วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554

10 สุดยอดปรากฏการณ์ทางการตลาดแห่งปี 2011

พอครบ1 ปี บล็อกก็ขอสรุปรวบรวมเอาเหตุการณ์ทางการตลาดที่เป็นข่าวใหญ่ข่าวดังในรอบปี มาประมวลเพื่อจัดอันดับ หาความเป็นสุดยอดปรากฏการณ์ทางการตลาดแห่งปี ซึ่งบล็อกได้รวบรวมมาไว้ได้ดังนี้

อันดับที่ 10 การเปิดตัวโรงภาพยนตร์ 4 มิติ แห่งแรกในประเทศไทย
เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่แห่งโลกภาพยนตร์ ที่จะให้คุณได้สัมมผัสประสบการณ์การชมภาพยนตร์ที่ผู้ชมจะได้รับอรรถรสในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ภาพ แสง สี เสียง สัมผัส และกลิ่น เอฟเฟคต่าง ๆ ด้วย การเพิ่มความ พิเศษให้กับโรงภาพยนตร์ด้วยเก้าอี้แบบเฉพาะ พร้อมเอ็ฟเฟ็กซ์ตระการตาถึง 24 ชนิด และระบบฉายแบบดิจิตอล 3 มิติ ซึ่งเอ็ฟเฟ็กซ์แต่ละชนิดถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี เพิ่มความตื่นเต้นให้กับภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็น การขยับของเก้าอี้ ลมเป่า ละอองน้ำ กลิ่น แรงสั่นสะเทือน สะกิดขา สะกิดหลัง และ เทคนิคอื่น ๆ อีกมากมาย โดยภาพจะฉายบนจอภาพซิลเวอร์สกรีน ที่ให้ภาพคมชัดสมจริง ภาพที่ฉายเป็นระบบ Masterimage 3D พร้อมแว่นตาบางเบาที่รับภาพเฉพาะระบบ 4 มิติเท่านั้น พร้อมให้ได้สัมผัสกันวันที่ 7 กรกฏาคม 2554 เปิดตัวครั้งแรกที่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

อันดับที่ 9 การเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมโนเบิล เพลินจิต หรือเพลินจิตซิตี้ บริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) จัดงานใหญ่เปิดจองโครงการโนเบิลเพลินจิต คอนโดฯหรูแห่งใหม่บนทำเลเพลินจิต ซึ่งจัดกิจกรรมตลาดด้วยการจัดงานปาร์ตี้เปิดตัว และแจกบัตรให้ผู้สนใจเริ่มลงทะเบียนแจ้งความสนใจซื้อมาตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.และเปิดรับลงทะเบียนต่อเนื่องมาถึงวันที่ 17 มิ.ย. ปรากฎว่ามีลูกค้าแสดงความสนใจลงทะเบียนเข้ามากว่า 2,000 ราย มากกว่าจำนวนห้องชุดที่มีขายเกือบเท่าตัว มีผู้มาลงชื่อรับคิวในงานกว่า 1,000 ราย ในจำนวนนี้ มีผู้ที่ตัดสินใจ จองซื้อโครงการภายในงานไปกว่า 700 ราย รวมยอดขายในงานวันเดียวได้กว่า 7,000 ล้านบาท สินค้าที่ขายดี คือ ห้องชุดขนาดใหญ่แบบดูเพล็กซ์ ขนาดกว่า 600 ตารางเมตร ราคายูนิต ละกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งอยู่บนชั้นสูงสุดของอาคาร 50 ชั้น ทั้งนี้ โนเบิลเพลินจิต มีห้องชุดทั้งโครงการกว่า 1,442 ยูนิต พัฒนาบนที่ดิน 9 ไร่ ประกอบ ด้วย 3 อาคาร ความสูง 14, 45, และ 50 ชั้น ห้องชุดเริ่มต้นตั้งแต่ขนาด 1 ห้องนอน 40 ตร.ม. พร้อม สิ่งอำนวยความสะดวก และจุดขายลิฟท์ส่วนตัว ซึ่งใช้ลิฟท์ทั้งโครงการรวม 32 ตัว จะใช้เวลาก่อ สร้างและพัฒนาจากนี้ไปอีก 4 ปี กำหนดแล้วเสร็จในปี 2558

