หมวดนวัตกรรมหรือสิ่งประดิษฐ์แห่งยุคสมัย ในโพสต์นี้ของนำมาลงซัก 4-5 อย่างดูก่อน สิ่งเหล่านี้บางอย่างไม่ได้ถือกำเนิดในยุค 80's ก็มี แต่มาฮิตหรือเป็นที่แพร่หลายในยุค 80's ก็มี สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ได้แก่
1.เทปคาสเซ็ท หรือที่เรียกว่าตลับเทป มันเป็นแถบบันทึกเสียงที่เป็นแถบแม่เหล็ก เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ บริษํท Phillips เป็นผู้คิดค้นขึ้นได้ในปี 1962 หมายถึงวัสดุที่แบนยาวเคลือบด้วยสารแม่เหล็กใช้บันทึกสัญญาณเสียง เป็นวัสดุที่นิยมใช้ในการบันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ บันทึก เสียงได้ทั้งสองแถบและสามารถลบเสียงเดิมออกแล้วบันทึกเสียงใหม่ได้ ต่างจากแผ่นเสียงที่เมื่อบันทึกเสียงลงไปแล้วจะคงอยู่ตลอด ไปจนกว่าแผ่นเสียงจะสึกหรอหรือแตกหัก เทปบันทึกเสียง มี 3 ลักษณะ ได้แก่ 1.เทปม้วน (tape open reel-to reel) 2.เทปตลับแบบคาสเซท (tape cassette) 3.เทปตลับแบบ cartridge เทปคาสเซ็ทโดยทั่วไปบันทึกเสียงได้เฉลี่ย 30-45 นาที
2.วีดีโอเทป VHS (Video Home System) หรือแถบบันทึกภาพและเสียง ด้วยแถบแม่เหล็กในระบบอนาล็อก ถูกคิดค้นและพัฒนาโดยบริษัท JVC ในปี 1976 และต่อมาสหรัฐนำมาพัฒนาต่อในปี 1977 เจ้าม้วนวีดีโอโดยทั่วไปมีความยาว/บันทึกภาพและเสียงเฉลี่ยได้ 187 นาที ส่วน PAL กับ NTSC มันคืออะไร มันคือความละเอียดของสีภาพ ความละเอียดของภาพ ซึ่งจะต่างกันอยู่ โดยส่วนใหญ่ วีดีโอเทปที่แพร่หลายอยู่ในประเทศไทยจะเป็นระบบ PAL เป็นส่วนใหญ่
3-4. นาฬิกา G-Shock ของ Casio ค่ายญี่ปุ่น และนาฬิกา Swatch ของ Swatch Group ค่ายสวิตเซอร์แลนด์ ถือกำเนิดปีเดียวกันคือ 1983 -นาฬิกา จีช็อค เป็นยี่ห้อของนาฬิกาที่ผลิตโดยคาสิโอ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในเรื่องของความทนทานต่อการกระเทือน (เช่น การชนอย่างรุนแรง และ การสั่นสะเทือนอย่างหนัก) ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากแรงสั่นสะเทือนจากแรงโน้มถ่วงของโลก นาฬิการุ่นนี้ถูกออกแบบเพื่อการกีฬา การทหาร และกิจกรรมผจญภัย