วันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

บันทึกการเดินทางของชีวิต (5) และอิสรภาพ ชุดที่ 5 แว่นขยายและกล้องส่องทางไกล (Magnifying Glass & Binoculars)





ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่เคยสายตาสั้น (ประมาณ 500 กว่า 2 ข้างไม่เท่ากันและเอียงด้วย) มีอยู่ช่วงนึงในชีวิตที่เปลี่ยนแว่นเป็นรายไตรมาศ หรือปีนึงเปลี่ยน 2-3 อัน เพราะไม่ถูกใจในกรอบ และไม่เข้ากับใบหน้า ก็เปลี่ยนมันไปเรื่อย จนมีความรู้สึกว่าเป็นรายจ่ายที่ไม่จำเป็น (สมัยนั้นตัดแว่นทีก็หลายตังค์ หลักพันขึ้น เคยตัดอยู่อันนึง เกือบ 4 พัน)  มีอยู่มาวันหนึ่ง เห็นรุ่นน้องในที่ทำงาน เขาไม่ใส่แว่นสายตาแล้ว จากเดิมที่เขาเป็นเด็กแว่นมาตลอด ก็เลยถามว่าไปทำอะไรมา น้องคนนี้ก็เลยตอบว่า ไปทำ PRK มา หรือก็คือการขูดเปลือกม่านตาออกให้บางลง (วิธีนี้จะประหยัดกว่าการทำยิงเลเซอร์หรือทำเลสิคและได้ผลใกล้เคียงกัน) น้องก็เลยไม่ต้องใส่แว่นแล้ว เราก็เลยสอบถามไปว่าต้องทำอย่างไร และค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

นั่นคือที่มาที่ทำให้ผู้เขียนก็เลยไปทำบ้าง และไม่ต้องพึ่งพาการใส่แว่นสายตานับแต่นั้นมาก็ร่วมๆ 20 ปีได้แล้ว เพราะทนทุกข์ทรมานกับการใส่แว่นสายตาที่ไม่เข้าที่ ซึ่งมันชอบหล่นจากสันจมูกลงมายังดั้งจมูก นานๆ ไปก็ไม่กระชับ และเพราะต้องใส่ไปเรียน ไปทำงานทุกวัน จะถอดเฉพาะเวลานอน ทำให้ขาแว่นมักถลอกปลอกเปิกอยู่เป็นประจำ และต้องเปลี่ยนทุกปี เป็นเงินมหาศาล พอมาทำ PRK ก็สามาถประหยัดงบในการเปลี่ยนกรอบแว่นไปได้ แล้วสายตาก็คงที่มันถึงปัจจุบัน

แต่จะมีบ้างที่เวลาดูตัวหนังสือตัวเล็กมาก อาจมองเห็นไม่ชัด ก็จะอาศัยแว่นขยายในการส่องดูเป็นครั้งคราวไป ไม่ถือว่าสายตาผิดปกติแต่อย่างใด และพออายุมาก สายตาก็ถูกปรับให้เป็นสายตายาว เหมือนคนอายุมากโดยทั่วไป

แว่นขยายจึงเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับผู้เขียน ไว้ส่องดูอะไรที่มันต้องการดูให้ชัดเจน และสายตามองเห็นไม่ชัดเจน ส่วนกล้องส่องทางไกล โดยส่วนตัวผู้เขียนไม่เคยมีใช้ แต่เคยได้ลองสัมผัสและใช้ดูอยู่บ้าง และตอนเด็กก็เคยได้มองกล้องส่องทางไกล พวกกล้องดูดาว อะไรบ้าง

คนเราเกิดมา ก็ต้องเผชิญปัญหาชีวิตด้วยกันทุกคน มากบ้าง น้อยบ้าง ตามอัตภาพ โดยแบ่งปัญหาออกเป็น 1. ปัญหาชีวิตส่วนตัว กับ 2.ปัญหาที่ไม่ใช่ปัญหาของตัวเองโดยตรง หรือพูดง่ายๆ ก็คือปัญหาของคนอื่น ที่มากระทบกับตนเอง (หมายรวมไปถึงปัญหาที่ใหญ่กว่า เช่น ปัญหาสังคม,ปัญหาเพื่อนฝูงข้างบ้าน,ที่โรงเรียน,ทีทำงานหรือระดับองค์กร เป็นต้น)

