วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2562

พิภพราชา ภาคขยาย ตอนที่ 2 (เกมไล่ล่าเอาชีวิตองค์รัชทายาท)


คนคำนวณ ไม่สู้ฟ้าลิขิต  นี่เป็นสำนวนจากนิยายกำลังภายในอีกเช่นกัน แต่น่าจะมาจากสามก๊กมากกว่า
ต้องบอกก่อนนะครับว่า เจ้าชายปรมินทรอัศวเทพ (องค์รัชทายาทน้อย) กับเจ้าชายปรเมศฤทธี (พระราชาน้อย)  2 คนนี้ เขาไม่ได้โกรธเกลียดอะไรกันนะ เพียงแต่ถูกใช้เป็นเครื่องมือและถูกปั่นหัว เป็นหุ่นเชิดของผู้มีอำนาจทั้ง 2 ฝ่ายในมหิทธินาศรังสรรค์ เป็นการแก่งแย่งชิงอำนาจกันก็เท่านั้นเอง โดยเนื้อแท้แล้ว เขาทั้ง 2 คนต่างรักใคร่เป็นเหมือนพี่น้องกัน เคยเล่นกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ อาจมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง อิจฉาริษยากันบ้าง ตามประสาเด็กๆ แต่ไม่ได้โกรธเกลียดกันถึงขั้นเอาชีวิต หรือผูกใจเจ็บอะไรกัน และภายหลัง 2 คนนี้ยังมีส่วนช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วย





ไทม์ไลน์ต่อจากการที่เจ้าชายอัศวเทพ (องค์รัชทายาทน้อย) ถูกติดตามไล่ล่าโดยฝ่ายของอำมาตย์ราชสิงห์ จนตัดสินใจกระโดดหน้าผาลงมาพร้อมๆ กับพัดเศวก นายทหารมหาดเล็กคนสนิท แต่ปรากฏว่า ในขบวนผู้สืบราชบัลลังก์อันประกอบด้วย องค์รัชทายาทน้อย พัดเศวก สรวงสุดาเทวี และขุนไกร  4 คนนี้ ต่างแตกกระสานซ่านเซ็นกันไปคนละทิศละทางเลย ดังนี้   องค์รัชทายาทน้อย กระโดดลงจากหน้าผาลงสู่ลำธารและวิญญาณออกจากร่าง แต่ร่างกายสามารถลอยตามน้ำในลำธารไปได้ โดยไม่จม จนมีเด็ก 2 คนมาเจอร่างและช่วยเหลือไว้ก็คือ นาคามินกับมณีมัจฉา เอาร่างของรัชทายาทน้อยกลับไปยังเนราญนารายณ์ครุหอาศรมของพระอาจารย์ฤษีอิสรดาบถให้ช่วยเหลือ ,พัดเศวก กระโดดจากหน้าผามาติดอยู่ตรงกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่ รอดตายมาได้แต่ก็มาถูกยักษ์สดึกจับตัวไปยังปราสาทร้าง ได้พบเจอกับชะนีศรีบ่าง พัดเศวกถูกล่ามโซ่ไว้ราวกับเป็นสัตว์เลี้ยงของยักษ์สดึก ด้านมเหสีสรวงสุดาเทวี ได้รับการช่วยเหลือจากภูติผีเสื้อ ซึ่งเป็นนักรบของราชินีรุจิเรขรัศมี เจ้าครองแคว้นราโชทัย จากนั้นราชินีรุจิเรขรัศมีจึงให้ดรุณีผีเสื้อนำตัวสรวงสุดาไปรักษาตัวอยู่ที่บ้านของมธุรสเทวี  มีเพียงขุนไกรสิทธิเดชเพียงคนเดียวพร้อมด้วยทหารองครักษ์อีก 1 นาย ที่ถูกจับกุมตัวกลับไปรับโทษที่มหิทธินาศรังสรรค์นคร โดยอำมาตย์ราชสิงห์ได้ขอตัวขุนไกรสิทธิเดช