และเกือบทั้งหมดของทุกรุ่นของ G-Shock จะมีฟังก์ชันของ นาฬิกาจับเวลา นับเวลาถอยหลัง ไฟส่องสว่าง และ กันน้ำได้ นาฬิกา จี-ช็อค รุ่นแรกถือกำเนิดขึ้นในปี 1983 ซึ่งเป็นรุ่น Casio DW-5000C ถูกออกแบบโดย Kikuo Ibe [1] ซึ่งเป็นวิศวกรของ Casio ภายในแนวคิดที่ชื่อว่า “Triple 10 “ คิอ แบตเตอรี่ที่สามารถรองรับการใช้งานได้นานถึง 10ปี กันน้ำที่มีระดับแรงกดได้ 10 บาร์ และสามารถทนต่อแรงกระแทกจากการตกจากที่สูงได้ถึง 10 เมตร
-นาฬิกา สวอตซ์ ถูกคิดค้นและพัฒนาโดย Nicholas G. Hayek โดยรุ่นที่สร้างความฮือฮาให้กับผู้คนทั่วโลก ก็คือ สวอตซ์ ตัวเรือนที่ทำจากวัสดุ พลาสติก ทั้งเรือน ด้วยการออกแบบรูปลักษณ์ ดีไซน์ที่มีสีสันฉูดฉาด มีหลายสีให้เลือก และดูบางและเบา ตัวเรือนไม่ใหญ่เทอะทะ แต่ยังคงทน แข็งแรง และการใช้งานทนทาน ทำให้ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย และสนนราคาถูกลงมามาก ทำให้ผู้มีรายได้น้อยก็สามารถหาซื้อใส่ได้โดยง่าย กลายเป็นนาฬิกาสวิต ที่ผู้คนสามารถซื้อหาจับต้องได้ ซึ่งเป็นการตีโจทย์การตลาดที่สามารถตีตลาดเอเซียจนสำเร็จ ซึ่งนาฬิกายุโรปขึ้นชื่อเรื่องราคา สวอตซ์เป็นแบรนด์แรกๆ ที่สามารถตีตลาดเอเซียได้จากการพัฒนานาฬิกาที่มีการดีไซน์เก๋ ราคาถูก
5.Game Boy คิดค้นและพัฒนาโดย บ.นินเทนโด ของญี่ปุ่น เกมบอยรุ่นแรกสุดวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1989 ที่ประเทศญี่ปุ่น ใช้โปรเซสเซอร์แบบ Zilog Z80 และจอภาพ LCD ขาวดำ เล่นเกมจากตลับเกม ค.ศ. 1996 นินเทนโดได้วางขายเกมบอยพ็อกเก็ต (Game Boy Pocket) ที่ออกแบบให้มีขนาดเล็กลงและประหยัดพลังงานมากขึ้น หลังจากนั้น นินเทนโดก็ได้เริ่มวางขายเกมบอยคัลเลอร์ (Game Boy Color) ซึ่งก็ไม่ทำให้คนทั้งโลกผิดหวัง ด้วยหน้าจอสีที่แสดงสีได้มากถึง 65,000 สี และมีขนาดเล็กพกพาได้สะดวก
#รำลึกความทรงจำยุค 80's
หมวดวงการเพลง เพลงประกอบภาพยนตร์ หรือ ost. ในปี 1984 มีเพลงประกอบภาพยนตร์ฮิตๆ อยู่หลายเพลง ดังทั้งหนัง ดังทั้งเพลง มีเรื่องอะไร เพลงอะไรบ้าง ไปดูกัน เริ่มจาก Ghostbusters บริษัทกำจัดผี,Street of Fire,Footloose,Break Dance etc.
