วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

พล.อ.ประยุทุธ์ จันทร์โอชา พร้อมด้วยผู้นำทุกเหล่าทัพ ทำการรัฐประหาร ผ่าทางตันของประเทศ



ประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่1/2557 เรื่อง การควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ

ตามสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เขตปริมณฑล และพื้นที่ต่างๆ ของประเทศหลายๆ พื้นที่ เป็นผล
ใหประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง และเหตุการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้ม
ขยายตัว จนอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวมนั้นเพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรัก ความสามัคคี เช่นเดียวกับห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทั่วทุกฝ่าย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วย กองทัพบก กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนอยู่ในความสงบ ดำเนินวิถีชีวิต และประกอบอาชีพต่อไปตามปกติ ให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการดังที่เคยปฏิบัติ  สำหรับข้าราชการทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ส่วนราชการต่างๆ ที่มีอาวุธเพื่อใช้ในราชการของหน่วย ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังและอาวุธโดยเด็ดขาด เว้นแต่จะได้รับคำสั่งจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แต่เพียงผู้เดียว

สำหรับคณะทูตานุทูต สถานกงสุล องค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งชาวต่างประเทศที่พำนักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะได้ให้ความคุ้มครอง และขอยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทย กับองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ยังเป็นไปตามปกติ ตามที่รัฐบาลชุดเดิมดำเนินการไว้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะยึดมั่นในความจงรักภักดี และจะปกป้องเทิดทูนดำรงรักษาไว้ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นศูนย์รวมจิตใจประชาชนชาวไทย และทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง

ประกาศ ณ วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ฉบับที่ 2/2557
เรื่อง การประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557
เรื่อง ห้ามออกนอกเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ถึง 05.00 น. ยกเว้นผู้ปฏิบัติงาน หน้าที่ หรือบางอาชีพที่มีความจำเป็นต้องออกปฏิบัติงานในเวลานั้น

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 4/2557
เรื่อง การถ่ายทอดออกอากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียง สถานีวิทยุโทรทัศน์ และสถานีวิทยุชุมชน (งดรายการปกติ และดึงสัญญาณการถ่ายทอดเสียงจากสถานีแม่ข่ายกองทัพบก คำสั่งหรือประกาศจาก คสช.เมื่อมีการแถลงหรือประกาศ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง)

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 5/2557
เรื่อง การสิ้นสุดชั่วคราวของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ให้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 สิ้นสุดลงชั่วคราว บางส่วน ยกเว้นหมวด 2 พระมหากษัตริย์,ให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่,ให้วุฒิสภา ศาล และองค์กรอิสระ ยังคงทำหน้าที่ได้ตามปกติ)

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 6/2557
เรื่อง แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ก็คือแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็น หน.คณะ และผู้นำเหล่าทัพอื่นๆ เป็นรองหัวหน้าคณะ ตามลำดับ)

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2557
เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัว (ก็คือให้ รมต.ที่เหลือรอดจำนวน 18 คน ตั้งแต่นิวัฒน์ธำรง ให้มารายงานตัวต่อ หน.คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในวันที่ 22 พ.ค.2557)

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 7/2557
เรื่อง ห้ามชุมนุมทางการเมือง (ให้กลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย สลายการชุมนุมและเดินทางกลับ โดยมีรถประจำทางของ ขสมก.รถทัวร์มาอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับ จากนั้นกองกำลังทหารได้ตรึงกำลังบริเวณ ถนนราชดำเนินและถนนอักษะ เพื่อเคลียร์พื้นที่)

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 8/2557
เรื่อง ข้อยกเว้นการห้ามออกนอกเคหสถาน (มีรายละเอียดออกมาว่ายกเว้นกลุ่มคนใดบ้าง อาทิ ผู้เดินทางเข้าออกประเทศ ,ผู้ที่ต้องทำงานเป็นผลัดเป็นกะ อาทิ คนงานโรงงาน,โรงพยาบาล,ธุรกิจการบิน ,ธุรกิจขนส่งสินค้า,ผู้ปวยที่ต้องเดินทางไปรักษาตัวด่วนใน รพ. กลุ่มคนเหล่านี้ยกเว้นสามารถออกจากเคหสถานได้ในเวลาที่สั่งห้าม แต่ต้องขออนุญาติเจ้าหน้าที่ทหารที่ดูแลรักษาพื้นที่เหล่านั้นเสียก่อน)

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 9/2557
เรื่อง ให้สถานศึกษาหยุดทำการ (ให้หยุดทุกแห่ง ทั้งของรัฐและเอกชน ให้หยุดทำการเรียนการสอนในวันที่ 23-25 พ.ค2557)

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 10/2557
เรื่อง ให้อำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี เป็นอำนาจหน้าที่ของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557
เรื่อง การสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

