วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2561

โลกมายาฮอลลีวู้ด ตอนที่ 6 สิบอันดับผู้กำกับภาพยนตร์แถวหน้าของยุคนี้ (4)


โลกมายาฮอลลีวู้ด  ตอนที่  6  สิบอันดับผู้กำกับภาพยนตร์แถวหน้าของยุคนี้ (4)

1.Steven Spielberg  
2.James Cameron
3.Ridley Scott
4.Christopher Nolan
5.Peter Jackson
6.Michael Bay
7.J J Abrams
8 Anthony & Joe Russo , Zack Snyder, Brian Singer
9.Guillermo del Toro
10.2 พี่น้อง Wachowski คือ Lana & Lilly Wachowski 


4. Christopher Nolan

เกิด 30 Jul 1970  อายุตอนนี้ 48 ปี เป็นชาวอังกฤษ ถือ 2 สัญชาติคืออังกฤษและอเมริกัน เขาเกิดที่เวสต์มินเตอร์ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ อาชีพที่ระบุไว้ของเขาก็คือ ผู้กำกับภาพยนตร์ คนเขียนบท และโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ เขาสมรสกับภรรยาทีชื่อ เอ็มม่า โธมัส มีบุตรด้วยกัน 4 คน มีน้องชายที่เป็นผู้กำกับ/มือเขียนบทชื่อดังเหมือนกับเขาที่ชื่อ โจนาธาน โนแลน เป็น 1 ในผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีรายได้สูงสุดคนหนึ่งของวงการในหน้าประวัติศาสตร์ฮอลลีวู้ด อันเนื่องมาจากเขาถูกยกย่องให้เป็นนักสร้างหนังผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในศตวรรษที่ 21 (อันนี้แล้วแต่ใครจะยอมรับหรือเห็นแย้งก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละบุคคล แต่ในวงการคนทำหนังในฮอลลีวู้ดเขายอมรับกันในวงกว้าง)  เขาจัดเป็นผู้กำกับในดวงใจอันดับ 1 ของผุ้เขียนด้วยร่วมๆ กับ หว่องกาไว โดย Nolan ที่ 1 ฝั่งตะวันตก และหว่องกาไว เป็นที่ 1 ในใจฝั่งตะวันออก อันนี้ไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมายกยอปอปั้นเขาว่าเป็น 1 ในผู้กำกับยอดเยี่ยมในลิสต์นี้ด้วย เพราะต้องตัดเอาความชอบส่วนตัวออกไป แล้วเอาผลงานมาวิเคราะห์วิจารณ์กันแบบตรงไปตรงมาจึงจะสมเหตุสมผลกว่า



