จากนวนิยายแฟนตาซี/ซีรีส์อันโด่งดัง Game
of Thrones มหาศึกชิงบัลลังก์ สู่การแปลงเป็นนิยายแสบๆ คันๆเรื่อง
เกมออฟทน มหาศึกปากมัน ณ แดนสาระขัณฑ์
เมื่อผู้กุมอำนาจในคิงแลนด์ดิ้งหลงติดอยู่ในกับดัก เสพติดอำนาจ
ผลาญเงินงบประมาณ ประเคนสัมปทานให้กับมหาอำนาจ
บทสรุปเก็บตกเพิ่มเติมจากองก์ที่ 4 (ตอนที่แล้ว)
ก่อนจะเข้าสู่องก์ที่ 5
-อาร์ย่าที่หนีออกจากคิงแลนด์ดิ้ง
รอดพ้นเงื้อมมือของตระกูลแลนนิสเตอร์มาได้
ก็เป็นเพราะนักฆ่าพันหน้าจาเค็นช่วยเธอไว้ และสอนวิธีการเอาตัวรอดให้เธอ และรับปากเธอว่าจะสอนวิชาให้
ถ้าเธอยอมติดตามไปหาเขาที่เมืองบราวอส แต่ตอนนั้นอาร์ย่ายังไม่พร้อม
โดยอ้างว่าต้องการไปหาพี่ชาย และช่วยแม่ช่วยน้องอีก 2 คนที่หายสาบสูญไป
เวลาต่อมาเธอตามแม่กับพี่ชายไปถึงริเวอร์รันแล้ว แต่พบว่าแม่กับพี่ชายถูกลอบสังหาร
จึงหลบหนีออกมาโดยได้รับการช่วยเหลือจากเซอร์แซนเดอร์ คลีแกน(เดอะฮาวน์) ที่มีจุดประสงค์จะจับกุมตัวเธอไปเรียกค่าไถ่
แต่ภายหลังเธอหนีจากเดอะฮาวน์มาได้ ระหว่างที่เดอะฮาวน์มาเจอกับบริแอนน์ บริแอนน์ไม่ชอบหน้าเดอะฮาวน์อยู่ก่อนแล้ว
เพราะเป็นคนของแลนนิสเตอร์ และเกิดการต่อสู้กัน
โดยเดอะฮาวน์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ได้รับบาดเจ็บตกจากหน้าผาลงไป
อาร์ย่าฉวยโอกาสนั้นหลบหนีไปได้
- จอน สโนว์ ร่วมกับหน่วยพิทักษ์ราตรี
อุทิศตัวทำทุกวิถีทางเพื่อพิทักษ์รักษาผากำแพงเอาไว้ให้รอดพ้นจากการรุกรานของกองทัพคนเถื่อน
ระหว่างการต่อสู้ปะทะกันอย่างหนักหน่วง ด้วยว่า แมนซ์ เรย์เดอร์ นำทัพคนเถื่อนมามากกว่า 100,000 คน บุกมาเป็นระลอก
ทำให้หน่วยพิทักษ์ราตรีแทบจะยันไม่อยู่ยื้อไม่ไหวกำลังจะเพลี่ยงพล้ำแล้ว ทันใดนั้น
กองทัพของแสตนนิส บาราเทียน ก็บุกมาขัดขวางระงับศึกเอาไว้ได้ ขณะที่ศึกครั้งนี้ จอน สโนว์ ต้องสูญเสียคนรักสาว อิกริต ไปอย่างน่าเศร้า
-แดเนริส
ทาร์แกเรียน เดินทางมาขอเจรจาซื้อกองกำลังทหารทาสจากนายทาส หลังจากที่พูดคุยกันไม่รู้เรื่อง
นายทาสต้องการเงิน เรียกร้องทรัพย์สินจากเดเนริสจำนวนมากเพื่อแลกกับทาส
และขัดแย้งกันเรื่องการปลดปล่อยทาสผู้ไร้มลทินให้เป็นอิสระ
นายทาสกลับดูถูกเหยียดหยามเธอ สุดท้ายยอมแลกมังกร 1 ตัว
กับกองทัพผู้ไร้มลทิน แต่เดเนริสประกาศต่อหน้าทาสเหล่านั้นว่า ถ้ามาอยู่กับเธอ
ต้องมาอยู่ด้วยใจภักดิ์ เป็นอิสระชน ไม่ต้องเป็นทาส
แล้วปล่อยมังกรมาจัดการนายทาสจนตาย ยึดเมืองมิรีน
พร้อมกับปลดปล่อยทาสให้เป็นอิสระได้สำเร็จ เดเนริสสืบรู้ว่า เซอร์จอราห์ มอมอนต์ อัศวินคนสนิท แท้จริงแล้วเป็นไส้ศึกคอยส่งข่าวความเคลื่อนไหวของกองทัพเธอให้กับสายลับฝั่งเวสเทอรอสและโดยเฉพาะพวกแลนนิสเตอร์