เพื่อความสงบเรียบร้อยในการปกครองประเทศจึงให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 5/2557 ลงวันที่ 22 เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เรื่อง การสิ้นสุดชั่วคราวของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้ใช้ข้อความตามประกาศฉบับนี้

1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 สิ้นสุดลง ยกเว้นหมวด 2

2. คณะรัฐมนตรีรักษาการสิ้นสุดลง

3. วุฒิสภา ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามจำนวนสมาชิกวุฒิสภาที่มีอยู่ ณ วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้

4 ศาลทั้งหลายคงมีอำนาจดำเนินการพิจารณาและพิพากษาอรรถคดีตามบทกฎหมายและประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

5. องค์กรอิสระ และองค์กรอื่น ตามรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 12/2557
เรื่อง ขอความร่วมมือจากสื่อสังคมออนไลน์ (ไม่ให้เผยแพร่ข่าวสารที่ไม่มีข้อเท็จจริง บิดเบือน ปลุกระดม ยั่วยุ ใช้ถ้อยคำที่รุนแรง ต่างๆ)

คำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 2/2557
เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม และแก้ไขวันเวลาและสถานที่ให้มารายงานตัว (จำนวน 23 คน ส่วนใหญ่เป็นรายชื่อในวงษ์วานว่านเครือของคุณทักษิณ ชินวัตร ได้แก่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สมชาย วงษ์สวัสดิ์ เยาวภา วงษ์สวัสดิ์ ฯลฯ)

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 13/2557
เรื่อง ขอให้บุคคลสำคัญมารายงานตัว (ให้ หน.หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ นับตั้งแต่ระดับปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด มารายงานตัว ถ้าเป็นส่วนกลาง มารายงานตัวที่ สโมสรกองทัพบก ถ้าเป็นส่วนภูมิภาค ให้ไปรายงานตัวที่กองทัพภาคต่างๆ )

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 14/2557
เรื่อง ห้ามสร้างความขัดแย้งหรือต่อต้านการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 15/2557
เรื่อง ขอให้ระงับการถ่ายทอดออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เคเบิล โทรทัศน์ระบบดิติตอล และสถานีวิทยุชุมชน (ก็คือรายชื่อสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมที่ถูกแบล็กลิสต์ให้งดออกอากาศรวม 14 สถานี ทั้งฝั่งเหลืองฝั่งแดง และรวมถึงวิทยุชุมชนต่างๆ ด้วยที่อยู่ในข่ายปลุกระดม และไม่ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งสถานีวิทยุ)

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 16/2557
เรื่อง ให้ปลัดกระทรวงปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 17/2557
เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต (เพิ่มเติมจากฉบับที่ 12 โดยให้มีการติดตาม ตรวจสอบ ระงับยับยั้ง ข้อความที่เข้าข่ายข้อห้ามเหล่านั้น และให้ผู้ประกอบการด้านอินเตอร์เน็ตทุกรายมารายงานตัวด้วย)

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 18/2557
เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ

เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชนเป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือน อันจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด จนส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงให้ผู้ประกอบกิจการและผู้ให้บริการด้านสื่อมวลชนทุกประเภท ทั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงทุกสถานี ทั้งที่เป็นของราชการและเอกชน สถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดิน สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เคเบิล โทรทัศน์ระบบดิจิตอล และโทรทัศน์อินเตอร์เน็ตทุกสถานี หนังสือพิมพ์ วารสาร หรือสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ รวมทั้งผู้ให้บริการด้านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท อันรวมถึงการสื่อสารทางสังคมสื่อออนไลน์ งดเว้นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในลักษณะ ดังต่อไปนี้

1.ข้อความอันเป็นเท็จ หรือส่อไปในทางหมิ่นประมาท หรือสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์

2. ข่าวสารที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ รวมทั้งหมิ่นประมาทบุคคลอื่น

3. การวิพากษ์ วิจารณ์ การปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง

4. ข้อมูลเสียง ภาพ วีดีทัศน์ ความลับของการปฏิบัติงานของหน่วยราชการต่างๆ

5. ข้อมูลข่าวสารที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักร

6. การชักชวน ซ่องสุม ให้มีการรวมกลุ่มก่อการอันเกิดการต่อต้านเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

7. การขู่จะประทุษร้ายหรือทำร้ายบุคคล อันนำไปสู่ความตื่นตระหนก หวาดกลัวแก่ประชาชน

สื่อดังกล่าวข้างต้นมีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตามที่ได้รับแจ้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 19/2557
เรื่อง ให้บุคคลสำคัญมารายงานตัวเพิ่มเติม (นอกเหนือจากที่ได้ระบุในฉบับอื่นๆ ก่อนหน้านี้)

