วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

โลก 360 องศา - (เครื่องบินลาวตกในแม่น้ำโขง,ไต้ฝุ่นนารีอ่อนแรงเป็นดีเปรสชั่น,แผ่นดินไหวในฟิลิปปินส์,วิกฤติเพดานหนี้ของอเมริกามีทางเจรจากันได้,ผลรางวัลโนเบล2013)

ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เหตุแผ่สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ว่า ไม่มีรายงานข่าวของผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินโดยสาร เที่ยวบินคิววี 301 ของสายการบินลาว แอร์ไลน์ส ประสบอุบัติเหตุตกในแขวงจำปาสัก ประเทศลาวเมื่อวานนี้ พร้อมผู้โดยสาร 44 คน และลูกเรือ 5 คน จากตัวเลขของกระทรวงโยธาธิการและขนส่งของลาว และสายการบินลาว โดยสถานทูตจีน ยืนยันว่า มีชาวจีน 2 คน 1 คนจากแผ่นดินใหญ่ และอีก 1 คนจากไต้หวัน โดยสารไปกับเครื่องบินลำดังกล่าว

สำนักข่าวเคพีแอลของลาว รายงานว่า เครื่องบินโดยสารเที่ยวบิน คิววี301 จากกรุงเวียงจันทน์ ประสบอุบัติเหตุตกในแม่น้ำโขงที่เกาะดอนโค ห่างจากสนามบินนานาชาติเมืองปากเซ ในจำปาสัก ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเครื่องบินลำนี้ ประมาณ 2 กิโลเมตร หลังจากทะยานขึ้นจากกรุงเวียงจันทน์เมื่อเวลาประมาณ 14.45 น.ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวานนี้ และมีกำหนดถึงเมืองปากเซในเวลา 15.55 น. ขณะพยายามร่อนลงจอดในสภาพอากาศเลวร้าย เจ้าหน้าที่ระดับสูงของลาว ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสำนักข่าวซินหัวขณะเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ และยืนยันว่า พบศพผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ศพ และนำออกจากซากเครื่องบินได้แล้ว ด้านสื่อมวลชนท้องถิ่นในฝรั่งเศส รายงานอ้างคำกล่าวของนายโลรองต์ ฟาเปอุส รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ที่ระบุวา มีชาวฝรั่งเศสอย่างน้อย 7 คนเป็นผู้โดยสารที่เสียชีวิตในเหตุการณ์เครื่องบินลาว แอร์ไลน์ส ตกในแม่น้ำโขงเมื่อวานนี้ โดยนายฟาบิอุส กล่าวว่า รู้สึกช็อกอย่างมาก พร้อมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต แหล่งข่าวจากหน่วยงานการบิน ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ยืนยันกับซินหัวว่า เที่ยวบินที่คิววี301 เป็นเครื่องบินแบบเออาร์ที ทวินเทอร์โบ มีผู้โดยสาร 40 คนขณะเกิดเหตุ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ว่าพายุไต้ฝุ่น "นารี" เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่เมืองดานัง ทางตอนกลางของเวียดนาม เมื่อช่วงรุ่งสางของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ด้วยความเร็วลมศูนย์กลางที่สูงถึง 133 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงในเมืองดานัง เมืองเว้ และอีกหลายจังหวัดที่ตั้งอยู่ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งรวมถึงจังหวัดกวางนัม อิทธิพลของพายุทำให้สายการบิน "เวียดนาม แอร์ไลน์ส" ประกาศระงับให้บริการเที่ยวบินใน 14 เส้นทางตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ และเตือนให้ผู้โดยสารรับทราบว่าเที่ยวบินอย่างน้อย 8 เส้นทางทั้งขาเข้าและขาออกอาจล่าช้ากว่าปกติ ขณะที่รัฐบาลสั่งอพยพราษฎรล่วงหน้ากว่า 122,000 คน อย่างไรก็ตาม มีรายงานการพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ศพ ทั้งนี้ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาเวียดนามคาดการณ์การเคลื่อนที่ของพายุ ว่าเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีทิศทางมุ่งหน้าฝั่งตะวันตก โดยจะอ่อนกำลังลงเหลือเพียงเป็นพายุดีเปรสชั่น

