วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สุดแค้นแสนเสียดาย เจ๊ติ๋ม vs กสทช.

กลายเป็นข่าวสะท้านสะเทือนทั้งวงการทีวีดิจิตอลกันเลย เมื่อคุณพันธุ์ทิพา ศกุนต์ไชย์ (หรือชื่อในวงการ “เจ๊ติ๋ม” ) เจ้าแม่สื่อทางด้านบันเทิง ที่เป็น 1ในผู้เล่นใหม่ในวงการทีวีดิจิตอล ออกมาประกาศว่าจะคืนไลเซ่นของช่องทีวีดิจิตอล จำนวน 2 ช่องที่ตนถือสิทธิ์ไปประมูลมาได้ โดยก่อนหน้านี้เคยประกาศว่าจะไม่จ่ายค่าสัมปทานงวดที่ 2 ที่เพิ่งถึงครบกำหนดจ่าย (เดตไลน์) ในวันที่ 25 พ.ค.2558 ที่ผ่านมานี้ โดยเธอประกาศกร้าวว่า “ใครจะจ่ายก็จ่ายไป แต่ช่องไทยทีวี กับโลก้า จะไม่ยอมจ่ายค่าสัมปทานให้กับ กสทช.” เนื่องจากเธออ้างว่า กสทช.ซึ่งในที่นี้ถือเป็นเจ้าของสัมปทานนั้น ไม่ได้ปฏิบัติตามแผนให้เป็นไปตามข้อตกลงหรือกติกา ที่เคยอ้างไว้เดิม ก่อนหน้าที่เธอจะมาประมูล ทุกอย่างผิดแผน ผิดคาด โดยเธอใช้คำแรงว่า เธอไม่คาดคิดว่า ธุรกิจนี้จะทำให้เธอประเมินผิด โดยผลของการก้าวเท้าผิดในครั้งนี้ ทำให้เธอขาดทุนจากผลประกอบการไปแล้วในปีที่ผ่านมาถึง 300 ล้านบาท เธอจึงไม่ยินยอมที่จะจ่ายค่าสัมปทานตลอดจนค่าเช่าสถานีอีกต่อไป แม้นว่าก่อนหน้านี้มีพันธมิตรร่วมอุดมการณ์เดียวกับเธออีกหลายช่องหลายสถานี พร้อมที่จะร่วมมือกับเจ๊ติ๋มด้วยการบอยคอตต์ไม่ไปจ่ายค่าสัมปทานหรือขอผ่อนปรนยืดระยะเวลาในการจ่ายเงินออกไป โดยให้เหตุผลเรื่องการเยียวยาผู้ประกอบการ ที่แผนงานต่างๆ กสทช.ไม่สามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนที่เคยอ้างไว้แม้แต่ข้อเดียว แต่เมื่ออัยการได้ทำจดหมายชี้แจงประเด็นเรื่องมาตรการเยียวยาด้วยการขอผ่อนปรนและยืดระยะเวลาการส่งค่าสัมปทานงวดที่ 2 ของผู้ประกอบการโดยรวมออกไป ซึ่งอัยการสูงสุดมีคำชี้แจงในประเด็นนี้ว่า กสทช.ไม่สามารถที่จะทำได้ หากว่า กสทช.ยินยอมออกมาตรการเยียวยาด้วยการผ่อนปรนหรือยืดระยะเวลาการส่งค่าสัมปทานออกไป จะเข้าข่ายเลือกปฏิบัติ และอาจโดยฟ้องในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ช่อง 7สีHD ได้เดินชิลล์ๆ หอบเงินจำนวนเกือบ 700 ล้านบาท ไปจ่ายให้กับ กสทช.เรียบร้อยเป็นเจ้าแรก ซึ่งกลายเป็นแรงกดดันให้ทั้ง กสทช.อัยการสูงสุด และผู้ประกอบการรายอื่นๆ จำต้องปฏิบัติตามในกติกาเดียวกัน และเมื่ออัยการสูงสุดออกมาชี้แจงประเด็นเรื่องนี้จนเคลียร์แล้ว ทำให้ กสทช.ประกาศใหม่ว่า ไม่สามารถเลื่อนหรือผ่อนปรน ยืดระยะเวลาการจ่ายค่าสัมปทานงวดที่ 2 ได้ นี่จึงเป็นที่มา หรือฟางเส้นสุดท้ายหรือไม่ที่ทำให้ เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ประกาศถอนตัว หรือทิ้งไพ่ใบสุดท้ายว่า ขอถอนไลเซ่นคืน แต่เกมนี้ไม่ง่ายในเมื่อ กสทช.ออกมาขู่แล้วว่า หากเบี้ยวจ่าย ทางเจ๊ติ๋ม อาจโดนยึดแบ็งคการันตี และมีสิทธิ์โดนฟ้องกลับด้วย  งานนี้ยังไงก็ต้องให้กำลังใจ เจ๊ติ๋มด้วย เพราะดูเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นใจและดูเหมือนไม่ยุติธรรมกับเธอเสียเลย ขอให้สู้ๆ ต่อไป กลับไปทำช่องทีวีดาวเทียม ทีวีพูลเหมือนเดิมก็ดีเหมือนกัน ผู้เขียนเองก็เคยเป็นแฟนรายการของช่องนี้มาก่อน ตอนมาทำทีวีดิจิตอลยังคิดตอนนั้นว่า เจ๊จะถนัดเหรอ ตอนนี้รู้แล้วว่า บุคลากรของเจ๊ติ๋มนี่ เหมาะกับการทำช่องทีวีพูลนั่นแหละเหมาะที่สุดแล้ว
 
