เสียงกดกริ่ง (ออดๆๆๆ) หน้าบ้าน เสียงดังจนยายแย้มหนวกหูรำคาญ
จึงเดินออกมาดูที่หน้าประตูรั้วบ้าน
ถาปะนอยด์ : สวัสดีค่ะ...คุณยาย
หนูมาจากสำนักข่าวสามสลึงนะค่ะ จะขอรบกวนเวลาคุณยายสักแป๊บเดียว เพื่อขอสัมภาษณ์คุณยายจะได้มั๊ยค่ะ
อีแย้ม : เอ้า...กูนึกว่าใคร
อีนอยด์นี่เอง มึงจะมาสัมภาษณ์อะไรกู กูกำลังขัดส้วมอยู่ ทำไมเสือกมาเวลานี้วะ
กูไม่ว่างอยู่โว้ย
ถาปะนอยด์ : อืมม์....คุณยาย
หนูขอสัมภาษณ์ซัก 15 นาทีจะได้มั๊ยค่ะ
เสร็จแล้วหนูจะกลับทันทีค่ะ ไม่รบกวนคุณยายอีก
อีแย้ม : จะเอาอย่างนั้นหรือวะ
งั้นมึงเข้ามานั่งในบ้านกูก่อน มาๆ....กินน้ำกินท่าก่อน
ถาปะนอยด์ : คุณยายขา
หนูขอนั่งสัมภาษณ์ตรงหน้าบ้านนี้ก็ได้ค่ะ ไม่อยากรบกวน
อีแย้ม : ไม่ได้
อีนี่ยังงัยของมึงนะ อุตส่าห์จะมาสัมภาษณ์กูแล้ว ก็เข้ามานั่งคุยในบ้านสิวะ
เดี๋ยวคนอื่นเห็น จะมาหาว่ากู ไม่ต้อนรับแขก เข้ามาๆ ให้มันเป็นกิจลักษณะ เป็นการเป็นงานหน่อยสิมึง
ไหนๆ ก็จะมาติดต่อขอสัมภาษณ์กูแล้วเนี่ย ถึงกูจะไม่ใช่คนดัง
แต่กูก็ให้เกียรติคนอื่นเสมอ
“นี่กูนึกว่า มึงยังเรียนไม่จบ
ไปไงมาไงหล่ะ ฮะ..ถึงมาเป็นนักข่าว"
ถาปะนอยด์ : ผู้สื่อข่าวก็ถือเป็นอาชีพนึงค่ะคุณยาย
ที่หนูใฝ่ฝันอยากจะทำมานานแล้ว หนูเรียนจบมาทางด้านนี้ด้วยค่ะ
อีแย้ม : เอ้าแล้วนี่แม่มึง ยังขายหอยทอดอยู่ในตลาดอยู่หรือเปล่า
กูไม่ได้เห็นแม่มึงนานแล้ว
ถาปะนอยด์ : ยังขายอยู่ค่ะ
แต่แม่ย้ายสถานที่ขาย ไปขายอยู่ข้างห้างบิ๊กซีแทนอ่ะค่ะ
อีแย้ม : อ๋อ...
