วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กรณีศึกษาจากเรื่องจริงของ วุฒิ-ศักดิ์ คลีนิก ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาผิวเบอร์ 1 ของไทย


จะมีใครทราบมั๊ยว่าจริงๆ แล้ว "วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก" ไม่ใช่เป็นธุรกิจของน.พ.วุฒิศักดิ์ ลิ่มพานิช แต่อย่างใด เพราะไม่มีชื่อ"น.พ.วุฒิศักดิ์" เป็น 1 ในหุ้นส่วนใหญ่ของเครือข่ายธุรกิจพันล้านแห่งนี้


เจ้าของจริงๆ คือ 3 เกลอ อันประกอบด้วย นายณกรณ์ กรณ์หิรัญ" นาย พลภัทร จันทร์วิเมลือง สถาปนิก และ นาย สิทธิโชติ ลิ่มพานิช
และจริงๆ แล้ว ณกรณ์นั่นแหละคือคีย์แมนหลักผู้สร้าง วุฒิ-ศักดิ์ คลีนิก มากับมือ เขาคือใคร?
“ณกรณ์ กรณ์หิรัญ" เล่าว่า "ผมไปกินข้าวกับเพื่อน คนหนึ่งเป็นหมอ (น.พ.วุฒิศักดิ์ ลิ่มพานิช) อีกคนเป็นสถาปนิก (พลภัทร จันทรวิเมลือง) เรามีสายเลือดนักธุรกิจตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ทุกอย่างไม่มีคำว่ากลัว เราคิดว่า...ลอง เล่น ๆ ก็แล้วกัน ทำสัก 5 แสน ลงทุนก่อนไปจดชื่อบริษัท โดย ชื่อ วุฒิ-ศักดิ์ ซึ่งเป็นชื่อคุณหมอ โดยชื่อเราต้องมีขีดด้วย เพื่อป้องกันการเกิดมีหมอชื่อซ้ำกัน”

เอาเข้าจริง ก่อนจะมี "วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก" ใน ปี 2545 สามเกลอ ทดลองโมเดลธุรกิจในชื่อ หจก. เพื่อนผิว อันเป็นค้าปลีกยารักษาผิว - ค้าปลีก ตั้งอยู่ 44/21-22 ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 ก่อนจะเลิกกิจการไปแล้ว

ปีต่อมา 3 เกลอกลับมาใหม่ในชื่อ บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก เวชกรรม จำกัด จดทะเบียน วันที่ 20 สิงหาคม 2546 ด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท และภายหลังจากนั้น ในเวลา 5 ปีต่อมา เพิ่มทุนเป็น 400 ล้าน ( พ.ย. 2551) ปี 2552 ก็เพิ่มทุนขึ้นอีกครั้งเป็น 430 ล้าน

กรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก เวชกรรม จำกัด ประกอบด้วย 1. นายพลภัทร จันทร์วิเมลือง 2. นายณกรณ์ กรณ์หิรัญ 3. นายสิทธิโชติ ลิ่มพานิช 4. นางเสาวณี ใจรักษ์ 5. นางสุพัฒนา วีรวงศ์ 6.นางปุญญาพร ธนัชชวลัย 7. นายณัฎฐพัชร อมรมนัสวรกุล

เส้นทางของบริษัทวุฒิศักดิ์ คลินิก เวชกรรมฯ โรยด้วยกลีบกุหลาบ อย่างแท้จริง
สินทรัพย์ของบริษัท ปี 2548 มีเพียง 3.6 ล้าน ปี 2549 เพิ่มเป็น 6.4 ล้าน ปี 2550 เพิ่มสามเท่าเป็น 17.6 ล้าน ปี 2551 สินทรัพย์เพิ่มเป็น 80.5 ล้าน ปี 2551 ทะลุ 481.5 ล้าน  รายได้จากการขายและบริการ ปี 2548 จิ๊บๆ แค่ 37 ล้าน ปี 2549 เพิ่มเป็น 80.8 ล้าน ปี 2550 ยอดขายโต 100.9 ล้าน ปี2551 ดับเบิ้ลเป็น 213 ล้าน

