อากับหลานคุยกัน ตอนที่ 3
(เรื่องของดาราเป็นวาระแห่งชาติ,ทีวีดิจิตอลรายการเหมือนกันไปหมด,บ้านเมืองมีแต่ปัญหา,เด็กไทยเก่งหรือเกรียน,นายกเป็นกบแบบไหน)
หลาน
: ทำไมดาราสมัยนี้ถึงได้เป็นข่าวออกทีวีบ่อยจัง
แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ผมไม่เห็นอยากจะรู้เลยว่าเขามีแฟนชื่ออะไร
ไปรักกันตอนไหน แล้วเลิกกันเพราะอะไร ทำไมต้องมาบอกให้เรารู้ด้วยครับ
อา : นั่นหน่ะซิ
อาก็ไม่เห็นอยากจะรู้เลย แต่นักข่าวก็พยายามจะไปขุดคุ้ยเอามาออกให้เราทราบจนได้
ถ้าเป็นสำนักข่าวบันเทิงก็คงจะไม่แปลก
แต่นี่เดี๋ยวนี้แม้กระทั่งสำนักข่าวการบ้านการเมืองและสำนักข่าวสายเศรษฐกิจก็เล่นประเด็นข่าวดารากับเขาเหมือนกัน
เพื่อเรียกเรตติ้งว่างั้น อ้างว่าชาวบ้านเขาอยากรุ้
เดี๋ยวนี้เรื่องของดารากลายเป็นวาระแห่งชาติไปแล้วหลานเอ้ย
หลาน : สมัยคุณอามีเรื่องข่าวดารารักๆ
เลิกๆ แบบนี้บ้างมั๊ยอ่ะครับ ที่มาออกข่าวได้ทุกวันเลย
อา : ก็มีนะ
แต่ก็จะอยู่ในหมวดข่าวบันเทิง และก็รู้หรือติดตามกันแต่ในแวดวงคนทีชอบเสพข่าวบันเทิง
หรือคอลัมน์ซุบซิบกอสซิบเท่านั้น อาจเป็นเพราะยุคสมัยนี้มันมีโซเชียลเน็ตเวิร์คด้วยมั้ง
พอมีข่าวใครเป็นประเด็นก็เลยถูกแชร์ ถูกส่งแชร์กันไป จนกลายเป็นกระแสไปทั่ว
นักข่าวก็อาศัยไปเจาะข่าวดาราจากกระแสจากโซเชียลมีเดียอีกทีนั่นแหละ
หลาน : คุณอาครับ
ทำไมทีวีดิจิตอลบ้านเรามีตั้ง 24 ช่อง แต่ทำไมทุกช่องเสนอรายการบันเทิงเหมือนกันไปหมดครับ
มีข่าวเหมือนกัน มีละครเหมือนกัน มีเกมส์โชว์ ประกวดร้องเพลง ชกมวย ซีรี่ย์เกาหลี ซีรี่ย์อเมริกา
การ์ตูน รายการอาหารเข้าครัว เหมือนกันไปหมดเลยครับ แล้วบางทีฉายชนกันด้วย
เวลาเดียวกันอีกนะครับ แล้วอย่างนี้ ผมจะดูช่องไหนดีหล่ะครับคุณอา
อา : นั่นหน่ะสิ
อาก็ไม่รุ้ เปลี่ยนไปตรงไหน เจอรายการดี หากถูกใจ ก็หยุดดูที่ช่องนั้นแหละ เลือกไม่ถูกเหมือนกัน
นี่เป็นผลของการแข่งขัน ประชาชนก็เลยโชคดีที่มีช่องให้ดูเพิ่ม แต่ในความโชคดีนั้น
ก็มีความโชคร้ายอยู่ด้วยก็คือ ทุกช่องก็แข่งกันทำรายการเนื้อหาที่คล้ายคลึงกัน
เหตุเพราะว่า ถ้าช่องใดมีเรตติ้งสูงในช่วงเวลาใด เป็นรายการประเภทใด ช่องอื่นๆ
ก็แห่ทำตามกันเป็นสูตรสำเร็จเหมือนๆ กัน นี่แหละที่ทำให้ สุดท้ายแล้ว
ก็ไม่มีความหลากหลายของรายการทีวีให้เราเลือกดูมากนัก
เพราะผู้ผลิตจำนวนมากเลือกที่จะทำรายการเหมือนกับช่องคู่แข่ง เพราะอิงกระแสเรตติ้งจากช่องหลัก
แต่ก็มีอยู่บ้างที่เป็นช่องทางเลือก เลือกที่จะทำรายการที่แตกต่างออกไป
แต่สุดท้ายหากไม่มีคนดู หรือคนดูน้อย เขาก็อยู่ไม่ได้
จึงหันมาทำรายการเหมือนคนอื่นบ้าง มันจึงวนกลับมาเป็นวงจรอุบาทว์อยู่อย่างนี้ไง
วงการทีวีไทย
หลาน : คุณอาครับ เห็นช่วงนี้
บ้านเมืองของเรามีแต่ปัญหา มีเต่เรื่องเสียหาย ถูกต่างชาติอย่างอเมริกาและยุโรปกดดัน
ไหนจะเศรษฐกิจไม่ดีอีก นี่มันยุคตกต่ำของประเทศไทยหรือครับ
