วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เจ้าพ่อเพลงโรแมนติก ตอนที่ 3 (ศิลปินที่ชื่อ บ.)

ธงไชย แมคอินไตย์ (พี่เบิร์ด) เป็นนักร้อง นักแสดง นักแต่งเพลง ที่มีผลงานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 จนถึงปัจจุบัน ประสบความสำเร็จจนเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วประเทศ ปัจจุบันเป็นนักร้องในสังกัดของ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่

ธงไชย แมคอินไตย์(Thongchai Mcintyre) เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2501 ที่ย่านบางแค ฝั่งธนบุรี มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "อัลเบิร์ท แมคอินไตย์" (Albert McIntyre) เป็นบุตรคนที่ 9 ในจำนวนพี่น้อง 10 คน ของคุณพ่อเจมส์ และคุณแม่อุดม แมคอินไตย์ โดยในวัยเด็กเคยตระเวนร้องตามเวทีนักร้องลูกทุ่งของ ศรเพชร เพชรสุวรรณ ภายหลังจบการศึกษา เริ่มทำงานที่ ธนาคารกสิกรไทย สาขาท่าพระ ฝ่ายต่างประเทศ หลังจากนั้นมีโอกาสเข้าวงการบันเทิงโดยการชักจูงของไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา ละครเรื่องแรก "น้ำตาลไหม้" ทางช่อง 3 ปี พ.ศ.2526 นอกจากพรสวรรค์ทางด้านการแสดงแล้ว ยังมีพรสวรรค์ทางด้านการร้องเพลง ได้มีโอกาสสำคัญของชีวิตในการเข้าร่วมประกวดร้องเพลงของสยามกลการ จนสามารถชนะใจคนดู และชนะใจกรรมการในครั้งนั้นเป็นผู้เข้าประกวดที่ได้รับถึง 3 รางวัล จุดประกายให้เต๋อ เรวัต พุทธินันทน์ ชักจูงเข้าสู่วงการเพลง และได้ก้าวสู่การเป็นนักร้องเต็มตัวโดยมีอัลบั้มแรก "หาดทราย สายลม สองเรา" ปี พ.ศ. 2529 ด้วยพรสรรค์ทางด้านเสียงร้องแล้ว ยังเป็นศิลปินที่โดดเด่นในเรื่องของการเอ็นเตอร์เทน ทำให้ ธงไชย แมคอินไตย์เบิร์ด เป็นศิลปินขวัญใจมหาชนชาวไทย ทุกเพศ ทุกวัย เป็นศิลปินนักร้องที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของประเทศไทย และเป็นระดับแนวหน้าของทวีปเอเชีย โดยการจัดระดับนักแสดงที่มีอิทธิพลของโลกโดยนิตยสารเอ็นเตอร์เทนเม้นท์วีคลี่ (Entertainment Weekly Magazine)ของสหรัฐอเมริกา ยกย่องให้เขาเป็นศิลปิน-นักแสดงที่มีอิทธิพลในทวีปเอเชีย มียอดขายผลงานเพลงจากทุกอัลบั้ม มากกว่า 20 ล้านชุด เป็นที่นิยมของมหาชนยาวนาน มากกว่ายี่สิบปี โดยสร้างทุกปรากฏการณ์ของวงการบันเทิงไทย ทั้งปรากฏการณ์ละครที่มีเรตติ้งสูงสุด "ละครคู่กรรม ช่อง 7" ปรากฏการณ์อัลบั้มที่ทำยอดจำหน่ายสูงสุดของประเทศไทย "อัลบั้มชุดรับแขก" อีกทั้งปรากฏการณ์ศิลปินที่มีจำนวนรอบคอนเสิร์ตสูงสุด และรายได้สูงสุดของประเทศไทย "คอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์" จนได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ในผู้ทรงอิทธิพลของประเทศไทยจากทุกผลสำรวจ

ผลงานอัลบั้มแรก ที่ทำให้ประชาชนรู้จักในตัวเบิร์ด ธงไชยคือ อัลบั้มหาดทราย สายลม สองเรา และรายชื่อผลงานอัลบั้มเต็มและเป็นอัลบั้มเดี่ยวจริงๆ ของเบิร์ด มีดังนี้

หาดทราย สายลม สองเรา พ.ศ. 2529
สบาย สบาย พ.ศ. 2530
รับขวัญวันใหม่ พ.ศ. 2530
2501 พ.ศ. 2531
ส.ค.ส. พ.ศ. 2531
บูมเมอแรง พ.ศ. 2533
พริกขี้หนู พ.ศ. 2534
ธ.ธง พ.ศ. 2537
ขนนกกับดอกไม้ พ.ศ. 2538
DREAM พ.ศ. 2539
ธงไชย เซอร์วิส พ.ศ. 2541
ธงไชย เซอร์วิส พิเศษ พ.ศ. 2541
ตู้เพลงสามัญประจำบ้าน พ.ศ. 2542
SMILE CLUB พ.ศ. 2544
รับแขก พ.ศ. 2545
เบิร์ด - เสก พ.ศ. 2546
Bird 20 Memories 1 พ.ศ. 2547
Bird 20 Memories 2 พ.ศ. 2547
Vol. 1 พ.ศ. 2548
ธงไชย วิลเลจ พ.ศ. 2549
เบิร์ด เปิดฟลอร์ พ.ศ. 2549
Simply Bird พ.ศ. 2550
อาสาสนุก พ.ศ. 2553