อาจมีประกาศฉบับอื่นๆ ตามมาอีก ทางบล็อกขอรวบรวมมาเท่านี้ ที่เหลือที่จะประกาศตามมาอีก นอกจากนี้ ขอให้ผู้อ่านได้ติดตามหาข้อมูลได้จากช่องทางข่าวสารของราชการ หรือสถานีโทรทัศน์ วิทยุ สื่ออินเตอร์เน็ตทุกประเภท ทุกแหล่งตามแต่สะดวก



วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

โลก 360 องศา - (ชาวเวียดนามประท้วงจีนละเมิดอธิปไตย,นานาชาติหาทางช่วยตัวประกันเด็กนร.หญิงที่ไนจีเรีย,ตอบโต้กลุ่มแรงงานประท้วงเหมืองถ่านหินที่ตุรกี,รัสเซียรับรองประชามติ 2 จว.ยูเครนแยกตัวอิสระ,เครื่องบินลาวตก)

ประชาชนชาวเวียดนามหลายร้อยคนออกมาเดินขบวนประท้วงหน้าสถานทูตจีนในกรุงฮานอยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพื่อต่อต้านการตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันในทะเลจีนใต้ที่ทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างเรือของ 2 ประเทศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนชาวเวียดนามราว 500 คน ที่มารวมตัวกันหน้าสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงฮานอย ต่างก็ตะโกนต่อต้านจีนให้ถอยออกไปจากน่านน้ำของเวียดนาม และต้องการแสดงพลังให้จีนเห็นว่าสิ่งที่จีนกำลังทำอยู่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้กลุ่มผู้ชุมนุมยังออกมาสนับสนุนจุดยืนของรัฐบาลเวียดนามที่ประกาศตัวว่ามีอธิปไตยเหนือหมู่เกาะพาราเซล ซึ่งคาดว่าอุดมไปด้วยแหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติอีกด้วย นับเป็นการชุมนุมประท้วงต่อต้านจีนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา การประท้วงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม เรือของจีนยังได้ระดมฉีดน้ำแรงดันสูงและพุ่งเข้าชนเรือของเวียดนาม 2 ลำ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน เนื่องจากจีนได้ส่งเรือไปตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันในบริเวณทะเลใกล้กับหมู่เกาะพาราเซลเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมาพร้อมกับเรือที่มาอารักขาความปลอดภัยอีกมากกว่า 50 ลำ ซึ่งน่านน้ำแห่งนี้จีนอ้างว่าได้เข้าเป็นเจ้าของตั้งแต่ปี 2517 หลังการล่มสลายของรัฐบาลเวียดนามใต้ ขณะที่เวียดนามก็อ้างว่าเป็นของตัวเองเพราะเกาะแห่งนี้อยู่ภายใต้เขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเลของประเทศ


เอเจนซีส์ - ชาวเวียดนามรวมตัวประท้วงจีนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 ปี ในวันนี้ (11) จากความไม่พอใจที่จีนเข้าไปตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันในน่านน้ำที่พิพาทกันอยู่ ขณะที่ทางการฮานอย ดูเหมือนจงใจไม่ปฏิบัติตามธรรมเนียมที่เคยเป็นมา โดยปล่อยให้ประชาชนก่อม็อบ พร้อมไฟเขียวให้สื่อรายงานสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด ผู้ชุมนุมราว 1,000 คน ซึ่งมีทั้งทหารผ่านศึก และนักศึกษา ชูป้ายข้อความต่อต้านจีน เป็นต้นว่า “จีนปล้นน้ำมันของเรา” และร้องเพลงปลุกใจในบริเวณสวนสาธารณะซึ่งอยู่ตรงข้ามสถานทูตจีนในกรุงฮานอย ทหารผ่านศึกวัย 74 ปี คนหนึ่งกล่าวว่า นี่เป็นการประท้วงต่อต้านจีนครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเท่าที่เขาเคยเห็นมาก่อน “ความอดทนของเรามีขีดจำกัด เรามาที่นี่เพื่อแสดงเจตจำนงของประชาชนเวียดนามในการปกป้องอธิปไตยของเรา ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เราพร้อมตายเพื่อปกป้องประเทศ” การชุมนุมครั้งนี้นับเป็นครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ปี 2554 เมื่อเรือของจีนเข้าตัดสายเคเบิลที่ใช้สำหรับการสำรวจแหล่งน้ำมันโดยวิธีวัดคลื่นไหวสะเทือนของเรือฝ่ายเวียดนาม ในคราวนั้น ทางการเวียดนามปล่อยให้มีการประท้วงอยู่หลายสัปดาห์ก่อนสลายการชุมนุมเนื่องจากมีการขยายผลสร้างกระแสต่อต้านรัฐบาล สำหรับครั้งนี้ ตำรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบตั้งด่านสกัดป้องกันไม่ให้ผู้ประท้วงเข้าสู่สถานทูตจีน แต่ไม่ได้สลายการชุมนุม แม้ปกติแล้วรัฐบาลคอมมิวนิสต์จะควบคุมการชุมนุมของประชาชนอย่างเข้มงวดเพื่อสกัดกระแสประท้วงต่อต้านรัฐบาลก็ตามจีนและเวียดนามมีกรณีพิพาทช่วงชิงดินแดนหมู่เกาะพาราเซล และหมู่เกาะสแปร็ตลีย์ ในทะเลจีนใต้มายาวนาน เคยถึงขั้นปะทะสู้รบกันด้วยกำลังอาวุธ ถึงแม้ในปีหลังๆ มานี้ มีเพียงแค่การปะทะคารมทางการทูตเกี่ยวกับสิทธิในการสำรวจน้ำมัน และการทำประมงในน่านน้ำดังกล่าวเป็นระยะๆ ความตึงเครียดระหว่างประเทศเพื่อนบ้านที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์คู่นี้ ได้พุ่งขึ้นรุนแรงอีกครั้ง หลังจากตอนต้นเดือนพฤษภาคม จีนเคลื่อนย้ายแท่นขุดเจาะน้ำมันขนาดยักษ์ ไปติดตั้งในน่านน้ำใกล้กับหมู่เกาะพาราเซลที่แย่งชิงกรรมสิทธิ์กัน เวียดนามได้ออกคำแถลงตอบโต้ทันควันว่า การตัดสินใจของจีน “ผิดกฎหมาย” พร้อมส่งกองเรือตรวจการณ์จำนวนหลายสิบลำไปยังบริเวณดังกล่าว แต่ไม่สามารถฝ่าด่านกองเรือคุ้มกันของจีนซึ่งมีจำนวนมากกว่าเข้าไปได้ ถึงแม้ทั้งสองฝ่ายต่างยืนยันว่า เรือที่ส่งไปในพื้นที่ดังกล่าวไม่มีเรือของฝ่ายทหารรวมอยู่ด้วยเลย โดยมีแต่เรือของหน่วยงานพลเรือน เช่น หน่วยยามฝั่ง เท่านั้น แต่ต่างฝ่ายต่างก็กล่าวหากันว่า เรือของอีกฝ่ายหนึ่งได้พุ่งชนกระแทกใส่เรือของฝ่ายตนในลักษณะ “ยั่วยุ” ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้สถานการณ์อยู่ในภาวะตึงเครียด ทางด้านญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงความกังวลต่อสถานการณ์นี้ พร้อมระบุกล่าวโทษจีนว่ากำลังกระทำการในลักษณะ “ยั่วยุ” ขณะที่การประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียนในวันเสาร์ (10) ได้ออกคำแถลงแสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้ความอดทนอดกลั้น ที่ผ่านมา ทางการเวียดนามเคยยอมให้มีการชุมนุมประท้วงจีนบ้าง แต่บ่อยครั้งที่สลายการชุมนุมด้วยความรุนแรง และเข้าจับกุมแกนนำรวมแล้วหลายสิบคน ซึ่งเป็นพวกที่รณรงค์เรียกร้องเสรีภาพทางการเมือง และสิทธิมนุษยชนพร้อมกันไปด้วย อย่างไรก็ตาม ในการชุมนุมวันนี้ (11) ทางการเวียดนามไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ รวมทั้งไม่มีคำสั่งสลายการชุมนุม ซ้ำยังมีกลุ่มที่เห็นชัดว่าเป็นพวกสนับสนุนรัฐบาลปะปนอยู่ในหมู่ผู้ประท้วงด้วย ซึ่งอาจตีความได้ว่า รัฐบาลเวียดนามต้องการแสดงความไม่พอใจต่อจีนผ่านการประท้วงของประชาชน นอกจากที่บริเวณหน้าสถานทูตจีนในกรุงฮานอยแล้ว ยังมีการชุมนุมต่อต้านจีนที่นครด่าหนัง ทางตอนกลางของเวียดนาม และที่นครโฮจิมินห์ ทางภาคใต้ของประเทศ ขณะเดียวกัน สื่อของรัฐที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดได้รายงานข่าวกรณีพิพาทแท่นขุดเจาะน้ำมันอย่างใกล้ชิด รวมทั้งรายงานข่าวการชุมนุมประท้วงครั้งนี้อย่างกระตือรือร้น ผิดกับในอดีตซึ่งผู้สื่อข่าวที่ทำข่าวการประท้วงจะถูกเลือกปฏิบัติ และบางครั้งถึงขั้นถูกทำร้าย. นานาชาติเร่งภารกิจช่วยนักเรียนหญิงตัวประกันไนจีเรีย คาดอาจใช้มาตรการคว่ำบาตร ผู้คนทั่วโลกจี้ กลุ่ม "โบโค ฮาราม" ปล่อยเด็กๆ อย่างไม่มีเงื่อนไข


สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ว่า นานาชาติร่วมปฏิบัติการช่วยเหลือเด็กนักเรียนหญิงชาวไนจีเรีย 276 คน ยังตกเป็นตัวประกันถูกกลุ่มติดอาวุธอิสลามิคหัวรุนแรง “โบโก ฮาราม” ลักพาตัวไปจากโรงเรียนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตั้งแต่ 15 เม.ย.โดยสำนักกิจการต่างประเทศและกิจการเครือจักรภพอังกฤษออกแถลงการณ์พิจารณาใช้กำลังทหารตอบโต้กลุ่มโบโก ฮารามในระยะยาวเพื่อป้องกันเหตุรุนแรงและปราบปรามอย่างจริงจัง ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ ส่งเจ้าหน้าที่ร่วมปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือเด็กนักเรียนหญิงในไนจีเรียด้วย โดยอยู่ระหว่างวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์และรอการร้องขอความช่วยเหลือจากกองทัพไนจีเรีย ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกรณีตอบสนองแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างล่าช้า ทั้งอ้างว่ากำลังถูกบุคคลบางกลุ่มพยายามดึงกองทัพเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง ส่วนรัฐบาลจีน ฝรั่งเศสและสเปนรับปากช่วยเหลือปฏิบัติการช่วยตัวประกันเด็กนักเรียนหญิงชาวไนจีเรียด้วย ก่อนหน้านี้ คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติแถลงอยู่ระหว่างพิจารณาใช้มาตรการเหมาะสมตอบโต้กลุ่มโบโค อาราม ซึ่งตามนัยการทูตหมายถึงอาจบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร นอกจากนั้น ข่าวคราวการลักพาตัวเด็กนักเรียนหญิงไนจีเรีย ส่งผลให้ชาวโลกต่างแสดงปฏิกริยาเห็นใจและเรียกร้องถึงกลุ่มติดอาวุธโบโค ฮารามให้ปล่อยตัวประกันทั้งหมดทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งนี้ กองกำลังโบโก ฮาราม เปิดฉากต่อสู้กับรัฐบาลไนจีเรียมาตลอดช่วงหลายปีท่ีผ่านมา โดยมีเป้าหมายต้องการให้ไนจีเรียเป็นรัฐอิสลาม ผลการสู้รบมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,500 คน เหตุรุนแรงระลอก ล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อ 5 พ.ค.กลุ่มโบโก ฮาราม บุกโจมตีหมู่บ้านทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายร้อยคน ขณะที่ประธานาธิบดีกู๊ดลัค โจนาธาน ผู้นำไนจีเรีย กล่าวระหว่างร่วมประชุมเศรษฐกิจเมื่อวันพฤหัสบดี ระบุการกระทำของกลุ่มโบโก ฮาราม กำลังก่อให้เกิดความพยายามหยุดยั้งเหตุรุนแรงในไนจีเรีย.


สหภาพการค้าและแรงงานในประเทศตุรกี เริ่มผละงานประท้วงเป็นเวลา 1 วัน ในวันพฤหัสบดี เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อเหตุระเบิดที่เหมืองถ่านหินในเมืองโซมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 282 รายแล้ว...สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 15 พ.ค. ว่า สหภาพการค้าและแรงงานในประเทศตุรกี เริ่มผละงานประท้วงเป็นเวลา 1 วัน ในวันพฤหัสบดี เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อเหตุระเบิดที่เหมืองถ่านหินในเมืองโซมา ทางตะวันตกของประเทศ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 282 คน นับเป็นอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับเหมืองครั้งร้ายแรงที่สุดของตุรกี ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ประท้วงในนครอิสตันบูล ที่เมืองอิซเมียร์ เมืองใหญ่ที่สุดลำดับ 3 ของตุรกี ห่างจากเมืองโซมา ราว 120 กม. มีผู้ชุมนุมประมาณ 20,000 คน ออกมาเดินขบวนประท้วงบนถนนหลายสาย ก่อนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งใช้ทั้งแก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำแรงดันสูงกับผู้ชุมนุม ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหลายคน ในเวลาต่อมา จำนวนผู้ชุมนุมลดเหลือประมาณ 5,000 คน โดยพวกเขาประกาศจะปักหลักประท้วงต่อไป จนกว่าผู้ร่วมอุดมการณ์ที่ถูกตำรวจจับกุมจะได้รับการปล่อยตัว ส่วนที่กรุงอังการา เมืองหลวงตุรกี เกิดการชุมนุมติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากเมื่อวันพุธ เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำแรงดันสูงสลายการชุมนุม โดยมีผู้ชุมนุมประมาณ 3,000 คน ออกมารวมตัวกันที่หน้าตึกกระทรวงแรงงาน ขณะเดียวกันมีรายงานเกิดการชุมนุมประท้วงที่นครอิสตันบูล, เมืองบูร์ซา, เมืองอันตัลยา และเมืองอื่นๆ อีกหลายแห่งชาวเมืองโซมา ร่วมพิธีฝังศพหมู่ผู้เสียชีวิตจากเหตุเหมืองระเบิด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เรเจป ไตยิป เอร์โดอัน กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังเอ่ยคำพูดเหมือนปัดความรับผิดชอบขณะเยือนที่เกิดเหตุเมื่อวันพุธ โดยเขากล่าวว่า "มีอุบัติเหตุในการทำเหมืองเกิดขึ้นหลายครั้งทั่วโลก รวมถึงเหตุการณ์ที่อังกฤษในศตวรรษที่ 19" ประโยคนี้ทำให้เขาถูกชาวเมืองโซมาส่งเสียงโห่ไล่, เรียกร้องให้ลาออก และไล่เตะรถของเขาขณะที่เดินทางกลับ ขณะที่ สมาพันธ์สหภาพแรงงานสาธารณะ (พีดับเบิลยูซี) เชื่อว่า อุบัติเหตุในครั้งนี้เป็นความผิดของผู้ที่ผลักดันนโยบายให้อุตสาหกรรมเหมืองกลายเป็นของเอกชน รวมถึงผู้ที่คุกคามชีวิตของคนงานเหมือง ด้านปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหมืองถ่านหินในเมืองโซมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงทำการค้นหาอย่างต่อเนื่อง แต่ความหวังในการพบผู้รอดชีวิตแทบไม่มีเหลือแล้ว เนื่องจากภายในอุโมงค์เหมืองที่คนงานติดอยู่เต็มไปด้วยก๊าซพิษ โดยเจ้าหน้าที่พบศพ 8 ศพในช่วงคืนวันพุธ ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 282 ราย และมีคนงานไม่เกิน 150 คน ที่ยังติดอยู่ในเหมือง


