วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

โลก 360 องศา - (กลุ่มไอเอสเผยคลิปนักรบรุ่นเยาว์จ่อยิงศีรษะสายลับอิสราเอล,ข้อตกลงร่วมรัฐยูเครนกับกลุ่มกบฏ,คนดังฝรั่งเศสตาย เหตุ ฮ.ชนกันระหว่างถ่ายทำเรียลลิตี้ที่อาร์เจน,การแพทย์ญี่ปุ่นก้าวหน้า,ความคืบหน้าค้นหา MH370)

รอยเตอร์/เอเอฟพี - พวกรัฐอิสลาม(ไอเอส)เผยแพร่วิดีโอในวันอังคาร(10มี.ค.) อ้างว่าเป็นภาพนักรบรุ่นเยาว์ดำเนินการลงทัณฑ์ ด้วยการจ่อยิงที่ศีรษะวัยรุ่นอิสราเอลเชื้อสายอาหรับ ที่ถูกทางกลุ่มกล่าวหาว่าแฝงตัวเข้าไปเพื่อสืบความลับให้แก่หน่วยข่าวกรอง "มอสซาด" ของรัฐยิว วิดีโอที่โพสต์ลงบนเว็บไซต์ของ al-Furqan Media สื่อมวลชนของพวกรัฐอิสลาม เผยให้เห็นภาพนายมูฮัมหมัด มูซัลลาม สวมชุดนักโทษสีส้มนั่งอยู่ในห้อง และพูดสารภาพว่าตนเองถูกเกณฑ์และได้รับการฝึกฝนจากหน่วยข่าวกรองอิสราเอล พร้อมบอกด้วยว่าพ่อและพี่ชายก็ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีจากนั้นก็เป็นภาพที่นายมูซัลลาม ถูกพาตัวไปยังลานหญ้าและถูกสำเร็จโทษด้วยเงื้อมมือของนักรบเด็กคนหนึ่ง ที่นักรบอีกคนซึ่งมีอายุมากกว่า บรรยายเป็นภาษาฝรั่งเศสว่าเป็นหนึ่งในเหล่าลูกสิงโตแห่งกาหลิบ  รอยเตอร์ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าวิดีโอนี้เป็นของจริงหรือไม่ แต่ก็พบคลิปดังกล่าวปรากฏอยู่ในทวิตเตอร์ฟีดที่ใช้โดยเหล่าผู้สนับสนุนไอเอส ส่วนเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงอิสราเอลบอกว่าทราบเกี่ยวกับวิดีโอนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้เช่นกัน  วิดีโอความยาวราว 13 นาที เป็นภาพที่นายมูซัลลาม นั่งคุกเข่าฟังคำพิพากษาของนักรบรุ่นใหญ่ จากนั้นนักรบรุ่นเยาว์ในชุดเครื่องแบบทหารและถือปืนสั้น ยืนเผชิญหน้ากับมูซัลลาม ก่อนจ่อยิงบริเวณกลางหน้าผากอย่างน้อย 3 นัด และตะโกนว่าพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่มูฮัมหมัด มูซัลลาม วัย 19 ปี พูดในวิดีโอ ย้ำถึงบทสัมภาษณ์ของเขาที่ถูกตีพิมพ์ลงนิตยสารออนไลน์ภาษาอังกฤษ ดาบิค” (Dabiq) ของกลุ่มไอเอสเมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ โดยเขายอมรับว่าได้เดินทางไปร่วมต่อสู้กับไอเอสในซีเรียเพื่อสืบข้อมูลเกี่ยวกับคลังอาวุธ ฐานที่มั่น ตลอดจนแนวร่วมชาวปาเลสไตน์ และรายงานให้รัฐบาลอิสราเอลทราบ แม้ว่าอิสราเอลและครอบครัวของเขาเคยปฏิเสธก่อนหน้านี้  ครอบครัวของมูซัลลาม ยืนยันว่าเขาไม่ใช่สายลับ แต่หายตัวไประหว่างท่องเที่ยวในตุรกี และมูซัลลามก็เคยโทรศัพท์กลับมาแจ้งคนที่บ้านว่าเขาถูกลักพาตัวไปยังซีเรีย แต่ถ้ายอมจ่ายเงินให้คนร้ายก็อาจจะรอด ขณะที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงอิสราเอลรายหนึ่งบอกว่า มูซัลลาม เดินทางไปยังซีเรียเพื่อร่วมสู้รบเคียงข้างพวกรัฐอิสลามเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว

เอพี - ประธานาธิบดียูเครนเผยกองกำลังรัฐบาลและฝ่ายกบฏถอนอาวุธหนักเกือบทั้งหมดออกจากแถวหน้าของสมรภูมิรบทางภาคตพวันออกแล้ว แต่ในวันอังคาร(10มี.ค.) สองฝายยังกล่าวโทษกันไปมาต่อการถ่วงเวลาปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่นๆของข้อตกลงหยุดยิง การให้มุมมองในแง่ดีอย่างระมัดระวังของประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก มีขึ้นหลังจากรัฐมนตรีต่างประเทศของเขา กล่าวหาฝ่ายกบฏขัดขวางคณะสังเกตการณ์ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการถอนอาวุธหนัก ส่วนโฆษกของพวกแบ่งแยกดินแดน ก็ตอบโต้ด้วยการกล่าวหากองกำลังยูเครนดำเนินการถอนอาวุธล่าช้ากว่ากำหนด  โปโรเชนโก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐในช่วงค่ำวันจันทร์(9มี.ค.) ว่าอาวุธหนักบางส่วนยังประจำการอยู่ใกล้กับจุดล่อแหลมของการสู้รบ ณ ท่าอากาศยานเมืองโดเนตสก์ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของฝ่ายกบฏ   เงื่อนไขถอนอาวุธหนักซึ่งถูกเคาะในการเจรจาสันติภาพระดับสูงเมื่อเดือนที่แล้ว จะช่วยส่งเสริมความพยายามยุติความขัดแย้งโดยเด็ดขาด ที่ทางสหประชาชาติคาดหมายว่าได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 6,000 ศพและมีประชาชนอีกเกือบ 1.8 ล้านคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย  การถอนอาวุธหนักอยู่ภายใต้การตรวจตราของเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์หลายร้อยคนจากองค์การเพื่อความปลอดภัยและความร่วมมือแห่งยุโรป(OSCE) แต่องค์การแห่งนี้ส่งเสียงคร่ำครวญว่าไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากทั้งสองฝ่ายคู่สงครามอังดรีย์ ลีเซนโก โฆษกประจำปฏิบัติการทางทหารในภาคตะวันออกของกองทัพยูเครน เผยว่ากองกำลังรัฐบาลขอสงวนไว้ซึ่งทางเลือกในการนำอาวุธหนักกับคืนที่มั่นเดิมหากความเป็นปรปักษ์หวนคืนมา "เพื่อไม่ให้กำลังพลในแนวหน้าของเราตกอยู่ในความเสี่ยง ตำแหน่งที่ตั้งปืนใหญ่บางส่วนจึงต้องอยู่ไม่ไกล และในกรณีที่จำเป็น พวกมันจะถูกส่งกลับมา" ลีเซนโก ยอมรับว่าในแนวหน้ายังจำเป็นต้องมีทหารราบอาวุธหนักเพื่อคอยปัดเป่าการรุกคืบใดๆของพวกกบฏ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เจาะจงถึงชนิดของอาวุธเหล่านั้น แต่ด้วยถ้อยคำที่ใช้คาดหมายว่าน่าจะเป็นอาวุธจำพวกปืนครก เครื่องยิงลูกระเบิดและปืนต่อสู้รถถังภายใต้ข้อตกลงที่บรรลุกัน ณ กรุงมินสก์ เมืองหลวงของเบลารุส เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ อาวุธหนักจะต้องถูกถอนออกจากแนวหน้าในรัศมี 25 ถึง 70 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับขนาดลำกล้องของอาวุธนั้นๆ อย่างไรก็ตามในวันอังคาร(10มี.