แม่มีงยังสบายดีอยู่ใช่มั๊ย
ถาปะนอยด์ : คุณแม่ไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนแต่ก่อนแล้ว
แต่แกก็ยังอยากค้าขายอยู่เหมือนเดิม ไม่ยอมเลิก หนุบอกให้คุณแม่เลิกขาย
แล้วหยุดมาอยู่ที่บ้าน แต่แกก็ไม่ยอม บอกว่ายังพอมีแรงทำได้อยู่
อีแย้ม : เอ้า...แล้วนี่มึงจะมาสัมภาษณ์อะไรกูหล่ะ
รีบๆ เข้า กูยังขัดส้วมไม่เสร็จ
ถาปะนอยด์ : คุณยายขา
หนุจะสอบถามความคิดเห็นเรื่องประเด็นโรฮิงญาอ่ะค่ะ
ว่าคุณยายมีความคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
อีแย้ม : มึงจะกินยา มึงเป็นอะไรหล่ะ ไม่รู้ในบ้านกูจะมีหยูกยา
รักษาโรคของมึงมั๊ย
ถาปะนอยด์ : ไม่ใช่คะ คุณยาย หนุหมายถึง
โรฮิงญา เหล่าชาติพันธุ์ที่เขาหลบหนีเข้ามาอาศัยอยุ่ในบ้านเราอ่ะค่ะ
อีแย้ม : โรตีจา หรอกหรือ ใช่มั๊ย
ถาปะนอยด์ : ไม่ใช่คะ คุณยายรู้จัก “โรฮิงญา”
เคยได้ยินหรือทราบข่าวเกี่ยวกับบุคคลกลุ่มนี้มั๊ยคะ
อีแย้ม : ก็ไอ้พวกโรตี
ที่แอบหลบหนี มาจากพม่า ใช่มั๊ยหล่ะ ที่พวกพม่าก็ไม่เอามัน
มันหนีไปไหนก็ไม่มีใครเอามัน ใช่มั๊ยหล่ะ
ถาปะนอยด์ : ใช่แล้วค่ะ คุณยายเข้าใจถูกแล้วค่ะ กลุ่มคนพวกนี้แหละที่หนุจะมาขอสอบถามความคิดเห็น
อีแย้ม : กูรู้
กูก็ติดตามข่าวเหมือนกัน แต่กูเรียกคนพวกนี้ว่า โรตีจา มันเป็นแขกอินเดียไม่ใช่เหรอ
ถาปะนอยด์ : ไม่ใช่ค่ะ พื้นเพเขาเป็นชนชาติบังคลาเทศค่ะ
อีแย้ม : ก็เหมือนกันหน่ะแหละ
ก็เมื่อก่อนบังคลาเทศก็เป็นส่วนหนึ่งของอินเดียไม่ใช่เหรอ ยุคล่าอาณานิคม
อังกฤษมันเข้ามาปกครองดินแดนแถบนี้ทั้งหมด โดยเฉพาะอินเดีย
แล้วพอมันจะเข้ามายังพม่าต่อ มันกลับใช้คนพวกนี้เข้าไปปกครองพม่าแทน พวกนี้ก็เลยเข้าไปกดขี่
ข่มเหงคนพม่าเมื่อสมัยก่อน พอพม่าได้รับอิสรภาพในเวลาต่อมา จึงไม่ยอมรับสถานภาพของคนกลุ่มนี้
ไม่ยอมรับว่าเป็นคนร่วมชาติของเขา จึงเป็นที่มาของการขับไล่ไสส่ง
ผลักดันพวกคนกลุ่มนี้ออกนอกประเทศ แต่คนกลุ่มนี้จะกลับไปยังบังคลาเทศบ้านเกิดของตนเอง
บังคลาเทศก็ไม่ยอมรับอีก อ้างว่าคนกลุ่มนี้ได้อพยพย้ายถิ่นฐานออกไปนานแล้ว
ถาปะนอยด์ : บังคลาเทศเป็นประเทศที่ยากจน
ไม่สามารถดูแลประชากรของเขาที่มีอยู่จำนวนมากให้มีฐานะกินดีอยู่ดีได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้คนกลุ่มนี้กลับมาอีก
ทำให้โรฮิงญาถูกกดดันทั้ง 2 ด้าน สุดท้ายจึงตัดสินใจว่าจะต้องขอลี้ภัยไปอยู่ยังประเทศที่สาม
และจุดหมายปลายทางที่เขาอยากไปก็เป็นประเทศตะวันตก หรืออาเซี่ยน แต่ไม่มีประเทศไหนอยากจะรับคนกลุ่มนี้เลย
