพิจารณาทั้งกระบวนการตั้งแต่ปัจจัยนำเข้า (input) หรือวัตถุดิบ ต้องมีการคัดสรรอย่างดี กระบวนการทำงาน/กระบวนการผลิต (process)ที่ดี จนกระทั่งได้ผลผลิต (output)ที่ดี แม้ว่ากระบวนการดำเนินงานจะประหยัด และรวดเร็ว แล้วจะต้องไม่ทำให้คุณภาพของงานลดลง หากประหยัด รวดเร็ว แต่คุณภาพงานลดลงก็ไม่ถือว่าเกิดประสิทธิภาพ ดังนั้น หากจะพิจารณาในประเด็นของความประสิทธิภาพ จะต้องพิจารณาในขั้นตอน หรือกระบวนการดำเนินงานทั้งหมด ส่วนประสิทธิผล แปลมาจาก Effective เป็นศัพท์บัญญัติ ทางการบริหารจัดการ หมายถึงผลสำเร็จ ของงานเป็นไปตามความมุ่งหวัง (purpose) ที่กำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ หรือเป้าหมาย ดังนั้น ในประเด็นของความมีประสิทธิผล จึงมุ่งเน้นไปที่การพิจารณาจุดสิ้นสุดของกิจกรรมหรือการดำเนินงานว่าได้ตามที่ตั้งไว้ หรือไม่ ซึ่งมักจะมีตัวชี้วัด (indicator) ที่ชัดเจน หลายครั้งที่พบว่าในเชิงนโยบายมักมีการกำหนดวัตถุประสงค์ หรือเป้าหมายว่า … เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ …..และประสิทธิผล………… ซึ่งอาจต้องหันมามองย้อนกลับถึงผู้ที่จะต้องปฏิบัติตามนโยบายนั้นๆ เข้าใจชัดเจนหรือไม่ว่า ประสิทธิภาพ และ ประสิทธิผล ที่องค์การต้องการ คืออะไร ต้องทำอย่างไร …… หากเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ก็จะนำไปสู่การปฏิบัติงานที่ผิดทิศทางได้

คำว่าทำงานเป็นทีม แปลว่า เรื่อง ทุกเรื่องที่ต้องทำงานด้วยกัน
ต้อง! คุยกัน และ ปรึกษากัน และ ตัดสินใจร่วมกัน ปรึกษากัน และลงมือทำไปในทิศทางเดียวกัน

ดังนั้น คำว่าทีมประสิทธิภาพ จึงหมายรวมถึงกลุ่มคนที่มาทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันโดยต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ด้านคุณภาพ เวลา และค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Brand Ultimatum -Case Study Hermes

Brand Ultimatum -Case Study Hermes



กระเป๋ารุ่นเบอร์กิ้นและรุ่นเคลลี่ที่นิยมสุดตลอดกาล

ตำนานแอร์เมสเริ่มต้นมาตั้งแต่ ค.ศ. 1837 ด้วยการเป็นผู้ผลิตอานม้าและบังเหียนม้า เมื่อเทียรี่ แอร์เมส (Thierry Hermes) ชาวฝรั่งเศส ก่อตั้งบริษัทผลิตอานม้าของเขาในปีค.ศ. 1837 ที่ rue Basse du Rempart ในปารีส เขาก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการผลิตเครื่องใช้สำหรับการขี่ม้า และกระเป๋าใหญ่ที่ใช้ในเดินทางด้วยรถม้าที่พิถีพิถันตั้งแต่การเลือกหนังคุณภาพดีมาใช้ และการเย็บแบบ 2 เข็ม ฝีเย็บจึงแน่นและทนทาน เทคนิคเหล่านี้กลายเป็นทรัพย์สินที่แอร์เมสใช้ต่อยอดผลิตเป็นสินค้าอื่นๆ โดยนำเอาความรู้เรื่องหนังหลากหลายชนิดและเทคนิคการเย็บแบบพิเศษมาใช้สร้างมูลค่า ด้วยคุณภาพและความมีฝีมือ ในเวลาเพียงไม่กี่ปี อานม้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆของเขาก็ได้รับกลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ราชวงศ์และชนชั้นสูงของฝรั่งเศส

จากนั้นในปีค.ศ. 1879 เอมิลี่ ชาร์ล แอร์เมส (Emile-Charles Hermes) ลูกชายของเขาได้ย้ายกิจการไปยัง 24 rue du Faubourg St. Honore ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของแอร์เมสในปัจจุบัน (The House of Hermes) และได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าถือ และผลิตภัณฑ์เครื่องหนังสำหรับใช้ในการเดินทางต่างๆ กระทั่งปีค.ศ. 1978 เขาจึงได้รับช่วงบริหารกิจการต่อจากบิดา
และต่อมา โรเบิรต ดูมาส์ (Robert Dumas) สามีของทายาทรุ่นที่ 3 ของแอร์เมสก็ได้เพิ่ม เนคไท น้ำหอม ผ้าเช็ดตัว และผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคลไว้ในไลน์สินค้าของแอร์เมสด้วย

สินค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดของแอร์เมส คือ ผ้าพันคอไหม ซึ่งผลิตครั้งแรกในปีค.ศ. 1928 โดยได้รับแรงบันดาลมาจากผ้าพันคอของทหารในกองทัพนโปเลียน

ในการทำผ้าพันคอของแอร์เมสในปัจจุบัน ที่มีขนาด 90 ตร.เซนติเมตร หนัก 65 กรัมนั้น เริ่มต้นจากคัดเลือกเส้นไหมที่มีคุณภาพ โดยต้องใช้รังไหมแท้ถึง 250 รัง และเทคนิคการทอแบบ16 รังไหม ขณะที่ของคนอื่นใช้แค่ 8 รังไหม ทอโดยช่างฝีมือของโรงงานแอร์เมสในลียง ประเทศฝรั่งเศส

ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่พิถีพิถัน โดยช่างฝีมือชาวฝรั่งเศส พิมพ์ลายด้วยการซิลสกรีนด้วยมือล้วนๆ ซึ่งในผืนหนึ่งๆอาจมีถึง 30 กว่าสี การพิมพ์ลายให้เนียนสวยและงดงามได้ขนาดนี้ จึงต้องใช้ช่างฝีมือระดับเซียนจริงๆ และมีขั้นตอนการทำกว่า 40 ขั้นตอนกว่าจะมาเป็นผ้าพันคอแต่ละผืน เรียกได้ว่าการผลิตผ้าพันคอของแอร์เมสเทียบชั้นได้กับงานศิลปะภาพพิมพ์ต่างๆนั่นเลย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมผ้าพันคอของแอร์เมสบางผืนจึงมีราคาเหยียบแสน
ตั้งแต่ปีค.ศ. 1937 เป็นต้นมา แอร์เมสออกผ้าพันคอมาแล้วกว่า 25,000 ลาย โดยในแต่ละปีแอร์เมสจะออกผ้าพันคอมา 2 คอลเลคชั่น และอาจมีรุ่น limited edition มาเสริมในโอกาสพิเศษต่างๆ นอกจากนี้ผ้าพันคอของแอร์เมสยังเป็นที่นิยมมากในหมู่สะสม โดยเฉพาะรุ่นหายากต่างๆนั้น เป็นที่ต้องการและไล่ล่ากันไม่แพ้งานศิลปะของศิลปินดังๆนั่นเลยเทียว

แฟนพันธ์แท้ของผ้าพันคอแอร์เมสก็หาใช่ใครอื่นไกล ล้วนเป็นบุคคลดังๆที่เรารู้จักกันดีอย่าง สมเด็จพระราชินีอลิซาเบทที่ 2 (ในภาพวาดที่อยู่บนแสตมป์ของอังกฤษ ก็ทรงสวมผ้าพันคอของแอร์เมสด้วย) ส่วนเกรซ เคลลี่ก็ใช้ผ้าพันคอของแอร์เมสมาดามแทนผ้าพันเฝือกตอนที่แขนหัก นอกจากนี้ คนดังอย่าง ออเดย์ แฮปเบริน, แคทารีน เดอนูฟ, แจคกี้ โอนาซิส , ชารอน สโตน์, ซารา เจสสิก้า ปาร์คเกอร์, ฮิลลารี่ คลินตัน, แอล แมคเฟอร์สัน และป้ามาดอนน่า ก็ล้วนแต่นิยมผ้าพันคอของแอร์เมสกันทั้งนั้น

ส่วนกระเป๋าของแอร์เมสที่ติดอันดับยอดนิยมตลอดกาลอย่างเบอร์กิ้น และเยลลี่นั้น การผลิตโดยการตัดเย็บด้วยมือด้วยความประณีตและละเอียดอ่อน โดยหนังที่ใช้ต้องเป็นเกรดเอเท่านั้น ซึ่งมีหนังหลายชนิด อาทิ หนังจระเข้ นกกระจอกเทศ ในการทำกระเป๋าแต่ละใบต้องใช้เวลานานมาก อย่างกระเป๋าเบอร์กิ้นช่างเย็บกระเป๋าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 18 ชั่วโมง รุ่นเคลลี่ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 16 ชั่วโมง ช่างทำกระเป๋าแต่ละคนต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างน้อย 3 ปี จึงจะได้รับอนุญาตให้ผลิตกระเป๋าได้ และเมื่อลูกค้าใช้กระเป๋าไปนาน ๆ และต้องการส่งซ่อม ผู้ที่ผลิตกระเป๋าใบนั้น ๆ จะเป็นผู้รับผิดชอบดูแล ซ่อมแซมกระเป๋าให้ และที่สำคัญ ถึงจะมีเงินก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อกันได้ง่ายๆนะครับ แต่ละใบต้องสั่งจองล่วงหน้าเป็นปีๆ กว่าจะได้มาครอบครองสมใจอยาก

นอกจากนี้.. กระเป๋าในรุ่นยอดนิยมต่างๆของแอร์เมสยังมีตำนานสุดคลาสสิก ที่ช่วยเสริมบรรยากาศในการสวมใส่ อย่างกระเป๋าเคลลี่นั้น มีที่มาจากชื่อของเกรซ เคลลี่ ซึ่งเป็นผู้ที่ทำให้กระเป๋ารุ่นนี้โด่งดังจากการสะพายไปขึ้นปกนิตยสารไลพ์ ในปีค.ศ. 1956 ส่วนรุ่นเบอร์กิ้น มาจากชื่อของ เจน เบอร์กิ้น ซึ่งเป็นผู้ร่วมออกแบบกระเป๋ารุ่นนี้ร่วมกับชอง-หลุยซ์ ดูมาส์ เนื่องจากเธอเห็นว่ากระเป๋าเยลลี่ของเธอไม่เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน  ด้วยความพิถีพิถันเหล่านี้เองที่เป็นคุณสมบัติความพรีเมียมของแอร์เมส ที่ทำให้แบรนด์ Hermes กลายเป็นแบรนด์สุดยอดในเรื่องของกระเป๋าสะพาย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมทุกวันนี้กระเป๋าใบหรูที่ราคาแสนแพงของแอร์เมสจึง กลับมียอดสั่งจองเยอะที่สุด ทั้งยังต้องรอคอยนานข้ามปี ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่แบรนด์เท่านั้น ที่สามารถสร้างปรากฏการณ์แบบนี้ได้