ค.) เอดูอาร์ด บาซูริน ตัวแทนกองกำลังติดอาวุธของกบฏ กล่าวหาทหารยูเครนว่าดำเนินการอย่างล่าช้าในการถอนอาวุุธหนักบางส่วน แต่นายลาฟโล คลิมคิน รัฐมนตรีต่างประเทสเคียฟตอบโต้ด้วยการกล่าวหาพวกแบ่งดินแดนว่าแสร้งทำเป็นถอนอาวุธหนักออกมาเท่านั้น "พวกเขาขัดขวางอย่างไม่ลดลด ไม่ให้คณะสังเกตการณ์ของ OSCE เข้าถึงขั้นตอนการถอนอาวุธ"รายงานของ OSCE เมื่อวันอาทิตย์(8มี.ค.) บ่งชี้ว่าทั้งสองฝ่ายต่างขัดขวางความพยายามของคณะสังเกตการณ์ โดยยกตัวอย่างต่างๆนานาเกี่ยวกับกรณีที่ทหารยูเครนและนักรบกบฏสั่งคณะทำงานของ OSCE หยุดติดตามขบวนรถที่บรรทุกอาวุธหนักกลับจากแนวหน้า  ในการให้สัมภาษณ์ โปเรเชนโก บอกว่าการดวลปืนใหญ่และจรวดตามแนวหน้าส่วนใหญ่ยุติลงแล้ว แต่ยังคงมีการปะทะกันด้วยอาวุธขนาดเล็กและเครื่องยิงระเบิดบ้างประปราย ขณะที่สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของยูเครนรายงานโดยอ้างโฆษกของกองทัพยูเครน ระบุว่าหนึ่งวันก่อนหน้านี้พวกกบฏมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง 12 ครั้ง
เอเจนซีส์ – ชาวฝรั่งเศสจมลงสู่ความโศกเศร้าอาลัยอีกครั้งในวันอังคาร (10 มี.ค.) หลังจากการเสียชีวิตของดารานักกีฬา 3 คน ซึ่งมีทั้งนักว่ายน้ำเหรียญทองโอลิมปิก และนักกีฬาเรือใบยอดเยี่ยมคนหนึ่งของโลกรวมอยู่ด้วย ในเหตุเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำชนกันกลางอากาศ ระหว่างการถ่ายทำรายการเรียลลิตี้โชว์ ในประเทศอาร์เจนตินาเมื่อวันจันทร์ (9) ทั้งนี้มีรายงานว่า ซิลแวง วิลตอร์ อดีตนักฟุตบอลทีมอาร์เซนอล เป็นผู้ร่วมแข่งขันของรายการนี้ด้วยผู้หนึ่ง แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร  ฟลอรองซ์ อาร์โธด์ แชมเปี้ยนกีฬาเรือใบหลายรางวัล, การมิลล์ มุฟฟาต์ นักว่ายน้ำเหรียญทองโอลิมปิก, และ อเล็กซีส์ วาสติน นักมวยเหรียญทองแดงโอลิมปิก เป็น 3 ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 10 คน เมื่อเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำเกิดชนกันขณะกำลังถ่ายทำรายการเรียลลิตี้โชว์ชุด ดร็อปเป็ด” (Dropped) ในเขตเทือกเขาทุรกันดารของจังหวัดลา ริโอจา ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของอาร์เจนตินา เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในอาร์เจนตินาระบุ  ทั่วทั้งฝรั่งเศสต่างจมอยู่ในความโศกเศร้าอาลัยในเช้าวันนี้นายกรัฐมนตรี มานูเอล วาลส์ ของฝรั่งเศส กล่าวก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ออกคำแถลงแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของผู้เคราะห์ร้ายทั้ง 10 ซึ่งในจำนวนนี้เป็นชาวฝรั่งเศส 8 คน  ทั้งนี้ ผู้อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ทั้ง 2 ลำต่างเสียชีวิตทั้งหมด โดยนอกจากนักบินชาวอาร์เจนตินา 2 คนแล้ว