เอเอฟพี
- กองทัพตุรกีออกมาแถลงเพิ่มเติมเมื่อวันพุธ(25 พ.ย.) โดยยืนยันว่า “ไม่รู้มาก่อน”
ว่าเครื่องบินขับไล่รุ่น Su-24 ที่ถูกยิงตกนั้นเป็นอากาศยานของรัสเซีย
และพร้อมที่จะ “ให้ความร่วมมือทุกรูปแบบ” หลังมอสโกออกมาประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็น “แผนยั่วยุ” หลังจากวิกฤตการณ์นี้ได้สร้างความตึงเครียดครั้งใหญ่ระหว่างรัสเซียกับตุรกี
จนนาโตซึ่งเป็นพันธมิตรกับอังการาต้องออกมาเรียกร้องให้ทั้ง 2
ฝ่ายใช้ความอดกลั้น ล่าสุดกองทัพตุรกียืนยันว่า
พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะค้นหาและช่วยชีวิตนักบิน Su-24 ทั้งสองคน ทันทีที่ถูกยิงตกเมื่อวันอังคาร (24) นักบินที่รอดชีวิตยืนยันว่า
พวกเขาไม่ได้รับการแจ้งเตือนใดๆ เลยจากฝ่ายตุรกี
และไม่ได้นำเครื่องบินรุกล้ำน่านฟ้าด้วย
ซึ่งกองทัพตุรกีก็ตอบโต้ด้วยการนำคลิปเสียงที่ยืนยันได้ว่า
มีการเตือนให้เครื่องบินขับไล่รัสเซียเปลี่ยนเส้นทางลงใต้ “นี่คือกองทัพอากาศตุรกีที่พูดจากภาคพื้น
คุณกำลังเข้ามาในเขตน่านฟ้าของตุรกี จงเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้าไปยังทิศใต้ทันที” เสียงในบันทึกการสนทนาพูดซ้ำเช่นนี้หลายครั้งโดยใช้ภาษาอังกฤษ การยิงทำลายเครื่องบินรัสเซียส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่าง
2 ชาติที่ยืนอยู่ต่างขั้วในสงครามซีเรียเลวร้ายลงอย่างหนัก
และอาจลุกลามบานปลายจนกลายเป็นความขัดแย้งด้านภูมิศาสตร์การเมืองครั้งใหญ่ อังการาและมอสโกมีจุดยืนต่อปัญหาซีเรียที่แตกต่างกัน
โดยตุรกีนั้นต้องการให้ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียพ้นจากตำแหน่ง
ในขณะที่รัสเซียกลับทำทุกวิถีทางเพื่อจะช่วยยื้ออำนาจให้ อัสซาด แม้จะให้คำอธิบายกันไปคนละอย่างเกี่ยวกับกรณีเครื่องบิน
Su-24 ถูกยิงตก แต่ทั้งรัสเซียและตุรกีก็ยืนยันว่า
ไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้าทางทหารขึ้นในภูมิภาคซึ่งมีความขัดแย้งคุกรุ่นอยู่แล้ว
กองทัพตุรกีแถลงเพิ่มเติมในวันพุธ(25)ว่า
ได้ส่งหนังสือเชิญผู้แทนและทูตทหารของรัสเซียเข้าร่วมหารือที่กรุงอังการา
เพื่ออธิบายสถานการณ์และบริบทต่างๆ อันนำไปสู่สิ่งที่เกิดขึ้น “ขณะนั้นเราไม่ทราบว่าเป็นเครื่องบินขับไล่สัญชาติใด... จึงต้องใช้กฎการปะทะสู้รบอย่างแข็งกร้าว”
หลังจากเครื่องบินเป้าหมายไม่ตอบสนองต่อคำเตือน กองทัพตุรกีเสริมว่า
ได้มีการประสานไปยังหน่วยงานทางทหารของรัสเซียแล้ว เพื่อแสดงว่าฝ่ายตุรกี “พร้อมที่จะให้ความร่วมมือทุกรูปแบบ”
เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธ(25)ว่า ตน “รู้สึกกังขาอย่างยิ่งว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อนจริงหรือไม่ เพราะดูเหมือนเป็นแผนยั่วยุ” แต่ก็กล่าวย้ำว่า “เราไม่ได้คิดจะทำสงครามกับตุรกีเพราะเรื่องนี้ ทัศนคติที่เรามีต่อชาวตุรกียังไม่เปลี่ยนแปลง” ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ได้ออกมาประณามการยิงเครื่องบินขับไล่รัสเซียว่าเหมือนถูก “แทงข้างหลังโดยพวกที่สมคบคิดกับกลุ่มก่อการร้าย” พร้อมเรียกร้องให้ชาวรัสเซียงดเดินทางไปท่องเที่ยวในตุรกี ขณะเดียวกัน ประชาชนและนักเคลื่อนไหวหลายร้อยคนก็ได้รุมขว้างปาก้อนหินและไข่ใส่สถานทูตตุรกีในกรุงมอสโก และชูป้ายประท้วงการยิงทำลายเครื่องบินของแดนหมีขาว รัฐมนตรีกลาโหม เซียร์เก ชอยกู ประกาศจะส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ซึ่งเป็นรุ่นไฮเทคที่สุดที่รัสเซียมีอยู่ ไปติดตั้งยังฐานทัพอากาศในจังหวัดลาตาเกียของซีเรีย ขณะที่สื่อตุรกีก็อ้างแหล่งข่าวในกองทัพว่า กองทัพอากาศตุรกีได้สั่งยกระดับภารกิจลาดตระเวนของฝูงบิน F-16 ทั้ง 18 ลำบริเวณแนวพรมแดน ประธานาธิบดี รีเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน แห่งตุรกี พยายามช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ โดยยืนยันว่า สิ่งที่อังการาทำลงไปก็เพื่อปกป้องเขตแดนของตนเองเท่านั้น “เราไม่มีเจตนาทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย เพียงแต่ปกป้องความมั่นคงและสิทธิของพี่น้องชาวตุรกีเท่านั้น” เออร์โดกัน กล่าว
เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธ(25)ว่า ตน “รู้สึกกังขาอย่างยิ่งว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อนจริงหรือไม่ เพราะดูเหมือนเป็นแผนยั่วยุ” แต่ก็กล่าวย้ำว่า “เราไม่ได้คิดจะทำสงครามกับตุรกีเพราะเรื่องนี้ ทัศนคติที่เรามีต่อชาวตุรกียังไม่เปลี่ยนแปลง” ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ได้ออกมาประณามการยิงเครื่องบินขับไล่รัสเซียว่าเหมือนถูก “แทงข้างหลังโดยพวกที่สมคบคิดกับกลุ่มก่อการร้าย” พร้อมเรียกร้องให้ชาวรัสเซียงดเดินทางไปท่องเที่ยวในตุรกี ขณะเดียวกัน ประชาชนและนักเคลื่อนไหวหลายร้อยคนก็ได้รุมขว้างปาก้อนหินและไข่ใส่สถานทูตตุรกีในกรุงมอสโก และชูป้ายประท้วงการยิงทำลายเครื่องบินของแดนหมีขาว รัฐมนตรีกลาโหม เซียร์เก ชอยกู ประกาศจะส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ซึ่งเป็นรุ่นไฮเทคที่สุดที่รัสเซียมีอยู่ ไปติดตั้งยังฐานทัพอากาศในจังหวัดลาตาเกียของซีเรีย ขณะที่สื่อตุรกีก็อ้างแหล่งข่าวในกองทัพว่า กองทัพอากาศตุรกีได้สั่งยกระดับภารกิจลาดตระเวนของฝูงบิน F-16 ทั้ง 18 ลำบริเวณแนวพรมแดน ประธานาธิบดี รีเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน แห่งตุรกี พยายามช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ โดยยืนยันว่า สิ่งที่อังการาทำลงไปก็เพื่อปกป้องเขตแดนของตนเองเท่านั้น “เราไม่มีเจตนาทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย เพียงแต่ปกป้องความมั่นคงและสิทธิของพี่น้องชาวตุรกีเท่านั้น” เออร์โดกัน กล่าว
รอยเตอร์
- นักบินรัสเซียที่รอดชีวิตจากกรณีถูกเครื่องบินเอฟ16ของตุรกียิงตก เผยในวันพุธ (25 พ.ย.)