ปัจจุบัน แอร์เมสมีสินค้าหลากหลายชนิด ตั้งแต่เครื่องม้า กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า ผ้าพันคอ เนกไท จิวเวลรี่ นาฬิกา จานชาม เครื่องเขียน เสื้อผ้าของใช้เด็ก ยันไปถึงของใช้จุกจิก เช่น ที่เปิดขวดไวน์ ตลับเมตร สายคล้องมือถือ ฯลฯ แอร์เมสมีของเกือบทุกอย่างแต่ที่ไม่มีก็คือแว่นตา
ด้วยราคาและคุณภาพการตัดเย็บ ทำให้ตอนนี้ยังถือเป็นแบรนด์เดียวที่ยังคงเอกลักษณ์การเย็บด้วยมือแบบร้อยทีละรูด้าย  (ตอนนี้หลุยส์วิตตอง เลือกทำเฉพาะสินค้าบางรุ่น นอกนั้นเย็บจักรหมดแล้วครับ) จึงทำให้เป็นที่ต้องการอย่างมาก เพราะลูกค้ารู้สึกได้ถึงความมีรสนิยมที่แตกต่างจากการเลือกใช้แบรนด์อื่นๆครับ



Brand Supremacy -Case Study IKEA

Brand Supremacy -Case Study IKEA






แบรนด์ IKEA เป็นที่รู้จักทั่วโลก ในฐานะซุปเปอร์มาร์เก็ตของผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้าน หรือก็คือ Homepro,Index Living Mall ในระดับโลก IKEA มีช็อปอยู่กว่า 30 ประเทศทั่วโลก 200 กว่าสาขา และมีพนักงานมากกว่า 85,000 คน สาขาในย่านอาเซี่ยนนี้ IKEA มาเปิดที่มาเลเซีย และเร็วๆ นี้กำลังจะมาเปิดที่ประเทศไทย ผู้ก่อตั้ง IKEA เป็นชาวสวีเดน ชื่อนาย Ingvar Kamprad คำว่า IKEA มาจากตัวย่อ 4 ตัว คือ I และ K มาจากตัวหน้าของชื่อและนามสกุลของเขา ส่วน E กับ A มาจากคำว่า Elmtaryd และ Agunnaryd ซึ่งเป็นชื่อของฟาร์มและหมู่บ้านที่นายอิงค์วาร์เติบโตขึ้นมา หมู่บ้านที่นายอิงค์วาร์อาศัยอยู่นี้ มีผืนดินที่ค่อนข้างบาง และไม่ค่อยมีแร่ธาตุดีๆ เท่าไร ความด้อยของทรัพยากรที่มีอยู่มีส่วนช่วยให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ ณ ที่นี้ อยู่อย่างพอเพียง รู้ถึงคุณค่าและการใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาดกับทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด “เราจะสร้างห้างสรรพสินค้าเฟอร์นิเจอร์ให้มีการใช้งานที่เหมาะสมและมีงานออกแบบที่ประณีต ราคาไม่แพง สามารถแข่งขันในตลาดได้ โดยเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม แล้วลูกค้าทุกระดับจะซื้อหาสินค้า IKEA ได้” จุดนี้เองเป็นหัวใจสำคัญของแนวคิดแบรนด์ IKEA

อิงค์วาร์ใช้หลากหลายวิธีในการทำให้สินค้ามีราคาต่ำ แต่มีอยู่สองส่วนด้วยกันที่เขาไม่ยอมที่จะลดต่ำลง ในทางตรงกันข้าม เขากลับพยายามทุ่มเทกับ 2 ส่วนอย่างมากก็คือ งานออกแบบ และคุณภาพของสินค้า เพราะเขาเชื่อว่างานออกแบบที่ดีนั้น นอกจากจะทำให้สินค้าสวยงามแล้ว ยังมีส่วนช่วยเสริมกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น นอกจากจะทำให้สินค้าสวยงามแล้ว ยังช่วยส่งเสริมกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นด้วย การขนส่งที่ง่ายขึ้น รวมทั้งถอดหรือประกอบได้ง่าย ใช้สอยได้อย่างง่ายดาย แม้ลูกค้าจะไม่มีความรู้ทางด้านเฟอร์นิเจอร์ก็ตาม จุดนี้เองเป็นจุดที่เขาฝากไปถึงเราบรรดาผู้ประกอบ SME’s ให้คำนึงถึงงานออกแบบให้มากขึ้น เพราะสินค้าในปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงมาก อีกทั้งสินค้ามีความแตกต่างกันค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค งานออกแบบที่ดีจะช่วยให้คุณมีรูปแบบที่โดดเด่น พร้อมแข่งขันกับตลาด โดยยกตัวอย่างสินค้า OTOP ของไทย ที่ยังไม่สามารถขยายตลาดไปอย่างกว้างขวาง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะงานออกแบบและคุณภาพของสินค้ายังไม่โดนใจ สินค้า OTOP หลายตัวมีคุณภาพที่ดี และงานออกแบบที่ดีแล้ว ก็ยังต้องเผชิญกับสินค้าคู่แข่งจากต่างชาติที่มีจุดแข็งด้าน design เช่นกัน ดังนั้นการวิจัยและพัฒนาจึงไม่สามารถหยุดนิ่งได้

IKEA SHOP “Make yourself at home” การทำตัวสบายๆ ให้เหมือนกับอยู่ในบ้านของคุณเอง วลีนี้แหละที่ถือเป็นแนวคิดหลักในงานออกแบบและการจัดระเบียบการเดินและเลือกซื้อสินค้าสินค้าภายใน IKEA Shop งานตกแต่งภายในของร้าน เปรียบเหมือนคุณกำลังเดินอยู่ในงานจัดแสดงสินค้าหรือนิทรรศการ งานโฮมเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ โดยพื้นที่ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือส่วนจัดแสดงสินค้า (Exhibitions) ส่วนรับประทานอาหาร (Restaurant) ส่วนของสินค้าตกแต่งบ้าน (Home Accessories) และคลังสินค้า (Storage) ส่วนแรกเป็นส่วนที่กระตุ้นต่อมโลภได้เป็นอย่างดี เพราะนักออกแบบได้สร้างสรรค์ห้องเล็กๆ มากกว่า 20 ห้อง โดยแต่ละห้องมีขนาดประมาณ 10 ตารางเมตร ไปจนถึง 30 ตารางเมตร ทุกๆ ห้องนอกจากจะตกแต่งด้วยสินค๋าจาก IKEA แล้ว นักออกแบบยังทำให้ห้องทุกห้องราวกับว่ามีคนอาศัยอยู่จริง สังเกตได้จากเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ ของเล่นเด็กที่วางเกลื่อนตามเตียง กระดานที่เขียนข้อความฝากถึงคนรัก และอื่นๆ อีกมากมาย ผู้ซื้อสามารถนั่งบนโซฟา นอนสัมผัสความนุ่มของเตียง แม้แต่เด็กเล็กๆ สามารถลองปีนขึ้นไปบนเตียงนอน 2 ชั้น โดยมิได้ถูกห้ามจากพนักงานขาย นั่นต่างจากการเดินเข้าร้านขายเฟอร์นิเจอร์ในบ้านเรา ที่พอเดินเข้าไปแล้วรู้สึกว้าเหว่ เหมือนกับขาดสิ่งมีชีวิตอยู่ ดูไร้ชีวิตชีวา ครั้นจะลองนั่งหรือนอนเอกเขนก ก็มักมีสายตาขวางๆ จ้องอยู่ เพราะเขาเกรงว่าสินค้าจะบุบสลายหรือขายต่อไม่ได้

นอกจากจุดเด่นในเรื่องของการตกแต่งแล้ว IKEA ยังมีพนักงานที่ให้บริการอย่างดีเยี่ยม คอยให้คำปรึกษาอยู่ ถ้าลูกค้าต้องการสอบถามข้อมูลใดๆ เพิ่มเติมจากการเดินเลือกซื้อสินค้า สินค้าทุกชิ้นที่มีการจัดวางขายจะมีป้ายบอกรายละเอียดสินค้า เช่น สี ขนาด หมายเลขสินค้า อย่างครบถ้วน ถ้าเราสนใจซื้อสินค้าตัวไหนก็จดหมายเลขสินค้าไว้ เพื่อจะใช้เป็นข้อมูลในการหยิบสินค้า ซึ่งส่วนแรกนี้สร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เป็นการสร้าง Brand Experience และการสร้าง Brand Relationship ได้เป็นอย่างดี เสมือนร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ที่ลูกค้าหลายคนยอมจ่ายเงินซื้อกาแฟแก้วละเกือบ 100 บาทเพื่อชิมรสชาติของกาแฟและบรรยากาศที่ถูกจัดไว้อย่างลงตัว ลูกค้าจะไม่มีความรู้สึกว่าสินค้าของเราแพงเมื่อเทียบกับราคาและสิ่งที่เขาได้รับอีกเลย

Design Trends ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในรอบ 10 ปีมานี้ ได้แก่ Hybrids , Natural and Artificial , Traditionals and Classics และ The Return of the 80’s

Trends : Hybrids เกิดจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่นำมารับใช้ความสะดวกสบายของมนุษย์ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างการสื่อสารกับผู้บริโภคเริ่มมีการหลอมรวมกันมากขึ้น เป็นการออกแบบเฟอร์นิเจอร์รวมกับอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลำโพงที่ติดอยู่ภายในเก้าอี้ โซฟา หรือการติดตั้งอุปกรณ์สื่อสาร DVD พร้อมกับเครื่องเสียงชั้นดีกับเก้าอี้เอกเขนกตัวโปรด และจัดเป็นการสร้าง นวัตกรรมแบบใหม่ของงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ที่เมื่อก่อนเรานึกว่าเป็นแค่เพียงจินตนาการที่ไม่มีทางเป็นไปได้

Trends : Natural and Artificial เป็นการผสมผสานการออกแบบสิ่งของ 2 สิ่งที่ตรงกันข้ามกัน ระหว่างสิ่งของธรรมชาติ(Natural) กับสิ่งของที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมา (Artificial) เพราะต้องการสื่อถึงวิถีความเป็นอยู่ของมนุษย์ในปัจจุบัน ที่พยายามดึงธรรมชาติให้เข้ามาสู่ในเมืองป่าคอนกรีต และใช้วิธีการนำรูปทรงจากธรรมชาติมาปรับรูปทรงให้ง่ายขึ้น แล้วสร้างสรรค์เป็นงานออกแบบ เช่น การออกแบบฉากกั้นห้องเป็นรูปทรงต้นไม้ โดยใช้โลหะเป็นโครงสร้างของกิ่งไม้ หรือการใช้วัสดุประเภทหวาย มาถักทอสานต่อกับรูปทรงที่ทันสมัยในการสร้างเก้าอี้ดีไซน์เก๋ๆ ซึ่งการออกแบบในลักษณะนี้คนไทยมีพรสวรรค์และมีฝีมืออยู่แล้ว ดังจะเห็นจากงานสินค้าหัตถกรรมต่างๆ งาน OTOP ของไทยที่มีการดีไซน์ได้โดดเด่นจนชาวต่างชาติมักมียอดสั่งซื้อในงาน OTOP จำนวนมาก