ทำให้เธอตัดสินใจขับไล่เซอร์จอราห์ออกจากกองทัพ
นอกจากนี้ยังมีปัญหามังกรที่หลุดออกไปเผาบ้านคร่าชีวิตชาวเมือง ทำให้แดเนริส ต้องล่ามโซ่ขังมังกรที่เหลือไว้
ส่วนชาวเมืองมิรีนก็ดูจะไม่ค่อยชอบใจการปกครองในแบบของเธอสักเท่าใด
-หลังจากหลบหนีออกจากวินเทอร์เฟลที่โดนเผาไป
กลุ่มของโจเจ็น และ มีร่า รีด กับ แบรน สตาร์ค และโฮดอร์ มุ่งหน้าขึ้นเหนือตามหาอีกาสามตาที่ปรากฏในนิมิตร และสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางและได้พบต้นดวงใจขนาดใหญ่ยักษ์
แต่ว่าพวกเขาต้องสูญเสีย โจเจ็น ที่ถูกผีโครงกระดูกฆ่าตายเสียก่อน
ระหว่างต่อสู้กับผีโครงกระดูกนี่เอง
เด็กแห่งพงไพรได้ปรากฏตัวช่วยเหลือกลุ่มของแบรนพร้อมกับพาไปพบอีกาสามตา
เกมออฟทน (ภาคที่ 2 บัลลังก์ดาบเหล็กสั่นสะเทือน)
องก์ที่ 5 ฉากที่ 1 ห้องทำงานของลอร์ดปีเตอร์
เบลิซ
ย้อนความกลับไป เมื่อตอนที่ไทวิน
แลนนิสเตอร์เดินทางมาถึงคิงแลนด์ดิ้ง และเป็นผู้นำพิชิตศึกลำน้ำทมิฬ
ที่พวกลอร์ดสแตนนิส ยกพลกองเรือมาตีคิงแลนด์ดิ้ง แล้วแพ้กลศึกของทีเรียน
ทีเรียนได้ใช้ลูกไฟยิงเข้าใส่กองเรือของสแตนนิส จนทำให้กองเรือของสแตนนิสแตกพ่าย
ก่อนที่กองกำลังของไทวินจะเข้ามาสมทบและไล่ถล่มจมกองเรือของสแตนนิสจนแพ้ราบคาบ
จากนั้นไทวินปลดทีเรียนออกจากตำแหน่งหัตถ์ของพระราชา และแต่งตั้งตนเองเป็นแทน
เวลาต่อมาลอร์ด ปีเตอร์เบลิซ มีแนวคิดที่จะเดินทางไปปราสาทเอียรี่
เพื่อไปรับใช้ไลซ่า แอริน จึงมาขอลาออกจากตำแหน่งขุนคลังของคิงแลนด์ดิ้ง
ทำให้ไทวินเสนอให้ทีเรียนมารับตำแหน่งขุนคลังของราชสำนักแทนปีเตอร์เบลิซ
แต่ตอนแรกทีเรียนไม่อยากเป็น เพราะเนื่องจากตนเองไม่มีความรู้
และไลฟ์สไตล์ก็เป็นคนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่เมื่อถูกบังคับจากพี่สาว (เซอร์ซี)
กับพ่อ (ไทวิน) ให้มาเป็น ก็จำต้องรับตำแหน่ง แล้วเดินทางมาหาปีเตอร์เบลิซ
เพื่อขอศึกษางาน และรับมอบงาน
ปีเตอร์เบลิซ : “ลอร์ดทีเรียน ผมไม่มีอะไรจะสอนคุณหรอก คุณหน่ะเก่งอยู่แล้ว”
ทีเรียน :
“ใครๆ ในดินแดนเวสเทอรอส ก็บอกตรงกันทั้งนั้นว่า คุณหน่ะเป็นขุนคลังที่หาเงินเก่ง
และควบคุมค่าใช้จ่ายการเงินในคิงแลนด์ดิ้ง ได้ดีมาก จนได้รับคำกล่าวว่าเป็น
มือขุนคลังที่เก่งที่สุดในเวสเทอรอส”
ปีเตอร์เบลิซ : “ใครกล่าวเช่นนั้น
แสดงว่าคนที่กล่าวเช่นนั้น
ไม่เคยรู้อะไรเลยเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของคิงแลนด์ดิ้งในเวลานี้”
ทีเรียน :
“ลอร์ดปีเตอร์ คุณหมายความว่าอย่างไร?”