ข่าวที่เกี่ยวข้องกับ กสทช. และ เจ๊ติ๋ม

-หลังจากที่ บอร์ด กสทช. เห็นชอบในหลักการ เลื่อนจ่ายเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอลงวดที่สองไปอีก 1 ปี เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ล่าสุดมีหนังสือสำคัญด่วนที่สุดที่ อส 0005/6086 จากสำนักงานอัยการสูงสุด ส่งตรงถึง กสทช. ระบุว่า กสทช. ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลื่อนการจ่ายค่าใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลงวดที่สองออกไป ตามที่ผู้ประกอบการโทรทัศน์ดิจิทัลเรียกร้องมา ใจความสำคัญหนึ่งระบุว่า ตามหลักเกณฑ์การประมูลใบอนุญาตทีวีดิจิทัล ข้อ 10 มีการกำหนดเงื่อนไขการจ่ายค่างวดเอาไว้ตายตัว มิได้เปิดช่องให้ กสทช. สามารถปรับเงื่อนไขได้ในภายหลัง และประกอบกับประกาศ คสช. ฉบับที่ 80 ที่บังคับให้ค่าใบอนุญาต ต้องส่งเข้าเป็นรายได้แผ่นดิน จึงทำให้ไม่มีมูลเหตุอันใดที่จะสามารถเลื่อนการจ่ายค่าใบอนุญาตออกไปได้  ทั้งนี้ อัยการสูงสุดชี้ว่า การเลื่อนการจ่ายค่าใบอนุญาตในรอบสองนี้ อาจจะเป็นการทำเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ที่ได้เปรียบและ/หรือเสียเปรียบในการแข่งขันและการประกอบธุรกิจ อีกทั้งการจ่ายค่าใบอนุญาต ก็เป็นไปตามเงื่อนไขที่ปรากฎอยู่ใน พรบ.กสทช. หาใช่นิติกรรมที่จะให้มาตราที่ 205 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งมาบังคับใช้ได้ ดังนั้นเมื่อประกอบกันทั้งสองเหตุผลแล้ว อัยการสูงสุดจึงชี้ว่า กสทช. ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลื่อนการจ่ายค่าใบอนุญาตออกไป อย่างไรเสีย อัยการสูงสุดได้ชี้ว่า หาก กสทช. ต้องการที่จะเลื่อนการจ่ายค่าใบอนุญาตออกไปจริง จะต้องมีการแก้ประกาศ กสทช. ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้สามารถเลื่อนการจ่ายเงินออกไปได้ หรือไม่ก็ต้องออกประกาศผ่อนผันเป็นลายลักษณ์อักษร และอ้างอิงไปยังประกาศฉบับดังกล่าวก่อนที่จะให้เลื่อนออกไปครับ  ที่มา - ผู้จัดการออนไลน์

-กสทช. เตือน“ไทยทีวี-โลก้า” เร่งจ่ายหนี้ทีวีดิจิตอล งวด2 รวม 288.47 ล้านบาท คิดเบี้ยว เจอโทษหนัก ด้าน ติ๋ม ทีวีพูล เล็งฟ้องกลับ หลังจากครบกำหนดชำระเงิน ค่าประมูลทีวีดิจิตอลงวด 2 (25 พ.ค.58) มีผู้ประกอบการมาจ่ายเงิน 22 ช่อง รวมเป็นเงิน 8,404.42 ล้านบาท มีเพียงบริษัท ไทยทีวี เจ้าของช่องไทยทีวี และช่องโลก้า (LOCA) ที่ยังไม่นำเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอลงวดที่ 2 จำนวน 288.47 ล้านบาทมาจ่าย  วันที่ 26 พ.ค.58 พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เผยว่า การที่ไทยทีวีไม่จ่ายเงินประมูลทีวีดิจิตอลงวดที่ 2 จะต้อง คิดดอกเบี้ยค่าปรับในอัตรา 7.5% ต่อปี รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบมาตรการต่างๆ ทั้งนี้ ตามขั้นตอน กสทช. จะส่งหนังสือแจ้งไปให้ไทยทีวีจ่ายอัตราดอกเบี้ยค่าปรับ 7.5% ต่อปี เมื่อครบ 1 ปีแล้ว ไม่ยอมจ่ายค่าปรับ จะมีมาตรการ ทั้งเตือน ปรับ และพักใช้ใบอนุญาต  ด้าน นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย (ติ๋ม ทีวีพูล) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยทีวี ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ แต่มีรายงานว่า บริษัทมีแผนจะยื่นฟ้อง กสทช. แต่ยังรอความชัดเจนจากนาง พันธุ์ทิพาก่อน  ที่มา - มติชนออนไลน์

