วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2562

พิภพราชา ภาคขยาย ตอนที่ 4 (การผจญภัยขององค์รัชทายาท และปริศนาผู้เสวยราชย์)





บทเกริ่นนำ


นับตั้งแต่จีนเปิดประเทศ หรือก้าวเข้าสู่ยุค 2000 มานี้ พัฒนาการของหนังจีนกำลังภายในหรือนิยายกำลังภายในยุคใหม่ ช่างแตกต่างจากในยุคก่อน (กิมย้ง/โกวเล้ง/หวงอี้) เอามากๆ ในความรู้สึกของผู้เขียน คือเต็มไปด้วย อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ เวทมนต์ ที่มันฟุ้งเฟ้อ ล้ำจินตนาการมากเกินไป เต็มไปด้วยพล็อตที่มันหาตรรกะ เหตุผล ความน่าเชื่อถือได้น้อยลง  ข้อสังเกตง่ายๆ เมื่อก่อนเราดูหรืออ่านนิยายกำลังภายใน อย่างเก่ง ก็คือการต่อสู้กันด้วย ทักษะ เชิงยุทธ์ เพลงกระบี่ หรือวิชาการต่อสู้ ผ่านการฝึกฝนของตัวละคร หรือขโมยเคล็บลับวิชามาฝึกกัน แล้วเอาชนะกันด้วยเคล็ดวิชา ท่วงท่า เพลงกระบี่ ที่เหนือกว่า ใครเก่งกว่าก็เอาชนะได้ ใครแพ้ ถ้าไม่เสียชีวิตก็พิการ หรือถูกทำลายวรยุทธ์ หรือตัดเส้นเอ็น อะไรประมาณนี้ แต่ว่าหนังจีนกำลังภายใน หรือนิยายกำลังภายในยุคใหม่ มันมีขั้นที่เหนือกว่าวรยุทธ์ ขึ้นไปอีกสเต็ปนึงก็คือ มีชั้นเทพ เพิ่มขึ้นมา คือถ้าคุณเก่งวรยุทธ์เป็นระดับเซียนกระบี่มือ 1 แต่พอมาเจอขั้นเทพ คุณจะสู้พวกเทพนี้ไม่ได้ ต้องก้าวขึ้นไปฝึกวิชาเทพอีกระดับนึง คือต้องแอดว๊านซ์ขึ้นไปสู่ชนชั้นวรรณะเทพ จึงจะสามารถไปต่อกรได้ แล้วก็เลยเป็นแนวทางใหม่ๆ ของโลกยุทธภพไปแล้วหรือไม่ ช่วงหลังๆ เราจึงพบเจอกับนิยายกำลังภายในที่มีพวกเทพขึ้นมาอีกสับเซตนึง ซึ่งมาผสมโรงกับพวกจอมยุทธ์ ซึ่งก็ยังคงมีอยู่ในยุทธนิยายแบบเดิมและแบบใหม่ เพิ่มเติมคือพวกเหล่าจอมเทพ,เซียน,จอมปราชญ์ และการเปิดโลกน่านน้ำสีน้ำเงินของยุทธนิยายให้มีพวกเทพ,เซียน,ปราชญ์เพิ่มขึ้นมานี้แหละ ที่ทำให้มนต์เสน่ห์ของนิยายจีนกำลังภายในหรือหนังจีนกำลังภายในมันขาดมนต์ขลังไป เพราะพอมีกลุ่มพวกจอมเทพ,เซียนมาในหนังจีนหรือนิยายกันมากๆ ราวกับซีรีส์เทพเจ้าอินเดีย  กลุ่มคนพวกนี้มันจะทำอะไรก็ได้ ในระดับทำลายล้าง ไร้ตรรกะ (ความน่าเชื่อถือ) ถือเป็นการทำลายมนต์เสน่ห์ของนิยายกำลังภายในแบบเดิมๆ ไปเสียสิ้น (แต่คนรุ่นใหม่ อาจจะชอบแนวนี้ก็เป็นได้ แต่ในฐานะผู้เขียนเคยเสพแต่นิยายกำลังภายในแบบเก่ายุคกิมย้ง,โกวเล้ง,หวงอี้) ทำให้ไม่อินกับแนวพวกจอมเทพ,เซียนของยุคใหม่ 





