โลก 360 องศา - (แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น,แผ่นดินไหวซ้ำที่เนปาล,อเมริกันหนาวเมื่อจีนมีขีปนาวุธยิงไกลได้ทั่่วทุกจุดในอเมริกา,ซาอุถล่มเยเมน)

เอเอฟพี - เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 6.8 นอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นในตอนเช้าวันพุธ(13พ.ค.) อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่ได้ประกาศเตือนภัยสึนามิและเบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย แม้ขบวนรถไฟในพื้นที่ต้องระงับให้บริการชั่วคราว สำนักงานธรณีวิทยาสหรัฐฯระบุว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นตอน 6.12 น.ตามเวลาท้องถิ่น(ตรงกับเมืองไทย 04.12น.) ในมหาสมุทรแปซฟิก นอกชายฝั่งทางตะวันออกของเกาะฮอนชู ณ ความลึก 38.9 กิโลเมตร  แผ่นดินไหวดังกล่าวมีศูนย์กลางห่างจากโอฟูนาโตะ เมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด ทางตะวันออกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ราว 33 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามเบื้องต้นทางสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแดนปลาดิบชี้แจงว่าไม่มีภัยคุกคามของสึนามิจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวหนล่าสุดสามารถสัมผัสได้ครอบคลุมพื้นที่อันกว้างขวาง ในนั้นรวมถึงดินแดนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวใหญ่และสึนามินล้างผลาญเมื่อปี 2011 ที่คร่่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 18,000 ศพ และเกิดการหลอมละลายของแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ  อย่างไรก็ตามทางเอ็นเอชเค สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐของญี่ป่น รายงานว่าแผ่นดินไหวในวันพุธ(13พ.ค.) ไม่ได้ก่อความเสียหายแก่เตาปฏิกรณ์ไหนๆในพื้นที่ รวมถึงเตาปฏิกรณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ขณะที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งหมดของญี่ปุ่นถูกปิดใช้งานมาตั้งแต่กิดหายนะที่ฟูกูชิมะ  เจ้าหน้าที่เผยว่าขบวนรถไฟท้องถิ่น ในนั้นรวมถึง รถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็น ต้องระงับให้บริการชั่วคราวตามหลังแผ่นดินไหว  ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวบ่อยครั้งในแต่ละปี เนื่องจากเป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่บริเวณแผ่นเปลือกโลกหลายแผ่นมาชนกัน อย่างไรก็ตามด้วยที่มีกฎหมายควบคุมอาคารอย่างเข้มงวด ประกอบกับมีการซ้อมรับมือภัยพิบัติอยู่เป็นประจำ ก็ทำให้ปกติแล้วมักผ่านพ้นแผ่นดินไหวโดยปราศจากการสูญเสียหรือเกิดความเสียหายทางทรัพย์สินร้ายแรงใดๆ

