วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อากับหลานคุยกัน ตอนที่ 3 (ดาราคือวาระแห่งชาติ,ทีวีดิจิตอลรายการเหมือนกันไปหมด,บ้านเมืองมีแต่ปัญหา,เด็กไทยเก่งหรือเกรียน,นายกเป็นกบแบบไหน)


อากับหลานคุยกัน  ตอนที่ 3 

(เรื่องของดาราเป็นวาระแห่งชาติ,ทีวีดิจิตอลรายการเหมือนกันไปหมด,บ้านเมืองมีแต่ปัญหา,เด็กไทยเก่งหรือเกรียน,นายกเป็นกบแบบไหน)

หลาน : ทำไมดาราสมัยนี้ถึงได้เป็นข่าวออกทีวีบ่อยจัง แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ผมไม่เห็นอยากจะรู้เลยว่าเขามีแฟนชื่ออะไร ไปรักกันตอนไหน แล้วเลิกกันเพราะอะไร ทำไมต้องมาบอกให้เรารู้ด้วยครับ

อา : นั่นหน่ะซิ อาก็ไม่เห็นอยากจะรู้เลย แต่นักข่าวก็พยายามจะไปขุดคุ้ยเอามาออกให้เราทราบจนได้ ถ้าเป็นสำนักข่าวบันเทิงก็คงจะไม่แปลก แต่นี่เดี๋ยวนี้แม้กระทั่งสำนักข่าวการบ้านการเมืองและสำนักข่าวสายเศรษฐกิจก็เล่นประเด็นข่าวดารากับเขาเหมือนกัน เพื่อเรียกเรตติ้งว่างั้น อ้างว่าชาวบ้านเขาอยากรุ้ เดี๋ยวนี้เรื่องของดารากลายเป็นวาระแห่งชาติไปแล้วหลานเอ้ย

หลาน :  สมัยคุณอามีเรื่องข่าวดารารักๆ เลิกๆ แบบนี้บ้างมั๊ยอ่ะครับ ที่มาออกข่าวได้ทุกวันเลย

อา : ก็มีนะ แต่ก็จะอยู่ในหมวดข่าวบันเทิง และก็รู้หรือติดตามกันแต่ในแวดวงคนทีชอบเสพข่าวบันเทิง หรือคอลัมน์ซุบซิบกอสซิบเท่านั้น อาจเป็นเพราะยุคสมัยนี้มันมีโซเชียลเน็ตเวิร์คด้วยมั้ง พอมีข่าวใครเป็นประเด็นก็เลยถูกแชร์ ถูกส่งแชร์กันไป จนกลายเป็นกระแสไปทั่ว นักข่าวก็อาศัยไปเจาะข่าวดาราจากกระแสจากโซเชียลมีเดียอีกทีนั่นแหละ

หลาน :  คุณอาครับ ทำไมทีวีดิจิตอลบ้านเรามีตั้ง 24 ช่อง แต่ทำไมทุกช่องเสนอรายการบันเทิงเหมือนกันไปหมดครับ มีข่าวเหมือนกัน มีละครเหมือนกัน มีเกมส์โชว์ ประกวดร้องเพลง ชกมวย ซีรี่ย์เกาหลี ซีรี่ย์อเมริกา การ์ตูน รายการอาหารเข้าครัว เหมือนกันไปหมดเลยครับ แล้วบางทีฉายชนกันด้วย เวลาเดียวกันอีกนะครับ แล้วอย่างนี้ ผมจะดูช่องไหนดีหล่ะครับคุณอา

อา : นั่นหน่ะสิ อาก็ไม่รุ้ เปลี่ยนไปตรงไหน เจอรายการดี หากถูกใจ ก็หยุดดูที่ช่องนั้นแหละ เลือกไม่ถูกเหมือนกัน นี่เป็นผลของการแข่งขัน ประชาชนก็เลยโชคดีที่มีช่องให้ดูเพิ่ม แต่ในความโชคดีนั้น ก็มีความโชคร้ายอยู่ด้วยก็คือ ทุกช่องก็แข่งกันทำรายการเนื้อหาที่คล้ายคลึงกัน เหตุเพราะว่า ถ้าช่องใดมีเรตติ้งสูงในช่วงเวลาใด เป็นรายการประเภทใด ช่องอื่นๆ ก็แห่ทำตามกันเป็นสูตรสำเร็จเหมือนๆ กัน นี่แหละที่ทำให้ สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีความหลากหลายของรายการทีวีให้เราเลือกดูมากนัก เพราะผู้ผลิตจำนวนมากเลือกที่จะทำรายการเหมือนกับช่องคู่แข่ง เพราะอิงกระแสเรตติ้งจากช่องหลัก แต่ก็มีอยู่บ้างที่เป็นช่องทางเลือก เลือกที่จะทำรายการที่แตกต่างออกไป แต่สุดท้ายหากไม่มีคนดู หรือคนดูน้อย เขาก็อยู่ไม่ได้ จึงหันมาทำรายการเหมือนคนอื่นบ้าง มันจึงวนกลับมาเป็นวงจรอุบาทว์อยู่อย่างนี้ไง วงการทีวีไทย

