วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กรณีศึกษาจากเรื่องจริงของ โจ แม่สาย ประภาสะวัต เจ้าของกิจการติดตั้งแก๊ส แบรนด์ Versus


หากเอ่ยชื่อนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว จนขึ้นแท่นมหาเศรษฐีในยุคนี้ หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ "คุณแม่สาย ประภาสะวัต" กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็ม เอส แฟคทอรี่ จำกัด เป็นแน่ เพราะด้วยวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกลของคุณแม่สาย ทำให้เขาเล็งเห็นช่องทางทำติดตั้งแก๊สรถยนต์ตั้งแต่ที่ยังไม่บูม จนปัจจุบันนี้ธุรกิจติดแก๊สรถยนต์กลายมาเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่ง ส่งให้ชื่อแบรนด์ Versus Thailand ที่คุณแม่สายปลุกปั้นมากับมือเป็นธุรกิจติดตั้งแก๊สรถยนต์ที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในประเทศไทย


ทั้งนี้ หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คุณแม่สาย ในวัย 21 ปี ซึ่งมีความสนใจในเรื่องธุรกิจติดตั้งแก๊สรถยนต์เป็นทุนเดิมได้สมัครเป็นเด็กอู่ติดแก๊ส เมื่อเรียนรู้และฝึกฝนการติดตั้งแก๊สรถยนต์จนชำนาญแล้ว ในปี พ.ศ. 2548 คุณแม่สายจึงได้ออกมาเปิดกิจการติดตั้งแก๊สของตัวเอง และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เนื่องจากราคาน้ำมันเริ่มทะยานสูงขึ้น ส่งผลให้คนเปลี่ยนมาใช้แก๊สเป็นพลังงานแทนน้ำมันกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ธุรกิจของคุณแม่สายเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ

แต่แล้ว...ธุรกิจที่กำลังไปได้ดีกลับต้องสะดุดลงเล็กน้อย เมื่อผู้ประกอบการรายอื่น ๆ เริ่มเปิดร้านติดตั้งแก๊สรถยนต์บ้าง พร้อมกับการตัดราคาเพื่อแย่งลูกค้า และทำให้อุปกรณ์การติดตั้งแก๊สขาดตลาด โชคดีที่คุณแม่สายกลับสามารถพลิกวิกฤติครั้งนั้นเป็นโอกาสได้ ด้วยกลยุทธ์ "เปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่ค้า"

ด้วยวัย 22 ปี คุณแม่สายตัดสินใจเดินไปหาเสาะแสวงหาอุปกรณ์ติดตั้งแก๊สที่มีคุณภาพในต่างประเทศ เพื่อนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยพกเงินติดตัวไปเพียง 70,000 บาท และในที่สุด คุณแม่สายก็ได้ตกลงทำสัญญาทำธุรกิจอุปกรณ์ติดตั้งแก๊สรถยนต์กับบริษัท Bi Gas และ OMB SALERI ที่ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นบริษัทติดตั้งแก๊สรถยนต์มาตรฐานยุโรปรายใหญ่ เพื่อนำเข้าอุปกรณ์เทคโนโลยีหัวฉีดแก๊ส Versus สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน ภายใต้แบรนด์ Versus Thailand

แน่นอนว่า การที่ Versus Thailand เป็นที่เชื่อถือของวงการติดตั้งแก๊สรถยนต์ได้นั้น คงไม่ได้เป็นเพราะการให้บริการติดตั้งแก๊ส และขายอุปกรณ์แต่เพียงอย่างเดียว เพราะ Versus Thailand ยังให้บริการแบบครบวงจร พร้อมด้วยการฝึกอบรมการติดตั้งแก๊สรถยนต์จากทีมงานมืออาชีพ

นอกจากนั้นแล้ว เทคโนโลยีหัวฉีดแก๊ส Versus ยังมีจุดเด่นในเรื่องการประหยัด ทุกระบบการทำงานสั่งจ่ายแก๊สได้อย่างแม่นยำ จึงช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 50% พร้อมกับได้รับการควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานยุโรป ECE 67R ที่ยกเรื่องความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก ขณะเดียวกัน ระบบนี้ก็ออกแบบมาได้อย่างเหมาะสมกับเครื่องยนต์ของรถทุกรุ่น จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์แบบ นับเป็นการนำอุปกรณ์ติดตั้งแก๊สรถยนต์ที่ดีที่สุดของโลกมาให้กับคนไทยได้ใช้ในราคาที่ไม่สูงนัก ทำให้ Versus ได้รับความสนใจจากศูนย์บริการติดตั้งแก๊สรถยนต์เข้าร่วมเป็นตัวแทนจำหน่ายกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ

ขณะเดียวกัน ลูกค้าก็มั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ เพราะทาง Versus Thailand มีการจัดเก็บสินค้าอย่างเป็นระบบตามมาตรฐานสากล ตรวจสอบสินค้าก่อนการจัดจำหน่าย และจัดส่งสินค้าให้ถึงมือด้วยความรวดเร็วฉับไวทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล นอกจากนี้ ยังมีบริการหลังการขายด้วยสายด่วนคอลเซ็นเตอร์ 1716 ซึ่งจะมีพนักงานขายที่มีคุณภาพคอยให้คำปรึกษา แนะนำ รับฟังปัญหา และรองรับการสั่งซื้อตลอดทุกช่วงเวลา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด

และด้วยความที่คุณแม่สายตระหนักดีว่าการติดตั้งแก๊สที่ได้มาตรฐานและปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุด เขาจึงได้จัดกิจกรรมฝึกอบรมการติดตั้งแก๊สรถยนต์ขึ้นบ่อยครั้ง และยังได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ให้แก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในฐานะผู้เชี่ยวชาญอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมผู้ติดตั้งอุปกรณ์ใช้แก๊สสำหรับยานยนต์ที่อายุน้อยที่สุดอีกด้วย

แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า จากเงินลงทุนที่เริ่มต้นเพียง 70,000 บาท มาถึงปัจจุบันนี้ บริษัท เอ็ม เอส แฟคทอรี่ จำกัด กลายเป็นบริษัทที่มียอดจำหน่ายอุปกรณ์ติดตั้งแก๊สรถยนต์สูงที่สุดในประเทศไทย มีผลประกอบการมูลค่านับพันล้านบาท ด้วยหนึ่งสมองและสองมือของผู้บริหารวัยเพียง 26 ปี ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียง 5 ปีเท่านั้นเอง

จากศูนย์สู่นักธุรกิจพันล้าน

"ผมอยากรวย ตอนเด็ก ๆ คิดอย่างนั้นจริง ๆ เพราะผมเห็นคนส่วนใหญ่จะชื่นชมกับคนมีเงินว่าเก่ง ว่าดี ผมเลยมีความคิดอยากเป็นนักธุรกิจ อยากมีธุรกิจของตัวเอง"

"โจ-แม่สาย ประภาสะวัต" นักธุรกิจหนุ่มวัย 26 ปี เจ้าของบริษัท เอ็ม เอส แฟคทอรี่ จำกัด และรั้งตำแหน่งนายกสมาคมผู้ติดตั้งอุปการณ์ใช้ก๊าซสำหรับรถยนต์คนปัจจุบัน แถมยังเป็นนายกสมาคมที่อายุน้อยที่สุดอีกด้วย

โจโลดแล่นอยู่ในวงการติดตั้งก๊าซรถยนต์รวม 5 ปี เพราะความที่เป็นคนมุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง คิดวางแผนล่วงหน้า และกล้าได้กล้าเสีย ทำให้วันนี้เขากลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่น่าจับตามอง กับธุรกิจก๊าซรถยนต์ครบวงจร ทั้งนำเข้า ขายส่ง ขายปลีก และติดตั้งที่มีเงินทุนหมุนเวียนร่วม 1,000 ล้านบาท ด้วยระยะเวลาอันสั้น จากเงินทุนเริ่มต้นเพียง 70,000 บาทเท่านั้น

โจบอกว่า เขาไม่คิดว่าจะเดินมาไกลถึงขนาดนี้ เพราะเกิดในครอบครัวทหาร ฐานะปานกลาง ในจังหวัดลพบุรี เขาถูกเลี้ยงอย่างมีวินัยมาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวจึงหวังให้เป็นทหารตามแบบอย่างคุณพ่อ แต่โจฝันที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเองเพราะ "อยากรวย" จึงตัดสินใจเลือกเรียนต่อคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ท่ามกลางถ้อยคำดูถูกจากคนรอบข้างว่า "จะไปได้ไกลขนาดไหนเชียว"

หลังเรียนจบ โจไม่คิดที่จะยื่นใบสมัครงานที่บริษัทไหนเลย แต่เสาะหาธุรกิจที่เหมาะสมกับตัวเอง จนได้คุยกับลุงเจ้าของอู่ซ่อมรถข้าง ๆ หอพักว่าธุรกิจติดตั้งก๊าซรถยนต์มีผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากในช่วงปี 2548 เป็นช่วงวิกฤติพลังงาน น้ำมันราคาแพง ประกอบกับเขาชอบเครื่องยนต์กลไกและรถยนต์เป็นทุนเดิม โจเห็นช่องทางในการทำธุรกิจจึงควักเงินเก็บที่มีอยู่เพียง 70,000 บาท ลงทุนซื้อเครื่องมือติดตั้งก๊าซรถยนต์ และทำร้านเพิงเล็ก ๆ ขนาด 3x3 เมตร ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพราะเห็นว่ามีคู่แข่งน้อยกว่าจะเปิดร้านในกรุงเทพฯ ซึ่งโจจะต้องโดยสารรถตู้จากบ้านพักที่รังสิตไปพระนครศรีอยุธยาเพื่อเปิดร้านทุกวัน

