คนคำนวณ ไม่สู้ฟ้าลิขิต นี่เป็นสำนวนจากนิยายกำลังภายในอีกเช่นกัน
แต่น่าจะมาจากสามก๊กมากกว่า
ต้องบอกก่อนนะครับว่า
เจ้าชายปรมินทรอัศวเทพ (องค์รัชทายาทน้อย) กับเจ้าชายปรเมศฤทธี (พระราชาน้อย) 2 คนนี้
เขาไม่ได้โกรธเกลียดอะไรกันนะ เพียงแต่ถูกใช้เป็นเครื่องมือและถูกปั่นหัว
เป็นหุ่นเชิดของผู้มีอำนาจทั้ง 2 ฝ่ายในมหิทธินาศรังสรรค์
เป็นการแก่งแย่งชิงอำนาจกันก็เท่านั้นเอง โดยเนื้อแท้แล้ว เขาทั้ง 2 คนต่างรักใคร่เป็นเหมือนพี่น้องกัน เคยเล่นกันมาตั้งแต่วัยเยาว์
อาจมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง อิจฉาริษยากันบ้าง ตามประสาเด็กๆ
แต่ไม่ได้โกรธเกลียดกันถึงขั้นเอาชีวิต หรือผูกใจเจ็บอะไรกัน และภายหลัง 2 คนนี้ยังมีส่วนช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วย
ไทม์ไลน์ต่อจากการที่เจ้าชายอัศวเทพ
(องค์รัชทายาทน้อย) ถูกติดตามไล่ล่าโดยฝ่ายของอำมาตย์ราชสิงห์
จนตัดสินใจกระโดดหน้าผาลงมาพร้อมๆ กับพัดเศวก นายทหารมหาดเล็กคนสนิท แต่ปรากฏว่า
ในขบวนผู้สืบราชบัลลังก์อันประกอบด้วย องค์รัชทายาทน้อย พัดเศวก สรวงสุดาเทวี
และขุนไกร 4
คนนี้ ต่างแตกกระสานซ่านเซ็นกันไปคนละทิศละทางเลย ดังนี้ องค์รัชทายาทน้อย
กระโดดลงจากหน้าผาลงสู่ลำธารและวิญญาณออกจากร่าง
แต่ร่างกายสามารถลอยตามน้ำในลำธารไปได้ โดยไม่จม จนมีเด็ก 2 คนมาเจอร่างและช่วยเหลือไว้ก็คือ
นาคามินกับมณีมัจฉา
เอาร่างของรัชทายาทน้อยกลับไปยังเนราญนารายณ์ครุหอาศรมของพระอาจารย์ฤษีอิสรดาบถให้ช่วยเหลือ
,พัดเศวก กระโดดจากหน้าผามาติดอยู่ตรงกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่ รอดตายมาได้แต่ก็มาถูกยักษ์สดึกจับตัวไปยังปราสาทร้าง
ได้พบเจอกับชะนีศรีบ่าง พัดเศวกถูกล่ามโซ่ไว้ราวกับเป็นสัตว์เลี้ยงของยักษ์สดึก
ด้านมเหสีสรวงสุดาเทวี ได้รับการช่วยเหลือจากภูติผีเสื้อ ซึ่งเป็นนักรบของราชินีรุจิเรขรัศมี
เจ้าครองแคว้นราโชทัย
จากนั้นราชินีรุจิเรขรัศมีจึงให้ดรุณีผีเสื้อนำตัวสรวงสุดาไปรักษาตัวอยู่ที่บ้านของมธุรสเทวี
มีเพียงขุนไกรสิทธิเดชเพียงคนเดียวพร้อมด้วยทหารองครักษ์อีก
1 นาย ที่ถูกจับกุมตัวกลับไปรับโทษที่มหิทธินาศรังสรรค์นคร
โดยอำมาตย์ราชสิงห์ได้ขอตัวขุนไกรสิทธิเดช กลับไปรับโทษที่มหิทธินาศ แทนที่จะเป็นนครรัฐนวเกศ
เพราะขุนไกรสิทธิเดช เป็นทหารอยู่ในกองทัพมหิทธินาศ ความสำเร็จของการส่งกองกำลังออกไล่ล่าขบวนผู้สืบราชบัลลังก์ในครั้งนี้