ที่กำลังสนใจดูอยู่อย่าง สยบฟ้าพิชิตปฐพี (นิยายของนักเขียนรุ่นใหม่ เมานี่)  เป็นตัวอย่างของนิยายยุคใหม่ที่มีกลุ่มพวกจอมเทพ,เซียน,ปราชญ์  ผู้เขียนชอบบุคลิกของตัวละครเอกคือ หนิงเชวีย พระเอกของเรื่องที่เป็นพวก Loser มีปมอดีตที่เป็นปริศนา แม้พระเอกจะฝึกฝนวิทยายุทธ์จนเก่งขนาดไหน จนได้รับฉายา จอมสังหาร “คนตัดฟืนแห่งทะเลสาบซูปี้”  ถ้าเป็นในโลกนิยายกำลังภายในแบบยุคเดิมๆ ความเก่งระดับนี้ของหนิงเชวีย ต้องสามารถตะลุยยุทธภพ ต่อสู้ปราบเหล่าอธรรมได้สบาย แต่ในเรื่องนี้ ฝีมือของพระเอกกลายเป็นระดับกิ๊กก๊อกไปเลย เมื่อไปเจอกับเหล่าผู้มีฝีมือในสาย จอมเทพ,จอมปราชญ์ทั้งหลาย ทำให้ในเรื่อง พระเอกต้องต่อสู้เพื่อให้ตัวเองเข้าไปสู่สำนักจอมปราชญ์ เพื่อฝึกปรือฝีมือก้าวขึ้นไปสู่ระดับเดียวกับพวกจอมเทพให้ได้ คือต้องนับหนึ่งใหม่สำหรับการเริ่มต้นฝึกวิชากันเลยทีเดียว 




ซึ่งผุ้เขียนก็เข้าใจนะครับ ว่าโลกต้องมีการเปลี่ยนแปลง แนวทางเดิมของยุทธนิยายแบบโลกเก่า อาจไม่มีอะไรใหม่หรือทำให้สนุกตื่นเต้นเท่าการเปิดประตูสู่โลกใหม่ของยุทธนิยายจีนยุคนี้ เหมือนคนยุคก่อนที่ไม่เข้าใจ ไม่เปิดรับโลกโซเชียลอินเตอร์เน็ต ยังชอบอยู่ในโลกยุคออฟไลน์แบบเดิมๆ ก็จะไม่เข้าใจว่าโลกโซเชียลมีมิติใหม่ๆ อะไรที่น่าค้นหา และมีข้อดีของมันอยู่ แต่ก็เห็นๆ กันว่า โลกโซเชียลด้านที่มันร้าย มันก็สามารถทำลายให้คนเราย่อยยับได้ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนเหมือนกัน หากเราไม่สามารถแยกแยะ หรือเรียนรู้เอาด้านดีของมันออกมาใช้ เฉกเช่นเดียวกับ การที่นักเขียนรุ่นใหม่เลือกสร้างโลกใหม่ให้ยุทธนิยาย มีตัวละครแบบเหล่าจอมเทพโผล่เข้ามาเยอะๆ โดยที่คุณไม่สร้างตรระกะรองรับ หรือนำตัวละครมาใช้อย่างเหมาะสม สมเหตุผล เหมาะกับเหตุการณ์ มันอาจทำลายคุณค่าของนิยายกำลังภายในไปแบบชนิด อีกหน่อยเราอาจมองยุทธนิยายจีนเป็นเพียงหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ฉาบด้วยเครื่องแต่งกายจีนแบบกำลังภายในโบราณก็เป็นได้ แล้วถึงตอนนั้น เราก็อาจโหยหา อยากออกจากโลกโซเชียลสู่โลกความเป็นจริง ออกจากโลกยุทธนิยายอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์มาสู่โลกยุทธนิยายแบบจอมยุทธ์ที่ฝึกปรือวิชาด้วย 2 มือเปล่าไปต่อสู้เพื่อผดุงความเป็นธรรมจะดีกว่า  