หลาน :  คุณอาครับ เห็นช่วงนี้ บ้านเมืองของเรามีแต่ปัญหา มีเต่เรื่องเสียหาย ถูกต่างชาติอย่างอเมริกาและยุโรปกดดัน ไหนจะเศรษฐกิจไม่ดีอีก นี่มันยุคตกต่ำของประเทศไทยหรือครับ

อา :   เฮ้อ....ถ้าพูดถึงปัญหานะ ประเทศไหนๆ ก็มีปัญหากันทั้งนั้นแหละ มีมากบ้างน้อยบ้าง และก็ขึ้นอยู่กับผู้บริหารประเทศจะเข้าใจปัญหาและดำเนินการแก้ไขอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพหรือไม่ก็แค่นั้นแหละ อย่างเรื่องปัญหา ภัยแล้ง น้ำท่วม พืชผลการเกษตรไม่ดี อันนี้ก็เห็นกันมาทุกปี ต้นตอของปัญหาเป็นอย่างไร คิดว่าถามเด็กๆ อย่างพวกหลานๆ ก็ยังตอบได้เลย แต่ที่มันยังมีปัญหาให้ตามแก้อยู่ทุกปี พูดถึงอยู่ทุกปี ก็เพราะผู้บริหารประเทศมีวิสัยทัศน์ที่จะมองปัญหาอย่างเข้าใจ และดำเนินการแก้ไขอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเกิดประสิทธิภาพแค่ไหน ในแต่ละยุคสมัย ถ้าเราได้รัฐบาลที่เก่ง และทำงานเป็นปัญหาที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของเราก็จะทุเลาเบาบางลง แต่คงต้องเผชิญไปแบบนี้แหละ ไม่มีทางที่แก้แล้วจะหายขาดกันไป ส่วนปัญหาประเภทที่เกิดจากเชื้อราหมักหมม หมกเม็ด ซ่อนขยะไว้ใต้พรม อย่างเรื่องมาตรฐานการบินของไทย , ปัญหาการค้ามนุษย์ , ปัญหาการทำประมงที่ไม่ถูกต้องตามหลักสากล , ปัญหาการปฏิบัติต่อชาวต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาประเทศไทยหรือผู้อพยพที่ต้องการเดินทางไปประเทศที่ 3 ,ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ,ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ , ปัญหาคดีอาชญากรรมที่เกิดกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ,ปัญหากระบวนการยุติธรรมที่ไม่โปร่งใสและล่าช้า ,ปัญหาการตีกันของเด็กอาชีวะ , ปัญหาการขับรถมอเตอร์ไซด์แข่งกัน (เด็กแว้น) ในทางสาธารณะรบกวนผู้อื่น, ปัญหาการเปิดแหล่งอบายมุขใกล้สถานศึกษาหรือวัด ,ปัญหาบ่อน หวย สถานบันเทิงผิดกฎหมาย ,ปัญหาคอร์รัปชั่น รับส่วยของเจ้าหน้าที่ของรัฐ  ฯลฯ เหล่านี้ มีมานานและปัญหาบางอย่างคั่งค้างถูกสะสมมานาน พอวันหนึ่งปะทุขึ้นมาที ก็กลายเป็นไฟไหม้ฟาง ตามแก้ กวาดล้างกันที เพราะไม่ได้แก้กันที่รากฐานของปัญหาหรือต้นตอให้เสร็จเด็ดขาดหรือแก้แบบถาวร มันจึงวนกลับมาหลอกหลอนสังคมไทย และต้องคอยให้ผู้บริหารประเทศต้องคอยตามแก้อยู่ร่ำไป ไม่จบสิ้น จนกว่าเขาจะเกิดการตรัสรู้ได้ว่าต้องสังคายนาหรือปฏิรูปยกเครื่องการแก้ปัญหาเหล่านั้นอย่างจริงจังนั่นแหละ

หลาน :  คุณอาครับ เด็กไทยเราเก่งนะครับ ไม่แพ้ชาติใดในโลก หากเอาจริงกับเรื่องใดแล้ว เราก็จะทำได้ ดูอย่างเด็กไทยส่งไปแข่งโอลิมปิกคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ชีววิทยา เคมี หรือว่าวิชาการใดๆ แม้กระทั่งแข่งกีต้าร์ วงโยธวาทิต เชียร์ลีดเดอร์  เราก็ยังชนะเลิศได้โลห์ได้เหรียญทองกลับมาทุกครั้ง แล้วเหตุไฉน การศึกษาไทยถึงยังติดที่โหล่ในอาเซี่ยนทุกที จากการสำรวจขีดความสามารถทางการศึกษา พบเด็กไทยล้าหลังสุดใน AEC แล้วเราจะไปแข่งกับใครได้หล่ะครับ