Trends : Traditonals and Classics คือการนำงานออกแบบที่มีความสวยงามจากสมัยก่อน มาดัดแปลงให้เกิดความเรียบง่ายมากขึ้น ถือเป็นแนวทางที่สามารถทำให้เฟอร์นิเจอร์ของคุณเพิ่มความคลาสสิคลงไป เช่น ฟิลิปป์ สตาร์ค เป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์ชื่อดังก้องโลก ได้เสนอผลงานในแบบ traditionals and classics ไว้ในงานเฟอร์นิเจอร์ที่เมืองมิลานในปี 2004 โดยนำงานเก้าอี้ในสมัย “บาร็อค” มาทำการดัดแปลงให้งานออกแบบเป็นเก้าอี้สีเขียวมะนาว มีความเรียบง่ายตามสไตล์ ฟิลิปป์ สตาร์ค นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในการสร้าง trends ใหม่ขึ้นมา ถ้าตัวอย่างกรณีศึกษาในบ้านเราก็อย่างการตลาดเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ตลาดเพลินวาน เป็นการนำงานออกแบบที่นำมาปรับใช้เพื่อสร้างบรรยากาศ โดยการออกแบบ สิ่งของเครื่องใช้ ให้ดูเก่า คลาสสิค แม้ว่าบางสิ่งเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ โดยใช้วัสดุใหม่ๆ นำมาดีไซน์ให้ดูเก่าๆ เพื่อสร้างความเก่า แต่คลาสสิค ดูเรียบง่ายตรงตามคอนเซ็ปต์ เพราะกระแสนิยมของเก่ามาแรงมากในรอบ 10 ปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นตลาดสามชุก ตลาดอัมพวา เมืองปาย เมืองน่าน ล้วนเป็นต้นแบบของรากฐานทางวัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวไทยๆ ในบรรยากาศแบบย้อนยุค ที่หาไม่ได้ที่ไหนในโลก นอกจากประเทศไทยเท่านั้น

Trends : The Return of the 80’s หรือกระแสยุค 80 เป็นการนำผลิตภัณฑ์ในปี 80 มาทำการออกแบบใหม่ จุดเด่นของงานออกแบบในแนวนี้เป็นการใช้ สีดำและขาว เป็นสีคู่ตรงข้ามที่ถูกนำมาใช้กันอย่างมากที่สุด ในขณะที่สีเขียวมะนาว หรือสีแดงนั้น ถูกนำมาใช้เป็นตัวเสริม ในงานเฟอร์นิเจอร์เพื่อให้เกิดความน่าสนใจมากขึ้นในชิ้นงาน รูปทรงจะเป็นเรขาคณิต ไม่ว่าจะเป็นเส้นตรง มุมแหลม วงกลม หรือวัสดุทรงเหลี่ยม ในขณะที่วัสดุก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน วัสดุที่ใช้จะมีความมันวาวทั้งหมด ได้แก่ พลาสติกแบบเงา หนัง หรือแม้แต่โลหะ

เทรนด์ดีไซน์ของงานเฟอร์นิเจอร์นั้นมีความหลากหลาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการว่า จะนำเทรนด์แบบใดไปใช้กับการพัฒนาสินค้าของตนเอง ซึ่งต้องมีการศึกษาความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่ผู้ประกอบการได้ตั้งเป้าเอาไว้ ให้ได้ประสิทธิผลดีที่สุด

Brand Identity – Case Study Diesel

                                                       Brand Identity – Case Study Diesel
เมื่อราวๆ ช่วงปี พ.ศ. 2528 จนถึง ปี พ.ศ. 2533 เป็นช่วงยุคทองของแฟชั่นบูติคในบ้านเรา เสื้อผ้าสไตล์ลินิน จีบงุ้ม คมกริบ ได้เข้ามาแพร่ระบาดในเมืองไทย กางเกงทรงสแล็ค รองเท้าทรงปลายแหลม ไปจนถึงรองเท้าหัวโตของ ดร.มาร์ติน ดังเปรี้ยงปร้าง สมัยนั้นศูนย์รวมแฟชั่นวัยรุ่นอยู่ที่ สยามเซ็นเตอร์ ราชดำริอาเขต และเซ็นทรัลลาดพร้าว (สมัยนั้นยังไม่มี สยามดิสคัฟเวอรี่ กับสยามพาราก้อน รวมถึงเซ็นทรัลเวิลด์ด้วย) เสื้อผ้าแบรนด์ดังในยุคนั้นที่วัยรุ่นใส่กัน ยังจำได้มั๊ย Pacchino, Domon, Kai, Police , Great Dane ,Tempopo, Diesel , Lay-Out, Slot machine ,Ray ฯลฯ ลักษณะเด่นของแบรนด์ Diesel ในสมัยนั้น มีรูปโลโก้เป็นรูปอินเดียนแดงทรงผมโมฮ็อก ภายหลังปี 2535 แบรนด์ที่กล่าวมาเกือบทั้งหมดก็ได้อันตรธานหายไปจากตลาดเมืองไทย แบรนด์ที่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบันก็คือ Domon ที่ปัจจุบันทำสินค้าเจาะตลาดแมส แต่สไตล์สินค้าไม่ได้ทันสมัยเหมือนแต่ก่อนแล้ว อีกแบรนด์นึงที่ยังคงอยู่ก็คือ Diesel ที่ได้มีการ Re-Branding ครั้งใหญ่ ภายหลังจากที่ตกต่ำไปจนเกือบจะเรียกว่าตายไปจากวงการแล้ว โดยการกุมบังเหียนใหญ่ของ เรนโซ รอสโซ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Diesel ชาวอิตาลี (แบรนด์ Diesel ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1978 ) เขาสามารถสร้างแบรนด์ Diesel ให้ยิ่งใหญ่ และโด่งดัง จนเป็นแบรนด์ชั้นนำของอิตาลี สามารถเบียดแซงมาร์เก็ตแชร์แบรนด์ผู้นำอย่าง Levi’s แบบไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรี จนในที่สุด Diesel ก็กลายเป็นแบรนด์ยอดฮิตในหมู่คนรุ่นใหม่ตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ของโลก อาทิ โตเกียว แคลิฟอร์เนีย แมนเชสเตอร์ ลอนดอน โรม โคเปนเฮเก้น และอีกหลายที่ในโลก รวมถึงไทยด้วย

รอสโซ กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์นิตยสาร Telegraph อย่างน่าสนใจว่า ‘a pair of Jeans don’t have personality but the BRAND has personality’ แปลว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของแบรนด์ เขามุ่งหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมวัยรุ่นทั่วโลก โดยการนำเสนอสินค้าในแบบเดียวกัน ชนิดเดียวกันทั่วโลก แปลไทยเป็นไทยอีกที ก็คือ เขาคิดว่าเขาเป็นส่วนนึงเล็กๆ ของวัฒนธรรมยีนส์ ซึ่งไม่ใช่คาแรกเตอร์ทั้งหมดของเขา แต่แบรนด์ของเขาต่างหากคือคาแรกเตอร์ที่แท้จริงของยีนส์ แปลแบบนี้จะเข้าใจกว่า คิดว่าคงเก็ต ณ วันนี้ Diesel มีร้านค้ารวมกว่า 80 ประเทศ คลอบคลุมจุดขายกว่า 10,000 แห่งทั่วโลก และร้านแต่ละแห่งมีการตกแต่งที่เป็นเอกลัษณ์ภายใต้ภาพลักษณ์เดียวกัน

Diesel ได้แบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็น 2 ลักษณะ กลุ่มแรกเรียกว่า Traditional ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลักของ Diesel เพราะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มองโลกแคบ ไม่ชอบเทียว ไม่ชอบอ่าน พวกนี้ก็คือพวกที่ไม่นิยมแต่งตัวนั่นเอง กับอีกกลุ่มนึงก็คือ Modern เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่ Diesel ต้องการมาก เพราะเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมรักการอ่าน ชอบการเดินทาง ท่องเที่ยวและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน และเป็นที่มาของการสร้างแบรนด์อิมเมจ ไม่ว่าจะเป็นงานโฆษณา งานตกแต่งร้านที่ Diesel มักจะใช้ไลฟ์สโตล์ในการสร้างภาพลักษณ์ ซึ่งรอสโซได้ใช้กลยุทธ์นี้มาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทแล้ว เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นทั่วโลกได้อย่างลงตัว ทีมงานออกแบบของ Diesel เกิดจากการรวมตัว ของหลากหลายเชื้อชาติ หลายภาษา โดยมีที่ทำงานตามแหล่งต่างๆ ในโลกใบนี้ โดยไม่จำกัดเรื่องเวลาและสถานที่ เพื่อดีไซน์เนอร์จะได้สร้างแรงบันดาลใจ ผลิตสินค้าให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ การคิดแบบ Global (Think Global) นี้แหละที่ทำให้ Diesel ถีบตัวขึ้นมาผงาดเหนือคู่แข่งได้ มีสินค้าที่ครองใจผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง (Act Local)

เอกลักษณ์หรือจุดแข็งของ Diesel ก็คือ Denim ซึ่งพัฒนาต่อยอดจนสามารถเบียดแซงคู่แข่งอย่าง Levi’s ขึ้นมาได้ จนสามารถพูดได้มั๊ยว่า ถ้าคนยุคเก่าจะใส่ยีนส์ลีวายส์ แต่ถ้าเป็นยุคนี้จะใส่ยีนส์ของ Diesel เป็นหลัก เท่านั้น การคงเอกลัษณ์โดยไม่ไหลไปตามกระแสของ street wear ซึ่งฮิตมากในยุคนี้ ทำให้ Diesel ยังคงมีสาวกเหนียวแน่น พร้อมจะเดินตามอย่างไม่ย่อท้อ และเป็น 1 ในแบรนด์ยอดฮิตอย่างยาวนาน



การสร้างแบรนด์

ในยุคนี้แบรนด์คือทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นประสบการณ์ร่วม บทบาทของแบรนด์คือการสร้างความผูกพัน ไม่ว่าจะเป็นความผูกพันให้คนใช้แล้วกลับมาใช้อีก ความผูกพันให้ลูกค้าสนับสนุนเราไปเรื่อย ๆ ความผูกพันให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเราช่วยขยายชื่อเสียงของเราไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้จบ เพราะฉะนั้นเมื่อแบรนด์คือทุกสิ่งทุกอย่าง แบรนด์จึงไม่จำกัดบทบาทตัวเองอยู่แค่แผนการตลาดเท่านั้น แบรนด์เป็นเรื่องเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างของการทำธุรกิจ ทั้งด้านองค์กร การบริหารจัดการ ฝ่ายผลิต ฝ่ายพัฒนาสินค้า การตลาด การขาย การรับพนักงาน การฝึกอบรมพนักงานแบรนด์คือ จุดศูนย์กลางของการทำธุรกิจ สำหรับคนที่คิดจะมีแบรนด์และรู้ว่าอยากให้แบรนด์เป็นอย่างไร แบรนด์นั้นเป็นตัวบ่งบอกว่า ต้องออกแบบบรรจุภัณฑ์อย่างไร ทำโฆษณาแบบไหน ส่งเสริมการขายอย่างไร เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่จัดการ ดำเนินการ (ธุรกิจ) จะต้องสะท้อนความเป็น แบรนด์อย่างถ่องแท้ แบรนด์เป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ายของกระบวนการ

แบรนด์ - ชื่อเสียง (Reputation ไม่ใช่ Awareness) การสร้างแบรนด์คือการสร้าง ชื่อเสียง ชื่อเสียงสำคัญมากเป็นที่มาของความไว้วางใจ (Trust) เป็นที่มาของเครดิต เป็นสิ่งที่บอกถึงอดีตและกำหนดอนาคต ฉะนั้นแบรนด์คือสิ่งที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่ธุรกิจ

ภาพลักษณ์กับเอกลักษณ์

การสร้างเอกลักษณ์ต้องมีภาพลักษณ์เข้ามาเกี่ยวข้องแต่ภาพลักษณ์อย่างเดียว ไม่สามารถสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้

