จนกระทั่งในปี 1975 เมื่อ Homebrew Computer Club ได้ถือกำเนิดขึ้นในหมู่มือสมัครเล่น ผู้สนใจการออกแบบสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้เอง (ในยุคนั้นโลกยังไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ PC ) ด้วยความเป็นอัฉริยะทางการออกแบบ Wozniak ได้ทดลองออกแบบคอมพิวเตอร์ด้วยแนวทางของเขาเอง โดยใช้ชิปหน่วยประมวลผลที่พอจะหาได้ มีคีย์บอร์ด QWERTY มาตรฐานเป็นอุปกรณ์ input ส่วนอุปกรณ์output ก็ใช้ต่อเข้ากับจอทีวีในยุคนั้น โดย Jobs เป็นผู้ที่ออกความคิดให้ลองผลิตบอร์ดคอมพิวเตอร์นี้ออกมาขาย ลูกค้าใหญ่รายแรกของพวกเขาก็คือร้าน The Byte Shop ในย่านนั้น หลังจากเจ้าของร้านได้ชมการสาธิตของพวกเขาที่ Homebrew Computer Club โดยประเดิมสั่งซื้อถึง 50 เครื่อง และนั่นคือจุดกำเนิดของเครื่อง Apple I อันเป็นจุดเริ่มต้นของผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกของบริษัท Apple ซึ่งเพิ่งก่อตั้งในเดือน เมษายน ปี 1976 ในขณะนั้น Steve Jobs มีอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น
เพื่อให้ธุรกิจของ Apple เติบโตไปได้ Jobs ได้รับคำแนะนำจาก Nolan Bushnell ผู้ก่อตั้ง Atari ที่เขาเคยทำงานด้วยให้ลองติดต่อ Don Valentine แห่ง Sequoia Capital ซึ่งเป็น venture capital (VC) ของ Atari เพื่อขอเงินลงทุน (Sequoia เป็นหนึ่งใน VC ที่มีบทบาทสูงที่สุดต่อการลงทุนในธุรกิจต่างๆในซิลิค่อนแวลลีย์) โดยในครั้งแรก Valentine ไม่ให้ความสนใจ Apple มากนัก แต่ได้แนะนำ Mike Markkula ที่ Valentine เคยทำงานด้วยให้รู้จักกับ Jobs โดย Markkula ซึ่งเกษียณตัวเองเมื่ออายุเพียงสามสิบกว่าปี หลังจากมีฐานะจากหุ้นจำนวนไม่น้อยที่เขาได้รับขณะทำงานที่ Intel และ Fairchild Semiconductor ก็ได้ตกลงร่วมลงทุนกับ Apple ในที่สุด หลังจากนั้นด้วยความที่ Markkula ค่อยๆ เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสามารถของทั้ง Jobs และ Wozniak รวมทั้งเล็งเห็นว่าโอกาสแห่งความรุ่งเรืองของ Apple ในอนาคตนั้นมีความเป็นไปได้ เขาก็เลิกคิดเกษียณและลงมาร่วมวางแผนอย่างเต็มตัวด้วยชั่วโมงบินในวงการไฮเทคที่สูงกว่า Steve ทั้ง 2 มาก เขาจึงเป็นผู้ช่วยวางรากฐานองค์กรให้ Apple ในยุคแรก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำแผนธุรกิจ การเฟ้นหาคนที่จะมาเป็นประธานบริษัท รวมทั้งเป็นซีอีโอในบางช่วงของประวัติศาสตร์ Apple ด้วย Markkula นั้นมีบทบาทอย่างมากในช่วง implement บริษัท หรือเป็นผู้ set up , start-up บริษัทไฮเทคแห่งนี้ เพราะถึงแม้ผู้ก่อตั้งบริษัทอย่าง Jobs และ Wozniak จะเป็นผู้มีทักษะทางเทคนิคและไอเดียที่ดีก็ตาม แต่ยังขาดประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการธุรกิจและองค์กร ระหว่างนั้น Wozniak ซึ่งชอบความท้าทายด้านเทคโนโลยี ก็ได้ปรับปรุงเครื่อง Apple I เรื่อยมา จนกลายเป็นเครื่อง Apple II ซึ่งสามารถแสดงผลภาพสีบนจอและมีสล็อตสำหรับต่อขยายความสามารถของเครื่องได้ โดย ณ จุดนั้น Jobs ได้เริ่มแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจใน form ไม่น้อยไปกว่า function ทำให้เคสซึ่งทำด้วยพลาสติกและมีคีย์บอร์ดในตัวของ Apple II ได้รับการออกแบบอย่างลงตัวโดยมืออาชีพ แตกต่างโดยสิ้นเชิงจาก Apple I ซึ่งอยู่ในกล่องไม้ตามมีตามเกิด และ Apple II นี้เองที่เป็นผลิตภัณฑ์แรกของ Apple ที่มีโลโก้เป็นรูปแอปเปิ้ลอย่างที่เห็นในปัจจุบัน แต่มีแถบสีหกแถบ (เพื่อสื่อถึงความสามารถของ Apple II ที่แสดงภาพสีบนจอได้) ผลก็คือหลังจากเปิดตัวในปี 1977 ในงาน West Coast Computer Faire ที่ซานฟรานซิสโก เครื่อง Apple II ก็กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่โด่งดังไปทั่วโลก เพราะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ออกแบบเพื่อให้คนทั่วไปใช้งานได้อย่างแท้จริง
ลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญของบริษัท Apple และ Steve Jobs โดยสังเขป
1979 นาย Jef Raskin ชักชวน Jobs ให้ไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัย Xerox Parc จนเกิดไอเดียที่จะสร้างแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Macintosh โดยคำนึงถึง human factors หรือความสะดวกสบายของการใช้สอยที่คนธรรมดาทั่วไปก็สามารถใช้งานได้ง่ายๆ
1980 หุ้นบริษัท Apple จดทะเบียนเข้าตลาด Nasdaq เป็นบริษัทมหาชนเปิด IPO ภายใต้สัญลัษณ์ชื่อย่อหุ้นว่า AAPL พร้อมๆ กับออกคอมพิวเตอร์รุ่น Apple II plus และตามมาด้วย Apple III
1981 บริษัทIBM ชิงเปิดตัวPC เครื่องแรกของ IBM จนเกิดการใช้งาน PC อย่างกว้างขวางที่เรียกว่า IBM PC
1983 ล้อนช์คอมพิวเตอร์รุ่น Lisa ตามชื่อภรรยาของจ็อบส์ Apple III รุ่นนี้เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ออกแบบมาให้ตอบสนองการใช้งานในระดับองค์กรธุรกิจ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ มีปัญหาเรื่องคุณภาพการออกแบบและคุณภาพการผลิต เนื่องจากเร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่เร็วเกินไปให้ทันกำหนด ส่วนรุ่น Lisa ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องการใช้เม้าส์ และระบบ graphical user interface (GUI) เลียนแบบมาจากเครื่อง Alto ของ Xerox Alto Research Center(PARC) ก็มีปัญหาเรื่องซอฟท์แวร์ที่เข้ากันไม่ได้กับซอฟท์แวร์ที่มีอยู่ในตลาด ทำให้ต้องมีการพัฒนาปรับฟีเจอร์เพิ่มเรื่อยๆ จนไปมีผลกระทบกับต้นทุนและราคาขายที่สูงขึ้นมากกว่าที่ประมาณการไว้หลายเท่าตัว
1984 Apple เปิดตัว Macintosh PC เครื่องที่สวยที่สุดในโลก โดยออกแคมเปญโฆษณาในช่วงคั่นเวลาแข่งขัน Super Bowl XVIII ผลก็คือประสบความสำเร็จยอดขายถล่มทลาย ดังไปทั่วโลก
John Sculley ซึ่งเป็นซีอีโอที่ถูกซื้อตัวมาจาก Pepsi มาให้นั่งบริหารงานบริษัท Apple ตั้งแต่ปี 1983 ในช่วงปีแรกทำงานได้ดี เข้าขากับ Jobs แต่เข้าสู่ปีที่ 2 ก็เริ่มเห็นขัดแย้งกัน มีการทับไลน์กัน หรือมีการล้ำเส้นการบริหารงานของ Jobs แต่สิ่งที่ Jobs ไม่คาดคิดก็คือ