เอเจนซีส์ - แผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงระดับ 7.3 ถล่มเนปาลซ้ำสองในวันอังคาร (12 พ.ค.) ติดตามด้วยอาฟเตอร์ช็อกรุนแรงอีกหลายระลอก รวมทั้งเกิดดินถล่มในบางพื้นที่ และอาคารหลายหลังซึ่งถูกโยกคลอนจากธรณีพิโรธครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 8 ทศวรรษเมื่อไม่ถึง 3 สัปดาห์ก่อนอยู่แล้ว ได้พังครืนลงมาในคราวนี้ ประชาชนต่างพากันแตกตื่นหนีภัยอลหม่าน สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 37 ราย และได้รับบาดเจ็บพันกว่าคน  แผ่นดินไหวขนาด 7.3 ครั้งใหม่นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.35 น. วันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่นของเนปาล (ตรงกับ 13.50 น.เวลาเมืองไทย) โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองนัมเช บาซาร์ ใกล้กับเทือกเขาเอเวอเรสต์และพรมแดนทิเบต และอยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุประมาณ 76 ก.ม. ทั้งนี้ จากรายงานของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ จากนั้นก็เกิดการสั่นสะเทือนครั้งที่สองวัดความรุนแรงได้ 6.3 โดยเกิดขึ้นหลังจากครั้งแรกราวครึ่งชั่วโมง และยังตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกอีกหลายระลอก  ท้องที่ต่างๆ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนครหลวงกาฐมาณฑุ น่าจะประสบกับฤทธิ์เดชของแผ่นดินไหวครั้งใหม่นี้รุนแรงที่สุด อีกทั้งสร้างความหวาดผวาให้แก่ประเทศที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ ที่ยังไม่ทันฟื้นตัวจากแผ่นดินไหวใหญ่คราวก่อนซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 25 เมษายนโดยมีความร้ายแรงระดับ 7.8 และสังหารผู้คนไปมากกว่า 8,150 คน ทำให้หมู่บ้านหลายแห่งพังราบทั้งหมู่บ้าน ผู้คนเรือนแสนกลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย ข่าวสารข้อมูลไหลเข้ามสู่กาฐมาณฑุด้วยความล่าช้าภายหลังธรณีพิโรธในช่วงเที่ยงวันอังคาร แต่เจ้าหน้าที่ทางการและหน่วยงานบรรเทาทุกข์ต่างๆ บอกว่า พวกเขาคาดหมายว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น จากนั้นอีกราว 4 ชั่วโมงต่อมา กระทรวงแถลงข่าวระบุว่ามีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 42 คน ก่อนที่จะแก้ไขตัวเลขให้ต่ำลงมาเหลือ 37 คน และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 1,139 คน  ขณะเดียวกัน ลักษมี ปราสาท ดากาล โฆษกกระทรวงมหาดไทยแถลงว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถดึงเอาผู้คนจำนวน 3 คนที่ติดอยู่ในซากปรักหักพังในเมืองหลวงออกมาได้สำเร็จ และกำลังช่วยเหลือผู้ที่ยังติดอยู่อีก 9 คนในอำเภอโดลข่า  รัฐบาลระบุว่า ได้รีบเร่งจัดส่งเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยไปยังท้องที่เขตเขา ซึ่งดินที่ถล่มลงมาตลอดจนอาคารที่พังครืนอาจจะฝังผู้คนอยู่ข้างใต้ ดากาล บอกว่า อำเภอสินธุปัลโชค และโดลข่า เป็นบริเวณที่ประสบภัยหนักหน่วงที่สุด  