รายละเอียด เกี่ยวกับพี่เบิร์ดโดยละเอียดเข้าไปที่เว็บไซต์ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%98%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%8A%E0%B8%A2_%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C

บอย โกสิยพงษ์ เป็นนักแต่งเพลง นักร้อง และโปรดิวเซอร์ผลิตเพลงแนว R&B มีชื่อจริงว่า ชีวิน โกสิยพงษ์ เคยเป็นหนึ่งในผู้บริหารของค่ายเพลงเบเกอรี่มิวสิก และมีผลงานแต่งเพลงหลายชุด ปัจจุบันเป็นผู้บริหารค่ายเพลงเลิฟอีส

บอย โกสิยพงษ์ หรือชื่อจริงคือ ชีวิน โกสิยพงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2510 เป็นลูกคนกลางในจำนวนพี่น้อง 3 คน ในวัยเด็กบอยมีความสนใจทั้งในด้านดนตรีและการ์ตูนมาก บอยได้เริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่อายุ 4 ขวบ และเริ่มแต่งเพลงประกอบการ์ตูนที่เขียนขึ้นเองตั้งแต่อยู่ชั้นประถมปีที่ 6 บอยจบการศึกษาด้านการแต่งเพลง และธุรกิจเพลงจากมหาวิทยาลัย UCLA (University of California at Los Angeles) ประเทศสหรัฐอเมริกา

เมื่อจบการศึกษา บอยได้เริ่มทำงานเป็นนักแต่งเพลงอิสระที่ทำงานให้ทั้งศิลปินเพลง และเพลงประกอบโฆษณา จนกระทั่งได้ร่วมงานกับ สุกี้ กมล สุโกศล แคลปป์ ที่ต่อมาเขาได้ร่วมก่อตั้งบริษัท เบเกอร์รี่ มิวสิค ขึ้นมาในปี พ.ศ. 2537 ร่วมกับ สุกี้ กมล สุโกศล แคลปป์ สมเกียรติ อริยชัยพาณิชย์ และ สาลินี ปันยารชุน โดย บอย มีหน้าที่หลักในด้านแต่งเพลงและทำดนตรีบริษัทเบเกอรี่มิวสิค เติบโตเรื่อยมาจนกระทั่งประสบปัญหาทางการเงินจนต้องเข้าร่วมกิจการกับบริษัทบีเอ็มจีมิวสิค(ประเทศไทย) และภายหลังในปี พ.ศ. 2547 บริษัทแม่ของบีเอ็มจีที่ต่างประเทศได้ควบรวมกิจการกับบริษัทโซนีมิวสิก ส่งผลให้บริษัทเบเกอร์รี่มิวสิคที่เข้าร่วมกิจการกับบริษัทบีเอ็มจีมิวสิค(ประเทศไทย) ต้องเข้าร่วมกับบริษัทโซนีมิวสิก(ประเทศไทย)ไปโดยปริยาย และเบเกอร์รี่มิวสิค ต้องกลายเป็นค่ายเพลงย่อยของโซนี่มิวสิค ผู้บริหารของเบเกอร์รี่มิวสิครวมถึงบอยเองจึงลาออกจากเบเกอร์รี่มิวสิค ต่อมาบอยและสุกี้ กมล สุโกศล แคลปป์ ได้ร่วมก่อตั้งค่ายเพลงใหม่ขึ้นมาภายใต้ชื่อ เลิฟอีส แต่ต่อมาค่ายเพลงเลิฟอีส ได้ปรับมาเป็นบริษัทโปรดักชั่นเฮ้าส์ ในด้านชีวิตส่วนตัว บอย โกสิยพงษ์ ได้สมรสกับ วรกัญญา โกสิยพงษ์ และมีลูกสาวด้วยกันสองคน คือ ดีใจ โกสิยพงษ์ และ ใจดี โกสิยพงษ์ ในด้านการนับถือศาสนาบอยนับถือศาสนาคริสต์