เกิดจากเจ้าชายมนัสกษัตรได้รับสั่งให้พระวิเศษศาสตรา และราชครูศรีอาท
พร้อมด้วยกองกำลังของนวเกศ นำกองกำลังออกไล่ล่าจับกุมตัว
หาใช่กองกำลังของมหิทธินาศไม่ แต่ดูเหมือนนวเกศไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรจากการณ์นี้เลย
แต่เจ้าชายมนัสกษัตร ก็ทรงใจกว้างที่จะแสดงน้ำใจช่วยเหลืออำมาตย์ราชสิงห์
เพื่อผูกสัมพันธ์กันไว้เพื่องานใหญ่ในอนาคต
ทีนี้ความเป็นไปของ 4
ตัวละครหลักในไทม์ไลน์ช่วงนี้ แต่ละคนต้องไปเจอกับอะไรบ้าง
โดยเริ่มที่ 1.องค์รัชทายาทน้อย เป็นร่างไร้วิญญาณ ที่ถูกนาคามิน
กับมณีมัจฉา พากลับไปยังครุหอาศรมของพระอาจารย์ฤษี เพื่อหวังให้อาจารย์ฤษีช่วย
แต่ว่าอาจารย์ฤษีไม่รับปากช่วย หากว่าไม่รู้แน่ชัดว่าบุคคลคนนี้คือใคร
คือท่านไม่ช่วยสุ่มสี่สุ่มห้า หากไม่มีความสละสำคัญอะไร ก็ไม่อยากไปฝืนชะตากรรม
เพราะคนตายไปแล้วว่างั้นเถอะ ทำให้นาคามินกับมณีมัจฉาตกที่นั่งลำบาก
เพราะตนเองดันไปเอาศพไร้วิญญาณนี้มาแล้ว จะไม่ช่วยต่อให้ถึงที่สุด ก็ดูจะขัดกับอุดมการณ์ส่วนตัวที่ชอบช่วยเหลือคน
อีกทั้งนาคามินเองมีปูมหลังที่เป็นปริศนาเช่นกัน ตนเองคือเด็กกำพร้า
ในวัยเด็กเป็นทารกที่ถูกพ่อแม่ทิ้งให้ลอยตามน้ำมากับเรือ จนพระอาจารย์ปู่ได้ช่วยเหลืออุ้มชูชุบเลี้ยงจนได้เติบใหญ่มาถึงตอนนี้
จึงไม่อยากให้เด็กหนุ่มคนนี้ต้องเผชิญชะตากรรมคล้ายๆ ตน จึงคิดค้นออกกุศโลบาย
ไปติดประกาศหาตัวคนที่พอจะรู้จักเด็กหนุ่มปริศนาคนนี้ โดยแสร้งทำเป็นติดประกาศหาคนหาย
เผื่อมีใครมาแสดงตัวว่ารู้จักคนหาย จะได้ทราบว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นใคร
แผนนี้นับว่าสำเร็จ เพราะว่า คนที่มาเห็นใบประกาศคนหายก็คือ ขุนทหารจันทคาม
ทหารเอกจากแคว้นนราคีรี ซึ่งนายหัวของขุนทหารจันทคามเป็นเพื่อนสนิทกับขุนไกรสิทธิเดช
และตอนที่ขบวนผู้สืบราชบัลลังก์เดินทางออกจากแคว้นนวเกศไปยังกรุงโลกา
ขุนทหารจันทคามก็ยังได้เดินทางคุ้มกันขบวนไปด้วย จึงรู้จักและจำได้ว่า
รูปที่ประกาศตามหาคนหาย ก็คือองค์รัชทายาทน้อย จึงแสดงตัวว่ารู้จักกับคนหายในรูป
ตอนแรกขุนทหารจันทคามเข้าใจผิดคิดว่านาคามินกับมณีมัจฉาเป็นคนร้ายมาจับกุมตัวองค์รัชทายาทน้อยไป
แต่พอนาคามินพาไปหาพระอาจารย์ฤษีที่ครุหอาศรมไปเห็นร่างขององค์รัชทายาทแบบนอนแน่นิ่งสิ้นชีพไร้วิญญาณเช่นนั้น
จึงขอร้องให้พระอาจารย์ฤษีช่วย แต่การช่วยก็มี 2 ทางก็คือไปตามหาวิญญาณขององค์รัชทายาทน้อยที่ร่องรอยไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้
