วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ความจริงที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการเล่นการพนัน


ความจริงที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการเล่นการพนัน การพนันไม่ทำให้ใครร่ำรวย ยกเว้นเจ้าของบ่อน (บทความนี้ไม่ได้เจตนาส่งเสริมการเล่นพนัน)

บทความนี้เขียนขึ้น เพื่อต้องการจะเตือนให้คุณระแวดระวัง คิดให้ดีก่อน อย่าหวังรวยทางลัด รายละเอียดของบทความนี้ มีดังนี้

ทฤษฏีการพนัน คิดและเขียนขึ้นโดยฝรั่งมังค่า ชนชาติเดียวกับฝรั่งที่คิดค้นทฤษฏีคำนวณ เลข คณิตศาสตร์ สูตรคำนวณ สมการ หรือแม้แต่ทฤษฏีการเงิน การลงทุน ทั้งหลายทั้งปวงบนโลกนี้ ถามว่าคนเหล่านี้เขาฉลาดหรือโง่กว่าคุณหล่ะ เขาคิดมาเป็นร้อยเป็นพันปี คิดมาเป็นหลายตลบแล้ว เพื่อที่จะล้วงเงินในกระเป๋าคุณทั้งหลาย มาเป็นเงินของเขาเอง นัยยะก็คือ มันเป็นทฤษฏีของคนฉลาด และหรือคนรวย ที่ต้องการล้วงเอาเงินในกระเป๋าของคนโง่ทั้งสถานะรวยหรือจน ใครก็ตามที่ตกเป็นเหยื่อ จะต้องสูญเสียเงินให้กับเจ้าของบ่อนอย่างแน่นอน ไม่ว่าเร็วหรือช้า ไม่ว่ามากหรือน้อย จนกว่าคุณจะยอมถอยหรือหยุด (ยอมแพ้) เพราะมันถูกคิดมาอย่างดีแล้ว ให้เจ้าของบ่อนคือผู้ชนะในที่สุด


นาย John Larry Kelly,Jr หมอนี่เป็นยิว สัญชาติอเมริกัน คือคนที่คิดค้นทฤษฏีการพนันโดยเขาคือผู้ที่พัฒนาสูตรการลงทุนและการพนันขึ้น โดยใช้หลักทางสถิติ การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยวิธีการคำนวณแบบลอการิธึ่ม เพื่อหาค่าเฉลี่ย หรือค่ามาตรฐาน มากำหนดเป็นทฤษฏีที่ใช้ในการลงทุนทั่วโลก จนในโลกของนักลงทุน จะมีการเรียกว่า Kelly Formula หรือที่เรียกว่า สูตรการลงทุนของ Kelly เป็นต้น

-ทฤษฏีการพนัน อิงกับกฏ zero sum game หมายความว่า ทุกเกมต้องมีผู้ชนะและผู้แพ้ ไม่มีเท่าทุนหรือเสมอตัว (ไม่ได้หมายถึง การหักลบกลบกันของกระเป๋าเงินคุณ ได้กับเสีย พอๆ กัน ไม่ใช่อย่างนั้น แต่หมายถึงเงินลงขันบนหน้าตักของทุกคน จะไปตกอยู่ที่คนได้(ชนะ) กี่คน เท่าไหร่ก็ตาม จะเท่ากับ เงินที่เสียบนหน้าตักของผู้แพ้ทุกคนรวมกัน
-ทฤษฏีการพนัน อิงกับกฏการยอมเสียส่วนน้อย เพื่อได้กินส่วนที่เหลือทั้งหมด ที่มากกว่า หมายถึง เจ้ามือหรือบ่อน อาจมีเสียในบางเกม บางตาให้กับผู้เล่นบ้าง แต่โดยรวมเขาได้กิน เงินคนส่วนใหญ่ หักลบกลบกันแล้ว เจ้ามือหรือเจ้าของบ่อน คือผู้ได้ (ชนะ) มากที่สุด ไม่งั้นเขาจะเปิดบ่อน หรือยอมเป็นเจ้ามือไปเพื่อ ?

ถามว่า แล้วเราคือใคร เราคือเจ้ามือหรือเจ้าของบ่อนหรือไม่ ถ้าคำตอบคือไม่ คุณก็คือเหยื่อ หรือผู้แพ้ในเกมของผู้ชนะหรือเจ้ามือนั่นแหละ