อันดับที่ 8 การเปิดตัวกล่องรับสัญญาณ 1-SKY และเป็นการรวมตัวกันของพันธมิตรทีวีดาวเทียมค่ายดังๆ ภายใต้การนำของอากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม แห่ง GMM grammy แกรมมี่ทุ่ม 3,000 ล้าน เปิดตัวกล่อง "1 SKY" ชูกลยุทธิ์ "All in one" รวมพันธมิตร ไทย-เทศ เสริมทัพ ปฏิวัติการดูทีวีของคนไทย เปิดตัวได้ยิ่งใหญ่ทีเดียว สำหรับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ย่านอโศก อย่าง "จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่" ที่ยอมทุ่มเงินถึง 3,000 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจ เปิดตัวกล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียม 1SKY งานนี้" อากู๋- ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม" ประธานใหญ่กลุ่มบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "ธุรกิจใหม่นี้ ทุ่มทุนถึง 3,000 ล้านบาท เป็นความร่วมมือของเหล่าพันธมิตรกลุ่มธุรกิจบันเทิงไทยและเทศ บุคคลชั้นนำในวงการโทรทัศน์ รวมทั้งผู้ประกอบการเคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียม อาทิ เจเอสแอล, กันตนา, อาร์เอส, เวิร์คพ้อยท์ฯ, ลักษ์ 666 , ทีวีพูล ฯลฯ ตลอดจนผู้ผลิตรายการชั้นนำจากต่างประเทศ ทั้งช่องรายการเอ็นเตอร์เทนเมนและกีฬา อาทิ คิกซ์, Thrill,วอเนอร์ ทีวี ,เอเอสเอ็น และยูโรสปออร์ต โดยเชื่อมั่นว่าธุรกิจนี้ จะกลายเป็นธุรกิจหลักสำคัญในอนาคต โดยคาดหมายทำรายได้ในปีแรก 2,500 ล้านบาท จากการขายกล่อง 1.5 ล้านกล่อง ซึ่งปัจจุบันมียอดสั่งซื้อจากทั่วประเทศแล้วกว่า 1.5 แสนกล่อง และจากการสั่งสมประสบการณ์ด้านบันเทิงมาถึง 28 ปี จะสร้างความเชื่อมั่นในการสร้างแบรนด์ให้กับคอนเทนต์ชั้นนำ ได้รับความนิยมในตลาดเมืองไทยแน่นอน นอกจากกล่อง 1SKY ยังสามารถเชื่อมต่อกับจานดาวเทียมทุกประเภท มีทั้งช่องรายการแบบฟรีทีวี ให้ชมกว่า 100 ช่อง และยังเพิ่มเติมด้วยช่องรายการพิเศษแบบเพย์ทีวี ที่เลือกจ่ายเมื่ออยากดู ไม่นับรวมอีก 3 ช่องรายการพิเศษระดับโลก ที่ให้เฉพาะลูกค้าชมฟรี แบบไม่มีรายเดือน โดยกล่อง "วันสกาย" จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พ.ย. 54 นี้

อันดับที่ 7 การเปิดตัวชาสายพันธุ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ ICHITAN โดยการกุมบังเหียนเองของคุณตัน ภาสกรนที บริษัท ไม่ตัน จำกัด โดย ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ ผู้สร้างตำนานเครื่องดื่มชาเขียวในไทย จัดงาน Once Upon a T Time เปิดตัวเครื่องดื่มชาเขียว 3 รสชาติใหม่ ที่กลั่นกรองจากหัวใจและประสบการณ์ทั้งชีวิต เพื่อเอาใจคนรักสุขภาพอย่างแท้จริง ภายใต้ แบรนด์ อิชิตัน ออร์แกนิค กรีนที 100% ร่วมดื่มด่ำกับรสชาติและเรื่องราวที่ “ชงจากใจ สุดฝีมือ” ของมาสเตอร์ ออฟ กรีนที ณ เซ็นทรัล คอร์ท ชั้นจี ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในวันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2554 เวลา 13.30 น.ภายในงานพบกับ “10 ตัน ภาสกรนที” ที่ร่วมลงแรงแข็งขันผลิตเครื่องดื่มชาเขียว สุดพิถีพิถัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ชาจากใจ สุดฝีมือ” เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา อิชิตัน ออร์แกนิค กรีนที 100% พร้อมดาราและเซเลบริตี้ นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไม่ตัน เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวเครื่องดื่มชาเขียวออร์แกนิค 100% 3 รสชาติใหม่ รสดั้งเดิม รสน้ำผึ้งผสมมะนาว และ รสเก๊กฮวย ภายใต้แบรนด์ อิชิตัน ออร์แกนิค กรีนที 100% ขนาด 420 มล.ในราคาขวดละ 16 บาท โดยชูจุดขายเรื่องความเป็นใบชาเขียวออร์แกนิค 100% ที่ปลูกโดยวิถีธรรมชาติ ปลอดสารเคมี และราคาขายที่ขวดละ 16 บาท เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค โดยมองว่าขนาด 420 มล.เป็นขนาดที่พอเหมาะกับความต้องการของผู้บริโภค หากเป็นขนาด 500 มล.จะมากเกินไป หรือหากเป็น 350 มล.ก็จะน้อยเกินไป สำหรับเป้าหมายการตลาดบริษัทคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และคาดว่าจะถึง 3,000 ล้านบาทในปี 2556 อีกทั้ง จะเป็นสินค้าหลักที่ทำรายได้ให้แก่ บริษัท ไม่ตัน โดยภายในต้นปีหน้าโรงงานผลิตที่บริษัทใช้งบลงทุนไป 2,400 ล้านบาท มีความพร้อมที่จะเดินสายการตลาด ภายใต้กำลังการผลิต 180 ล้านขวดต่อปี และได้แต่งตั้งให้ดีทแฮล์มเป็นตัวแทนจำหน่าย ซึ่งปัจจุบันได้ครอบคลุมร้านจัดจำหน่ายรูปแบบใหม่ หรือโมเดิร์นเทรดแล้ว