เอากลับเข้าสู่ร่าง วิธีนี้ดีสุด กับอีกทางนึงคือ เอาวิญญาณของเด็กทารกที่ต้องเสียสละชีพ
มาสิงสู่ในร่างขององค์รัชทายาทน้อยแทน ด้วยวิชานี้เรียกว่า วิชาเคลื่อนย้ายดวงจิต
ซึ่งเป็นวิชาเอกของสำนักเนราญนารายณ์ ซึ่งเป็นวิชาชั้นสูง
พระอาจารย์ปู่เป็นผู้คิดค้น และพระอาจารย์ใหญ่เป็นผู้สำเร็จและถ่ายทอด
ไม่จำเป็นจริงๆ ท่านจะไม่ใช้วิชานี้ช่วยเหลือใครง่ายๆ หยุดเรื่องขององค์รัชทายาทน้อยไว้ตรงนี้ก่อน 2. ไปดูพัดเศวกว่าพอถูกยักษ์สดึกจับตัวไป ถูกล่ามโซ่ไว้ราวกับสัตว์เลี้ยง
พัดเศวกเรียนรู้ที่จะทำความรู้จักกับชะนีศรีบ่าง ที่ตอนแรกไม่ค่อยเป็นมิตรนัก
แต่ภายหลังตีซี้ เพื่อหวังให้ชะนีศรีบ่างช่วยเหลือตน
ออกตามหาร่องรอยขององค์รัชทายาทน้อย โดยชวนชะนีศรีบ่างไปยังป่าหิมพานต์
บริเวณที่เขาคาดคิดว่าองค์รัชทายาทน้อยจะร่วงหล่นลงมาจากหน้าผา และมาตกอยู่บริเวณนั้น
เพื่อค้นหาศพให้เจอ แต่ก็ไม่ปรากฏร่องรอยใดๆ กลับกลายไปพบเจอกลุ่มของเจ้าชายอธิกบุศย์กับ
5 พีน้องตระกูลกริณแทน
ซึ่งเจ้าชายอธิกบุศย์เป็นพระโอรสของพระราชินีรุจิเรขรัศมี ทรงมีน้ำใจรับสั่งให้บริวารช่วยเหลือกันตามหาศพองค์รัชทายาทน้อยให้กับพัดเศวก
แต่ก็ไม่พบ พัดเศวกซาบซึ้งน้ำใจที่เจ้าชายอธิกบุศย์ช่วยเหลือ พอค้นหาไม่เจอศพ พัดเศวกกับชะนีศรีบ่างก็จำต้องกลับไปยังปราสาทร้าง
เพราะตนเองลอบหลบหนีออกมาตอนที่ยักษ์สดึกหลับอยู่
โดยใช้อาคมสะกดให้ยักษ์สดึกหลับนาน ซึ่งคาถาสะกดจิตมีฤทธิ์อยู่เพียง 2 ชั่วยาม หากไม่รีบกลับไป ยักษ์สดึกพอฟื้นขึ้นมา
ย่อมรู้ว่าพัดเศวกกับชะนีศรีบ่างลอบหลบหนีมา เกรงจะมีเรื่องจึงต้องกลับไป แม้ในตอนนั้นพัดเศวกจะหลบหนีก็ย่อมทำได้
แต่ก็เกรงใจชะนีศรีบ่างที่ยอมมาเป็นเพื่อนกับตน จึงยอมกลับไปกับชะนีศรีบ่าง 3. ด้านสรวงสุดาเทวี ที่มาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านมธุรสเทวี
ลูกบ้านของราชินีแคว้นราโชทัย ที่บ้านแห่งนี้เรียกว่า หมู่บ้านเกษตร โดยมธุรสมีบุตรชาย 1 คนกับเด็กหนุ่มอีกคนที่เป็นญาติห่างๆ มีศักดิ์เป็นหลาน ทั้ง 2 เด็กหนุ่มมีกำลังวังชา
คอยช่วยเหลืองานไร่ ปศุสัตว์ของครอบครัว วันนึง ทั้ง 2 คนแข่งกันพายเรือ
จะนำลูกมะพร้าวที่ขนลงเรือไปขายให้พ่อค้าที่ตลาด
แต่เรือดันคว่ำจมลงเนื่องจากเล่นพิเรนทร์พายเรือเข้าโค้งแข่งกัน
พอต้องลงไปงมหาลูกมะพร้าวขึ้นมา กลับไปพบลังไม้ตีตรวน ที่ภายในมีคนถูกพันธนาการอยู่
