วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

โลก 360 องศา - (สะพานทางด่วนที่อินเดียพังถล่มทับคนตาย,น้ำทะเลสูงขึ้น 2 ม.สาเหตุน้ำแข็งขั้วโลกละลาย,เบลเยี่ยมส่งตัวผู้ร้ายวางแผนวินาศกรรมส่งคืนฝรั่งเศส,ถิ่นจอเป็นผู้นำสูงสุดพม่าคนแรกที่มาจากพลเรือน)



เอเอฟพี - ทีมกู้ภัยหลายร้อยคนในอินเดียยังเดินหน้าให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ติดอยู่ใต้ซากหักพังแม้เข้าสู่ช่วงค่ำ ตามหลังเกิดเหตุทางยกระดับพังถล่มลงมาใส่ถนนพลุกพล่านสายหนึ่งที่อยู่เบื้องล่างในวันพฤหัสบดี(31มี.ค.) ด้วยยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็นอย่างน้อย 20 ศพและบาดเจ็บเกือบ 100 คน เผยทางยกระดับแห่งนี้ก่อสร้างมานานกว่า 7 ปีแต่ยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งที่มีระยะทางแค่ 2 กิโลเมตร สะพานแห่งนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างในตอนที่ท่อนหนึ่งของมัน ซึ่งมีความยาวราวๆ 100 เมตรเกิดพังครืนลงสู่ท้องถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนในเมืองโกลกาตา ทางตะวันออกของอินเดีย ณ เวลาประมาณเที่ยงวัน ฝังคนเดินถนน รถยนต์และยานพาหนะอื่นๆที่สัญจรผ่านไปมา ให้ติดอยู่ใต้ซากเหล็กและแผ่นคอนกรีตขนาดใหญ่  "จนถึงตอนนี้ยืนยันมีผู้เสียชีวิต 20 คน แต่ยอดที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้เนื่องจากมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก" จาเวด อาห์เมด คาน รัฐมนตรีบริหารจัดการภัยพิบัติของรัฐเบงกอลตะวันตกบอกกับเอเอฟพี ส่วนอานิล ชีคาวัต โฆษกของกองกำลังตอบสนองภัยพิบัติแห่งชาติ ระบุว่าตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่ 92 โดยส่วนมากมีอาการแตกหักต่างๆนานาและอยู่ในภาวะวิกฤต พร้อมคาดหมายเช่นกันว่ายอดผู้เสียชีวิตจะสูงกว่านี้ ขณะที่ยังไม่ทราบจำนวนของผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากหักพัง ทีมกู้ภัยที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษ พร้อมกับอุปกรณ์ตัดคอนกรีตและเหล็ก เครื่องเจาะ เซ็นเซอร์ค้นหาสิ่งมีชีวิตและสุนัขดมกลิ้น ถูกส่งมายังจุดเกิดเหตุ ด้วยโฆษกของสำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติบอกกับเอเอฟพีว่าคณะกู้ภัยหลายร้อยคนจะทำงานตลอดทั้งคืนเพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ติดอยู่ใต้ซากคอนกรีต "เจ้าหน้าที่จากสำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติ 300 คน ทหาร ตำรวจและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอินเดียอีก 300 คน กำลังให้ความช่วยเหลือ" อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจำนวนมากของพวกที่เข้ามามีส่วนร่วมในความพยายามกู้ภัยดูเหมือนจะเป็นชาวบ้านทั่วไป ที่พบเห็นคนเหล่านี้พยายามช่วยกันดึงแผนคอนกรีตออกด้วยมือเปล่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ประสบปัญหาในการทำเครนและเครื่องมือขนาดใหญ่อื่นๆฝ่าถนนแคบๆของย่านบูราบาซาร์ ท่ามกลางญาติๆที่เฝ้ารอฟังข่าวเกี่ยวกับบุคคลอันเป็นที่รักด้วยความสิ้นหวัง พบเห็นเครนกำลังยกรถยนต์คนหนึ่งที่อยู่ในสภาพพังบู้บี้ออกจากซากปูน และยังเห็นส่วนหนึ่งของรถบัสที่ถูกทับโผล่ออกมาจากคอนกรีต แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าตอนที่เกิดเหตุ มันบรรทุกผู้โดยสารมาด้วยหรือไม่ หนึ่งในคนงานก่อสร้างที่ได้รับบาดเจ็บให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีจากจุดเกิดเหตุว่า เขากำลังทำงานอยู่ด้านบนก่อนที่มันพังถล่มลงมาและพบเห็นสลักหลายตัวกระเด็นออกจากคานเหล็ก "เรากำลังเชื่อมคานเหล็ก 2 อันสำหรับเสาค้ำ แต่คานไม่สามารถรับน้ำหนักของปูนซีเมนต์ได้" เขากล่าวก่อนถูกพาตัวไปโรงพยาบาล "พอสลักกระเด็นออกมา ทางยกระดับก็พังครืน" งานก่อสร้างทางยกระดับความยาว 2 กิโลเมตรเริ่มขึ้นในปี 2009 และคาดหมายว่าจะแล้วเสร็จภายในเวลา 18 เดือน ทว่ามันต้องประสบปัญหาหยุดนิ่งหลายต่อหลายรอบ IVRCL บริษัทก่อสร้างสัญชาติอินเดีย ที่ได้รับสัญญาในการก่อสร้างทางยกระดับแห่งนี้ มีเส้นตายที่ต้องดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือน ภายใต้งบประมาณเกือบ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่หลังจากผ่านไป 7 ปี ปรากฎว่างานมีความคืบหน้าแค่ 55 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ในปี 2014 ทางบริษัทเคยเขียนหนังสือถึงหน่วยงานพัฒนาของเมือง โดยแจ้งว่าพวกเขาไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะดำเนินโครงการให้เสร็จสมบูรณ์  ทั้งนี้นายเค.พี.เรา ตัวแทนของบริษัท IVRCL ระบุว่าโศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็น "เหตุสุดวิสัย"  โศกนาฏกรรมคราวนี้ถือเป็นอุบัติเหตุเกี่ยวกับก่อการสร้างหนล่าสุดจากหลายต่อหลายครั้งที่เกิดขึ้นในอินเดีย ประเทศที่การบังคับใช้กฎระเบียบด้านความปลอดภัยอ่อนแอและบ่อยครั้งใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน
       
เอเจนซีส์ / MGR online – ผลการศึกษาล่าสุดซึ่งมีการตีพิมพ์เผยแพร่โดยวารสาร “Nature” เกี่ยวกับทวีปแอนตาร์กติกาหรือขั้วโลกใต้ระบุ การละลายของน้ำแข็งในทวีปนี้ อาจส่งผลให้ระดับน้ำทะเลโลกเพิ่มสูงขึ้นอีก 2 เมตรภายในปี ค.ศ. 2100 หรือภายในช่วงสิ้นศตวรรษนี้ ผลการศึกษาซึ่งจัดทำขึ้น โดยทีมนักวิจัยภายใต้การนำของ เดวิด พอลลาร์ด แห่งมหาวิทยาลัยเพนน์สเตท และร็อบ เดคอนโต ระบุว่า อัตราการละลายของนำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกา อาจอยู่ในระดับที่เลวร้ายกว่าที่คณะทำงานระหว่างรัฐบาลว่าด้วยปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่มีองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เป็นผู้สนับสนุน เคยคาดการณ์ไว้ ผลการศึกษาล่าสุดระบุว่า หากระดับของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนยังคงดำเนินอยู่ในระดับปัจจุบันต่อไป การละลายของน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกาอาจเพิ่มปริมาณมากขึ้น จนทำให้ระดับน้ำทะเลโลกสูงขึ้นถึง 2 เมตรภายในปี ค.