เขาจึงลอบหลบหนีเข้ามา และประเทศไทยก็เป็นทางผ่านที่เขาอยากจะมาพักพิงก่อน ระหว่างที่รอขออนุญาตลี้ภัยไปประเทศที่สาม
แต่ชะตากรรมช่างโหดร้าย พวกเขาได้กลายเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์
ซึ่งมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง พอรัฐบาล คสช.ทราบปัญหา จึงทำการปราบปรามขนาดหนัก
เพราะปัญหาค้ามนุษย์จะสร้างผลกระทบต่อการกีดกันทางการค้าของประเทศตะวันตก
ซึ่งจะมีผลไปถึงไม่สามารถส่งออกสินค้าไปยังประเทศโลกตะวันตกได้ แต่ข่าวมันออกไปทั่วโลกว่า
ชาวโรฮิงญามาตายในบ้านเราจำนวนมาก ด้วยการเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศไทย
ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางภาครัฐร่วมรู้เห็นเป็นใจ ภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตาชาวโลก
จึงกลายเป็นว่าเราเป็นศูนย์กลางของธุรกิจค้ามนุษย์และการที่รัฐบาลคสช.เข้ามาปราบปรามอย่างหนักในช่วงนี้
ทำให้ต่างชาติมองว่าเราต้องการผลักดันคนกลุ่มนี้ให้ออกไปจากราชอาณาจักร
ด้วยกรรมวิธีต่างๆ ที่โหดร้ายทารุณ จนถึงขั้นเสียชีวิต
เขาเลยมองว่าประเทศเรากระทำการละเมิดหรือขัดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง
อีแย้ม : ใครหล่ะ
ใครที่มันกล่าวหาเราเช่นนั้น
ถาปะนอยด์ : พวกองค์กรสิทธิมนุษย์ชน
หรือ Human Right Watch อ่ะค่ะ
อีแย้ม : แล้วทำไมเราจะต้องไปเต้นตามมันด้วยหล่ะ ไอ้ Human, what like อะไรของมึงหน่ะ
มึงไม่รู้หรอกหรือว่า มันเป็นพวกขี้ข้าของสหรัฐและชาติตะวันตก ชาติตะวันตกใช้ไอ้คนพวกนี้เป็นเครื่องมือกดดันประเทศเล็กๆ
อย่างพวกเรา เวลาเขาต้องการให้เราทำตามกุศโลบายหรือทิศทางของเขา มึงทำไมจะต้องดัดจริตไปเต้นตามมันทำไมหล่ะ
ถาปะนอยด์ : หนูไปดัดฟันมาค่ะ
คุณยายขา ไม่ใช่ดัดจริต หนูจึงอยากสอบถามความคิดเห็นของคุณยายว่าเห็นอย่างไรที่รัฐบาลจะไม่สร้างศูนย์กักกันผู้อพยพ
เหมือนในอดีต ตามทิศทางของโลกตะวันตก
อีแย้ม : กูก็เห็นแบบเดียวกับรัฐบาลนั่นแหละ
มึงอย่าไปเล่นตามเกมส์ของโลกตะวันตกเชียวนะ พวกนี้จะสร้างภาระให้กับเราระยะยาว
เนื้อก็ไม่ได้กิน แต่จะเสือกเอากระดูกมาแขวนคอทำไม แล้วที่พ่อมึงเอาไอ้ดำ ไอ้ด่าง
ไอ้หมอก มาทิ้งไว้ให้หลวงพ่อท่านเลี้ยง บางทีมันก็มาป้วนเปี้ยนหน้าบ้านกู กูยังต้องมาคอยเช็ดขี้
เช็ดเยี่ยว อยู่ไม่เป็นสุขอยู่นี่ มึงเคยรู้บ้างมั๊ย
ถาปะนอยด์ : คุณยายขา