จุดเด่นของงานของ Nolan ในสายตาผู้เขียนก็คือ เขามีบางอย่างที่มีวิธีคิดคล้ายงานของ Ridley Scott คือค้นหา ลงลึกในด้านมืดของจิตใจมนุษย์เหมือนๆ กัน แต่ต่างกันตรงวิธีเล่า หรือนำเสนอ งานของ Ridley Scott เลือกที่จะนำเสนอ หรือเล่าแบบปูพื้นความเป็นมา แบบเรียงลำดับไป 1-2-3-4 ให้เข้าใจง่าย แต่งานของอีตา Nolan เลือกที่จะเล่าแบบตามใจฉัน อารมณ์อินดี้ เลือกที่จะยืนก้มหัวลงเล่า หรือนอนตะแคงตัวเล่า และไม่เรียงลำดับ เช่น 3-4-2-1-5  โดยไม่สนว่าคนดูจะรู้เรื่องหรือไม่ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของกู หน้าที่ของกูคือ เล่าในแบบของฉันนี่แหละ แต่บทสรุปสุดท้ายตอนจบ แกจะร้องอ๋อเอง เข้าใจมั๊ย  หรือบางคนดูจนจบกูก็ยังงงอยู่เหมือนเดิม หรืออาจจะงงมากขึ้นไปอีก เลยต้องดูหลายรอบหน่อย (แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี) เชื่อขนมกินได้เลยว่า คนที่ดูงานของ Nolan มาบ้าง หรือผ่านตามาบ้าง จะไม่มีใครดูแล้วเข้าใจในรอบแรกเลยแบบทะลุปรุโปร่ง เพราะมันต้องดูซ้ำเพื่อเก็บรายละเอียดที่เขาซ่อนปม หรือสัญลักษณ์เอาไว้ นี่แหละจุดเด่น ที่หนังของผู้กำกับท่านนี้เป็น โดยที่คนอื่นไม่มี หรือมีไม่เท่า และกลายเป็นเอกลักษณ์หรือเสน่ห์ของเขาไปโดยปริยาย ยังมีผู้กำกับอีกหลายคนที่มีทางคล้ายกับ Nolan ยกตัวอย่างมาซัก 1 คน คือ Quentin Tarantino คนนี้ก็มีลักษณะการเล่าเรื่องที่ไม่เรียงลำดับ 1-2-3-4 แต่ผลลัพธ์บทสรุปตอนจบ คนดูจะเข้าใจโดยง่ายมาก เพราะลีลาของ Tarantino จะคงสไตล์แบบผุ้กำกับรุ่นเก่า คือคงเอกลัษณ์คาวบอยสไตล์ ที่ตอนจบจะรู้ว่าใครคือพระเอก ใครคือผู้ร้ายชัดเจน แม้จะหักมุมพลิกแพลงอย่างไรก็แล้วแต่ แต่งานของ Nolan จะเป็นเทาๆ เพราะตอนจบผู้ร้ายอาจกลายเป็นพระเอก หรือพระเอกกลายเป็นผู้ร้ายก็เป็นได้ และแฝงหลักจิตวิทยาเข้าไปแทรกในตัวบททุกเรื่อง ให้มันยากขึ้นไปอีก ลำพังไม่เรียงลำดับการเล่า คนดูก็ว่างงแล้ว นี่ยังเอาทฤษฏีจิตวิทยาเข้ามาแทรกในบทภาพยนตร์ ให้คนดูงงหนักเข้าไปอีก นี่แหละคือสาเหตุที่งานของ Nolan จะดูยาก แต่ถ้าเราเริ่มคุ้นกับสไตล์ของเขาแล้ว ก็จะพอคลำทาง ดูจนเข้าใจได้ มันเป็นเสน่ห์ที่หาตัวจับยากจริงๆ แบบบอกไม่ถูก
งานของ Nolan จึงไม่ตอบโจทย์กลุ่ม Mass งานในยุคแรกๆ ของเขา แทบไม่มีใครรู้จักหรือยอมรับ และไม่ทำเงิน จนเขาต้องเบนเข็มมากำกับหนังในกลุ่ม Mass บ้าง เพื่อให้กลุ่มนายทุนผู้สร้างพอจะมีกำไร และเก็บกำไรเหล่านั้นเป็นเครดิต เพื่อให้ทุนเขาต่อยอดสร้างงานในฝัน หรืองานที่เขาอยากทำ ซึ่งไม่รับประกันว่าจะทำเงินให้กับสตูดิโอหรือไม่ แต่นับว่าเป็นโชคดีของเขา ที่งานในกลุ่ม Mass ที่เขายอมที่จะมานั่งแท่นกำกับ กลับเป็นงานที่ทำเงินถล่มทลาย จนนายทุนเจ้าของสตูดิโอพึงพอใจ และสร้างเครดิตให้กับเขาอย่างมากมาย



ผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ Nolan แยกตามรายปี ที่ออกฉาย และต้นทุน/รายได้ของหนัง มีดังนี้
1998   Following                ต้นทุนสร้าง 6.0  พันเหรียญ    รายได้ในบ็อกออฟฟิซ  240.4  พันเหรียญ
2000   Memento                ต้นทุนสร้าง 9.0 ล้านเหรียญ    รายได้ในบ็อกออฟฟิซ    39.7 ล้านเหรียญ
2002   Insomnia               ต้นทุนสร้าง 46.0 ล้านเหรียญ    รายได้ในบ็อกออฟฟิซ  113.7 ล้านเหรียญ
2005   Batman Begins     ต้นทุนสร้าง  150.0 ล้านเหรียญ   รายได้ในบ็อกออฟฟิซ  374.2 ล้านเหรียญ
2006   The Prestige        ต้นทุนสร้าง    40.0 ล้านเหรียญ   รายได้ในบ็อกออฟฟิซ  109.7 ล้านเหรียญ
2008 * The Dark Knight  ต้นทุนสร้าง   185.0 ล้านเหรียญ  รายได้ในบ็อกออฟฟิซ 1.005 พันล้านเหรียญ
2010   Inception            ต้นทุนสร้าง  160.0  ล้านเหรียญ  รายได้ในบ็อกออฟฟิซ   828.3 ล้านเหรียญ 
2012 * The Dark Knight Rises  ต้นทุน 250.0 ล้านเหรียญ  รายได้ในบ็อกออฟฟิซ 1.085 พันล้านเหรียญ
2014   Interstella           ต้นทุนสร้าง  165.0 ล้านเหรียญ   รายได้ในบ็อกออฟฟิซ   677.5 ล้านเหรียญ
2017   Dunkirk             ต้นทุนสร้าง   100.0 ล้านเหรียญ   รายได้ในบ็อกออฟฟิซ   527.3 ล้านเหรียญ