ว่าไม่ได้รับการแจ้งเตือนใดๆจากกองทัพอากาศอังการาและไม่ได้บินอยู่เหนือน่านฟ้าของตุรกีตามที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง
อย่างไรก็ตามทางอังการาก็งัดเทปเสียงคำเตือนออกมาตอบโต้อย่างทันควัน เครื่องบินเอฟ-16
ของตุรกียิงเครื่องบินซูคอย-24 ของรัสเซีย
ตกใกล้ชายแดนซีเรียเมื่อวันอังคาร (24 พ.ย.)
โดยอ้างว่ามันละเมิดน่านฟ้าและยังเพิกเฉยต่อคำเตือนกว่า 10 ครั้ง
นับเป็นหนึ่งในเหตุกระทบกระทั่งกันครั้งเลวร้ายที่สุดระหว่างประเทศสมาชิกนาโต้กับรัสเซีย
ในรอบราวๆ ครึ่งศตวรรษ คอนสแตนติน มูรัคติน
นักบินนำทางได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังพิเศษรัสเซียและซีเรีย
หลังดีดตัวออกมาจากเครื่องบิน
ส่วนนักบินอีกคนถูกพวกกบฏยิงเสียชีวิตระหว่างกระโดดร่มลงสู่พื้น “ไม่มีคำเตือนใดๆ
จากทั้งทางวิทยุและจากการมองเห็น ไม่มีการติดต่ออะไรเลย” มูรัคตินให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวทาสส์นิวส์
จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดลาตาเคียของซีเรีย
อันเป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศรัสเซีย “ถ้าพวกเขาต้องการเตือนเรา
พวกเขาควรแสดงตนเองด้วยการบินคู่ขนาน แต่พวกเขาไม่ทำแบบนั้นและขีปนาวุธก็จู่โจมเล่นงานบริเวณหางเครื่องบินของเราอย่างทันทีทันใด
เราเห็นมันไม่เร็วเพียงพอที่จะบินหลบหลีกขีปนาวุธ” อังการาบอกว่า
พวกเขาเตือนซ้ำๆหลายครั้งให้เครื่องบินรัสเซียเปลี่ยนเส้นทาง
หลังรุกล้ำเข้ามาในน่านฟ้าของตุรกี อย่างไรก็ตาม
ทางมอสโกปฏิเสธว่าเครื่องบินรบของพวกเขาไม่ได้บินเหนือดินแดนของตุรกีแต่อย่างใด มูรัคติน
ยืนยันว่าเขาไม่ได้บินออกจากน่านฟ้าซีเรียเลย “ผมเห็นสามารถมองเห็นบนพื้นที่และทางภาคพื้นอย่างสมบูรณ์ว่าชายแดนอยู่ตรงไหนและเราอยู่ตรงไหน
ไม่มีความเสี่ยงที่จะเข้าไปในดินแดนของตุรกีเลย” เขากล่าว อย่างไรก็ตาม
กองทัพตุรกีก็ออกมาตอบโต้ทันควันในวันพุธ (25 พ.ย.)