ปัญหาส่วนตัวเราสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองส่วนนึง แต่หากเป็นปัญหาที่มีลักษณะซับซ้อนและเกี่ยวพันกับผู้อื่นด้วยก็ต้องให้คนอื่นมาร่วมแก้ด้วย เช่น ผู้ปกครอง ญาติสนิท เช่น พ่อแม่พี่น้อง ลูกเมีย เพื่อน คนรัก ครูบาอาจารย์ หรือคู่กรณี และถ้าเป็นปัญหาที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ก็ต้องมีตำรวจ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย รวมถึงทนาย ศาล ฯลฯ 

ปัญหาส่วนตัวที่เป็นเรื่องของพฤติกรรม นิสัยไม่ดีบางอย่าง และเราเป็นคนก่อเอง ควรแก้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องให้ใครต้องมาเดือดร้อนกับเราด้วย วิธีการ ก็คือสแกนหาข้อมูล ข้อเท็จจริง ความจริง หรือวิเคราะห์มูลเหตุของปัญหาว่าเกิดจากอะไร หากเป็นเรื่องลักษณะนิสัย พฤติกรรมของเราล้วนๆ ก็แก้ที่ตัวเรา ใช้แว่นขยายสแกนหาข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่เป็นต้นตอ ปัญหาของเราให้เจอ ว่ามีอะไรบ้าง จากนั้นก็คลี่คลายสาเหตุไปทีละเปลาะ โดยวิธีการนี้ เป็นวิธีการที่ง่าย และไม่เดือดร้อนใคร แก้ที่พฤติกรรมของเราเพียงคนเดียว ซึ่งหากแก้ได้ ผลดีย่อมตกที่เราไม่ใช่คนอื่น และยังคลี่คลายปัญหาของเราได้อีกด้วย
ข้อคิดที่ได้จาก บันทึกการเดินทางของชีวิตและอิสรภาพตั้งแต่ชุดที่ 1-5 ก็คือ

-มีหลักคิดที่ถูกต้องในการตั้งต้นทำอะไรก็ตาม (กิจกรรมในชีวิต,การงาน,การเรียน,ชีวิตครอบครัว,กิจการธุรกิจ) ให้สำเร็จ (มีหลักคิดหรือ Mindset)

-กำหนดเป้าหมายในเรื่องที่จะทำ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตหรือไม่ เป็นภารกิจเล็กใหญ่แค่ไหน จะได้ทราบหลักหมุด หรือหลักชัยที่จะดำเนินการไปให้ถึง (มีเข็มทิศและหางเสือ Compass & Helm)  อีกทั้งต้องมีแผนการหรือแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินตามขั้นตอนด้วย

-ลำดับความสำคัญก่อน-หลัง ในเรื่องที่จะทำ ว่าเรื่องไหนต้องทำให้ได้ก่อน และเรื่องใดทำเวลาต่อมา ไม่ใช่ข้ามขั้นตอน และไม่ปล่อยเวลาให้ทอดออกไป แบบผลัดวันประกันพรุ่ง เพราะชีวิตคนแสนสั้น เวลาไม่เคยคอยใคร (มีเรื่องระยะเวลา Time มาเป็นตัวกำหนดและเดดไลน์หรือนาฬิกาทราย Hourglass) หากไม่มีระยะเวลามาเป็นตัวกำหนดแผนการตามขั้นตอนหรือเป้าหมาย ก็ไม่ต่างอะไรกับหลักลอย ดำเนินชีวิตไปวันๆ ไม่สามารถประเมินผลความสำเร็จอะไรได้

