วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

โลก 360 องศา - (เหตุระเบิดกลางสี่แยกราชประสงค์ คนตาย คนเจ็บจำนวนมาก)




 
เหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ ฝั่งศาลพระพรหม ผบ.ตร. เผยเป็นระเบิดแสวงเครื่องทีเอ็นที ที่มีผู้นำมาวางไว้ ด้านศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย รายงานผู้เสียชีวิตล่าสุด 27 ราย เป็นชาวต่างชาติ 4 ราย ด้านศูนย์เอราวัณรายงานยอดผู้บาดเจ็บ 81 รายเข้ารักษาตัวใน รพ.14 แห่ง เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ทวิตเตอร์ จส.100 (@js100radio) รายงานว่า เกิดเหตุเสียงดังคล้ายระเบิดกลางแยกราชประสงค์ ฝั่งพระพรหม มีผู้บาดเจ็บ และมีไฟลุกไหม้ จนท. อยู่ระหว่างตรวจสอบ ต่อมา มีผู้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมว่า เกิดเหตุระเบิดน่ากลัวมาก หน้าพระพรหม บาดเจ็บ หนัก 4 - 5 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยกู้ภัย และทหารจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุที่เกิดเหตุ เข้าระงับเหตุดับเพลิง พร้อมทั้งปิดการจราจรบนสี่แยกราชประสงค์  เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือบริเวณหน้าพระพรหม เอราวัณ และรายงานจากศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปเบื้องต้นตามรายงาน บาดเจ็บ 30 ราย เสียชีวิต 2 - 3 ราย ยังไม่ยืนยัน รถยนต์เสียหายมากกว่า 30 คัน อาคารใกล้เคียงเสียหาย  19.41 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบถุงดำที่คาดว่ามีวัตถุต้องสงสัยเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ลูก ขณะนี้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้ทำการเก็บกู้วัตถุต้องสงสัยว่าจะมีระเบิด  ต่อมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) เปิดเผยว่า ล่าสุด มีผู้เสียชีวิตแล้ว 12 ราย ส่วนระเบิดที่ใช้ก่อเหตุครั้งนี้เป็นระเบิดทีเอ็นที ที่มีผู้นำมาวางไว้ ไม่ใช่คาร์บอมบ์ หรือจักรยานยนต์บอมบ์  ต่อมา เวลา 20.00 น. บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ประกาศปิดทางเดินลอยฟ้าเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าสยาม กับสถานีรถไฟฟ้าราชประสงค์ เป็นการชั่วคราว ขณะที่ห้างสรรพสินค้าย่านราชประสงค์ อาทิ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า ฯลฯ แจ้งลูกค้าให้ออกจากพื้นที่ เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบระเบิดแสวงเครื่องที่ยังไม่ทำงานอีก 2 ลูก ลูกแรกอยู่ที่บริเวณศาลพระพรหม เอราวัณ อีกลูกหนึ่งอยู่ที่หน้าศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจปิดกั้นพื้นที่สี่แยกราชประสงค์ ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปเพื่อความปลอดภัย และความสะดวกในการทำงานของเจ้าหน้าที่  รายงานจาก ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปเบื้องต้นตามรายงาน บาดเจ็บ 80 ราย เสียชีวิต 15 ราย  ต่อมา เวลา 20.30 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมนิวส์วัน ยืนยันว่า ที่มีการเผยแพร่ข้อความว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศให้สถาบันการศึกษา สถาบันการเงิน และหน่วยงานราชการทั้งหมดหยุดทำการที่เผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียนั้น ไม่เป็นความจริง  ด้านทวิตเตอร์ทางการของสถานีวิทยุ จส.100 ชี้แจงว่า ขณะนี้มีข้อความในไลน์ แอบอ้าง จส.100 ประกาศว่า คสช. ประกาศหยุดเรียนหยุดงานวันพรุ่งนี้ จส.100 ขอยืนยันว่า ไม่ได้ประกาศข้อความนี้แต่อย่างใด  ต่อมา เวลา 21.00 น. ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานเพิ่มเติมว่า มีเสียชีวิต 27 ราย ในจำนวนนี้มีชาวต่างชาติ 4 ราย ขณะที่ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ได้รายงานยอดผู้บาดเจ็บว่ามีทั้งหมด 81 คน เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 14 แห่ง แบ่งเป็น โรงพยาบาลจุฬาฯ 28 ราย โรงพยาบาลราชวิถี 8 ราย โรงพยาบาลรามาธิบดี 5 ราย โรงพยาบาลกลาง 6 ราย โรงพยาบาลหัวเฉียว 12 ราย โรงพยาบาลเลิดสิน 8 ราย โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 3 ราย โรงพยาบาลพญาไท 1 จำนวน 1 ราย โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน 4 ราย โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ 1 ราย โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 จำนวน 2 ราย โรงพยาบาลพระราม 9 จำนวน 1 ราย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ 1 ราย โรงพยาบาลมเหสักข์ 1 ราย    
(หมายเหตุ อ้างอิงแหล่งข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์)

