วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559

2 เหมือนในความต่าง (ดาราฮอลลีวู้ด ยุคปี 80's)

ใครยังจำหนังเรื่องนี้ได้หรือไม่ The Last Dragon เป็นหนังฟอร์มเล็กๆ ในปี 1985 เข้ามาฉายในบ้านเรา ในยุคที่มีโรงหนังมินิเธียเตอร์ในห้างอย่างเช่น ชั้นล่างมาบุญครองชื่อว่า "เมเจอร์เธียเตอร์" ,โรงหนัง "โอเอ" อยู่ในสยามเซ็นเตอร์,โรงหนังเมเจอร์เธียเตอร์ที่อยู่ชั้น 6 เวิลด์เทรด (สมัยนั้นยังไม่เป็นเซ็นทรัลเวิลด์) ดูเรื่องนี้ในเมเจอร์เธียเตอร์ โหยสนุกมาก เหมือนดูหนังบรู๊ซลี แต่เป็นคนผิวดำเล่น ก็ดูแปลกตา ที่สำคัญเขาเล่นดี เล่นได้เหมือนนักบู๊จริงๆ จากนั้น เราก็ไม่ได้ดูหนังที่เขาเล่นอีกเลย กลายไปเล่นหนังซีรี่ย์ทางทีวีเป็นส่วนใหญ่ ในบทสมทบ

The Last Dragon (1985)  Action, Comedy, Drama Film  , Director : Michael Schultz , Writer :  Louis Venosta , Stars : Taimak , Vanity , Christopher Murney , etc.


THE LAST DRAGON พูดถึงฮีโร่หนุ่มน้อยนิสัยดี ลีรอย (ไทมัค) ที่ฝันอยากจะเป็นปรมาจารย์กังฟู แม้เขาจะเป็นคนผิวดำที่อาศัยอยู่ในย่านฮาเร็มกับครอบครัว แต่ลีรอยก็ใช้ชีวิตเหมือนคนจีน แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นในรูปแบบของไอ้มืดร่างยักษ์ที่เรียกตัวเองว่า “โชนัฟฟ์” เขามุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวเองให้เพื่อนบ้านได้ประจักษ์ว่าเขาคือปรมาจารย์กังฟู!!!

นักแสดงนำในเรื่องนี้ ชื่อ Taimak Guarriello  ประวัติพอสังเขปคือ
Born(1964-06-27) June 27, 1964 (age 52)
Los Angeles,California
NationalityAmerican
OccupationActor, Martial Artist, Stuntman
Years active1982-present

ตามข้อมูล เขาเป็นนักแสดงตัวประกอบมาก่อน เป็นนักแสดงบู๊ เชี่ยวชาญศาสตร์การต่อสู้หลายแขนง อาทิ เช่น คาราเต้ เทคอนโด้ จูจิตสึ  ปัจจุบันก็ยังอยู่ในแวดวงนี้ โดยเคยเล่นหนังและซีรีย์ทางทีวีหลายเรื่อง อาทิ เช่น Third Watch (2004), Beverly Hills 90210 (2000) , Red Shoe Diaries (1999), The White Girl (1990) , The Last Dragon (1985)  ในบท Leroy Green ที่แจ้งเกิดเขา และยังเคยไปเป็นสตั๊นในเวิลด์ทัวร์ให้กับศิลปิน มาดอนน่าด้วย (2004) และแสดงใน MV ของเจเน็ท แจ็คสัน ในเพลง Let's wait Awhile  ปัจจุบันเขายังคงเป็นนักแสดง และครูสอนศิลปะป้องกันตัว และต่อไปนี้เป็นภาพของ Taimak ในอดีตเปรียบเทียบกับปัจจุบัน ที่เขาดูไม่เปลี่ยนแปลงไปมาก และยังคงดูดีมากขึ้นด้วย ด้วยวัย 52 ปี ทำอะไรพี่เขาไม่ได้จริงๆ ผลจากการเล่นกีฬา และคงจะควบคุมอาหาร และดูแล ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ







และเช่นเดียวกัน ใครยังจำหนังเรื่องนี้ได้หรือไม่ The Emerald Forest เป็นหนังฟอร์มเล็กๆ ในปี 1985 (ปีเดียวกับหนังข้างต้น) เข้ามาฉายในบ้านเรา ถ้าจำไม่ผิด ยังอยู่ในยุคม้วนวีดีโอรุ่งเรือง ยุคนั้นเลยมีแผ่น Laser Disc เข้ามาแพร่หลายในบ้านเราแล้ว ดูหนังเรื่องนี้แล้ว หวนให้คิดถึงหนังอีกหลายเรื่อง ที่มีบรรยากาศคล้าย ๆ กัน อาทิ เช่น Tarzan,Jungle Book เมาคลีลูกหมาป่า,Avatar,Apocalypto etc. ปัจจุบันยังหา DVD หนังเรื่องนี้มาดูยังไม่ได้ 

The Emerald Forest (1985)  Action,Adventure,Drama Film  , Director : John Boorman , Writer :  Rospo Pallenberg  , Stars:  , ,  , Charley Boorman,  etc.          


เรื่องย่อ The Emerald Forest วิศวกรชื่อ บิล มาร์คแฮม เป็นหัวหน้าไซต์งานที่เข้าไปสำรวจพื้นที่ในป่าฝน ในประเทศบราซิล กับครอบครัว ซึ่งจะมีการลงหลักก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ ที่แท้ก็คือการสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ ซึ่งจะต้องมีการตัดไม้ทำลายป่า และขอความร่วมมือจากประชาชนพื้นที่บริเวณนั้นโดยรอบ แต่บริเวณนั้นมีชนเผ่าอะบอริจิ้นอาศัยอยู่ ด้วยการที่ไม่เข้าใจกัน การสื่อสารไม่รู้เรื่อง ทำให้ชนเผ่านั้นเข้าใจผิดว่ากำลังถูกคนแปลกหน้ารุกรานและนั่นหมายถึงถิ่นที่อยู่ ที่พักอาศัยของพวกเขากำลังถูกทำลาย จึงเป็นที่มาของการลักพาตัวเด็กชายน้อย ซึ่งเป็นลูกของบิล มาร์คแฮม หน.วิศวกรไป ภายหลัง 10 ปีผ่านไป บิล มาร์คแฮมได้กลับมาที่ป่าฝนแห่งนี้อีกครั้ง เพื่อมาตามหาลูกชายของเขา จึงเป็นที่มาของการผจญภัย และการต่อสู้ของกลุ่มนายช่างวิศวกรที่อยากจะมาตามทวงลูกชายคืน กับพวกชนเผ่าอะบอริจิ้น ลูกชายของเขาเมื่อเติบโตขึ้นกลายเป็นคนป่า และจำพ่อของเขาไม่ได้ จนต้องมีการพิสูจน์และสื่อสารให้ลูกชายเข้าใจและเป็นตัวกลางที่จะสื่อสารกับบรรดาชนเผ่าคนป่าเหล่านี้ให้เกิดความเข้าใจ

นักแสดงนำในเรื่องนี้ก็คือ Charley Boorman ประวัติโดยสังเขปของเขาก็คือ 
Born
Charley Boorman
(1966-08-23) 23 August 1966 (age 49)
Wimbledon, London, England
Occupation
Writer, television presenter, traveller
Years active
1972–present
Spouse(s)
Olivia Boorman (1990–present)
Doone
Kinvara
เขาเป็นนักแสดง,พิธีกรรายการทีวี (โดยเฉพาะเป็นรายการท่องเที่ยว)  เป็นนักเขียน, และเป็นนักบิดมอเตอร์ไซด์ ประมาณพวกแก๊งค์บิ๊กไบค์ของเขา เป็นนักท่องเที่ยวทางมอเตอร์ไซด์ตัวยง และนี่เป็นภาพในปัจจุบันของ Boorman ว่าแตกต่างจากวัยหนุ่มของเขาอย่างไร







ไม่มีอะไร เพียงแค่จะบอกว่า สังขารของคนเรา มันไม่เที่ยงจริงๆ ถ้าเราดูแลตัวเราของเราเองอย่างไร เราก็จะได้อย่างนั้น ไม่มีใครจะมากำหนดตัวคุณให้เป็นอย่างไรได้ เท่ากับตัวของคุณเอง 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น