โดยงัดบันทึกการสนทนาหลายชุด
ที่อ้างว่าเป็นการแจ้งเตือนไปยังเครื่องบินรบรัสเซียก่อนที่มันจะถุกยิงตกใกล้ชายแดนซีเรีย
“นี่คือกองทัพอากาศตุรกีที่พูดจากภาคพื้น
คุณกำลังเข้ามาในน่านฟ้าตุรกี จงเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้าไปในทางใต้ในทันที” หนึ่งในเสียงการสนทนาที่บันทึกไว้ระบุเหตุตุรกียิงเครื่องบินรบรัสเซียตกเมื่อวันอังคาร (24 พ.ย.) นอกจากนี้จะเป็นหนึ่งในเหตุกระทบกระทั่งกันครั้งเลวร้ายที่สุดระหว่างประเทศสมาชิกนาโต้กับรัสเซีย
ในรอบราวๆ ครึ่งศตวรรษแล้ว
มันยังก่อความยุ่งยากซับซ้อนแก่ความพยายามนานาชาติในการต่อสู้กับพวกรัฐอิสลาม
(ไอเอส) ในซีเรีย ในความพยายามคลี่คลายความตึงเครียด นายจอห์น เคร์รี
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับายเซอร์เก ลาฟรอฟ
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียในวันพุธ (25 พ.ย.)
เรียกร้องสองฝ่ายอยู่ในความสงบและขอให้มีการพูดคุยกันระหว่างตุรกีและรัสเซีย ระหว่างการสนทนานั้น
นายเคร์รีย้ำถึงความจำเป็นที่ทั้งสองฝ่ายต้องไม่ปล่อยให้เหตุการณ์นี้ขยายความตึงเครียดระหว่างสองประเทศหรือในซีเรีย
“ท่านรัฐมนตรีแสดงความเสียต่อเหตุสุญเสียชีวิตในเหตุการณ์เมื่อวานนี้
เราเรียกร้องขอความสงบและพูดคุยกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตุรกีและรัสเซียไม่กี่วันข้างหน้า”
กระทรวงการต่างประเทศอเมริการะบุ พร้อมเผยว่านายเคร์รี ย้ำถึงความสำคัญของการเดินหน้าใช้แนวทางการทูตแก้ปัญหาในซีเรีย
ส่วนทางกองทัพตุรกีเปิดเผยในวันพุธ (25 พ.ย.)
ว่าพวกเขาเชิญคณะทูตทหารรัสเซียมายังสำนักงานใหญ่และเพื่อชี้แจงว่าอังการาต้องยิงเครื่องบินรบมอสโก
เพราะว่ากฎแห่งสงครามมีผลบังคับใช้หลังจากเครื่องบินไม่ตอบสนองต่อคำเตือน ในถ้อยแถลงที่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร
ระบุด้วยว่ากองทัพตุรกีได้พยายามอย่างยิ่งยวดในการค้นหาและช่วยเหลือ 2 นักบินรัสเซีย
และได้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ทหารในมอสโกและบอกว่าพร้อมให้ความร่วมมือทุกรูปแบบ แม้ว่าเหล่าเจ้าหน้าที่รัสเซียจะแสดงความโกรธแค้นต่อการกระทำของตุรกีและพูดพาดพิงถึงมาตรการแก้แค้นต่างๆ
ในนั้นรวมถึงระงับไม่ให้นักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางมายังเมืองตากอากาศต่างๆของตุรกี
แต่มอสโกก็ไม่ได้แสดงสัญญาณว่าต้องการให้มันลุกลามบานปลายสู่ด้านการทหารแต่อย่างใด
เอเอฟพี
- เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต ระบุ ในวันอังคาร (24 พ.ย.)