กลับไปรับโทษที่มหิทธินาศ แทนที่จะเป็นนครรัฐนวเกศ เพราะขุนไกรสิทธิเดช เป็นทหารอยู่ในกองทัพมหิทธินาศ ความสำเร็จของการส่งกองกำลังออกไล่ล่าขบวนผู้สืบราชบัลลังก์ในครั้งนี้ เกิดจากเจ้าชายมนัสกษัตรได้รับสั่งให้พระวิเศษศาสตรา และราชครูศรีอาท พร้อมด้วยกองกำลังของนวเกศ นำกองกำลังออกไล่ล่าจับกุมตัว หาใช่กองกำลังของมหิทธินาศไม่ แต่ดูเหมือนนวเกศไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรจากการณ์นี้เลย แต่เจ้าชายมนัสกษัตร ก็ทรงใจกว้างที่จะแสดงน้ำใจช่วยเหลืออำมาตย์ราชสิงห์ เพื่อผูกสัมพันธ์กันไว้เพื่องานใหญ่ในอนาคต

ทีนี้ความเป็นไปของ 4 ตัวละครหลักในไทม์ไลน์ช่วงนี้ แต่ละคนต้องไปเจอกับอะไรบ้าง โดยเริ่มที่ 1.องค์รัชทายาทน้อย เป็นร่างไร้วิญญาณ ที่ถูกนาคามิน กับมณีมัจฉา พากลับไปยังครุหอาศรมของพระอาจารย์ฤษี เพื่อหวังให้อาจารย์ฤษีช่วย แต่ว่าอาจารย์ฤษีไม่รับปากช่วย หากว่าไม่รู้แน่ชัดว่าบุคคลคนนี้คือใคร คือท่านไม่ช่วยสุ่มสี่สุ่มห้า หากไม่มีความสละสำคัญอะไร ก็ไม่อยากไปฝืนชะตากรรม เพราะคนตายไปแล้วว่างั้นเถอะ ทำให้นาคามินกับมณีมัจฉาตกที่นั่งลำบาก เพราะตนเองดันไปเอาศพไร้วิญญาณนี้มาแล้ว จะไม่ช่วยต่อให้ถึงที่สุด ก็ดูจะขัดกับอุดมการณ์ส่วนตัวที่ชอบช่วยเหลือคน อีกทั้งนาคามินเองมีปูมหลังที่เป็นปริศนาเช่นกัน ตนเองคือเด็กกำพร้า ในวัยเด็กเป็นทารกที่ถูกพ่อแม่ทิ้งให้ลอยตามน้ำมากับเรือ จนพระอาจารย์ปู่ได้ช่วยเหลืออุ้มชูชุบเลี้ยงจนได้เติบใหญ่มาถึงตอนนี้ จึงไม่อยากให้เด็กหนุ่มคนนี้ต้องเผชิญชะตากรรมคล้ายๆ ตน จึงคิดค้นออกกุศโลบาย ไปติดประกาศหาตัวคนที่พอจะรู้จักเด็กหนุ่มปริศนาคนนี้ โดยแสร้งทำเป็นติดประกาศหาคนหาย เผื่อมีใครมาแสดงตัวว่ารู้จักคนหาย จะได้ทราบว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นใคร แผนนี้นับว่าสำเร็จ เพราะว่า คนที่มาเห็นใบประกาศคนหายก็คือ ขุนทหารจันทคาม ทหารเอกจากแคว้นนราคีรี ซึ่งนายหัวของขุนทหารจันทคามเป็นเพื่อนสนิทกับขุนไกรสิทธิเดช และตอนที่ขบวนผู้สืบราชบัลลังก์เดินทางออกจากแคว้นนวเกศไปยังกรุงโลกา ขุนทหารจันทคามก็ยังได้เดินทางคุ้มกันขบวนไปด้วย จึงรู้จักและจำได้ว่า รูปที่ประกาศตามหาคนหาย ก็คือองค์รัชทายาทน้อย จึงแสดงตัวว่ารู้จักกับคนหายในรูป ตอนแรกขุนทหารจันทคามเข้าใจผิดคิดว่านาคามินกับมณีมัจฉาเป็นคนร้ายมาจับกุมตัวองค์รัชทายาทน้อยไป