รัสเซียส่งสัญญาณจะรับรองผลการลงประชามติแยกตัวเป็นอิสระของสองภูมิภาคในภาคตะวันออกของยูเครน ทำเนียบเครมลินของรัสเซียออกแถลงการณ์วันนี้บอกว่าจะเคารพการตัดสินใจของประชาชนในภูมิภาคโดเนตสก์และลูกานสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวันอาทิตย์ และเรียกร้องให้มีการปฏิบัติตามผลประชามติ โดยไม่ก่อให้เกิดเหตุรุนแรง การแสดงจุดยืนดังกล่าวมีขึ้นทั้งที่ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เตือนเมื่อวันพุธให้เลื่อนการจัดประชามติ เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ดีเอื้ออำนวยต่อการเจรจายุติความวุ่นวายในภาคตะวันออกของยูเครน การลงประชามติในสองภูมิภาคจัดขึ้นโดยกลุ่มฝักใฝ่รัสเซีย ที่ยึดหน่วยราชการกว่า 10 เมืองในภูมิภาคโดเนตสก์และลูกานสก์ และกองกำลังในโดเนตสก์ประกาศผลการลงประชามติว่าประชาชน 89% สนับสนุนการแยกตัวจากยูเครนและสถาปนาเป็นสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ และคาดว่าผลประชามติในลูกานสก์ที่จะประกาศในวันนี้จะออกมาคล้ายๆกัน


ทีมกู้ภัยมายังจุดเกิดเหตุเครื่องบินตกที่หมู่บ้านนาดี แขวงเชียงขวาง อุบัติเหตุเครื่องบินกองทัพอากาศ สปป.ลาว ตกที่แขวงเชียงขวาง คร่าชีวิตอย่างน้อย 14 ศพ รวมทั้ง พล.ท.ดวงใจ พิจิด รมว.กระทรวงป้องกันประเทศ และรัฐมนตรีระดับสูงอีกหลายคน ขณะจะไปร่วมงานฉลองครบรอบปี วันสำคัญของกองทัพปฏิวัติที่แขวงเชียงขวาง ..สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอุบัติเหตุสุดสลด เครื่องบินกองทัพอากาศแบบ AN74-300 ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาวประสบเหตุตก ที่แขวงเชียงขวาง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เมื่อเวลา 06.15 น.ของช่วงเช้าวันนี้ (17 พ.ค.) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย สำหรับในจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งนี้ รวมถึง พล.ท.ดวงใจ พิจิด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศ, นายเจือง สมบูนขัน หัวหน้าคณะโฆษณาอบรมศูนย์กลางพรรค,นายทองบัน แสงอาทอน รมต.กระทรวงป้องกันความสงบ หรือกระทรวงตำรวจ และนายสุกัน มะหาราช เจ้าครองนครเวียงจันทน์ นายเสข วรรณเมธี โฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศของไทย เปิดเผยว่า เครื่องบินของกองทัพอากาศสปป.ลาวลำนี้ได้ทะยานออกจากท่าอากาศยานในกรุงเวียงจันทน์ เพื่อมุ่งหน้าไปยังแขวงเชียงขวาง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และประสบเหตุตกในเขตแขวงเชียงขวาง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปประมาณ 470 กม.ขณะที่สำนักข่าวต่างชาติรายงานด้วยว่า เครื่องบินตกขณะกำลังจะร่อนลงจอดและเหลืออีกเพียง 4 กิโลเมตร จะถึงสนามบินเมืองเชียงขวาง ส่วนการที่คณะผู้นำระดับสูงของทางการสปป.ลาว ได้เดินทางไปกับเครื่องบินกองทัพอากาศลำนี้ เพื่อจะไปร่วมฉลองครบรอบปี กองพันที่ 2 ของกองทัพปฏิวัติประชาชนลาว ประสบชัยชนะเหนือกองกำลังทหารที่ภักดีต่อราชวงศ์เมื่อ 55 ปีที่แล้ว และทำให้ต่อมา ลาวได้เปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์เมื่อปี 2518 ในเวลาต่อมา แหล่งข่าวในสำนักนายกรัฐมนตรีลาว ยืนยันว่า อุบัติเหตุเครื่องบินกองทัพอากาศลาวตกในครั้งนี้ เป็นเหตุให้คณะรัฐมนตรีของสปป.ลาวหลายคน รวมทั้งพล.ท.ดวงใจ พิิจิด รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ป้องกันประเทศเสียชีวิตจริง

วันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

มวยในกระแส ไฟต์ไม่บังคับ แต่โคจรมาเจอกันโดยบังเอิญ

หล่อลากไส้มากๆๆๆๆๆๆ
เปรียบมวย หล่อลากไส้ 2 แบบ






มาร์ค ปอมเปอี มุมน้ำเงิน รูปมวยสไตล์บ็อกซิ่ง ถนัดแย็บและเต้นฟุ้ตเวิร์ค ถ้าเพลี่ยงพล้ำจะตีกรรเชียงหนี หรือเข้ามุมเสมอ สถิติ ชนะ 1 หน (ชนะคะแนนแบบเอาปืนจี้หัวกรรมการ) เสมอ 27 แพ้ 108 (ตลอดๆ)

กั้ง คาวาอี้ มุมแดง ผู้ท้าชิงข้ามรุ่น รูปมวยสไตล์ไฟท์ติ้ง ดุดัน มีหมัดเด็ดไม้ตาย ที่ทำให้คู่แข่งตาค้างได้ เป็นนักมวยหมัดหนัก ขวาตาย ซ้ายสลบ (ฟินเว่อร์ๆๆๆ) สถิติ ชนะ 10 เสมอ 5 แพ้ 16

ข้อมูลส่วนตัวทั้ง 2 ฝ่าย

ชื่อ มาร์ค ปอมเปอี  vs  กั้ง คาวาอี้

ฉายา มิสเตอร์โพเดี้ยม (จ้อได้ทุกที่ ขอให้มีสแตนโพเดี้ยม) vs  นักร้องขาแด๊นซ์ เดอะสตาร์ คนที่ 10 ของเมืองไทย

ส่วนสูง น้ำหนัก 167 ซม. 60 กก. vs 178 ซม. 65 กก.

การศึกษา เศรษฐศาสตร์ ตรี-โท ม.อ๊อกฟอร์ด  vs  ตรี อักษรศาสตร์ อินเตอร์ ม.จุฬาลงกรณ์

ชาติตระกูล ดี บิดาเป็นนายแพทย์ชื่อดัง    vs    ดี บิดาเป็นนักการทูต

ระดับความหล่อ เป็นพระเอกลิเกการเมืองมาหลายสมัย vs เป็นอดีตบอยแบนด์หน้าหล่อสไตล์เกาหลี

เกียรติยศสูงสุด เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของเมืองไทย  vs  เดอะสตาร์คนที่ 10 ของเมืองไทย

ผู้นำฝ่ายค้านถึง 3 สมัย        vs  ได้รับเกียรติแสดงดนตรีต่อหน้าพระราชาแห่งภูฏาน

ผลงานที่เป็นที่น่าจดจำ (มาร์ค ปอมเปอี)

-ปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงทำลายการประชุมเอเปคที่พัทยา โดนทุบรถและหนีหัวซุกหัวซุนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ต้องหนีไปอยู่ในค่ายทหาร ราบ 11.อีกทั้งภายหลังยังส่งจนท.รัฐมนตรีไปประกันตัวให้กับคนเสื้อแดงเหล่านั้นอีก

-รับปากต่อภาคประชาชนเรื่องกรณี เขาพระวิหาร ว่าประเทศไทยจะไม่เสียดินแดน หากเสียจริงๆ จะไม่ขออยู่เป็นคนไทย แล้วปัจจุบันเป็นที่ทราบดีว่าไทยได้เสียดินแดนโดยทางพฤตินัยไปแล้ว แต่มาร์คก็ยังคงพลิกลิ้น ยังไม่นับรวมกับการทำให้คุณวีระ สมความคิด ถูกทหารของกัมพูชาจับในดินแดนไทย แล้วตนเองไปสำทับอีกว่าคุณวีระผิดจริงที่ถูกจับ