เรื่องน่าเศร้าของเกมทีวีดิจิตอลนั้นมีปัญหาระหองระแหง หรือมีเค้าลางแห่งความหายนะมาตั้งแต่ยังไม่ทำคลอดออกมาแล้ว โดยในช่วงแรกมีนักวิชาการจำนวนมากได้เคยออกมาท้วงติง กสทช.และท้วงติงรัฐบาลซึ่งเป็นผู้กำกับองค์กรอิสระหน่วงงานนี้แล้วว่า หากประเทศไทยยังไม่มีความพร้อมในโครงสร้างพื้นฐานหรือเรื่องการบริหารจัดการที่ดีพอก็ไม่ควรที่จะเร่งรีบเปิดประมูลไลเซ่นทีวีดิจิตอล แล้วท่านก็ไม่ฟัง ลุกลี้ลุกลนที่จะเร่งทำให้ได้ โดยในตอนที่ประมูลได้ไลเซ่นกันไปแล้วในประเภทธุรกิจ 24 ช่องนั้น โครงข่ายของสถานีรับสัญญาณหรือ MUX ยังไม่ได้สร้างเลย หรือเริ่มสร้างสถานีโครงข่ายแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเจ้าไหนเสร็จครบสมบูรณ์เลย มีเพียง MUX-2 ของกองทัพบก กับ MUX-4 ของไทยพีบีเอส เท่านั้นที่มีความพร้อม สามารถสร้างสถานีรับสัญญาณได้แล้วเสร็จครอบคลุมครบทุกพื้นที่ได้ภายใน 1 ปี ส่วน MUX-1 ของกรมประชาสัมพันธ์ยังไม่คืบหน้ามากนัก และ MUX-3 ของอสมท.เสร็จช้าไม่ทันภายใน 1 ปี นี่เป็นปัญหาเพียงเรื่องเดียว ยังมีปัญหาเรื่องการแจกคูปองล่าช้า ปัญหาการไม่ประชาสัมพันธ์ให้เข้าใจเรื่องการเปลี่ยนผ่านสู่ทีวีดิจิตอลในพื้นที่ท้องถิ่นต่างจังหวัด ปัญหาการติดตั้งและรับชมจากกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลที่ไม่มีประสิทธิภาพพลอยทำให้คนจำนวนมากทิ้งใบคูปองไม่ไปแลก และยอมที่จะรับชมผ่านแพล็ตฟอร์มของทีวีดาวเทียมต่อไป ปัญหาของช่อง 3 อนาล็อคที่ลากเอา กสทช.ง่วนอยู่กับการโต้เถียงแก้เกมอยู่นานเป็นเวลา 2-3 เดือน จนเสียสมาธิที่จะไปจัดการปัญหาอื่นๆ พลอยให้งานด้านอื่นๆ ล่าช้าไม่เป็นไปตามกำหนดเวลา ปัญหาการวัดเรตติ้งและอัตราค่าโฆษณาไม่เข้าช่องทีวีดิจิตอล รายได้ไม่เป็นไปตามเป้าที่วางเอาไว้ อันเป็นผลจากความล่าช้าของโครงข่าย MUX และการแจกคูปองแลกกล่องรับสัญญาณล่าช้า และผลจากการอ่อนประชาสัมพันธ์อย่างมากๆ ของกสทช. ทั้งหลายเหล่านี้คือตัวบ่อนทำลายที่ทำให้ 1 ปีที่ผ่านไปของระยะเวลาเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ทีวีดิจิตอลนั้น แทบจะไม่มีความคืบหน้าใดๆ ที่ก่อให้เกิดความตื่นตัวหรือกระตุ้นต่อมของผู้คนต่อการเปลี่ยนแปลงในวงการทีวีนี้เลย หนำซ้ำผู้ประกอบการต่างๆ ที่วาดภาพสวยหรูถึงธุรกิจทีวีดิจิตอลเอาไว้ว่าจะทำให้เม็ดเงินรายได้ หรือเม็ดเงินโฆษณาโตเท่านั้น เท่านี้ เรตติ้งเท่านั้นเท่านี้ พลอยเหี่ยวเฉาไปหมด เพราะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ เอาไว้ ซึ่งไม่คุ้มกับรายได้ที่เข้ามา ทำให้ผู้เล่นรายใหม่เกือบทั้งหมดประสบผลขาดทุนจากการดำเนินงานในปีแรกอย่างถ้วนหน้า มีเพียงผู้เล่นเพียง 2-3 เจ้าเท่านั้นที่มีผลประกอบการเป็นกำไร ซึ่งก็คือช่องที่มีเรตติ้งเป็นผู้นำอยู่ในระบบนั่นเอง

