วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เมื่อหนังไทยปรับโหมดเข้าสู่ยุคหนังจิ้นวาย(ป่วง)ครองเมือง (เต็มตา ถึงใจ ถึงอารมณ์)

จากข่าวคราวที่อุตสาหกรรมหนังไทยในช่วง ปี 2 ปีมานี้อยู่ในภาวะซบเซาสุดขีด มีภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายตามโรงภาพยนตร์ในปี 2557 69 เรื่อง แต่มีเพียง 15 เรื่องที่ทำรายได้เกิน 10 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีเพียง 5 เรื่องที่ทำรายได้เกิน 50 ล้านบาท (ไอฟาย...แท้งค์กิ้วเลิฟยู,ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ยุทธหัตถี,คิดถึงวิทยา,ฝากไว้...ในกายเธอ,ไทม์ไลน์ จดหมายความทรงจำ) ส่วนปี 2556 มีหนัง 9 จาก 40 กว่าเรื่องเท่านั้นที่ทำรายได้เกิน 30 ล้านบาท (ข้อมูลจากสตาร์พิคส์สเปเชียลเยียร์บุ้ค)



 
มาถึงสถานการณ์ในปีนี้ 2558 (ช่วงครึ่งปีแรก มกรา-มิถุนา 2558) หนังไทยออกฉายโรงกว่า 20 กว่าเรื่อง แต่ทำรายได้รวมกันไม่ถึง 70 ล้านบาท (ข้อมูลจากเว็บผู้จัดการออนไลน์)..... (ไม่นับเรื่องไอฟายแท็งค์กิ้ว...ที่คาบเกี่ยวรายได้มาถึงต้นปีเพราะออกฉายปลายปี 2557) คิดถึงเพลงสาละวันเตี้ยลงเลย (ไม่ได้ล้อเลียนนะครับ) รู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์และภาพรวมของอุตสาหกรรมหนังไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะใน พ.ศ.นี้ หนังไทยเราพัฒนามาไกลมากแล้ว ไม่คิดว่าจะถอยหลังกลับไปสู่ยุคตกต่ำได้อีก จะอ้างเรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวก็ไม่น่าจะใช่ เพราะธุรกิจวงการเพลง กับทีวีดิจิตอลก็อยู่ในข่ายนี้ แต่ก็ยังเติบโตได้ แต่ประเด็นของบทความนี้คงไม่มานั่งตั้งคำถามถึงปัญหาหรือสาเหตุว่าเพราะเหตุใดผลลัพธ์ทางรายได้ของหนังไทยจึงทรุดฮวบลง คงมีหลายปัจจัยประกอบกัน (เศรษฐกิจรายได้ของคนไทยลดลง,ราคาค่าตั๋วหนังแพงขึ้น,ตัวเลือกของหนังจากต่างประเทศ,บท ประเด็นเนื้อหา โปรดักชั่น จุดขายของหนังไทยเริ่มถึงทางตัน,ความหลากหลายของแนวหนังไทย) แต่พอทางผู้กำกับ หรือผู้สร้างภาพยนตร์เริ่มคลำทางและเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ (หรือเปล่า?) กับหนังไทยแนวใหม่ (จริงๆ ก็ไม่ใหม่แล้ว แต่มีการเป่ลี่ยนมุมมองในการนำเสนอใหม่) จึงหันเห เทหน้าตักมาแนวนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน (เอาอีกแล้ว เหมือนเมื่อก่อนที่บ้านเราเคยแข่งกันทำแต่หนังวัยรุ่น กระโปรงบานขาสั้น, หนังผี ,หนังตลกคาเฟ่ ,หนังกระเทยเป็นตัวเอก) แต่ไม่ว่ามันจะกลายเป็นกระแสเพียงช่วงสั้นๆ หรือยืนระยะได้ยาวเป็นแนวหนังหลัก ทางเลือกใหม่ อยางไรก็ตาม ก็ขอให้มันช่วยมาฉุดหนังไทยให้กระเตื้องขึ้นหรือโผล่พ้นปากเหวในช่วงนี้ได้ก่อน ก่อนที่มันจะซึมยาวแล้วกลับไปสู่ยุคมืดในอดีตที่หนังไทย ไม่มีคนสนใจดู หรือเป็นหนังทางเลือกเฉพาะกลุ่มไป ยิ่งในภาวะที่การแข่งขันของอุตสาหกรรมหนังฮอลลีวู้ดก้าวไกลและพัฒนาถึงขีดสุด หนังเอเซียกลับมาบูมมากขึ้นอีก (จีน,อินเดีย,เกาหลี) จริงๆ ก่อนหน้านี้เมื่อซัก 2-3 ปีก่อนหน้านั้น หนังไทยโกอินเตอร์เป็นว่าเล่น และมีการคาดคะเนกันว่าอุตสาหกรรมหนังไทยจะครองความเป็นหนึ่งในอาเซี่ยนหรือ AEC แต่ช่วงหลังปีสองปีมานี้ อุตสาหกรรมหนังฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโด มาเลย์ เขาก็พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก ประเทศไทยจะย่ำอยู่กับที่ก็คงจะไม่ได้ แม้ว่าโมเมนตัมจะมุ่งมาสู่ไทยที่จะกลายเป็นศูนย์กลางของ AEC แต่ก็เป็นดาบสองคม หากว่าประเทศอื่นทำดีกว่า เขาก็มีสิทธิ์ที่จะมาเจาะตลาดบ้านเราได้อย่างสบายเช่นกัน   