การสร้างแบรนด์มีหลายกลยุทธ์แต่กลยุทธ์ที่แนะนำคือ การสร้างแบรนด์แบบมี เอกลักษณ์โดยที่เอกลักษณ์นั้น ๆ จะต้องโดดเด่น แตกต่างมีข้อได้เปรียบ และเป็นจุดยั่งยืน มิฉะนั้นการสร้างแบรนด์ก็จะเป็นการลงทุนระยะสั้นและสิ้นเปลือง ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของการสร้างแบรนด์ที่จะต้องเป็นการลงทุนระยะยาว และต้องครอบคลุมทั้งในด้านภาพ เสียง และ พฤติกรรม

Identity

Identity จะต้องมีการดำเนินการทั้งด้านการสื่อสาร (Communication) และกิจกรรม (Action) ภาพรวมของแบรนด์ที่คงเส้นคงวาจึงจะเกิดขึ้นได้ เหล่านี้คือสิ่งที่เรียกว่า Identity System ซึ่งเป็นกระบวนการควบคุม การถ่ายทอด ความเป็นแบรนด์ ออกสู่สาธารณะชนหรือตลาด

การสร้างแบรนด์อย่างเป็นระบบเริ่มจาก

การหาจุดยืนที่แตกต่างของแบรนด์ + บุคลิกภาพของแบรนด์

= เอกลักษณ์ของแบรนด์

ในกระบวนการสร้างแบรนด์นั้น องค์ประกอบด้านพฤติกรรม เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เอกลักษณ์แบรนด์ไม่ได้มีแค่การออกแบบโลโก้ แต่ต้องมีการถ่ายทอดในทุกกิจกรรมของแบรนด์ ซึ่งเป็นตัวการสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง

แบรนด์มีขั้นตอนการเกิดดังนี้

Brand Awareness การสร้างการรับรู้ มีตำแหน่ง มีเอกลักษณ์ มีชื่อ มีโลโก้ มีบรรจุภัณฑ์ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การสร้างความรับรู้ว่า บัดนี้มีแบรนด์แล้วในตลาด และแบรนด์นี้มีจุดขาย มีเอกลักษณ์เป็นอย่างไร ขั้นตอนนี้คือการโฆษณาประชาสัมพันธ์

Brand Preference การสร้างความชอบที่มากกว่า คือการโฆษณาประชาสัมพันธ์เช่นกัน รวมทั้งโปรโมชั่นตลอดจนกิจกรรมเพื่อสังคมต่าง ๆ

Brand Loyalty การสร้างความภักดี การสื่อสารตอกย้ำคอยเตือน มีกิจกรรมที่ เกี่ยวกับแบรนด์ ที่ตรงกับเอกลักษณ์ใช้แล้วพอใจ เป็นความผูกพันที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์ไม่ว่าจะทำอะไรใหม่ ๆ ก็จะตามซื้อตามใช้ แนะนำและบอกต่อด้วยความมั่นใจ

ขั้นตอนจาก Awareness Preference Loyalty เต็มไปด้วยกิจกรรมทางการตลาด มากมายจึงต้องมี เอกลักษณ์ของแบรนด์ คือ Brand Identity เป็นตัวควบคุมดูแลให้ทุก ๆ องค์ประกอบของแบรนด์อยู่ในทิศทางที่ควรจะเป็นอยู่ในความเป็นแบรนด์

ลักษณะของคนเอเชียคือมีครอบครัวใหญ่ การทำการตลาดก็คล้าย ๆ กัน ชอบแตก ลูกหลาน เริ่มจาก 1 ยี่ห้อ กลายเป็น 20 ยี่ห้อ จึงต้องอาศัย Brand Architecture หรือพิมพ์เขียว ของแบรนด์

Brand Architecture หรือพิมพ์เขียวของแบรนด์

คือโครงแบบความสัมพันธ์ของแบรนด์ทั้งในระดับแบรนด์แม่และแบรนด์ลูก

-อะไรเป็นแม่ (Master Brand)

-อะไรเป็นลูก (Sub Brand)

-อะไรเป็นแบรนด์

-อะไรเป็นแค่ผลิตภัณฑ์

-เมื่อไรแม่สำคัญ

-เมื่อไรลูกสำคัญ

Brand Architecture เป็นศาสตร์ใหม่มีประโยชน์อย่างยิ่งทั้งกับแบรนด์องค์กรและ แบรนด์สินค้า เป็นสิ่งที่ละเอียด ซับซ้อน และไม่มีสูตรสำเร็จ



RVI (Retail Visual Identity) = Brand Image การสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กร

องค์ประกอบที่จะทำให้เกิด Integrity ของ RVI ในกิจการหนึ่ง ๆ นั้น จะต้องประกอบไปด้วย

1. โลโก้และคู่สี โลโก้จะต้องสื่อถึงคาแรคเตอร์ของกิจการนั้นได้ดี ซึ่งจะผนวกกับคู่สี ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ปรัชญาการออกแบบร้านค้าปลีกที่ดีจะต้องสื่อถึงเส้นสายและสีสันขององค์ประกอบหลักนี้เสมอ

2. การตกแต่งหน้าร้าน วัสดุ สี และการนำไปใช้ จะเป็นเครื่องบ่งบอกเอกลักษณ์ของกิจการนั้น ๆ และยังช่วยให้ลูกค้าสามารถแยกแยะกลุ่มธุรกิจที่แตกต่างกันได้

3. ระบบงานป้าย การมีระบบงานป้ายที่ครบตามสมควร และเกิดจากการคิดพร้อมกันทั้งระบบเท่านั้น ที่จะรักษาภาพลักษณ์ที่ดีพร้อม ๆ กับช่วยโฆษณาไปในตัว มิฉะนั้นแล้วอาจเกิดลักษณะของการ over - decorate ที่ดูจะเป็นธรรมชาติของการตกแต่งป้ายในแบบอยากมีอยากเด่นของการทำกิจกรรมแบบเดิม ๆ ที่นอกจากจะไม่ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสื่อสารที่ดีแล้ว ยังทำลายความสวยงามของสิ่งแวดล้อมของร้านค้าปลีกนั้นอีกด้วย


วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เศรษฐศาสตร์ชาตินิยม Nationalism Economics (Attitude Review Series)


เศรษฐศาสตร์ชาตินิยม Nationalism Economics
(Attitude Review Series)
ตอนที่ 1 ละทิ้งความสุขจอมปลอม อิสระที่แท้จริงอยู่ที่ใจคุณเท่านั้น


ระยะนี้ผมพบว่าคนรอบข้างหลายคน รวมถึงตัวเองด้วยประสบปัญหาการเงินกันหมดเลย แต่ละคนมีปัญหาแตกต่างกันไป บางคนมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องฝืดเคือง บางคนมีปัญหาด้านหนี้สิน ภาระค่าใช้จ่าย บางคนมีปัญหาด้านจัดหาเงินทุนเพื่ออยากจะไปลงทุนในธุรกิจ และมีบางคนมีปัญหาด้านชักหน้าไม่ถึงหลัง บางคนตกงานหางานทำยังไม่ได้ บางคนจวนจะตกงาน บางคนติดหล่มเสียพนันบอล เจ๊งหุ้น โดนชักดาบเรื่องแชร์และค่าสินค้า ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของการบริหารเงินทั้งสิ้น ในระดับที่เล็กหน่อยก็เรียกว่า การบริหารเงินส่วนบุคคล ในระดับใหญ่ก็เรียกการบริหารการเงินในส่วนของธุรกิจหรือองค์กรไป ผมคิดว่าการบริหารเงินส่วนบุคคลนั้นสำคัญกว่ามาก เพราะถ้าพื้นฐานแล้วคุณบริหารเงินส่วนตัวคุณยังไม่ประสบความสำเร็จแล้ว อย่าหวังว่าจะบริหารธุรกิจแล้วไปรอด มีแนวโน้มว่าจะมีปัญหาอย่างแน่นอน เฉกเช่นเดียวกับพฤติกรรมส่วนตัวคุณนั่นแหละ ดังนั้นจึงเกิดไอเดียอยากจะเขียนบทความแนวบริหารเงินส่วนบุคคลในแบบพื้นๆ ชาวบ้านๆ ขึ้นมา ไม่ใช่เพราะตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือมีความรู้อะไรนักหรอก และตัวเองก็มีภาระหนี้สินแบบเดียวกับคนอื่นทั่วไปเช่นเดียวกัน แต่ไฉนจะทำตัวเป็นพวกมะพร้าวห้าวมาขายสวน อันนี้ขอบอกว่าไม่ใช่เป็นแต่เพียงมุมมองหลายๆ อย่างตกผลึกมาจากชีวิต ประสบการณ์การทำงานในแวดวงธนาคารและสถาบันการเงินมากกว่า 17 ปี คงพอจะนำมาแลกเปลี่ยน นำเสนอความคิดให้กับคนอ่านในบล็อกฟังบ้าง คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย และหลายเรื่องก็เป็นประสบการณ์ตรงของตนเองนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นอุทธาหรณ์ให้กับคนอื่น เผื่อจะไม่ได้ก้าวพลาดและเดินตามรอย เพราะเรื่องเงินนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ที่โรงเรียนไม่เคยสอน (ขอยืมคำพูดของคุณมณฑาณี ตันติสุข ได้เคยให้ข้อคิดไว้เป็นหนังสือพ็อกเก็ตบุ้คที่เธอเขียนเอง)

ข้อคิดของผมเองที่จะทำให้คุณหลุดพ้นจากหลุมดำของการมีปัญหาทางการเงิน มีดังนี้

1.ต้องไม่ทำตัวเป็นเสมือนมนุษย์เงินเดือนที่แบมือรอรับซองเงินจากนายจ้างทุกสิ้นเดือน ถ้าคุณยังอยู่ในสภาพนั้นอยู่หล่ะก็คุณต้องมีรายได้เสริมทางอื่นด้วย หรือต้องทำตัวให้มีคุณค่า มากพอที่จะต่อรองกับนายจ้างของคุณ ไม่ให้ถูกโขกสับได้โดยง่าย หรือทำกับเราราวกับว่าเป็นถังขยะในออฟฟิซ

2.เลือกทำในสิ่งที่คุณรัก และพอจะสร้างรายได้ให้กับเราได้ในระดับนึง ซึ่งเป็นระดับที่คุณพึงพอใจแล้ว อาจจะมากหรือน้อยก็ไม่เป็นไร แต่เรารู้สึกว่าแค่นี้ก็แฮ็ปปี้แล้ว แค่นี้ก็ยกระดับคุณภาพชีวิตของเราให้ดีขึ้นมากแล้ว

3.มีอาณาจักรส่วนตัวเล็กๆ หรือโลกส่วนตัวที่เราสามารถเนรมิตมันขึ้นมาได้ด้วยตัวคุณเอง เป็นที่ที่คุณจะสามารถปลดปล่อยพลัง แรงบันดาลใจของคุณออกมาได้อย่างไม่ต้องแคร์ใคร หรือมีข้อจำกัดใดๆ มาทำให้คุณรู้สึกอึดอัด เพราะมันเป็นสิ่งที่เติมพลังชีวิตให้คุณสามารถอยู่ สู้อุปสรรคต่างๆ ในโลกอันแสนมืดมนนี้ต่อไปได้

