วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556

โลก 360 องศา - (ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวปากีสถาน,พายุไต้ฝุ่นหวู่ติ๊บถล่มจีนเวียดนามกัมพูชาและไทย,เหตุกราดยิงนักศึกษาที่ไนจีเรีย,เส้นตายปิดสำนักงานของรัฐบางแห่งของสหรัฐ)


เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงสั่นสะเทือนทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถานเมื่อสัปดาห์ก่อน เพิ่มเป็น 376 รายแล้วในวันอังคาร (1 ต.ค.) หน่วยงานจัดการหายนภัยแห่งชาติระบุ ขณะที่ปฏฺัติการด้านบรรเทาทุกข์ในพื้นที่ประสบภัยยังดำเนินต่อไป   แผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 7.7 เขย่าจังหวัดบาลูจิสถาน เมื่อวันที่ 24 กันยายน ส่งผลให้ประชาชนมากกว่า 100,000 คนต้องไร้ที่อยู่อาสัย จากนั้นก็เกิดแผ่นดินไหว 6.8 สั่นสะเทือนพื้นที่ดังกล่าวอีกครั้งในวันเสาร์ (28) คร่าชีวิตชาวบ้านอีกอย่างน้อย 22 ศพ   มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 330 ศพในเขตอวารานและอีก 46 ศพในเขตเคช ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บมีทั้งหมด 824 รายสำนักงานจัดการหายนภัยแห่งชาติระบุในถ้อยแถลง อ้างถึงยอดผู้เสียชีวิตใน 2 พื้นที่ซึ่งได้่รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดจากแผนดินไหวครั้งแรก  ทั้งนี้ ยอดผู้เสียชีวิตข้างต้นปรับเพิ่มจากเดิม 359 ศพ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ไม่ได้รวมยอดเหยื่อแผ่นดินไหวครั้งที่้ 2  อนึ่ง เจ้าหน้าที่ยังเดินหน้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ห่างไกลซึ่งยากจะเข้าถึง ในนั้นรวมถึงการใช้วิธีหย่อนเครื่องบรรเทาทุกข์ อาหาร และเวชภัณฑ์ยาจากทางอากาศ

 


ซินหัวรายงานวันที่ 30 ก.ย. ว่า อิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นหวู่ติ๊บ ซึ่งแปลว่าผีเสื้อในภาษาจีน เคลื่อนตัวอยู่ในเวียดนามด้วยกำลังลม 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำให้เกิดฝนตกและ น้ำท่วมในภาคเหนือและอีสานของไทย รวมถึงตอนใต้ของจีน ล่าสุดทำให้เรือประมงจีนในทะเลจีนใต้ล่ม 3 ลำ มีผู้สูญหาย 74 คน เรือทั้ง 3 ลำมาจากมณฑลกวางตุ้ง ทางภาคใต้ มีชาวประมงรวม 88 ชีวิต ล่มลงเมื่อ วันอาทิตย์ บริเวณหมู่เกาะพาราเซล หรือจีนเรียกซี่ชา ซึ่งจีนพิพาทแย่งกรรมสิทธิ์กับไต้หวัน ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย และเวียดนาม ห่างจากมณฑลไหหลำราว 330 กิโลเมตร หน่วยกู้ภัยช่วยเหลือชาวประมงไว้ได้ 14 คน ส่วนที่เหลือยังไม่รู้ชะตากรรม   ศูนย์พยากรณ์สภาพแวดล้อมทางทะเลแห่งชาติจีนประกาศว่า ไต้ฝุ่นจะทำให้เกิดฝนตกหนักในมณฑลกวางตุ้ง ไหหลำและกวางสี ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน ภาคใต้ของจีนเพิ่งถูกพายุอุซางิที่แปลว่ากระต่ายในภาษาญี่ปุ่นพัดถล่มจนมีผู้เสียชีวิต 25 ราย มีการอพยพประชาชน 226,000 คน บ้านเรือนพังเสียหายกว่า 7,000 หลัง ขณะที่ฮ่องกงต้องยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก

