วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อากับหลานคุยกัน ตอนที่ 2 (อีแย้มให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสามสลึง)


เสียงกดกริ่ง (ออดๆๆๆ)  หน้าบ้าน เสียงดังจนยายแย้มหนวกหูรำคาญ จึงเดินออกมาดูที่หน้าประตูรั้วบ้าน

 

ถาปะนอยด์   :   สวัสดีค่ะ...คุณยาย หนูมาจากสำนักข่าวสามสลึงนะค่ะ จะขอรบกวนเวลาคุณยายสักแป๊บเดียว เพื่อขอสัมภาษณ์คุณยายจะได้มั๊ยค่ะ

 

 
 
อีแย้ม :  เอ้า...กูนึกว่าใคร อีนอยด์นี่เอง มึงจะมาสัมภาษณ์อะไรกู กูกำลังขัดส้วมอยู่ ทำไมเสือกมาเวลานี้วะ กูไม่ว่างอยู่โว้ย

 

ถาปะนอยด์  :  อืมม์....คุณยาย หนูขอสัมภาษณ์ซัก 15 นาทีจะได้มั๊ยค่ะ เสร็จแล้วหนูจะกลับทันทีค่ะ ไม่รบกวนคุณยายอีก

 

อีแย้ม :  จะเอาอย่างนั้นหรือวะ งั้นมึงเข้ามานั่งในบ้านกูก่อน มาๆ....กินน้ำกินท่าก่อน

 

ถาปะนอยด์ :  คุณยายขา หนูขอนั่งสัมภาษณ์ตรงหน้าบ้านนี้ก็ได้ค่ะ ไม่อยากรบกวน

 

อีแย้ม :  ไม่ได้ อีนี่ยังงัยของมึงนะ อุตส่าห์จะมาสัมภาษณ์กูแล้ว ก็เข้ามานั่งคุยในบ้านสิวะ เดี๋ยวคนอื่นเห็น จะมาหาว่ากู ไม่ต้อนรับแขก เข้ามาๆ ให้มันเป็นกิจลักษณะ เป็นการเป็นงานหน่อยสิมึง ไหนๆ ก็จะมาติดต่อขอสัมภาษณ์กูแล้วเนี่ย ถึงกูจะไม่ใช่คนดัง แต่กูก็ให้เกียรติคนอื่นเสมอ

 

“นี่กูนึกว่า มึงยังเรียนไม่จบ ไปไงมาไงหล่ะ ฮะ..ถึงมาเป็นนักข่าว"

 

ถาปะนอยด์  :  ผู้สื่อข่าวก็ถือเป็นอาชีพนึงค่ะคุณยาย ที่หนูใฝ่ฝันอยากจะทำมานานแล้ว หนูเรียนจบมาทางด้านนี้ด้วยค่ะ

 

อีแย้ม  : เอ้าแล้วนี่แม่มึง ยังขายหอยทอดอยู่ในตลาดอยู่หรือเปล่า กูไม่ได้เห็นแม่มึงนานแล้ว

 

ถาปะนอยด์  :  ยังขายอยู่ค่ะ แต่แม่ย้ายสถานที่ขาย  ไปขายอยู่ข้างห้างบิ๊กซีแทนอ่ะค่ะ

 

อีแย้ม  :  อ๋อ... แม่มีงยังสบายดีอยู่ใช่มั๊ย    

 

ถาปะนอยด์ :   คุณแม่ไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่แกก็ยังอยากค้าขายอยู่เหมือนเดิม ไม่ยอมเลิก หนุบอกให้คุณแม่เลิกขาย แล้วหยุดมาอยู่ที่บ้าน แต่แกก็ไม่ยอม บอกว่ายังพอมีแรงทำได้อยู่

 

อีแย้ม :  เอ้า...แล้วนี่มึงจะมาสัมภาษณ์อะไรกูหล่ะ รีบๆ เข้า กูยังขัดส้วมไม่เสร็จ

 