หลักๆ แล้วทฤษฏีการพนัน คือต้องการล้วงเอาเงินในกระเป๋าของคนรวยเป็นหลัก เช่น บ่อนคาสิโนใหญ่ๆ ในโลก เขาต้องการลูกค้าที่เป็นเศรษฐี กระเป๋าหนัก เวลาได้ก็จะได้ในปริมาณที่เยอะ เขาไม่อยากได้เงินจากคนจน หรือยาจกหรอก ไม่คุ้มค่า (ขี้เกียจมาคอยตามหนี้ เช็คบิลคนเล่นเสีย แต่ไม่มีจ่าย ลามไปถึงเอาชีวิต) แต่กลายเป็นว่าคนรวยมักฉลาด ไม่ตกเป็นเหยื่อของธุรกิจการพนัน กลายเป็นพวกคนจนนี่แหละที่มักตกเป็นเหยื่อของธุรกิจการพนัน เพราะหวังรวยทางลัด แต่เงินในกระเป๋าของคนจนมันน้อย เจ้ามือไม่อยากได้กินแบบเบี้ยหัวแตก จึงต้องหันมาปรับสูตรการพนันที่สามารถกินคนยากคนจนได้ในปริมาณมากๆ หรือกินเงินจากกระเป๋าคนจนตัวเล็กตัวน้อย แต่กินในปริมาณเยอะ จึงคุ้ม จึงเป็นที่มาของธุรกิจการพนันประเภท ล็อตโต้ สลากกินแบ่ง ล็อตเตอรี่ ที่มีอยู่กันเกือบทุกประเทศในโลก ฯลฯ

ยกตัวอย่าง มีการเล่นไพ่ในวงกัน 10 คน เงินลงขันในหน้าตักของทุกคนคือคนละ 50 บาท รวมเงินทั้งวงหรือเกมนั้นคือ 500 บาท เจ้ามืออาจกินรวบทั้งวง ได้เงินไปทั้ง 500 บาท หรือมีเสียให้กับใครบางคนในวงไป 2 คน แต่เจ้ามือได้กินจากอีก 8 คนที่เหลือ เท่ากับว่าอย่างไรเสีย เจ้ามือก็ยังได้ส่วนแบ่งโดยรวมมากที่สุด ถามว่าจะมีโอกาสมั๊ยที่เจ้ามือเสียรอบวง คือเสียให้กับทุกคน รอบวง ตอบว่ามี แต่ความน่าจะเป็นจะน้อย และเจ้ามือหรือเจ้าของบ่อน มีช่องทางหรือเล่ห์เพทุบายหลากหลายที่จะไม่ยอมตกเป็นผู้แพ้หรือถูกกินรอบวงอย่างเด็ดขาด โดยจะตั้งเงื่อนไขอย่างไรก็ได้ ที่ทำให้ตนเองได้เปรียบ เนื่องจากเป็นผู้กำหนดกติกา หรือเป็นผู้กำหนดเกมนั่นเอง

ยกตัวอย่าง การเล่นพนันฟุตบอล สมมติว่ามี 50 คู่ (เอาแค่ผลแพ้ชนะ ยังไม่ลงลึกถึงราคาต่อรอง เจ้ามือจะพยายามหาคนเล่นมาให้มากที่สุด และกำหนดราคาต่อรอง ตลอดจน เงินรางวัลที่จะจ่ายในแต่ละคู่หรือเกมเอาไว้ ตามอัตราที่กำหนดไม่เท่ากัน)

จำนวนคนแทงหรือเล่นนี่แหละที่สำคัญ เพราะเขาไม่สามารถกำหนดผลแพ้ชนะของแต่ละเกมได้ เขาจะใช้วิธีถัวเฉลี่ยจำนวนเงินได้เสียของผลแพ้ชนะแต่ละคู่ คู่ที่เจ้ามือได้กับเสีย หักกลบลบกันแล้ว เขายังมีกำไร หรือมีการคำนวนจำนวนเงินผู้แทงขั้นต่ำหรือจำนวนคนที่เล่นขั้นต่ำ ที่จะไม่ทำให้เขามีผลขาดทุน หากผลแพ้ชนะออกมา เสียจากคนที่แทงถูก vs ได้จากคนที่แทงผิด หักกลบลบกันแล้ว เจ้ามือยังเหลือกำไร ปั๊วหรือเด็กส่งโพย ยังเหลือค่าน้ำ


คิดสะระตะแล้ว เขาคำนวณมาแล้ว ว่าอย่างไรเสีย เจ้ามือไม่มีทางขาดทุน มีแต่กำไร ส่วนเราซึ่งเป็นได้แค่คนแทงหรือเล่น ก็จะเป็นผู้ที่มีโอกาสเสียมากกว่าได้ จากผลหลายๆ คู่ ที่มีทั้งที่แทงผลถูก กับแทงผลผิด สมัยก่อนผู้แทงหรือผู้เล่น สามารถเลือกแทงได้เพียงบางคู่หรือคู่เดียว ผลได้เสียจะเป็น 50/50 แต่ปัจจุบันมิใช่แล้ว ต้องแทงเป็นชุด ซึ่งจะเข้าในสูตรถัวเฉลี่ยของเจ้ามือ ซึ่งโอกาสที่ผู้เล่นจะเล่นเสียมากกว่าได้ ขณะเดียวกัน กลับมีเป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้เล่นหรือผู้แทงเพิ่มขึ้นด้วย นี่ยังไม่นับว่าเอาอัตราต่อรอง/เล่นในเวลา,นอกเวลา มาคิดคำนวณ ความน่าจะเป็นของผลแพ้ชนะ ก็ยังเสียเปรียบเจ้ามืออยู่ดี ดังนั้นการยิ่งเล่นมาก ก็มีความน่าจะเป็นที่จะเสียเงินมากตามไปด้วย ตามสูตรการถัวเฉลี่ยนี้ ซึ่งตรงกันข้ามกับความรู้สึกนึกคิดของผู้เล่น/ผู้แทง ที่คิดว่า ยิ่งแทงมาก เราควรมีโอกาสที่จะได้ หรือผลชนะมากกว่าแพ้ ซึ่งคิดแบบคนโง่ เพราะคุณกำลังเล่นอยู่ในเกมของผู้ชนะ ซึ่งเขาวางหมากที่จะมากินเงินคุณ ดักหน้าดักหลังไว้หมดแล้ว ดังนั้นอย่าไปตาโตกับเงินรางวัล หรืออัตราต่อรองที่เขาตั้งให้คุณ รู้สึกว่ามันหอมหวานเหลือเกิน ฉันน่าจะเป็นผู้โชคดีได้เงินก้อนนั้น เข้าหลักสินค้าทำโปรโมต เขาก็ต้องเอาด้านดี สิ่งดีๆ ที่สุด มาโปรโมตเพื่อจูงใจคุณ ให้อยากเป็นลูกค้าเขาแน่นอน