ศ.2100 ซึ่งจะก่อให้เกิดหายนะใหญ่หลวงสำหรับเมืองที่ตั้งอยู่ติดชายฝั่งทะเลทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงฮ่องกง นิวยอร์ก และซิดนีย์ ตลอดจน ดินแดนที่เป็นเกาะแก่งต่างๆในมหาสมุทร  อย่างไรก็ดี ทีมวิจัยย้ำว่า โลกของเรายังคงมีโอกาสหลีกเลี่ยงหายนะเลวร้ายนี้ได้ หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งยกระดับการต่อสู้กับปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และภาวะโลกร้อนอย่างจริงจังกว่าที่เป็นอยู่ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการตีพิมพ์ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ระบุอัตราการเพิ่มสูงขึ้นของระดับน้ำทะเลโลกกำลังอยู่ในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่การก่อตั้งกรุงโรมเมื่อ 2,800 ปีก่อน จากผลพวงของการใช้พลังงานฟอสซิล โดยเฉพาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ที่มีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้นต่อเนื่อง เมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา ผู้นำทั่วโลกสามารถบรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ที่กรุงปารีสของฝรั่งเศส ในการลดระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยในที่ประชุมสมัชชารัฐภาคีฯ ครั้งที่ 21 (COP21) ณ กรุงปารีส ได้ให้การ รับรองต่อความตกลงปารีส (Paris Agreement) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม เพื่อนำไปเป็นระเบียบใช้บังคับกับทุกรัฐสมาชิก นับจากปี ค.ศ. 2020 เป็นต้นไป โดยความตกลงปารีสนี้ มีเป้าหมายหลัก เพื่อควบคุมระดับของการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยให้น้อยกว่า 2 องศาเซลเซียส เหนือระดับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม และจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยให้อยู่ที่ 1.5 องศาเซลเซียส
       


เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่เบลเยียมในวันพฤหัสบดี(31มี.ค.) ตัดสินใจส่งนายซาลาห์ อับเดลสลาม ผู้ต้องสงสัยคนสำคัญของเหตุวินาศกรรมกรุงปารีสไปยังฝรั่งเศส เพื่อดำเนินคดีเกี่ยวเหตุโจมตีนองเลือดเข่นฆ่าชีวิตผู้คน 130 ศพเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน อับเดสลาม ผู้ต้องสงสัยหนึ่งเดียวในเหตุก่อการร้ายโจมตีปารีส ที่มีชีวิตรอด ถูกรวบตัวได้ในกรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม หลังหลบหนีมานานกว่า 4 เดือน ,4 วันหลังการจับกุมตัวเขา เมืองหลวงของเบลเยียมถูกมือระเบิดฆ่าตัวตายของพวกรัฐอิสลาม(ไอเอส) โจมตีพร้อมเพรียงกันถล่มสนามบินและสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในบรัสเซลส์ ซึ่งมือระเบิดฆ่าตัวตายเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับนายอับเดสลามและเครือข่ายโจมตีปารีส ก่อนหน้านี้ทนายความของนายอับเดลสลาม เผยว่าลูกความวัย 26ปีของเขาเห็นพ้องกับการโอนย้ายตัวไปยังฝรั่งเศสภายใต้หมายจับสหภาพยุโรป ซึ่งเปิดทางสำหรับการส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างรวดเร็ว "นายอับเดสลาม อยากให้รู้ว่าเขาต้องการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศส นี่คือคำพูดที่เขาอยากบอกให้รู้" การจับกุมนายอับเดสลาม ถูกมองว่าเป็นความสำเร็จของความพยายามต่อต้านก่อการร้ายของเบลเยียมที่ไม่พบเห็นบ่อยนัก ทว่าเขาปฏิเสธให้ข้อมูลใดๆมาตั้งแต่เหตุระเบิดในบรัสเซลส์  "ในขณะที่นายซาลาห์ อับเดสลาม แจ้งความจำนงยินยอมถูกโอนย้ายไปยังฝรั่งเศส ซึ่งผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางได้รับทราบคำยืนยันของเขาแล้วในวันนี้ การโอนย้ายจึงมีความเป็นไปได้" สำนักงานอัยการระบุในถ้อยแถลง "นับจากนี้เจ้าหน้าที่เบลเยียมและฝรั่งเศสจะพิจารณาร่วมกันเกี่ยวกับแนวทางดำเนินการเพิ่มเติมในการโอนย้ายผู้ต้องสงสัย ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศสแถลงตามหลังการจับกุมตัวนายอับเดสลามไม่นาน ว่าเขาต้องการให้นำผู้ต้องสงสัยรายนี้กลับมายังฝรั่งเศสเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเผชิญกระบวนการยุติธรรมต่อเหตุโจมตี  เชื่อกันว่านายอับเดสลาม ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ประสานงานด้านส่งกำลังบำรุงสำหรับเหตุสังหารหมู่ปารีส และเขาเผยกับคณะสืบสวนด้วยว่าตนเองมีความตั้งใจจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีที่สนามสต๊าด เดดอ ฟรองซ์ แต่เปลี่ยนใจเสียก่อน อับเดสลาม พลเมืองฝรั่งเศสที่เกิดในเบลเยียม วัย 26 ปี ปฏิเสธตอบคำถามมาตั้งแต่วันที่เขาถูกจับกุม โดยก่อนหน้านี้เขาถูกสอบปากคำเกี่ยวกับเหตุโจมตีกรุงปารีสเพียวๆ 3 ชั่วโมง ไม่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของแผนโจมตีก่อการร้ายในอนาคต ผู้ต้องสงสัยรายนี้ มีความเกี่่ยวข้องกับมือระเบิดโจมตีบรัสเซลส์อย่างน้อยๆ 2 คน คือนายคาลิด เอล บากราวี ซึ่งระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน และนายนาจิม ลาชราวี หนึ่งในมือระเบิดโจมตีสนามบิน  ทั้งนี้พบลายนิ้วมือของนายอับเดสลามในห้องเช่าในกรุงบรัสเซลส์ของนายบากราวี ส่วนความเกี่ยวข้องกับนายลาชราวีนั้น พบว่าครั้งหนึ่งพวกเขาเคยขับรถไปยังฮังการีด้วยกัน เบลเยียมยังคงไล่ล่าผู้ต้องสงสัยมือโจมตีรายที่ 3 เป็นชายสวมหมวกที่ถูกกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ขณะอยู่กับ 2 มือระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีสนามบิน

เอเอฟพี - หนุ่มฝรั่งเศสวัย 34 ปี ซึ่งถูกตำรวจรวบตัวได้ใกล้ๆ กรุงปารีสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังเกิดเหตุบึ้มสนามบินและรถไฟใต้ดินในกรุงบรัสเซลส์ ถูกตั้งข้อหาวางแผนก่อวินาศกรรมวานนี้ (30 มี.ค.) โดยเจ้าหน้าที่พบหลักฐานทั้งอาวุธและวัตถุระเบิดซุกซ่อนอยู่ภายในบ้านของเขา พนักงานสอบสวนฝรั่งเศสพยายามสืบหาเบาะแสเพื่อทลายเครือข่ายนักรบญิฮัดที่เชื่อมโยงกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งได้อ้างความรับผิดชอบทั้งเหตุโจมตีกรุงปารีสเมื่อเดือน พ.ย. รวมถึงเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่สนามบินและรถไฟใต้ดินบรัสเซลส์เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไปถึง 32 คน  เรดา คริเกต์ (Reda Kriket) วัย 34 ปีซึ่งเป็นพลเมืองฝรั่งเศส ถูกจับกุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างที่ตำรวจเข้าจู่โจมอพาร์ตเมนต์ชานกรุงปารีสซึ่งเขาพักอยู่ โดยภายในห้องของเขามีทั้งปืนไรเฟิล ปืนพก รวมถึง ไตรอะซีโตน ไตรเพอร์ออกไซด์หรือ TATP ซึ่งเป็นวัตถุระเบิดที่ไวต่อความร้อนและการสั่นสะเทือน และเป็นอาวุธแบบโฮมเมดที่นักรบไอเอสนิยมใช้ ฟรองซัวส์ โมแลงส์ อัยการกรุงปารีส แถลงเมื่อวันพุธ (30) ว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบเป้าหมายที่ชัดเจนของแผนโจมตีในครั้งนี้ แต่อาวุธจำนวนมากที่ถูกซุกซ่อนไว้ในบ้านของคริเกต์ บ่งชี้ชัดเจนว่าตำรวจสามารถป้องกันเหตุวินาศกรรมร้ายแรงเอาไว้ได้ การจับกุมผู้ต้องสงสัยรายนี้มีขึ้นหลังจากที่เมืองหลวงฝรั่งเศสเพิ่งจะเผชิญกับเหตุวินาศกรรมครั้งเลวร้ายที่สุด ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนไปมากถึง 130 รายเมื่อ 4 เดือนก่อน อัยการระบุว่า คริเกต์ได้ใช้บัตรประชาชนปลอมเช่าอพาร์ตเมนต์ในย่านอาร์ฌองเตย์ (Argenteuil) เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว  ผู้ต้องสงสัยชาวฝรั่งเศสอีกรายที่คาดว่ามีส่วนพัวพันกับแผนก่อการร้ายครั้งล่าสุดนี้ คือ อนีส บาห์รี วัย 32 ปี ซึ่งถูกรวบตัวได้ที่เมืองท่าร็อตเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (27) และพยายามต่อสู้คัดค้านการถูกส่งตัวไปยังฝรั่งเศส ทางการฝรั่งเศสเชื่อว่า คริเกต์ และ บาห์รี เคนเดินทางไปซีเรียเมื่อช่วงปลายปี 2014 ถึงต้นปี 2015 จากนั้นก็ได้เดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างฝรั่งเศส เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ สำหรับผู้ต้องสงสัยอีก 2 คน คือ อับเดราห์มาน อาเมรูด (Abderrahmane Ameroud) วัย 38 ปี และ ราบาห์ เอ็ม. วัย 34 ปี ซึ่งถูกจับกุมได้ที่เบลเยียม จะถูกทางการควบคุมตัวเอาไว้อีก 1 สัปดาห์ อัยการเบลเยียมแถลง เมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว คริเกต์เคยถูกศาลเบลเยียมพิพากษาลับหลังจำเลยให้ต้องโทษจำคุก 10 ปี ฐานเป็นเครือข่ายจัดหาแนวร่วมให้พวกนักรบญิฮัด ผู้ที่เคยเดินทางไปสู้รบในซีเรียผ่านการชักจูงของเครือข่ายนักรบกลุ่มนี้ยังรวมถึง อับเดลฮามิด อาบาอูด ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผู้บงการเหตุวินาศกรรมปารีสเมื่อเดือน พ.ย. รวมถึง ชากิบ อักรูห์ ซึ่งกดระเบิดฆ่าตัวตายเมื่อตำรวจฝรั่งเศสบุกจู่โจมแฟลตในย่านแซงต์-เดอนีส์  จากการสอบสวนพบว่าคริเกต์มีบทบาทสำคัญในการจัดหาเงินทุนมาอุดหนุนเครือข่ายนักรบญิฮัด ทั้งโดยการปล้นชิงและขายทรัพย์สินที่ขโมยมา
 