ปีเตอร์เบลิซ : “พวกเขามองเห็นแต่ภาพสวยหรูเบื้องหน้า
ที่เห็นว่าเราหน่ะมั่งคั่งร่ำรวย ภาพลักษณ์การเป็นเมืองหลวง ศูนย์กลางของเวสเทอรอส
แต่หารู้ไม่ว่า ข้างในมันต๊ะติ๊งโหน่งมากๆ หน่ะสิ”
ทีเรียน : “ในความเป็นจริงก็เป็นอย่างนั้นมิใช่เหรอ
หรือว่า เรากำลังไม่มีเงินเดือนจ่ายข้าราชการ ภาษีเก็บไม่ได้ ต้องขึ้น vat เป็น 10% ต้องทำตัวเป็น เวสเทอรอส 4.0 ส่งเสริม start up ให้เกิดขึ้นในเวสเทอรอส ก็ในเมื่อเรากำลังมีรัฐธรรมนูญใหม่ของเวสเทอรอส
กำลังจะมีการเลือกตั้งอยู่แล้วมิใช่เหรอ”
ปีเตอร์เบลิซ : “ลอร์ดทีเรียน จะเอาความจริง
หรือตอแหล หล่ะ ผมจะได้บอกคุณถูก”
ทีเรียน : “เอาความจริงสิ ผมเป็นคนตรง ๆ
และไม่ชอบการเสแสร้ง แกล้งอำ กันไปมา ของผู้มีอำนาจในเวสเทอรอส”
ปีเตอร์เบลิซ : “ประเทศเวสเทอรอสของเราเป็นสังคมเกษตรกรรม
ถูกต้องมั๊ย เรากว่าจะขายข้าวโอ๊ต ข้าวบาเล่ย์ เก็บองุ่นไปขาย ขนเครื่องเทศเต็มเกวียน
ขนหนังแกะวัวควายลงลำเรือไปขาย กว่าจะได้เงินมา เลือดตาแทบกระเด็น ได้ไม่กี่มากน้อย
แต่ดูท่านผู้นำไทวิน ท่านอยากจะได้อาวุธแต่ละอย่างสิ เครื่องยิงลูกไฟ ไฟร์โวลด์
,เรือดำน้ำ 3 ลำ, รถม้าความเร็วสูง 4 สาย
,อาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัย ที่ต้องไปเจรจาซื้อจากชาติมหาอำนาจ
แต่เรามีรายได้เพียงแค่นี้ สิ่งทีกำลังทำก็คือไปกู้เขามา ทั้งๆ
ที่ประชาชนชาวเวสเทอรอสกำลังจะอดตาย ชักหน้าไม่ถึงหลัง หนี้ครัวเรือนบานเบอะ
ในขณะที่รัฐบาลเวสเทอรอสกำลังสนุกกับการช็อปปิ้งซื้ออาวุธ”
ทีเรียน : “ก็ไหนพ่อบอกว่า จีดีพีโกรธของ
เวสเทอรอสกำลังเติบโต สูงกว่า 3-4% มิใช่เหรอ”
ปีเตอร์เบลิซ :
“แต่มันเป็นจีดีพีโกรธของใครกันแน่
ของบรรดาเศรษฐีคหบดีที่มาตั้งโรงงานแล้วได้รับการยกเว้นภาษี จากนั้นผลิตของส่งออกไป
โดยจ้างแรงงานราคาถูกของชาวต่างด้าวที่มาทำงานในเวสเทอรอส
ถามว่าประชาชนรากหญ้าในเวสเทอรอส ได้อะไรจากจีดีพีบ้าง มันเป็นภาพลวงตา
จากนั้นคหบดีที่มาจากต่างถิ่นเหล่านี้มันทิ้งขยะอุตสาหกรรม
กากมูลทางอุตสาหกรรมไว้เป็นมลภาวะเป็นพิษทางสิ่งแวดล้อมไว้ให้เรารับผลกรรม
ผลกระทบกันไป ชาวต่างด้าวเหล่านั้นก็มาร่วมใช้บริการสาธารณะสุขของชาติเราด้วยโดยไม่ต้องออกเงิน ในขณะที่เราต้องแบกหน้าไปกู้เงินจากต่างชาติมาสร้างสาธารณูปโภคให้กับคนเหล่านี้