ด้านสถานการณ์ในเวียดนาม รัฐบาลสั่งอพยพประชาชนในภาคกลางร่วม 80,000 คนโดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ย้ายไปอยู่ตามโรงเรียนและอาคารที่มีความแข็งแรง   สำนักพยากรณ์อากาศเวียดนามประกาศว่า ไต้ฝุ่นหวู่ติ๊บเป็นพายุลูกที่รุนแรงที่สุดที่พัดถล่มประเทศในฤดูกาลนี้ โดยคาดว่าจะมีกำลังลมถึง 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  ขณะที่กัมพูชามีฝนตกหนักและน้ำท่วมใหญ่เช่นกัน โดยน้ำจากแม่น้ำโขงทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน ประชาชนต้องอพยพกว่า 9,000 ครอบครัวและพบผู้เสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ราย  ทางการเวียดนาม เร่งอพยพประชาชนออกจากในพื้นที่เสี่ยง ก่อนพายุไต้ฝุ่น"หวู่ติ๊บ"จะเคลื่อนตัวพัดถล่มชายฝั่งเวียดนามในคืนนี้ ขณะที่อิทธิพลของพายุ ได้ทำให้เรือประมงอย่างน้อย 3 ลำอับปางใกล้กับชายฝั่งทะเลจีนใต้ เป็นเหตุให้ลูกเรือสูญหาย 75 คน   รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามสั่งอพยพประชาชนครั้งใหญ่ออกจากพื้นที่เสี่ยง ที่จะถูกพายุไต้ฝุ่น"หวู่ติ๊บ" พัดถล่ม ซึ่งคาดว่าจะพัดขึ้นฝั่งทางตอนกลางของเวียดนาม ในกลางดึกวันนี้ ด้วยความเร็วลม 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้านสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติเผยว่า ได้อพยพประชาชนกว่า 8,000 คนจากหมู่บ้านริมชายฝั่งเมืองกว๋าง จิ (Quang Tri) รวมไปถึงพื้นที่อื่นๆ อีกกว่า 35,000 คนไปอยู่ในที่ปลอดภัยไปแล้วเมื่อวานนี้ เพื่อเตรียมพร้อมความปลอดภัย และในวันนี้ ยังมีแผนจะอพยพประชาชนกว่า 140,000 คน ใน 4 จังหวัดทางตอนกลางด้วย พร้อมสั่งปิดโรงเรียน 5 แห่ง เพราะเกรงว่าอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น"หวู่ติ๊บ" จะทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน นอกจากนี้ยังสั่งให้เรือประมงกว่า 60,000 ลำงดออกจากฝั่งชั่วคราว หลังจากมีรายงานเรือประมง 3 ลำเกิดอับปางในทะเลจีนใต้ ตั้งแต่บ่ายวานนี้ ทำให้ลูกเรือสูญหาย 75 คน ทั้งนี้พายุไต้ฝุ่น "หวู่ติ๊บ" นับเป็นพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุด ที่พัดถล่มเวียดนามในช่วงฤดูฝนปีนี้ แต่พายุไต้ฝุ่น ที่พัดถล่มเอเชียรุนแรงที่สุดในปีนี้ คือ พายุไต้ฝุ่น อุซางิ ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนอย่างน้อย 33 คน ในฟิลิปปินส์และจีนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา


ไนจีเรียนองเลือด! กบฏบุกยิงหอพักนศ.ตายเกลื่อน 40 กว่าศพ!

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มคนร้ายพร้อมด้วยอาวุธครบมือ ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่ม “โบโก-ฮาราม” บุกเข้าไปในหอพักนักศึกษาชายแห่งหนึ่งของวิทยาลัยการเกษตร ในรัฐโยเบ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย เมื่อเวลาประมาณ 1.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนที่จะก่อเหตุกราดยิงนักศึกษาที่กำลังนอนหลับ ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 50 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน ขณะที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่ายอดผู้เสียชีวิตน่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีก นอกจากนี้กลุ่มผู้ก่อเหตุยังได้วางเพลิงเผาห้องเรียนเรียนของวิทยาลัยแห่งนี้จนวอดวายเสียหายอีกด้วย กลุ่มโบโก ฮารามเป็นกลุ่มที่ต่อสู้ล้มล้างรัฐบาลไนจีเรียเพื่อสร้างรัฐอิสลามในไนจีเรีย โดยได้ปฏิเสธระบบการศึกษาแบบชาติตะวันตก และได้ก่อเหตุโจมตีในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายต่อหลายครั้งด้วยกัน