เสียชีวิต16รายระเบิดราชประสงค์เจ็บกว่า70 เกิดระเบิดแยกราชประสงค์ ตายอย่างน้อย 16 ราย เจ็บกว่า 70 คน ทั้งไทย-คนต่างชาติ ส่งตัว 11 รพ. ด้านผบ.ตร.ชี้เป็นระเบิดแสวงเครื่องซุกใกล้ศาลพระพรหม เกิดเหตุระเบิดขึ้นใจกลางเมืองกรุง มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 17 สิงหาคม ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่แยกราชประสงค์บริเวณใต้สกายวอล์ค เขตปทุมวัน กทม. ได้ยินเสียงระเบิดดังไกลไปทั่วและมีแสงไฟลุกท่วมรถยนต์ตรงจุดเกิดเหตุ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้รับแจ้งเหตุระเบิดดังกล่าว พร้อมนำกำลังเข้าจุดเกิดเหตุบริเวณกลางแยกราชประสงค์ ถนนราชดำริ พบผู้เสียชีวิตที่เกิดเหตุ 12 ราย และผู้บาดเจ็บจำนวนมาก นอนเกลื่อนกลาดบริเวณถนนและบนฟุตบาทใกล้เคียง โดยพบผู้เสียชีวิตนอนอยู่ด้านในพระพรหม จำนวน 7 ราย สำหรับอานุภาพแรงระเบิดทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนทำให้พื้นถนนบริเวณดังกล่าวถึงกับยุบตัว และส่งผลทำให้กระจกของโรงแรมอัมรินทร์แตกกระจายตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 3 ลงมาเกลื่อนพื้นถนน  สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่ง 1.รพ.ตำรวจ 2.รพ.จุฬาฯ 3.รพ.ราชวิถี 4.รพ.รามาฯ 5.รพ.กลาง 6.รพ.พระมงกุฏ 7.รพ.หัวเฉียว 8.รพ.พญาไท1 9.รพ.กล้วยน้ำไทย 1 10.รพ.พระราม 9 และ11.รพ.บำรุงราษฎร์ โดยได้ระดมรถพยาบาลกว่า 50 คัน ลำเลียงส่งผู้บาดเจ็บทั้งอาการเล็กน้อยถึงสาหัส โดยผู้บาดเจ็บมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งมีผู้บาดเจ็บถึง 77 รายและมีอาการสาหัสจำนวนมาก  ขณะเดียวกัน ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้ส่งโลหิต 20 ยูนิตให้โรงพยาบาลตำรวจแล้ว พร้อมโลหิตพร้อมจ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ คือ กรุ๊ป A ทุกชนิด 597 ยูนิต, กรุ๊ป B ทุกชนิด 2,500 ยูนิต, กรุ๊ปโอ ทุกชนิด 1,000 ยูนิต และกรุ๊ป เอบี ทุกชนิด 218 ยูนิต