อันดับที่ 6 คนทะลัก! แห่เข้าคิวซื้อไอโฟน ดีแทคลด 50% หน้าพารากอน
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ( 3 ก.ย.) ประชาชนจำนวนมาก มาเข้าแถวต่อคิวเพื่อรอซื้อโทรศัพท์มือถือในงาน Dtac 3G EXPO ที่หน้าห้างสยามพารากอน ซึ่งไฮไลท์สำคัญของงาน มีการจัดแคมเปญ ลดครึ่งราคา จัดส่วนลด 50% มือถือทุกรุ่นในจำนวน 100 เครื่องแรกของวัน ส่งผลให้สาวกแอปเปิล ทยอยมาต่อแถวกันเป็นจำนวนมาก บางคนมานอนรอตั้งแต่เมื่อวาน ทั้งนี้มีเหตุประท้วงขึ้นเล็กน้อยเมื่อ มีการเบียดเสียดยัดเยียดกัน และรอคิวนาน มีการแซงคิวจนเกิดการกระทบกระทั่งกัน ทางดีแทคจึงประกาศเพิ่มสิทธิ จาก 100 คิวแรก มาเป็น 1,100 คิวแรก เพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้กับผู้ที่มาเข้าคิวตั้งแต่ 2 วันที่ผ่านมา ส่วนการจราจรบริเวณหน้าห้างพารากอนนั้นติดขัด แนะเลี่ยงเส้นทางเพราะมีการรอเข้าแถวลงไปในช่องทางการจราจรถึงครึ่งเลน