พันธมิตรทางทหารแห่งนี้พร้อมยืนหยัดเคียงข้างรัฐสมาชิกตุรกี
ตามหลังเหตุยิงเครื่องบินรบรัสเซียตกตามแนวชายแดนซีเรีย
ขณะที่สหรัฐฯบอกอังการามีสิทธิ์ปกป้องเขตแดนของตนเอง แต่เรียกร้องสองฝ่ายลดความตึงเครียดเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย
“เราย้ำมาตลอดว่า
เรายืนหยัดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับตุรกี
และสนับสนุนบูรณภาพแห่งดินแดนของสมาชิกพันธมิตรนาโต ตุรกี” สโตลเทนเบิร์ก
กล่าว หลังประชุมฉุกเฉิน 28 ชาติสมาชิกตามคำร้องขอของอังการา
“ผมหวังเห็นการติดต่อประสานงานเพิ่มเติมระหว่างอังการา
และมอสโก และเรียกร้องขอทุกฝ่ายอยู่ในความสงบและลดความตึงเครียด
การทูตและความพยายามลดความตึงเครียดคือสิ่งสำคัญสำหรับช่วยคลี่คลายสถานการณ์นี้”
เขากล่าว อังการาบอกว่า เครื่องบินเอฟ 16 ของพวกเขา
2 ลำยิงเครื่องบินรบ ซู-24 ของรัสเซียตก
หลังละเมิดน่านฟ้าของตุรกีติดกับชายแดนซีเรียถึง 10 ครั้ง
ภายในช่วงเวลาแค่ 5 นาที
แต่ทางมอสโกยืนยันว่าเครื่องบินรบของพวกเขาอยู่ในน่านฟ้าของซีเรีย นายสโตลเทนเบิร์ก บอกว่า
เขาเคยเตือนมาแล้วหลายครั้งถึงความเสี่ยงจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ของรัสเซียต่อกบฏซีเรีย
ที่ต้องการขับไล่ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด พันธมิตรเก่าแก่ของมอสโก “เหตุการณ์นี้ย้ำถึงความจำเป็นต้องมีข้อตกลงที่ได้รับการเคารพเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในอนาคต” ส่วนทูตของนาโตคนหนึ่งบอกว่าตุรกีได้รับแรงสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากที่ประชุมฉุกเฉิน
แต่ก็มีเสียงเรียกร้องให้มีมาตรการตอบสนองเพื่อรับประกันว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ตุรกี
ชาติมหาอำนาจทางทหารใหญ่สุดอันดับ 2 ในนาโต รองจากสหรัฐฯ
เคยร้องขอความสนับสนุนจากพันธมิตรแห่งนี้มาแล้วหลายครั้ง
สืบเนื่องจากความขัดแย้งซีเรียที่ทะลักข้ามพรมแดน ขณะที่ทางนาโตก็ตอบสนองด้วยการประจำการขีปนาวุธแพทริออต
ที่สามารถสอยเครื่องบินหรือขีปนาวุธที่ย่างกรายเข้ามา ในทางตอนใต้ของตุรกี
แต่พวกเขามีกำหนดถอนขีปนาวุธเหล่านั้นออกไปในช่วงสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม
ก่อนหน้านี้ ทางนาโต้เผยว่าอยู่ระหว่างทบทวนแผนดังกล่า ในวิกฤตใหม่ที่ปะทุขึ้นมากลางสมรภูมิรบซีเรีย ฝรั่งเศส สหรัฐฯ
และสหประชาชาติ
เดิมตามรอยนาโตเรียกร้องทั้งตุรกีและรัสเซียละเว้นการขยายความตึงเครียด
ตามหลังอังการายิงเครื่องบินรัสเซียตก