พายุไต้ฝุ่นนารีคร่าชีวิตประชาชนในฟิลิปปินส์ไปแล้ว 13 คน และยังสูญหายอีก 3 ในขณะที่จีนออกประกาศเตือนภัยแล้ว หลังไต้ฝุ่นนารีเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ในวันนี้ คาดน้ำท่วมภาคใต้ของจีนอีกครั้งทางการของฟิลิปปินส์ รายงานในวันนี้(11 ตุลาคม 56)ว่า เมือเช้าตรู่ของวันนี้พายุไต้ฝุ่นนารี ได้พัดเข้าถล่มทางด้านภาคเหนือของเกาะลูซอน ฟิลิปปินส์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 13 คน ส่วนอีก 3 คนยังสูญหาย โดยประชาชนผู้เสียชีวิตมาจากถูกต้นไม้โค่นถล่มทับ ไฟฟ้าช็อต ดินโคลนถล่ม สิ่งก่อสร้างพังทลายทับใส่ และจมน้ำ ส่วนอีก 3 คนที่ยังสูญหายเป็นชาวประมงของหมู่บ้านตินาโก เมืองวิก้า ทางภาคเหนือของฟิลิปปินส์ เจ้าหน้าที่ระบุว่า ประชาชนกว่า 9,400 หลังคาเรือน หรือประมาณ 59,000 คนใน 50 หมู่บ้านของ 6 จังหวัด ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น”นารี” และจำนวนกว่า 6,000 คนได้รับการอพยพออกจากที่อยู่อาศัยของตัวเองไปยังศูนย์อพยพที่ทางการจัดให้เพื่อความปลอดภัย บางหมู่บ้านในทางจังหวัดภาคเหนือของฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะที่จังหวัด บูลากัน และปัมปันก้า ถูกน้ำท่วมอย่างหนัก รายงานของสื่อในฟิลิปปินส์ระบุว่า ความรุนแรงของพายุไต้ฝุ่นนารีที่พัดเข้าถล่มภาคเหนือของฟิลิปปินส์เมื่อเช้าตรู่วันนี้ ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง หลังคาบ้านเรือนหลายร้อยหลังถูกกระแสลมพัดปลิว ต้นไม้และเสาไฟฟ้าจำนวนมากหักโค่น ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าดับ ชาวบ้านกว่า 2 ล้านคนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ ขณะที่หลายพื้นที่ถูกน้ำท่วมขัง เนื่องจากพายุทำให้เกิดฝนตกหนัก

ในขณะที่สำนักพยากรณ์อากาศของฟิลิปปินส์ได้ระบุว่า ในช่วงเย็นพายุได้อ่อนกำลังลง และเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ด้วยกำลังลมที่ใกล้จุดศูนย์กลางที่ระดับ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำนักข่าวซินหัว ของทางการจีน ออกรายงานข่าวเมื่อ 23.03 น.ของวันนี้ ระบุว่า ทางการจีนได้ออกประกาศเตือนให้ระวังพายุไต้ฝุ่นนารี แล้ว ภายหลังจากที่พายุดังกล่าวได้เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ในวันนี้ และคาดว่า ด้วยอิทธิพลของพายุดังกล่าว จะนำมาซึ่งลมที่แรงและฝนที่ตกอย่างหนักในประเทศจีนตอนใต้ด้านตะวันออก รายงานของซินหัวระบุโดยอ้างข้อมูลของสำนักงานพยากรณ์อากาศของมณฑลไหหลำระบุว่า ศูนย์กลางของพายุไต้ฝุ่นนารีอยู่ห่างจากเมืองซันชา ซิตี้ มณฑลไหหลำในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีนราว 645 กิโลเมตร (เมื่อเวลาบ่าย 3 โมง) ด้วยกำลังลมที่ใกล้จุดศูนย์กลาง 118.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวไปทางด้านตะวันตก ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรถึง 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และระบุว่า พายุนารีจะยังคงมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นและพัดให้คลื่นในทะเลเพิ่มสูง โดยเฉพาะหมู่เกาะซิชา ของจีนต้องระมัดระวัง พร้อมกับได้เรียกให้เรือประมงทุกลำกลับเข้าสู่ชายฝั่งอย่างเร่งด่วนที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ในขณะที่สำนักงานควบคุมภาวะน้ำท่วมของมณฑลกวางตุ้ง ก็ได้ออกประกาศเตือนภาวะฉุกเฉินต่ออิทธิพลของพายุนารี ดัวยการระบุว่า น้ำทะเลในชายฝั่งของจังหวัด จะมีคลื่นสูงราว 6-9 เมตรในวันจันทร์ถึงวันพุธนี้ และขอให้ผู้เดินเรือ รวมทั้งชาวประมง คอยฟังรายงานของสำนักงานพยากรณ์อากาศที่ออกประกาศเตือนอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับแจ้งให้เรือประมงที่กำลังวิ่งผ่านทะเลจีนใต้ รีบกลับเข้าฝั่งเพื่อความปลอดภัย ซินหัวรายงานด้วยว่า ศูนย์กลางพยากรณ์อากาศแห่งชาติของจีน ได้ประกาศเตือนภัยระดับสีส้ม ซึ่งนับเป็นคำเตือนภัยเกือบสูงสุดรองลงมาจากสีแดง สำหรับอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นนารี