จะเห็นว่าหนังทุกเรื่องของ Nolan ทำกำไรให้กับนายทุนผู้สร้างมหาศาล แล้วอย่างนี้ บรรดาสตูดิโอผู้สร้างทั้งหลาย จะไม่รักหรือให้เครดิตเขาได้อย่างไร โดยเฉพาะ ภาพยนตร์เรื่อง *Bat Man ฉบับรีบู๊ตทั้ง 2 ภาคสร้างรายได้กำไรให้กับสตูดิโอ Warner Brother Picture มหาศาล



มีข่าวว่า โปรเจ็คท์หนังเรื่องต่อไปถัดจาก Dunkirk  เขาอาจมานั่งแท่นกำกับหนังแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ 007 James Bond ตอนต่อไป ซึ่งยังไม่มีกำหนดว่าจะออกฉายเมื่อไหร่ และชื่อตอนอะไร  หนังเจมส์บอนด์ จะพลิกโฉมหน้าตาไปขนาดไหน ถ้าหากว่า Nolan คือผุ้ที่จะมากำกับหนังชุดนี้เป็นคนต่อไป



ถามว่าแล้วงานทีวีซี่รีส์ เขาไม่ได้สนใจจะมาชิมลางบ้างเหรอ คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Jonathan Nolan น้องชายของเขาเป็นผู้ดูแลงานทีวีซีรีส์ เพราะเขากับน้องชายลงขันกันตั้งบริษัท syncopy เพื่อผลิตซีรีส์ป้อนให้กับช่อง HBO อยู่ก่อนแล้ว

ในบรรดาหนังของ Nolan มีเรื่องใดได้รับรางวัลจากเวทีต่างๆ บ้าง ดังนี้

แม้ว่าในเวทีใหญ่ๆ อย่าง Academy Award, Golden Globe Award เขาจะยังไม่เคยได้รับรางวัลใดๆ แต่สำหรับเวทีประเภทสถาบันทางภาพยนตร์จำนวนมาก เคยให้รางวัลเขามาแล้วจากผลงานดังนี้
Guild Award ด้านตัดต่อ,กำกับภาพ และผู้กำกับยอดเยี่ยม,Visual Effect Society, รางวัลบทดั้งเดิมยอดเยี่ยมจากเรื่อง Inception จากเวที Writers Guild of America, รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเรื่อง The Dark Knight จากเวที African-American Film Critics Association, ผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเรื่อง Inception จากเวทีเดียวกัน ,รางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเรื่อง Dunkirk จากเวที Atlanta Film Critics Circle ,รางวัลบทภาพยนตร์จากเรื่อง Memento จากเวที Boston Society of Film Critics และเวที Broadcast Film Critics Ascociation , รางวัลภาพยนตร์แอ็คชั่นยอดเยี่ยมจากเรื่อง The Dark Knight และเรื่อง Inception  จากเวทีเดียวกัน , และเรื่อง Inception กวาดทั้งรางวัลบท,ผกก,และภ.ยอดเยี่ยม จากเวที Centrai Ohio Film Critics Association ,ภ.เรื่อง Memento Inception คว้ารางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ,ส่วนเรื่อง Dunkirk คว้ารางวัลผกก.ยอดเยี่ยม จากเวที Chicago Film Critics Association ,Inception,Dunkirk ยังได้รางวัลจากเวที Denver Film Critics Society, ภ.ทั้ง 3 เรื่องนี้คือ Memento Inception และ Dunkirk ยังได้รางวัลจากเวที Florida Film Critics Circle และเวทีอื่นๆ อีกนับสิบเวที จัดเป็น หนัง 3 เรื่องของ Nolan ที่ได้รางวัลมากที่สุดของเขา ส่วน The Dark Knight จะได้รางวัลจากเวทีประเภทเน้นผลสำเร็จด้านรายได้เป็นหลัก เป็นต้น