หลังจาก บริษัทวุฒิศักดิ์ คลินิก เวชกรรมฯ โกยเงินเป็นว่าเล่นปี 2553 บริษัทแห่งนี้ก็แปลงสภาพมาเป็น บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ด้วยทุนจดทะเบียน 575 ล้านบาท แต่ปีถัดมา ได้ลดทุนจดทะเบียนเหลือ 430 ล้าน

จากการตรวจสอบ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า เครือข่ายของ 3 เกลอ ทำธุรกิจครบวงจร 7 บริษัท

1. ห้างหุ้นส่วนจำกัด เพื่อนผิว (เลิกกิจการ)

2. บริษัท บี แอค จำกัด ประกอบกิจการโรงเรียนเอกชน ฝึกอบรมเพื่อธุรกิจประชาสัมพันธ์และความงาม-บริการ

3. บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

4. บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก เวชกรรม จำกัด (แปลงสภาพ)

5. บริษัท วุฒิศักดิ์ ฟาร์มาซี จำกัด จำหน่ายปลีกและส่งยารักษาโรค ผลิตภัณฑ์ยาอื่นๆ - ค้าปลีก,ค้าส่ง

6. บริษัท ไอดัล คลิ๊ก จำกัด ประกอบกิจการสถานเสริมความงาม ประกอบกิจการค้ายา ผลิตภัณฑ์ยา เครื่องสำอาง

7. บริษัท ณกรณ์ เรียลเอสเตจท จำกัด

ส่วนใหญ่แล้ว นายพลภัทร จันทร์วิเมลือง , นายณกรณ์ กรณ์หิรัญ และนายสิทธิโชติ ลิ่มพานิช จะลงทุนร่วมกัน แต่กระนั้น พลภัทร มีอีก 2 บริษัท ที่ไม่ได้ร่วมลงทุนกับ นายพลภัทร จันทร์วิเมลืองและนายณกรณ์ กรณ์หิรัญ นั่นคือ บริษัทพัสวี มาสเตอร์ กรุ๊ป จำกัด และบริษัทพีพีดี อินเตอร์เทรด (ประเทศไทย) จำกัด

นี่คือ หุ้นส่วนแห่งความมั่งคั่งอย่างแท้จริง


เปิดชีวิต (น้องเอก) ณกรณ์ กรณ์หิรัญ เจ้าของวุฒิ-ศักดิ์ คลีนิก นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ที่เขาบอกว่าตัวเองเริ่มต้นมาจากติดลบ จากเป็นเศรษฐีเงินกู้ แต่โดนโกงจนเป็นหนี้ รถที่เพิ่งซื้อผ่อนยังไม่ทันหมด ก็ต้องขายทิ้งเพื่อเอามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดย ณกรณ์ กรณ์หิรัญ ได้บอกเล่าถึงชีวิตในวัยเยาว์ว่า ครอบครัวของตนเองเป็นชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ฐานะพอมีกินมีใช้ จึงได้ส่งตนเองเข้ามาศึกษาในกรุงเทพฯ โดยส่วนตัวเป็นคนมีหัวธุรกิจ ชอบทำโน่นทำนี่ไปเรื่อย ๆ เพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้กับตัวเอง ถึงขั้นเป็นเศรษฐีเงินกู้เลยทีเดียว เนื่องจากไปหยิบยืมเงินของที่บ้านมาปล่อยกู้ 2 ล้านบาท จนรายได้งอกเงยไปถึง 4-5 ล้านบาท แต่แล้ววันหนึ่ง ณกรณ์ กรณ์หิรัญ ก็มาถึงคราวพลั้งพลาด เมื่อเศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไร ตนก็ไม่ทันระวัง ปล่อยกู้ให้ลูกหนี้รายหนึ่งไป แล้วโดนโกงจนหมดตัว ถึงขั้นรถที่เพิ่งซื้อมาไม่เท่าไรก็โดนยึดไปด้วย เพราะไม่มีเงินไปชำระค่าผ่อน