อันดับที่ 5 การรีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ของบริษัท แอ๊ดวานซ์อินโฟเซอร์วิส หรือ AIS เอไอเอส ทุ่มเงิน 500 ล้านบาท ประกาศรีแบรนดิ้งภาพลักษณ์ และโลโก้ใหม่ หลังใช้สัญลักษณ์เก่ามากว่า 22 ปี เผยรีแบรนด์ครั้งใหญ่รอบ 20 ปี รับบริษัทแม่เปลี่ยนสู่อินทัช หนีภาพเอี่ยวการเมือง คาดไม่เกินสิ้นปีเปลี่ยนโฉมเสร็จทั้งหมด พร้อมขยายเน็ตเวิร์ค 3G อีกกว่า 1,600 แห่ง คาดแล้วเสร็จเดือน เม.ย.ปี 55 มั่นใจรายได้ปีหน้ายังโตตาม GDP ประเทศ 4-5% วิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่า ในวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา เอไอเอสได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 22 ที่ให้บริการแก่ลูกค้า โดยปัจจุบันมีลูกค้ารวมในระบบแล้ว 32 ล้านราย ซึ่งที่ผ่านมา เอไอเอสได้ใช้สัญลักษณ์ลูกโลกสีฟ้าของบริษัทโดยจะเป็นโลโก้เดียวกับกลุ่มชินคอร์ปอเรชั่น ซึ่งบริษัทมองว่าถึงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ใหม่ (รีแบรนด์) เป็นรอยยิ้มสีเขียว แทนความเป็นมิตร การสร้างสรรค์ การเติบโต และการแสดงออกทางความรู้สึกที่มุ่งมั่น และชัดเจน ภายใต้แนวคิด “เอไอเอส ชีวิตในแบบคุณ"ทั้งนี้ สัญลักษณ์รูปรอยยิ้มสีเขียว จะเป็นเหมือนกับกลุ่มชินคอร์ป ที่ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "อินทัช" และรีแบรนด์มาตั้งแต่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยในส่วนของเอไอเอสเอง ได้ทำการพัฒนาและปรับเปลี่ยนรูปแบบจึงเพิ่งสามารถรีแบรนด์ได้เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นได้ตั้งงบประมาณสำหรับใช้ในการรีแบรนด์ได้จำนวน 500 ล้านบาท ซึ่งจะรวมถึงการปรับเปลี่ยนร้านค้าเทเลวิซ ช้อปทั้ง 500 แห่ง เครื่องแบบพนักงาน โลโก้ตามที่ต่างๆ และลงประกาศโฆษณาทางโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ ซึ่งประเมินว่าภายในสิ้นปีนี้ การรีแบรนด์จะแล้วเสร็จทั้งหมด นอกจากนี้ วิเชียรกล่าวอีกว่า สาเหตุสำคัญที่เอไอเอสรีแบนด์ในครั้งนี้ ไม่มีนัยสำคัญที่เกี่ยวโยงกับรัฐบาลที่มาจากพรรคเพื่อไทย เพราะการประกาศรีแบรนดิ้งทำก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ดังนั้น การรีแบรนด์เพราะเอไอเอสต้องการแยกตัวออกมาจากบริษัทแม่ และไม่ขอมีภาพลักษณ์ที่เกี่ยวโยงทางการเมือง เพื่อให้หลุดพ้นจากปัญหาเดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นที่ผ่านมา และแบรนด์ลูกโลกสีฟ้าที่เคยใช้มานั้น ยอมรับว่าดูแก่เกินไปแล้วสำหรับลูกค้า และกระแสของเทคโนโลยี ดังนั้น ช่วงเวลานี้คงเหมาะสมที่สุดที่จะปรับภาพลักษณ์ใหม่ “ผมไม่สามารถตอบได้ว่า เรารีแบรนดิ้งเสร็จแล้วภาพจะหายจากการถูกเกี่ยวโยงกับการเมือง และอดีตผู้ถือหุ้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้ประชาชนเป็นผู้พิสูจน์ แต่สิ่งที่เราคือได้คือ ให้บริการที่ดีกับลูกค้า มีเทคโนโลยีใหม่มารองรับความต้องการอยู่เสมอ” สำหรับภาพรวมของเอไอเอสในปี 2555 วิเชียร กล่าวว่า ในแง่ของรายได้ยังเชื่อว่า จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เป็นไปในทางเดียวกับ GDP ของประเทศที่ 4-5% ส่วนในปีนี้นั้น เดิมคาดการณ์ไว้ว่าผลประกอบการจะขยายตัวในเลขหลักเดียวระดับสูง หรือ 7-9% แต่จากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ยอมรับว่า ปัญหาน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ อาจจะส่งผลกระทบต่อการประเมินเป้าหมายไปได้บ้าง แต่ก็ต้องรอประชุมกับที่ประชุมผู้บริหาร และบอร์ดบริษัทก่อน อีกทั้ง เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บอร์ดบริษัทได้อนุมัติแผนการลงทุนขยายโครงข่ายให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์เพิ่ม จากเดิมที่ให้บริการแล้ว 1,884 แห่ง โดยจะเพิ่มอีกราว 1,610 แห่ง โดยคาดว่าภายในเดือน เม.ย.ปี 2555 จะสามารถติดตั้งโครงข่ายได้แล้วเสร็จ ซึ่งจะทำให้ในช่วงเดือนเม.ย.ดังกล่าว เอไอเอสจะมีโครงข่ายให้บริการ 3G คลื่น 900 รวมเป็น 3,500 แห่งทั่วประเทศ รองรับปริมาณคาปาซิตี้ ได้ 6 ล้านเลขหมาย คาดว่าจะมีลูกค้าใช้บริการ 3G เป็น 2 ล้านรายในสิ้นปีหน้า จากปัจจุบันมีลูกค้าแล้ว 8.9 แสนราย “วันนี้คนไทยกว่า 69 ล้านคน ใช้งานมือถือซึ่งถือเป็น 1 ในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ในแต่ละเดือนมีการใช้งานกว่า 180 ล้านครั้งต่อวัน รวมไปถึงมีการเชื่อมต่อเข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ตมากกว่าวันละ 250 ล้านครั้ง ทำให้อุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมมีส่วนนำส่งรายได้ในภาพรวมมากกว่า 2% และก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 300,000 บุคลากร” อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงให้ความสำคัญและสนใจกับการเข้าร่วมประมูลไลเซ่นส์ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ เนื่องจากเป็นการให้บริการ 3G มาตรฐานสากล และยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกสัญญาสัมปทานเดิม ก้าวสู่การแข่งขันเสรี และเป็นธรรม แต่ขึ้นอยู่ที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. จะผลักดันให้เกิดการประมูลได้เร็วแค่ไหน ซึ่งคาดว่าน่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 3 ปี 2555