10 เรื่องที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับ 'คริสโตเฟอร์ โนแลน' ผู้กำกับหนังฝีมือเทพแห่งยุค
 (อ้างอิงข้อมูล จากเว็บไซต Mangozero.com  , บทความของคุณ Sam Ponson)

1. โนแลน รู้จักการถ่ายวิดีโอตั้งแต่ 7 ขวบ

สำหรับคนอื่นตอน 7 ขวบเรากำลังทำอะไรอยู่ไม่แน่ใจแต่สำหรับโนแลน เขาสนใจการทำหนังตั้งแต่ 7 ขวบหลังจากได้กล้องถ่ายวิดีโอแฮนดี้แคมรุ่น ‘Super 8mm’ ของโกดัค ซึ่งเป็นกล้องถ่ายวิดีโอด้วยฟิล์ม ของพ่อเขา และโนแลน เริ่มเอากล้องถ่ายวิดีโอ นั้นมาถ่ายของเล่นเขาซึ่งในจินตนาการของเด็กก็คงกำลังเล่นสนุกโดยทำให้ของเล่นมีชีวิตในจินตนาการของเขานั่นเอง โดยที่พ่อของเขาก็ไม่ได้ห้ามอะไร แต่นั่นถือเป็นการจุดประกายให้โนแลน หลงรักการเล่าเรื่องด้วยภาพเคลื่อนไหว



2. โนแลน ตัดวิดีโอตอน 8 ขวบจากฟุตเทจ Apollo

ตอนที่โนแลนอายุ 8 ขวบ ลุงเขาของซึ่งทำงานอยู่นาซ่า นำฟุตเทจบางส่วนเกี่ยวกับการสร้างจรวดอพอลโล มาให้โนแลน ซึ่งเขานำฟุตเทจนั้นมาตัดอีกทีเพื่อทำเป็นหนังสต็อปโมชั่น เรื่อง Space War เพราะได้แรงบันดาลใจจาก Star Wars  โนแลน บอกว่าตอนนั้นเขาได้ลองตัดหนังของเองครั้งแรก หลังจากนั้นเขาเริ่มมีความฝันลางๆ ว่าอยากจะเป็นอะไรกระทั่งอายุ 11 โนแลนให้สัมภาษณ์ว่าหลังจากนั้นเขาบอกกับตัวเองว่าอยากจะเป็นผู้กำกับ

3. โนแลน เลือกเรียนต่อที่ UCL เพราะมีอุปกรณ์ทำหนังครบ

โนแลน เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ด้านวรรรกรรมอังกฤษ โดยสาเหตุที่เขาเลือกเรียนที่ UCL ก็เพราะว่าที่นี่มีอุปกรณ์ในการทำภาพยนตร์ครบและเพียงพอต่อความสนใจของเขาทั้งห้องตัดต่อ และกล้องถ่ายวิดีโอฟิล์ม 16mm แถมเขายังเป็นประธานชมรมภาพยนตร์ของมหาวิทยาลัยด้วย ระหว่างเรียนเขามีโอกาสทำหนังสั้นสองเรื่องคือ Tarantella (1989) ซึ่งได้ทุนจากค่ายหนังอินดี้ Image Union ส่วนเรื่องที่สองคือ Larceny (1995) ได้ฉายในงาน Cambridge Film Festival และเข้าชิงรางวัลสาขาหนังสั้นยอดเยี่ยมด้วย อีกทั้งระหว่างที่เรียนอยู่นั้นเขาก็ได้พบกับเพื่อนสนิทที่ต่อมากลายเป็นภรรยาและโปรดิวเซอร์ส่วนตัว เอ็มมา โทมัส

4. หนังยาวเรื่องแรกของโนแลน คือ Following 

โนแลน ทำหนังยาวของตัวเองเรื่องแรกโดยชักชวนเพื่อน และคนรู้จักมาช่วยทำหนัง ซึ่งเขาได้ทุนก้อนเล็กๆ สำหรับถ่ายทำภาพยนตร์โปรดัคชั่นเล็กแบบเล็กมากๆ เพราะมีทุนแค่ 1.3 แสนบาท หนังที่เขาทำเกี่ยวกับชีวิตนักเขียนตกงานที่ไปพบเจอคนแปลกหน้า ก่อนจะนำไปสู่เหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งตอนจบนั้นมีการหักมุม และต่อมาแนวทางการทำหนังของโนแลน ก็เริ่มชัดเจนขึ้นทั้งการตัดฉากสลับ และเล่าโดยพูดถึงเหตุการณ์ที่สลับลำดับเวลา แต่มีความเชื่อมโยงถึงกัน หนังเรื่องนี้ได้รับคำชมมหาศาล ก่อนที่ชื่อของโนแลน จะเริ่มเป็นที่สนใจจนได้มากำกับและเขียนบทให้กับหนังสเกลใหญ่กว่าเดิมที่เนื้อเรื่องและการเล่าเรื่องสร้างสรรค์ระดับขีดสุด Memento



