ความคืบหน้าหลังพายุโซนร้อนมานูเอล-เฮอริเคนอิงกริด ถล่มเม็กซิโก ยอดเสียชีวิตพุ่ง 21 ศพ
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานความคืบหน้า ในวันนี้ (16 ก.ย.) หลังจากที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับแจ้งเหตุ พายุโซนร้อนมานูเอล และพายุเฮอร์ริเคนอิงกริด ได้พัดถล่มทางฝั่งตะวันตกของเม็กซิโก ส่งผลให้หลายรัฐในประเทศ ได้รับความเสียหายอย่างมาก ทั้งยังพบจำนวนของผู้ที่เสียชีวิต เพิ่มขึ้นเป็น 21 ราย
นอกจากนี้ พายุ 2 ลูกดังกล่าว ยังส่งอิทธิพลให้เกิดพายุฝนตกหนักและดินถล่มอย่างรุนแรง มากไปกว่านั้น เจ้าหน้าที่ในรัฐตาเมาลีปัส และเวรากรูซ ได้ทำการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงแล้วกว่า 7 พันคน ที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ต่ำ หลังจากพายุเฮอร์ริเคนเคลื่อนตัวใกล้ต่อเนื่อง พร้อมด้วยสภาพภูมิอากาศที่เริ่มย่ำแย่ ทำให้ประชาชนในบางพื้นที่ ยกเลิก การเตรียมจัดงานเฉลิมฉลอง "วันชาติ" ในวันที่ 16 ก.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม สภาพบ้านเรือนนับพันหลังในรัฐเวรากรูซ นั้นได้รับผลกระทบจากพายุ รวมทั้งถนนไฮเวย์ 20 สาย และสะพานอีก 12 แห่ง ได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จึงจำเป็นต้องระดมกำลังคอยให้การช่วยเหลือประชาชนฉุกเฉิน
โดยพายุเฮอร์ริเคนอิงกริด ได้ทำให้เกิดฝนตกหนัก และน้ำท่วม ในหลายพื้นที่ของคาบสมุทรเม็กซิโก ที่เมืองเวราครูซ (Veracruz) และรัฐตาเมาลีปัส (Tamaulipas) ประชาชนกว่า 6,000 คน ต้องอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว ในพื้นที่ปลอดภัย และคาดว่าพายุลูกนี้ จะพัดขึ้นฝั่งในวันนี้ โดยมีความเร็วลมที่ 120 กม./ช.ม.
ขณะที่ บริเวณชายฝั่งแปซิฟิก พายุโซนร้อนมานูเอล ได้พัดถล่มเม็กซิโก มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 วันแล้ว ทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อากาปุลโก เมืองตากอากาศชื่อดัง ไดัรับผลกระทบจากพายุลูกนี้ มากที่สุด มีฝนตกหนักมาก ปริมาณน้ำฝนมากกว่าปริมาณฝนเฉลี่ยในแต่ละเดือนถึง 2 เท่า ขณะที่ รัฐโออาซากา (Oaxaca), เกร์เรโร (Guerrero), และ ชิฮัวฮัว (Chihuahua) ถนนหลายสายถูกตัดขาด รวมถึงการสื่อสารโทรคมนาคมไม่สามารถใช้การได้
ทั้งนี้ สภาพอากาศที่แปรปรวน และมีพายุพัดเข้าถล่มถึง 2 ลูก ทำให้รัฐบาลมีการประกาศยกเลิกงานเฉลิมฉลองวันประกาศเอกราช ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วย
ทางการท้องถิ่นของเมืองเกียวโต และเมืองอื่นๆ ทางตอนกลางและตอนเหนือของญี่ปุ่น สั่งอพยพประชาชนเกือบ 300,000 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว หลังพายุไต้ฝุ่นมาน-หยี่พัดเข้าถล่มเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ขณะนี้พายุกำลังเคลื่อนตัวไปทางตอนเหนือของประเทศ หวั่นกระทบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ ไดอิจิ ที่กำลังประสบปัญหากัมมันตรังสีรั่วไหล