อันดับที่ 4 การเปิดตัวรถยนต์ Toyota – VIOS
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดตัวรถยนต์ โตโยต้า วีออส รุ่นพิเศษ Toyota Vios TRD SPORTIVO มีเพียง 3,000 คัน ทั่วประเทศ ตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถที่ตกแต่งสไตล์สปอร์ต โดย โตโยต้า วีออส สปอร์ตติโว่ ถูกตกแต่งมาจากรุ่น 1.5J เครื่องยนต์ 1497 cc 109 แรงม้า
การตกแต่งภายนอกของ Toyota Vios TRD Sportivo
มาพร้อมชุดแต่ง สเกิร์ตรอบคัน และสปอยเลอร์ ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่
โคมไฟหน้าแบบ Smoked Chrome
ปลายท่อไอเสียสแตนเลส
สัญลักษณ์ TRD SPORTIVO บริเวณฝากระโปรงท้ายด้านขวา
สติ๊กเกอร์ TRD SPORTIVO บริเวณด้านข้าง
ล้อแม็ก 15 นิ้ว พร้อมยาง 186/60 R15
การตกแต่งภายในของ Toyota Vios TRD Sportivo 2010
ตกแต่งโดยใช้โทนสีดำแดง ทั้งเบาะผ้า
พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง เย็บด้วยด้ายแดง
ฐานเกียร์ชุบโครเมียม คอนโซลหน้าและแผงประตูสุดสปอร์ตด้วยสีเงิน เมทัลลิก
เบาะผ้าสีดำ-แดงพร้อม สัญลักษณ์ TRD SPORTIVO
พรมปูพื้นลายพิเศษ TRD SPORTIVO
Toyota Vios Sportivo มาพร้อมเครื่องยนต VVT-i 1500cc 109 แรงม้า
ราคาค่าตัว อยู่ที่ 604,00 บาท มีให้เลือก 2 สีคือ สีขาว และสีดำ

อันดับที่ 3 การปิดดีลยิ่งใหญ่แห่งปี เป็นการจากกันไปแบบไม่สวยระหว่าง Pepsi Inc กับ เสริมสุข นายสมชาย บุลสุข ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.เสริมสุข (SSC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับแจ้งจากบริษัท เป๊ปซี่ – โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด Seven-Up Nederland, B.V. (เซเว่น-อัพ) (รวมเรียกเป๊ปซี่และเซเว่น-อัพ ว่า“PepsiCo Group”) และ บริษัท เอสเอสเนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (SSN) (รวมเรียก PepsiCo Group และ SSN ว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่) ว่า PepsiCo Group และ SSN ได้ทำความตกลงเกี่ยวกับบุคคลที่จะเป็นผู้ซื้อหุ้น บุคคลที่จะเป็นผู้ขายหุ้น ราคาหุ้น และจำนวนหุ้น ภายใต้สัญญาจะซื้อจะขายหุ้นระหว่างกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2554 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2554 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ โลจิสติก จำกัด ตกลงจะซื้อหุ้น SSC จาก PepsiCo Group จำนวน 110,461,960 หุ้น ราคาหุ้นละ 58 บาท โดยมีมูลค่ารวมการ ซื้อขาย 6,406,793,680 บาท การซื้อขายหุ้นจะดำเนินการโดยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทฯ โดยสมัครใจ อยู่ภายใต้เงื่อนไขบังคับก่อนการทำคำเสนอซื้อหุ้นฯ หากเงื่อนไขบังคับก่อนสาเร็จลงตามวันและเวลาที่กาหนดไว้ในวันที่ 14 กันยายน 2554 ผู้ลงทุนฝ่ายผู้ซื้อหุ้นจะยื่นคำเสนอซื้อหุ้นฯ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในวันเดียวกันนั้น และผู้ลงทุนฝ่ายผู้ซื้อหุ้นจะทำคำเสนอซื้อหุ้นฯ จากผู้ถือหุ้นทุกรายของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงผู้ขายหุ้น โดยมีกาหนดระยะเวลาการทำคำเสนอซื้อหุ้นฯ ทั้งหมด 25 วันทำการ นับแต่วันที่ 15 กันยายน 2554 จนถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2554ปัจจุบันกลุ่ม เป๊ปซี่โค กรุ๊ป ถือหุ้นในเสริมสุขจำนวน110.46ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน41.55%ของทุนจดทะเบียน