ไม่รู้ว่าหนังวาย มันเป็นกระแสมาตั้งแต่เมื่อไร แต่ดูเหมือนว่าในช่วง ปี สองปีมานี้ มาแรงมาก นับจากหนังแนวเกย์กระเทยของพจน์อานนท์ ในตระกูล ปล้นนะยะ เพื่อนกูรักมึงหว่ะ หอแต๋วแตก แต๋วเตะตีนระเบิด,สตรีเหล็กตบโลกแตก ,วัยเป้งนักเลงขาสั้น ,ชุด ม.6/5 ถึงเรื่องล่าสุด เลิฟเฮี้ยวเฟี้ยวต๊อด ,หนังของผู้กำกับ กอล์ฟ ธัญญ์วาริน อย่างหนังต้องห้ามฉาย Insects in the Backyard,It Gets Better ไม่ได้ขอให้มารัก,เลิฟสุดจิ้นฟินสุโค่ย,ร.ด.เขาชนผีที่เขาชนไก่,คืนนั้น Red Wine in the Dark Night ยังมีหนังสั้นอีก..ฯลฯ  หนังในกลุ่มหนังเกย์ของจีทีเอช ตั้งแต่ สตรีเหล็ก แก๊งค์ชะนีกับอีแอบ ตั๊ดสู้ฟุด ,หนังเกย์ของค่ายสหมงคลฟิล์ม คู่แรด,โกยเถอะเกย์,รักแห่งสยาม, หนังหญิงรักหญิงชื่อดังอย่าง yes or no ,หมวยจิ้นดิ้นก้องโลก,คืนไร้เงา,She เรื่องรักระหว่างเธอ,เด็กสาว,TomGay มึนรักสลับขั้ว,Love Among us (1448 รักเราของใคร) หนังเกย์ในกลุ่มที่เลียบๆ เคียงๆ ที่ไม่ได้บอกตรงๆ ว่าเป็น เช่น รักฝังเขี้ยว,หล่อลากไส้ ฯลฯ หนังของมะเดี่ยว ชูพงศ์ นอกจากรักแห่งสยาม หนังสั้นๆ 1 ใน 3 พาร์ทในเรื่อง Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ หรือหนังในกลุ่มของเจ้ย อภิชาตพงศ์ เช่น สัตว์ประหลาด,หัวใจทระนง  หนังเกย์ที่บอกโจ้งๆ เลยก็มี อาทิ สีลมซอย 2,เกย์เว้ยเฮ้ย,เซ็งเป็ด,ไทม์ไลน์ เพราะรักไม่สิ้นสุด,Love's Coming ใช่รักหรือเปล่า,Vergin Am I รักแรกกระแทกจิ้น หนังเกย์ที่มาในรูปของหนังอินดี้ ขายพล็อต หรือเป็นหนังที่มีทางของหนังที่เป็นหนังอิสระ มีความเป็นหนังดราม่า โรแมนติก อาทิ  พี่ชาย My bromance, Teacher and Student ครูและนักเรียน,สัญญาแห่งคิมหันต์ Summer to Winter และพอมาปีนี้ หนังแนวจิ้นวาย มาเป็นล็อตใหญ่และออกฉายใกล้ๆ กัน อาทิ  My Hero (หนังไทยที่เขาว่ากันว่าดีที่สุดในปีนี้), คืนนั้น Red Wine in the Dark Night, อนธการ The Blue Hour ,love love you อยากบอกให้รู้ว่ารัก เป็นต้น
ลิ้งค์อ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับรายได้ของหนังไทยตรงนี้
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9580000068266 

http://news.thaipbs.or.th/content/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%96%E0%B8%94%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2

http://pantip.com/topic/33870720

อีกทางออกหนึ่งของหนังไทย สร้างหนังแนวเฉพาะกลุ่มแบบลงลึกทั้งประเด็นเนื้อหาและโปรดักชั่นดี การแสดงถึง