พายุไต้ฝุ่นมาน-หยี่พัดขึ้นฝั่งที่จังหวัดไอจิ ทางตอนกลางของประเทศญี่ปุ่นแล้ว เมื่อช่วงสายของวันนี้ตามเวลาในประเทศไทย ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในบางพื้นที่ ขณะเดียวกัน สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่นก็รายงานว่า มีผู้สูญหายจากพายุดังกล่าวแล้ว 4 ราย และบาดเจ็บอีก 65 คน นอกจากนี้ บ้านเรือนประชาชนอีกกว่า 860 หลังก็ถูกน้ำท่วมเสียหาย โดยพายุไต้ฝุ่นมาน-หยี่ พัดด้วยความเร็วลมกว่า 162 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังมุ่งหน้าขึ้นไปบริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ทำให้หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่า พายุลูกนี้ อาจทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ ไดอิจิ ที่กำลังมีปัญหาเรื่องกัมมันตรังสีรั่วไหลได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับคำเตือนเรื่องพายุไต้ฝุ่นลูกนี้ และอยู่ระหว่างการเฝ้าระวังภัยระดับสูงสุด พร้อมกับมีการเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่โดยรอบบ่อเก็บน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสี เนื่องจากเกรงว่า อิทธิพลจากพายุไต้ฝุ่นมาน-หยี่ จะทำให้เกิดฝนตกหนัก และน้ำที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีอาจไหลลงสู่ทะเลเป็นปริมาณมากได้ ขณะเดียวกัน ทางการท้องถิ่นของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในเมืองเกียวโตรวมถึงเมืองอื่นๆ ได้สั่งอพยพประชาชนเกือบ 300,000 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย และยังมีการระดมกองกำลังป้องกันตนเองจำนวนมาก เข้าไปยังพื้นที่ เพื่อนำกระสอบทราย ไปวางไว้โดยรอบพื้นที่ที่เสี่ยงถูกน้ำท่วมแล้ว ขณะที่ เที่ยวบินกว่า 500 เที่ยว โดยเฉพาะเที่ยวบินที่เดินทางออกนอกญี่ปุ่น ถูกสั่งยกเลิกทั้งหมดแล้ว ส่วนรถไฟที่ให้บริการบางเส้นทาง เช่นทางตอนเหนือและตอนกลางของประเทศ ซึ่งรวมถึงรถไฟความเร็วสูงชิงคันเซน เส้นทางชิซูโอกะ - มิซูมะ ได้ประกาศระงับการให้บริการชั่วคราวแล้ว เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร
เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุบุกราดยิงที่ฐานทัพเรือสหรัฐฯในวอชิงตันเมื่อวันจันทร์(16) เพิ่มขึ้นเป็น 13 ศพ หนึ่งในนั้นเป็นคนร้ายทราบชื่อแล้วเป็นอดีตกำลังพลสำรองของกองทัพเรือเอง ขณะเดียวกันก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจมีผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นๆซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งมือไล่ล่า อย่างไรก็ตามเบื้องต้นยังไม่ทราบแรงจูงใจในปฏิบัติการอุกอาจครั้งนี้
สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ(เอฟบีไอ) ระบุว่าผู้ต้องสงสัยที่ถูกยิงเสียชีวิตคือนายอารอน อเล็กซิส จากฟอร์ทเวิร์ท รัฐเทกซัส ซึ่งเคยเป็นกำลังพลสำรองของกองทัพเรือ ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2007 ถึง มกราคม 2011 เจ้าหน้าที่บอกว่ายังไม่มีสิ่งบ่งชี้ใดๆที่เชื่อมโยงเหตุกราดยิงครั้งนี้กับกลุ่มก่อการร้าย ส่วนตำรวจยอมรับว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบแรงจูงใจของคนร้าย หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวจุดชนวนให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางต้องปิดล้อมนาวี