ยกตัวอย่างของ สลากกินแบ่งรัฐบาล ก็เป็นรูปแบบการพนันชนิดหนึ่ง เพียงแต่ถูกกฏหมาย เพราะเจ้ามือ กลายเป็นกองสลาก ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐเอง ถามว่าสลากกินแบ่ง คนถูกหวยกับเสียหวย ปริมาณของคนได้ กับคนเสีย มันมากน้อย แตกต่างกันอย่างไร บอกเลย คนได้ทำหยิบมือ คนเสียเกือบทั้งประเทศ หรือเปรียบเป็นเปอร์เซ็นต์ ก็คือคนได้มีเพียง 1% แต่คนเล่นเสีย 99% ของคนเล่นทั้งหมด แล้วเวลาออกข่าวโปรโมต จะเห็นว่า เขาจะเสนอข่าวแต่คนได้รางวัลใหญ่ๆ 30 ล้าน ได้หวยชุด 5-6 ล้าน เพื่อกระตุ้นให้คนตาโต อยากได้รางวัลใหญ่ๆ บ้าง แต่ในความเป็นจริง คนเสียเงินค่าหวยงวดๆ หนึ่งเป็นหลักล้าน หลักแสน ที่มีจำนวนมากกว่า รวมๆ กันมากกว่ารางวัลที่เขาตั้งไว้ ในแต่ละงวด เคยมีข่าวไปสัมภาษณ์ หรือแพมออกมาบ้างเปล่า แทบไม่มี การไม่มีเสนอข่าวคนเสียหวย ไม่ได้แสดงว่า งวดๆ หนึ่ง ไม่มีคนเสียหวยในปริมาณที่มากๆ นะ เพียงแต่เรามักเห็นข่าวแต่คนที่ถูกหวย หรือได้เงินรางวัล นี่ก็เป็นวิธีการทำโปรโมตสินค้าอีกรูปแบบหนึ่ง ทำแบบเนียนๆ ถ้าไม่มีข่าวคนถูกหวยเลยในแต่ละงวด เชื่อขนมกินได้เลยว่า งวดถัดไป สลากจะขายหมดมั๊ย ปริมาณคนเล่นหวยก็จะลดลง เพราะธุรกิจการพนันมันเล่นกับกิเลสมนุษย์ หรือก็คือกระตุ้นที่ความโลภของคนนั่นเอง

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เรายังจะยอมตกเป็นเหยื่อของพวกเจ้ามือ อยู่อีกเหรอ เพราะมีงานวิจัยตั้งมากมายก็บ่งบอกแล้วว่า เหยื่อของการพนันมักเป็นคนจน คนรายได้น้อย ที่หวังรวยทางลัด แต่สุดท้ายต้องตกเป็นเหยื่อของความโลภนั้น โดยคนที่ฉลาดกว่า คิดอุบายหลอกเอาเงินในกระเป๋าของคุณ ไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะยอมหยุด หรือเลิกมันได้ นั่นแหละ แล้วเรายังจะยอมตกเป็นเหยื่อของคนฉลาดอยู่ทำไม ?


บทความโดย เพจหยิกแกมหยอก

บทความที่เกี่ยวข้อง  

ว่าด้วยทฤษฎีการพนัน (ตอนที่ 1):เข้าคาสิโน-เล่นม้า-แทงหวย-ซื้อลอตเตอรี่-ซื้อประกัน เล่นการพนันอย่างไหนโง่กว่ากัน  

https://thaipublica.org/2017/04/banyong-pongpanich-81/

ว่าด้วยการพนัน…(ตอนที่ 2) เล่นหวย – ซื้อลอตเตอรี่ – ซื้อประกัน การพนันอย่างไหนผู้เล่นเสียเปรียบมากกว่ากัน

https://thaipublica.org/2017/04/banyong-pongpanich-82/


ว่าด้วยการพนัน….ตอนที่ 3 ประกันภัย ประกันชีวิต เป็นการพนันไหม? …เจ้ามือ (บริษัทประกัน) เอาเปรียบมากไหม?

https://thaipublica.org/2017/04/banyong-pongpanich-83/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น