โฆษกกระทรวงมหาดไทยผู้นี้แถลงว่า รัฐบาลยังไม่สามารถติดต่อกับประชาชนในบริเวณดังกล่าวได้ แต่รายงานเบื้องต้นบ่งชี้ว่า มีความเสียหายใน 2 อำเภอดังกล่าว โดยเฉพาะในเมืองโชทารา ในสินธุปัลโชคที่เกิดเหตุดินถล่มตามมาและมีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย  อย่างไรก็ตาม แผ่นดินไหวครั้งใหม่นี้มีศูนย์กลางที่อยู่ลึกกว่าคราวก่อน นั่นคืออยู่ในระดับความลึก 18.5 ก.ม. เปรียบเทียบกับครั้งเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ซึ่งอยู่ในระดับ 15 ก.ม. ทั้งนี้ศูนย์กลางของธรณีพิโรธซึ่งอยู่ตื้นกว่า มักก่อความเสียหายให้หนักหน่วงกว่า  กระนั้นก็ตาม แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดยังส่งแรงสั่นสะเทือนให้รับรู้ได้ถึงกรุงนิวเดลีของอินเดียที่อยู่ห่างออกไป 1,000 กิโลเมตร โดยมีรายงานว่า พบผู้เสียชีวิต 17 คนในภาคเหนือของอินเดีย ส่วนใหญ่ในท้องที่ของรัฐพิหาร นอกจากนั้นยังทำให้อาคารในทิเบตหลายหลังถล่ม และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย ในกรุงกาฐมาณทุ ท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัณ ซึ่งเป็นจุดเข้า-ออกหลักจุดเดียวสำหรับเครื่องบินที่นำความช่วยเหลือจากนานาชาติไปมอบให้แก่เนปาลนับจากปลายเดือนที่แล้ว ต้องปิดชั่วคราวเพื่อระวังไว้ก่อน  ส่วนที่โรงพยาบาลหลักในเมืองหลวงของเนปาล ผู้ได้รับบาดเจ็บจากแผ่นดินไหวครั้งที่แล้วถูกนำขึ้นรถเข็นเข็นออกนอกอาคาร แพทย์พยาบาลเร่งรีบตั้งเต็นท์ในลานจอดรถ ทั่วทั้งเมืองหลวงมีแต่เสียงแตรรถยนต์ดังระงม เนื่องจากประชาชนรีบกลับไปหาครอบครัว

ตำรวจเนปาลเรียกร้องให้ประชาชนอยู่นอกอาคาร รวมทั้งอย่ากีดขวางเส้นทางสัญจร และพยายามใช้โทรศัพท์มือถือเฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น หรือใช้วิธีส่งข้อความสั้นแทนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเครือข่ายสัญญาณติดขัด  ขณะที่ทีมกู้ภัยนานาชาติหลายทีมที่เพิ่งเดินทางกลับถึงบ้านเกิดกำลังพิจารณาเดินทางกลับไปช่วยเนปาลอีกรอบ  นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูแห่งอิสราเอล กล่าวระหว่างพิธีต้อนรับตัวแทนทีมกู้ภัยทางทหารที่เพิ่งเดินทางถึงกรุงเทลอาวีฟว่า บุคลากรเหล่านี้เตรียมพร้อมเดินทางกลับไปช่วยเนปาล หากจำเป็น  เช่นเดียวกัน ดี วอจเท็ค วิลค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเซนเตอร์ ฟอร์ อินเตอร์เนชันแนล เอด ของโปแลนด์ เผยว่า พร้อมส่งทีมแพทย์ที่กำลังจะเดินทางถึงกลับไปยังเนปาลอีกครั้งทันที  ทางด้านโฆษกกองทัพอากาศอินเดียแถลงว่า ได้ส่งเครื่องบินมิก 17 ลำหนึ่งที่ยังอยู่ในกาฐมาณฑุ ทำการบินประเมินความเสียหายในนัมเช บาซาร์ เพื่อวางแผนกู้ภัยและให้ความช่วยเหลือต่อไป
       