คนหน่ะ ไม่ใช่หมา อย่าเอามาเปรียบเทียบกัน
อีแย้ม : มันก็ไม่ต่างกันหรอกนะ
หมาบ้านมึงแท้ๆ ยังไม่มีปัญญาดูแล ปล่อยให้เป็นภาระของทั้งวัดและคนข้างบ้าน
แล้วนี่มึงยังมีหน้ามาสอนกูเรื่องสิทธิมนุษยชนขี้คร่อก กำมะลออะไรนั่น
ถาปะนอยด์ : คุณยายขา แต่เรื่องสิทธิมนุษยชน
มันเป็นเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานที่เราให้กับมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้โดยไม่แบ่งชั้นวรรณะนะค่ะ
เราต้องกระทำกับเขาเสมือนมนุษย์เพื่อนร่วมโลกคนนึง
อีแย้ม : กูเข้าใจพวกมึง แต่ถ้าถือเอาตรรกกะของมึงนี่แสดงว่า
ถ้าเป็นสิทธิหมาชน บ้านมึง เวลามันมาขี้เยี่ยวบ้านกู
กูก็ต้องปฏิบัติกับมันเหมือนเป็นหมาของกูด้วยสิ ต้องหาข้าวหาน้ำให้มันกินด้วยใช่มั๊ย
อีนอยด์ แล้วมึงคิดว่ากูจะดูแลหมาของมึงได้งั้นหรือ มึงเอาตังค์มาให้กับกูหรือเปล่าหล่ะ แล้วนี่กูก็มีลูกมีหลานของกูเองที่ต้องเลี้ยงเยอะแยะ กูทำดีกับพวกมันตั้งเท่าไหร่ มันยังอกตัญญูกับกูเลย แล้วหมาบ้านมึงมันจะมารักและรู้บุญคุณกูหรอกหรือ
ถาปะนอยด์ : ไม่ใช่ค่ะ
คุณยาย ไปกันใหญ่แล้ว หนูว่าเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่าค่ะ
อีแย้ม : เอ้า..นี่มึงไม่อยากถามกูเรื่องโรตียา
กับสิทธิมนุษยชนแล้วเหรอว่ะ
ถาปะนอยด์ : อ๋อ...หนูเข้าใจแล้วค่ะ
คุณยาย หนูทราบความคิดเห็นของคุณยายเกี่ยวกับประเด็นเรื่องโรฮิงญาแล้ว ทีนี้ หนูขอทราบความคิดเห็นของคุณยาย เกี่ยวกับ
คนอีกกลุ่มนึงค่ะ โรนินจา ค๋ะ
อีแย้ม : อะไรของมึงมีโรตีจา
และยังเสือกมี โรนินจา อะไรอีก นี่กูงงไปหมดแล้ว
ถาปะนอยด์ : ก็คนกลุ่มหน้าตาแบบนี้อ่ะค่ะ
คุณยาย ที่เขามักจะมาโผล่แถวๆ สี่แยกคอกวัว แล้วก็การชุมนุมของกลุ่ม กปปส.
ตอนช่วงเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ก่อนการทำรัฐประหารของ คสช. คุณยายว่า เราควรสร้างค่ายกักกันให้คนกลุ่มนี้มั๊ย เพื่อผลักดันออกนอกประเทศของเราไป
อีแย้ม : มึงพูดอะไรของมึง
อีบ้า กูไม่รู้จัก คนพวกนี้ ถ้ามึงอยากรู้ มึงก็ไปถามพวกมันดูเอาเองก็แล้วกัน หมดเวลาของมึงแล้ว กูจะไปทำงานบ้านต่อ
ถาปะนอยด์ : คุณยายคะ ถามอีกหนึ่งข้อจะได้มั๊ยค่ะ
อีแย้ม : พอแล้วอีนอยด์
กูไม่ว่างแล้ว เชิญมึงกลับออกไปได้แล้ว ไว้วันหลังค่อยมาสัมภาษณ์กูใหม่ก็แล้วกัน
ถาปะนอยด์ : ค่ะๆ
หนูกราบลาคุณยาย ขอบคุณคุณยายนะคะที่ให้หนูสัมภาษณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น