4.ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงที่สุด แม้คุณจะมีเงิน มีฐานะทางสังคมใหญ่โตมากมายสักเพียงใด ก็เผื่อแผ่ให้คนอื่นบ้าง เพราะยังมีคนที่ลำบากกว่าคุณอยู่ในโลกนี้อีกมากมาย รอการช่วยเหลือ ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ไม่ผลาญทรัพยากรโดยสิ้นเปลืองแบบสิ้นคิด กินน้อย ใช้น้อย อย่าบริโภคสิ่งฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือยมากมายนัก เผื่อแผ่ให้คนอื่นมากๆ ดูอย่างอภิมหาเศรษฐีเบอร์ 1-2 ของโลกอย่างบิลล์ เกตต์ และวอร์เรน บัฟเฟตต์ สิ ยังบริจาคเงินเกินครึ่งของที่เขามีให้แก่องค์กรการกุศลทั่วโลก เพื่อทำประโยชน์ให้กับสังคมและมนุษยชาติ เพราะตายไปแล้วคุณก็ไม่ได้ใช้เงินส่วนที่เกินความจำเป็นนั้นอยู่ดี เอาไปนอนแช่ไว้ให้คนอื่นผลาญเล่นทำไม

5.ใช้เวลาไปกับการค้นหาความหมายในชีวิต ศึกษาหาคำตอบของชีวิต ไม่ใช่ใช้เวลาไปกับการหาความสุข เสพสุขในเรื่องวัตถุนิยม เพราะความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจเราเอง ไม่ใช่เรื่องเงิน หรือวัตถุ



พบกับบทความซีรี่ย์ตอนที่ 2 เงินในกระเป๋ากู หายไปไหน (โปรดติดตาม)



วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

10 สุดยอดปรากฏการณ์ทางการตลาดแห่งปี 2010





10 สุดยอดปรากฏการณ์ทางการตลาดแห่งปี



อันดับ 10 มิวสิควีดีโอของเลดี้กาก้า ชื่อเพลง Bad Romance มียอดดาวน์โหลดสูงสุด และมีผู้เข้าชมคลิปมิวสิควีดีโอผ่านเว็บไซต์ยูทูป มากถึง 200 ล้านครั้ง นับเป็นสถิติที่สูงที่สุดในโลก กลายเป็นนักร้องคนแรกในประวัติศาสตร์เพลงของอเมริกา ที่มียอดดาวโหลดเพลงมากที่สุด โดยเพลงฮิตของเธออย่าง Poker Face Just Dance และBad Romance ล้วนมียอดดาวโหลดเกิน 4 ล้านดาวโหลด รวมทั้ง 3 เพลงแล้วมากกว่า 12 ล้านครั้งเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้วง Black Eyed Peas และแรพเพอร์ Flo Rida เคยมียอดดาวโหลดเพลงทะลุ 4 ล้านครั้ง แต่ก็มากสุดแค่ 2 เพลงเท่านั้น

Lady GaGa - The Fame การประกาศศักดาของ ท่านหญิง กาก้า "ฉันรักเพลงป็อป" เลดี้ กาก้า หรือชื่อจริงคือ โจแอน สเตฟานี่ เจอมานอตต้า (Joanne Stefani Germanotta) คือ นักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรีสาว วัย 22 เชื้อสาย อิตาลี่ ผู้ซึ่งสร้างปรากฎการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ ให้กับวงการเพลง ด้วยการพาซิงเกิ้ล ป็อป แดนซ์ สุดฮิตอย่าง Just Dance ขึ้นไปแตะบนอันดับหนึ่ง บน บิลบอร์ดชาร์ต แต่เส้นทางของเธอนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กว่าเธอจะได้เป็นศิลปิน ทั้งถูกเลิกสัญญา กลางครันกับ ค่ายเพลง ชื่อดัง Def Jam แต่แล้วในที่สุด Akon นักร้อง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ ชื่อดัง ก็จับ เธอมาเซ็นต์สัญญาด้วย และร่วมทำเพลงด้วยกัน จนเมื่อปีที่แล้ว อัลบั้ม The Fame ของเธอก็ออกวางแผง "ฉันอยากชวนให้ทุกคนมาปาร์ตี้กัน และรู้สึกถึงบางด้านในชีวิตแบบของฉัน" จนถึงทุกวันนี้เธอก็ได้พิสูจน์ให้เรา ได้รู้แล้วว่า Pop Music Will Never Be Low Brow (เพลงป็อปจะไม่มีวันเชย) และ "คริสติน่ามันก็อปฉันค่ะ"



อันดับ 9 ยอดผู้เข้าชมภาพยนตร์เรื่อง Avatar ผ่านโรงภาพยนตร์ระบบ 3 มิติ มากที่สุด ยังไม่นับรวมยอดตั๋วหนังทั่วโลกที่ชมในระบบปกติ เป็นการสร้างสถิติที่มีผู้ชมภาพยนตร์สูงที่สุดแห่งปี จนเกิดกระแสผลิตทีวีเพื่อไว้รับชมภาพยนตร์ 3 มิติโดยเฉพาะ โดย Sony และ Panasonic เป็นผู้ริเริ่มผลิตโทรทัศน์แบบ 3 มิติเป็นเจ้าแรกๆ



ข่าวไอที ทิป-เทคนิค คอมพิวเตอร์



อันดับ 8 กระแสห้างสรรพสินค้าฟีเวอร์ ภายหลังจากห้าง zen ในบริเวณศูนย์การเซ็นทรัลเวิลด์ถูกไฟไหม้ไปช่วงต้นปีพร้อมๆกับบิ๊กซีราชดำริ และห้างเซ็นเตอร์วัน ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่ในปีนี้ได้มีการเปิดตัวห้างขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นการ renovatedห้างสรรพสินค้าเสรีเซ็นเตอร์เดิม กลายเป็นห้างใหม่ที่ชื่อว่า Paradise Park โดยทีมผู้บริหารชุดเดียวกับที่ Siam Paragon จึงจัดเป็นห้างเกรดเอหรือ 5 ดาวอีกห้างหนึ่งขึ้นมาแทนของเก่า พร้อมๆ กับปลายปีมีข่าวการซื้อกิจการเพื่อควบรวมกันระหว่าง 2 โมเดิร์นเทรดยักษ์ อย่างบิ๊กซีและคาร์ฟูร์ ซึ่งก็จะมีการควบรวมกิจการกันเป็นหนึ่งเดียว เนื่องจากกลุ่มทุนคาร์ฟูร์ได้ขายกิจการในประเทศไทยและอีกหลายประเทศในแถบนี้ทิ้ง และในปีหน้าจะมีห้างเกิดใหม่อีกห้างหนึ่งก็คือ เมกะบางนา ซึ่งสมรภูมิการสู้รบของธุรกิจค้าปลีกไทยจะมีสิ่งใหม่ๆ และการเกิดขึ้นของห้างใหม่ๆ อีกหลายที่หลายสาขา ในปีหน้าอย่างแน่นอน



อันดับ 7 คอนเสิร์ตบิ๊กเมาเธ่น ครั้งที่ 2 โดยผู้จัดคอนเสิร์ตเคลมว่าเป็นคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทั้งในแง่สถานที่และโปรดักชั่น จำนวนวงดนตรีที่มาแสดงมากที่สุด เวทีขนาดใหญ่เท่าตึก 5 ชั้น ระบบแสงสีเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา ให้สมกับเป็นวู้ดสต็อกเมืองไทย

ป๋าเต๊ด-ยุทธนา บุญอ้อม เผยถึงโปรเจ็กต์ บิ๊กเมาเทน มิวสิค เฟสติวัล ครั้งที่ 2 กลางเดือนธันวาคมนี้ว่า งานยังไปจัดที่โบนันซ่าเขาใหญ่เหมือนเดิม “จะใช้ชื่อเป๊ปซี่ พรีเซนต์ บิ๊กเมาเทน มิวสิค เฟสติวัล 2 โดยปีนี้คอนเซ็ปต์ของบิ๊กเมาเทนยังใหญ่มากเหมือนเดิม นอกเหนือศิลปินที่มีทุกค่ายทุกแนวเพลง ที่มีชื่อเสียงอย่างบอดี้สแลม, อีทีซี, ลุลา และน้องใหม่มาแรง อย่างวง 25 Hours จะขึ้นเวทีด้วย

ด้านกิจกรรมพิเศษก็จะมีอะไรใหม่ๆ มีการประกวดไข่เจียวชิงแชมป์ประเทศไทย นอกจากนี้ เราก็ยังมีเวทีใหม่ๆ เช่น เวทีทุเรียนที่จำลองระบบเสียงแบบ 360 องศาในแนวอิเล็กทรอนิกส์ จะมีความสะดวกขึ้นในการเดินทาง สิ่งที่เพิ่มก็คือรถเมล์ซึ่งมี 2 สาย สามารถไปยืนรอได้ และเรายังเพิ่มห้องน้ำจาก 400 ห้อง เป็น 600 ห้อง กระจายไปในจุดต่างๆ ส่วนโซนกางเต็นท์ก็ทำให้คนจอดรถ ไม่ต้องแบกของไกล สามารถกางได้ 6,000 เต็นท์ ซึ่งจะมี Toilet City รวมไว้ที่นี่เลย”.



อันดับ 6 การจัดงาน TFE Thailand Fashion Expo และ BIFW Bangkok International Fashion Week ซึ่งเป็นการจับมือกันของ กระทรวงพาณิชย์ เจ้าภาพฝ่ายรัฐบาล และห้างสรรพสินค้า 2 ยักษ์ใหญ่ คือ กลุ่มสยามพิวรรธน์และเดอะมอลล์กรุ๊ป และกลุ่มเซ็นทรัลกับผู้ค้าย่านราชประสงค์ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเวทีและเป็นศูนย์กลางด้านแฟชั่นของเอเชีย โดยมีการเชิญดีไซน์เนอร์อย่าง วิเวียน เวสต์วู้ด และก้อย สุวรรณเกตุ ดีไซน์เนอร์ไทยที่ไปสร้างชื่อในนิวยอร์ค มาเป็น Guest และร่วมแสดงผลงานในงานด้วย รวมถึงจัดประกวดค้นหาดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ในรายการ เดอะดีไซน์เนอร์ ก็นับว่าประสบความสำเร็จ นอกจากการเดินแฟชั่น การออกร้านของแบรนด์คนไทย การโชว์เคส รวมถึงผู้ซื้อจากต่างประเทศที่เข้าร่วมงาน

ยังนับว่าเป็นเวทีสำหรับดีไซน์เนอร์คนไทยได้แสดงฝีมืออวดชาวโลกด้วย



อันดับ 5 การตลาดเพื่อสังคม CSR Event มีอยู่ 2 ช่วงด้วยกัน คือช่วงหลังเหตุการณ์ 19 พฤษภา เผาบ้านเผาเมือง และช่วงน้ำท่วมตอนปลายปี ทีวีทุกช่อง สื่อมวลชนทุกแขนงหันมาเล่นกับกระแสนี้กันหมด ไม่ว่าจะเป็นการระดมดารา คนดัง celebrity เพื่อร่วมบริจาคเงินหรือลงไปช่วยเหลือคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์



อันดับ 4 ทอล์คโชว์คุณตัน ภาสกรนที ร่วมกับคุณโน้ต อุดม แต้พานิช ซึ่งเป็น 1 ในหลายๆอีเว้นท์ของคุณตัน ภายหลังลาออกจากบริษัทโออิชิ จึงออกมาตั้งบริษัท ตันไม่ตัน และรับสมัครผู้ร่วมงาน และเป็นหุ้นส่วนในบริษัทใหม่ ปรากฏการณ์ของการรับสมัคร เพื่อ recruit คนเข้ามาเป็นพนักงานและหุ้นส่วน ใช้รูปแบบเดียวกับการประกวดเรียลลิตี้โชว์คือให้ส่งคลิปวีดีโอแนะนำตัวเข้ามาที่เฟซบุ้คคุณตัน และก็มีการนัดออดิชั่น เพื่อสัมภาษณ์และคัดเลือกโดยคณะกรรมการสุดหินที่คุณตันจัดหามา ยิ่งกว่าเรียลลิตี้โชว์ ซึ่งเลียนแบบคอนเซ็ปท์ของโดนัลด์ ทรัมพ์หรือไม่ ลองพิจารณาดู