-วิเคราะห์จุดแข็ง,จุดอ่อน,โอกาส,ข้อจำกัด ของตัวเราหรือกิจการของเรา ให้รู้อย่างถ่องแท้ เสมือนหากเราจะออกรบ หรือออกไปทำสงคราม เราไม่รู้ตัวเราเองดีพอ และไม่รู้ข้อมูลข้าศึก รบร้อยครั้งก็แพ้ทั้งร้อยครั้ง เพราะจะไม่สามารถประเมินข้อผิดพลาดของตัวเองได้ และไม่รู้วิธีจะเอาชนะคู่แข่งหรือศัตรูของเราได้อีกด้วย เปรียบเสมือนเปลของนิวตัน (Newton’s Cradle) ที่เหวี่ยงไป 2 ด้าน เหวี่ยงมาด้านของเรา เรารู้ถ่องแท้ของฝ่ายเรา เราตั้งรับปัญหาและอุปสรรค พร้อมรับมือแก้ไขปัญหาได้ถูกจุด มรสุมที่ถาโถมเข้ามา ยังไงเราก็รับมือได้ ในขณะที่ตรงกันข้าม หากมรสุม ปัญหาถาโถมเข้ามาหาเรา แต่เราไม่รู้ข้อมูล ไม่มีการเตรียมพร้อม ลองนึกภาพเหมือนตอนสึนามิถล่มชายฝั่งแถบอันดามันดูสิ ราบเป็นหน้ากอง คนตายเป็นเบือ เกิดความสูญเสียมหาศาลเพียงใด นี่คือด้านร้ายของแรงเหวี่ยง ซึ่งลูกตุ้มจะมี 2 ด้านเสมอ (Momentum) มีวิกฤติก็ต้องมีโอกาส เมื่อโอกาสมันเหวี่ยงเข้ามาหาเราแล้ว เราคว้ามันเอาไว้ได้หรือไม่ เรามีความพร้อมขนาดไหน ยกตัวอย่าง ซัก 2-3 เรื่อง 1.ประเทศไทยกำลังเป็นยุทธศาสตร์ของอาเซียนและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว,การคมนาคมทางอากาศ (ฮับการบิน) มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยสูงสุด (กว่า 32 ล้านคนเมื่อปี 2560) และกรุงเทพมหานครติดโพลล์ระดับโลก เมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก (Master Card) เป็นอันดับ 1 มา 2 ปีซ้อนแล้ว  2.อาหารไทย กลายเป็นเมนูอาหารบนโต๊ะอาหารหลักนานาชาติที่ยอดนิยมไปทั่วโลก ติดเทรนด์ มีร้านอาหารไทยไปเปิดทั่วทุกมุมเมืองของโลก โดยเฉพาะเมืองหลวงหลักๆ ของโลก  3.ซีรีส์และคอนเท้นต์บันเทิงของไทยกำลังกลายเป็นคอนเท้นต์ที่ยอดนิยมทั้งในเมืองจีนและชาติอาเซียนหลายชาติ อาทิ หนังไทยฉลาดเกมส์โกง ไปโกยรายได้ที่เมืองจีน ฉายเพียง 1 เดือน ฟันรายได้กว่า 1,300 ล้านบาท หรืออย่างละครบุพเพสันนิวาส เป็นต้น

-และสุดท้าย เมื่อเราดำเนินแผนการไปซักระยะนึงแล้ว ต้องมีการตรวจสอบ ประเมินผลงาน ประเมินผลการปฏิบัติงานของเราว่าเป็นไปตามเป้าหมาย หรือล้มเหลวหรือไม่ โดยการวิเคราะห์ตนเอง (ใช้แว่นขยาย,Magnifying Glass) จากนั้นทบทวน ดำเนินการแก้ไข ซึ่งปัจจัยภายใน แก้ง่ายกว่าปัจจัยภายนอก ที่ควบคุมไม่ได้ อาทิ คู่แข่ง,สภาพเศรษฐกิจ,สถานการณ์อุตสาหกรรม ธุรกิจโดยรวม ซึ่งต้องอาศัยเครื่องมือ,ตัวช่วย (กล้องส่องทางไกล, Binoculars) เพื่อวิเคราะห์คู่แข่ง และดูว่าคู่แข่งทำอย่างไร ถึงประสบความสำเร็จ หรือใช้กลยุทธ์อะไรในการดำเนินธุรกิจ หรือแม้แต่กรณีศึกษาอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในธุรกิจเดียวกับเรา ว่าเขามีสูตรสำเร็จ หรือคีย์ซัคเซส กุญแจแห่งความสำเร็จอย่างไร เราสามารถเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จแล้วได้เสมอ โดยเรียนรู้ที่จะมองไปข้างหน้าอย่างมีวิสัยทัศน์ มองการณ์ไกล มองเห็นลางบอกเหตุ ก่อนที่ภัยจะมาถึงตัว แล้วตัดสินใจทำอะไรก่อนที่จะเกิดหายนะในกิจการของเราเอง หรือหายนะที่จะเกิดกับชีวิตส่วนตัวของเราเอง






อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง


-เทคนิคการกำหนดเป้าหมายสู่ความสำเร็จในชีวิต https://www.gotoknow.org/posts/436167

-เป้าหมายสู่ความสำเร็จ ประสบความสำเร็จด้วยเป้าหมายแห่งชีวิต 
http://www.thaiarcheep.com/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%88-%E0%B8%9B.html

-การวิเคราะห์ SWOT คืออะไร http://millionaire-academy.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C-swot/

-เปิดใจ อากี เจ้าพ่อเครื่องใช้ไฟฟ้า ธุรกิจพังครืน ชีวิตกลายเป็นศูนย์ กับการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งที่เมืองไทย  https://pantip.com/topic/34129738


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น