เข้าสู่เนื้อหาพิภพราชา ในตอนนี้ จะเข้าสู่เนื้อหาของ ภาค 2 ชื่อตอน ปริศนาผู้เสวยราชย์ ฟังดูอาจจะงงๆ ว่า ปริศนาที่ว่าคือปริศนาอะไร และเป็นปริศนาของผู้เสวยราชย์ท่านใด คำว่าเสวยราชย์ คืออะไร ใช่ความหมายเดียวกับ การขึ้นครองราชย์มั๊ย แล้วใครคือผู้เสวยราชย์ ชักงงแล้วสิ ก่อนจะไปอรรถาธิบายพวกคำเหล่านี้  ขอย้อนไปภาคแรกนิดนึง คือภาคแรก ชื่อตอน ชะตากรรมแห่งองค์รัชทายาท ชื่อก็ค่อนข้างชัดเจน ดังนั้น ในภาคแรก จุดโฟกัส จึงเป็นเรื่องขององค์รัชทายาท ที่ชื่อเจ้าชายอัศวเทพ แห่งมหิทธินาศรังสรรค์นคร ตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบภาคแรก คือเส้นเรื่องค่อนข้างชัดเจน แม้จะมีเส้นเรื่องรองเพิ่มเติมมาในส่วนของ ตัวละครอื่นๆ บ้าง 

แต่พอมาภาค 2 แม้จะชื่อตอน ปริศนาผู้เสวยราชย์ แต่เนื้อหาแบ่งเป็น 2 ส่วน ที่แยกจากกันชัดเจน คือส่วนที่ 1 เป็นพาร์ทผจญภัยของเหล่าบรรดารัชทายาทวัยรุ่นจากนครรัฐต่างๆ (พาร์ทนี้ สามารถแยกเป็นตอน หรือเรื่องอีกเรื่องนึงได้เลย) มูลเหตุของการที่เหล่าบรรดารัชทายาทวัยรุ่นเหล่านั้น คือ 19 ราย มารวมตัวกันอยู่ที่เนราญนารายณ์ ก็เพราะเป็นกุศโลบายของพระอาจารย์ฤษีอิสรดาบถ ร่วมกับพระเจ้าเอกสิทธาธิราช แห่งนพธารานคร ที่มองเห็นปัญหาที่ทำให้นครรัฐต่างๆ ต่างรุกรานดินแดนซึ่งกันและกัน เป็นเพราะไม่เคยมีการเชื่อมไมตรี หรือสานสัมพันธไมตรีกันมาก่อน จึงออกอุบายที่เชิญบรรดาเจ้านครรัฐต่างๆ มาประชุมกัน ที่นพธารานคร แล้วออกปฏิญญาร่วมกัน ที่จะให้ตัวแทน ซี่งเป็นองค์รัชทายาทสำคัญที่จะได้ขึ้นครองราชย์ในอนาคต มาอยู่รวมกัน ศึกษาเล่าเรียน และผูกสัมพันธ์ เป็นพระสหายกันในคลาสเรียน ที่วิทยาลัยเนราญนารายณ์ ซึ่งเป็นวิทยาลัยนานาชาติ เอ๊ยไม่ใช่ เป็นเหมือนโรงเรียน บ่มเพาะ ที่ประสาทวิชา เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ระหว่างบรรดาพระสหายจากนครรัฐต่างๆ เผื่อวันหน้า หากคิดจะรบราฆ่าฟันกัน จะได้หันหน้ามาเจรจากันแทน เพราะดินแดนที่คุณจะรุกรานอยู่นั้น มีพระสหายของคุณที่เคยเรียนร่วมกันมา เป็นผู้ปกครองนครรัฐนั้นอยู่  ส่วนที่ 2 เป็นพาร์ทของปริศนาผู้เสวยราชย์  คำว่าปริศนา ก็ไม่มีอะไรมาก คือเรายังไม่เฉลยในตอนนี้ว่า คนที่ได้ขึ้นครองราชย์ในนครรัฐแห่งหนึ่ง ไม่ได้ถูกวางตัวเป็นองค์รัชทายาท หรือแคนดิเดทที่จะได้ขึ้นครองราชย์ แต่แล้วจู่ๆ ก็ถูกสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์แบบงงๆ หรือเซอร์ไพร์ซ และมันมีเรื่องราวความวุ่นวายหลังจากนั้นตามมาอีกมาก ทั้งต่อตัวผู้เสวยราชย์พระองค์นั้น และต่อคนรอบข้างของเขาด้วย ส่วนคนๆ นั้นเป็นใคร ก็ต้องเข้าไปอ่านในพิภพราชา ภาค 2 เอาเอง  ใบ้ให้ก็ได้ ผู้เสวยราชย์พระองค์นี้ ก็เป็น 1 ใน 19 พระสหาย ที่ได้ไปศึกษาเล่าเรียนที่เนราญนารายณ์ด้วย