ในขณะนี้ความอหังการ คุยโวของผู้เล่นหน้าใหม่ของทีวีดิจิตอลนั้น ไม่มีใครกล้าคาดเดาอนาคตของวงการทีวีบ้านเราได้อีกแล้ว ในเมื่อกฏเกณฑ์กติกามันพลิกผันเปลี่ยนแปลง ไม่เป็นไปตามที่คาดคิดเอาไว้ ใครจะกล้าสุ่มเสี่ยงลงทุนไปแบบไม่สามารถคำนวณผลตอบแทนได้อย่างแน่นอน คงไม่มีนักลงทุนคนใดทีจะกล้าสุ่มเสี่ยง เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากในธุรกิจนี้ในช่วงแรกให้อยู่รอดได้ เพราะไม่ใช่องค์กรการกุศลไม่แสวงหากำไร ยังไม่นับถึงการต้องสร้างจุดขาย หากลยุทธ์มาฟาดฟันกับช่องคู่แข่งเพื่อช่วงชิงเรตติ้ง จึงนับว่าเกมนี้แสนสาหัสจริงๆ อย่างที่เจ๊ติ๋มยอมถอดใจโบกมือลาไปก่อนในปีแรก แม้นว่าอายุสัมปทานจะยาวถึง 15 ปี นับแต่นี้ช่องที่เหลือจะฟันฝ่าอุปสรรค และเอาตัวรอดในอุตสาหกรรมหรือเกมนี้ได้อย่างไร เป็นเรื่องที่น่าติดตามและศึกษาต่อไป  

แผนผังนี้ คงพอจะเป็นภาพสะท้อนตัวอย่างได้ลางๆ ว่าในอนาคตจะมีทีวีดิจิตอลใดเหลือรอดในน่านน้ำสีแดงนี้บ้าง


หมายเหตุ ผู้อ่านสามารถเข้าไปชมบทวิเคราะห์เรื่องนี้ในลิ้งค์ของ ibizchannel ตรงนี้ได้เลย http://www.ibizchannel.com/viewall.aspx?cid=4877&lid=5&page=1 
ดิฉัน เข้าใจหัวอกเจ๊ติ๋มค่ะ เพราะดิฉันเคยโดนพวกมันแกล้งตอนเปิดทีวีดาวเทียม ดิฉันก็สู้กับมันจนหมดเนื้อหมดตัว
ทำทีวีไม่อยากหรอก ถามผมสิ ลงทุนไม่ต้องเยอะ ไม่ต้องหวังเรตติ้ง นับจำนวนวิวก็พอ
เดี๊ยน ยังภูมิใจว่าเรตติ้งช่องดิฉัน ชนะรายการ คสช.ทุกคืนวันศุกร์ นะคะ
พี่บอยครับ ตอนนี้สถานการณ์ของช่องเราเป็นยังไงครับจะสู้เขาได้มั๊ย เราก็มีละครไงที่เป็นตัวช่วยเรตติ้ง ละครดีดูที่ช่องวันเท่านั้น ครับ ดูที่ช่องอื่นไม่ได้แน่นอน ต้องดูที่่ช่องเราเท่านั้น อืมม์ พี่บอยครับ ผมไม่กล้าพูดต่อเลย.......

ยุทธ ช่วงนี้ช่องเราได้อีแย้มช่วยเอาไว้ได้เยอะเลยนะ ต่อจากนี้ต้องหวังพึ่งยุทธ มาช่วยออกหน้าจอให้ครบๆ ทั้ง 4 ช่องหน่อยสิจะได้ช่วยเรตติ้ง
เอาอย่างนั้นเหรอนายท่าน กลัวคนดูจะเบื่อผมหน่ะสิ   ไม่หรอกยุทธ ก็เหมือนตอนที่คนเห่อช่วงๆ กับหลินฮุ่ยแหละ เขาอยากดูทั้งวัน เอาโก๊ะตี๋มาออกคู่กันเลยนะ  



 

 
 
 
หมายเหตุ เจ๊ติ๋มจะแถลงข่าว และเปิดใจเรื่องนี้ในเวลา 17.00 น.วันที่ 26 พ.ค.2558 ที่สตูดิโอของช่อง ไทยทีวี โปรดติดตาม 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น