โดยอ้างว่าเพื่อรองรับการลงทุน ประเทศได้จีดีพีโกรธ เพียง 3-4 % เพือแลกกับตัวเลขการเป็นหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นไป จนตอนนี้เกือบ 49%
ของจีดีพี คิดว่าคุ้มค่ากันมั๊ย”
ทีเรียน : “คุณกำลังบอกกับผมว่า
เราไม่ได้มีเงินหลงเหลืออยู่ในคงคลังมากมายขนาดที่จะทำตัวเป็นเศรษฐีช็อปปิ้งอาวุธทันสมัยอย่างนั้นเหรอ”
ปีเตอร์เบลิซ : “จริงๆ แล้วเราเป็นเศรษฐีตกยากมานับตั้งแต่ปี 2540 วิกฤติการณ์ต้มยำกุ้ง
คุณรู้จักมั๊ย ตอนนั้นคุณยังเป็นดักแด้ในครรภ์มารดาคุณอยู่เลยมั๊ง”
ทีเรียน : “ถ้าอย่างนั้น
บรรดาผู้มีอำนาจในเวสเทอรอส กำลังทำอะไรกันอยู่เนี่ย ก็ในเมื่อเราไม่มีเงิน
แล้วเรายังจะไปกู้เงินมา เพื่อทำบ้าทำบออะไรขนาดนั้น มันไม่เข้าท่าเลย”
ปีเตอร์เบลิซ : “นั่นหล่ะ ทีเรียน ที่ผมคิดว่า
คุณควรเอาข้อมูลเหล่านี้ไปบอกกับบิดาคุณ ว่าให้เลิกทำตัวเป็นเศรษฐีจมไม่ลง
ก่อนที่จะประเทศชาติเวสเทอรอสจะล่มสลายได้แล้ว จริงๆ มันก็เป็นการดีนะ
ที่เขาแต่งตั้งคุณมาเป็นขุนคลังต่อจากผม เพราะในกลุ่มผู้นำ
บริหารประเทศอยู่ในเวลานี้ ไม่มีใครพอจะมีศักยภาพเดินหน้าชนกับท่านผู้นำไทวิน
ได้เท่ากับตัวคุณแล้วหรอก ทีเรียน”
ทีเรียน : “ที่คุณลาออกจาก รมว.คลัง ก็เพราะเหตุนี้ใช่มั๊ย”
ปีเตอร์เบลิซ : “ไม่ใช่หรอก ที่ผมออกก็เพราะ มันไม่มีเงินเหลือในคลัง
ให้ผมต้องบริหารอีกแล้วหน่ะสิ ผมจะนั่งเฝ้าหนี้ไว้ทำไม เสียเวลา
เสียเครดิตคนอย่างผมเปล่าๆ เอ้า....เอาไปบัญชีของหล่งจู๊
ไว้ดูกิจการหนี้สินของกงสี ไปศึกษาดูให้ละเอียด ผมให้คุณได้แค่นี้แหละ”
ทีเรียน ทำหน้าตาไม่ถูก ไม่รู้จะตอบปีเตอร์เบลิซอย่างไร
ได้แต่เรียกพ็อด อัศวินคนรับใช้ ให้มาขนสมุดบัญชีหนาเตอะ จำนวนหลายเล่ม
ไปไว้ที่ห้องของตน นั่นคือเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จ็อฟฟรีย์จะตาย
และเขากลายเป็นผู้ต้องสงสัยลอบปลงพระชนม์จ็อฟฟรีย์
ก่อนที่จะเกิดเกมพนันต่อสู้แบบตัวต่อตัวของฝ่ายเซอร์ซีที่ใช้อัศวิน เดอะเมาเท่น
กับฝ่ายทีเรียนที่ได้ เจ้าชายโอเบอริน มาต่อสู้กัน
ผลก็คือเจ้าชายโอเบอรินถูกสังหารเสียชีวิต จนทำให้ทีเรียนถูกขัง รอวันประหารชีวิต
เกมออฟทน (ภาคที่ 2 บัลลังก์ดาบเหล็กสั่นสะเทือน)
องก์ที่ 5 ฉากที่ 2 บริแอนน์กับเจมี่
แลนนิสเตอร์ ถูกทหารอัศวินของตระกูลโบลตัน จับตัวกลับไปหารูส โบลตัน