อันดับที่ 2 ณเดชณ์ คูกิมิยะ ดาราค่าตัวแพงฝ่ายชายแห่งยุค พร้อมกับควบตำแหน่ง “เจ้าพ่อพรีเซ็นเตอร์” ตัวจริงแห่งปี ด้วยการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาเกือบ 30 ตัว บันทึกเป็นสถิติโลกได้เลย
“ตอนนี้พรีเซ็นเตอร์ที่เห็นก็น่าจะมี 4-5 ชิ้นครับ ไม่เยอะขนาด 20-30 ชิ้นหรอก ไม่เยอะขนาดนั้น ไม่ถึงกับเป็นเจ้าพ่อพรีเซ็นเตอร์ครับ ยังเรื่อยๆ เหมือนเดิม แต่ก็ยังรับได้เรื่อยๆ นะครับ(หัวเราะ) จะมีอีกหรือเปล่ายังไม่แน่ใจเหมือนกัน” เป็นคำบอกกล่าวที่จะบอกว่าผิดไปจากความจริงก็ไม่เชิง แต่จะถูกทั้งหมดก็คงจะไม่ใช่  เพราะหากลองไปไล่เรียงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ผ่านไป 3 เดือนแรกของปีพ.ศ.2554 นักแสดงหนุ่มคนนี้รับเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าแล้ว 8 ประเภทสินค้า รวม 9 ชิ้นด้วยกัน   ตั้งแต่ มันฝรั่งทอดกรอบเลย์ รสหมึกย่าง+รสน้ำจิ้มซีฟู้ด, รถมาสด้า 2 ซีดาน, นมโฟร์โมสต์ แคมเปญ "สุขภาพดี 24 ชั่วโมงกับโฟร์โมสต์", เลย์ ชุด พาเพื่อนซี้เที่ยวฟรีกับเลย์, รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน (Yamaha Fino) ชุด รักยกกำลัง 2, น้ำส้มมินิทเมท พัลพิ, แป้งเย็นทเวลฟ์ พลัส เอ็กซ์ตร้า คูล แอนตี้แบคทีเรีย, ครีมอาบน้ำ โชกุบุสซึ โมโนกาตาริ โชกุบุสซึ ฟอร์เมน ที่ทำเอาสาวๆ กรี๊ดกันสนั่น รวมถึงล่าสุดกับซัมซุง โน้ตบุ๊ก ซีรีส์ 9   ซึ่งจากเวลาที่เหลืออีก 9 เดือนกับตัวเลขจำนวนโฆษณาที่มีการคาดเดากันไว้นั้น หากไม่ใช่ก็คงจะใกล้เคียงที่เป็นไปได้ทั้งในจำนวนปริมาณที่มากกว่าและน้อยกว่า   ว่ากันด้วยเรื่องของเม็ดเงินกับตัวเลข 100 ล้านบาทที่ระบุว่าเป็นค่าตัวเฉพาะจากการรับเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณานั้นต้องถือว่าค่อนข้างจะสูงเกินจริง เนื่องจากอัตตราการว่าจ้างงานงานโฆษณาต่อชิ้นส่วนใหญ่โดยทั่วไปจะอยู่กันที่หลักแสนสองแสนบาท อาจจะถึงหลักล้านในส่วนของเครื่องไฟฟ้า เครื่องมืออิเลคทรอนิกส์ มือถือ คอมพิวเตอร์ และอาจจะถึงหลัก 2-3 ล้านในส่วนของรถยนต์หรืออาจจะรวมถึงหน่วยงานบางภาคส่วนของรัฐที่เงินหนา อาทิ ททท. ฯ ซึ่งหากเขามีงานโฆษณาอยู่ที่ 20 กว่าตัวจริงๆ โดยรวมทั้งหมดเต็มที่ก็ไม่น่าจะเกิน 40 ล้านบาท  ขณะที่รายได้จากงานอื่นๆ ทั้ง งานถ่ายแบบ ซึ่ง 3 เดือนที่ผ่านมาเจ้าตัวขึ้นปกให้กับนิตยสารต่างๆ ไปแล้ว 14 ปกด้วยกัน, งานละครที่คาดว่าปีนี้จะมีออกมาเพียงเรื่องเดียวคือ "เกมร้าย เกมรัก" ส่วนงานอีเว้นท์ที่จัดได้ว่าเป็นงานที่สามารถทำเงินได้อย่างเป็นกอบเป็นกำในเวลานี้เจ้าตัวของดไปก่อนทั้งหมด(ยกเว้นที่เกี่ยวกับสินค้าที่ตัวเองรับเป็นพรีเซ็นเตอร์ไว้แล้วที่อาจจะต้องไปโชว์ตัวบ้าง) เนื่องจากจะเอาเวลาไปทุ่มให้กับเรื่องเรียนเป็นหลักนั้น ต่อให้นำเอารายได้เหล่านี้มารวมด้วยก็คงจะเป็นไปได้ยากที่จะมีรายได้ถึง 100 ล้าน เจ้าตัวกล่าว