ห้างปิด-กั้นจราจรจุดเกิดเหตุ
ต่อมาเวลา 19.15 น. เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หรืออีโอดี ได้ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ และมีการสั่งปิดพื้นที่การจราจรโดยรอบรวมทั้งปิดสกายวอลค์ เพื่อตรวจสอบจุดเกิดเหตุ รวมทั้งป้องกันความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยปิดกั้นพื้นที่ไปจนถึงบริเวณด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะที่ฝั่งเพลินจิตได้ปิดกั้นพื้นที่่ตั้งแต่หน้าห้างเซ็นทรัลชิดลม ส่วนถนนมุ่งหน้าไปยังลุมพินีได้ปิดกั้นตั้งแต่พื้นที่โรงพยาบาลจุฬาฯ และฝั่งด้านเซ็นทรัลเวิร์ลปิดกั้นตั้งแต่บริเวณสะพานข้ามคลองแยกประตูน้ำ  ต่อมาห้างเซ็นทรัลเวิร์ลและห้างสรรพสินค้าย่านราชประสงค์และประตูน้ำ ได้ประกาศปิดให้บริการ รวมทั้งโรงเรียนมาแตร์เดอีและโรงเรียนสาธิตศรีนครินทรวิโรฒ์ปทุมวัน ได้ประกาศหยุดเรียนในวันที่ 18 สิงหาคม ส่วนโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ปิดการเรียนการสอนระดับอนุบาลและชั้นประถมศึกษา

จนท.กู้วัตถุสงสัยแต่ไม่ใช่ระเบิด  ด้านเจ้าหน้าที่อีโอดี ที่เข้าเคลียร์พื้นที่ได้พบระเบิดที่ยังไม่ทำงานด้วยอยู่ห่างจากลานพระพรหมไปเล็กน้อย โดยเจ้าหน้าที่อีโอดีใส่ชุดบอมม์สูตรเข้าเก็บกู้และวางอุปกรณ์ทำลายวงจรระเบิด แต่พบว่าวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวไม่ใช่ระเบิด  ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ได้ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุเช่นกัน มีรายงานว่าระเบิดที่เกิดเหตุครั้งนี้ เป็นระเบิดทีเอ็นทียังไม่ทราบน้ำหนัก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางเจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดีวิเคราะห์ว่ามีรัศมีการทำลายล้างประมาณ 100 เมตร

จุดวางระเบิดใกล้ศาลพระพรหม  เจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่าระเบิดที่ใช้เป็นระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนัก 5 กิโลกรัม วางไว้ใต้โต๊ะม้านั่งภายในติดริมรั้วบริเวณศาลพระพรหม ถูกจุดชนวนด้วยระบบอิเลคทรอนิคส์ และจากเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบวัตถุต้องสงสัยต่อวงจรสายไฟลักษณะเป็นกล่องพลาสติกวางอยู่  อย่างไรก็ตามมีกระแสข่าวว่าก่อนเกิดเหตุมีผู้ชายต้องสงสัย 1 ราย ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบรุ่นและทะเบียนเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าพระพรหม จากนั้นได้รีบลงจากรถจักรยานยนต์ออกไปทันที ก่อนที่จะระเบิดขึ้นจนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก สำหรับบรรยากาศโดยรอบทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าเก็บหลักฐานและนำร่างของผู้เสียชีวิตจากจุดที่เกิดเหตุ โดยพบร่างผู้เสียชีวิตที่บริเวณพระพรหมจำนวนหลายราย ขณะที่เจ้าหน้าที่อีโอดีใช้วิธีเดินหน้ากระดานเรียงแถวจากจุดเกิดเหตุไปจนถึงแยกเพลินจิตเพื่อตรวจหาระเบิดที่อาจหลงเหลืออย่างละเอียด  เจ้าหน้าที่กู้ภัยรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ลักษณะการเกิดเหตุทุกอย่างกระจายออกมาจากบริเวณด้านหน้าศาลพระพรหม แรงระเบิดทำให้คนที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุมากที่สุดเสียชีวิตคาที่และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้กั้นไม่ให้เข้าบริเวณด้านข้าศาลพระพรหมแล้ว โดยคาดว่าจุดระเบิดอยู่ที่บริเวณใต้แท่นบูชาพวงมาลัยด้านในศาลพระพรหม โดยรถจักรยานยนต์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเกิดไฟลุกไหม้และผู้ขับขี่ถูกไฟลุกท่วมทันที และจากอายุภาพแรงระเบิดทำให้พบเศษกระจกกระจายเป็นมุมกว้างไปทั่วบริเวณ
เท่าที่เดินนับผู้เสียชีวิตที่นอนอยู่ที่พื้นถนนมีทั้งหมด 6 คน และยังมีที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามช่วยเหลือปั๊มหัวใจอยู่อีก 2-3 คนเจ้าหน้าที่กู้ภัยรายนี้ ระบุ