แผ่นดินไหวขนาด 7.2 ริกเตอร์ เมื่อเวลา 08.12 น. ตามเวลาท้องถิ่น มีศูนย์กลางอยู่ใกล้กับเกาะโบโฮลและจังหวัดเซบูทางตอนกลางของประเทศ ห่างจากกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ 629 กิโลเมตร อยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน 33 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีรายงานอาฟเตอร์ช็อกตามมาไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งมีความรุนแรงไม่ต่ำกว่า 5.0 ริกเตอร์ โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่รายงานยอดผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 85 ราย ในจำนวนนี้มีการยืนยันออกมาแล้วว่า 57 ราย เสียชีวิตที่เกาะโบโฮล ส่วนอีก 15 รายเสียชีวิตที่จังหวัดเซบู โดยเจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นยังทำให้บ้านเรือนจำนวนมากได้รับความเสียหาย ถนนและระบบไฟฟ้าในหลายเมืองใช้การไม่ได้ นอกจากนี้ยังส่งผลให้โบสถ์โลบอคซึ่งเป็นโบราณสถานเก่าแก่ สร้างมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 รวมถึงโบราณสถานอื่นๆ ที่สร้างมาตั้งแต่ฟิลิปปินส์ยังตกเป็นอาณานิคมของสเปนเมื่อหลายร้อยปีมาแล้วเสียหายอีกด้วย สำหรับฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่เส้นวงแหวนแห่งไฟ ซึ่งก่อนหน้านี้ฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวมาหลายครั้ง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเหตุแผ่นดินไหวเมื่อเดือนก.พ. 2012 มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน ขณะที่แผ่นดินไหวขนาด 7.9 ตามมาตราริกเตอร์ที่เกิดขึ้นในฟิลิปปินส์เมื่อปี 1976 ซึ่งเป็นภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายที่สุดที่ฟิลิปปินส์ต้องเผชิญ เจ้าหน้าที่คาดว่า แผ่นดินไหวในครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตมากถึง 5,000-8,000 คนเลยทีเดียว แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.1 ในแถบตอนกลางของฟิลิปปินส์เมื่อวันอังคาร (15 ต.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 93 คน ขณะที่ก่อให้เกิดเหตุดินถล่มฝังบ้านเรือนไว้ข้างใต้ในหลายๆ จุด และเป็นชนวนให้เกิดการเหยียบกันตาย รวมทั้งโบสถ์คาทอลิกเก่าแก่ที่สุดของประเทศก็ได้รับเสียหาย ตามรายงานของสำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติ มีผู้เสียชีวิตที่ยืนยันแน่นอนแล้วจำนวน 15 คนในเมืองเซบู เมืองสำคัญที่สุดเป็นอันดับ 2 ของฟิลิปปินส์ และก็เป็นปากทางเพื่อไปยังชายหาดสวยงามที่สุดหลายๆ แห่งของประเทศนี้ ขณะเดียวกันที่เกาะโบฮอล ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน มีรายงานว่าพบคนตาย 77 คน และยังมีอีก 1 รายบนเกาะซิกุยเจอร์ ซึ่งอยู่ไม่ห่างออกไป เวลานี้ยังไม่มีรายงานว่า มีชาวต่างชาติเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด ทว่าเนื่องจากบริเวณแถบนี้มีชายหาดที่งดงาม จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์สำทับว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าไปประเมินความเสียหายในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดในโบฮอล ซึ่งถนนและกระแสไฟฟ้าถูกตัดขาด อย่างไรก็ดี ความที่ภัยพิบัติครั้งนี้เกิดขึ้นในวันหยุดราชการ จึงทำให้มีผู้คนในอาคารต่างๆ น้อยกว่าปกติ ยอดความสูญเสียจึงลดลง และเนื่องจากศูนย์กลางของแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบนแผ่นดิน จึงทำให้ไม่มีคลื่นยักษ์สึนามิตามมาแต่อย่างใด   ตามรายงานของสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 8.12 น. วันอังคารตามเวลาท้องถิ่นของฟิลิปปินส์ (ตรงกับ 7.12 น.เวลาเมืองไทย) โดยมีศูนย์กลางอยู่ใกล้เมืองบาลิลิฮันที่มีประชากรราว 18,000 คนบนเกาะโบฮอล ณ ความลึก 20 กิโลเมตร จุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากกรุงมะนิลา 629 กิโลเมตร โดยมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาอย่างน้อย 4 ครั้ง วัดความแรงได้มากกว่า 5.0