อา : เฮ้อ....ถ้าพูดถึงปัญหานะ
ประเทศไหนๆ ก็มีปัญหากันทั้งนั้นแหละ มีมากบ้างน้อยบ้าง และก็ขึ้นอยู่กับผู้บริหารประเทศจะเข้าใจปัญหาและดำเนินการแก้ไขอย่างถูกต้อง
รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพหรือไม่ก็แค่นั้นแหละ อย่างเรื่องปัญหา ภัยแล้ง น้ำท่วม
พืชผลการเกษตรไม่ดี อันนี้ก็เห็นกันมาทุกปี ต้นตอของปัญหาเป็นอย่างไร
คิดว่าถามเด็กๆ อย่างพวกหลานๆ ก็ยังตอบได้เลย
แต่ที่มันยังมีปัญหาให้ตามแก้อยู่ทุกปี พูดถึงอยู่ทุกปี
ก็เพราะผู้บริหารประเทศมีวิสัยทัศน์ที่จะมองปัญหาอย่างเข้าใจ
และดำเนินการแก้ไขอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเกิดประสิทธิภาพแค่ไหน ในแต่ละยุคสมัย
ถ้าเราได้รัฐบาลที่เก่ง และทำงานเป็นปัญหาที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของเราก็จะทุเลาเบาบางลง
แต่คงต้องเผชิญไปแบบนี้แหละ ไม่มีทางที่แก้แล้วจะหายขาดกันไป
ส่วนปัญหาประเภทที่เกิดจากเชื้อราหมักหมม หมกเม็ด ซ่อนขยะไว้ใต้พรม
อย่างเรื่องมาตรฐานการบินของไทย , ปัญหาการค้ามนุษย์ , ปัญหาการทำประมงที่ไม่ถูกต้องตามหลักสากล
, ปัญหาการปฏิบัติต่อชาวต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาประเทศไทยหรือผู้อพยพที่ต้องการเดินทางไปประเทศที่
3 ,ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ,ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ ,
ปัญหาคดีอาชญากรรมที่เกิดกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ,ปัญหากระบวนการยุติธรรมที่ไม่โปร่งใสและล่าช้า
,ปัญหาการตีกันของเด็กอาชีวะ , ปัญหาการขับรถมอเตอร์ไซด์แข่งกัน (เด็กแว้น)
ในทางสาธารณะรบกวนผู้อื่น, ปัญหาการเปิดแหล่งอบายมุขใกล้สถานศึกษาหรือวัด
,ปัญหาบ่อน หวย สถานบันเทิงผิดกฎหมาย ,ปัญหาคอร์รัปชั่น รับส่วยของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ฯลฯ เหล่านี้ มีมานานและปัญหาบางอย่างคั่งค้างถูกสะสมมานาน
พอวันหนึ่งปะทุขึ้นมาที ก็กลายเป็นไฟไหม้ฟาง ตามแก้ กวาดล้างกันที
เพราะไม่ได้แก้กันที่รากฐานของปัญหาหรือต้นตอให้เสร็จเด็ดขาดหรือแก้แบบถาวร
มันจึงวนกลับมาหลอกหลอนสังคมไทย และต้องคอยให้ผู้บริหารประเทศต้องคอยตามแก้อยู่ร่ำไป
ไม่จบสิ้น จนกว่าเขาจะเกิดการตรัสรู้ได้ว่าต้องสังคายนาหรือปฏิรูปยกเครื่องการแก้ปัญหาเหล่านั้นอย่างจริงจังนั่นแหละ
หลาน : คุณอาครับ เด็กไทยเราเก่งนะครับ
ไม่แพ้ชาติใดในโลก หากเอาจริงกับเรื่องใดแล้ว เราก็จะทำได้
ดูอย่างเด็กไทยส่งไปแข่งโอลิมปิกคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ชีววิทยา เคมี
หรือว่าวิชาการใดๆ แม้กระทั่งแข่งกีต้าร์ วงโยธวาทิต เชียร์ลีดเดอร์ เราก็ยังชนะเลิศได้โลห์ได้เหรียญทองกลับมาทุกครั้ง
แล้วเหตุไฉน การศึกษาไทยถึงยังติดที่โหล่ในอาเซี่ยนทุกที