ระเบิดแสวงเครื่องทีเอ็นที  เวลา 20.10 น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ในเบื้องต้นทราบว่าเป็นระเบิดที่มีคนร้ายนำมาวางไว้ที่ศาลพระพรหม ซึ่งเป็นระเบิดแสวงเครื่องใช้เชื้อเพลิงจุดระเบิดแบบระเบิดทีเอ็นที โดยได้รายงานเหตุให้ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ทราบแล้ว โดยท่านได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ชั้นปฏิบัติการอย่างระมัดระวัง และให้กันประชาชนออกนอกพื้นที่ รวมถึงแสดงความเสียใจถึงประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า จากรายงานในเบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าวแล้วกว่า 12 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก ขณะนี้ได้กันประชาชนรวมถึงผู้ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่อย่างน้อย 100 เมตร เพื่อความปลอดภัยเนื่องจากมีการตรวจพบวัตถุต้องสงสัย ซึ่งอาจจะเป็นระเบิดอีก 1 ลูก ที่อยู่ใกล้กับจุดระเบิด โดยเจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดีอยู่ระหว่างตรวจสอบและเก็บกู้

คสช.ตั้ง3ปมเหตุบึ้มกลางกรุง  มีรายงานว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เรียกประชุมด่วนเพื่อวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์ดังกล่าว ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และแม่ทัพภาคที่ 1 ได้ประชุมหารือเหตุการณ์ระเบิดที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.สมยศ ให้สัมภาษณ์หลังประชุมว่า ชนิดระเบิดต้องให้เจ้าหน้าที่อีโอดียืนยันอีกครั้ง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างสถานการณ์โดยผู้เสียชีวิตตอนนี้อยู่ที่ 16 คน ในจำนวนนี้มีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย 4 คน ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 70 คน  หลังเกิดเหตุท่านนายกฯได้ต่อสายตรงมาหาผมเพื่อแสดงความห่วงใยและเสียใจกับเหตุการณฺ์ที่เกิดขึ้นพล.ต.อ.สมยศ ระบุ และว่า รัศมีระเบิดประมาณ 100 เมตร ส่วนสาเหตุเป็นฝีมีือกลุ่มไหน ยังไม่สรุปแต่พอมีข้อมูลอยู่บ้าง ตอนนี้เร็วไปเราตั้งไว้หลายประเด็นขอเวลาเจ้าหน้าที่สอบสวนก่อน  มีรายงานข่าวจากที่ประชุม คสช.แจ้งว่า สาเหตุระเบิดครั้งนี้ ได้ตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ 1.การเมือง 2.การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการโดยคสช.จำนวนมากโดยใช้มาตรา 44 และ 3.ก่อการร้ายสากล
ผบ.ตร.ประณามอำมหิตโหดเหี้ยม  พล.ต.อ.สมยศ  แถลงข่าวประณามมือระเบิดที่ก่อเหตุว่าเป็นคนจิตใจอำมหิต โหดเหี้ยม ทำกับคนบริสุทธิ์ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ทั้งที่รู้ว่าช่วงเวลา 19.00 น.ที่ศาลพระพรหม จะมีประชาชนทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ เดินทางมาสักการะศาลพระพรหมเป็นจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าเป็นการมุ่งก่อเหตุเพื่อมุ่งหวัง่ชีวิต ทั้งนี้ นายกฯและพล.อ.ประวิตร ได้สั่งการมายังตนให้ลงพื้นที่ดูแล ซึ่งตนได้สั่งให้พล.ต.ท.จักรทิพย์ เข้ามากำกับดูแลเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย

ปิดจราจรหาหลักฐานถึงเที่ยงวัน  ผบ.ตร.กล่าวว่า ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป หน่วยอีโอดีและหน่วยพิสูจน์หลักฐานจะเข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุจนถึงวันพรุ่งนี้ ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้ (อังคาร) จนถึงเวลา 12.00 น.จำเป็นต้องปิดการจราจร บริเวณแยกประตูน้ำ ถนนราชดำริถึงแยกสารสิน และปิดถนนพระราม 1 จากแยกเพลินจิตถึงแยกเฉลิมเผ่า สำหรับรายละเอียดระเบิดเบื้องต้น มีลูกเดียว เป็นระเบิดแสวงเครื่อง โดยระเบิดทำจากท่อแป๊ปพันด้วยผ้าสีขาว ส่วนที่มีข่าวว่ามีอีก 2-3 ลูกนั้น ตรวจสอบแล้วไม่ใช่ระเบิด ทั้งนี้ขอให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่รัฐเข้มงวดตรวจตราดูแลประชาชนทั้งชาวไทย ชาวต่างประเทศเต็มที่ แต่ด้านการข่าวนั้น เราขอไม่เปิดเผยเพราะอาจมีผลต่อการสืบสวนสอบสวน แต่เรามีข้อมูลพอสมควร และยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ให้ความสำคัญกับทุกประเด็น ซึ่งในส่วนของกล้องวงจรปิดก็จะเป็นพยานหลักฐานที่จะใช้ประกอบการสอบสวนด้วย

นายกฯสั่งล่ามือระเบิดมาดำเนินคดี  ผบ.ตร.กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้โทรศัพท์มาหาตนบอกว่าเป็นห่วงประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ และท่านนายกฯเสียใจต่อเหตุที่เกิดขึ้น กำชับให้สอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้ได้ แต่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่าต้องเสร็จสิ้นเมื่อใด

ส่งเทปวงจรปิดให้ตร.แล้ว75ตัว มีรายงานจากสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ ว่า บริเวณแยกราชประสงค์มีกล้องวงจรปิดทั้งหมด 1,500 ตัวได้ส่งมอบเทปที่สมบูรณ์ให้ตำรวจได้แล้ว 75 ตัว ซึ่งในจำนวนนี้คาดว่ามี 3 ตัวที่น่าจะจับภาพก่อนเกิดเหตุได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันห้างสรรพสินค้า​และอาคารซึ่งเป็นเครือข่ายของสมาคม อาทิ ศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า ศูนย์การค้าอัมรินทร์พลาซ่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เอราวัณแบงค็อก โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ได้แยกกันหารือถือมาตราการรับมือต่างๆ

สั่งประวิตรติดตามสถานการณ์ ด้านพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้โทรศัพท์สั่งการให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯด้านความมั่นคง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและรายงานสถานการณ์ให้นายกฯทราบอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นเร็วเกินไปที่จะระบุว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ถ้าเป็นความตั้งใจจากใครที่จงใจให้เกิดเหตุ รัฐบาลจะเข้าดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษให้เร็วที่สุด ทั้งนี้นายกฯสั่งการให้ทหาร ตำรวจและกทม.เข้าพื้นที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและตรวจสอบผู้เสียชีวิต พร้อมสั่งให้นำกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าวมาตรวจสอบเป็นการด่วน