เอเอฟพี - พรรคของอองซานซูจี จะยื่นเสนอต่อรัฐสภาในวันนี้ (31) ที่จะตั้งตำแหน่งที่ปรึกษาแห่งรัฐให้แก่ซูจี ตามการเปิดเผยของสมาชิกสภานิติบัญญัติ ตำแหน่งที่จะทำให้ซูจีมีอำนาจในการประสานงานระหว่างประธานาธิบดี และรัฐสภา  พม่ากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่หลังอยู่ภายใต้การปกครองของทหารนานเกือบครึ่งศตวรรษ ที่เต็มไปด้วยความหวังว่า ฝ่ายบริหารของซูจี จะสามารถฟื้นการเมือง และเศรษฐกิจของประเทศ แต่ซูจีไม่สามารถทำหน้าที่เป็นประธานาธิบดีได้ตามรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นโดยทหาร แม้ว่าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ของซูจี จะชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเมื่อเดือน พ.ย.ก็ตาม ร่างข้อเสนอที่อ้างถึงชื่อซูจี ระบุจะมอบความรับผิดชอบต่อรัฐสภาเกี่ยวกับการให้คำปรึกษา และมีอำนาจในการจัดการพบหารือใดๆ ก็ตามที่เห็นว่ามีความจำเป็น และงบประมาณตำแหน่งที่สะท้อนบทบาทของนายกรัฐมนตรีในระบบการเมืองอื่นๆ ที่จะมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งนาน 5 ปี เช่นเดียวกับประธานาธิบดี และยังทำให้ซูจี เข้าถึงสภานิติบัญญัติ หลังซูจี ถูกบังคับให้สละที่นั่งในสภาเพื่อเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี โดยร่างกฎหมายนี้จะยื่นเสนอต่อสภาสูงในวันพฤหัสบดี (31) “ร่างข้อเสนอดังกล่าวจะนำขึ้นอภิปราย และรับรองในอีกไม่กี่วันสมาชิกรัฐสภารายหนึ่ง กล่าว  อองซานซูจี ได้ให้คำมั่นว่า จะบริหารประเทศอยู่เหนือประธานาธิบดีถิ่น จอ ผู้ที่ซูจี ให้ความไว้วางใจที่เพิ่งเข้าสาบานตนรับตำแหน่งเมื่อวันพุธ (30) และซูจี ยังมีตำแหน่งรัฐมนตรีใน 4 กระทรวง คือ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพลังงาน และสำนักงานประธานาธิบดีในการเลือกตั้งเดือน พ.ย. ที่เป็นการเลือกตั้งที่เสรีที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ทำให้พรรคของซูจีครองที่นั่งในสภามากถึง 80% และมีอำนาจในการจัดตั้งรัฐบาล สมาชิกสภานิติบัญญัติหน้าใหม่มาจากหลากหลายภูมิหลัง ตั้งแต่นายแพทย์ ไปจนถึงนักกวี แต่คนเหล่านี้มีประสบการณ์ในการเป็นรัฐบาลไม่มาก และต้องการการชี้แนะจากซูจี พวกเขาได้รับมอบหมายให้ฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ และสังคมที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดจากการปกครองของทหารตั้งแต่ปี 2505 และเริ่มปฏิรูปในปี 2554 ภายใต้รัฐบาลกึ่งพลเรือนของเต็งเส่ง ขณะที่กองทัพยังคงกุมอำนาจทางการเมืองไว้อย่างเหนียวแน่น ด้วยการครองที่นั่ง 1 ใน 4 ของสภา และตำแหน่งรัฐมนตรีใน 3 กระทรวงสำคัญของประเทศ. 


เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ผู้ช่วยใกล้ชิดของอองซานซูจี เข้ากล่าวสาบานตนในฐานะประธานาธิบดีของพม่า และเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องต่อทหารในรอบมากกว่าครึ่งศตวรรษ ในวันนี้ (30) บทบาทที่จะได้เห็นเขาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้นำเรียกร้องประชาธิปไตย และแบกความหวังของชาติที่เพิ่งหลุดพ้นจากการปกครองของทหาร  ถิ่น จอ เพื่อนสนิทและผู้ที่นางอองซานซูจี ไว้วางใจ ได้เข้าครองอำนาจต่อจากเต็งเส่ง อดีตนายพล ที่ดำเนินการปฏิรูปประเทศนับตั้งแต่ปี 2554 การมอบอำนาจที่อาคารรัฐสภาในกรุงเนปีดอ เป็นสัญลักษณ์ของขั้นตอนสุดท้ายของการเปลี่ยนผ่านอำนาจที่กินเวลายาวนานนับตั้งแต่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของซูจี กวาดชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย.  พรรค NLD ครองเสียงข้างมากด้วยได้ที่นั่งในสภาถึง 80% และมีสิทธิในการปกครอง หลังอยู่ภายใต้การครอบครองของกองทัพมานาน ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพ และซูจี จะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของการแยกตัวออกจากการปกครองของทหารนับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจในปี 2505 ในพิธี ถิ่น จอ และรองประธานาธิบดีใหม่ 2 คน ได้ถือรัฐธรรมนูญไว้ในมือ และกล่าวสาบานตนพร้อมกันตามประธานรัฐสภา มาน วิน คาย ตาน (Mahn Win Khaing Than) ว่าจะจงรักภักดีต่อสหภาพพม่า และจะไม่แบ่งแยกความเป็นสหภาพ ความสามัคคีของชาติ และการธํารงรักษาไว้ซึ่งอํานาจอธิปไตยเป็นสิ่งสำคัญ  ถิ่นจอ ยังได้กล่าวให้คำมั่นว่า จะซื่อสัตย์ต่อประชาชนของสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า  ผมจะพิทักษ์รักษา และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย จะปฏิบัติหน้าที่ที่รับผิดชอบให้สำเร็จลุล่วงอย่างเที่ยงธรรม และสุดความสามารถถิ่น จอ อายุ 69 ปี เพื่อนร่วมชั้นเรียนของอองซานซูจี กล่าว  และในการกล่าวสุนทรพจน์สั้นๆ ต่อรัฐสภา หลังพิธีกล่าวสาบานตน ถิ่น จอ ยังย้ำจุดยืนของซูจีต่อความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญฉบับปี 2551 ที่ปกป้องอำนาจของกองทัพในการเมืองของประเทศ ที่ทำให้สมาชิก NLD บางส่วนมีน้ำตาคลอ  รัฐบาลใหม่ของเราจะดำเนินการสร้างความปรองดองในชาติ ความสงบสุขในประเทศ การเกิดขึ้นของรัฐธรรมนูญที่จะปูทางไปสู่สหภาพประชาธิปไตย และปรับปรุงมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชน เรามีหน้าที่ที่จะต้องทำงานเพื่อการเกิดขึ้นของรัฐธรรมนูญที่เหมาะสมต่อประเทศของเรา และสอดคล้องต่อมาตรฐานทางประชาธิปไตยถิ่น จอ กล่าว หลังจากนั้น คณะรัฐมนตรีได้กล่าวสาบานตนตามประธานรัฐสภา ที่รวมทั้งรัฐมนตรีจากเขตชาติพันธุ์ และซูจี ที่อยู่ในชุดสีฟ้าซึ่งครองตำแหน่งรัฐมนตรีหลายกระทรวง รวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมทั้งทหารในชุดเครื่องแบบอีก 3 นาย ซึ่งเป็นสัดส่วนที่กองทัพครอบครองอยู่ภายในรัฐบาลชุดใหม่ พล.อ.อาวุโส มิน ออง หล่าย ได้เข้าร่วมในพิธีเช่นกัน รวมทั้งนักการทูต และผู้แทนหน่วยงานนอกภาครัฐอีกหลายร้อยคน และจะมีการจัดงานที่ทำเนียบประธานาธิบดี และงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสนี้  สมาชิกสภาของพรรค NLD หลายคนรู้สึกตื้นตันต่อสิ่งที่เกิดขึ้น  ผมนอนไม่หลับทั้งคืน สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีถิ่น จอ เป็นสิ่งที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อนในประเทศนี้ เขาให้คำมั่นว่า เขาจะทำงานเพื่อชาติด้วยความเคารพต่ออองซานซูจีหัวหน้าพรรคของเรา มันเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ และสิ่งนี้ได้เกิดขึ้นได้เพราะทุกคนร่วมกันผลักดันไปข้างหน้าสมาชิกสภาพรรค NLD กล่าวหลังพิธี

(เครดิตอ้างอิง คัดลอกจากคอลัมน์ข่างต่างประเทศ, MGR online)    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น