ไปย้อนทบทวนฟังเพลงเหล่านี้กัน ว่าคุณยังจำได้หรือเคยได้ยินกันบ้างมั๊ย
#รำลึกความทรงจำยุค 80's
หมวดวงการเพลง เพลงประกอบภาพยนตร์ไทย ที่โด่งดังในปี 2526,2527 ก็คือเพลงวันวานยังหวานอยู่ จาก ภ.ชื่อเดียวกันปี 2526 และเพลงดนตรีในดวงใจ,ยุโรป จาก ภ.วัยระเริง ปี 2527 ภาพยนตร์เรื่องวัยระเริง น่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกๆ ของไทยหรือเปล่าที่มีเพลงประกอบภาพยนตร์ที่คิด Theme มาให้เข้ากับเรื่อง และเป็นเพลงที่แต่งมาเพื่อให้เข้ากับภาพยนตร์ ไม่ใช่หยิบยืมจากเพลงที่มีอยู่แล้วมายัดใส่หนัง อันนี้เป็นความคิดของผู้เขียนเอง ถ้าถูกผิดขออภัยมาที่นี้ด้วย ไปฟังเพลงวันวานยังหวานอยู่ก่อน
#รำลึกความทรงจำยุค 80's
หมวดวงการเพลง เพลงประกอบภาพยนตร์ไทย ที่โด่งดังในปี 2526,2527 ก็คือเพลงวันวานยังหวานอยู่ จาก ภ.ชื่อเดียวกันปี 2526 และเพลงดนตรีในดวงใจ,ยุโรป จาก ภ.วัยระเริง ปี 2527 ภาพยนตร์เรื่องวัยระเริง น่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกๆ ของไทยหรือเปล่าที่มีเพลงประกอบภาพยนตร์ที่คิด Theme มาให้เข้ากับเรื่อง และเป็นเพลงที่แต่งมาเพื่อให้เข้ากับภาพยนตร์ ไม่ใช่หยิบยืมจากเพลงที่มีอยู่แล้วมายัดใส่หนัง อันนี้เป็นความคิดของผู้เขียนเอง ถ้าถูกผิดขออภัยมาที่นี้ด้วย
#รำลึกความทรงจำยุค 80's
หมวดวงการเพลง เรื่องที่ 3 ศิลปินที่เป็นตำนานระดับโลก ในปี 1983 มีศิลปินจากอังกฤษอยู่ 1 วงนามว่า YES เป็นวงแนวโพรเกรสซีฟร็อก ปล่อยซิงเกิ้ลแรกมาก็โด่งดัง ติดท็อปชาร์ทอันดับ 1 ของอังกฤษ และยังไปติดท็อป 100 ในบิลบอร์ดชาร์ท เคยสูงสุดอันดับ 8 และไปติดชาร์ททั่วยุโรป เรียกว่าดังจริง พอได้ยินอินโทร ก็จำได้เลย เพลงนี้ ไปฟังกัน
ในปี 1984 มีศิลปินตัวแม่ถือกำเนิด ขึ้นมาในยุทธภพ เธอคนนี้สร้างจุดขายที่แตกต่างด้วยรูปลักษณ์ การแต่งตัว บุคลิก แต่เรื่องคุณภาพการร้องไม่เป็นรองตัวแม่คนอื่นๆ แต่อย่างใด ไปลองฟังเพลงแจ้งเกิดของเธอกัน เพลงนี้
ในยุค 80's คงไม่มีใครไม่รู้จักดูโอ้คู่นี้ Wham เป็นคู่ดูโอจากอังกฤษ ก่อตั้งวงในปี 1981 โดยจอร์จ ไมเคิล และแอนดรูว์ ริดจ์ลีย์ ในสหรัฐอเมริกาจะมีชื่อเรียกว่า แวม! ยูเค เนื่องจากซ้ำกับชื่อวงอื่น แวม! มีผลงานอัลบั้มแรกชุด Fantastic แต่วงมาโด่งดังจริงหลังออกซิงเกิ้ลที่โด่งดังไปทั่วไป "Wake Me up Before You Go Go" ในปี 1984 จากนั้นจอร์จ ไมเคิล ก็เริ่มปูหนทางสู่การเป็นศิลปินเดี่ยว โดยออกเพลง "Careless Whi...sper" ซึ่งในสหรัฐอเมริกาใช้ชื่อว่า "จอร์จ ไมเคิล ออฟแวม!" ต่อมาในปี 1985 จอร์จ ไมเคิลประกาศแยกวง โดยมีการแสดงคอนเสิร์ตร่ำลาที่สนามกีฬาเวมบลีย์ มีผู้คนกว่า 72,000 คน หลังแตกวงไปจอร์จ ไมเคิล ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับการเป็นศิลปินเดี่ยว ส่วนแอนดรูว์ ริดจ์ลีย์ มีผลงานอัลบั้มชุด Son of Albert ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไร มีเพลงดังระดับเล็กน้อยชื่อ "Shake"