ถาปะนอยด์ :   คุณยายขา หนุจะสอบถามความคิดเห็นเรื่องประเด็นโรฮิงญาอ่ะค่ะ ว่าคุณยายมีความคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

 

อีแย้ม  :  มึงจะกินยา มึงเป็นอะไรหล่ะ ไม่รู้ในบ้านกูจะมีหยูกยา รักษาโรคของมึงมั๊ย

 

 
ถาปะนอยด์  :   ไม่ใช่คะ คุณยาย หนุหมายถึง โรฮิงญา เหล่าชาติพันธุ์ที่เขาหลบหนีเข้ามาอาศัยอยุ่ในบ้านเราอ่ะค่ะ 

 

อีแย้ม  :   โรตีจา หรอกหรือ  ใช่มั๊ย       ถาปะนอยด์  :  ไม่ใช่คะ คุณยายรู้จัก “โรฮิงญา”  เคยได้ยินหรือทราบข่าวเกี่ยวกับบุคคลกลุ่มนี้มั๊ยคะ

 

อีแย้ม :  ก็ไอ้พวกโรตี ที่แอบหลบหนี มาจากพม่า ใช่มั๊ยหล่ะ  ที่พวกพม่าก็ไม่เอามัน มันหนีไปไหนก็ไม่มีใครเอามัน ใช่มั๊ยหล่ะ

 

ถาปะนอยด์ : ใช่แล้วค่ะ คุณยายเข้าใจถูกแล้วค่ะ กลุ่มคนพวกนี้แหละที่หนุจะมาขอสอบถามความคิดเห็น

 

อีแย้ม :  กูรู้ กูก็ติดตามข่าวเหมือนกัน แต่กูเรียกคนพวกนี้ว่า โรตีจา มันเป็นแขกอินเดียไม่ใช่เหรอ

 

ถาปะนอยด์  : ไม่ใช่ค่ะ พื้นเพเขาเป็นชนชาติบังคลาเทศค่ะ

 

อีแย้ม :  ก็เหมือนกันหน่ะแหละ ก็เมื่อก่อนบังคลาเทศก็เป็นส่วนหนึ่งของอินเดียไม่ใช่เหรอ ยุคล่าอาณานิคม อังกฤษมันเข้ามาปกครองดินแดนแถบนี้ทั้งหมด โดยเฉพาะอินเดีย แล้วพอมันจะเข้ามายังพม่าต่อ มันกลับใช้คนพวกนี้เข้าไปปกครองพม่าแทน พวกนี้ก็เลยเข้าไปกดขี่ ข่มเหงคนพม่าเมื่อสมัยก่อน พอพม่าได้รับอิสรภาพในเวลาต่อมา จึงไม่ยอมรับสถานภาพของคนกลุ่มนี้ ไม่ยอมรับว่าเป็นคนร่วมชาติของเขา จึงเป็นที่มาของการขับไล่ไสส่ง ผลักดันพวกคนกลุ่มนี้ออกนอกประเทศ แต่คนกลุ่มนี้จะกลับไปยังบังคลาเทศบ้านเกิดของตนเอง บังคลาเทศก็ไม่ยอมรับอีก อ้างว่าคนกลุ่มนี้ได้อพยพย้ายถิ่นฐานออกไปนานแล้ว

 