ยาร์ด ที่ตั้งสำนักงานและหน่วยงานต่างๆของกองทัพเรือสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากอาคารรัฐสภา รวมทั้งปิดกั้นถนนทางสายๆโดยรอบ "ในชั่วโมงนี้ ดูเหมือนว่าจะมีผู้เสียชีวิตอย่างต่ำ 13 ศพและผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน" แคที ลาเนอร์ ผู้บัญชาการตำรวจวอชิงตัน ดีซี แถลงกับผู้สื่อข่าว โดยเบื้องต้นเธอบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจมีมือปืนคนอื่นๆอีก 2 คน อย่างไรก็ตามต่อมาผู้ช่วยของเธอชี้แจงว่าหนึ่งในนั้นพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยแล้ว ลาเนอร์บอกว่าตำรวจกำลังตามล่าชายผิวดำอายุระหว่าง 40 ถึง 50 ปี สวมชุดเครื่องแบบคล้ายทหาร และด้วยเจ้าหน้าที่ดำเนินการปิดถนนโดยรอบและยังปฏิบัติการค้นหาอย่างแข็งขัน เธอจึงเรียกร้องประชาชนอยู่แต่ในที่พักอาศัยและออกให้ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมกันนั้นเธอก็ยืนยันว่าตำรวจวอชิงตัน ดีซี นายหนึ่งอยู่ในกลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย และทางโรงพยาบาลบอกว่าเขาอาการสาหัส
ขณะที่เอฟบีไอเข้ามารับหน้าที่สืบสวน ก็มีข้อมูลข่าวที่ขัดแย้งปรากฎบนโลกออนไลน์ และก่อคำถามว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นที่สำนักงานใหญ่หน่วยงานซ่อมบำรุงเรือของกองทัพเรือสหรัฐฯกันแน่ หลังจากก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่ามือปืนกำบังตนเองในห้องๆหนึ่งของอาคารศูนย์บัญชาการ นอกจากนี้แล้วยังไม่เป็นที่ชัดเจนอีกว่ามือปืนที่อาจมีคนเดียวหรือมากกว่านั้น โดยสำนักข่าวบางแห่งก็ระบุว่ามีผู้ก่อเหตุทั้งหมด 3 คน อีกด้านหนึ่งก็ยังมีคำถามว่าคนร้ายสามารถเล็ดรอดผ่านมาตรการรักษาความปลอดภัยอันหนาแน่นเข้าไปภายในนาวียาร์ด แห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำอนาคอสเตียและอยู่ห่างจากแค่รัฐสภาราว 3 กิโลเมตรได้อย่างไร และด้วยที่พบเห็นผู้ต้องสงสัยอื่นๆสวมชุดเครื่องแบบทหาร จึงก่อแรงคาดเดาต่างนานาว่าเหตุโจมตีนี้อาจเป็นฝีมือคนในก็เป็นได้ ตำรวจปิดกั้นแยกต่างๆที่อยู่โดยรอบอู่ทหารเรือ โดยมีทหารในเครื่องแบบคอยยืนรักษาความปลอดภัยตรงมุมถนน นอกจากนี้ยังพบเห็นเรือลาดตระเวนหลายลำเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆพื้นที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกันก็มีชาวบ้านพากันออกมายืนมุงดูเหตุการณ์บนทางเท้าและเฮลิคอปเตอร์หลายลำบินอยู่ด้านบน เบื้องต้นทวิตเตอร์ของกองทัพเรือสหรัฐฯระบุว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนและอ้างรายงานที่ยังไม่ยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิต ส่วนตำรวจบอกกับสื่อมวลชนท้องถิ่นว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บราวๆ 10 คน "มีหลายคนได้รับบาดเจ็บและมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตในเหตุกราดยิงที่อู่ทหารเรือวอชิงตันด้วย" ถ้อยแถลงของกองทัพเรือระบุ เที่ยวบินหลายเที่ยว ณ ท่าอากาศยานเรแกน เนชันแนล ต้องถูกระงับและประสบปัญหาเดินทางล่าช้าช่วงสั้นๆ ส่วนโรงเรียนก็ถูกสั่งปิดห้ามเข้าออกจนกว่าผู้ปกครองจะเดินทางมารับบุตรหลานในช่วงบ่าย ทางกองทัพเรือเผยว่ามีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดที่สำนักงานใหญ่หน่วยงานซ่อมบำรุงเรือของกองทัพเรือสหรัฐ (Naval Sea Systems Command) ตอนเวลาประมาณ 8.20 น.