จุดเริ่มต้นความคิดสร้างสรรค์ครั้งยิ่งใหญ่มาจากมันสมองของผู้ชายโรแมนติกที่ชื่อ 'บอย โกสิยพงษ์' ผู้นี้ ผู้ซึ่งประวัติศาสตร์วงการดนตรีไทยต้องจารึกชื่อไว้ ในฐานะผู้นำดนตรีแนว R&B ให้ผู้ฟังได้เข้าสู่โลกแห่งเสียงดนตรีที่มาจากหัวใจ ไพเราะ และอบอุ่น   บอยออกอัลบั้มแรกกับซิงเกิ้ล 'รักคุณเข้าแล้ว' และตามมาด้วยอัลบั้มเต็ม ชุดแรก 'Rhythm and Boyd' ในปี 1995 ด้วยเพลงที่กลายเป็นอมตะในใจหลายคนอย่าง "ฤดูที่แตกต่าง , เจ้าหญิง , จะเก็บเธออยู่ในเสมอ ฯลฯ”   จากนั้นเกือบ 2 ปีอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ก็ได้ฤกษ์คลอด ในชื่อ "SIMPLIFIED" ซึ่งเป็นที่มาของการปลดปล่อย กลับคืนสู่ความเรียบง่ายทางดนตรี โดยมีเพลงที่รู้จักอย่าง “ห่างไกลเหลือเกิน , อยากจะขอ, เที่ยงคืน” หลังจากนั้น ซิงเกิ้ลพิเศษต่างๆ ของบอย ก็ได้ตัดออกมาตามโอกาสพิเศษต่างๆของเขา ไม่ว่าจะเป็น ซิงเกิ้ล “ดีใจ” กับลูกสาวคนแรกของเขา ซิงเกิ้ล "listen to me' (เธอเองจะได้ยินอะไรในใจฉันไหม) และ "Song from different scenes" อันเป็นผลงานพิเศษที่รวบรวมเอาเพลงที่หาฟังได้ยากที่บอย ได้แต่งให้กับบริษัท เอเจนซี่ต่างๆ

ผลงานอัลบั้มส่วนตัวของบอย มีดังนี้
1. Rhythm & Boyd (พ.ศ. 2538)  2. Simplified (พ.ศ. 2539)  3. Million Ways to Love Part 1(พ.ศ. 2547)
อัลบั้มพิเศษที่ทำร่วมกับศิลปินอื่นในค่าย  อาทิ 1. One (พ.ศ. 2539) 2. Home (พ.ศ. 2540) 3. Thanks (พ.ศ. 2540) 4. เธอเองจะได้ยินอะไรในใจฉันไหม? 5. พอ (พ.ศ. 2545) และอัลบั้มรวมผลงานเพลงที่ใช้ชื่อว่า Songs From Different Scenes 1-4

อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี หรือ บอย พีซเมคเกอร์ เกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2523 นับถือศาสนาคริสต์ แต่เรียนที่ โรงเรียนเทพศิรินทร์ (DSA112)เป็นบุตรคนเล็กในบรรดาพี่น้อง 3 คน มีชื่อภาษาจีนกลางที่อาจารย์สอนภาษาจีนในโบสถ์เป็นผู้ตั้งให้ตอนเด็กๆ ว่า "เย่ เอินเหว่ย" หรือ "เฮี๊ย อึงอุ้ย" ในจีนแต้จิ๋ว แปลว่า "ยิ่งใหญ่"

อนุวัฒน์เติบโตมาจากครอบครัวที่รักเสียงเพลง จึงชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ก่อนที่จะเริ่มเดินตามฝันของตัวเองอย่างจริงจัง เขาเริ่มชีวิตการทำงานด้วยการเป็นพนักงานบริษัทเอกชนมาก่อน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทิ้งสิ่งที่ตนเองรัก โดยได้รับจ้างร้องเพลงตามร้านอาหารกึ่งผับควบคู่ไปด้วย หลังจากทำงานประจำควบคู่กับร้องเพลงตามร้านอาหารกึ่งผับมาได้ระยะหนึ่ง ก็รู้สึกว่างานประจำที่ทำไม่ใช่สิ่งที่ตนเองต้องการ จึงตัดสินใจเลือกที่จะร้องเพลงตามร้านอาหารกึ่งผับเพียงอย่างเดียว ได้จับคู่ กับ พีระ เทศวิศาล (พีท) เป็นวงดูโอ (Duo) เล็กๆ ชื่อ กรีน ที (Green Tea) ให้ความบันเทิงตามร้านอาหารกึ่งผับหลายแห่ง โดยเริ่มจากร้าน Gasso เป็นแห่งแรก (2545) และเป็นที่ที่ทีมงานของเบเกอรี่ มิวสิก ได้ฟังเพลงที่เขาร้อง จึงได้ชักชวนให้ร่วมงานในอัลบั้ม Million ways to love Part I ของนักร้อง-นักแต่งเพลงชื่อดัง บอย-โกศิยพงษ์