จากการสำรวจขีดความสามารถทางการศึกษา พบเด็กไทยล้าหลังสุดใน AEC แล้วเราจะไปแข่งกับใครได้หล่ะครับ
อา : ประเทศเรามีเด็กเก่ง
แต่ก็มีเด็กเกรียนอยู่ด้วย ดูอย่างนาซ่าเขาจัดการถ่ายทอดสดการสำรวจดาวพลูโตทางออนไลน์
เด็กเกรียนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ
ไปป่วนเขาจนเขาต้องบล็อกไอพีที่มาจากประเทศไทยทั้งหมด ดูสิ
อันนี้เป็นหนึ่งในผลงานด้วยหรือเปล่า แต่หลักๆ เลยก็คือ
ประเทศไทยมาตรฐานการศึกษาโดยเฉลี่ยหรือโดยรวมมันอ่อนด้อยทุกด้านจริงๆ คล้ายๆ
มาตรฐานความจนความรวยของคนไทยที่ว่า รวยกระจุก จนกระจาย อันนี้ก็เหมือนกัน
เก่งกระจุก เกรียนกระจาย เป็นประเทศเดียวที่เด็กต้องเรียนหนังสือในระบบ
แล้วยังต้องออกไปเรียนกวดวิชานอกห้องเรียนอีก ทั้งๆ ที่เป็นครูคนเดียวกัน
เรียนในระบบเอาวิชาการไปตามมีตามเกิด ตามยถากรรม
ฉลาดมากก็เอาไปประยุกต์ต่อยอดเอาเอง แต่ฉลาดน้อยก็ต้องไปเสียเงินเรียนกับครูคนเดียวกันที่โรงเรียนกวดวิชาเพิ่ม
มาตรฐานการศึกษาของเด็กไทยจึงขึ้นอยู่กับฐานะการเงินของผู้ปกครองด้วยว่ามีมากหรือน้อย
หลาน : คุณอาครับ
เหตุใดนายกรัฐมนตรีของไทยจะต้องออกทีวีทุกวันศุกร์
พูดเรื่องที่ท่านทำงานให้คนไทยฟัง โดยที่ผลงานที่ประจักษ์สายตาประชาชนกับจำนวนความถี่
ปริมาณน้ำลาย หรือสิ่งที่ท่านพูดจึงไม่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันครับ
แล้วโดยส่วนใหญ่ เพื่อนผมที่โรงเรียนกับคุณครูหรือญาติพี่น้องของเรา
ก็ไม่เห็นมีใครนิยมดู นิยมฟังท่านเลย อ่ะครับ
สงสารท่านนะครับ ทำงานเหนื่อยหนัก พูดมากขนาดนั้น เพื่อจะบอกเล่าให้คนไทยฟังว่าท่านทำอะไรให้กับคนไทยบ้าง
แต่คนส่วนใหญ่ไม่ฟังท่านเท่าไหร่ เห็นโพลล์สำรวจความนิยมของท่านในช่วงหลัง ก็คะแนนความนิยมลดลงแล้วนี่ครับ
อา : ใครบอกหล่ะ ว่าประชาชนไม่ฟังท่าน
อย่าเอาความคิดของเราเพียงคนเดียวไปตัดสินท่านสิ คนไทยส่วนใหญ่ทั้งประเทศฟังท่าน
และให้โอกาสท่าน ท่านถึงเป็นนายกรัฐมนตรีมาได้ตั้ง 1 ขวบปีแล้ว
แต่ท่านต่างหากที่ไม่ฟังคนไทย ท่านฟังประชาชนบ้างหรือเปล่า อย่างกรณี
การต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน การขอให้รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานขะลอการตัดสินใจหรือหยุดให้สัมปทานพลังงานรอบที่
21 ที่ทำให้รัฐเสียผลประโยชน์ ไม่คุ้มค่า ไม่เป็นธรรม
โดยภาคประชาชนออกมาเคลื่อนไหว ชี้แนะ ท้วงติง แต่ท่านนายกรัฐมนตรีก็ยังคงยืนกรานที่จะเดินหน้าต่อ
ใครกันแน่ที่ไม่ฟังเสียงผู้อื่น
หลาน : งั้นคุณอาว่า ท่านนายกรัฐมนตรี เปรียบไปแล้ว
ท่านอยู่ในข่ายไหนอ่ะครับ เป็นคำถามทายเล่นนะครับ อะไรเอ่ย ท่านนายก เปรียบเหมือน
กบตัวไหนครับ ข้อ ก. กบเลือกนาย
ข้อ ข. กบในกะลา ข้อ ค. กบในหม้อต้มน้ำ
อา : มีข้อ ง. มั๊ย
หลาน : มีครับ ข้อ ง. ถูกทุกข้อครับ
อา : อาเลือก ข้อ ง. ละกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น