แต่พอนาคามินพาไปหาพระอาจารย์ฤษีที่ครุหอาศรมไปเห็นร่างขององค์รัชทายาทแบบนอนแน่นิ่งสิ้นชีพไร้วิญญาณเช่นนั้น จึงขอร้องให้พระอาจารย์ฤษีช่วย แต่การช่วยก็มี 2 ทางก็คือไปตามหาวิญญาณขององค์รัชทายาทน้อยที่ร่องรอยไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ เอากลับเข้าสู่ร่าง วิธีนี้ดีสุด กับอีกทางนึงคือ เอาวิญญาณของเด็กทารกที่ต้องเสียสละชีพ มาสิงสู่ในร่างขององค์รัชทายาทน้อยแทน ด้วยวิชานี้เรียกว่า วิชาเคลื่อนย้ายดวงจิต ซึ่งเป็นวิชาเอกของสำนักเนราญนารายณ์ ซึ่งเป็นวิชาชั้นสูง พระอาจารย์ปู่เป็นผู้คิดค้น และพระอาจารย์ใหญ่เป็นผู้สำเร็จและถ่ายทอด ไม่จำเป็นจริงๆ ท่านจะไม่ใช้วิชานี้ช่วยเหลือใครง่ายๆ  หยุดเรื่องขององค์รัชทายาทน้อยไว้ตรงนี้ก่อน 2. ไปดูพัดเศวกว่าพอถูกยักษ์สดึกจับตัวไป ถูกล่ามโซ่ไว้ราวกับสัตว์เลี้ยง พัดเศวกเรียนรู้ที่จะทำความรู้จักกับชะนีศรีบ่าง ที่ตอนแรกไม่ค่อยเป็นมิตรนัก แต่ภายหลังตีซี้ เพื่อหวังให้ชะนีศรีบ่างช่วยเหลือตน ออกตามหาร่องรอยขององค์รัชทายาทน้อย โดยชวนชะนีศรีบ่างไปยังป่าหิมพานต์ บริเวณที่เขาคาดคิดว่าองค์รัชทายาทน้อยจะร่วงหล่นลงมาจากหน้าผา และมาตกอยู่บริเวณนั้น เพื่อค้นหาศพให้เจอ แต่ก็ไม่ปรากฏร่องรอยใดๆ กลับกลายไปพบเจอกลุ่มของเจ้าชายอธิกบุศย์กับ 5 พีน้องตระกูลกริณแทน  ซึ่งเจ้าชายอธิกบุศย์เป็นพระโอรสของพระราชินีรุจิเรขรัศมี ทรงมีน้ำใจรับสั่งให้บริวารช่วยเหลือกันตามหาศพองค์รัชทายาทน้อยให้กับพัดเศวก แต่ก็ไม่พบ พัดเศวกซาบซึ้งน้ำใจที่เจ้าชายอธิกบุศย์ช่วยเหลือ  พอค้นหาไม่เจอศพ พัดเศวกกับชะนีศรีบ่างก็จำต้องกลับไปยังปราสาทร้าง เพราะตนเองลอบหลบหนีออกมาตอนที่ยักษ์สดึกหลับอยู่ โดยใช้อาคมสะกดให้ยักษ์สดึกหลับนาน ซึ่งคาถาสะกดจิตมีฤทธิ์อยู่เพียง 2 ชั่วยาม หากไม่รีบกลับไป ยักษ์สดึกพอฟื้นขึ้นมา ย่อมรู้ว่าพัดเศวกกับชะนีศรีบ่างลอบหลบหนีมา เกรงจะมีเรื่องจึงต้องกลับไป แม้ในตอนนั้นพัดเศวกจะหลบหนีก็ย่อมทำได้ แต่ก็เกรงใจชะนีศรีบ่างที่ยอมมาเป็นเพื่อนกับตน จึงยอมกลับไปกับชะนีศรีบ่าง 3. ด้านสรวงสุดาเทวี ที่มาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านมธุรสเทวี ลูกบ้านของราชินีแคว้นราโชทัย ที่บ้านแห่งนี้เรียกว่า หมู่บ้านเกษตร โดยมธุรสมีบุตรชาย 1 คนกับเด็กหนุ่มอีกคนที่เป็นญาติห่างๆ มีศักดิ์เป็นหลาน ทั้ง 2 เด็กหนุ่มมีกำลังวังชา คอยช่วยเหลืองานไร่ ปศุสัตว์ของครอบครัว วันนึง ทั้ง 2 