ถาปะนอยด์ :  บังคลาเทศเป็นประเทศที่ยากจน ไม่สามารถดูแลประชากรของเขาที่มีอยู่จำนวนมากให้มีฐานะกินดีอยู่ดีได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้คนกลุ่มนี้กลับมาอีก ทำให้โรฮิงญาถูกกดดันทั้ง 2 ด้าน สุดท้ายจึงตัดสินใจว่าจะต้องขอลี้ภัยไปอยู่ยังประเทศที่สาม และจุดหมายปลายทางที่เขาอยากไปก็เป็นประเทศตะวันตก หรืออาเซี่ยน แต่ไม่มีประเทศไหนอยากจะรับคนกลุ่มนี้เลย เขาจึงลอบหลบหนีเข้ามา และประเทศไทยก็เป็นทางผ่านที่เขาอยากจะมาพักพิงก่อน ระหว่างที่รอขออนุญาตลี้ภัยไปประเทศที่สาม แต่ชะตากรรมช่างโหดร้าย พวกเขาได้กลายเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง พอรัฐบาล คสช.ทราบปัญหา จึงทำการปราบปรามขนาดหนัก เพราะปัญหาค้ามนุษย์จะสร้างผลกระทบต่อการกีดกันทางการค้าของประเทศตะวันตก ซึ่งจะมีผลไปถึงไม่สามารถส่งออกสินค้าไปยังประเทศโลกตะวันตกได้ แต่ข่าวมันออกไปทั่วโลกว่า ชาวโรฮิงญามาตายในบ้านเราจำนวนมาก ด้วยการเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศไทย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางภาครัฐร่วมรู้เห็นเป็นใจ  ภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตาชาวโลก จึงกลายเป็นว่าเราเป็นศูนย์กลางของธุรกิจค้ามนุษย์และการที่รัฐบาลคสช.เข้ามาปราบปรามอย่างหนักในช่วงนี้ ทำให้ต่างชาติมองว่าเราต้องการผลักดันคนกลุ่มนี้ให้ออกไปจากราชอาณาจักร ด้วยกรรมวิธีต่างๆ ที่โหดร้ายทารุณ จนถึงขั้นเสียชีวิต เขาเลยมองว่าประเทศเรากระทำการละเมิดหรือขัดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง

 

อีแย้ม :  ใครหล่ะ ใครที่มันกล่าวหาเราเช่นนั้น

 

ถาปะนอยด์ :  พวกองค์กรสิทธิมนุษย์ชน หรือ Human Right Watch อ่ะค่ะ

 

อีแย้ม :  แล้วทำไมเราจะต้องไปเต้นตามมันด้วยหล่ะ  ไอ้ Human, what like อะไรของมึงหน่ะ มึงไม่รู้หรอกหรือว่า มันเป็นพวกขี้ข้าของสหรัฐและชาติตะวันตก  ชาติตะวันตกใช้ไอ้คนพวกนี้เป็นเครื่องมือกดดันประเทศเล็กๆ อย่างพวกเรา เวลาเขาต้องการให้เราทำตามกุศโลบายหรือทิศทางของเขา มึงทำไมจะต้องดัดจริตไปเต้นตามมันทำไมหล่ะ

 

ถาปะนอยด์ :  หนูไปดัดฟันมาค่ะ คุณยายขา ไม่ใช่ดัดจริต หนูจึงอยากสอบถามความคิดเห็นของคุณยายว่าเห็นอย่างไรที่รัฐบาลจะไม่สร้างศูนย์กักกันผู้อพยพ เหมือนในอดีต ตามทิศทางของโลกตะวันตก

 

อีแย้ม : กูก็เห็นแบบเดียวกับรัฐบาลนั่นแหละ มึงอย่าไปเล่นตามเกมส์ของโลกตะวันตกเชียวนะ พวกนี้จะสร้างภาระให้กับเราระยะยาว เนื้อก็ไม่ได้กิน แต่จะเสือกเอากระดูกมาแขวนคอทำไม แล้วที่พ่อมึงเอาไอ้ดำ ไอ้ด่าง ไอ้หมอก มาทิ้งไว้ให้หลวงพ่อท่านเลี้ยง บางทีมันก็มาป้วนเปี้ยนหน้าบ้านกู กูยังต้องมาคอยเช็ดขี้ เช็ดเยี่ยว อยู่ไม่เป็นสุขอยู่นี่ มึงเคยรู้บ้างมั๊ย

 

ถาปะนอยด์ :  คุณยายขา คนหน่ะ ไม่ใช่หมา อย่าเอามาเปรียบเทียบกัน

 