จึงช่วยเหลือขึ้นจากคลอง แล้วพาไปรักษาตัวที่บ้าน ที่แท้ชายคนนี้คือพระลิขิตเมธี
บิดาของพัดเศวก ที่เป็นขุนนางฝ่ายมเหสีสรวงสุดาเทวี
ที่ถูกอำมาตย์ราชสิงห์กับมเหสีเพ็ญพิมาศจับได้ว่าวางแผนช่วยเหลือองค์รัชทายาทน้อย
จึงถูกจับตีตรวนแล้วนำมาถ่วงน้ำ กะจะให้เสียชีวิต แต่สุกรีดันมาช่วยเหลือไว้ได้ทันเสียก่อน
สุกรีเป็นเด็กหนุ่มที่มีชาติกำเนิดเป็นปริศนาอีกคน
เขารู้แต่ว่า ช่วงวัย 8 ขวบ
หนีมาพร้อมมารดามาอยู่หมู่บ้านเกษตร ก่อนไป บิดายังสอนวิชาการต่อสู้ให้เขา
ก่อนจะหายสาบสูญไป ไม่เจอกันอีกเลย ปล่อยให้เขากับมารดาอยู่กันตามลำพัง
พอเติบโตเป็นหนุ่มก็อยากเป็นทหาร อยากได้ชื่อว่าเป็นนักรบ เพื่อรับใช้แผ่นดิน
จึงไปสมัครเป็นทหารที่นวเกศเศรษฐี เพราะว่านครรัฐแห่งนี้กำลังขยายกองทัพ
เพือสร้างความเกรียงไกร ตนเองอยู่ในแคว้นเล็กๆ ที่มีแต่ทหารหญิง ไม่มีโอกาสไปเป็นทหาร
พอทราบว่านวเกศรับสมัครคนธรรมดาสามัญเข้ารับการตรวจคัดเลือกเป็นทหาร จึงชวนนามโป
ลูกพี่ลูกน้องคนสนิทไปด้วย แต่ผลปรากฏว่า นามโปไม่ผ่าน
มีเพียงสุกรีที่ได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 5 คนที่ผ่านการคัดเลือกจากจำนวนคนที่ไปสมัครหลายร้อยคน สุกรียังไปเข้าตาเจ้าชายมนัสกษัตร
เห็นแววว่ามีฝีมือ จึงมอบของกำนัลให้สุกรีเป็นนางกำนัลที่ชื่อ อมินตรา
ซึ่งเจ้าชายมนัสกษัตรทรงพิโรธที่นายทหารองครักษ์ที่ชื่อพาลี
ทำงานผิดพลาดไม่สามารถไปคล้องช้างพลายเผือก ที่ตนอยากได้มาให้
แถมยังเสียไพร่พลไปนับสิบ จากการสังหารโดยกลุ่มนักฆ่าปริศนาคาดชุดคลุมสีน้ำตาล
ที่เดินทางผ่านมา เห็นว่ากลุ่มของนายทหารพาลีขวางหน้าเกะกะ จึงสังหารจนหมดสิ้น
แม้ว่าพระวิเศษศาสตราจะใช้มนต์สะกดอำพราง
ติดตามสะกดรอยตามไปจนรู้ว่านักฆ่ากลุ่มนี้เป็นใคร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ กลับมาที่สุกรีต่อ
เดี๋ยวในตอนหน้า จะมาว่าถึงอาณาจักรนิมิตนคร
ซึ่งประกอบด้วย กรุงโลกาบรรณพิภพ นพธารานคร และอมรเมฆาธานี ว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับศูนย์กลางอำนาจ และศูนยกลางของเรื่อง แห่งนี้
ในตอนหน้านี้เป็นการชุมนุมของตัวละครวายร้ายเพียบเลย จะมาดูกันว่า
มันมีเรื่องอีรุงตุงนังอะไรเพิ่มมาอีก แค่นี้ยังไม่วุ่นวายพออีกเหรอ ค่อยมาว่ากัน
ขอจบตอนนี้แต่เพียงเท่านี้ นี่ยังไม่ได้บรรยายสรรพคุณของตัวละครหลักแต่ละตัวเลย
แต่ตอนนี้มันยาวมากไปแล้วขอจบแต่เพียงแค่นี้ก่อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น