คนแข่งกันพายเรือ จะนำลูกมะพร้าวที่ขนลงเรือไปขายให้พ่อค้าที่ตลาด แต่เรือดันคว่ำจมลงเนื่องจากเล่นพิเรนทร์พายเรือเข้าโค้งแข่งกัน พอต้องลงไปงมหาลูกมะพร้าวขึ้นมา กลับไปพบลังไม้ตีตรวน ที่ภายในมีคนถูกพันธนาการอยู่ จึงช่วยเหลือขึ้นจากคลอง แล้วพาไปรักษาตัวที่บ้าน ที่แท้ชายคนนี้คือพระลิขิตเมธี บิดาของพัดเศวก ที่เป็นขุนนางฝ่ายมเหสีสรวงสุดาเทวี ที่ถูกอำมาตย์ราชสิงห์กับมเหสีเพ็ญพิมาศจับได้ว่าวางแผนช่วยเหลือองค์รัชทายาทน้อย จึงถูกจับตีตรวนแล้วนำมาถ่วงน้ำ กะจะให้เสียชีวิต แต่สุกรีดันมาช่วยเหลือไว้ได้ทันเสียก่อน




สุกรีเป็นเด็กหนุ่มที่มีชาติกำเนิดเป็นปริศนาอีกคน เขารู้แต่ว่า ช่วงวัย 8 ขวบ หนีมาพร้อมมารดามาอยู่หมู่บ้านเกษตร ก่อนไป บิดายังสอนวิชาการต่อสู้ให้เขา ก่อนจะหายสาบสูญไป ไม่เจอกันอีกเลย ปล่อยให้เขากับมารดาอยู่กันตามลำพัง พอเติบโตเป็นหนุ่มก็อยากเป็นทหาร อยากได้ชื่อว่าเป็นนักรบ เพื่อรับใช้แผ่นดิน จึงไปสมัครเป็นทหารที่นวเกศเศรษฐี เพราะว่านครรัฐแห่งนี้กำลังขยายกองทัพ เพือสร้างความเกรียงไกร ตนเองอยู่ในแคว้นเล็กๆ ที่มีแต่ทหารหญิง ไม่มีโอกาสไปเป็นทหาร พอทราบว่านวเกศรับสมัครคนธรรมดาสามัญเข้ารับการตรวจคัดเลือกเป็นทหาร จึงชวนนามโป ลูกพี่ลูกน้องคนสนิทไปด้วย แต่ผลปรากฏว่า นามโปไม่ผ่าน มีเพียงสุกรีที่ได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 5 คนที่ผ่านการคัดเลือกจากจำนวนคนที่ไปสมัครหลายร้อยคน สุกรียังไปเข้าตาเจ้าชายมนัสกษัตร เห็นแววว่ามีฝีมือ จึงมอบของกำนัลให้สุกรีเป็นนางกำนัลที่ชื่อ อมินตรา ซึ่งเจ้าชายมนัสกษัตรทรงพิโรธที่นายทหารองครักษ์ที่ชื่อพาลี ทำงานผิดพลาดไม่สามารถไปคล้องช้างพลายเผือก ที่ตนอยากได้มาให้ แถมยังเสียไพร่พลไปนับสิบ จากการสังหารโดยกลุ่มนักฆ่าปริศนาคาดชุดคลุมสีน้ำตาล ที่เดินทางผ่านมา เห็นว่ากลุ่มของนายทหารพาลีขวางหน้าเกะกะ จึงสังหารจนหมดสิ้น แม้ว่าพระวิเศษศาสตราจะใช้มนต์สะกดอำพราง ติดตามสะกดรอยตามไปจนรู้ว่านักฆ่ากลุ่มนี้เป็นใคร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้  กลับมาที่สุกรีต่อ 