แต่ด้วยความที่ ณกรณ์ กรณ์หิรัญ เป็นคนมีหัวการค้า เขาจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการสมัครเข้าไปเป็นเซลล์จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อน จนมีรายได้ขึ้นมาระดับหนึ่ง จึงเริ่มเปิดร้านเล็ก ๆ จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อน มีรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขั้นเดือนละ 2-3 แสน

หลังจากนั้นไม่นาน มีเพื่อนคนหนึ่งของ ณกรณ์ กรณ์หิรัญ สนใจอยากจะเปิดคลินิกความงาม จึงมาชักชวนเขามาร่วมทุนเพื่อเปิดร้าน วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก ย่านงามวงศ์วาน โดยตั้งชื่อคลินิกตามชื่อแพทย์ที่มาร่วมหุ้นอีกคน และเป็นคนดูแลระบบการรักษาความงามทั้งหมดของคลินิก

และเมื่อ วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ขยายสาขาไปหลายสาขาทั่วกรุงเทพฯ ณกรณ์ กรณ์หิรัญ จึงได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เจ้าตัวก็ถ่อมตัวพร้อมแจกแจงว่า อายุ 30 กว่าแล้ว ถือว่ามาครึ่งทางของชีวิตแล้ว นี่เป็นเพียงก้าวขึ้นบันไดได้สำเร็จอีกขั้นหนึ่ง ชีวิตไม่มีคำว่าประสบความสำเร็จสุด ๆ เราต้องเดินหน้าไปเรื่อย ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายหนึ่ง แล้วก้าวต่อไปเพื่อบรรลุอีกเป้าหมายหนึ่งเท่านั้นเอง

Official Website: http://www.wuttisakclinic.com/th/

บทความ วุฒิศักดิ์ คลินิก...“สูตรสำเร็จ” ธุรกิจคนหนุ่ม ในเว็บไซต์ nationejobs.com

เพียงปีแรกที่วุฒิศักดิ์ คลินิกสยายปีกในลาวก็ประกาศจะขยายถึง 5 สาขา นี่คือความไม่ธรรมดาของธุรกิจคนหนุ่มที่พวกเขาพร้อมจะถ่ายทอดซัคเซส สตอรี่ มี "คมความคิด" ดีๆ ตลอดการสนทนากับผู้บริหารหนุ่ม "ณกรณ์ กรณ์หิรัญ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วุฒิศักดิ์ คลินิก กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ไม่เพียงผู้ประกอบการ คลินิกความงามและผิวพรรณเท่านั้น ที่จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ หากยังรวมถึงผู้ประกอบการในทุกธุรกิจ ที่จะได้ไอเดียใหม่ๆ ไป "ขบคิด"

ความสำเร็จของ "วุฒิศักดิ์ คลินิก" ตลอด 11 ปี บนเวที คลินิกความงามและผิวพรรณ จากธุรกิจหลักแสนกลายเป็นกิจการมูลค่าหลายพันล้านบาทในวันนี้ เกิดจากความมุ่งมั่นของทีมผู้บริหารรุ่นใหม่ ที่ "ลงล็อก" สุดๆ ทั้ง นายแพทย์ วุฒิศักดิ์ ลิ่มพานิช ณกรณ์ กรณ์หิรัญ และ พลภัทร จันทร์วิเมลือง คุณหมอ นักการตลาดและบริหารจัดการ ตลอดจนมือวาง งานออกแบบและเลือกทำเล นับเป็นความลงตัวที่นำไปสู่โอกาสธุรกิจไม่หยุดนิ่ง สามารถขยับขยายจนมีสาขากว่า 100 สาขาในประเทศ และเดินหน้าสู่สาขาในต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะเปิดในลาวถึง 5 สาขา ดึงเม็ดเงินกว่า 300 ล้านบาท กลับเมืองไทย มาสเตอร์คีย์สู่ความสำเร็จ ณกรณ์ บอกว่า คือ "ความไม่หยุดนิ่ง"