My Hero  ผลงานการกำกับของ Josh Kim
 
หนังบอกเล่าผ่านสายตาของโอ๊ต (โทนี่ รากแก่น) ที่ย้อนนึกถึงตอนวัยเด็ก (อิงครัต ดำรงค์ศักดิ์กุล) ที่อยู่กันลำพังกับพี่ชายชื่อเอก (ถิร ชุติกุล) ในช่วงที่เอกต้องเข้ารับการคัดเลือกเป็นทหารซึ่งจะทำให้ต้องห่างจากโอ๊ตถึง 2 ปี โอ๊ตพยายามหาทางที่จะช่วยไม่ให้เอกไปเป็นทหาร แต่กลับกลายเป็นนำพาไปสู่เหตุการณ์ร้ายที่ยากจะคาดเดาซึ่งได้สอนให้โอ๊ตได้เข้าใจโลกมากขึ้น  หนังได้รับแรงบันดาลใจจากเรื­องสั้น At the Café Lovely และ Draft Day จากหนังสือรวมเรื่องสั้น Sightseeing ของนักเขียน เชื้อชาติไทย-อเมริกัน รัฐวุฒิ ลาภเจริญทรัพย์ ภายใต้การกำกับของผู้กำกับชาวเกาหลี จอช คิม  ความเห็นจากผู้ชมและสื่อโดยรวมแทบจะเห็นพ้องกันเลยครับว่านี่น่าจะเป็นหนังไทยที่ดีที่สุดของครึ่งปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ชอบที่หนังวิพากษ์วิจารณ์สังคมไทยได้อย่างแสบสันต์ การทีบทหนังที่คมคาย ความสัมพันธ์ที่ซาบซึ้งของพี่น้อง และการแสดงอันยอดเยี่ยมของนักแสดงนำที่น่าจะได้เข้าชิงรางวัลในปีหน้าแน่ๆ ครับ ที่สำคัญก็คือถึงแม้จะมีตัวละครอย่างเอกที่เป็นเกย์ แต่หนังแทบไม่ได้แตะประเด็นเพศสภาพเลย ทำให้ตัวละครเกย์ในเรื่องเป็นเหมือนคนปกติทั่วไปแบบที่ยังไม่ค่อยได้เห็นในหนังไทย

อนธการ The Blue Hour จากหนึ่งในซีรี่ย์ชุดเพื่อนเฮี้ยนโรงเรียนหลอน ตอนคืนสีน้ำเงิน สู่การนำไปขยายความต่อยอดเป็นภาพยนตร์ โดยผู้กำกับ อนุชา บุญวรรธนะ ได้นักแสดงนำจากซีรี่ย์ชุดเดียวกันอย่างโอบ นิธิ,กัน อรรถพันธ์  ได้ไปฉายโชว์ในเทศกาลหนังเบอร์ลิน สาย panorama เห็นว่ากระแสดีใช้ได้   เรื่องย่อ คืนสีน้ำเงิน ในซีรี่ย์ชุดเพื่อนเฮี้ยนโรงเรียนหลอน คือชีวิตวัยรุ่นของ ตั้ม เต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียนหรือที่บ้าน ความสุขเดียวของตั้มกําลังจะเกิดขึ้นวันนี้ เพราะตั้มจะได้เจอกับ ภูมิ เพื่อนทางอินเทอร์เน็ต ทั้งสองคนนัดเจอกันที่สระว่ายน้ําร้างหลัง­โรงเรียน ที่สระร้างภูมิเล่าให้ตั้มฟังถึงเรื่องผีบังตาที่ทําให้มีคนจมน้ําตายทุกปี ทั้งภูมิและตั้มไม่เคยคิดว่าเรื่องผีที่เล่ากันในวันนี้จะอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด...­..

 
คืนนั้น Red Wine in the Dark Night  หนังของผู้กำกับ กอล์ฟ ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฏ์