คนนี้คือศิลปินชายที่ดังที่สุดในยุค 80's กับผลงานเพลงเพราะๆ จำนวนมาก นั่นคือ Lionel Richie เป็นนักร้องชาวอเมริกัน , นักแต่งเพลง , นักดนตรี , โปรดิวเซอร์ , นักแสดง เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1968 , เขาเป็นนักร้องนำภายในวง คอมโมดอร์ส และเซ็นสัญญากับค่ายเพลง โมทาวน์เรเคิดส์ ภายหลังที่ไลโอเนลออกจากวงคอมโมดอร์ส ก็ทำผลงานอัลบั้มเดี่ยวในปี ค.ศ. 1982 ในชื่ออัลบั้ม Lionel Richie โดยอัลบั้มนี้สามารถขายได้มากกว่า 100 ล้านแผ่นทั่วโลก และทำให้เขากลายเป็นศิลปินที่มียอดขายอัลบั้มที่ดีในทุกช่วงเวลา เพลงดังที่แจ้งเกิดเขาเลยก็คือเพลงนี้
ศิลปินคนนี้เรียกได้ว่า คืออัจฉริยะ พรสวรรค์ล้วนๆ ตาบอดแต่เล่นเปียโน คีย์บอร์ดอย่างเทพ แถมเสียงดี เพลงดังของเขาไม่มีใครไม่รู้จัก ร้องตามได้ทั้งเพลง นั่นคือ สตีวี วันเดอร์ (Stevie Wonder มีชื่อตามเกิด Stevland Hardaway Judkins ภายหลังเปลี่ยนเป็น Stevland Hardaway Morris) เกิดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1950 เป็นนักร้องชาวอเมริกัน นักประพันธ์เพลง และโปรดิวเซอร์ดนตรี สตีวี วันเดอร์มีเพลงติด...ท็อปเท็น มากกว่า 30 เพลงในอเมริกา ได้รับรางวัลแกรมมี่ 22 ครั้ง ยังได้รับรางวัลออสการ์สาขาเพลงยอดเยี่ยม สตีวี วันเดอร์ตาบอดมาตั้งแต่เด็ก เขาเซ็นสัญญากับโมทาวน์ตั้งแต่อายุ 11 ปี และเริ่มแสดงและบันทึกเสียงกับค่ายเพลง โดยมีเพลงอันดับ 1 เพลงแรก Fingertips (Pt. 2) ตั้งแต่อายุ 13 ปี และมีเพลงอันดับ 1 ในอเมริการวม 9 เพลง มียอดขายอัลบั้มมากกว่า 100 ล้านชุด นอกจากนั้นเขายังเป็นนักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ให้กับศิลปินดังหลายๆ คน ตัวเขาสามารถเล่นดนตรีได้หลายชนิดเช่น กลอง ,เบสกีตาร์,ออร์แกน,ฮาร์โมนิกา,เปียโน,เครื่องสังเคราะห์เสียง และอื่นๆ โดยเฉพาะเสียงฮาร์โมนิกาของเขาที่เป็นเอกลักษณ์
เซอร์ เจมส์ พอล แม็กคาร์ตนีย์ (Sir James Paul McCartney) เกิดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 1942 เป็นนักร้องเพลงร็อกชาวอังกฤษ มือกีตาร์เบส นักประพันธ์เพลง โปรดิวเซอร์เพลง ผู้สร้างภาพยนตร์ นักลงทุน นักกิจกรรมต่อสู้ด้านสิทธิสัตว์ นักมังสวิรัติ เขามีชื่อเสียงอย่างมากในการเป็นสมาชิกวงเดอะบีทเทิลส์ ร่วมกับ จอห์น เลนนอน ,จอร์จ แฮร์ริสัน และ ริงโก สตาร์ เขาเกิดในครอบครัวชนชั้นแรงงานที่เมื...องลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ บิดาเป็นนักทรัมเป็ตและเปียโนในวงแจ๊สซึ่งสนับสนุนการเล่นดนตรีมาแต่เล็ก โดยเล่นทูบา เป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรกต่อมาเปลี่ยนเป็นทรัมเป็ต ต่อมาในยุคความนิยมดนตรีสกิฟเฟิล (Skiffle) พอลจึงหันมาเล่นกีตาร์ จนในยุคที่ร็อกแอนด์โรลโด่งดัง เพื่อนของเขา จอห์น เลนนอนจึงชวนมาตั้งวงที่ชื่อ "แควร์รี่ เมน" (Quarry Men) ต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อ เดอะบีทเทิลส์ จนโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งเขาและจอห์นก็ร่วมแต่งเพลงฮิตมากมายหลายเพลง เช่น Lady Madonna, Here Today, Wanderlust , Yesterday จนในปี 1970 วงเดอะบีทเทิลส์ก็แตกวงไป พอแยกมาทำอัลบั้มร่วมกับภรรยา ลินดา แม็กคาร์ตนีย์ ในชื่อ "วิงส์" (Wings) พอลได้รับการจดบันทึกในกินเนสบุ๊กว่า เป็นนักดนตรีและนักแต่งเพลงที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีป๊อป เขาได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำ 60 ครั้ง ขายได้กว่า 100 ล้านซิงเกิล และเพลง Yesterday ที่เขาร่วมแต่งกับจอห์นก็เป็นเพลงที่ถูกนำมาคัฟเวอร์มากที่สุดในโลก ถูกแพร่ภาพและเสียงในอเมริกากว่าเจ็ดล้านครั้ง ผู้เขียนชอบเพลงนี้ของพอลมาก ได้ยินเพลงนี้ทีไร ก็จะร้องตามตลอด
#รำลึกความทรงจำยุค 80's
หมวดวงการเพลง เรื่องที่ 5 อัลบั้มเพลงในความทรงจำ ในปี 2527 มีอยู่ 2 อัลบั้มเพลงไทยที่ดังที่สุดในยุคนั้นแล้ว ขายได้หลายล้านตลับ ร้องตามได้ทั้งอัลบั้มนั่นคือ อัลบั้ม เมดอินไทยแลนด์ของวงคาราบาว กับ อัลบั้มรวมดาว รวมศิลปินฝั่งอาร์เอส เป็นอมตะเพลงไทยลูกกรุง นำเอาศิลปินวัยรุ่นในยุคนั้นมาร้องเป็นเพลงคู่ ขอไปเริ่มที่ อัลบั้มเมดอินไทยแลนด์ กันก่อน
#รำลึกความทรงจำยุค 80's
หมวดวงการเพลง เรื่องที่ 3.ศิลปินระดับโลกที่เป็นตำนานและเรื่องที่ 4. เพลงในความทรงจำ เรียงคู่กันไปเลย ในช่วงปี 1983,1984 มีศิลปินและเพลงที่แจ้งเกิดคู่กัน ทั้งตัวเพลงและศิลปินอย่างแยกไม่ออก เลยจับ 2 หมวดมาอยู่ในเรื่องเดียวกันไปเลย โดยขอเริ่มกันที่ศิลปินคนนี้ เป็นศิลปินคนโปรดของผู้เขียนเองด้วย นั่นคือ Phil Collins ฟิล คอลลินส์ เริ่มเข้าสู่วงการเพลงครั้งแรก เมื่อเข้าไปออดิชั่นสมัครเป็นมือกลองให้กับวงเจเนซิส (Genesis) โดย ฟิล คอลลินส์มีส่วนร่วมในวงอย่าง...เต็มที่ ทั้งการแต่งเพลงและการตีกลองที่ยอดเยี่ยม ทำให้เจเนซิส ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ดังขึ้นไปอีก ทั้งในอเมริกา และอังกฤษ แต่แล้วในปีค.