5. Memento ของโนแลน ถูกสถาบันทำหนังต่างๆ เอาไปสอนเรื่องการลำดับภาพ
โนแลน ยังคงสร้างความน่าสนใจให้กับวงการภาพยนตร์ได้ต่อเนื่องโดยเฉพาะภาพยนตร์ลำดับที่สองของเขา Memento โนแลน ได้ทุนทำหนังมา 151 ล้านบาท (น้อยมากๆ เมื่อต้องสร้างหนังระดับฉายฮอลลีวูดส์) โดยเขาดัดแปลงมาจากเรื่องสั้น ‘Memento Mori’ (เขียนโดยโจนาธาน โนแลน น้องชายเขา) ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือโนแลน พัฒนาวิธีการเล่าเรื่องแบบไม่ลำดับเวลามาตั้งแต่ใน Following  พอมาเป็น Memento โนแลน เลยเลือกวิธีการเล่าเรื่องแบบท้ายเรื่อง ไปต้นเรื่องซะเลยด้วยภาพสี และเล่าเรื่องแบบปกติด้วยฟิล์มขาวดำคู่ขนานกันไป แล้วค่อยไปรวมเป็นเรื่องเดียวกันต้องท้าย ซึ่งแนวคิดการนำเสนอแบบนี้ถือว่าใหม่มาก และมีความคมกริบมีชั้นเชิง ก่อนที่เวลาต่อมาหนังเรื่องนี้จะกลายเป็นกรณีศึกษาของการลำดับภาพที่สถาบันสอนทำหนังหลายแห่งนำไปเป็นกรณีศึกษา

6. โนแลน ได้รับความไว้ใจจากวอร์เนอร์ฯ ให้ปลุกชีพ Batman 

โนแลน จัดว่าเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ที่ยังไม่เคยทำหนังสเกลใหญ่แบบแอคชั่นถล่มทลายเลย กระทั่งวอร์เนอร์ บราเธอส์ มองหาผู้กำกับสักคนที่จะมาคืนชีพให้แบทแมน หลังจากที่ Batman & Robin ซึ่งฉายในปี 1997 พังไม่เป็นท่า และหวยก็มาออกที่โนแลน ซึ่งโนแลน ก็ได้เขียนบทเอง ร่วมกับ ดาวิด เอส กอยเยอร์แน่นอนว่าโนแลน แบกความกดดันในการทำแบทแมน ฉบับใหม่เพราะหนังสเกลใหญ่มาก  นักแสดงแต่ละคนก็เบอร์ใหญ่ทั้งคริสเตียน เบล, เลียม นีสัน, มอร์แกน ฟรีแมน และแคธี่ โฮล์มส์ แต่กลายเป็นว่าแบทแมน ในการให้กำเนิดของโนแลนด์ นั้นดีอย่างเยี่ยมยอดทั้งการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของหนังที่ไม่ใช่แค่เป็นหนังฮีโร่ ไล่ตีกับเหล่าร้าย แต่เขาทำให้แบทแมน มีความเป็นมนุษย์อย่างทีไ่ม่เคยเหน เนื้อเรื่องมีมิติซ้อนในแบบโนแลน โทนหนังดูมืดมน และน่าตื่นเต้นในทุกภาค จนแบทแมน ทั้งสามภาค กลายเป็นหนังฮีโร่ในความทรงจำของคนที่ชอบแบทแมน



7. วอร์เนอร์ บราเธอส์ ต่อสัญญาโนแลน ตัวเลข 7 หลักเพื่อให้ทำ Inception

หลังแบทแมน จบครบไตรภาค โนแลน กลายเป็นผู้กำกับที่ไม่ต้องพิสูจน์ฝีมืออะไรอีกแล้ว เพราะเขาทำหนังอะไรก็สำเร็จเสียหมดนับตั้งแต่ following จนมาถึง Batman Begin ต้นสังกัดเลยต่อสัญญาเขาด้วยตัวเลขกว่า 7 หลักเพื่อให้เขากำกับ ‘Inception’  ซึ่งก็เป็นอีกหนังระดับมหากาพย์ที่สร้างชื่อให้โนแลนอีกเช่นกัน ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่า ทั้งเนื้อเรื่อง การถ่ายทำ และการนำเสนอนั้นดีแค่ไหน