ระหว่างทางที่บริแอนน์นำตัวเจมี่
แลนนิสเตอร์เพื่อจะกลับไปยังคิงแลนด์ดิ้ง ตามอุบายของแคทลิน
เพื่อแลกกับการปล่อยตัว 2 สาว ซานซ่า กับอาร์ย่า สตาร์ค
แต่ระหว่างทางพวกเขาไปเจอกับผู้เชิญธงของกองกำลังทหารตระกุลโบลตัน
จึงถูกควบคุมตัวไปทั้งคู่ เจมี่พูดจาเยาะเย้ยถากถางทหารของโบลตันมาตลอดทาง
และพยายามขัดขืนต่อสู้ ไม่ยอมก้มหัวให้ จึงถูกตัดข้อมือขวาขาดไปข้างนึง
และถูกกระทืบ ทำร้ายร่างกายปางตาย เมื่อไปถึงเดรดฟอร์ท เขาได้อนุญาตให้ลงสระน้ำเพื่อชำระร่างกาย
ด้วยการอาบน้ำในสระทั้งคู่ และได้สนทนากัน
เจมี่ : “บริแอนน์
ทำไมเธอถึงยังจงรักภักดีต่อตระกูลบาราเทียนอีก ในเมื่อพวกเขาต่างก็ตายกันไปหมดแล้ว”
บริแอนน์ : “ฉันภักดีต่อลอร์ดเรนลี
ของฉันเพียงคนเดียว บาราเทียน คนอื่นฉันไม่สน และไม่ใช่เจ้านายของฉัน”
เจมี่ : “แต่เรนลีก็ตายไปแล้ว
เธอคงอดเสียดายไม่ได้ใช่มั๊ย ที่ยังไม่ได้นอนกับเขาก่อนตายเท่านั้นเอง
แต่เขาเป็นเสือไบนะ เธอไม่รู้หรอกเหรอ เขาคงไม่ชอบผู้หญิงร่างยักษ์อย่างเธอหรอก”
บริแอนน์ : “หยุดปากพร่อยเสียที เจมี่
นี่โดนฉันชก กระทืบไปหลายที คงยังไม่เข็ดหราบใช่มั๊ย เรื่องนายเก่าของฉัน
ฉันจะรักเขาอย่างไรมันก็เรื่องของฉัน แกอย่ามาสะเออะ สาระแน เรื่องของคนอื่น”
เจมี่ : “แต่นี่ฉันหวังดีกับเธอนะ จริงๆ แล้วเธอก็เป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่ง
ไอ้พวกทหารในเดรดฟอร์ท มันหื่นทุกตัวแหละ เห็นเป็นผู้หญิง คลำดูไม่มีหาง
มันก็เอาหมดแหละ ดีไม่ดี มันจะลงแขกเธอจนหายอยากเลยแหละ แล้วอย่าไปขัดขืนพวกมันนะ
พวกนี้ ถ้ามันไม่พอใจ มันอาจจะฆ่าเธอก็ได้”
บริแอนน์ : “เจมี่
มึงเก็บคำพูดเหล่านี้ไปบอกเมียมึงเถอะ อีคุณนายเซอร์ซี่ พี่สาวจอมกระแดะของมึงนั่นแหละ
สมสู่กันจนได้ลูกชายเอ๋อๆ แบบไอ้จ็อฟฟรีย์ กษัตริย์หมาๆ ดูแล้วน่าสมเพทจริงๆ”
เจมี่ : “บริแอนน์
นี่เธอ ปากคอเราะร้ายเหมือนกันนะ เห็นทึ่มๆ ควายๆ แบบนี้ ไม่น่าเล่า
ถึงยังไม่มีผัวหน่ะ”
บริแอนน์ : “มันเรื่องของกู ถ้ากูจะมีผัวแบบมึง
กูขออยู่ขึ้นคานแบบนี้ มีความสุขกว่ากันเยอะ”
เจมี่ : “บริแอนน์
ชีวิตมึงมีความสุขบ้างมั๊ยเนี่ย ไปใช้ชีวิตเป็นเอ็นจีโอ ประท้วงนั่น ประท้วงนี่
แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้อะไร โดนพี่สาวกู กับพ่อกูเล่นงาน กลายเป็นคนไม่มีเจ้า บ่าวไม่มีนาย
