วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Cold War ชื่อไทย 2 คมล่าถล่มเมือง

เหตุการณ์ระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ ทำให้ผู้เขียนนึกไปถึงเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นบนโลกนี้หลายๆ แห่ง หลายๆ สถานการณ์ที่ผ่านมา รวมถึงนึกไปถึงภาพยนตร์ที่เคยชมหลายๆ เรื่องด้วย แม้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้หลายๆ ที่ หรือที่เกิดสมมติขึ้นในโลกภาพยนตร์ทั้งหลายแหล่ แม้จะมีที่มาหรือมูลเหตุจูงใจ และรูปแบบเป็นมาที่แตกต่างกัน ไม่เหมือนกันอย่างไรก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกก็คือประสิทธิภาพการทำงานของผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการคลี่คลายคดีหรือพูดง่ายๆ ก็คือผู้ที่ทำหน้าที่จับโจรนั่นแหละ (ไม่ใช่ประเด็นประสิทธิภาพของโจรผู้ก่อการนะ อันนั้นมันมีประสิทธิภาพในระดับหนึ่งอยู่แล้ว คนจ้องก่อเหตุย่อมชิงความได้เปรียบอยู่เหนือคนคลี่คลายเหตุอยู่แล้ว) แต่ของบ้านเรา เวลาเกิดเหตุไม่ว่าคดีอะไรก็แล้วแต่ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา อย่างคดีการอุ้มฆ่าคุณเอกยุทธ อัญชันบุตร, คดีนักท่องเที่ยวอังกฤษที่ถูกข่มขืนและฆ่าตายที่เกาะเต่า,คดีของเณรคำ,คดีธัมมชโย วัดธรรมกายเกียวโยงกับเครดิตยูเนี่ยน,คดียักยอกเงินของมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าเกี่ยวโยงกับธนาคารไทยพาณิชย์, คดีสหกรณ์ยูเนี่ยน,คดียูฟัน,คดีท่านคำรณวิทย์พกปืนออกจากสนามบินไปโดนจับที่ญี่ปุ่น ,คดีเสี่ยชูวงศ์เสียชีวิตเกี่ยวโยงกับการโอนหุ้นอำพราง จนมาถึงล่าสุด คดีระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ ที่ประชาชนเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจการทำงานของหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการคลี่คลายคดีเท่าไหร่ ดูด้อยประสิทธิภาพมาก ทำงานไม่เป็นมืออาชีพ อันนี้ไม่ได้ว่าบรรดาผู้ปฏิบัติงานที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชานะครับ เพราะคงจะทำงานเต็มประสิทธิภาพตามคำสั่งกันอยู่แล้ว (เห็นว่าไม่ได้หลับไม่ได้นอน) แต่หมายถึงบรรดาบิ๊กๆหัวๆ ทั้งหลาย ที่ดูเหมือนว่า ท่านไม่ได้รับการฝึกฝนมา หรือไม่มีความรู้ ความเข้าใจอะไรที่เกี่ยวกับงานของท่านอย่างดีพอ พูดง่ายๆ ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือเป็นมืออาชีพเลย ดูอย่างการออกมาให้สัมภาษณ์หรือแถลงข่าวก็พูดไปคนละทาง ไม่ตรงกัน และดูจะเป็นการพูดมาก พูดให้เกิดความเข้าใจผิด พูดผิดพูดถูก ดูเลอะเทอะเปรอะเปื้อนมากๆ ชาวบ้านอย่างเราๆ บางคน ยังดูว่าพูดแล้วรู้เรื่องเข้าใจกว่า คำพูดของบรรดาบิ๊กๆ ทั้งหลายดูขัดกันเองกับคำพูดของตัวเอง อาทิ เช่น รู้แล้วใครเป็นผู้ลงมือ มีผู้ลงมือทำกันกี่คน คาดว่าจะจับตัวได้แน่ แต่อีกสักพักมาให้ข่าวอีกว่า ตอนนี้ไม่มั่นใจว่าผู้ลงมือยังหลบหนีอยู่ในไทยหรือออกนอกต่างประเทศไปแล้ว ตอนนี้ได้ขอความร่วมมือทีมสอบสวนจากต่างชาติเข้ามาช่วยสืบคดีอีกหลายประเทศ ตกลงว่ายังไงกันแน่ ในเมื่อมั่นใจว่าจะจับได้แน่ และรู้ตัวแล้วว่าเป็นใคร เหตุใดจึงตอบให้คลุมเคลือเช่นนี้ แถมยังต้องอาศัยทีมงานจากต่างชาติมาช่วย อ้างว่าเครื่องไม้เครื่องมือไม่พร้อมไม่ทันสมัย ต้องของบซื้อเครื่องมือใหม่อีกล็อตใหญ่ และอ้างว่ากล้องไม่ชัดอีก อีกประเด็นนึงที่ชาวบ้านเขางงกันก็คือ เหตุการณ์เกิดจนจะครบ 1 สัปดาห์เพิ่งมานึกขึ้นได้หรืออย่างไร จึงมีมาตรการปูพรมล้อมจับโจรในเช้าวันเสาร์หรืออาทิตย์ แทนที่จะทำตั้งแต่วันแรกๆ แล้ว ป่านนี้โจรมันคงอยู่ให้จับมั๊ง พณ ท่าน ทำอย่างหนังหรือละครไทยที่ทำงานได้ช้าและไม่รอบคอบมากๆ ยังไม่นับหลายๆ กรณีที่ในโลกโซเชียลตั้งข้อสังเกตไว้ อีกทั้งมีการตั้งท่านรองจักรทิพย์ ขัยจินดา (ว่าที่ ผบ.ตร คนใหม่) เป็นผู้คลี่คลายคดีนี้ แล้วเหตุใดเบอร์ 1 ยังชอบมาจ้อหน้าจอทีวี พูดมากแบบทำให้ไก่หรือกระต่ายตื่นไปหมดแล้ว โดยไม่ระวังคำพูดตัวเอง นอกจากแสดงความโง่ออกทีวีแล้ว ยังทำลายความน่าเชื่อถือโดยภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติย่อยยับไปพร้อมกัน แทนที่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนที่มีความรู้ และความเชี่ยวชาญจริงๆ ออกมาแถลง หรือตั้งคนให้ข่าวเพียงคนเดียวก็พอ กลายเป็นพูดกันไปคนละทาง มีคนที่ออกมาให้ข่าวเรื่องนี้นับสิบคน ทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจและรัฐบาล งงกันไปใหญ่ แล้วอย่างนี้จะให้ประชาชนเชื่อมั่นและไว้วางใจการทำงานของรัฐบาลได้อย่างไร