นายตัน ภาสกรนที รักษาการกรรมการผู้จัดการ บมจ.โออิชิ ถือฤกษ์วันที่ 9 เดือน 9 เปิดตัว บริษัท ไม่ตัน จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ขับเคลื่อนธุรกิจทางด้านอาหารและเครื่องดื่มแนวใหม่ป้อนตลาดในอนาคต โครงสร้างทางธุรกิจจะเน้นการเข้าไปลงทุนหรือร่วมทุนกับธุรกิจที่มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาต่อไปอย่างแท้จริง พร้อมให้ความช่วยเหลือทางด้านการตลาดเพิ่มเติม

บริษัท ไม่ตัน จำกัด เปิดตัวด้วยกิจกรรมแรกโครงการ The 9 Challengers เฟ้นหา 9 คนรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีไอเดียเด็ด เข้าร่วมทีมช่วยพัฒนาธุรกิจให้เป็นจริง และโครงการถัดไป “ราเมนแชมเปี้ยน"รวบรวม 6 ร้านราเมนสุดฮิตที่ได้รับรางวัลจากรายการทีวีแชมป์เปี้ยนประเทศญี่ปุ่นเข้าไว้ด้วยกัน กำหนดเปิดให้บริการ พ.ย.ที่อารีน่า 10 ทองหล่อ ซ.10

บริษัทฯ ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาการผลิตเครื่องดื่มที่นำสิ่งดีๆ จากธรรมชาติ ทั้งผัก ผลไม้ออร์แกนิคและสมุนไพรไทยมาพัฒนารสชาติ รูปลักษณ์ใหม่ให้โดนใจผู้บริโภคยุคใหม่ อีกทั้งยังเตรียมเสาะหาธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตเพื่อเข้าร่วมทุนพัฒนาโครงการให้เกิดขึ้นได้จริงในอนาคต

นายตัน กล่าวว่า สำหรับกำไรส่วนตัวของตนเองและนางสาวสุนิสา สุขพันธุ์ถาวร ภรรยา จำนวน 50% จะมอบให้การกุศลในนาม“มูลนิธิตันปัน"ตั้งแต่ปีแรกที่ดำเนินธุรกิจจนเกษียณอายุในอีก 9 ปีข้างหน้า หลังจากนั้นในปีที่ 10 เป็นต้นไปของธุรกิจ บ.ไม่ตัน จะมอบกำไรส่วนตัวและของภรรยาไม่ต่ำกว่า 90% เข้ามูลนิธิฯ ต่อไป

โดย “มูลนิธิตันปัน" มุ่งเน้นการเข้าไปทำงาน 3 ด้าน ได้แก่ การส่งเสริมการศึกษา พัฒนาสิ่งแวดล้อม และกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ

อันดับ 3 การเปิดตัว i-phone 4 และ i-pad ในประเทศไทยและทั่วทั้งโลก ซึ่งมีคนต่อคิวซื้อและสั่งจองจำนวนมาก

DTAC TURE MOVE AIS เปิดตัว iPhon 4 พร้อมกันอย่างยิ่งใหญ่ในไทย เปิดตัวแรงเกินคาด ประชาชนแห่ต่อแถวกันยาว ยืนรอตั้งแต่บ่าย 4 โมงย็น ถึง 21.00 น. ซึ่งราคาก็ใกล้เคียงกับ iPhon 3 ราคาประมาณราวๆ 2 หมื่นปลายๆ iPhon 4 จัดเป็นเครื่องสมาร์ทโพนเครื่องที่บางที่สุดในโลก หากใครที่คิดจะซื้อ iPhone 4 ของหิ้ว ต้องหมั่น update ราคาจาก Website เพราะราคาของ iPhone 4 เครื่องหิ้ว จะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่สำหรับราคา iPhone 4 ที่เป็น Official จากทางแอปเปิล จะอยู่ที่

ใครที่ชื่นชอบต้องจับจองกันล่วงหน้าก่อนน่ะครับถึงจะได้ ไม่ใช่มีเงินจะซื้อได้น่ะครับต้องรอต้องคิวด้วย iPhone 4 รุ่น 16 GB ราคาอยู่ที่ประมาณ 22900 บาท

iPhone 4 รุ่น 32 GB ราคาอยู่ประมาณ 28500 บาท

รายละเอียดและคุณสมบัติของ iPhone 4

สำหรับ iPhone 4 ของแอปเปิลมีคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้นมามากกว่า 100 จุด เลยที่เดียว เหมาะกับใครที่ชอบลูกเล่นเยอะๆ ได้แก่ หน้าจอเทคโนโลยี Retina Display ที่สามารถแสดงผลได้ดีเพิ่มขึ้น 4 เท่า ให้ความละเอียด 326 ppi หน้าจอกว้างขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 960*640 พิกเซล จุดเด่นคือตัวเครื่องที่บาง 9.3 มม. ทำสถิตสมาร์ทโพนที่บางที่สุดในโลก มาพร้อมซีพียูตัวใหม่ที่ติดตั้งในไอแพด นั่นคือ Apple A4 ทีสามารถประหยัดพลังงานจนทำให้เครื่องสามารถฟังเพลงได้นานต่อเนื่องถึง 40 ชั่วโมง หรือเล่นวิดีโอต่อเนื่องได้นาน 10 ชั่วโมง เล่นอินเทอร์เน็ตต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง ระยะเวลาสแตนด์บายเครื่อง 300 ชั่วโมง แอปเปิลเปิดตัวแท็บเล็ตตามคาด สรุปว่าใช้ชื่อ "iPad" ตามที่เก็งกันไว้ในช่วงแรกๆ (ก่อนที่ชื่อ iSlate จะเริ่มเป็นข่าว)

หน้าตาของมันคงหาคำอธิบายใดๆ ที่ดีกว่า "iPhone ยักษ์" ไม่ได้ สเปกเบื้องต้นมีดังนี้

• หน้าจอ 9.7 นิ้ว ความละเอียด 1024x768

• ความหนา 0.5 นิ้ว

• หนัก 1.5 ปอนด์ (0.7 กิโลกรัม)

• ใช้ซีพียูของแอปเปิลเองชื่อ Apple A4 ความเร็ว 1GHz (PA Semi!?)

• หน่วยความจำภายใน 16-64GB

• Wi-Fi N, ต่อเน็ตผ่าน 3G ได้

• อุปกรณ์เสริมอื่นๆ ครบครัน GPS, Accelerometer

• ทำงานต่อเนื่องได้ 10 ชั่วโมง!

สำหรับโปรแกรมที่มากับเครื่อง สิ่งที่สตีฟ จ็อบส์ เดโมให้ดูบนเวทีคือ

• ท่องเว็บด้วย Mobile Safari (ที่จอใหญ่กว่า iPhone แสดงผลเว็บเพจได้เต็มตากว่า แต่ยังไม่มี Flash เหมือนเดิม :P)

• โปรแกรมอีเมลแบบ 2 คอลัมน์ แสดงรายการเมล และเนื้อเมลได้พร้อมๆ กัน

• โปรแกรมดูรูปภาพที่เชื่อมต่อกับ iPhoto ได้ แสดงภาพบนแผนที่ Google Maps ได้

• iTunes บนนี้หน้าตาจะกึ่งๆ ระหว่างเวอร์ชันบนเดสก์ท็อปกับบน iPhone แน่นอนว่ามี iTunes Store ในตัว

• Google Maps พร้อม Street View, ดูวิดีโอ HD จาก YouTube, ซื้อหนังผ่านเน็ตได้



ราคา

• รุ่นถูกสุด 499 ดอลลาร์! (17,000 บาท) ความจำ 16GB ไม่มี 3G ต่อ Wi-Fi เท่านั้น

• รุ่น 32GB ไม่มี 3G - 599 ดอลลาร์

• รุ่น 64GB ไม่มี 3G - 699 ดอลลาร์

• รุ่น 16GB มี 3G - 629 ดอลลาร์ (21,000 บาท)

• รุ่น 32GB มี 3G - 729 ดอลลาร์

• รุ่นท็อป 64GB มี 3G - 829 ดอลลาร์ (28,000 บาท)





อันดับ 2 การเปิดตัวรถยนต์ Eco-car ซึ่งนับเป็นตัวแรกจริงๆ ในประเทศไทย นั่นคือ รถยนต์ Nissan March ในงานมอเตอร์โชว์ช่วงต้นปี สร้างความฮือฮา พร้อมกับยอดจองถล่มทลาย จนแม้กระทั่งตอนนี้คนที่จองไว้ยังไม่ได้รถไปขับกันเลย ในขณะที่ค่ายรถยนต์คู่แข่งอย่างฮอนด้า ก็เตรียมจะออกรถยนต์ Eco-car ของตนลงมาสู้เหมือนกัน ในชื่อ Honda-Cruze

เหมาะสำหรับผู้ที่รักความเรียบง่าย ได้รับการออกแบบมาให้เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่เชื่อถือได้ มีสไตล์ โฉบเฉี่ยว ในด้านวิศวกรรมนิสสัน มาร์ช ปราดเปรียวคล่องตัว มาพร้อมระบบส่งกำลังที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ โดยเครื่องยนต์มีขนาด 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ รหัส HR12DE ระบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และเกียร์ระบบเกียร์แปรผันอัจฉริยะ XTRONIC CVT บนโครงสร้างวี แพลทฟอร์ม (V-platform) ใหม่ล่าสุด

การออกแบบ

มร. มาโกโตะ ยามาเน รองหัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ความเห็นว่า “รถยนต์รุ่นนี้ต้องมีสไตล์และกลิ่นไอของความพิถีพิถัน” การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์รุ่นนี้คือ – มีกระจังหน้าสองชั้น—ตอบสนองความมีสไตล์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามรูปทรงที่สวยงามคลาสสิกยังคงเป็นสิ่งสำคัญ และนี่คือเหตุผลที่มาร์ชยังคงมีเส้นโค้งบริเวณขอบหน้าต่าง (Arched side window)ที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมาร์ช ดึงดูดใจผู้พบเห็น

ด้วยความพยายามที่จะรักษาขนาดที่พอเหมาะไว้ นิสสัน มาร์ช ใหม่นี้ มีขนาดยาวขึ้นและความสูงลดลงเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ฐานล้อซึ่งยาวขึ้นนั้น ทำให้นิสสัน มาร์ชมีพื้นที่ภายในกว้างขวางขึ้น นอกจากนี้ ร่องรูปทรงบูมเมอแรงบนหลังคารถช่วยลดการสั่นสะเทือน ลดเสียงภายในห้องโดยสาร ยามาเนกล่าว ด้วยเจตนาในการออกแบบที่จะสร้างความรู้สึกเดียวกันทั้งรูปลักษณ์ภายในและภายนอก ภายในห้องโดยสาร นิสสันจึงได้ใช้แนวคิด ‘Connected Cocoon’ การออกแบบแผงหน้าปัดที่ยึดตามแนวคิดของ ‘ทวิน บับเบิ้ล’ ที่หมายถึงที่ตั้งเข็มอุปกรณ์รูปกลมและตู้เก็บของรูปร่างคล้ายกันทางด้านผู้โดยสาร

เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตรพัฒนาใหม่และระบบส่งกำลังแบบ XTRONIC CVT