"ผมเชื่อว่าการทำทุกอย่างไม่ควรหยุดนิ่ง ทำตรงนี้ได้ก็ต้องหาช่องทางขยายต่อไป ไม่ใช่จะหยุดยาวแค่ตรงนี้ ทำให้ธุรกิจของเราโตได้ค่อนข้างเร็ว จากคลินิกความงามและผิวพรรณก็มาเป็นวุฒิศักดิ์ คลินิก คอสเมติก จำหน่ายเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม กลูต้า เฮลติ วุฒิศักดิ์ ฟามาร์ซี ขายผลิตภัณฑ์ยา วุฒิศักดิ์ คลินิก ศัลยกรรม ให้บริการศัลยกรรมความงาม

วิธีคิดคือเราจะดูว่าอันไหนมีความเป็นไปได้ก็ทำ ถ้าตัวไหนไปไม่ได้ก็จะชะลอดู ถ้าไม่ดีก็ขายออกไป ผมมองว่าการทำธุรกิจไม่ใช่ต้องสำเร็จทุกอย่าง ก็แค่ทำให้ดีที่สุด"

ณกรณ์ เชื่อในวิธีคิดแบบนี้ และเชื่อว่าเป็นวิธีคิดที่ใช้ได้กับทุกธุรกิจ กระทั่ง แม่ค้าขายน้ำพริกตามตลาดนัด

"คุณอาจทำน้ำพริกขายอยู่ในตลาดนัด วันหนึ่งก็เริ่มทำให้ใหญ่ขึ้น เริ่มส่งขายในจังหวัดใกล้เคียง จากนั้นกลับมาพัฒนาแพ็คเกจจิ้ง ส่งขายในกรุงเทพ จนส่งออก

วันนี้คุณก็คือน้ำพริกแม่ประนอม แต่ถ้าคุณคิดแค่ว่าทำน้ำพริกขายในตลาดนัด ขายตั้งแต่อายุ 20 จนถึง 80 ปี ก็ยังอยู่ตรงนั้นไม่ขยับขยายไปไหน คุณก็เป็นได้แค่คนขายน้ำพริกในตลาดนัดเท่านั้น"

นั่นคือเหตุผลที่เขาบอกว่า ทำธุรกิจอะไรก็ดีทั้งนั้น เพียงแค่รู้จัก”ปรับวิธีคิด"

ขณะที่หลายธุรกิจหาวิธีพัฒนาตัวเอง ด้วยการมองคู่แข่ง แล้วหาหนทางทำสิ่งที่เหนือกว่าให้ได้ แต่กับ "วุฒิศักดิ์" พวกเขาไม่ได้มองคู่แข่งขัน แต่เป็นการหาไอเดียมาพัฒนาธุรกิจของพวกเขาให้ดีขึ้น มากกว่า

"ผมจะไม่มองคู่แข่ง แต่จะมองธุรกิจอื่นไปเลย อย่างดูการจัดดีสเพลย์หน้าร้านสวยๆ ดูว่าเขาทำสวยเพราะอะไร จะเอามาประยุกต์กับร้านของเราได้ไหม เห็นข้อดีของสิ่งต่างๆ อย่างละเล็ก อย่างละน้อย ค่อยๆ สั่งสมทุกอย่าง จนรวมมาเป็นเราวันนี้"

นั่นคือสิ่งที่ทำให้ "วุฒิศักดิ์ คลินิก" มีความแตกต่าง ความต่างที่เกิดจากการ "ช่างสังเกต" ของผู้บริหาร ซึ่งยอมรับกับเราว่า ไม่ชอบทำงานนั่งโต๊ะ แต่เลือกออกไปเก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆ รอบตัว

"สำหรับผมการทำทุกอย่างต้องคิดเป็นงานหมด อย่างผมเห็นป้ายโฆษณา ก็คิดเป็นวุฒิศักดิ์ เห็นโลโก้อะไรก็มองเป็นวุฒิศักดิ์ เห็นอะไรแปลกๆ ก็มองเป็นวุฒิศักดิ์หมด