ทำตัวเองแท้ๆ”
บริแอนน์ : “นายของกู ก็คือแผ่นดินนี้
เวสเทอรอสเป็นที่ให้เกิด ให้ที่อยู่ ให้ที่กิน กูสำนึกบุญคุณของแผ่นดินเวสเทอรอสเว๊ย
พวกพ่อมึงเอาสัมปทานพลังงานไปประเคนให้มหาอำนาจ แล้วให้พวกมันจ่ายค่าต๋งเราราคาถูกๆ
ส่วนพวกมันมาขนมาสูบน้ำมันบ้านเราไปขายยังตลาดโลก กินส่วนต่างโกยผลประโยชน์มหาศาล พวกเราได้แต่นั่งดูประเทศในแถบเอสซอสใช้น้ำมันราคาถูกๆ
ส่วนเรามีน้ำมันเอง ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์กว่าแท้ๆ แต่กลับต้องไปบริโภคน้ำมันราคาแพง
โดยอ้างอิงราคาน้ำมันของพวกเกาะเวลล์ ทั้งๆที่พวกมันไม่มีน้ำมันแม้แต่หยดเดียว
อย่างนี้ไม่เรียกว่าขายชาติ แล้วจะให้กูเรียกพวกมึงว่าอย่างไร”
เจมี่ : “บริแอนน์ ฉันถึงบอกแล้วไงว่า
เธอสู้ไปก็ไม่มีวันชนะ มีแต่แพ้”
บริแอนน์ : “ถึงจะรู้ว่าแพ้ กูก็จะสู้ ให้ลูกหลานมันจดจำเราว่า
ในช่วงชีวิตของบรรพบุรุษของพวกมัน เราได้สู้อย่างถึงที่สุดแล้ว
เพื่อรักษาอธิปไตยของทรัพยากรอันมีค่าของแผ่นดินเราอย่างถึงที่สุดแล้ว
แต่ผู้มีอำนาจมันไม่เหลียวแล ไม่สนใจ และเต็มใจที่จะถวายพาน
มอบผลประโยชน์ทั้งหมดให้กับมหาอำนาจแทน”
เกมออฟทน (ภาคที่ 2 บัลลังก์ดาบเหล็กสั่นสะเทือน)
องก์ที่ 5 ฉากที่ 3 ลอร์ดแวเรียสสืบความลับจนรู้ว่าลอร์ดปีเตอร์เบลิซ
เตรียมหลบหนีออกจากคิงแลนด์ดิ้งไปกับซานซ่า
ส่วนตนเองก็เตรียมแพ็คของหนีเช่นเดียวกัน
ลอร์ดแวเรียส หาทางที่จะช่วยเหลือทีเรียน ไปสนทนาหาความลับจากปากของปีเตอร์เบลิซ
และไปสนทนากับคุณย่าโอเลนน่า ที่ยังอาศัยอยู่ในคิงแลนด์ดิ้ง
ลอร์ดแวเรียส : “โอว..คุณย่า ผมหาตัวแทบแย่แหนะ
มาหลบอยู่ตรงนี้ นี่เอง”
คุณย่าโอเลนน่า : “ทำไมฉันจะต้องหลบหล่ะ
ฉันก็เดินเล่นในสวนหย่อม บ้านพักตากอากาศของฉันอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว มีอะไรเหรอท่านลอร์ดแวเรียส
ถึงมาหาข้าได้”
ลอร์ดแวเรียส : “คุณย่า
จำที่เราคุยกันครั้งก่อนได้มั๊ย ที่ผมไม่เห็นด้วยที่จะให้เลดี้มาเจอร์รี่แต่งงานกับคิงจ็อฟฟรีย์
แล้วก็แนะนำซานช่าให้กับเซอร์ลอรัส ว่าที่ลอร์ดแห่งไทเรล แล้วดูตอนนี้สิเป็นไง
จ็อฟฟรีย์ก็มาเสียชีวิตลงแล้ว ราชินีมาเจอร์รี่ต้องกลายมาเป็นหม้ายโดยทันที แล้วนี่ซานซ่าก็กำลังจะหนีตามปีเตอร์เบลิซไปอีก
แผนการดูจะไม่เข้าทางเอาเสียเลย”