นิสสัน มาร์ช ใหม่ ใช้เครื่องยนต์ใหม่รหัส HR12DE 1.2 ลิตร 3 สูบ โดยได้ประยุกต์ใช้เครื่องยนต์แบบ HR16 4 สูบ ซึ่งใช้ในรถยนต์นิสสัน ทีด้า (Tiida) โน้ต (Note) และแคชคาย (Qashqai) เครื่องยนต์ใหม่นี้จึงใช้ระบบควบคุมการเปิดปิดของวาล์ว ( continuously valve-timing control -CVTC) ด้วยความแรง 59 กิโลวัตต์ (79 ps ในขณะที่มีแรงบิด 108 นิวตันเมตร) นอกจากนี้ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ในปริมาณเพียง 120 กรัม/ กิโลเมตร สำหรับรถยนต์รุ่นนี้ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ถือว่าอยู่ในระดับต้นๆของโลก

นิสสัน มาร์ช มีให้เลือกทั้งในรูปแบบของเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรือในรูปแบบของเกียร์แบบ XTRONIC CVT (Continuously Variable Transmission) รุ่นใหม่ของนิสสัน และด้วยอัตราการทดเกียร์ที่กว้างขึ้นนี้ ทำให้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร สามารถประหยัดน้ำมัน และช่วยให้อัตราเร่งเครื่องดีเยี่ยม

นอกจากนี้ วิศวกรของนิสสันได้พัฒนาลักษณะของการขับขี่และการควบคุมยานยนต์ซึ่งได้รวบรวมความแคล่วคล่องว่องไว ความประณีต และความแม่นยำไว้ด้วยกัน บ





อันดับ 1 คงต้องยกให้ Krispy Kream สร้างปรากฎการณ์ talk of the town มากจริงๆ ตอนช่วงวันแรกๆ ของการเปิดร้าน คิวยาวเป็นกิโล มีผู้มารอเข้าคิวซื้อขนมโดนัทเป็นวันๆ ซึ่งนอกจากเคสของ โรตีบอย แล้ว ก็นับว่า Krispy Kream เป็นร้านขนมที่เปิดตัวแรงที่สุด เท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย จนป่านนี้เปิดมาเดือนกว่าแล้วคิวก็ยังคงยาวอยู่

ในที่สุดโดนัทชื่อดังระดับโลกอย่าง “คริสปี้ ครีม” (Krispy Kreme) จากสหรัฐอเมริกา ก็เข้ามาเปิดตลาดในไทยได้สำเร็จ หลังจากอวดโฉมโลดแล่นอยู่ในต่างประเทศมาเป็นเวลานาน ก่อนหน้านี้แม้จะมีความพยายามจากหลาย ผู้ประกอบการไทยที่ขอซื้อแฟรนไชส์จากบริษัทแม่ แต่ก็ยังไม่สำเร็จเป็นเรื่องเป็นราว แต่ในที่สุดวันนี้โดนัทสุดฮิตแบรนด์นี้ก็ได้แฟรนไชซีที่เป็นแฟนพันธุ์แท้กับ “อุษณีย์ วรวณิช มหากิจศิริ”

“อุษณีย์” เล่าว่า ด้วยความที่เป็นคนที่ชอบโดนัทคริสปี้ ครีม มาตั้งแต่อยู่ที่ อเมริกาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว พอกลับมาที่ประเทศไทยโอกาสจะได้ลิ้มรสคริสปี้ ครีมก็ต่อเมื่อสามีซึ่งทำงานที่ฟิลิปปินส์ต้องหิ้วกลับมาให้ ในที่สุดสามีจึงตัดสินใจไปติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์จากบริษัทแม่เข้ามาให้ตนเป็น ผู้บริหาร ถือเป็นการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก

เธอ เล่าว่า ตามแผนเดิมแล้วภายในปีนี้จะมีการเปิดสาขา 3 แห่ง แต่ด้วยเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในช่วงมีนาคม-พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้แผน ดังกล่าวต้องเลื่อนออกไป

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคกำลังจะได้เห็นสาขาแรกของคริสปี้ ครีมอย่างแน่นอนแล้ว ในวันที่ 28 กันยายนนี้ ที่ชั้น G สยามพารากอน ในพื้นที่ขนาดกว่า 100 ตารางเมตร ถือว่าค่อนข้างใหญ่ เนื่องจากเอกลักษณ์ของร้านคริสปี้ ครีม คือการโชว์ขั้นตอน การทำโดนัทเพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับ ผู้บริโภค

ทั้ง นี้ ในวันเปิดร้านวันแรกเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภค จึงมีการคิดกิจกรรมที่เป็นไฮไลต์ “รับสิทธิ์อร่อยฟรี 1 ปี” สำหรับลูกค้าที่มาต่อคิวเป็นคนแรก เมื่อซื้อโดนัทชนิดใดก็ได้ 1 โหล จะได้รับสิทธิ์อร่อยฟรี 1 ปี ขณะที่อันดับที่ 2-3 จะได้รับสิทธิ์ 6 เดือน และ 3 เดือนตามลำดับ

“ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาทำเล ใหม่ ๆ ที่จะเปิดให้บริการ แต่ที่แน่นอนแล้ว คือ เซ็นทรัล ลาดพร้าว แต่ผลจากเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ผ่านมา ทำให้ทางห้างเลื่อนปิดปรับปรุงมาเป็นวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ปีหน้า ส่งผลให้ร้านต้องเลื่อนไปด้วย จากกำหนดการเดิมที่จะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคมปีนี้”

ใน ด้านการแข่งขัน แน่นอนว่าคริสปี้ ครีมซึ่งถือเป็นโดนัทพรีเมี่ยม รวมถึงวัตถุดิบที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ราคาจะสูงกว่าแบรนด์อื่น ๆ

“อุ ษณีย์” ระบุว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการกำหนดราคา ซึ่งคาดว่าจะวางไว้ไม่เกินชิ้นละ 30 บาท ถือเป็นราคาที่คุ้มค่า คุ้มราคา เป็นความตั้งใจจะวางราคาไม่สูงเพราะต้องการเจาะลงไปยังตลาดแมสด้วย เช่นเดียวกับเรื่องโลเกชั่นที่ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่ใจกลางเมือง แต่มองไปถึงรอบนอกชานเมือง ซึ่งปัจจุบันมีคอมมิวนิตี้มอลล์ใหม่ ๆ เข้าไปเปิดเป็นจำนวนมาก

“ประเทศไทยถือว่าช้ากับ การเข้ามาของคริสปี้ ครีม เพราะเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีอายุกว่า 70 ปีแล้ว ทั้งยังเป็นโดนัทอันดับ 1 ของโลก สาเหตุสำคัญเพราะบริษัทแม่เองค่อนข้างสกรีนกับการเลือกแฟรนไชซี ซึ่งไทยถือว่าเป็นประเทศที่ 20 กว่า ๆ ที่เปิดให้บริการ ขณะที่เอเชียมีไปแล้วหลายประเทศ อาทิ จีน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ฯลฯ”

สิ่งที่น่าจับตาคือ ในสถานการณ์ขณะนี้ที่กำลังซื้อผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัว น้องใหม่ในไทยแต่ใหญ่ในระดับโลกอย่าง “คริสปี้ ครีม” จะสร้างความฮือฮาให้กับตลาดโดนัทในไทยได้มากน้อยขนาดไหน

อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ

ข้อมูลเบื้องต้น ของ คริสปี้ ครีม

คริ สปีครีม (Krispy Kreme; NYSE: KKD) เป็นชื่อร้านโดนัทที่มีชื่อเสียงจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งในปัจจุบันมีสาขาอยู่ทั่วโลก โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง วินสตัน-แซเลม รัฐนอร์ทแคโรไลนา คริสปีครีมโดนัทมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างจากโดนัทอื่นคือ จะมีการรับประทานในขณะที่ยังอุ่นอยู่

คริสปีครีมก่อตั้งโดย เวอร์นอน รูดอล์ฟ (Vernon Rudoph) ในปี พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937)

ที่มา : http://www.showded.com/myprofile/news_post_nc.php?newId=145253

วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Celebration Season

Merry Christmas & Happy New Year 2011




Mery Christmas and Best Wishes for a Happy New Year

 Wishing you the Season's Greeting and A Happy New Year


 Season's Greeting and best wishes for the coming year.


 Wishing you the Happiest and Most Successful of  All  New Years.

วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เทิดไท้องค์ราชันย์


สายพระเนตร   เจตน์จำนง   ทรงครองราชย์
ทรงนำชาติ   โชติเกริกไกร  ทั้งไพรผอง
ทั่วโลกา  ต่างสรรเสริญ  เทิดชนม์ครอง
ทวยราษฎร์ร้อง  ซ้องสรรเสริญ  พระบารมี

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า ผู้จัดทำเว็บบล็อกหยิกแกมหยอก




ขออันเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์


เพลง : แผ่นดินของเรา

ทำนอง : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง : ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค

ปี : พ.ศ.2502


ถึงอยู่แคว้นใด ไม่สุขสำราญ

เหมือนอยู่บ้านเรา ชื่นฉ่ำค่ำเช้าสุขทวี

ทรัพย์จากผืนดิน สินจากนที

มีสิทธิ์เสรี สันติครองเมือง

เรามีป่าไม้อยู่สมบูรณ์ ไร่นาสดใสใต้ฟ้าเรือง

โบราณสถานส่งนามประเทือง เกียรติเมืองไทยขจรไปทั่วแดนไกล

รักชาติของเรา ไว้เถิดผองไทย

ผืนแผ่นแหลมทอง รวมพี่รวมน้องด้วยกัน

รักเกียรติรักวงศ์ เสริมส่งสัมพันธ์

ทูนเทิดเมืองไทยนั้น ให้ยืนยง

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

LIVE & LEARN เพราะชีวิตคือชีวิต

 

บทกลอน อักษร กวี LIVE & LEARN เพราะชีวิตคือชีวิต


หมอบพับเพียบเลียบริมน้ำปริ่มฝั่ง

ตะแคงฟังนิยายเพลินจากเนินหญ้า

ระบำมดคดเคี้ยวลับเคียวตา

หยาดน้ำฟ้าลากลิ้งทิ้งใบบอน

แมลงปอเกาะหินเลื่อมปิ่นรุ้ง

ผีเสื้อพุ่งอวดแพรแผ่ปีกร่อน

กิ้งกือหักความอายออกกรายกร

กระรอกหย่อนลูกหว้าหยั่งท้าทาย

เมื่อเอนพิงอิงพักหนุนตักหล้า

แนบเงาฟ้าในน้ำเปี่ยมความหมาย

ธรรมชาติวาดแต้มยังแย้มพราย

และโลกส่ายกายหมุนด้วยคุ้นเคย

เหม่อมองฟ้าสีฟ้ากว้างกว่ากว้าง

คิ้วรุ้งค้างเนตรสูรย์มุ่นหมอกเสย

แย้มเสี้ยวเมฆยิ้มแดดสีแสดเอย

หัตถ์ลมเชยเผยแก้มแพลมยิ้มพลัน

แล้วสบตากับเรา-เงาในน้ำ

ไหลลำนำฉ่ำใจคล้ายเคลิ้มฝัน

พิสทธิ์ใสไล้หล้ารับตาวัน

กล่อมดวงขวัญล่องลิบทิพยา

เรามองโลกสดใสในวันนี้

ด้วยใจที่อ่อนวัยไร้เดียงสา

ทุกสิ่งช่วยอวยสุขทุกเวลา

หากวันหน้าเป็นอย่างไร....ไม่อาจรู้



ห้วงคำนึง , ใบไม้ที่หายไป

โดย จิระนันท์ พิตรปรีชา



คุณจะเป็นอะไรก็ได้อย่างใจคิด

ให้ความล้มเหลวจมอยู่กับความยินดีจอมปลอมของมัน

กับสิ่งน่าอดสูที่เรียกว่า “สิ่งแวดล้อม”