กลับมาที่หนังฮ่องกงเรื่องนี้ Cold War 2 คมล่าถล่มเมือง หนังฮ่องกงปี 2012 กำกับโดย Lok Man Leung และ Kim-Ching Luk กวาดรายได้ไปมากกว่า 20 ล้านเหรียญฮ่องกง และในจีน ไต้หวัน เคยได้ไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่ปูซานมาแล้ว เนื้อหาโดยรวมสนุก ตื่นเต้นตลอดทั้งเรื่อง (แม้ฉากแอ็คชั่นไม่เยอะมาก) ชิงไหวชิงพริบ เชือดเฉือนบทบาทกันอย่างสนุกสนานเต็มที่ แม้บทก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หรือเกินกว่าที่จะเดาทางได้ แต่ก็นับเป็น 1 ในหนังฮ่องกงยุคหลังๆ ที่มีคุณภาพ น่าติดตาม ระดมทีมนักแสดงชั้นนำ ดูได้เพลินๆ และให้ข้อคิดอีกด้วย   

เรื่องย่อโดยสังเขป   "ฮ่องกง" เมืองที่ปลอดภัยที่สุดในเอเชีย เมืองการค้าระดับโลกที่ตำรวจเป็นใหญ่และไม่มีใครกล้าแตะต้อง แต่แล้วในกลางดึกคืนหนึ่ง มีโทรศัพท์ลึกลับโทรเข้ามายังสำนักงานตำรวจฮ่องกง แจ้งเบาะแสว่ารถตู้ขนอาวุธที่นำสมัยที่สุดของกรมตำรวจและเจ้าหน้าที่ระดับสูง 5 นาย ได้หายไปจากระบบติดตาม โจรที่ปฏิบัติการในครั้งนี้ ล่วงรู้ระบบการทำงานของตำรวจเป็นอย่างดี และยังรู้เท่าทันการทำงานของตำรวจ แต่ล้ำหน้าไปหนึ่งขั้นตลอดเวลา ตำรวจจะต้องทำตามข้อเรียกร้องที่พวกมันกำหนดขึ้นรวมทั้งเงินค่าไถ่จำนวนมหาศาล เพื่อแลกกับการปล่อยตัวประกัน ทุก ๆ เสี้ยววินาทีหมายถึงชีวิตของตัวประกัน เวลาเริ่มนับถอยหลังแล้ว