“หัวใจผูกกัน” คือเพลงแรกของเขาที่ได้ร้องให้คนทั่วประเทศได้ฟัง และด้วยความเพราะของเพลงก็ทำให้ บ.บอร์ดคลาส ไทยเทเลวิชั่น ผู้จัดละครเรื่องพระจันทร์แสนกล ทางช่อง 3 นำเพลงหัวใจผูกกัน ไปเป็นเพลงประกอบละครเรื่องนี้ด้วย หลังนั้นไม่นาน อนุวัฒน์ และ พีระ จึงได้รับการติดต่อให้เซ็นสัญญาให้เป็นศิลปินในสังกัด Green Beans และได้มีผลงานชิ้นแรก (2546) ในอัลบั้มพิเศษของค่ายคือ Greenlight Project ภายใต้ชื่อวงพีซเมคเกอร์ (Peacemaker) หลังจาก พีซเมคเกอร์ (Peacemaker) มีผลงานเพลงได้ 2 อัลบั้ม ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงกับวง เนื่องจากพีระ ไม่ต่อสัญญากับ Green Beans และออกไปทำอัลบั้มของตัวเอง ทางค่ายเพลงจึงให้อนุวัฒน์ออกอัลบั้มเดี่ยว ภายใต้ชื่อว่า บอย พีซเมคเกอร์ (Boy Peacemaker) อัลบั้มเดี่ยวชุดแรกคือ Peacemaker 3 to 1 โดยได้เปลี่ยนแนวเพลงจากเพลงป๊อปฟังสบายๆ (easy listening) แบบเดิม ให้มีความเป็นร็อค (pop rock) ซึ่งจะมีความหนักแน่นของดนตรีมากขึ้น อัลบั้ม Peacemaker 3 to 1 วางแผงเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2549

ผลงานเดี่ยวส่วนตัวภายหลังแยกจากวงพีชเมกเกอร์ ได้แก่ อัลบั้ม 3 to 1 และ อัลบั้ม Sense of sound  ก่อนที่จะมาเป็นชื่อวง Peacemaker นั้น ทั้ง 2 คนเคยใช้ชื่อวงว่า Green tea มาก่อน แต่ด้วยความที่อยากให้ชื่อวงฟังดูเข้มแข็งยิ่งขึ้น ทั้งคู่จึงเลือกที่จะใช้ชื่อ Peacemaker ที่แปลว่า ผู้รักษาสันติภาพ โดยให้เหตุผลว่า โลกนี้ไม่ควรสร้างเสรีภาพด้วยสงคราม แต่ควรสร้างเสรีภาพกันด้วยเสียงเพลงมากกว่า

“พีท” หนุ่มผมยาวลูกเสี้ยวเยอรมัน กับบุคลิกที่เรียบง่ายและเงียบขรึม เริ่มเล่นกีตาร์ตั้งแต่อายุ 18 ปี แต่ลีลาการเล่นกีตาร์ที่จัดจ้านแตกต่างกับบุคลิกของเขา เก็บเกี่ยวประสบการณ์เล่นดนตรีกลางคืน เป็นเวลากว่า 4 ปี ส่วน ”บอย” เริ่มทำตามความฝันของตัวเอง ด้วยการร้องเพลงในร้านอาหาร จนไปสะดุดหูทีมงานของ เบเกอรี่ มิวสิก เข้า และได้ร่วมร้องเพลง “หัวใจผูกกัน” ในอัลบั้ม "Million Ways to Love Part 1" ของนักแต่งเพลงชื่อดัง บอย โกสิยพงษ์
หลังนั้นไม่นาน โปรดิวเซอร์ที่ทำงานในบริษัท แกรมมี่ ได้มาดูการเล่นดนตรีและร้องเพลงของพวกเขา จึงเห็นความสามารถติดต่อเซ็นสัญญาให้เป็นศิลปินในสังกัด กรีนบีนส์ จนมีผลงานเพลงพิเศษที่ใช้ชื่อว่า กรีนไลท์โปรเจ็กต์ อัลบั้มที่รวบรวบศิลปินหน้าใหม่มากความสามารถ โดย ”บอย” ได้ร้องเพลง ”คิดถึง” เพลงช้าซึ้งที่สร้างกระแสความฮิตไปทั่ว และเพลงน่ารักๆ อย่างเพลง ”อย่าคิดเลย” ของหนุ่ม ”พีท”

ผลงานที่ออกในนามของศิลปินดูโอ พีชเมกเกอร์ ได้แก่ Peacemaker (พ.ศ. 2546) และ Panorama (พ.ศ. 2548)

เบิร์ดกะฮาร์ท เป็นศิลปินดูโอคู่แรกๆ ในเมืองไทย ประกอบด้วย นักร้องนำคือ กุลพงษ์ บุนนาค (เบิร์ด) และ สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล (ฮาร์ท) อัลบั้มแรกห่างไกล ภายใต้สังกัดไนท์สปอต โปรดักชั่น 

ผลงานอัลบั้ม 1 ห่างไกล (พ.ศ. 2528) 2 ด้วยใจรักจริง (พ.ศ. 2529) 3 จากกันมานาน (พ.ศ. 2534) 4 Moonlighting (พ.ศ. 2538) 5 นึกถึงดิอิมพอสซิเบิ้ล (พ.ศ. 2539) 6 ที่รัก (พ.ศ. 2539) 7 Destiny (พ.ศ. 2549)