เอเอฟพีรายงานเมื่อ 29 ก.ย. ว่า เกิดเหตุกลุ่มติดอาวุธโบโก ฮารามที่มีเป้าหมายสถาปนารัฐอิสลามสายเคร่งในไนจีเรีย บุกกราดยิงนักศึกษาในหอพักของวิทยาลัยเกษตรกรรมในเมืองกัจบา รัฐโยเบ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ห่างจากกรุงดามาตูรูราว 30 กิโลเมตร ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 รายแต่คาดว่าจะมากถึง 50 ราย เหตุรุนแรงเกิดขึ้นช่วงเช้าวันอาทิตย์ ขณะที่นักศึกษาส่วนใหญ่หลับอยู่ โฆษกกองทัพกล่าวว่า นอกจากกราดยิงหอพัก กลุ่มติดอาวุธยังจุดไฟเผาห้องเรียนด้วย โดยขณะเกิดเหตุมีนักศึกษาแตกตื่นวิ่งหนีตายราว 1,000 คน รายงานระบุว่ารัฐดังกล่าวเกิดเหตุโจมตีสถาบันการศึกษามาแล้วหลายครั้ง โดยทั้งหมดเป็นฝีมือของกลุ่มโบโก ฮารามที่สู้รบกับทางการมาตั้งแต่ปี 2552 เหตุการณ์ครั้งหลังสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนก.ค. กลุ่มติดอาวุธปาระเบิดและกราดยิงหอพักที่เมืองมามูโดกลางดึก มีผู้เสียชีวิต 42 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา นอกจากนี้กลุ่มดังกล่าวยังโจมตีโบสถ์ มัสยิด หนังสือพิมพ์ พรรคการเมืองและสำนักงานสหประชาชาติ มีผู้วิเคราะห์ว่าเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นพลเรือนที่ป้องกันตัวเองไม่ได้ ด้านประธานาธิบดีกู๊ดลัก โจนาธาน สั่งกวาดล้างกลุ่มดังกล่าวอย่างจริงจังเมื่อกลางเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นต่อจากที่กลุ่มติดอาวุธอัล-ชาบับจากโซมาเลีย บุกยึดห้างสรรพสินค้าในกรุงไนโรบีของเคนยาเมื่อสัปดาห์ก่อน และสังหารตัวประกัน 62 ราย แต่ยังมีผู้สูญหายอีกราว 63 คน โดยระบุว่าเพื่อแก้แค้นที่เคนยาส่งทหารไปช่วยโซมาเลียรบกับกบฏ ซึ่งสะท้อนวิถีทางของกลุ่มมุสลิมสายเคร่งที่ก่อเหตุรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ


สภาคองเกรสสหรัฐล้มเหลวถกร่างงบประมาณไม่ทันเส้นตาย ฉุดประเทศเข้าสู่สภาวะชัตดาวน์ครั้งแรกในรอบ 17 ปี สหรัฐเข้าสู่สภาวะชัตดาวน์อย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่สภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณได้ทันเที่ยงคืนวันที่ 1 ต.ค. ตามเวลาในสหรัฐ หรือราว 11.00 น.วันนี้ตามเวลาในไทย ทำให้หน่วยงานหลายแห่งที่ไม่เกี่ยวกับภารกิจสำคัญเร่งด่วนต้องประสบภาวะไม่สามารถเบิกงบใช้จ่าย และจ่ายเงินเดือนพนักงานได้ ทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์ให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งทั่วประเทศเตรียมรับมือกับภาวะชัตดาวน์ และเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งเดินหน้าหาทางออกเพื่อผ่านร่างงบประมาณฉุกเฉินออกมาโดยเร็ว เพื่อยุติภาวะวิกฤตทางการคลังของประเทศ ด้านประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐ ได้แถลงผ่านทางสถานีโทรศัน์ช่องทหารบกเพื่อย้ำความมั่นใจให้กับกองทัพว่า กองกำลังสหรัฐจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติในช่วงภาวะชัตดาวน์ ทว่าเจ้าหน้าที่พลเรือนในกระทรวงกลาโหมอาจได้รับผลกระทบจากการเลื่อนจ่ายเงินเดือนออกไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าภาวะดังกล่าวจะกินเวลายาวนานเท่าใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น