รัฐฟันธงฝีมือกลุ่มการเมืองเสียประโยชน์ พล.ต.สรรเสริญ ให้สัมภาษณ์เนชั่นทีวี ว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเชื่อว่าผู้ลงมือ ต้องการให้ระเบิดในพื้นที่ที่เป็นจุดสัญญลักษณ์ทางการเมืองและเป็นพื้นที่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันหลังเกิดเหตุ มีการปล่อยข่าวลวง ทั้งเรื่องที่บอกว่าจะมีการปิดสถาบันการเงิน ปิดการเรียนการสอน และประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งไม่เป็นความจริง ทุกอย่างเป็นข้อมูลเท็จ มีการกระทำอย่างเป็นระบบ เป็นขบวนการเพื่อให้สังคมเกิดความสับสน  ตรงนี้แนวโน้มกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังเป็นกลุ่มที่เสียประโยชน์ โดยเฉพาะกลุ่มการเมืองที่ไม่อยากให้บ้านเมืองเรามีความสงบพล.ต.สรรเสริญ กล่าว
เมื่อถามว่่ากลุ่มที่ก่อเหตุ ไม่พอใจเรื่องการปรับ ครม.หรือเรื่องการถอดยศหรือไม่ รองโฆษกฯ กล่าวว่า เรื่องปรับครม.ไม่น่าเกี่ยวข้องและเป็นไปไม่ได้เลย ส่วนเรื่องถอดยศนั้น ตนไม่อยากลงในรายละเอียด แต่เป็นกลุ่มที่เสียประโยชน์ทางการเมืองที่เห็นว่ารัฐบาลกำลังไปต่อได้ เลยก่อเหตุขึ้นมา สาเหตุที่ทำช่วงนี้เพราะบ้านเมืองกำลังเข้าสู่ภาวะสงบ เรียบร้อย ความขัดแย้งลดลงจะมีปัญหาเดียวก็คือด้านเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ที่เสียผลประโยชน์ด้านการเมืองเกิดความไม่พอใจขึ้น  พล.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า นายกฯได้สั่งสแกนพื้นที่รอบที่เกิดเหตุแล้ว ขณะเดียวกันกรณีที่มีกระแสข่าวว่าทหารเข้าระวังในจุดสำคัญรวมทั้งสถานีโทรทัศน์บางช่องนั้นเป็นการปล่อยข่าวว่า ตรงนั้น ตรงนี้ไม่ปลอดภัย จึงขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลด้วย

อุดมเดชไม่ระบุเหตุบึ้มกลางกรุง  พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ. กล่าวว่า ได้รับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วและได้สั่งการให้ทหารจัดกำลังทำงานร่วมกับตำรวจ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ระวังไว้ในช่วงนี้ ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่การที่จะมีอะไรแทรกซ้อนก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เราพยายามดูแลในช่วงที่ผ่านมา ระยะหลังก็ไม่มีข่าวอะไรที่เป็นสิ่งบอกเหตุ แต่เราได้ติดตามข่าวมาโดยตลอด ซึ่งขอให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเกิดเหตุเพราะสาเหตุใดที่เป็นเรื่องราวที่แน่นอน ซึ่งในห้วงนี้ก็มีเรื่องต่างๆ ที่มีความคิดเห็นต่างและอาจจะเป็นส่วนที่ชักนำให้มาก่อเหตุในครั้งนี้ก็เป็นได้ แต่เรียนว่ายังไม่มีความชัดเจน จึงไม่อยากจะพูดว่าเป็นเรื่องอะไร พยายามติดตามประสานงานกับทางตำรวจเพราะทำงานร่วมกันมาโดยตลอด  พล.อ.อุดมเดช กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงได้รับทราบเรื่องและได้สั่งการให้ดูแลร่วมกับตำรวจและให้ระมัดระวังอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีก ซึ่งท่านก็เป็นห่วงให้ดูแลพี่น้องประชาชน  "เหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารต้องออกมาช่วยตำรวจโดยเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน เพราะอาจจะมีบางจุดเป็นจุดล่อแหลมและเป็นจุดเสี่ยง ซึ่งบางครั้งไม่สามารถดูแลได้ทั้งหมด และการออกมาก็เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนด้วยพล.อ.อุดมเดช กล่าว