"เรียกว่าผมเริ่มจากศูนย์ก็ว่าได้ ช่วงนั้นผมต้องทำทุกอย่าง ใกล้ ๆ ร้าน ผมมีตลาดนัดผมก็ใส่ชุดแบบสุภาพไปยืนแจกโบรชัวร์ร้าน และกลับมาเปลี่ยนเป็นชุดช่างเพื่อทำงาน ช่วงนั้นผมจ้างช่าง 2 คนมาช่วย ผลตอบแทนก็ดีอย่างที่คุยกับคุณลุงไว้ ได้กำไรตกคันละ 5,000 บาท วันหนึ่งผมทำรถ 1 คัน เดือนหนึ่งผมก็มีรายได้แสนห้าแล้ว"

โจชอบหาความรู้พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จึงมักชอบไปถามช่างตามร้านต่าง ๆ ว่ารถยนต์แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อต้องติดตั้งก๊าซในลักษณะใด พร้อมกับเริ่มนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการติดตั้ง เพื่อใช้เวลาในการทำงานน้อยลง และเกิดความปลอดภัยกับผู้มาใช้บริการมากขึ้น กิจการของโจขยายขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเห็นช่องทางธุรกิจที่กว้างขึ้น นั่นคือ การนำเข้าอุปกรณ์ติดตั้งก๊าซ โจเริ่มทำธุรกิจนำเข้ากับต่างประเทศ แต่เพียงปีเศษหุ้นส่วนที่ทำธุรกิจด้วยกันเกิดแยกตัวไปทำเอง ทำให้เขาต้องแบกรับภาระ อุปกรณ์ที่นำเข้ามาเป็นเงินหลายสิบล้าน

"ตอนนั้นผมขาดทุนเดือนละ 1 ล้านบาท แต่จะทำอย่างไรได้ ผมลงทุนไปแล้วก็ต้องทำต่อไป ยอมขาดทุน และก็ไม่ท้อด้วย พอเดือนที่ 9 ตัวเลขขาดทุนก็น้อยลง และเริ่มกลับมามีกำไร"

โจกลับมารุกเรื่องการนำเข้าอุปกรณ์ติดตั้งก๊าซรถยนต์อีกครั้ง เพราะเล็งเห็นว่าธุรกิจนี้ยังขยายตลาดได้อีก เขาได้เขียนตำราคู่มือติดตั้งก๊าซรถยนต์เป็นเล่มแรกของประเทศไทย และถูกใช้อ้างอิงในการเรียนการสอนของนักศึกษาที่เรียนด้านเทคโนโลยี โจยังได้รับเชิญให้ไปเป็นวิทยากรตามสถาบันการศึกษาเป็นระยะ นอกจากนี้เขาเองยังได้จัดอบรมฟรีให้กับช่างทั่วประเทศที่ต้องการความรู้ด้านการติดตั้งก๊าซรถยนต์ที่ถูกต้องและปลอดภัยทุกเดือน

เขาย้ำว่าเขาอบรมให้ฟรีโดยไม่ได้มุ่งหวังอะไร เพียงแค่ต้องการให้ช่างหรือคนทั่วไปที่สนใจได้รับความรู้ แต่ผลพลอยได้คือได้เพื่อน ได้เครือข่าย หรืออาจจะสนใจสินค้าที่เขานำเข้า แต่หากไม่สนใจก็ไม่เป็นไร ปัจจุบันนอกจากบริษัทนำเข้าอุปกรณ์ติดตั้งก๊าซรถยนต์ครบวงจร โดยมีธุรกิจติดต่อกับต่างประเทศ 7 ประเทศแล้ว โจยังทำโรงงานผลิตถังก๊าซรถยนต์ และทำธุรกิจ ผู้ผลิต จำหน่าย ให้เช่าจอแอลอีดี (LED) อีกด้วย

ความมุ่งมั่น ไม่ท้อถอย ขยันพัฒนาตัวเอง วาง แผนให้ดี เป็นสิ่งที่หนุ่มคนนี้ยึดถือมาตลอด และเป็นสิ่งผลักดันให้จุดเริ่มต้นที่ศูนย์ กลายเป็นธุรกิจพันล้านได้จริงๆ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณโจได้ที่ www.versusthailand.com , www.msfactory.co.th

อ้างอิงข้อมูลจาก kapook.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น