ซึ่งวิญญาณของเราปฏิเสธมัน และเป็นอิสระ

จิตข้ามพ้นกาลเวลา พิชิตสถานที่

คุกคามจอมลวงขี้โม้นาม “ความบังเอิญ”

บัญชาสยบทรราชย์แห่ง “สถานการณ์แวดล้อม”

ถอดถอนมันออกไปเป็นทาสรับใช้เสีย

พลังมุ่งมั่นของมนุษย์มิมีใครมองเห็น

คือผลพวงแห่งวิญญาณอมตะ

อันฝ่าฟันนำเราเข้าสู่ทุกปรารถนา

มาตรว่ากำแพงแกร่งแห่งหินผาจะมาขวางกั้น

จงอดทนในความล่าช้า

และรอคอยเยี่ยงผู้ที่เข้าใจ

เมื่อจิตวิญญาณตื่นขึ้นเป็นนาย

แม้ทวยเทพยังยอมน้อมรับบัญชา



ผลกระทบของความคิดต่อสถานการณ์ชีวิต

จาก As a Man Thinketh โดย เจมส์ แอลเลน



หนึ่งในความงมงายอันมืดบอดที่สุด

คือความงมงายของนักวิทยาศาสตร์

ผู้กล่าวว่ามนุษย์สามารถดำรงอยู่ได้

โดยปราศจาก ศรัทธา

ศาสนาที่แท้คือการสร้างสัมพันธภาพ

ระหว่างมนุษย์กับชีวิตอันอนันต์ที่แวดล้อมอยู่รอบตัวเขา

โดยพันธนาการชีวิตของเขาไว้กับอนันตภาพ

ซึ่งชี้นำแนวทางปฏิบัติแก่เขาด้วยนั้น

หากท่านรู้สึกว่ากำลังไร้ซึ่งศรัทธา

ขอจงตระหนักว่าท่านกำลัง

เผชิญอันตรายร้ายแรงที่สุดในโลก

ซึ่งมีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่อาจค้นพบตัวเองได้



กฎแห่งความรักและกฎแห่งความรุนแรง

โดย ลีโอ ตอลสตอย



มนุษยคิด ดังนั้นเขาจึงมีอยู่

แต่มันกระจ่างชัดที่ว่าเขาต้องคิดอย่างมีเหตุผล

บุคคลที่คิดอย่างมีเหตุผลนั้น ก่อนอื่น

เขาจะคิดถึงจุดหมายแห่งการมีชีวิตอยู่

เขาคิดถึงจิตวิญญาณของเขาและพระเจ้า

เมื่อมองไปยังสิ่งที่ปุถุชนคิด

พวกเขาคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่ตัวเองชอบ

ยกเว้นในประเด็นดังกล่าว

และคิดถึงแต่เรื่องร้องรำทำเพลงและความบันเทิง

เขาคิดถึงตึกสูงๆ ถึงความมั่งคั่งร่ำรวย ถึงอำนาจ

เขาอิจฉาพวกกษัตริย์และความร่ำรวย

แต่เขาไม่เคยคิดถึงวิธีที่จะเป็นมนุษย์



Pense’es ความคิด

โดย Blaise Pascal หรือ ปาสคาล



คือหิน คือกลุ่มก๊าซ คือหมอกเมฆ คือดวงจิต

คืออนุภาคที่ท่องไปในระหว่างกาแล็กซี่ด้วยความเร็วแสง

ที่รัก เธอมาที่นี่ ด้วยดวงตาสีฟ้าทอประกาย

ช่างลึกซึ้งงดงามจับใจ

เธอดำเนินสู่หนทางที่เตรียมไว้สำหรับเธอ

จากที่ซึ่งปราศจากจุดเริ่มต้น และไร้ที่สิ้นสุด

เธอบอกว่า บนหนทางที่เธอมาสู่ที่แห่งนี้

และได้ท่องผ่านการเกิดดับมาหลายล้านครั้ง

เธอถูกแปรเปลี่ยนเป็นลูกไฟในห้วงอวกาศนับครั้งไม่ถ้วน

เธอใช้ร่างกายของตัวเอง

เป็นมาตรวัดอายุขุนเขาและธารน้ำ

เธออุบัติขึ้นเป็นต้นไม้ ใบหญ้า ผีเสื้อ สิ่งมีชีวิตเซลเดียว

รวมทั้งดอกเบญจมาศ

ทว่าดวงตาที่เธอจ้องมองฉันเมื่อเช้านี้

ได้บอกแก่ฉันว่าเธอจะไม่มีวันตาย

รอยยิ้มของเธอเชื้อเชิญฉันเข้าสู่การเล่นซ่อนหา

ที่ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้เริ่ม



รักแท้ ,เมตตาภาวนา คำสอนว่าด้วยรัก

โดย ติช นัท ฮันห์



จงอย่าพูดว่าพรุ่งนี้ฉันจะจากไป

เพราะจนถึงทุกวันนี้ฉันก็ยังคงอยู่

สำรวจทุกๆ ขณะที่ฉันก่อเกิด

เป็นปุ่มปมที่ผุดออกบนกิ่งก้านของฤดูใบไม้ผลิ

เป็นนกน้อยในรังใหม่

เป็นตัวหนอนในเกสรดอกไม้

เป็นมณีที่ซ่อนเร้นตัวเองอยู่ในก้อนหิน

ฉันยังคงอยู่เพื่อหัวเราะและร้องไห้

เพื่อความกลัวและความหวัง

ท่วงทำนองของหัวใจฉันก็คือ

การเกิดดับของสรรพสิ่ง

ฉันเป็นแมงเม่าที่กำลังฟักตัว

อยู่บนผิวน้ำและฉันก็เป็นนก

ที่โฉบลงจิกแมงเม่า

ฉันเป็นกบที่กำลังแหวกว่าย

ในสระน้ำใสอย่างมีความสุข

และฉันก็เป็นงูเขียวที่กลืนกินกบอย่างเงียบเชียบ

ฉันเป็นเด็กในอูกันดา ที่ทั้งเนื้อหนังและกระดูก

ขาลีบบางราวกับไม้ไผ่ และฉันก็เป็นพ่อค้าอาวุธ

ขายอาวุธมหันตภัยให้แก่อูกันดา



บทกวีกราบสามหน ,เมตตาภาวนา คำสอนว่าด้วยรัก

โดย ติช นัท ฮันห์



ภายนอกจิตไม่มีพุทธะ

ภายนอกพุทธะไม่มีจิต

อย่ายึดเกาะกับความดี

อย่าขับไล่ความชั่ว

ความบริสุทธิ์กับความสกปรก

ถ้าเจ้าไม่อิงกับทั้งสองสิ่งนี้

เจ้าจะจับต้องธรรมชาติว่างเปล่าของบาป

ในทุกชั่วขณะมันจับต้องมิได้

เพราะไม่มีธรรมชาติของตัวตน

ฉะนั้นทั้งสามโลกเป็นเพียงความนึกคิดของจิต

จักรวาลและสรรพสิ่ง

คือตราประทับของธรรมะเดียว

(คำว่าสามโลก ในความหมายนี้ หมายถึง อาณาจักรแห่งตัณหา รูปแบบและความไร้รูปแบบ)



คำสอนของอาจารย์หม่าจู่ พระอาจารย์เซน

มังกรเซน โดย วินทร์ เลียววาริณ



สำหรับคำว่า “เป็นอยู่ด้วยความว่าง” นั้นย่อมหมายถึง

สุญญตาวิหาร คือการเป็นอยู่ มีลมหายใจอยู่ด้วย

ความรู้สึกต่อความว่างนั้นตลอดเวลา

อย่างนี้เรียกว่า เป็นอยู่ด้วยความว่าง

คำว่า “ว่างอยู่” ก็หมายความว่า ไม่มีความรู้สึก

ว่าตัว ว่าตน ว่าของตัวหรือของตน

ตัวเราหรือของเรา ตัวกูหรือของกูเหล่านี้

ซึ่งเป็นการปรุงแต่งของตัณหาอุปาทาน

เมื่อว่างจากสิ่งเหล่านั้นอยู่ก็คือว่างอยู่

อะไรมันว่าง ก็หมายถึงจิตอีกนั่นเอง ว่าง

คือว่างอยู่จากความรู้สึกว่าตัวตนหรือว่าของตน

ไม่มีทั้งอย่างหยาบและอย่างละเอียด

อย่างหยาบเราให้ชื่อมันว่าตัวกู—ของกู

อยางละเอียดเราให้ชื่อมันว่าตัวตน-ของตน

ถ้าจิตมีความว่างถึงขนาดว่า

ไม่มีตัวตนอย่างละเอียดก็เรียกว่า

เป็นความว่างเสียเอง คือว่าจิตนั้นเป็นความว่างเสียเอง



แก่นพุทธศาสน์

โดย พุทธทาสภิกขุ



แต่ขอให้มีที่ว่างในการมาอยู่รวมกันของเธอ

และขอให้ลมแห่งสวรรค์เต้นรำอยู่ระหว่างเธอทั้งสอง

รักกันและกัน แต่อย่าสร้างพันธนาการแห่งความรัก

ขอให้มันเป็นทะเลที่เคลื่อนไหวได้ ระหว่างฝั่งของจิตใจของเธอทั้งสอง

เติมถ้วยของกันและกัน แต่อย่าดื่มจากถ้วยเดียวกัน

ให้ขนมปังแก่กันและกัน แต่อย่ากินจากขนมปังก้อนเดียวกัน

ร้องเพลงและเต้นรำด้วยกัน และมีความสุข

แต่ขอให้เธอแต่ละคนได้มีโอกาสอยู่ตามลำพัง

แม้แต่สายของพิณก็ต่างคนต่างอยู่

แต่พวกเขาจะสั่นพลิ้วเป็นทำนองเดียวกัน

ให้ดวงใจของเธอ แต่ไม่ใช่เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเก็บไว้

เพราะมีแต่มือของชีวิตเท่านั้น ที่จะเก็บดวงใจของเธอไว้ได้

จงยืนอยู่ด้วยกัน แต่อย่ายืนใกล้กันมากเกินไป

เหมือนเสาของวิหารที่ต่างยืนห่างจากกัน

และต้นโอ๊ค ต้นไซเปรสนั้น ต่างคนต่างโตด้วยตนเอง

ไม่ได้เติบโตในร่มเงาของกันและกัน



The Prophet หรือปรัชญาชีวิต

โดย คาลิล ยิบราน


ชีวิตภายนอกคือสิ่งสะท้อนชีวิตภายในตัวคุณ

วิธีที่คุณคิดและความรู้สึกที่อยู่ในตัวคุณ จะสอดคล้องกับ

วิธีที่คุณปฏิบัติและประสบการณ์ที่คุณได้รับ

สัมพันธภาพ สุขภาพ ความมั่งมี และสถานะ

คือภาพสะท้อนของโลกที่อยู่ภายในตัวคุณ

ความสงบสุขในจิตใจคือคุณธรรมขั้นสูงสุดของมนุษย์

มันคือสภาวะที่ปกติและเป็นกลาง

จงถามตัวเองว่า “คุณต้องการที่จะได้ชื่อว่าทำถูกต้อง”

หรือคุณต้องการที่จะมีความสุข



กฎแห่งการตอบสนอง , คมความคิด

กฎเหล็กแห่งความสำเร็จ โดย ไบรอัน เทรซี่