ยังไม่ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินสั่งเฝ้าระวัง  เมื่อถามว่า กรณีที่ทหารออกมาก็จะต้องมีการประกาศภายใต้คำสั่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า เรามีส่วนของกองกำลังรักษาความสงบอยู่แล้ว กองกำลังทั้งหมดในสี่กองทัพภาค ยังปฏิบัติงานอยู่ ยังลงพื้นที่สัมผัสกับประชาชน เมื่อเหตุการณ์สงบก็เข้าไปพูดคุยเสริมสร้างความปรองดองดูแลความเรียบร้อย หากมีเหตุการณ์เราก็สามารถออกมาได้ ซึ่งการออกมาปฏิบัติหน้าที่ของทหารในขณะนี้เป็นส่วนที่สามารถออกมาทำงานได้ เรามีกฎหมายรองรับ  เมื่อถามว่า ความคิดต่างส่วนใหญ่มักจะใช้กับทางการเมือง พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ก็อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ขอไม่ระบุอย่างชัดเจน ซึ่งสาเหตุสามารถประมวลภาพได้อาจเกิดเหตุได้ในช่วงนี้เหมือนกัน บางครั้งก็มีกระแสแต่ก็ไม่น่าจะนำไปสู่เหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บล้มตาย เป็นที่น่าเสียใจ ขอประณามผู้ที่คิดในสิ่งเหล่านี้มา เพราะที่ผ่านมาเราก็มีความสงบเรียบร้อยดีมาโดยตลอด

ประวิตรชี้มุ่งประเด็นทำลายศก.-จับคนร้ายให้ได้  ขณะนี้ได้ส่งทหารออกปฎิบัติหน้าที่ดูแลในจุดเสี่ยงทั่วกทม.แล้ว และยังไม่มีกาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เบื้่องต้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดการเห็นต่าง แต่จะไม่ขอด่วนสรุปว่าเป็นกลุ่มใด ยืนยันว่าฝ่ายความมั่นคงมีมาตรการเฝ้าระวังดูแลอย่างเต็มที่พล.อ.อุดมเดช กล่าว  ด้านพล.อ.ประวิตร กล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยขณะนี้ยังไม่ระบุชัดเจนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการเมืองหรือการก่อการร้าย แต่สิ่งที่กระทำของคนร้ายมีเจตนาทำร้ายเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เพราะจุดเกิดเหตุอยู่ใจกลางพื้นที่ธุรกิจ พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ทหารและตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพราะเป็นสิ่งที่สะเทือนใจ และตามหาคนร้ายให้ได้ ซึ่งนายกฯได้สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงเกาะติดอย่างใกล้ชิด  พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพรหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ให้สัมภาษณ์ระบุว่าเป็นระเบิดป่วนเมืองมุ่งทำลายเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องปิดเมืองตามล่าคนร้ายให้ได้