เอเจนซีส์-กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ออกรายงานฉบับใหม่ เกี่ยวกับแสนยานุภาพทางทหารของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยยอมรับเป็นครั้งแรกว่า ขณะนี้จีนมีขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ ซึ่งสามารถ “ยิงถล่มเป้าหมายในสหรัฐฯได้ทุกจุด” ยกเว้นเพียง มลรัฐฟลอริดา รายงานดังกล่าวระบุว่า จีนได้ใช้เวลาตลอดหลายปีที่ผ่านมาในการเสริมเขี้ยวเล็บและปรับปรุงกองทัพของตนให้ทันสมัยซึ่งรวมถึงการซุ่มพัฒนาเทคโนโลยีด้านขีปนาวุธและขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ โดยข้อมูลข่าวกรองล่าสุดที่ปรากฏในรายงานของเพนตากอนชี้ว่า ขีปนาวุธพิสัยไกลของจีนแบบ “CSS-4”ซึ่งรองรับการติดหัวรบนิวเคลียร์นั้น ถูกพัฒนาให้สามารถยิงถล่มเป้าหมายทุกแห่งบนแผ่นดินอเมริกันได้แล้ว ยกเว้นแต่เพียงมลรัฐฟลอริดาเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ยังคง “ปลอดภัย” จากขีปนาวุธ “เมด อิน ไชน่า” รายงานของเพนตากอนยังระบุว่า ทางการจีนได้สร้าง “ไซโล” เก็บขีปนาวุธดังกล่าว กระจายไปในหลายพื้นที่ทั่วประเทศรวมถึงในกรุงปักกิ่ง แทนการเก็บไว้รวมกันในที่เดียวซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการถูกโจมตี และว่าจนถึงขณะนี้จีนอาจมีจำนวนของ “ขีปนาวุธข้ามทวีป” อยู่ในครอบครองระหว่าง 50-60 ลูก ก่อนหน้านี้ รายงานประจำปีที่ทางการสหรัฐฯจัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอต่อสภาคองเกรสส์เมื่อไม่นานนี้ระบุว่า จีนได้สร้างอากาศยานรบไร้นักบิน (โดรน) ไว้มากถึงเกือบ 42,000 ลำทั้งแบบที่ปล่อยจากพื้นดิน รวมถึงแบบที่สามารถปล่อยจากเรือรบกลางทะเล
 

 

เอเอฟพี - บังกลาเทศพบพลเมือง 116 คน บางคนล้มป่วยจากการขาดอาหาร อยู่บนเรืออวนลากลำหนึ่งที่ลอยเคว้งอยู่ในอ่าวเบงกอลเมื่อวันอังคาร(12พ.ค.) หลังจากถูกขบวนการค้ามนุษย์ทิ้งกลางทะเล ในเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่มาเลเซีย เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าเรือลาดตระเวนร่วมระหว่างกองทัพเรือและหน่วยป้องกันชายฝั่งได้เข้าควบคุมเรืออวนลากลำดังกล่าวใกล้เกาะเซนต์มาร์ติน ทางใต้สุดของบังกลาเทศติดกับน่านน้ำของพม่า "มีผู้อพยพผิดกฎหมาย 116 คนในเรืออวนลาก พวกเขาทั้งหมดเป็นชาวบังกลาเทศ" ดิคสัน ชอฮูรี ผู้บังคับการสถานีป้องกันชายฝั่งบอกกับเอเอฟพี ชอฮูรีเล่าว่าคนเหล่านั้นติดอยู่บนเรืออวนลากที่ลอยเคว้งอยู่นอกชายฝั่งบังกลาเทศมาหลายสัปดาห์ เพื่อรอออกเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตราย มุ่งหน้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจำนวนมากไม่ได้รับประทานอาหารมาหลายวันแล้ว "พวกเขาอยู่บนเรือมานานแล้ว ไล่ตั้งแต่ 15 วันไปจนถึง 3 เดือน บางคนไม่ได้กินอะไรนอกจากน้ำมาอย่างน้อยๆ 7 วันแล้ว บางคนถูกพบในสภาพที่ผอมแห้ง"  ผู้บังคับการสถานีป้องกันชายฝั่งรายนี้เผยต่อว่าพวกลูกเรือที่เชื่อว่าน่าจะเป็นชาวพม่า ได้ทิ้งเรืออวนลากในตอนเช้าวันอังคาร(12พ.