8. The Dark Knight Rises คือหนังที่โนแลน ใช้ทุนสูงสุด

อาจจะคิดว่า Interstellar คือหนังที่ลงทุนสูงที่สุดของโนแลน แต่จริงๆ แล้ว The Dark Knight Rises ต่างหากที่เป็นหนังลงทุนสูงสุดของโนแลน โดยแบทแมน ภาคสุดท้ายนั้นลงทุนไปถึง  250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 8.4 พันล้านบาท ขณะที่ Interstellar ใช้ทุนสร้างเพียง 165 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 5.5 พันล้านบาท ส่วนหนังที่โนแลน กำกับและใช้ทุนน้อยที่สุดคือ Following ซึ่งใช้ทุนแค่ 6,000 ดอลลาร์ หรือ แสนบาทเท่านั้น  และตั้งแต่ทำหนังมาแล้วเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ หนังของโนแลนไม่เคยเจ๊ง และทำรายได้ดีตลอดมาโดยหนังที่เขาสร้างแล้วทำรายได้ดีที่สุดคือ The Dark Knight Rises โดยกวาดไปทั่วโลก 1.085 พันล้านบาทเหรียญสหรัฐฯ หรือ 3.6 หมื่นล้านบาท จากทุนสร้าง 8.4 พันล้านบาท หรือได้กำไร 4 เท่าจากทุนสร้างนั้นเอง (โห้ววว) ขณะที่หนังเรื่องอื่นๆ ของเขาตั้งแต่ Following ยัน Interstellar ก็ไม่มีเรื่องไหนเจ๊งเลย

9. เบื้องหลังความสำเร็จโนแลน มีน้องชายช่วยเขียนบท 

ในความสำเร็จของโนแลน นั้นมีน้องชาย โจนาธาน โนแลนอยู่เบื้องหลังด้วยในฐานะคนเขียนบทภาพยนตร์ โจนาธาน ช่วยเขาเขียนบทมาหลายเรื่องซึ่งก็ดังทุกเรื่องทั้ง Memento, The Dark Knigt, The Dark Night Rise, The Prestige และ Interstellar ในเวลาต่อมาน้องชายของเขาก็ไปกำกับซีรีส์สุดยอดแห่งยุคสมัยที่จะมาทดแทน Game of Thrones อย่าง ‘Westworld’  ส่วนโนแลน เริ่มเขียนบทโดยที่ไม่มีน้องชายช่วยอย่างเต็มตัวก็คือหนังเรื่องล่าสุด ‘Dunkirk’

10. โนแลน เป็นผู้กำกับที่ได้ค่าจ้างมากที่สุดในโลก

โนแลน เป็นผู้กำกับหนังที่มีค่าตัวมากที่สุดในฮอลลีวูดส์ จนทำให้เขาถึงแท่นเป็นผู้กำกับที่มีค่าตัวมากที่สุดในโลก (แต่ไม่ใช่ผู้กำกับที่รวยที่สุด) เรื่องล่าสุด Dunkirk นั้น Hollywood Reporter รายงานว่า โนแลน ได้ค่าตัวในการกำกับถึง 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 674 ล้านบาท  เป็นรายได้ที่มากที่สุดตั้งแต่เคยมีมา ซึ่งผู้กำกับที่เคยได้ค่ากำกับขนาดนี้ก็มีแค่ปีเตอร์ แจ็คสัน ที่เคยกำกับ ‘King Kong’ เท่านั้น แต่โนแลน ยังได้โบนัส จากยอดฉายอีก 20% ต่างหากอีกด้วย

เว็บไซต์ Variety ได้จัดอันดับหนังของ Nolan ไว้ ว่าเรื่องใดคือที่สุดของเขาบ้าง เราเลือกมาแค่ 10 อันดับแรกล่ะกัน ดังนี้



1.   The Dark Knight (2008)
2.   Memento (2000)
3.   Dunkirk (2017)
4.   The Prestige (2006)
5.   Batman Begins (2005)
6.   Inception (2010)
7.   Insomnia (2002)
8.   The Dark Knight Rises (2012)
9.   Interstella (2014)
10. The Following (1998)





โปรดติดตามรายละเอียดของผู้กำกับท่านอื่นๆ ในตอนถัดไป




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น