คาดผู้นำของเดโมแครตและรีพับลิกันในสภาสูงสหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงภายในวันอังคาร (15 ต.ค.) เพื่อปูทางให้หน่วยงานรัฐบาลกลางเปิดทำการอีกครั้ง และหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ที่จะบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของอเมริกา รวมทั้งเขย่าเศรษฐกิจโลก บรรดาผู้ช่วยในรัฐสภาสหรัฐฯแสดงการคาดหมายกับผู้สื่อข่าวในวันจันทร์ (14) ว่า ส.ว. แฮร์รี รีด ของพรรคเดโมแครต ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา และ ส.ว. มิตช์ แมคคอนเนลล์ ของพรรครีพับลิกัน ที่เป็นผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาเดียวกัน จะบรรลุข้อตกลงกันได้ในวันอังคาร หรือเพียง 2 วันก่อนวันพฤหัสบดี (17) อันเป็นเส้นตายซึ่งกระทรวงคลังสหรัฐฯระบุว่าหากรัฐสภายังไม่อนุมัติให้ขยายเพดานการก่อหนี้ รัฐบาลก็จะไม่สามารถกู้ยืมเงินได้แล้ว ภายใต้ข้อเสนอที่เจรจาต่อรองกันและน่าจะตกลงกันได้ดังกล่าวนี้ พวกหน่วยงานรัฐบาลกลางซึ่งต้องปิดทำการตั้งแต่วันที่ 1 ที่ผ่านมาจะได้รับงบประมาณใช้จ่ายเพียงพอที่จะเปิดดำเนินการอีกครั้งไปถึงวันที่ 15 มกราคมปีหน้า ขณะที่จะมีการเพิ่มเพดานก่อหนี้ เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถกู้ยืมเงินได้ตามปกติจนถึงวันที่ 7 ก.พ. ดังนั้นจึงจะเป็นการยุติวิกฤตการคลัง 2 เรื่องซ้อนกัน ซึ่งกำลังทำลายความเชื่อมั่นที่มีต่อสหรัฐฯ และก็กระชากคะแนนนิยมของรีพับลิกันให้ต่ำเรี่ยดิน ข้อเสนอนี้ยังกำหนดให้เริ่มการเจรจาว่าด้วยการแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณในระยะยาวอย่างเป็นทางการระหว่างสภาสูงและสภาล่าง เพื่อให้ได้ข้อสรุปภายในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ โดยที่การแก้ไขเช่นนี้จะมีเป้าหมายประการหนึ่งว่าจะผ่อนคลายมาตรการลดการใช้จ่ายแบบเหมารวมอัตโนมัติ (ซีเควสเตอร์) ทั้งนี้ซีเควสเตอร์เริ่มต้นในเดือนมีนาคมปีนี้ และจะขยายผลเพิ่มขึ้นอีกในเดือนมีนาคมปีหน้า โดยจะมีการตัดงบกลาโหมเพิ่มอีก 20,000 ล้านดอลลาร์ วุฒิสมาชิกของรีพับลิกันมีกำหนดนัดหมายประชุมกันในตอนเที่ยงวันอังคาร เพื่อทบทวนแผนการที่กำลังออกมาจากการเจรจากันระหว่าง รีด กับ แมคคอนเนลล์ โดยที่ รีด กล่าวในตอนสรุปก่อนปิดการประชุมวุฒิสภาเมื่อวันจันทร์ (14) ว่า เขามองการณ์ในแง่ดีเป็นอย่างมากว่าจะสามารถทำความตกลงที่สมเหตุสมผลกันได้ในสัปดาห์นี้ “เรายังไปไม่ถึงตรงนั้น แต่มีความคืบหน้าไปอย่างน่าตื่นตะลึง” เขาบอก ขณะที่แมคคอนเนนล์ ก็กล่าวว่า เขาก็ร่วมมองการณ์ในแง่ดีนี้เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ดี ยังคงมีความวิตกกันว่า การขยายเพดานหนี้ชั่วคราวตามที่ประนีประนอมกันนี้ จะสามารถออกมาเป็นกฎหมายบังคับใช้ได้ทันกำหนดเส้นตายหรือไม่ เพราะวุฒิสมาชิกอนุรักษนิยมสุดโต่ง “ทีปาร์ตี้” ของรีพับลิกันบางคน อาจใช้ยุทธวิธีดังเช่นการอภิปรายลากยาวข้ามวันข้ามคืน มาถ่วงเวลาการลงมติอนุมัติ หรือกระทั่งว่าร่างกฎหมายผ่านสภาสูงไปแล้ว ก็ยังไม่มีความแน่นอนว่าจะสามารถผ่านสภาล่างซึ่งพรรครีพับลิกันควบคุมอยู่ไปได้หรือไม่ ทั้งนี้ พวกอนุรักษนิยมรีพับลิกินมีอิทธิพลสูงในสภาล่างยิ่งกว่าในสภาสูงเสียอีก และถ้าสภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างที่มีข้อความผิดเพี้ยนไปจากร่างของวุฒิสภาแล้ว ทั้งสองสภาก็ต้องมาตกลงกันเพื่อให้เป็นกฎหมายหนึ่งเดียว ซึ่งย่อมต้องใช้เวลามากขึ้นอีก