ค.) หลังถูกพบและไล่ล่าโดยกองเรือลาดเตระเวนชายแดนของบังคลาเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่เผยว่าผู้อพยพมีพื้นเพกระจายทั่วบังกลาเทศ และต้องการมุ่งหน้าสู่มาเลเซียเพื่อชีวิตที่ดีกว่า "มีเด็กอายุ 16 และ 17 อยู่บนเรือด้วย เช่นเดียวกับชายชราอายุ 60 ปี" ส่วนเจ้าหน้าที่ป้องกันชายฝั่งอีกคนบอกว่าเรือลาดตระเวนร่วมระหว่างกองทัพเรือและหน่วยป้องกันชายฝั่ง ได้เข้าควบคุมเรืออวนลากลำนี้ตอนเวลา 17.30 น.(ตรงกับเมืองไทย 18.30น.) "เราทราบว่ามันกำลังมุ่งหน้าสู่มาเลเซีย พร้อมกับผู้อพยพผิดกฎหมาย" การตรวจพบครั้งนี้มีขึ้น หลังจากมีผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาและบังกลาเทศเกือบ 2,000 คน ได้รับการช่วยเหลือขึ้นฝั่งมาเลเซียและอินโดนีเซียในช่วงไม่กี่ที่ผ่านมา หลังจากที่ไทยซึ่งเป็นประเทศเชื่อมต่อสำคัญมีมาตรการกวาดล้างเครือข่ายค้ามนุษย์อย่างจริงจัง ตามหลังมีการพบค่ายชาวโรฮีนจาและหลุมฝังศพหมู่ซ่อนอยู่กลางป่าลึกในภาคใต้
ในทุกปี จะมีชาวบังกลาเทศและชาวโรฮีนจาจากพม่าหลายพันคน พยายามเดินทางจากเมืองเทคนาฟ ชายฝั่งทางใต้ของบังกลาเทศ ไปยังมาเลเซีย โดยพวกเขาต้องจ่ายเงินสูงสุด 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯให้แก่ขบวนการค้ามนุษย์ ที่ล่อลวงพวกเขาด้วยการให้ความหวังว่ามีงานรายได้ดีรออยู่ในแดนเสือเหลือง ซึ่งเป็นชาติที่มีชาวมุสลิมเป็นชนกลุ่มใหญ่เหมือนกับบังกลาเทศ  กลุ่มสิทธิมนุษยชนบอกว่ามีผู้อพยพหลายพันคนที่ต้องเสียชีวิตระหว่างการเดินทางราว 3,200 กิโลเมตรที่มุ่งหน้าสู่มาเลเซีย และอีกจำนวนมากไปตกอยู่ในเงื้อมมือของขบวนการค้ามนุษย์ ตามหลังการพบหลุมฝังศพหมู่ในไทย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจและกองกำลังตระเวนชายแดนบังกลาเทศ ได้ลงมือปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ทันที และมีสมาชิกแก๊งค้ามนุษย์ 5 รายถูกวิสามัญฆาตกรรม และอีก 5 คนถูกจับกุม
    
เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ตัวเลขผู้เสียชีวิตพุ่งเป็นอย่างน้อย 69 ศพในเหตุระเบิดสนั่นหวั่นไหว ตามหลังการโจมตีทางอากาศของพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบียต่อคลังแสงแห่งหนึ่งชานกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่ในวันอังคาร(12พ.ค.) ก็ยังเดินหน้าถล่มทิ้งทวน ก่อนเส้นตายหยุดยิงชั่วคราวจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า  สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างคำสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ในภาคสนามบอกว่าจนถึงตอนนี้พบมีผู้เสียชีวิต 69 คนและบาดเจ็บมากกว่า 250 คน โดยส่วนใหญ่เป็นพลเรือน หลังจากเบื้องต้นยอดผู้เสียชีวิตยังอยู่แค่ 5 รายและบาดเจ็บ 20 คน อย่างไรก็ตามมีความกังวลว่ายอดที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้มาก เนื่องจากรอยเตอร์อ้างรายงานข่าวของสำนักข่าวซาบาที่สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคนหนึ่งระบุเหตุโจมตีทางอากาศของพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบียต่อฐานเก็บจรวดของกบฏในกรุงซานาเมื่อวันจันทร์(11พ.