วุฒิศักดิ์ถึงได้มีอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่นเขา เช่นเข้าไปทำหน้าแต่ก็มีไดร์เป่าผม มีน้ำเสิร์ฟ มีห้องส่วนตัว มีบริการต่างๆ ที่ค่อนข้างแหวกแนว สิ่งที่เราทำคือหาจุดต่างให้เจอ คิดว่าเราอยากได้อะไรก็ใส่อย่างนั้นให้ลูกค้า" คนอื่นอาจเรียกว่า "บ้างาน" แต่กับ ณกรณ์ เขาบอกว่า "คุ้นชิน" กับการเอางานมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

"ถ้าสามารถเอาตัวเรากับงาน รวมเป็นคนคนเดียวกันได้ ผมเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ผมไม่มีเวลาเลิกงาน ตีสาม ตีสี่ ถ้าคิดอะไรได้ผมก็จะจดบันทึกไว้ ผมชินกับตัวผมที่เป็นแบบนี้ เพราะเราเป็นผู้นำ ถ้าผู้บริหารไม่ครีเอท พนักงานก็อยู่ไม่ได้ การทำทุกอย่างของผม ต้องคำนึงถึงชีวิตพนักงานอีกหลายพันคน "

วิธีคิดหนึ่งที่น่าสนใจของวุฒิศักดิ์ คือการเลือกเป็น "ผู้นำ ไม่ใช่ผู้ตาม" แม้จะมีความเสี่ยงมากกว่า

เช่นเดียวกับการเข้าไปขยายสาขาในต่างประเทศ พวกเขาประเดิมด้วยการเลือก "ลาว" และมีเป้าหมายต่อไปคือ "กัมพูชา" ประเทศที่คนอื่นเมินหน้านี้ แต่สำหรับ "ณกรณ์" เขาบอกเราว่า… นี่คือ "โอกาส"

"เราอยากเข้าไปบุกเบิก ประเทศที่คนอื่นไม่ไปกัน ประเทศเหล่านี้ก็เหมือนเมืองไทยเมื่อสิบกว่าปีก่อน คู่แข่งไม่เยอะมีแต่ร้านท้องถิ่น และคนมีกำลังซื้อ ประเทศที่กำลังพัฒนา คนจนก็จนมาก แต่ถ้ารวยก็รวยสุดขั้ว ซึ่งกลุ่มคนรวยมีจำนวนมากพอสมควร และนั่นเป็นโอกาสให้กับเรา เพียงแต่คีย์สำคัญคือเราต้องหาพาร์ทเนอร์ที่ดีให้ได้เท่านั้น "

"บริษัท สยามอินเตอร์ เนชั่นแนล " ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไทยหลายแบรนด์ในลาว คือผู้เชี่ยวชาญที่จะสอนพวกเขาเรื่องกฎเกณฑ์ เงื่อนไข และความสลับซับซ้อนของการทำธุรกิจในลาว

พาร์ทเนอร์ที่ดี ก็คือคำตอบที่ทำให้ "วุฒิศักดิ์" ที่เพิ่งเปิดสาขาในเวียงจันทน์ ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีกระแสตอบรับจากแม่หญิงลาวที่เข้ามาใช้บริการล้นหลามเกือบ 200 คนต่อวัน จนผู้บริหารวุฒิศักดิ์บอกเราว่า เล็งจะขยายต่ออีก 2 สาขาภายในเดือนพฤษภาคมนี้ และจะเปิดให้ครบ 5 สาขาภายในปีนี้ให้ได้

คิดเร็ว ทำไว ตามแบบฉบับคนรุ่นใหม่

"หลักการของผม ถ้ามันมีจังหวะ เวลา เราต้องจัดการทันที อย่ามัวแต่รอ ว่าต้องอีก 3 ปี 5 ปี ถึงตอนนั้นคนอื่นก็ทำไปหมดแล้ว"