ปัจจุบัน เบิร์ด กุลพงศ์ บุนนาค มีหน้าที่การงานเป็นถึงประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บ. ไลฟ์ ทีวี จำกัดดูแลรายการทีวีดาวเทียมถึง 5ช่องรวมถึงช่องไทยไชโย ด้วยซึ่งเป็นช่องลูกทุ่ง

ส่วนฮาร์ท สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล ปัจจุบันอายุ 41 ปี เกิดเมื่อ 27 พ.ย. 2507 ที่ รพ.ศิริราช

สมัยนั้นเขาเรียกจังหวัดธนบุรี มีน้องชาย 1 คน ตอนเด็กๆ เรียนที่เซ็นต์จอห์น

จนกระทั่งจบประถมปีที่ 7เป็น ป.7 รุ่นสุดท้ายก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเป็นม.1 พออายุได้ 13 ก็ไปเรียนต่อที่อเมริกาจนกระทั่งจบปริญญาตรีที่ มหาวิทยาลัย UCLA ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย

แล้วก็เรียนโทต่อที่ UFC แคลิฟอร์เนียเหมือนกัน (สาขาเศรษฐศาสตร์) ไปอเมริกาปี 2521 แล้วก็กลับมาเมืองไทยอย่างถาวรเมื่อปี 2534 เริ่มต้นทำงานในภาคราชการก่อน จากนั้นก็มาอ่านข่าวทีวี ปัจจุบันเป็นพิธีกรอยู่ 3 รายการ มีรายการชูรักชูรส คู่กับคุณหมอพิมลวรรณ หรือหมอต้อ ทางช่อง 3 เมืองไทยวาไรตี้ ช่อง 5 เป็นรายการสดจันทร์ถึงศุกร์คู่กับคุณหนุ่มกรรชัย อีกรายการหนึ่งคือรายการ SME ชี้ช่องรวย ช่อง 11


 พล พัวศิริรักษ์ (เบล) เกิดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2524 นักร้อง นักจัดรายการ และพิธีกร ชาวไทย จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ อดีตนักร้องนำวง พาย

ปัจจุบันนอกจากการเป็นศิลปินนักร้องแล้วเขายังทำหน้าที่เป็น DJ อยู่คลื่น chill 89 (จัดอยู่ช่วงเวลา 16.00 - 18.00 น. ทุกวันจันทร์ - ศุกร์) เบลแจ้งเกิดจากการเป็นศิลปินในอัลบั้มพิเศษที่ชื่อว่า Gift และร้องเพลง cover เพลง ก้อนหินก้อนนั้น และ ผิดไหม ด้วยน้ำเสียงและลีลาทำให้ได้รับโอกาสเป็นศิลปินออกอัลบั้มในเวลาต่อมา โดยได้ร่วมงานกับหนึ่ง ณรงค์วิทย์ เตชะธนวัฒน์มาอย่างต่อเนื่อง

ผลงานอัลบั้ม 1 Good Afternoon (2010) 2 Very Bell (2009) 3 Sleepless Society 3 By Narongvit One Night Stand (2008) 4 D.I.Y by Narongvit 5 Left & Right The Celebration Album (2007) 6 Gift (2006)

 

ชลาทิศ ตันติวุฒิ หรือ เบน ชลาทิศ (28 กรกฎาคม 2524 - ปัจจุบัน) อดีตสมาชิกวง Monotone ยุคแรก ก่อนเข้าค่ายเบเกอรี่ มิวสิค เป็นนักร้องสมาชิกวงบีไฟว์ปี พ.ศ. 2547 ก่อนมาออกอัลบั้มเดี่ยว