คุณย่าโอเลนน่า : “ข้าคุยกับปีเตอร์เบลิซแล้ว
เขาจะช่วยซานช่าจริงๆ ที่เจ้าแนะนำซานช่าให้กับลอร่า หลานชายของข้านั้น
ข้าคิดว่าพวกเขาไม่ได้ชอบกัน เรื่องนี้คงไปบังคับกันไม่ได้ ส่วนมาเจอร์รี่
มันเป็นเกมของไทวิน ที่ต้องการดึงพวกเราไปเป็นพวก มาเจอร์รี่เป็นเพียงหมาก
เขาไม่มีสิทธิ์เลือก แต่คิดว่าหลานของฉันจะต้องไม่อาภัพเช่นนั้น
เพราะว่าเซอร์ซีกำลังดันทอมเมนขึ้นเป็นกษัตริย์ และให้แต่งกับมาเจอร์รี่ทันที”
ลอร์ดแวเรียส :
“โอว...มันช่างเหมาะเหม็งอะไรเช่นนั้น”
คุณย่าโอเลนน่า : “แล้วท่านมาพบข้า
เพียงเรื่องแค่นี้หน่ะเหรอ”
ลอร์ดแวเรียส : “ผมมาสืบข่าวเรื่องการตายของจ็อฟฟรีย์ต่างหาก ผมไม่อยากให้ทีเรียนต้องกลายมาเป็นแพะรับบาป
เพราะผมมั่นใจว่าทีเรียนไม่ได้เป็นคนทำ
ถึงแม้เขาจะเกลียดจ็อฟฟรีย์เท่ากระดูกดำก็ตาม”
คุณย่าโอเลนน่า : “เรื่องการตายของจ็อฟฟรีย์
ท่านไปถามเอาจากปีเตอร์เบลิซเถอะ”
ลอร์ดแวเรียส : “เขารู้งั้นเหรอ
หรือว่าเขาจะเป็น......? คุณย่ารู้อะไรบอกกันบ้างสิ
....."
คุณย่าโอเลนน่า : "ไม่รู้ ฉันรู้แต่เราจะเป็นเวสเทอรอส 4.0 เราจะก้าวกระโดดจากสังคมเกษตรสู่สังคมปัญญาประดิษฐ์เลย โดยข้ามสังคมอุตสาหกรรม กับสังคมภาคบริการในยุคดิจิตอล”
คุณย่าโอเลนน่า : "ไม่รู้ ฉันรู้แต่เราจะเป็นเวสเทอรอส 4.0 เราจะก้าวกระโดดจากสังคมเกษตรสู่สังคมปัญญาประดิษฐ์เลย โดยข้ามสังคมอุตสาหกรรม กับสังคมภาคบริการในยุคดิจิตอล”
ลอร์ดแวเรียส : “คุณย่าเป็นคนฉลาดเน๊อะ เรียนรู้เร็ว บอกอะไรไปก็เชื่อ และเรียนรู้ได้เร็วมาก”
คุณย่าโอเลนน่า : “ศัพท์แสง คำเหล่านี้
มาจากเธอหรอกเหรอ ฉันจำเอามาจากไทวินอีกที”
ลอร์ดแวเรียส :
“คำเหล่านี้ทั้ง เวสเทอรอส 4.0,EEC (Eastern Economics
Corridor) ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ,Start Up, S-Curve ผมเป็นคนคิดคำ แล้วจับป้อนเข้าปากของไทวินกับเซอร์ซีเอง
ให้เขาพูดมากๆ ให้ดูเหมือนจะได้ฉลาด ประชาชนจะได้รู้สึกว่าผู้นำของเขาฉลาดและเก่ง
แค่นั้นเอง”
คุณย่าโอเลนน่า : “แต่ในความเป็นจริง
เซอร์ซีไม่ได้ฉลาดกว่าที่คิด นี่มันคำของทีเรียนที่พูดเสมอนี่”
ลอร์ดแวเรียส :
“คำพูดนี้ ก็เป็นผมที่สอนทีเรียน
ไว้ใช้พูดกับเซอร์ซีอีกทีครับ”
จบองก์ที่ 5 แต่เพียงเท่านี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น