ไฮไลท์ของพาร์ท ผจญภัยของเหล่าบรรดาองค์รัชทายาททั้ง 19 พระสหาย นี้อยู่ตรง พวกเขาไปเรียนวิชาการอะไรกันบ้าง ใครอยู่ในกลุ่มตั้งใจเรียนบ้าง  ใครไม่ได้ตั่งใจมาเรียน แต่มาเพราะพ่อแม่ให้มาเรียนก็มา (เอ๊ะ นี่ไม่ได้แขวะเด็กวัยรุ่นยุคนี้นะ แต่มันก็มีอยู่ในทุกสังคมนั่นแหละ) และที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ บรรดาคณาจารย์ที่มาสอนเด็กๆ วัยรุ่นกลุ่มนี้ เป็นใคร มาจากไหนกันบ้าง บางคนมาเจอโจทก์เก่าของตนเอง คือไม่ถูกกัน มาก่อน อันนี้ไม่ขอสปอยด์นะ และที่มันสนุกมากก็คือ มันจำลองสังคมของเหล่าวัยรุ่น ที่ทุกสังคม ต้องมีทั้งคนดี คนเลว คนที่มีบุคลิกร่าเริง ชอบเป็นผู้นำหรือกล้าแสดงออก บางคนมีบุคลิกเงียบขรึม ชอบเก็บตัว ไม่คบหาหรือสุงสิงกับใคร และบางคนเป็นเด็กมีปัญหา บางคนดูภายนอกเป็นคนดี แต่ภายในจิตใจหรือเบื้องหลังนี่แสบมาก ร้ายกว่าเด็กที่ดูภายนอกแบดๆ ก็มี  พอคนเหล่านี้ต้องมาอยู่รวมกัน คุณคิดว่า จะเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่า มันต้องมีเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาได้เรียนรู้ ได้บทเรียน ได้ประสบการณ์ในชีวิต เป็น coming of age 

พาร์ทนี้ บอกเลย ผู้เขียนตั้งใจเขียนให้มันมีข้อคิดอะไรดีๆ สำหรับคนอ่าน (เด็กวัยรุ่น) ด้วย แต่แปลกมาก ภาค 2 เป็นภาคที่คุณผู้อ่านให้ความสนใจอ่านน้อยที่สุดในบรรดา 4 ภาค คือมีคนเข้ามาอ่านน้อยสุด (นี่คือข้อมูลสถิติจากเว็บเด็กดี ที่ผู้เขียนเอานิยายเรื่องนี้ไปลงไว้) ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อาจเป็นเพราะชื่อตอนที่มันไม่น่าสนใจ หรือว่า คิดว่ามันคงเป็นเนื้อหาที่ไม่เข้มข้น คนส่วนใหญ่พออ่านภาคแรกแล้ว จึงข้ามไปอ่านภาคสุดท้ายเลย ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ อาจจะทำได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้ ผู้เขียนขอบอกว่า คุณจะพลาดฉากสำคัญไปมากทีเดียว เพราะทุกภาคของพิภพราชา ผู้เขียนใส่รายละเอียดทีสำคัญลงไปในสัดส่วนเท่าๆ กัน และไม่ฉากไฮไลต์หรือไคลแม็กซ์ในทุกภาค จึงอ่านแบบข้ามๆ ไป จะไม่สามารถเก็บรายละเอียด และพลาดในส่วนพัฒนาการของตัวละครสำคัญไปอย่างแน่นอน