ท่านผู้อ่าน อาจจะงงว่า ตกลงไอ้นวนิยายเรื่องนี้ตัวละครมันเยอะจัง ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ตกลงว่าใครเป็นพระเอกกันแน่ ก็ต้องขอบอกว่า พระเอกของเรื่องนี้ก็คือ สุกรี นี่แหละ ขอใช้คำว่าตัวละครเอกจะเหมาะสมกว่า เพราะตัวละครเอกมีด้วยกันหลายตัว แต่อันดับ 1 คือสุกรี  ท่านเคยอ่านสามก๊กมั๊ยหล่ะ ตอนแรกท่านไม่งงกับชื่อตัวละครเหล่านั้นเหรอ เยอะกว่า และเรียกยากกว่า บางชื่อก็คล้ายกันมาก เพราะแซ่เดียวกัน แต่นวนิยายเรื่องนี้ จำไม่ยาก ชื่อเป็นเอกเทศทุกตัวละคร  กลับมาที่สุกรีต่อ  เหตุใดเจ้าชายมนัสกษัตรจึงมอบของกำนัลเป็นนางกำนัลที่ชื่อ อมินตราให้กับสุกรี ทั้งๆ ที่สุกรี เพิ่งจะเป็นทหารที่ถูกคัดเลือกเข้าวังมา ยังไม่เคยมีความดีความชอบอะไร ก็นี่แหละเป็นอุปนิสัยของมนัสกษัตร เขาเป็นคนที่ซื้อใจคนด้วยการปูนบำเหน็จของรางวัลมีค่า โดยไม่หวง ขอให้คนๆ นั้น ยินดีรับใช้ถวายหัว จงรักภักดีต่อตนเอง และทำงานให้อย่างสุดความสามารถ ตอนนั้น มนัสกษัตรโกรธที่พาลีทำงานผิดพลาดที่ไม่สามารถจับช้างพลายเผือกเชือกงามมาให้ได้ แล้วยังสูญเสียทหารองครักษ์ไปอีกนับสิบนาย จึงสั่งลงโทษเฆี่ยนตีพาลีต่อหน้าพลทหารทั้งกองทัพ สั่งปลดพาลีออกจากตำแหน่งทหารองครักษ์แล้วมอบตำแหน่งนี้ให้สุกรีแทนต่อหน้าต่อตาพาลี นอกจากนี้ยังหยามเกียรติพาลี ด้วยการมอบอมินตรา ที่เป็นภริยาพระราชทานของพาลีให้กับสุกรีแทน (อมินตราเคยเป็นนางกำนัล คนโปรดปรานของมนัสกษัตร พอเบื่อแล้ว ก็จะยกให้กับทหารองครักษ์ไปเชยชมแทน เมื่อมีคนใหม่ที่ถูกใจกว่า)  สุกรีจึงรับโชค 3 เด้งในวันเดียว คือ 1.ดีใจที่ได้รับเลือกเป็นทหารของกองทัพนวเกศ 2.ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทหารองครักษ์ ได้ทำงานในราชสำนักใกล้ชิด 3.ได้รับของขวัญเป็นภริยาพระราชทาน ซึงเป็นหญิงงามที่ชื่อ อมินตรา อีก  แต่ในความโชคดีย่อมมีความโชคร้าย สุกรีไม่ล่วงรู้มาก่อนว่า ต้องทำงานภายใต้แรงกดดันของกษัตริย์ผู้มากด้วยราคะ โลภโมโทสันต์ เอาแต่ใจ และเป็นโรคจิตด้วย บ่อยครั้งสุกรีจึงถูกเรียกให้เข้าไปร่วมเพศต่อหน้าพระพักตร์บ้าง หรือต้องเปลืองเนื้อตัวเป็นเหยื่อราคาเสียเองต่อความอยากกระหายของมนัสกษัตร หรือต้องถูกลงทัณฑ์อย่างรุนแรง หากว่ากระทำการณ์เกินคำสั่งหรือหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย มีอยู่ครั้งหนึงที่สุกรีและราชครูสรีอาท ได้รับคำสั่งให้ไปปราบเมืองบริวารที่กระด้างกระเดื่อง คือแคว้นคะฉิ่น แล้วรับสั่งตอนนั้นคือให้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ผู้นำของแคว้นคะฉิ่นให้สิ้นซาก แต่สุกรีเห็นว่าในเมื่อสังหารผู้นำที่เป็นชายทั้งหมดแล้ว ลูกเมียที่เป็นหญิง เด็กและคนชรา น่าจะจับกุมตัวกลับมาเป็นเชลยก็พอ ไม่เห็นต้องเอาชีวิต จึงกวาดต้อนกลับมาเป็นเชลยขังในคุก แต่ความรู้ถึงหูของมนัสกษัตร ที่ทรงไม่พอใจที่ไม่ทำตามรับสั่ง สุกรีจึงถูกสั่งลงโทษเฆี่ยนตี จนสภาพร่างกายของสุกรีบาดเจ็บร่อแร่ไปนอนทุกข์ทรมานอยู่ในคุก พอดีในคุกมีเชลยสาวน้อยคนนึง ที่จำได้ว่า สุกรีเป็นคนช่วยเหลือไม่ให้มารดาและยายของตนต้องเสียชีวิต ตนเองมีวิชาแพทย์อยู่บ้างจึงอาสาพัศดีในคุก ขอเข้าไปทำแผลให้สุกรีที่ร้องโอดโอยอยู่ในคุก จึงเป็นที่มาที่ทำให้สุกรีได้เมียคนที่ 2 ที่ชื่อคะฉิ่นน้อย หรือนามว่าอุรามณีในเวลาต่อมา   4.ชะตากรรมของขุนไกรสิทธิเดช พอถูกจับกุมตัวกลับมาที่ราชสำนักมหิทธินาศรังสรรค์ ก็ถูกคุมขังในคุกมืด โดนทรมานสารพัด แต่ด้วยขุนนางฝ่ายจงรักภักดีต่อพ่ออยู่หัวโรจนาถราชา ได้แก่ พระยาอาจณเรศ ร่วมมือกับหมื่นพยัคฆ์กล้า และพันเอกหลวงเทพฤทธิ์ ช่วยกันวางอุบายทำให้อำมาตย์ราชสิงห์ไว้วางใจพวกตน ว่าได้แปรพักตร์ไปเข้าพวกมเหสีเพ็ญพิมาศแล้ว จึงวางใจให้พระยาอาจณเรศคอยดูแลราชสำนัก ในขณะที่อำมาตย์ราชสิงห์กับพระราชาน้อยต้องเดินทางไปยังนวเกศ เพื่อแสดงความยินดีที่เจ้าชายมนัสกษัตรจะทรงขึ้นครองราชย์เป็นพระราชา เป็นการเดินทางเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงเฉลิมพระเกียรติและขึ้นครองราชย์ของเจ้าชายมนัสกษัตร ทางนี้พระยาอาจณเรศกับพวกจึงทำการยึดอำนาจ ควบคุมตัวมเหสีเพ็ญพิมาศเอาไว้ ปล่อยตัวขุนไกรสิทธิเดชออกมา และไปทูลเชิญพ่ออยู่หัวโรจนาถราชามาเสวยอำนาจเป็นพระราชาตามเดิม พออำมาตย์ราชสิงห์กับพระราชาน้อยเดินทางกลับมาก็ถูกกองกำลังทหารห้อมล้อมไว้ ให้ปลดอาวุธและยอมมอบตัว โดนข้อหากบฏ แต่อำมาตย์ราชสิงห์กับพระราชาน้อยตัดสินใจตีแหวกวงล้อมหลบหนีออกมาได้ และเดินทางไปนวเกศ เพื่อขอให้มนัสกษัตรช่วยเหลือ

เดี๋ยวในตอนหน้า จะมาว่าถึงอาณาจักรนิมิตนคร ซึ่งประกอบด้วย กรุงโลกาบรรณพิภพ นพธารานคร และอมรเมฆาธานี ว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับศูนย์กลางอำนาจ และศูนยกลางของเรื่อง แห่งนี้ ในตอนหน้านี้เป็นการชุมนุมของตัวละครวายร้ายเพียบเลย จะมาดูกันว่า มันมีเรื่องอีรุงตุงนังอะไรเพิ่มมาอีก แค่นี้ยังไม่วุ่นวายพออีกเหรอ ค่อยมาว่ากัน ขอจบตอนนี้แต่เพียงเท่านี้ นี่ยังไม่ได้บรรยายสรรพคุณของตัวละครหลักแต่ละตัวเลย แต่ตอนนี้มันยาวมากไปแล้วขอจบแต่เพียงแค่นี้ก่อน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น