ศ. 1974 ปีเตอร์ แกเบรียล (Peter Gabriel)นักร้องนำได้ลาออกจากวง ทางวงจึงหานักร้องใหม่ ได้ทำการออดิชั่น 400คน ไม่เข้าตาสมาชิกในวงเลยแม้แต่น้อย ฟิล คอลลินส์จึงขอลองทดสอบดู ปรากฏว่าสมาชิกในวงถึงกับตะลึง ฟิล คอลลินส์จึงได้เป็นนักร้องนำแทนปีเตอร์ แกเบรียล และเป็นมือกลองควบคู่ไปด้วย ซึ่งก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีอยู่เช่นเดิม แม้ว่าจะต้องตีกลองไปด้วยร้องไปด้วยก็ตาม อัลบั้ม A Trick Of The Tail ที่เป็นอัลบั้มแรกของวงที่ฟิล คอลลินส์ รับหน้าที่ร้องนำ ต่อมาอัลบั้ม Duke ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน ในช่วงนี้ฟิล คอลลินส์อัลบั้มเดี่ยวของตนเองในปี 1981 เมื่ออายุย่างเข้า30ปี เป็นอัลบั้มแรกคือ Face Value อัลบั้มชุดนี้มีเพลงฮิตอย่าง In The Air Tonight และอีกมาก ในยุค80 นั้น ฟิล คอลลินส์มีเพลงฮิตหลายเพลงเช่น Sussudio,One More Night,Do You Remember,Groovy Kind Of Love,In The Air Tonight,Another Day In Paradise และเพลงอื่นๆที่ไปร่วมงานกับคนอื่นๆอย่าง Philip Bailey นักร้องนำวง Earth Wind & Fire ในเพลง "Easy Lover" แล้วก็ได้ไปตีกลองในงาน Band Aid ในเพลง Do You Know There A Christmas? ที่มีเซอร์ บ๊อบ เกลด๊อฟ และศิลปินยุค 80 ในยุคนั้นอย่าง ดูแรน ดูแรน,Spandau Ballet,ยูทู,คัลเจอร์ คลับ เป็นคนร้อง ซึ่งฟิลเองก็มีส่วนร่วมมาก แต่ในยุค 80 นั้นฟิล คอลลินส์ ก็ยังคงทำงานให้กับ เจเนซิสอยู่เสมอๆ ควบคู่ไปกับงานเดี่ยว ร่วมงานกับ เจเนซิสเป็นอัลบั้มสุดท้ายในปี 1992 อัลบั้ม We Can't Dance เพลงฮิตแกเยอะมาก ขอเลือกเพลงนี้ก็แล้วกัน ชอบสุดแล้ว ชื่อเพลง Take a look me now เป็น ost.ภ.เรื่อง Against All Odds ไปฟังกัน
คนนี้ คงไม่ต้องพูดถึงชื่อเสียง และความโด่งดัง เธอคือตัวแม่แห่งยุค 80's มาจนถึงยุคปัจจุบัน เมื่อปีกลายก็ได้มาเล่นคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ที่เมืองไทยด้วย นั่นคือ มาดอนน่า ประวัติของเธอคงเริ่มด้วย ในปี 1977 เธอย้ายจากบ้านเกิดที่เบย์...ซิตี้ รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ด้วยเงินติดตัวเพียง 35 ดอลลาร์ เธอบอกให้แท็กซี่พาเธอไปที่ ที่เป็นใจกลางของทุกสิ่ง จนเธอได้มาทำงานในร้านดังกิ้นโดนัทใน นิวยอร์ก ด้วยความหวังที่ว่า สักวันนึงเธอจะต้องดังให้ได้ เธอตะเกียกตะกายมาเรื่อยๆ
จนกระทั่งปี 1979 เธอได้งานเป็นนักแสดงในคณะ ละครเสียดสีสังคม ในช่วงนั้นเธอได้รู้จักกับแดน กิลรอย (Dan Gilroy) ต่อจากนั้นไม่นานนัก ทั้งสองตัดสินใจคบกัน ในฐานะคนรัก และได้ฟอร์มวงดนตรีขึ้นมา ชื่อว่า เดอะ เบรกฟาสต์ คลับ (The Breakfast Club) เริ่มแรกมาดอนน่าเล่น กลองและในเวลาต่อมาเธอก็ได้เป็นนักร้องนำ จนกระทั่งเธอกับแฟนเก่า สตีเฟ่น เบรย์ (Stephen Bray) ตั้งวงดนตรีขึ้นมาใหม่โดยใช้ชื่อว่าเอ็มมี่ (Emmy) แต่ด้วยความที่อยาก ออกอัลบั้ม มาดอนน่าและเบรย์จึงได้ลาออกจากวง และได้ทำเทปเดโมส่งไปให้มาร์ค คามินส์ (Mark Kamins) โปรดิวเซอร์ และดีเจ จนได้เซ็นสัญญากับไซร์ เรคคอร์ด (Sire Records) เป็นนักร้องเดี่ยว โดยมีซิงเกิลแรกคือ Everybody ที่ขึ้นไปได้ถึงอันดับ 3 ใน Billboard Dance Chart แล้วซิงเกิล Burning Up ก็ตามมาตอกย้ำความฮอท จนเธอได้ออกอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อของตัวเองเป็นชื่ออัลบั้ม เพลง Holiday เป็นเพลงแรกของเธอ ที่เข้าชาร์ท Billboard Hot100 จากนั้นมาเธอก็มีเพลงดังมาเรื่อยๆอย่าง Borderline และ Lucky Star ร่วมปูทางในเส้นทางสายดนตรีให้เธอได้อย่างสวยงาม อัลบั้มที่สอง Like A Virgin เธอได้เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นสาวเซ็กซี่ตามสไตล์มาริลีน มอนโร อัลบั้มนี้มีเพลงสร้างชื่ออย่างเช่น Like A Virgin, Material Girl, Dress You Up และ Angel และที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คือโชว์ Like A Virgin สุดหวือหวาในงานประกาศรางวัลเอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิก อวอร์ดส ปี 1984 (MTV Video Music Awards 1984) เธอใส่ชุดเจ้าสาวเดินควงตุ๊กตาเจ้าบ่าวตัวเท่าคนจริงเดินลงมาจากเค้กก้อนยักษ์ แล้ว กลิ้งไปมาด้วยลีลาเย้ายวนเธอได้กลายเป็นนักร้องซุปเปอร์สตาร์ที่ทั่วโลกรู้จักด้วยลุคอันจัดจ้านของเธอ มาดอนน่าสร้างสถิติอีกครั้งด้วยการพาเพลง Like A Virgin ขึ้นอันดับ 1 ยาวนานถึง 6 สัปดาห์ จนทำให้เธอได้กลายเป็นนักร้องซุปเปอร์สตาร์ที่ทั่วโลกรู้จักด้วยลุคอันจัดจ้านของเธอ เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังไปร้อง เพลง Crazy For You ประกอบภาพยนตร์วิชั่น เควส (Vision Quest) ไปฟังเพลงแจ้งเกิดของเธอกัน
คนนี้ดังเพลงเดียวแล้วก็เงียบหายไปกับกาลเวลา พอล ยัง (Paul Young) เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1956 เป็นนักร้องเพลงป็อปชาวอังกฤษ มีผลงานเพลงโด่งดัง อย่างเพลง "Wherever I Lay My Hat (That's My Home)" ที่ขึ้นอันดับ 1 บนยูเคซิงเกิ้ลส์ชาร์ต นาน 3 อาทิตย์ในช่วงฤดูร้อนปี 1983 และเพลงที่โด่งดังไปทั่วโลกในปี 1985 อย่างเพลง "Everytime You Go Away" ที่ติดอันดับ 1 บนบิลบอร์ดฮอต 100 ไพเราะแค่ไหนไปฟังกัน
วงนี้เป็นศิลปินที่ชอบอีกวงหนึ่ง มีเพลงฮิตมากวงหนึ่งเหมือนกันในยุคนั้น แต่มีอยู่เพลงนึง ผู้เขียนชอบมาก โด่งดังมากในปี 1985 ฟังทีไร ก็รู้สึกว่าเพลงนี้ไม่เคยล้าสมัยไปตามเวลาเลยจริงๆ ไปฟังกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น