อา :  ประเทศเรามีเด็กเก่ง แต่ก็มีเด็กเกรียนอยู่ด้วย ดูอย่างนาซ่าเขาจัดการถ่ายทอดสดการสำรวจดาวพลูโตทางออนไลน์ เด็กเกรียนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ ไปป่วนเขาจนเขาต้องบล็อกไอพีที่มาจากประเทศไทยทั้งหมด ดูสิ อันนี้เป็นหนึ่งในผลงานด้วยหรือเปล่า แต่หลักๆ เลยก็คือ ประเทศไทยมาตรฐานการศึกษาโดยเฉลี่ยหรือโดยรวมมันอ่อนด้อยทุกด้านจริงๆ คล้ายๆ มาตรฐานความจนความรวยของคนไทยที่ว่า รวยกระจุก จนกระจาย อันนี้ก็เหมือนกัน เก่งกระจุก เกรียนกระจาย เป็นประเทศเดียวที่เด็กต้องเรียนหนังสือในระบบ แล้วยังต้องออกไปเรียนกวดวิชานอกห้องเรียนอีก ทั้งๆ ที่เป็นครูคนเดียวกัน เรียนในระบบเอาวิชาการไปตามมีตามเกิด ตามยถากรรม ฉลาดมากก็เอาไปประยุกต์ต่อยอดเอาเอง แต่ฉลาดน้อยก็ต้องไปเสียเงินเรียนกับครูคนเดียวกันที่โรงเรียนกวดวิชาเพิ่ม มาตรฐานการศึกษาของเด็กไทยจึงขึ้นอยู่กับฐานะการเงินของผู้ปกครองด้วยว่ามีมากหรือน้อย

หลาน :  คุณอาครับ เหตุใดนายกรัฐมนตรีของไทยจะต้องออกทีวีทุกวันศุกร์ พูดเรื่องที่ท่านทำงานให้คนไทยฟัง โดยที่ผลงานที่ประจักษ์สายตาประชาชนกับจำนวนความถี่ ปริมาณน้ำลาย หรือสิ่งที่ท่านพูดจึงไม่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันครับ แล้วโดยส่วนใหญ่ เพื่อนผมที่โรงเรียนกับคุณครูหรือญาติพี่น้องของเรา ก็ไม่เห็นมีใครนิยมดู นิยมฟังท่านเลย อ่ะครับ  สงสารท่านนะครับ ทำงานเหนื่อยหนัก พูดมากขนาดนั้น เพื่อจะบอกเล่าให้คนไทยฟังว่าท่านทำอะไรให้กับคนไทยบ้าง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ฟังท่านเท่าไหร่ เห็นโพลล์สำรวจความนิยมของท่านในช่วงหลัง ก็คะแนนความนิยมลดลงแล้วนี่ครับ

อา :  ใครบอกหล่ะ ว่าประชาชนไม่ฟังท่าน อย่าเอาความคิดของเราเพียงคนเดียวไปตัดสินท่านสิ คนไทยส่วนใหญ่ทั้งประเทศฟังท่าน และให้โอกาสท่าน ท่านถึงเป็นนายกรัฐมนตรีมาได้ตั้ง 1 ขวบปีแล้ว แต่ท่านต่างหากที่ไม่ฟังคนไทย ท่านฟังประชาชนบ้างหรือเปล่า อย่างกรณี การต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน การขอให้รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานขะลอการตัดสินใจหรือหยุดให้สัมปทานพลังงานรอบที่ 21 ที่ทำให้รัฐเสียผลประโยชน์ ไม่คุ้มค่า ไม่เป็นธรรม โดยภาคประชาชนออกมาเคลื่อนไหว ชี้แนะ ท้วงติง แต่ท่านนายกรัฐมนตรีก็ยังคงยืนกรานที่จะเดินหน้าต่อ ใครกันแน่ที่ไม่ฟังเสียงผู้อื่น

หลาน :   งั้นคุณอาว่า ท่านนายกรัฐมนตรี เปรียบไปแล้ว ท่านอยู่ในข่ายไหนอ่ะครับ เป็นคำถามทายเล่นนะครับ อะไรเอ่ย ท่านนายก เปรียบเหมือน กบตัวไหนครับ  ข้อ ก.  กบเลือกนาย  ข้อ ข. กบในกะลา  ข้อ ค. กบในหม้อต้มน้ำ 

อา :  มีข้อ  ง. มั๊ย 

หลาน :  มีครับ ข้อ ง.  ถูกทุกข้อครับ

อา :  อาเลือก ข้อ ง. ละกัน

 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น