ค.) คร่าชีวิตผู้คนไป 90 ศพและบาดเจ็บมากกว่า 300 คน ซึ่งหากมันได้รับการยืนยัน มันจะกลายเป็นการทิ้งระเบิดปลิดชีพผู้คนมากที่สุดในคราวเดียว นับตั้งแต่สงครามเยเมนเริ่มต้นขึ้น ชาวบ้านบอกว่ามีการระเบิดอย่างต่อเนื่อง ณ ฐานทัพทหารแห่งหนึ่งบริเวณภูเขาโนกุม ชานเมืองทางตะวันออกของเมืองหลวงเยเมน จนถึงเที่ยงวันของวันอังคาร(12พ.ค.) หลังถูกโจมตีโดยเครื่องบินรบของพันธมิตรตั้งแต่ช่วงค่ำวันจันทร์(11พ.ค.) ซึ่งก่อให้เกิดการระเบิดรุนแรง ส่งเศษซากหักพังปลิวไปตกในพื้นที่ชุมชนซึ่งตั้งอยู่บริเวณตีนเขา ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พันธมิตรอาหรับได้เคยโจมตีฐานเก็บขีปนาวุธของฝ่ายกบฏในกรุงซานา ทำให้เกิดการระเบิดจนมีผู้เสียชีวิต 38 ราย ได้รับบาดเจ็บ 532 ราย ขณะที่เหตุโจมตีในวันจันทร์(11พ.ค.) มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง ก่อนหน้าการหยุดยิงชั่วคราวจะเริ่มต้นขึ้น  การหยุดยิง 5 วัน จะเริ่มขึ้นในเวลา 23.00 น. ของวันอังคาร(12พ.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น(ตรงกับเมืองไทย 03.00น.) เพื่อเปิดโอกาสให้มีการส่งสิ่งของความช่วยเหลือเข้าไปบรรเทาทุกข์แก่ชาวบ้าน ในวันอังคาร(12พ.ค.) ชาวบ้านในกรุงซานา บอกว่าพบเห็นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ 3 เที่ยวต่อฐานทัพแห่งหนึ่งของกองทหารที่เป็นพันธมิตรกับพวกฮูตีในบริเวณทางเหนือของเมือง ส่งกลุ่มควันลอยพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ส่วนที่เมืองเอเดน ทางภาคใต้ของประเทศ ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าพันธมิตรได้ทิ้งระเบิดถล่มฐานที่มั่นต่างๆของพวกฮูตี ขณะที่กลุ่มติดอาวุธท้องถิ่นกำลังสู้รบกับพวกกบฏภายในเมืองและทั่วทั้งภาคใต้ของเยเมน  เยเมนเป็นชาติอาหรับที่มีฐานะยากจนที่สุด แต่ตั้งอยู่ใกล้เส้นทางขนส่งทางทะเลสำคัญและมีพรมแดนติดกับซาอุดีอาระเบีย ประเทศนี้เข้าสู่วิกฤตในปีที่ผ่านมาเมื่อกบฏฮูตีนิกายชีอะต์ที่มีอิหร่านหนุนหลัง บุกเข้ายึดกรุงซานา และปลายเดือนมีนาคม กลุ่มพันธมิตรประเทศอาหรับที่นับถือนิกายสุหนี่นำโดยซาอุดีอาระเบีย เริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกบฏกลุ่มนี้ ภายใต้เป้าหมายในการเรียกคืนอำนาจให้แก่ประธานาธิบดีอาเบดรับโบ มานซูร์ ฮาดี ที่ได้หลบหนีไปยังซาอุดีอาระเบีย หลังจากถูกกลุ่มกบฏรุกคืบเข้าประชิดเมืองเอเดนที่เป็นแหล่งหลบภัยของเขา  กลุ่มพันธมิตรได้ทิ้งระบิดใส่กบฏฮูตีและหน่วยทหารบกที่ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดี อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ มาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม แต่ได้ลดระดับการโจมตีลงในช่วงปลายเดือนเมษายน และเมื่อวันศุกร์(8พ.ค.) พวกเขาได้เสนอการหยุดยิง 5 วันที่จะเริ่มต้นในวันที่ 12 พฤษภาคม