ที่เหลือเป็นชาวฝรั่งเศสซึ่งเป็นทีมงานและผู้ร่วมแข่งขันในรายการ "ดรอปเป็ด" ของบริษัท แอดเวนเจอร์ ไลน์ โปรดักชั่น (เอแอลพี) รายการนี้เป็นรายการยอดนิยมในยุโรป สำหรับเวอร์ชั่นฝรั่งเศสนั้นแพร่ภาพทางสถานีทีวีทีเอฟ1 ของแดนน้ำหอมรูปแบบของเรียลลิตี้โชว์รายการนี้คือ การนำผู้แข่งขันไปปล่อยในสถานที่ซึ่งยากลำบากแก่การดำรงชีวิต เพื่อให้พวกเขาแสดงทักษะในการเอาชีวิตรอดและค้นหาทางกลับสู่เมือง  ในรายการชุดนี้ มีดารานักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันรวม 8 คน นอกจากผู้เคราะห์ร้ายทั้ง 3 แล้ว ที่เหลืออีก 5 คนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ จากอุบัติเหตุคราวนี้ ดารานักกีฬาเหล่านี้ได้แก่ ซิลแวง วิลตอร์ อดีตนักฟุตบอลของทีมชาติฝรั่งเศส ตลอดจนของ 2 สโมสรดังในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษอย่างอาร์เซนอล , อแลง แบร์นาร์ด นักว่ายน้ำ, แอนน์-ฟลอร์ มาร์กเซอร์ นักสโนว์บอร์ด และฟิลิปเป กองเดโลโร นักสเก็ตลีลา  ภายหลังเกิดเหตุ วิลตอร์ พิมพ์ในทวิตเตอร์ว่า ผมขอเสียใจให้เพื่อนๆ ของผม ผมตกใจมาก ผมพูดไม่ออก ผมคงพูดอะไรต่อไม่ได้แล้ว  สำหรับดารานักกีฬาที่เสียชีวิต อาร์โธด์ วัย 57 ปี เป็นผู้ที่เห็นกันว่าคือนักกีฬาเรือใบยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งของโลก แถมยังเป็นผู้หญิงซึ่งสามารถพิชิตชัยชนะในกีฬาประเภทที่ครอบงำโดยผู้ชาย หนึ่งในผลงานซึ่งสร้างชื่อเสียงให้แก่เธอคือ การคว้าแชมป์การแข่งขันรูต ดูว์ เริม หรือการแข่งขันแล่นเรือคนเดียวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ในปี 1990   ส่วนมุฟฟาต์ วัย 25 ปี เป็นเจ้าของเหรียญทองว่ายน้ำ 400 เมตรจากโอลิมปิกปี 2012 ที่ลอนดอน และวาสทีน วัย 28 ปี เป็นนักมวยเหรียญทองแดงในรุ่นไลท์เวลเตอร์เวทจากโอลิมปิกปี 2008 ที่ปักกิ่ง  เอแอลพี บริษัทโปรดักชั่นผู้รับผิดชอบผลิตรายการนี้ แถลงว่า รู้สึกเหมือนแหลกละเอียดจากอุบัติเหตุชวนสยองคราวนี้ และกล่าวว่า เป็นเรื่องแน่นอนที่บริษัทจะหยุดการถ่ายทำและส่งทีมงานทั้งหมดกลับบ้าน  ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สองแล้วที่เรียลลิตี้โชว์ซึ่งเอแอลพีผลิตให้ทีเอฟ1 ประสบโศกนาฏกรรม โดยคราวแรกเกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2013 เมื่อแพทย์คนหนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลผู้แข่งขันระหว่างการถ่ายทำรายการ เซอร์ไวเวอร์เวอร์ชั่นฝรั่งเศส บนเกาะรง ของกัมพูชา ฆ่าตัวตายหลังจากผู้แข่งขันคนหนึ่งเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายขณะถ่ายทำตอนที่ 1 ของรายการ โดยที่เขาเคยบ่นว่า มีอาการเจ็บที่หัวใจ  ในเหตุล่าสุดนี้ ทางอัยการฝรั่งเศสประกาศในวันอังคาร (10) เปิดการสอบสวนว่ามีความไม่ชอบมาพากลหรือไม่ในอุบัติเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตคราวนี้ ทว่านี่ก็เป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานปกติในกรณีที่มีคนสัญชาติฝรั่งเศสตายในต่างแดน  สำหรับทางอาร์เจนตินา สำนักข่าวเทลัมของทางการรายงานว่า เจ้าหน้าที่อาร์เจนตินาไปถึงสถานที่เกิดเหตุตั้งแต่คืนวันจันทร์ เพื่อตรวจหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้  ฮอราซิโอ อลาร์กอน โฆษกจังหวัดลา ริโอจาระบุว่า สภาพอากาศปกติดีขณะเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น วันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่น. (เวลาไทยประมาณ 03.00 น. วันอังคาร)  เซซาร์ อังกูโล รัฐมนตรีด้านความมั่นคงของจังหวัดลา ริโอจา เผยว่า เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งที่ประสบเหตุนั้นเป็นของจังหวัดลา ริโอจา ส่วนอีกลำเป็นของจังหวัดซานเทียโก เดล เอสเตอโร ที่อยู่ใกล้เคียงกัน  อังกูโลเสริมว่า ดูเหมือนว่า เฮลิคอปเตอร์จากลา ริโอจา ที่เป็นเครื่องยูโรคอปเตอร์ บรรทุกผู้โดยสารได้ 6 คน เฉี่ยวเฮลิคอปเตอร์อีกลำ หลังจากทะยานขึ้นไม่นาน แอนเดรส นาวาร์เรเต นายกเทศมนตรีวิลล่า คาสเตลลี เผยว่า ทีมถ่ายทำรายการดังกล่าวซึ่งมีประมาณ 80 คน ส่วนใหญ่เป็นคนฝรั่งเศส ได้เดินทางถึงวิลล่า คาสเตลลีตั้งแต่วันอาทิตย์ (8) และเมืองนี้เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำรายการ ดรอปเป็ดที่แพร่ภาพในสวิตเซอร์แลนด์และเดนมาร์กก่อนหน้านี้

เอเอฟพี - บริษัทญี่ปุ่นหัวใส ใช้เทคโนโลยีของเครื่องปริ้นเตอร์ 3 มิติ สร้างอวัยวะเทียม สำหรับใช้ในการฝึกฝนของแพทย์ที่ยังขาดประสบการณ์ ซึ่งอวัยวะเทียมที่ผลิตจากปริ๊นเตอร์ 3 มิตินี้ ไม่เพียงแต่จะมีรูปทรงที่เหมือนจริงเท่านั้น แต่ยังมีความอ่อนนุ่มเปียกชื้นราวกับอวัยวะของสิ่งมีชีวิต ปอดเทียมที่มีรูปร่างเหมือนจริง เปียกชื้นและอ่อนนุ่ม มีทั้งเนื้องอกและเส้นเลือด คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์อวัยวะเทียมที่ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัทญี่ปุ่น "ฟาโซเทค" ซึ่งจะช่วยให้บรรดาศัลยแพทย์สามารถขัดเกลาฝีมือของตนเองได้โดยที่ไม่ต้องทำให้ใครเจ็บตัว   "ด้วยแบบโมเดลเหล่านี้ บรรดาแพทย์สามารถสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของอวัยวะ เราตั้งเป้าจะช่วยให้บรรดาแพทย์ได้พัฒนาฝีมือด้วยแบบโมเดลเหล่านี้" โทโมฮิโระ คิโนชิตะ จากฟาโซเทค บริษัทที่ตั้งอยู่ในจังหวัดจิบะ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น บอกกับนักข่าว  พวกเขาเรียกผลิตภัณฑ์เหล่านี้ว่า "ไบโอเท็กซ์เจอร์ เว็ต โมเดล" โดยจะมีการนำไปวางขายในตลาดสินค้าสำหรับฝึกฝนในเชิงศัลยกรรมและอุปกรณ์สำหรับทดสอบด้านการแพทย์ที่ญี่ปุ่น ช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ ซึ่งเจ้าอวัยวะเทียมเหล่านี้สร้างด้วยการทำสแกนตัวอย่างจากอวัยวะจริงในเวลาไม่กี่นาที แล้วนำรายละเอียดที่ได้มาสร้างด้วยเครื่องปริ๊นเตอร์ 3 มิติ  เมื่อสร้างด้วยเครื่องปริ๊นเตอร์ 3 มิติแล้ว อวัยวะเทียมเหล่านี้จะถูกฉีดเคลือบด้วยสารเรซินสังเคราะห์แบบเจล ทำให้มันเปียกชื้น เวลาอยู่ในมือศัลยแพทย์จะรู้สึกราวกับเป็นอวัยวะของสิ่งมีชีวิตจริงๆ ทุกชิ้นถูกออกแบบให้เหมือนจริงในทุกด้าน ทั้งผิวสัมผัสและน้ำหนัก รวมถึงยังตอบสนองต่อมีดผ่าตัดได้แบบเดียวกับอวัยวะจริง

มาคิ ซูกิโมโต ผู้เป็นอาจารย์พิเศษของบัณฑิตวิทยาลัยการแพทย์ มหาวิทยาลัยโกเบ ระบุหลังจากที่ได้ลองทดสอบอวัยวะเทียมเหล่านี้ ว่ามีความสมจริงเป็นอย่างมาก  "ผมคิดว่าคงไม่ใช่แค่เพียงแพทย์อายุน้อยที่ไร้ประสบการณ์เท่านั้น แต่บรรดาแพทย์ผู้มากประสบการณ์ก็ยังจะสามารถทำการผ่าตัดได้ดีขึ้น หากพวกเขาได้ซ้อมมือด้วยอวัยวะเทียมเสียก่อน" เขากล่าว  โทชิอากิ โมริคาวะ แพทย์ของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยจิเคอิ ในกรุงโตเกียว ก็ยังระบุคล้ายกันว่า อวัยวะเทียมเหล่านี้มีความสมจริงมาก ในแง่ของคุณภาพถือว่าผลิตออกมาได้อย่างแม่นยำใกล้เคียงกับอวัยวะของสิ่งมีชีวิตจริงๆ ต่างกับอวัยวะเทียมแบบเดิมๆ ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันซึ่งเรียบง่ายเกินไป แถมรายละเอียดด้านกายวิภาคศาสตร์ก็ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงสักเท่าไหร่  ดูเหมือนว่าโลกแห่งปริ๊นเตอร์ 3 มิติ ได้นำเสนอความเป็นไปได้ในทางการแพทย์ที่ไร้จุดสิ้นสุดแก่โมริคาวะ เขามองว่าวันหนึ่งในอนาคต อวัยวะที่ถูกสร้างด้วยเทคโนโลยีแบบนี้อาจรุดหน้าถึงขั้นใช้ในการปลูกถ่ายแก่ผู้ป่วยได้   "เมื่อพิจารณาถึงความก้าวหน้าในอนาคตของวิทยาศาสตร์แห่งชีวิต ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องที่สำคัญและเร่งด่วนมาก เทคโนโลยีที่โดดเด่นแบบนี้ควรจะได้รับการปรับปรุงเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในด้านชีววิทยา" เขากล่าว  ข้อมูลจากฟาโซเทคระบุว่า ทางบริษัทได้เริ่มเปิดให้สั่งจองโมเดล กระเพาะและท่อปัสสาวะ ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้วในราคา 15,000 เยน (ประมาณ 4 พันบาท) นอกจากนี้พวกเขายังมีแผนจะส่งออกขายในต่างประเทศด้วย โดยได้รับการสอบถามจากหลายประเทศแถบเอเชีย


เอเอฟพี เมื่อวานนี้(9)มีการเปิดเผยความคืบหน้าในการตามหาเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สที่หายไปว่า ซองผ้าเย็นที่มีโลโก้สายการบินติดอยู่ซึ่งถูกพบบนชายหาดเวสเทิร์นออสเตรเลีย 4 เดือนหลังเกิดเหตุนั้น ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถยืนยันความเกี่ยวข้องระหว่างสิ่งที่พบและเที่ยวบินที่หายไป และไม่คิดว่าซองผ้าเย็นนี้จะสามารถใช้เพื่อตามหา MH370 ได้  เที่ยวบิน MH370ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สที่หายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2014 พร้อมทั้งคนทั้งหมด 239 คนที่อยู่บนเครื่อง และมาจนถึงขณะนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะสามารถพบเครื่องบินสูญหายลำนี้แต่อย่างใด ซึ่งมีการสันนิษฐานว่า MH370 ตกในมหาสมุทรอินเดียนอกชายฝั่งออสเตรเลียตะวันตก  และมีการเปิดเผยล่าสุดว่า มีการพบซองผ้าเย็นที่มีโลโก้สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางพนักงานเครื่องมักแจกจ่ายให้ผู้โดยสารในอาหารระหว่างมื้อถูกค้นพบ 4 เดือนหลังจากเกิดเหตุการณ์หายไปของเที่ยวบินปริศนา โดยพบซองผ้าเย็นตกอยู่บริเวณชายหาดเทอร์สตี พอยต์ (Thirsty Point) ห่างจากเพิร์ธไปทางเหนือราว 200 กม.ด้านสำนักงานกลางควบคุมความปลอดภัยทางขนส่งของออสเตรเลีย ATSB ที่เป็นผู้นำทีมการค้นหาใต้น้ำ ได้ตรวจสอบสิ่งของต่างๆที่ถูกพบบนชายหาดออสเตรเลีย และระบุว่า สิ่งต่างๆที่ได้นำมาตรวจสอบนั้นไม่มีหลักฐานแน่นหนาเชื่อมโยงกับ MH370 รวมถึงซองผ้าเย็นติดโลโก้สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สซองนี้เช่นกัน  ซองผ้าเย็นติดโลโก้มาเลเซียแอร์ไลน์สขนาด 6 ซม x 8 ซม ถูกพบบนชายหาดเทอร์สตี พอยต์ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2014และถูกนำส่งให้ตำรวจเวิสเทิร์นออสเตรเลียหลังจากนั้น” ATSB กล่าวผ่านแถลงการณ์หลังจากการค้นพบซองผ้าเย็นถูกเผยแพร่ผ่านสื่อออสซี  และเป็นที่น่าเสียดายว่าสิ่งของเครื่องใช้ที่พบได้ตามปกติบนเครื่องไม่มีลักษณะเฉพาะที่จะบ่งชี้ว่าเกี่ยวพันกับ MH370” ATSB แถลงเพิ่มเติม  โดยก่อนหน้านี้ ผลการตรวจสอบในวาระครบ 1 ปีความยาว 584 หน้า ซึ่งชี้แจงผลการสอบสวนที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการสูญหายของเครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ลำนี้ ระบุว่า แบตเตอรีของอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบินซึ่งจะส่งสัญญาณระบุตำแหน่งในกรณีที่เครื่องบินตกลงทะเล หมดอายุไปตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2012 และไม่ได้รับการเปลี่ยนใหม่ ซึ่งสำนักงานการบินพลเรือนมาเลเซีย ชี้แจงว่า ระบบคอมพิวเตอร์ฝ่ายวิศวกรรมของมาเลเซียแอร์ไลน์สทำงานผิดพลาด เป็นเหตุให้ฝ่ายซ่อมบำรุงตรวจไม่พบว่าแบตเตอรีหมดอายุ แต่ทางบริษัทมาเลเซียแอร์ไลนส์ ยังยืนยันว่า แบตเตอร์รีในกล่องดำที่เก็บข้อมูลในห้องนักบินนั้นสามารถอยู่ได้ถึง 30 วัน และจะเริ่มทำงานหลังจากที่เครื่องตกลงไปยังมหาสมุทร และจะเริ่มส่งสัญญาณปิงออกมา  ภารกิจค้นหาในเขตน่านน้ำ 60,000 ตารางกม. ห่างจากชายฝั่งเมืองเพิร์ธไปทางตะวันตกราว 1,600 กม.