เลขาฯสมช.เร่งหาความชัดเจน  ด้านนายอนุสิฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุระเบิดครั้งนี้อาจไม่ใช่อุบัติเหตุ เพราะลักษณะของเหตุระเบิดเป็นการก่อเหตุที่มีระเบิดแสวงเครื่องใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งขณะนี้สมช.กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและมีรายงานเข้ามาเป็นระยะๆ และในส่วนของตำรวจได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ติดตามสถานการณ์  อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุระเบิดยังคงสับสนจึงยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องอุบัติเหตุหรือสถานการณ์ทางการเมือง เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินการหาความชัดเจนอยู่ เมื่อได้ข้อมูลที่สามารถสรุปเหตุการณ์ได้แล้ว จะมีการชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง ในขณะเดียวกันรัฐบาลกำลังติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดและฝ่ายการข่าวได้รายงานข้อมูลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ฝ่ายการข่าวมีการรายงานให้เฝ้าระวังหรือไม่ นายอนุสิษฐ กล่าวว่า คนจะก่อเหตุก็จ้องจะก่อเหตุอยู่อย่างนั้น แต่เราก็พยายามเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ยกเว้นมีคนไม่หวังดีกับชาติบ้านเมืองแล้วจึงก่อเหตุ ถ้ามีการปฏิบัติการในรูปแบบการก่อเหตุจริงๆ หรือเกี่ยวกับเรื่องอะไรก็ควรต้องมีการตรวจสอบในแน่ชัดก่อน จึงต้องขอให้มีการตรวจสอบก่อน อย่างไรก็ตามประชาชนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังและช่วยตรวจสอบเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้น ในหลายประเทศได้ใช้กลไกของประชาชนในการตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ เมื่อไหร่ที่เห็นสิ่งไม่ปกติต้องบอก แต่แน่นอนคนทำกับคนพยายามป้องกัน คนป้องกันก็จะเหนื่อย หากประเทศไม่มีความขัดแย้งกัน ประเทศก็จะมีความก้าวหน้าและไม่อยากให้มีการขยายผลเพราะสังคมไทยยังมีการทะเลาะเบาะแว้งกันไม่หยุดนิ่ง ไม่รู้จะเดินไปทางไหนนายอนุสิษฐ กล่าว

รพ.จัดทีมแพทย์รับเหตุฉุกเฉิน  นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุคล้ายระเบิดขึ้นบริเวณศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ ว่า ขณะนี้ โรงพยาบาลรามาฯ ได้รับตัวผู้บาดเจ็บจากเหตุดังกล่าวเข้ามารักษาตัวประมาณ 2-3 ราย แต่เป็นผู้บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คาดว่า จะมีการส่งตัวผู้บาดเจ็บเข้ามาอีก นอกจากนี้ โรงพยาบาลรามาได้ส่งรถพยาบาลฉุกเฉินเข้าไปสนับสนุนบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุแล้ว และยังสำรองเตียงไว้รองรับสถานการณ์ด้วย  ส่วนที่โรงพยาบาลตำรวจ ญาติและกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ได้มาลงชื่อเพื่อแจ้งติดตามหาคนหายจากเหตุการณ์ระเบิดจำนวนมากทำให้เกิดความชุลมุนวุ่นวายพอสมควร เนื่องจากโรงพยาบาลยังไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อหรือให้ข้อมูลแก่ญาติและนักท่องเที่ยว  รศ.นพ.ประเสริฐ ตรีวิจิตรศิลป์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการยกระดับเปิดแผนรับมืออุบัติเหตุหมู่ โดยได้เพิ่มบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พร้อมประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ อีกทั้งได้มีการจัดพื้นที่แบ่งโซนผู้บาดเจ็บตามอาการ เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิด ล่าสุด มีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งตัวมายังโรงพยาบาลจุฬาฯ จำนวนทั้งสิ้น 30 ราย ทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยได้ติดตามสถานการณ์ผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างใกล้ชิด สำหรับผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นชาวจีนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจและโรงพยาบาลราชวิถีมีจำนวนมาก

กาชาดปัดขอบริจาคเลือดฉุกเฉิน  พญ.สร้อยสอางค์ พิกุลสด ผอ.ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ตอนนี้ได้รับการประสานจาก รพ.จุฬาฯ และรพ.ตำรวจ เพื่อรอรับเลือด ซึ่งยืนยันว่าตอนนี้ที่ศูนย์ฯ มีเลือดทุกหมู่เลือดเพียงพอต่อการรองรับสถานการณ์แน่นอน ทั้งนี้ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้ปฏิเสธข่าวในโลกโซเชียลมีเดียที่ขอให้ประชาชนมาบริจาคโลหิตช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ โดยยืนยันว่าตอนนี้ที่ศูนย์ฯ มีโลหิตกว่า 3 พันยูนิต ที่พอจะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ส่วนใครที่อยากบริจาคโลหิตต้องมาพรุ่งนี้(18ส.ค.)

(หมายเหตุ  อ้างอิงแหล่งข้อมูลจาก คมชัดลึกออนไลน์)

 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น