อีแย้ม :  มันก็ไม่ต่างกันหรอกนะ หมาบ้านมึงแท้ๆ ยังไม่มีปัญญาดูแล ปล่อยให้เป็นภาระของทั้งวัดและคนข้างบ้าน แล้วนี่มึงยังมีหน้ามาสอนกูเรื่องสิทธิมนุษยชนขี้คร่อก กำมะลออะไรนั่น

 

ถาปะนอยด์  :  คุณยายขา แต่เรื่องสิทธิมนุษยชน มันเป็นเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานที่เราให้กับมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้โดยไม่แบ่งชั้นวรรณะนะค่ะ เราต้องกระทำกับเขาเสมือนมนุษย์เพื่อนร่วมโลกคนนึง

 

อีแย้ม : กูเข้าใจพวกมึง แต่ถ้าถือเอาตรรกกะของมึงนี่แสดงว่า ถ้าเป็นสิทธิหมาชน บ้านมึง เวลามันมาขี้เยี่ยวบ้านกู กูก็ต้องปฏิบัติกับมันเหมือนเป็นหมาของกูด้วยสิ ต้องหาข้าวหาน้ำให้มันกินด้วยใช่มั๊ย อีนอยด์ แล้วมึงคิดว่ากูจะดูแลหมาของมึงได้งั้นหรือ มึงเอาตังค์มาให้กับกูหรือเปล่าหล่ะ แล้วนี่กูก็มีลูกมีหลานของกูเองที่ต้องเลี้ยงเยอะแยะ กูทำดีกับพวกมันตั้งเท่าไหร่ มันยังอกตัญญูกับกูเลย แล้วหมาบ้านมึงมันจะมารักและรู้บุญคุณกูหรอกหรือ   

 

ถาปะนอยด์ :  ไม่ใช่ค่ะ คุณยาย ไปกันใหญ่แล้ว หนูว่าเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่าค่ะ

 

อีแย้ม :  เอ้า..นี่มึงไม่อยากถามกูเรื่องโรตียา กับสิทธิมนุษยชนแล้วเหรอว่ะ

 

ถาปะนอยด์ :  อ๋อ...หนูเข้าใจแล้วค่ะ คุณยาย หนูทราบความคิดเห็นของคุณยายเกี่ยวกับประเด็นเรื่องโรฮิงญาแล้ว  ทีนี้ หนูขอทราบความคิดเห็นของคุณยาย เกี่ยวกับ คนอีกกลุ่มนึงค่ะ โรนินจา ค๋ะ

 

อีแย้ม :   อะไรของมึงมีโรตีจา และยังเสือกมี โรนินจา อะไรอีก นี่กูงงไปหมดแล้ว

 

ถาปะนอยด์ :   ก็คนกลุ่มหน้าตาแบบนี้อ่ะค่ะ คุณยาย ที่เขามักจะมาโผล่แถวๆ สี่แยกคอกวัว แล้วก็การชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ตอนช่วงเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ก่อนการทำรัฐประหารของ คสช. คุณยายว่า เราควรสร้างค่ายกักกันให้คนกลุ่มนี้มั๊ย เพื่อผลักดันออกนอกประเทศของเราไป

 

อีแย้ม :  มึงพูดอะไรของมึง อีบ้า กูไม่รู้จัก คนพวกนี้ ถ้ามึงอยากรู้ มึงก็ไปถามพวกมันดูเอาเองก็แล้วกัน  หมดเวลาของมึงแล้ว กูจะไปทำงานบ้านต่อ

 

ถาปะนอยด์ :  คุณยายคะ ถามอีกหนึ่งข้อจะได้มั๊ยค่ะ

 

อีแย้ม :  พอแล้วอีนอยด์ กูไม่ว่างแล้ว เชิญมึงกลับออกไปได้แล้ว ไว้วันหลังค่อยมาสัมภาษณ์กูใหม่ก็แล้วกัน

 

ถาปะนอยด์ :  ค่ะๆ หนูกราบลาคุณยาย ขอบคุณคุณยายนะคะที่ให้หนูสัมภาษณ์    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น