ยังไม่พบชิ้นส่วนที่จะยืนยันการตกของเครื่องบินได้แม้แต่ชิ้นเดียว และอาจจะต้องยุติลงกลางคันในเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากรองนายกรัฐมนตรีแดนจิงโจ้ โทนี แอบบ็อต ออกมาแถลงในหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ว่า กำลังมีการหารือระหว่างออสเตรเลีย มาเลเซีย และจีน ว่าสมควรปิดฉากการค้นหาที่ยืดเยื้อนี้หรือไม่  อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก แห่งมาเลเซีย และรัฐบาลจีน ยังยืนกรานว่าเต็มใจที่จะสนับสนุนภารกิจค้นหา MH370 ต่อไป

เอเอฟพี กลุ่มผู้ประท้วงชาวอินโดนีเซียส่งถุงบรรจุเหรียญให้กับสถานทูตออสเตรเลียในวันนี้ (10) โดยระบุว่าเป็น การคืนเงินช่วยเหลือในช่วงภัยพิบัติสึนามิ หลังจากที่แคนเบอร์ราพยายามที่จะใช้ประเด็นนี้กดดันให้จาการ์ตายุติการประหารชีวิต 2 พลเมืองออสเตรเลีย  ขณะที่ส่งมอบกระเป๋าใส่เหรียญดังกล่าว พวกเขาป่าวร้องตะโกนว่า อุดปาก แอ๊บบอต์และ แอ๊บบอตต์ ต้องขอโทษพร้อมกับเหยียบย่ำโปสเตอร์ที่มีรูปนายกรัฐมนตรี โทนี แอ๊บบอตต์ แห่งออสเตรเลียถูกเทปปิดปาก  เมื่อเดือนที่แล้ว แอ๊บบอตต์ กล่าวว่า จาการ์ตาควรระลึกถึงเงินช่วยเหลือ 1 พันล้านดอลลาร์ที่ออสเตรเลียส่งให้ภายหลังเกิดภัยพิบัติสึนามิในมหาสมุทรอินเดียเมื่อปี 2004 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 220,000 คน  ความคิดเห็นของเขามีเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวให้จาการ์ตายุติการประหารชีวิต แอนดรูว์ ชาน และ มยุราน สุกุมาราน สองหัวหน้าแก๊งค้ายาเสพติดชาวออสเตเรีย ซึ่งคาดว่าจะถูกนำตัวเข้าลานประหารเร็วๆ นี้ แต่ความพยายามดังกล่าวกลับส่งผลตรงกันข้ามแล้เป็นเหตุให้เกิดกระแสความขุ่นเคืองอย่างมโหฬารขึ้นในแดนอิเหนา ที่ซึ่งผู้ประท้วงหลายกลุ่มเริ่มการรณรงค์รวบรวมเหรียญเพื่อจ่ายคืนเงินช่วยเหลือของแดนจิงโจ้  ในการประท้วงครั้งล่าสุดที่หน้าสถานทูตออสเตรเลียในกรุงจาการ์ตาเมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้ กลุ่มนักศึกษาราว 30 คนได้ส่งมอบถุงพลาสติกบรรจุเหรียญและธนบัตร 7 ใบให้กับเจ้าหน้าที่สถานทูต ซึ่งคิดเป็นเงินรวมแล้วประมาณ 7 ล้านรูเปีย (ราว17,501 บาท)  สิ่งที่ แอ๊บบอตต์ ทำคือพฤติกรรมต่ำชั้น เขาสามารถทำตัวมีอารยะและสุภาพกว่านี้แอนดี สีนุลิงกา ผู้ประสานงานการรณรงค์บอกกับเอเอฟพี  เราไม่เคยขอความช่วยเหลือ แต่ออสเตรเลียเสนอตัวช่วย หากเรารู้ว่าพวกเขาไม่มีความจริงใจ เราจะปฏิเสธความช่วยเหลือนั้นเขากล่าวเสริม  ชาน วัย 31 ปี และ สุกุมาราน วัย 33 ปี สองหัวหน้าแก๊งค้าเฮโรอีนที่รู้จักกันในชื่อ บาหลี ไนน์ถูกตัดสินประหารชีวิตฐานพยายามลักลอบขนยาเสพติดออกจากอินโดนีเซียในปี 2006 พวกเขาคาดว่าจะถูกประหารชีวิตเร็วๆ นี้ ภายหลังคำร้องขอลดหย่อนผ่อนโทษจากประธานาธิบดีถูกปฏิเสธ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น