ชลาทิศ ตันติวุฒิ (เบน) เกิดเมื่อ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 ที่โรงพยาบาลสมเด็จ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยเป็นบุตรชายคนเดียวของครอบครัว ศึกษาที่โรงเรียนอนุบาลชลบุรี ตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงประถม 3 จากนั้นศึกษาต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชาจนจบชั้นมัธยม 6 ด้วยความชอบด้านดนตรีเขาจึงเข้าศีกษาต่อระดับปริญญาตรีที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดลจากนั้นในปี พ.ศ. 2544 เบน ได้รวบรวมกลุ่มเพื่อนที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล มาตั้งวงดนตรีที่มีชื่อว่าโมโนโทน โดยมีเพลงที่เป็นที่รู้จักอย่างเพลง "Celebration" ที่ขึ้นถึงอันดับหนึ่งในการจัดอันดับเพลงของรายการวิทยุคลื่น 104.5 แฟตเรดิโอ และ คลื่น 103.5 โมเดิร์นเลิฟหลังจากนั้นเบนเริ่มเป็นที่สนใจในวงกว้างจากผลงานเพลงต่อมาอย่างเพลง "Turn Off The Light" และเพลง "Susan Jones" ซึ่งเป็นเพลงคัฟเวอร์ของ เบิร์ดกับฮาร์ท ซึ่งอยู่ในอัลบั้ม "Perspective 1" จากผลงานดังกล่าว เบน จึงได้ร่วมงานกับ บอย โกสิยพงศ์ ในอัลบั้ม "Bakery love is Forever" ในปี พ.ศ. 2545 กับเพลงที่ชื่อว่า "ใกล้" และกับเพลง "คะแนนแห่งชีวิต" จากอัลบั้ม "พอ" ของ บอย โกสิยพงศ์ ในปีต่อมา ปี พ.ศ. 2546 เบนได้มาร่วมงานกับบอย โกสิยพงศ์ เต็มตัวในอัลบั้ม "Millon Ways To Love Part 1" โดยได้ร่วมร้องเพลง "คนข้างล่าง" และเพลง "ล้มบ้างก็ได้" ถัดมาในปี พ.ศ. 2547 เบนได้ร่วมทำงานกับกลุ่มเพื่อนที่เป็นนักร้องซึ่งเคยร่วมงานกับ บอย โกสิยพงศ์ อาทิ เค้ก, มาเรียม, โต๋ และคิว ออกอัลบั้มในนามของกลุ่ม บีไฟว์ (B5) จนกระทั่งเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2548 เบน จึงได้ออกผลงานเดี่ยวของตัวเองเป็นอัลบั้มแรกที่ชื่อ "เบน ชลาทิศ" ซึ่งเป็นอัลบั้มชุดแรกที่เบนได้แสดงฝีมือการร้องของตัวเองทั้งชุดเป็นครั้งแรก ปัจจุบัน เบน ยังมีผลงานเพลงออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานเพลงเก่าที่นำมาคัฟเวอร์ใหม่ และงานเพลงประกอบโฆษณา ประกอบละครมากมาย ล่าสุด เบน มีโอกาสร้องเพลงประกอบละครเรื่อง "ชายกลาง" ซึ่งเป็นละครเวทีของบริษัทเวิร์คพอยท์ จำกัด

ผลงานอัลบั้มเดี่ยว ได้แก่ 1. Ben Chalatit (พ.ศ. 2548) 2. Impression (พ.ศ. 2549)





ฟองเบียร์ คนตัวใหญ่สุด ยืนตรงกลางภาพ
ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม (เบียร์) หรือใช้นามปากกาว่า ฟองเบียร์

การศึกษาปริญญาตรี ม. ศรีปทุม

สำหรับชื่อฟองเบียร์ มาจากวันที่ผมย้ายมาทำงานที่แกรมมี่ เวลาผมแต่งเพลงก็จะแต่งทั้งเนื้อร้องและทำนอง ซึ่งถ้าจะให้เขียนเครดิตเป็นชื่อจริงของผมทั้งหมด มันก็ดูเยอะเกินไป พี่ณรงค์ เดชะ ที่ชวนมาทำงานที่แกรมมี่เลยบอกให้ใช้ชื่อเล่น คือ เบียร์ แต่ถ้าจะเป็นเบียร์เฉยๆ ก็จะดูสั้นเกินไป วันนั้นเผอิญระหว่างที่เรากำลังนั่งคุยกันอยู่ มีคนพูดถึงคุณสุเทพ วงศ์กำแหง ว่าเสียงขยี้ฟองเบียร์ ก็เลยนำคำนี้มาใช้ คนดนตรีที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคนหนึ่งของ วงการเพลงไทย เป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์ เนื้อร้อง ทำนองของ เพลง ฮิต มากมาย เช่น กล้าพอไหม, รักแท้ดูแลไม่ได้ (POTATO) กุญแจที่หายไป(PALMY), หมดชีวิตฉันให้เธอ (ZEAL), อย่าร้อนตัว (เอ็ม อรรถพล) อยู่อย่างเหงา เหงา (บอย PEACEMAKER) และ เพลงฮิต อื่นๆ ของ GMM GRAMMY อีกกว่า 100 เพลง...รวมถึงเพลงประกอบซีรีส์เกาหลี เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา เวอร์ชั่นภาษาไทย

ผลงานอัลบั้มส่วนตัว Project Love Pill ยาดีมีไว้ฟัง, BEER GARDEN - WILL YOU MARRY ME?