เรื่องย่อ คืนนั้น Red wine in the dark Night คืนหนึ่ง "ไวน์" (ฟลุค) หนุ่มน้อยน่าใส เขาได้พบกับ ชายหนุ่มหล่อลึกลับคนหนึ่งซึ่งความจำเสื่อม ไวน์จึงพาเขากลับมาที่ที่พัก ชายลึกลับคนนี้มีดวงตาสีแดงก่ำ ไวน์หาอาหารให้เขากิน แต่เขาก็อ้วกออกจนหมด เขาเริ่มหมดแรง กำลังจะสิ้นลมหายใจ แต่เมื่อไวน์จะวิ่งไปขอความช่วยเหลือจนหกล้มลง เลือดออก กลิ่นเลือดทำให้ชายคนนั้นตื่นขึ้นมาและคลานมาดูดกินเลือดที่แผลของไวน์ ไวน์และชายคนนั้นจึงเริ่มรู้ว่า เขาไม่ได้กินอาหารเหมือนคนปกติ เขากินเลือดเป็นอาหาร!!! ไวน์สงสารเขาจึงให้กินเลือดตัวเองเพื่อเก็บเขาเอาไว้ และตั้งชื่อให้เขาว่า "ไนท์" (แมค) ในขณะเดียวกันนั้นไวน์ก็กำลังมีปัญหากับ "ตี๋" (วิน) หนุ่มคนรักที่กำลังจะเลิกกับไวน์เพราะ กัน (โดม) ระเบิด (แบงค์) ไม้ (มายด์) เพื่อนสนิทของตี๋ที่กดดันให้เขายอมรับว่าเป็นเกย์แต่เขาไม่ยอมรับ ส่วน "พี่บอย" (อาร์)หนุ่มนักธุรกิจที่รักไวน์มานานและมีบุญคุณกับไวน์มากก็เร่งเร้าให้ไวน์ตัดสินใจรับรักเขาเสียที ไวน์ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี ทั้งกับ ตี๋ คนที่ไวน์เคยรัก พี่บอยคนที่ไวน์ไม่เคยรัก และ ไนท์ คนที่ไวน์กำลังตกหลุมรัก ความรักของไวน์ครั้งนี้จึงเดิมพันด้วยเลือดและน้ำตา

 
 
ตัวอย่าง love love you อยากบอกให้รู้ว่ารัก
 
 
ยังมีหนังไทยที่สร้างโดยอิงฐานกลุ่มเป้าหมายภูมิภาคแบบป่าล้อมเมืองอย่าง ผู้บ่าวไทบ้าน ที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้อย่างคาดไม่ถึง หนังไทยที่มีพล็อตประเด็นหนักๆ สร้างอิงจากเรื่องจริง อย่าง ละติจูดที่ 6 ,หนังรักที่มีประเด็นอื่นสอดแทรก อาทิ เพื่อนขีดเส้นใต้  หรือหนังแนวอัตชีวประวัติบุคคลสำคัญอย่าง ฟ.ฮีแลร์ แต่ดูเหมือนไม่เป็นกระแส แต่หากว่าดีจริง ก็น่าจะยังได้รับการสนับสนุนจากผู้สร้างใหญ่ๆ หรือสปอนเซอร์ แต่หากไม่มีจุดขายใดที่เด่นชัดหรือพล็อต ประเด็นเนื้อหาที่น่าสนใจ อาจจะไม่ประสบความสำเร็จเหมือนอย่าง เรื่อง ศรีธนญชัย... 555 ,เลิฟสุดจิ้น ฟินสุโค่ย,หมวยจิ้นดิ้นก้องโลก,ฉลุยแตะขอบฟ้า เป็นต้น
นี่เป็นตัวอย่างของการหาทางออกให้กับหนังไทยรูปแบบหนึ่ง ไม่ได้บอกหรือสรุปว่านี่เป็นแนวทางที่มาถูกทางแล้วหรือไม่ หรือสร้างเพื่อเอาใจกลุ่มเป้าหมายหรือผู้ผลิตแต่อย่างใด มันจะเป็นเพียงกระแสที่พาไป วันหนึ่งก็เหมือนลมที่พัดผ่าน หรืออาจกลายเป็นกระแสหลัก เป็นทางเลือกที่มีผู้ชมกลุ่มใหญ่รอการสนับสนุนอยู่ก็เป็นได้ แต่อย่างน้อย ก็เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นของบท การตีความ การชี้ประเด็น โปรดักชั่น และการแสดงที่ดีของนักแสดงวัยุร่นหน้าใหม่ ที่หลายคนฉายแววรุ่งในอนาคต และก็น่าจะพัฒนาต่อยอดไปเล่นหนังแนวอื่นได้อีกมาก ในยุคที่ผู้สร้างไม่ค่อยกล้าเสี่ยงที่จะสร้างหนังแนวใหม่ๆ ที่ฉีกตลาดไปมาก หรือไม่กล้าสร้างหนังโปรเจ็คท์ใหญ่ หรือทุ่มทุนมหาศาลด้านโปรดักชั่น เพราะเสี่ยงจะแป้กหรือขาดทุนได้มากทีเดียวในยุคนี้ หากว่าไม่ทำการศึกษาแนวทางตลาดหรือทำการบ้านกับบทหรือประเด็นให้คมชัด ดูตัวอย่างหนังของท่านมุ้ย ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ที่ ภาคท้ายๆ (ยุทธหัตถี,อวสานหงสา) ก็ไม่ค่อยทำเงินแล้ว (เมื่อเทียบกับภาค 1,2) หรือหนังของคุณชายอดัม เรื่องล่าสุด (ผีห่าอโยธยา) ก็แป้กไม่เป็นท่า แม้จะมีพล็อตที่ใหม่ โปรดักชั่นดีแล้วก็ตาม   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น