ผลงานโฆษณาของณเดชน์
• หมากฝรั่ง Trident Recaldent ร่วมกับ พัชราภา ไชยเชื้อ (พ.ศ. 2552)
• ครีมอาบน้ำ โชกุบุสซึ โมโนกาตาริ โชกุบุสซึ ฟอร์เมน (พ.ศ. 2552)
• ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า Nivea for Men (พ.ศ. 2553)
• โทรศัพท์ Samsung Monte 3G (พ.ศ. 2553)
• โทรศัพท์ Samsung Galaxy S (พ.ศ. 2553)
• รถจักรยานยนต์ YAMAHA Fino ชุด We Love Fino (พ.ศ. 2553)
• รองเท้า บาโอจิ (Baoji) ร่วมกับ เขมนิจ จามิกรณ์ (พ.ศ. 2553)
• รถจักรยานยนต์ YAMAHA New Fino (พ.ศ. 2554)
• มันฝรั่งทอดกรอบ Lays รสหมึกย่างและน้ำจิ้มซีฟู้ด ร่วมกับ พอลล่า (พ.ศ. 2554)
• รถยนต์ Mazda2 Sedan (พ.ศ. 2554)
• มันฝรั่งทอดกรอบ Lays ชุด พาเพื่อนเที่ยวกับเลย์ (พ.ศ. 2554)
• เครื่องคื่ม สุขภาพดี 24 ชั่วโมง ร่วมกับ ญาญ่า อุรัสยา (พ.ศ.2554)
• เครื่องคื่ม น้ำส้มมินิเมด พัลพิ ร่วมกับ บัว อาภาภัทร(พ.ศ. 2554)
• แป้ง 12Plus Extra Cool Powder Anti-Bacteria (พ.ศ. 2554)
• ครีมอาบน้ำ โชกุบุสซึ โมโนกาตาริ โชกุบุสซึ ฟอร์เมน ชุด ผู้ชายสะอาด ผู้ชายโชกุ (พ.ศ. 2554)
• มันฝรั่งทอดกรอบ Lays ชุด ความสุขเล็กๆ ที่แบ่งกันได้ ร่วมกับ ญาญ่า อุรัสยา (พ.ศ.2554)
• เครื่องคื่ม โออิชิ ฟรุตโตะ (พ.ศ. 2554)
• TrueMove ซิมฮักกัน ชุด อีสาน In the City (พ.ศ.2554)
• คอมพิวเตอร์ Samsung Notebook Series9 (พ.ศ. 2554)
• โทรศัพท์ Samsung Candy (พ.ศ. 2554)
• มันฝรั่งทอดกรอบ Lays ชุด คิดรสแบ่งปัน เฮกันเป็นล้าน ร่วมกับ ญาญ่า อุรัสยา (พ.ศ.2554)
• เครื่องสำอางค์ Mistine BB Angel ร่วมกับ ญาญ่า อุรัสยา (พ.ศ.2554)
• มันฝรั่งทอดกรอบ Lays Magic ชุด SAME HEART ร่วมกับ ญาญ่า อุรัสยา (พ.ศ.2554)
• มันฝรั่งทอดกรอบ Lays ชุด รสแซนวิช แฮมชีส ร่วมกับ ญาญ่า อุรัสยา (พ.ศ.2554)
• เครื่องคื่ม Foremost ชุด Good Morning ร่วมกับ ญาญ่า อุรัสยา (พ.ศ.2554)
• บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยำยำ จัมโบ้ รสต้มยำกุ้ง ร่วมกับ ญาญ่า อุรัสยา (พ.ศ.2554)
• คอนโดมิเนียม The Capital Condo ชุด Bedroom และชุด Enjoy (พ.ศ.2554)
• เครื่องคื่ม น้ำส้ม มินิเมด พัลพิ ชุด Heaven (พ.ศ. 2554)
• รถยนต์ New Mazda2 Elegance (พ.ศ. 2554)

อันดับที่ 1 CPN รุกธุรกิจค้าปลีกในระดับโลก ส่วนเซ็นทรัล เปิดยุทธศาสตร์ค้าปลีกทุกแนวรบ เพื่อครองอันดับ 1 ในระดับเอเชีย
กลยุทธ์ในประเทศ เปิดตัวห้างไฮเอ็นด์ที่ชื่อ Central Embassy บริเวณเพลินจิต ในปี 2556 มีการรีโนเวตห้างเดิมอย่าง Central ลาดพร้าว, Zen CentralWorld , เปิดตัวห้างใหม่ในกรุงเทพฯ Central พระราม 9 ใช้Tops Daily เป็นหัวหอกรุกธุรกิจ convenient store ชนกับ โลตัสเอ็กซ์เพรส และ 7-eleven

ในขณะที่กลยุทธ์ต่างประเทศ ซื้อห้างหรู
เป็นการซุ่มเงียบท่ามกลางการรุกคืบข้ามห้วย ข้ามทวีป ของกลุ่มเซ็นทรัล จากที่ผ่านมาความเคลื่อนไหวและภาพการลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัลเน้นโฟกัสเปิดตัวที่ตลาดเมืองจีนเป็นหลัก และบิ๊กดีลครั้งนี้กลุ่มเซ็นทรัลได้เซ็นสัญญาซื้อขายกับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมแล้วเสร็จเมื่อช่วงเย็นของวันศุกร์ (27 พฤษภาคม) ที่ผ่านมา "ทศ จิราธิวัฒน์" ชี้ว่า ธรรมเนียมการทำงานของจิราธิวัฒน์ ถ้ายังไม่เรียบร้อย เราจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ ไม่เพียงแต่ของกลุ่มเซ็นทรัล แต่ยังหมายถึงความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของวงการค้าปลีกไทย เพราะไม่ใช่การซื้อห้างปกติทั่วไป แต่เป็นห้างที่ยิ่งใหญ่และมีตำนานของยุโรปกว่า 150 ปี เป็นการซื้อกิจการที่มีมูลค่าสูงด้วยทุนเงินสดของกลุ่มเซ็นทรัล