‘Project Love Pill ยาดีมีไว้ฟัง’ (โปรเจคเลิฟพิล) ภายใต้การดูแลของคลินิกใหม่ We Records (วีเรคคอร์ดส) ในเครือ GMM GRAMMY โดยใช้เพลงเป็นตัวรักษา ผ่านคนไข้ 9 คน 9 บทบาททางสังคม ซึ่งหลังจากที่ปล่อยยาขนานแรกออกไปคือ ‘ไม่มีตรงกลาง’ ร้องโดย ‘เอ๊ะ – จิรากร สมพิทักษ์’ (ร้องไกด์) กระแสตอบรับดีจนต้องรีบปล่อยยาขนานอื่นตามมา ผ่านคนไข้ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ในวงการเพลง เต้-สันต์ ภิรมย์-ภักดี’ (ผู้บริหาร) , ‘ใหญ่-Monotone ภูริช สุขุมมาลจันทร์’(มัณฑนากร) , ‘ดีเจเจ๊แหม่ม-วินัย สุขแสวง’ (ดีเจ) , และ ‘อัทธ์-อังค์กูณฑ์ ธนาทรัพย์เจริญ’ (นายแบบ) และคนอื่นๆ ‘ฟองเบียร์’ นักแต่งเพลงและเจ้าของ Project Love Pill เผยว่า “ก่อนหน้านี้มีแฟนๆถามถึงโปรเจคพิเศษของผมเข้ามามากมาย ผมเลยมาคิดว่าจริงๆแล้วเพลงมีอิทธิพลกับจิตใจของคนเหมือนกันนะ เพราะในบางครั้งที่เราฟังเพลงแล้วเราก็ยิ้มไปกับเพลง หรือเศร้าไปกับเพลง นั่นก็แสดงว่าเพลงทำให้เราอินจริงๆ ผมเลยคิดขึ้นมาว่าน่าจะมีโปรเจคพิเศษขึ้นมาเพื่อบำบัดอาการป่วยทางใจ ผ่านบทเพลง เลยเกิด Project Love Pill ขึ้นมา ซึ่งคนที่จะมาถ่ายทอดเพลงในโปรเจคนี้ผมอยากได้คนที่รู้สึกอินกับเพลงเหล่านี้จริงๆ อย่างเพลง ‘ไม่มีตรงกลาง’ เพลงแรกที่ปล่อยออกไป ‘พี่เอ๊ะ จิรากร’ เป็นคนร้องเพลงนี้ เนื้อหาจะเกี่ยวกับให้เชื่อใจกัน เพื่อลดช่องว่างและเพิ่มความเข้าใจซึ่งกันและกัน ซึ่งในชีวีตจริงของพี่เอ๊ะเขาก็เคยมีเหตุการณ์นี้ด้วย นอกจากนี้ก็มี ‘ใหญ่ Monotone’ ร้องเพลง ‘Good Morning (กอด)’ โดยส่วนตัวผมชอบผลงานเขาอยู่แล้วและเพลงนี้เขาแต่งเองด้วย ซึ่งเพลงนี้จะบอกให้ระลึกถึงว่าเวลาที่เรากอดกันคือเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดแล้ว ‘พี่เต้-สันต์’ คนนี้คือผมเคยเจอเขาตามงานต่างๆเลยมีโอกาสได้คุยกันและอยากร่วมงานกัน เพลงที่เขาถ่ายทอดคือเพลง ‘เบอร์สอง’ คือหลายๆคนคิดว่าเขามีพร้อมทุกอย่าง แต่จริงๆแล้วในบางเรื่องอย่างเช่นเรื่องความรัก เขาอาจจะเป็นเบอร์สองก็ได้ แต่ก็มีความสุขกับที่เป็นอยู่ไม่ได้เรียกร้องเป็นที่อยากเป็นตัวจริง และเพลงนี้ยังเป็นเพลงเดียวที่มีจังหวะให้คนโยกตามกันได้ ‘ดีเจเจ๊แหม่ม’ ผมว่าน้อยคนนะที่จะทราบว่าเขาร้องเพลงได้ ซึ่งเพลงของเขาคือเพลง ‘ละอายใจ’ คือเขามาเล่าให้ผมฟังว่าชีวิตผ่านเหตุการณ์แบบนี้มา ผมเลยเอามาแต่งเป็นเพลง ซึ่งเป็นเพลงของคนที่สำนึกผิด แล้วต้องการที่จะแก้ตัว ส่วน ‘อัทธ์-อังค์กูณฑ์’ เขาเป็นนายแบบ หลายๆคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว ซึ่งเขาเป็นคนที่หน้าตาดี และยังร้องเพลงเพราะอีกด้วย เพลงที่เขาร้องคือเพลง ‘วน’ เป็นเพลงเกี่ยวกับคนที่ไม่ลืมอดีต ยังไม่คิดแฟนเก่าอยู่ตลอด และ พี่เอ๊ะ จิรากร ก็ถ่ายทอดอีกเพลงหนึ่งไว้ด้วยคือเพลง ‘จากนี้ได้จนนิรันดร์’ ซึ่งหลังจากที่ร้องเพลง ‘ไม่มีตรงกลาง’ แล้วเขาก็คิดว่า ถ้าเข้าใจกันดีแล้ว ก็ถึงเวลาแล้วนะที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปจนนิรันดร์ เป็นเพลงรักโรแมนติกเลยครั้งเพลงนี้ ยังไงก็ขอฝาก Project Love Pill ด้วยนะครับ เป็น Project พิเศษที่พวกเราตั้งใจกันทำขึ้นมา และหลังจากนี้ก็จะมีคนอื่นตามมาอีกอยากให้ลองติดตามกัน ขอบคุณครับ”