รอยเตอร์ – องค์การตรวจตราเฝ้าระวังอาวุธเคมีระดับโลก ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “องค์การเพื่อการห้ามใช้อาวุธเคมี” (Organisation for the Prohibition of Chemical Weapons ใช้อักษรย่อว่า OPCW) คือผู้ชนะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปีนี้ ทั้งนี้ตามการประกาศของคณะกรรมการรางวัลในวันนี้ (11 ต.ค) โดยที่งานชิ้นใหญ่ล่าสุดของหน่วยงานที่ค่อนข้างเล็กแห่งนี้คือ การทำหน้าที่กำกับตรวจสอบการทำลายอาวุธเคมีของซีเรีย

OPCW ซึ่งมีบุคลากรและงบประมาณสนับสนุนไม่มากนัก ได้จัดส่งทีมงานผู้เชี่ยวชาญของตนเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในซีเรีย ภายหลังเกิดเหตุโจมตีด้วยก๊าซพิษ “ซาริน” ที่บริเวณชานกรุงดามัสกัสในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 1,400 คน การเข้าปฏิบัติหน้าที่ของ OPCW ภายใต้การสนับสนุนของสหประชาชาติ มีส่วนช่วยทำให้ทางการสหรัฐฯเปลี่ยนใจไม่ใช้กำลังทหารเข้าโจมตีเล่นงานประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย โธร์บเจิร์น จักแลนด์ ประธานคณะกรรมการรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐสภานอร์เวย์ แถลงว่าการมอบรางวัลปีนี้ให้แก่ องค์การเพื่อการห้ามใช้อาวุธเคมี ก็เพื่อเป็นเครื่องเตือนชาติต่างๆ ที่ยังคงมีอาวุธเคมีสะสมเอาไว้เป็นจำนวนมาก เป็นต้นว่า สหรัฐฯ และรัสเซีย ให้กำจัดคลังอาวุธของพวกเขา “โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อพวกเขากำลังเรียกร้องให้คนอื่นๆ ทำอย่างเดียวกันนี้ อย่างเช่นว่า ซีเรีย”

“เวลานี้เรามีโอกาสแล้วที่จะกำจัดอาวุธทำล้ายล้างสูงประเภทหนึ่งให้หมดสิ้นไปอย่างสิ้นเชิง ถ้าหากเราสามารถทำได้เช่นนั้นจริงๆ นี่ก็จะเป็นเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์” เขากล่าว