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งอเมริกา แถลงไม่นานหลังหารือกับประธานาธิบดี ฟรังซัวส์ ออลลองด์ ที่ทำเนียบขาว เรียกร้องขอทุกอย่างอยู่สงบและเปิดทางให้ความเคลื่อนไหวด้านการทูตทำงาน“ผมคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับเรา ที่ตอนนี้ต้องทำให้แน่ใจว่าทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นรัสเซียและตุรกี จะพูดคุยกัน และหาคำตอบว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รวมถึงใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันสถานการณ์ที่ลุกลามใด ๆ” โอบามาบอกกับผู้สื่อข่าว “ตุรกี ก็เหมือนกับทุกประเทศที่มีสิทธิ์ปกป้องเขตแดนและน่านฟ้าของตนเอง” โอบามากล่าว แต่ระบุว่าเป้าหมายต้นๆ ของเราคือ “จะหาทางรับประกันว่าสถานการณ์นี้จะไม่ลุกลามบานปลาย” เขากล่าว “หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ณ เวลานี้ทุกฝ่ายจะสามารถถอยหลังคนละก้าวและคำนวณว่าแนวทางไหนที่จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขามากที่สุด” ด้าน นายออลลองด์ เรียกเหตุการณ์ทางอากาศนี้ ว่า “ร้ายแรง” และ “น่าเสียใจอย่างยิ่ง” พร้อมระบุตุรกีกำลังให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องแก่นาโต้ เพื่อช่วยสรุปว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่ “เราต้องปกป้องไม่ให้สถานการณ์ลุกลามที่จะก่อความเสียหายร้ายแรง เราต้องหาทางออกแก่วิกฤตซีเรีย เพราะไม่อย่างนั้นเราก็อาจเห็นความเสี่ยงอื่น ๆ อีก”ส่วน นายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องให้มีมาตรการเร่งด่วนสำหรับลดความตึงเครียด โดยบอกว่าการตรวจสอบเหตุการณ์อย่างละเอียด และน่าเชื่อถือจะช่วยให้ความกระจ่างว่าเกิดอะไรขึ้นและช่วยป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอย
เอเจนซีส์ – เครื่องบินขับไล่ซูคอย Su-24 ของรัสเซียถูกกองทัพอากาศตุรกียิงตกใกล้ๆ พรมแดนซีเรียในวันนี้ (24 พ.ย.) ขณะที่ทางการหมีขาวยืนยันว่าอากาศยานลำดังกล่าวไม่ได้รุกล้ำน่านฟ้าตุรกี ส่วนนักบินทั้งสองคนที่มีข่าวว่าดีดตัวออกจากเครื่องได้ทัน ยังไม่ทราบชะตากรรม สื่อรัสเซียอ้างถ้อยแถลงจากกระทรวงกลาโหม ซึ่งระบุว่า “ผลของการยิงทำให้เครื่องบินขับไล่ซูคอย Su-24 ลำหนึ่งของเราตกในเขตสาธารณรัฐอาหรับซีเรีย” ทำเนียบประธานาธิบดีตุรกีระบุในคำแถลงว่า เครื่องบินลำดังกล่าวเป็นรุ่น Su-24 ของกองทัพอากาศรัสเซีย ขณะที่สื่อตุรกีรายงานว่า นักบินคนหนึ่งถูกพวกกบฏในซีเรียจับกุมไว้ได้ รัฐบาลหมีขาวยืนยันว่ามีเครื่องบินของตนถูกยิงตกจริง แต่ยังไม่ทราบชะตากรรมของนักบินทั้งสอง กองทัพตุรกีอ้างว่า อากาศยานขับไล่ลำนี้ละเมิดน่านฟ้าตุรกีถึง 10 ครั้งในระยะเวลา 5 นาที จนถูกฝูงบินขับไล่ F-16 ยิงตก แต่รัสเซียยืนยันว่า Su-24 ลำดังกล่าวปฏิบัติภารกิจอยู่ในเขตน่านฟ้าซีเรียตลอดเวลา สถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น-เติร์ก และเอ็นทีวีของตุรกี รายงานว่า เครื่องบินขับไล่ลำดังกล่าวระเบิดกลางอากาศและร่วงลงสู่ภูเขาลูกหนึ่งในฝั่งซีเรีย ขณะที่สำนักข่าวอนาโตเลียก็ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอกลุ่มควันที่ลอยขึ้นมาจากภูเขาลูกหนึ่ง ห่างชายแดนตุรกีไปแค่ไม่กี่กิโลเมตร เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างที่รัสเซียและซีเรียส่งเครื่องบินเข้าไปถล่มฐานที่มั่นกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ทางตอนเหนือของซีเรีย เจ้าหน้าที่รัฐบาลตุรกียังไม่เปิดเผยรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ระบุว่าจะแจ้งเรื่องนี้ต่อองค์การสหประชาชาติและนาโต เครื่องบินขับไล่แดนหมีขาวเคยล่วงล้ำน่านฟ้าตุรกีมาแล้ว 2 ครั้งเมื่อเดือนตุลาคม ซึ่งทำให้อังการาเรียกทูตรัสเซียมาประท้วงการละเมิดอธิปไตย ตุรกีและรัสเซียมีจุดยืนที่ขัดแย้งกันมานานในเรื่องปัญหาซีเรีย โดยอังการานั้นต้องการเห็นประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด สละอำนาจ แต่มอสโกกลับทำทุกอย่างเพื่อช่วย อัสซาด ยื้ออำนาจต่อไป เมื่อเดือน ต.ค. กองทัพตุรกีอ้างว่าสามารถยิงอากาศยานไร้คนขับของรัสเซียตกหลังถูกรุกล้ำน่านฟ้า แต่ครั้งนั้นมอสโกปฏิเสธว่าไม่ใช่โดรนของตน เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย มีกำหนดเดินทางเยือนตุรกีในวันพรุ่งนี้(25) เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และแสวงหาแนวทางร่วมกันในการสร้างสันติภาพขึ้นในซีเรีย
(เครดิตอ้างอิง คัดลอกจากข่าวแปล คอลัมน์ข่าวต่างประเทศ เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์)
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งอเมริกา แถลงไม่นานหลังหารือกับประธานาธิบดี ฟรังซัวส์ ออลลองด์ ที่ทำเนียบขาว เรียกร้องขอทุกอย่างอยู่สงบและเปิดทางให้ความเคลื่อนไหวด้านการทูตทำงาน“ผมคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับเรา ที่ตอนนี้ต้องทำให้แน่ใจว่าทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นรัสเซียและตุรกี จะพูดคุยกัน และหาคำตอบว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รวมถึงใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันสถานการณ์ที่ลุกลามใด ๆ” โอบามาบอกกับผู้สื่อข่าว “ตุรกี ก็เหมือนกับทุกประเทศที่มีสิทธิ์ปกป้องเขตแดนและน่านฟ้าของตนเอง” โอบามากล่าว แต่ระบุว่าเป้าหมายต้นๆ ของเราคือ “จะหาทางรับประกันว่าสถานการณ์นี้จะไม่ลุกลามบานปลาย” เขากล่าว “หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ณ เวลานี้ทุกฝ่ายจะสามารถถอยหลังคนละก้าวและคำนวณว่าแนวทางไหนที่จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขามากที่สุด” ด้าน นายออลลองด์ เรียกเหตุการณ์ทางอากาศนี้ ว่า “ร้ายแรง” และ “น่าเสียใจอย่างยิ่ง” พร้อมระบุตุรกีกำลังให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องแก่นาโต้ เพื่อช่วยสรุปว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่ “เราต้องปกป้องไม่ให้สถานการณ์ลุกลามที่จะก่อความเสียหายร้ายแรง เราต้องหาทางออกแก่วิกฤตซีเรีย เพราะไม่อย่างนั้นเราก็อาจเห็นความเสี่ยงอื่น ๆ อีก”ส่วน นายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องให้มีมาตรการเร่งด่วนสำหรับลดความตึงเครียด โดยบอกว่าการตรวจสอบเหตุการณ์อย่างละเอียด และน่าเชื่อถือจะช่วยให้ความกระจ่างว่าเกิดอะไรขึ้นและช่วยป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอย
เอเจนซีส์ – เครื่องบินขับไล่ซูคอย Su-24 ของรัสเซียถูกกองทัพอากาศตุรกียิงตกใกล้ๆ พรมแดนซีเรียในวันนี้ (24 พ.ย.) ขณะที่ทางการหมีขาวยืนยันว่าอากาศยานลำดังกล่าวไม่ได้รุกล้ำน่านฟ้าตุรกี ส่วนนักบินทั้งสองคนที่มีข่าวว่าดีดตัวออกจากเครื่องได้ทัน ยังไม่ทราบชะตากรรม สื่อรัสเซียอ้างถ้อยแถลงจากกระทรวงกลาโหม ซึ่งระบุว่า “ผลของการยิงทำให้เครื่องบินขับไล่ซูคอย Su-24 ลำหนึ่งของเราตกในเขตสาธารณรัฐอาหรับซีเรีย” ทำเนียบประธานาธิบดีตุรกีระบุในคำแถลงว่า เครื่องบินลำดังกล่าวเป็นรุ่น Su-24 ของกองทัพอากาศรัสเซีย ขณะที่สื่อตุรกีรายงานว่า นักบินคนหนึ่งถูกพวกกบฏในซีเรียจับกุมไว้ได้ รัฐบาลหมีขาวยืนยันว่ามีเครื่องบินของตนถูกยิงตกจริง แต่ยังไม่ทราบชะตากรรมของนักบินทั้งสอง กองทัพตุรกีอ้างว่า อากาศยานขับไล่ลำนี้ละเมิดน่านฟ้าตุรกีถึง 10 ครั้งในระยะเวลา 5 นาที จนถูกฝูงบินขับไล่ F-16 ยิงตก แต่รัสเซียยืนยันว่า Su-24 ลำดังกล่าวปฏิบัติภารกิจอยู่ในเขตน่านฟ้าซีเรียตลอดเวลา สถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น-เติร์ก และเอ็นทีวีของตุรกี รายงานว่า เครื่องบินขับไล่ลำดังกล่าวระเบิดกลางอากาศและร่วงลงสู่ภูเขาลูกหนึ่งในฝั่งซีเรีย ขณะที่สำนักข่าวอนาโตเลียก็ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอกลุ่มควันที่ลอยขึ้นมาจากภูเขาลูกหนึ่ง ห่างชายแดนตุรกีไปแค่ไม่กี่กิโลเมตร เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างที่รัสเซียและซีเรียส่งเครื่องบินเข้าไปถล่มฐานที่มั่นกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ทางตอนเหนือของซีเรีย เจ้าหน้าที่รัฐบาลตุรกียังไม่เปิดเผยรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ระบุว่าจะแจ้งเรื่องนี้ต่อองค์การสหประชาชาติและนาโต เครื่องบินขับไล่แดนหมีขาวเคยล่วงล้ำน่านฟ้าตุรกีมาแล้ว 2 ครั้งเมื่อเดือนตุลาคม ซึ่งทำให้อังการาเรียกทูตรัสเซียมาประท้วงการละเมิดอธิปไตย ตุรกีและรัสเซียมีจุดยืนที่ขัดแย้งกันมานานในเรื่องปัญหาซีเรีย โดยอังการานั้นต้องการเห็นประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด สละอำนาจ แต่มอสโกกลับทำทุกอย่างเพื่อช่วย อัสซาด ยื้ออำนาจต่อไป เมื่อเดือน ต.ค. กองทัพตุรกีอ้างว่าสามารถยิงอากาศยานไร้คนขับของรัสเซียตกหลังถูกรุกล้ำน่านฟ้า แต่ครั้งนั้นมอสโกปฏิเสธว่าไม่ใช่โดรนของตน เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย มีกำหนดเดินทางเยือนตุรกีในวันพรุ่งนี้(25) เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และแสวงหาแนวทางร่วมกันในการสร้างสันติภาพขึ้นในซีเรีย
(เครดิตอ้างอิง คัดลอกจากข่าวแปล คอลัมน์ข่าวต่างประเทศ เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์)