พีระพัฒน์ เถรว่อง (ชื่อเล่น บี) เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง เคยเป็นสมาชิกวงเครสเซนโด มีผลงานอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกชื่อว่า Dedicated To Love และชุดถัดมา Medium Rare  พีระพัฒน์ เข้าศึกษาที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา รับตำแหน่งเป่า ทรัมเป็ต ของวงดุริยางค์โรงเรียน และผู้ชนะเลิศในการประกวดวงดนตรีในโครงการ BU BAND ในตำแหน่งนักร้องนำของ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และเกือบได้เป็นศิลปินเดี่ยวกับค่าย Stone Entertainment แต่เพียงแค่เริ่มอัดไปได้แค่ 3 เพลงค่ายก็ปิดตัวลงด้วยเหตุผลทางธุรกิจ ต่อมาในปี 2541 ได้เข้ามาเป็นนักร้องนำวง “RRR&B” สังกัด Grammy QX กับอัลบั้ม อาทั้งสามกับหลานบีและดนตรีของพวกเขา ตามด้วยอัลบั้ม RRR&B Special Volume 1 และ 2 ที่มาของเพลงฮิต “สองเรา”
หลังหมดสัญญา เริ่มรับงานเกี่ยวกับดนตรี ออกเดินสายร้องเพลงตามคลับกลางคืนทั่วกรุงเทพฯ รวมถึงรับจ้างบันทึกเสียงในสตูดิโอ โดยเน้นหนักในด้านของการใช้เสียงเป็นหลัก และมาร้องเพลงประจำที่คลับแจ๊สที่ชื่อ Saxophone Pub & Restaurant จนมาพบเพื่อนๆ และทำวงที่ชื่อ “เครสเชนโด” มีผลงานและเซ็นสัญญากับค่ายเบเกอรี่มิวสิค มีเพลงดังอย่าง "ความจริงในใจ, วีนัส และ โลกหมุนด้วยความรัก จากอัลบั้ม Crescendo ในปี 2547 และ "ดินแดนแห่งความรัก, รู้บ้างไหม จากอัลบั้ม Second Chance ในปี 2548" โดย บี พีระพัฒน์ รับหน้าที่ร้องเป็นหลัก วงเครสเซนโด ได้รับรางวัลอย่าง สีสัน อวอร์ด ถึง 2 ปีซ้อน, คมชัดลึก อวอร์ด ในปี 2547, ตามด้วย Fat Awards และรางวัลระดับนานาชาติอย่าง GBOB  หลังจากนั้นก็ได้แยกออกจากวงเครสเซนโด และยังมีผลงาน ในอัลบั้ม Sleepless Society 2 ในเพลง “อโรม่า” ในปี 2549 และโด่งดังอย่างกว้างขวางกับเพลง “บัวลอย” เพลงเด่นใน 25 ปีมนต์เพลงคาราบาว ในปี 2550  ในปี 2551 มีผลงานอัลบั้มเดี่ยว Dedicated To Love มีซิงเกิ้ลแรกคือ “คนเดียวในโลก” อัลบั้มชุดนี้มีศิลปินและนักแต่งเพลงมาร่วมอย่าง ชีวิน โกสิยพงษ์ (บอยด์ โกลิยพงษ์), ทิวา สาระจูฑะ (บรรณาธิการ นิตยสารสีสัน) เชษฐา ยารสเอก (คนใจง่าย), พยัต ภูวิชัย (ศิลปิน, นักแต่งเพลง และ Producer), ลินา-ภัคศรณ์ ลีนุตพงษ์ (แต่งเพลง Theme นักล่าฝัน จาก Academy Fantasia, ดินแดนแห่งความรัก, รู้บ้างไหม), เป็นเอก เสกสรร (ETC, เบิร์ดกับฮาร์ท, Crescendo)

ด้านชีวิตส่วนตัว สมรสกับ ลินา-ภัคศรณ์ ลีนุตพงษ์ นักแต่งเพลง เมื่อเวลา 16.10 น. ของวันที่ 11 พ.ย. 2554 ณ ห้องศิลาดล โรงแรมสุโขทัย ถ.สาทร และพิธีมงคลสมรสของทั้งคู่ ที่จัดขึ้นเมื่อเวลา 17.00 น. ณ การ์เด้นท์ วิลล่า เป็นพิธีการทางศาสนาคริสต์

ผลงานเพลงอัลบั้มเดี่ยว

• Dedicated To Love

• Medium Rare

ผลงานกับวงดนตรี

• อาทั้งสามกับหลานบีและดนตรีของพวกเขา (วง RRR&B)

• RRR&B Special Volume 1 และ 2 (วง RRR&B)

• Crescendo (วง Crescendo)

• Second Chance (วง Crescendo)

• "Reinvented" (Be & Crescendo) - อัลบั้มนี้ไม่ได้วางแผง

ซิงเกิ้ลพิเศษร่วมกับศิลปินอื่น

• Sleepless Society 2 ในเพลง "อโรม่า"

• Siam Songbook ในเพลง "รอ"

• Ford & Friends ในเพลง "ดวงกับดาว"









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น