(ตรงกับเมืองไทย 20.20น.) โดยที่สำนักงานแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่ราว 3,000 คน ซึ่งรับผิดชอบสร้างและจัดซื้อเรือรบ รวมถึงระบบต่อสู้ต่างๆแก่กองทัพเรือ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์กองทัพเรือด้วย ขณะเดียวกันในค่ายดังกล่าวยังมีที่พักของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ในนั้นรวมถึงบ้านพักของพลเรือเอกโจนาธาน กรีน ผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ
ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯประณามเหตุกราดยิงครั้งนี้ว่าเป็นการกระทำที่ตาขาวและแสดงความเสียใจที่อเมริกาต้องเผชิญกับเหตุสังหารหมู่อีกครั้ง พร้อมระบุว่าทหารของกองทัพไม่ควรต้องเจอกับภัยอันตรายใดๆยามที่อยู่ในบ้านของตนเอง นอกจากนี้แล้วผู้นำอเมริกา ยังสั่งให้ลดธงชาติบริเวณอาคารรัฐสภาลงครึ่งเสาจนถึงวันศุกร์(20) เพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 16 ก.ย. นายอาวี ไฮดาร์ รมว.กระทรวงปรองดองแห่งชาติของซีเรีย แถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า การบรรลุข้อตกลงเพื่อแก้ไขวิกฤตอาวุธเคมีในซีเรียระหว่างนายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ที่นครเจนีวา ในสวิตเซอร์แลนด์ เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ซึ่งจะนำพาซีเรียหลุดพ้นออกจากวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องการตกเป็นเป้าโจมตีทางทหารของสหรัฐ
ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญในข้อตกลงระบุถึงการที่ซีเรีย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ครอบครองอาวุธเคมีมากที่สุดในโลก ต้องให้ความร่วมมือแก่องค์กรสากลในการตรวจสอบและทำลายอาวุธเคมีทั้งหมด ภายในปี 2557 แต่นับจากวันที่ข้อตกลงมีผล ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย ต้องส่งรายงานระบุสถานที่เก็บอาวุธเคมีทั้งหมดภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ และการใช้กำลังทางทหารของสหรัฐ ที่แคร์รียืนยันว่า วอชิงตันจะ "เอาจริง" หากอัสซาดไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงแม้เพียงข้อเดียว
ขณะที่ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส ซึ่งประกาศตัวสนับสนุนภารกิจทางทหารของสหรัฐต่อซีเรียอย่างชัดเจน กล่าวแสดงความยินดีต่อการบรรลุข้อตกลงดังกล่าวของสหรัฐและรัสเซีย แต่ย้ำเช่นเดียวกับแคร์รีว่า คำขู่เรื่องภารกิจทางทหารนั้นเป็นของจริง ดังนั้น ดามัสกัสจึงควรปฏิบัติตามข้อตกลงให้เร็วที่สุด
ส่วนนายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) มีกำหนดในวันนี้ ที่จะเผยรายงานผลการตรวจสอบหลักฐาน จากการลงพื้นที่สำรวจพื้นที่ต้องสงสัยใช้อาวุธเคมีในซีเรียเมื่อปลายเดือนที่แล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น