การรีบขยายสาขาเมื่อเห็นโอกาส ก็เหมือนเกมธุรกิจในไทย ที่วุฒิศักดิ์ มีสาขาอยู่เป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว และมองที่จะขยายในต่างจังหวัดเติมเพิ่มอีก ตามความตั้งใจของเขาคือ อย่างน้อยจังหวัดละแห่ง บนความพร้อมที่พวกเขาพิสูจน์มาแล้วกว่าทศวรรษ

กลายเป็น "สูตรธุรกิจ" ที่สามารถยกโมเดลนี้ไปงอกงาม ณ ที่ใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นในไทยหรือต่างประเทศ

หลายคนอาจเห็นว่าวุฒิศักดิ์ ประสบความสำเร็จ ก็อยากกระโดดเข้ามาธุรกิจนี้บ้าง แต่ "ณกรณ์" บอกไว้ว่า ผู้เล่นที่เข้ามาทีหลัง มีข้อเสียเปรียบแทบทุกประตู ไม่ว่าจะเป็นทีมแพทย์ ที่ต้องค่อยๆ สร้างและพัฒนา คุณภาพยาที่ดีและพิสูจน์ได้ ขณะที่ทำเลสำคัญๆ แบรนด์ใหญ่ก็ยึดหัวหาดไว้หมดแล้ว ยิ่งถ้าไม่มีโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ธุรกิจก็ยิ่งไปไม่รอด

"ผมอยากให้ คุณทำอะไรก็ได้ที่ใจชอบ และทำให้ดีที่สุด อย่าพยายามทำตามคนอื่น ผมเห็นมาเยอะมาก ตั้งแต่ตอนที่ผมยังไม่มีอะไรเลย อย่างคนทำกาแฟสำเร็จ ก็วิ่งมาขายกาแฟกันหมด สุดท้ายก็ไปไม่รอด ที่รอดก็แค่พออยู่ได้

ผมมองว่าเราไม่จำเป็นต้องไปตามใคร ถ้าจะทำต่างก็ต้องหาสิ่งที่เหนือกว่าและจุดต่างให้ได้ อย่างถ้าจะเปิดร้านสุกี้ตอนนี้ก็ต้องคิดแล้วว่าเราจะเหนือกว่าและแตกต่างจากเอ็มเค สุกี้ได้อย่างไร ถ้าหาได้ นั่นแหละคุณจึงจะประสบความสำเร็จ"

ลองให้คะแนนตัวเองนับจากวันเริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ณกรณ์ บอกว่า เขาให้แค่ 7 เต็ม 10 เพราะยังอยากทำงานหนักเหมือนอย่างวันแรกที่เริ่มทำธุรกิจ

"ผมมองว่าเราควรทำงานทุกอย่างให้เหมือนวันแรก เหมือนเราเคยขายของในตลาดนัด วันนี้เรามีเงินขึ้นมา คิดถึงแต่เอ็มโพเรียม จุดนี้แหละที่จะทำให้คนเปลี่ยน และผู้ประกอบการก็จะไปไม่รอด ฉะนั้นเราต้องไม่หลงตัวเอง และต้องเป็นเราคนเดิมให้ได้ อันนี้สำคัญ "

นี่คือคมคิดของคนหนุ่ม ที่เข็นธุรกิจมาถึงวันนี้ ด้วยความอดทน เพียรพยายามและมุ่งมั่น จนก้าวเป็นผู้นำตลาดได้อย่างเต็มภาคภูมิ

Key to success ก้าวแบบ "วุฒิศักดิ์"

๐ กล้าทำ อย่าคิดว่า ทำไม่ได้

๐ เข้าไปนั่งในใจลูกค้า ทำในสิ่งที่เราเองก็อยากได้รับ

๐ ประชาสัมพันธ์ตัวเอง ต้องมั่นใจว่าธุรกิจดีจริง

๐ ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ดี ลูกค้าต้องเห็นผล

๐ แตกต่าง เป็นผู้นำ ไม่ทำตามคนอื่น

๐ เรียนรู้จากหลากธุรกิจ นำจุดดีมาปรับใช้

๐ เป็นคนเดิมให้ได้อย่าหลงตัวเอง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น