ไม่เพียง "อิตาลี" เป็นศูนย์กลางการค้าและแฟชั่นระดับโลกที่จะกลายเป็นสปริงบอร์ดให้กลุ่มธุรกิจเซ็นทรัลต่อยอดเทียบชั้นกลุ่มธุรกิจระดับโลกแล้ว แต่อีกด้านหนึ่งยังเป็นการนำพาซัพพลายเออร์คู่ค้ากว่า 5,000 ราย ที่เคียงคู่ทำธุรกิจร่วมกันมาในเมืองไทยให้เติบโตนอกบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ การเดินหน้าทางธุรกิจด้วยสูตรควบรวมกิจการครั้งนี้ ได้กลายเป็นแนวทางที่ทำให้กลุ่มเซ็นทรัลมีการวางตำแหน่งแบรนด์ครบ 4 รูปแบบเติมเต็มทุกความต้องการของตลาด คือ เซ็นทรัล เจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยมแมส และเป็นสูตรที่ให้บุกตลาดต่างประเทศในเอเชีย เช่นเดียวกับห้างสรรพสินค้าเซนที่โฟกัสกลุ่มแฟชั่นและเปิดตลาดในเอเชียขนานกันไปกับแบรนด์เซ็นทรัล ขณะที่โรบินสันจะเป็นหัวหอกในการบุกตลาดต่างจังหวัดและหัวเมืองที่มีกำลังซื้อและดีมานด์ขนาดใหญ่ในประเทศ ส่วนน้องใหม่ "ลา รีนาเชนเต" เป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ที่จะนำพากลุ่มเซ็นทรัลก้าวเข้าสู่วงการรีเทลระดับนานาชาติหัวเรือใหญ่เซ็นทรัลรีเทลเล่าถึงเบื้องหลังการตัดสินใจซื้อโปรเจ็กต์มูลค่าหมื่นล้านในครั้งนี้ว่า รู้จักกับซีอีโอห้างลา รีนาเซนเต "วิททอริโอ ราดิเซ" มากว่า 10 ปี คุ้นเคยกันและเมื่อปีที่แล้วรู้ว่าเจ้าของเดิมกิจการดังกล่าวซึ่งเป็นกลุ่มกองทุนด้านการเงิน (ไฟแนนซ์ อินเวสเตอร์) ต้องการขายออกไปจึงเข้าไปประมูล

ด้วยการเสนอราคาที่เหมาะสม และตรงกับยุทธศาสตร์การเติบโตของกลุ่มเซ็นทรัลจึงทำให้สามารถคว้าดีลครั้งนี้ได้ สำหรับโครงสร้างการบริหารกิจการใหม่ "ทศ" จะยังคงใช้ทีมบริหารชุดเดิมพร้อมส่งทีมผู้บริหารรุ่นใหม่ของกลุ่มจิราธิวัฒน์เข้าไปร่วมทำงานและฝึกงานด้วย ด้วยเป้าหมายให้แบรนด์ "ลา รีนาเซนเต" เปิดตลาดเป็นห้าง "เวิลด์คลาส ไลฟ์สไตล์ แบรนด์" ในตลาดยุโรป ตะวันออกกลาง อเมริกาควบคู่กับการขยายในอิตาลี 5 สาขา ภายใน 5 ปี จากปัจจุบันมี 11 สาขา ในอิตาลี และสาขาที่เป็นแฟลกชิปตั้งอยู่ข้างวิหารดูโอโม ในเมืองมิลาน ซึ่งเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในทางกลับกัน การที่เซ็นทรัลมีห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศย่อมส่งผลดีต่อบรรดาซัพพลายเออร์กว่า 5,000 รายที่เป็นคู่ค้ากับเซ็นทรัลมานาน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีศักยภาพให้ได้มีช่องทางขายใหม่ ๆ มีโอกาสสร้างแบรนด์ในระดับสากล ที่สำคัญกว่านั้น คีย์แมนเซ็นทรัลมองว่า การซื้อกิจการในครั้งนี้ ไม่เพียงเข้ามาเสริมรายได้การเติบโตของกลุ่มเซ็นทรัล 15% ภายในปีนี้เท่านั้น แต่ยังได้ "โนว์ฮาว" ที่สำคัญในทางธุรกิจเพื่อนำมาต่อยอดและเสริมให้ทีมงานเซ็นทรัลแข็งแกร่งและเก่งขึ้นสำหรับการเติบโตนอกบ้านและรับมือกับการแข่งขันในประเทศ ซึ่งหาไม่ได้ง่าย ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น