ภารกิจในซีเรียของ OPCW ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพราะต้องเข้าไปตรวจสอบสถานที่เก็บสะสมและทำลายอาวุธเคมีในตลอดทั่วประเทศซีเรีย ที่กำลังอยู่ในสงครามกลางเมืองอันดุเดือดรุนแรง โดยที่ประมาณการกันว่าได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 100,000 คน สมาชิกในทีมงานขององค์การเพื่อการห้ามใช้อาวุธเคมี ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้เคยถูกมือซุ่มยิงของฝ่ายใดไม่ปรากฏชัด ดักยิงมาแล้วในระหว่างการเข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุบริเวณชานกรุงดามัสกัสเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการ OPCW อาเหม็ต อูซุมคู แถลงในสัปดาห์นี้ว่า พวกเจ้าหน้าที่ทางการซีเรียนั้นกำลังให้ความร่วมมือเป็นอันดีกับการดำเนินกระบวนการทำลายอาวุธเคมีของทางองค์การ การตัดสินประจำปีนี้ เป็นเครื่องหมายแสดงว่าคณะกรรมการพิจารณารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ได้หวนกลับคืนสู่รากเหง้าเดิมของรางวัลนี้ ภายหลังจากเมื่อปีที่แล้วได้มอบรางวัลให้สหภาพยุโรป (อียู) และในปี 2009 ให้แก่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ คำตัดสินในหลายๆ ปีเหล่านั้นได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าคณะกรรมการกำลังก้าวล้ำผิดแผกออกนอกจิตวิญญาณของรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ซึ่งก่อตั้งโดย อัลเฟรด โนเบล นักอุตสาหกรรมชาวสวีเดนที่เป็นผู้ประดิษฐ์ดินระเบิดไดมาไมต์ ทั้งนี้ในพินัยกรรมปี 1895 ของเขา อัลเฟรด โนเบล ระบุว่า รางวัลในสาขาสันติภาพควรมอบให้แก่ผู้ที่มีผลงาน 1 ใน 3 เรื่องต่อไปนี้ คือ “การสร้างภราดรภาพในระหว่างชาติต่างๆ”, การกำจัดหรือการลดกองทัพประจำการที่มีอยู่, และการก่อตั้งตลอดจนการเผยแพร่การชุมนุมรวมตัวกันเพื่อให้เกิดสันติภาพ

ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศรางวัลปีนี้ มาลาลา ยูซาฟไซ เด็กสาววัย 16 ปีชาวปากีสถาน ซึ่งถูกกลุ่มตอลิบานยิงที่ศีรษะแต่รอดชีวิตมาได้ คือตัวเก็งที่พวกบริษัทรับพนันถูกกฎหมายต่างๆ ให้อัตราต่อรองว่ามีโอกาสที่จะได้รางวัลนี้มากที่สุด ขณะที่ OPCW ผู้ชนะตัวจริงเพิ่งถูกพาดพิงคาดเดากันก็ในช่วงชั่วโมงท้ายๆ ก่อนกำหนดเวลาประกาศผล รางวัลซึ่งเป็นเงินมูลค่าประมาณ 1.25 ล้านดอลลาร์ จะทำพิธีมอบกันที่กรุงออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์ ในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ อันเป็นวันครบรอบการถึงแก่กรรมของ อัลเฟรด โนเบล สำหรับ OPCW ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามอนุสัญญาอาวุธเคมีปี 1992 ซึ่งนานาชาติร่วมลงนามกันเพื่อห้ามการใช้และทำลายอาวุธเคมี ผลงานในระยะไม่ปีก่อนมานี้ขององค์การนี้ นอกเหนือจากที่ซีเรียแล้ว ยังได้ไปช่วยทำลายคลังอาวุธเคมีในอิรักและลิเบีย OPCW มีลูกจ้างพนักงานราว 500 คน และมีงบประมาณใช้จ่ายในแต่ละปีไม่ถึง 100 ล้านดอลลาร์ ทั้งสหรัฐฯและรัสเซียต่างได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำลายคลังแสงอาวุธเคมีของตนภายในปี 2012 ทว่าจนถึงเวลานี้ก็ยังไม่ได้ทำตามสัญญา