-ไม่เคยมีความจริงใจต่อการปฏิรูปการเมือง เพราะในสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่กว่า 2 ปี ได้ตั้งคณะกรรมการหลายชุดทำการศึกษาเรื่องปฏิรูป แต่ก็เอาผลการศึกษาเหล่านั้นเก็บลงลิ้นชัก ไม่นำมาพิจารณา จนปัจจุบันหลุดมาเป็นผู้นำฝายค้าน จนภาคประชาชนออกมาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลทรราชย์ และชูประเด็นการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง แต่ตนเองเพิ่งจะโผล่มาแสดงตนว่าจะขอเป็นคนกลางประสานการพูดคุยให้เกิดการปฏิรูปพร้อมๆกับให้มีการเลือกตั้ง

ผลงานที่เป็นที่น่าประทับใจ (กั้ง คาวาอี้)

-การเปิดตัวรอบออดิชั่นภาค,รอบสุดท้าย 8 คน และคอนเสิร์ตเปิดตัวสัปดาห์แรก ทำให้แฟนคลับหรือผู้ชมประทับใจเทใจโหวต และได้รับการกล่าวขวัญชื่นชมจากคณะกรรมการทั้ง 3 คน รวมถึงผลการโหวตเป็นอันดับต้นๆ

-วีคเพลงลูกทุ่ง กับการแสดงออก การเอนเตอร์เทนคนดูแบบไม่ห่วงหล่อ และท่าเต้นสุดมันส์ รวมถึงวีคเพลงประกอบภาพยนตร์และละคร ที่ทำให้ตัวตนและเผยให้เห็นศักยภาพการแสดงและอินเนอร์ที่สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างเข้าถึงใจคนดู ได้รับเสียงปรมมือและกล่าวชื่นชมท่วมท้นอีกครั้งนึง

-วีคสุดท้าย มินิคอนเสิร์ต 30 นาที และคอนเสิร์ตอำลาและประกาศผลบนเวทีอิมแพ็ค การแสดงที่พีคที่สุด ศักยภาพการเต้น การร้อง การเอนเตอร์เทน ได้พัฒนามาจนถึงสัปดาห์สุดท้าย ซึ่งแสดงถึงพัฒนาการของการฉายแววเป็นเดอะสตาร์อย่างเต็มที่ที่สุด และภาพสุดท้ายที่กราบและกอดกับคุณพ่อคุณแม่ของน้องกั้ง และคำขอบคุณของคุณพ่อต่อแฟนคลับคนที่โหวตให้น้องจนได้เป็นผู้ชนะ ภาพความประทับใจของความเป็นครอบครัวที่อบอุ่นและอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

แฟนคลับมาร์ค ค่อยๆ ลดน้อยลง     vs    นับวันคนรักกั้งเพิ่มขึ้น,แอนตี้กั้งลดลง

ผลการโหวตโนในการเลือกตั้งหนล่าสุด     vs    แฟนคลับจิ้นกั้งกับทุกคนรอบตัว และโหวต

ในเขตกรุงเทพฯ โหวตโน ให้กับมาร์คเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ   vs  แฟนคลับทุ่มโหวตให้กั้งเป็นซุปตาร์ขวัญใจคนไทยเพิ่มขึ้นอีก 1 คน

วาทะเด็ดประจำตัว (มาร์ค ปอมเปอี)

“ไม่มีเหตุผลอะไร ที่ผมจะนำแผ่นดินไทยไปแลกผลประโยชน์ถ้าทำเช่นนั้น …. ถ้าทำเช่นนั้น.. ไม่เพียงผมจะไม่ควรเป็นนายกรัฐมนตรีผมไม่ควรจะอยู่บนแผ่นดินนี้ด้วยซ้ำ”..อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี 7 ส.ค.2553 / สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น(ดินแดง) 

วาทะเด็ดประจำตัว (กั้ง คาวาอี้)

“กั้ง รักทุกคน คนเดียวเท่านั้น เหมือนกันครับ” เป็นช่วงที่กั้งพูดตอบแฟนคลับในห้องส่งที่ตะโกนบอกเขาว่า “รักกั้งคนเดียวเท่านั้น” หลังจากเพลง รักเธอคนเดียวเท่านั้น ในมินิคอนเสิร์ต 30 นาที จนกลายเป็นประโยคฮิตที่แฟนคลับนำมาแซวกั้งที่มักชอบพูดประโยคภาษาไทยสำนวนแปลกๆ

ใครพูดรู้เรื่องกว่ากัน อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจ แต่คะแนนเทไปที่น้องกั้ง แน่นอน พูดเพราะ ฟังแล้วจริงใจ และเข้าใจกว่ามาก มาลองดูคลิปเปรียบเทียบกัน

 
 
 

พิภพราชา ภาค3 (ตอน7-8)




 

พิภพราชา ภาค3 (ตอน5-6)