อีกส่วนหนี่งก็คือ ภาคนี้ จะมีฉากไฮไลต์ที่สำคัญๆ ปรากฏอยู่ในส่วนที่ 2 หรือพาร์ทปริศนาผู้เสวยราชย์ หลายฉาก ยกตัวอย่างแรก ฉากเฉลยว่าตัวละครตัวหนี่งเป็นลูกใคร แล้วนั่นเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาได้ขึ้นครองราชย์  กล่าวคือเรื่องนี้ จะมีตัวละครสำคัญที่มีปริศนาชาติกำเนิดอยู่ 3 ตัว ด้วยกัน บอกเลยสูตรสำเร็จในการแต่งนิยาย ถ้านิยายเรื่องใดก็ตาม มีตัวละครที่มีปริศนาเรื่องชาติกำเนิดที่คลุมเครือ ไม่รู้แน่ชัดนะ ไม่ว่าตัวใดก็ตาม ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า นี่คือพระเอกของเรื่อง หรือเป็นกลุ่มตัวละครเอก ของเรื่องนั้น มีความสำคัญต่อเนื้อหาและโครงเรื่อง แต่ผู้เขียนไม่อาจจะบอกตรงๆ กับคนอ่านได้ในช่วงแรก เพราะจะทำให้มีผลต่อโครงเรื่องหรือพล็อตที่วางเอาไว้ แต่จะไปเฉลยอีกทีในภายหลังเมื่อถึงจังหวะเวลาที่สมควรแล้ว  ถามว่าแล้วผู้แต่งจะทำให้มันมีความลับซับซ้อนไปเพื่ออะไร ก็เพราะว่า ต้องการให้ผู้อ่านคาดเดาหรือติดตามเนื้อหาต่อไปไง ถ้าเฉลยหมด มันจะสนุกอะไรหล่ะ แล้วบางทีการเก็บปริศนาเอาไว้ มันไปมีผลต่อจุดเปลี่ยนของเรื่อง หรือเหตุการณ์พลิกผันของเรื่องด้วย เหมือนที่ ในพาร์ทนี้ จะมีตัวละคร 1 ใน 3 ตัวละครหลัก ที่มีปูมเรืองชาติกำเนิดไม่แน่ชัด นี่แหละ จะถูกเฉลยในภาคนี้ ว่าคือผู้เสวยราชย์ ในนครรัฐแห่งหนึ่ง ไม่บอกว่าใคร ต้องไปอ่านเอาเอง  ยกตัวอย่างสอง มีอยู่ฉากหนึ่งจะเป็นการเผยให้เห็น มูลเหตุ หรือชนวนสำคัญที่ทำให้ นครรัฐจามกับขอม โกรธเคือง เมื่อรู้ว่า ถูกหลอกให้ถอนทัพ ในศึกถล่มกรุงโลกาบรรณพิภพ ครั้งที่  1 เพราะถูกใครคนหนึ่ง บุกมาวางเพลิงเผาป่าใกล้วังของตน และแอบมาปล่อยเชื้ออหิวาห์ ซึ่งเป็นโรคติดต่อ ที่ทำให้ขอมต้องย้ายราชธานี หนีโรคร้าย พอทราบว่าถูกเล่นงาน จึงเกิดเป็นชนวนที่จะทำให้พวกเขาต้องเอาคืน ฝ่ายที่ทำให้พวกเขาต้องถอนทัพ ซึ่งชนวนความขัดแย้งนี้ จะนำไปสู่เหตุการณ์ในภาค 3 ต่อไป อีก ซี่งเรื่องราวมันจะเข้มข้น และมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของตัวละครหลัก ไว้ตอนหน้ามาเล่าให้ฟังกันต่อ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น