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่ายบริหาร หลิว ฉีฮวย และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่ายปฏิบัติการ หลี่ เหวินปิง ต่างแย่งชิงกันทำคดีนี้ ซึ่งคดีนี้ถูกตั้งรหัสภารกิจว่า "โคลด์ วอร์" หลิวต้องการต่อรองกับโจร ในขณะเดียวกันก็พยายามที่จะตามแกะรอยไปให้ถึงแหล่งที่ซ่อนของพวกมัน แต่ในขณะที่ หลี่พร้อมจู่โจมอย่างบ้าระห่ำไม่สนว่าจะต้องสูญเสียอะไรบ้าง สำหรับพวกเขาแล้วมันไม่ใช่แค่การเดิมพันชีวิตของตัวประกันหรือภาพลักษณ์ของกรมตำรวจ แต่มันหมายถึงอำนาจ เนื่องจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำลังจะว่างลงในไม่ช้านี้ ภารกิจโคลด์ วอร์ จึงเปรียบเสมือนบันไดที่พวกเขาต้องแย่งชิงเพื่อชัยชนะและให้ได้มาซึ่งอำนาจ ก่อนที่ทั้งหมดจะถูกต้องสงสัยจากสำนักงานปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าเป็นการคอร์รัปชั่นหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดเป็นแผนการของตำรวจในกรมด้วยกันเอง
 

นักแสดง กัว ฟู่เฉิง รับบทเป็น หลิว ฉีฮวย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่ายบริหาร, เหลียง เจียฮุย รับบทเป็น หลี่ เหวินปิง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่ายปฏิบัติการ, เฉิน เจียเล่อ รับบทเป็น วินเซนต์ ตำรวจใต้บังคับบัญชาของหลิว, หยาง ไฉ่หนี รับบทเป็น ฟีนิกซ์ หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ กรมตำรวจแห่งชาติ ,หลิน เจียตง รับบทเป็น อัลเบิร์ต ตำรวจผู้เชี่ยวชาญกฎหมายใต้บังคับบัญชาของหลี่, อารีฟ ราห์มาน (หลี่จื้อถิง)รับบทเป็น บิลลี่ เฉิง เจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, เผิง อวี๋เยี่ยน รับบทเป็น หลี่ จาจิน นายตำรวจหนุ่มอายุน้อยฝีมือดี ลูกชายคนเดียวของหลี่เหวินปิง, อัน จื้อเจี๋ย รับบทเป็น ไมเคิล ตำรวจฝ่ายปฏิบัติการใต้บังคับบัญชาของหลี่


นักแสดงรับเชิญ หลิว เต๋อหัว รับบทเป็น เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไมเคิล หว่อง รับบทเป็น อธิบดีกรมตำรวจ

ภายหลังจากดูเรื่องนี้แล้ว อยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยหาหนังเรื่องนี้มาให้บุคลากรของสำนักงานของท่านดูและศึกษาวิธีการทำงานของประเทศอื่นไว้บ้าง นี่ขนาดเป็นหนังนะ ไม่ใช่ของจริง เป็นเรื่องแต่งที่ดูจะโม้ๆ อยู่บ้าง แต่ของจริง วิธีการทำงานของตำรวจฮ่องกงหรือจีนก็ไม่ต่างจากนี้เท่าไหร่ อาจเข้มข้นกว่านี้ด้วยซ้ำ เผื่อจะยกระดับขีดความสามารถ ประสิทธิภาพของตำรวจไทยให้กระฉับกระเฉงกว่านี้บ้าง ดูจบแล้วอเนจอนาถกับวิธีการทำงานของตำรวจไทย เมื่อไหร่ถึงจะดีขึ้นเสียที ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องการปฏิรูปสำนักงานตำรวจอะไรหรอก เอาแค่ทำในสิ่งที่เป็นหน้าที่ของท่านทุกวันนี้ให้ดีขึ้น เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพดีขึ้น ก็ยังไม่รู้จะหวังได้หรือเปล่าเลย ว่าแล้วก็เปิดหนังเรื่องอื่นดูต่อ สุดท้ายขอแสดงความเสียใจต่อครอบครังผู้เสียชีวิตทุกท่านด้วยครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น