สำหรับผลรางวัลโนเบลประจำปี 2013 ประเดิมด้วยสาขาแพทย์เป็นรางวัลแรก โดย 2 อเมริกัน และ 1 เยอรมันคว้ารางวัลสาขาการแพทย์ไปครอง จากผลงานค้นพบกลไกนำส่งระดับเซลล์ที่แม่นยำ
รางวัลโนเบล (Nobel Prize) ตั้งขึ้นโดย อัลเฟร็ด เบอร์นาร์ด โนเบล (Alfred Bernhard Nobel) นักเคมีชาวสวีเดนผู้สร้างนวัตกรรมระเบิดไดนาไมต์เพื่อใช้ในกิจการระเบิดเหมือง แต่กลับถูกนำไปใช้ในการเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ โดยเขาได้ทิ้งมรดกคิดเป็นเงิน กว่า 8,300 ล้านบาท ในปัจจุบันเพื่อเป็นทุนสำหรับรางวัล และทุกปีจะประกาศรางวัลในช่วงต้นเดือน ต.ค.และมีพิธีพระราชทานรางวัล ณ สตอกโฮล์ม คอนเสิร์ตฮอลล์ สวีเดน ในวันที่ 10 ธ.ค.ซึ่งตรงกับวันครบรอบวันเสียชีวิตเขา

1. สาขาสรีรศาสตร์ หรือการแพทย์ ผู้ได้รับรางวัล : เจมส์ อี รอธแมน (James E. Rothman) ชาวอเมริกันจากมหาวิทยาลัยเยล (Yale University) สหรัฐฯ แรนดี เชคมาน (Randy Schekman) ชาวอเมริกันจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ (University of California, Berkeley) สหรัฐฯ และ โทมัส ซุดฮอฟ (Thomas Sudhof) ชาวเยอรมันจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในพาโลอัลโต (Stanford University, Palo Alto) “สำหรับการค้นพบของพวกเขา, รอธแมน, เชคมาน และซูดอฟ ได้เผยถึงระบบควบคุมที่แม่นยำอย่างยอดเยี่ยมในการขนส่งและนำส่งสิ่งของระดับเซลล์” คำแถลงของคณะกรรมการรางวัลโนเบลจากสมัชชาโนเบล ที่สถาบันแคโรลินสการะบุ

2.สาขาฟิสิกส์  ผู้ได้รับรางวัล : แฟรงซัวส์ แองแกรต์ (Francois Englert) จากมหาวิทยาลัยลิเบร เด บรุกเซเล (Université Libre de Bruxelles) เบลเยียม ปีเตอร์ ฮิกกส์ (Peter Higgs) จากมหาวิทยาลัยเอดินบะระ (Edinburgh University) สหราชอาณาจักร

3.สาขาเคมี   ผู้ได้รับรางวัล : มาร์ติน คาร์พลุส (Martin Karplus) จากมหาวิทยาลัยสตราสบวร์ก (Universite de Strabourg) ฝรั่งเศส และมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด (Harvard University) สหรัฐฯ , ไมเคิล เลวิตต์ (Michael Levitt) จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University School of Medicine) สหรัฐฯ และ อารีห์ วอร์เชล (Arieh Warshel) จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียลอสแองเจลลิส (%University of Southern California, Los Angeles) สหรัฐฯ   “จากการพัฒนาแบบจำลองมัลติสเกลสำหรับระบบเคมีอันซับซ้อน”

4. สาขาสันติภาพ   ผู้ได้รับรางวัล : OPCW องค์การตรวจตราและเฝ้าระวังการใช้อาวุธเคมีระดับโลก จากการเข้าไปตรวจอาวุธเคมีในซีเรีย สดๆ ร้อนๆ เมื่อเร็วๆ นี้

5.สาขาเศรษฐศาสตร์   ผู้ได้รับรางวัล : ศาสตราจารย์ยูจีน ฟาร์มา , ศาสตราจารย์ลาร์ส ปีเตอร์ แฮนเซ่น และศาสตราจารย์โรเบิร์ต ชิลเลอร์ จากมหาวิทยาลัยเยล จากผลงานการค้นคว้าและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงประจักษ์เกี่ยวกับราคาสินทรัพย์

6.สาขาวรรณกรรม   ผู้ได้รับรางวัล : อลิซ มุนโร นักเขียนชาวแคนาดา ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เชียวชาญในด้านการเขียนเรื่องสั้นร่วมสมัยของยุคนี้






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น