1985 บอร์ดบริหารมีมติบีบให้ Steve Jobs ลาออกจากบริษัท ทั้งๆ ที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทมากับมือ ซึ่งจ็อบส์เสียใจและสะเทือนใจมาก แต่ก็เดินหน้าต่อไปด้วยการตั้งบริษัท Next ร่วมกับพนักงานที่ลาออกตามจ็อบส์มาด้วยกัน 5 คน ร่วมกันสร้างคอมพิวเตอร์ เวิร์คสเตชั่น เน็กซ์ (เครื่อง NeXT นี้เองที่ Tim Berners-Lee บิดาแห่ง World Wide Web ได้ใช้พัฒนาโปรโตคอล HTTP ภาษา HTML และเว็บบราวเซอร์ ขณะทำงานวิจัยอยู่ที่ศูนย์ศึกษาอนุภาคฟิสิกส์ (CERN ในยุโรป จนเกิดเป็นระบบอินเตอร์เน็ตในที่สุด) ในช่วงเวลานั้น Jobs ได้เล็งเห็นโอกาสของธุรกิจภาพยนตร์แอนิเมชัน จึงตัดสินใจซื้อกิจการของ Pixar ซึ่งเป็นแผนกคอมพิวเตอร์กราฟฟิคในบริษัท Lucasfilm ของ George Lucas ผู้สร้าง Star Wars เนื่องจากมองออกว่าความต้องการคอมพิวเตอร์แอนิเมชั่นจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต
1989 Apple เปิดตัว Mac Portable ซึ่งเป็นโน๊ตบุ้คเครื่องแรก ซึ่งก็ประสบความสำเร็จแต่ไม่ได้ตามเป้าไว้
1993 Apple เปิดตัว Newton ซึ่งเป็น PDA (Personal Digital Assistant) เครื่องแรกที่ใช้เงินลงทุนไปอย่างมหาศาลในการพัฒนา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวังไว้ Sculley ยังเอาเวลาไปทุ่มกับการช่วยหาเสียงให้กับ Bill Clinton ทำให้เขาถูกบอร์ดของ Apple ปลดออกจากตำแหน่ง แล้วแต่งตั้ง Michael Spindler ซึ่งเดิมเป็น COO ของบริษัทอยู่แล้ว ขึ้นเป็น CEO แทน
ในช่วงต้นและกลางทศวรรษ 90 ในช่วงการบริหารงานของทั้ง Sculley และ Spindler บริษัทอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ เคยจะถูกนำไปควบรวมกิจการกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Sun Microsystems,Kodak, Canon, Phillip, AT&T หรือแม้กระทั่ง IBM มาแล้ว
Spindler ต้องปลดพนักงานออกถึง 1 ใน 6 การที่ไม่สามารถควบคุมชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์ใน supply chain ทำให้ไม่สามารถส่งมอบเครื่อง Mac ได้ตามกำหนด ทำความเสียหายให้ถึง 1 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ นอกจากนั้นยังไม่สามารถทำให้ Newton MessagePad เอาชนะ เครื่อง Palmpilot ของบริษัท Palm ซึ่งเพิ่งเปิดตัวบริษัทเมื่อมี 1992 ได้ ยอดขายถูกแซงไปต่อหน้าต่อตา
1996 Apple ตัดสินใจเปลี่ยนตัว CEO คนใหม่อีกครั้งเป็น Gil Amelio (ซึ่งก่อนหน้านั้นเป็น CEO ของ National Semiconductor เป็นบริษัทชิปที่ใหญ่ทีสุด และยังเป็น 1 ในบอร์ดบริหารของบริษัทอยู่ก่อนแล้ว)
Bill Gates แห่ง Microsoft เป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งของ Jobs ในช่วงเริ่มต้นทำ Macintosh อยู่นั้น Microsoft อยู่ในฐานะบริษัทพาร์ทเนอร์ที่ช่วยพัฒนาซอฟท์แวร์ และโปรแกรม Basic ให้ แต่หลังจากนั้นไม่นาน Microsoft ก็เริ่มพัฒนาซอฟท์แวร์ให้กับ IBM PC คู่ขนานกันไปแบบเงียบๆ ด้วย และ Microsoft ยังพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ที่เรียกว่า "Windows" ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ (OS) แบบกราฟฟิคในลักษณะเดียวกับระบบของ Macintosh ให้รองรับ IBM PC ด้วย
1988 Apple ได้ยื่นฟ้อง Microsoft ในข้อหาลอกเลียนรูปแบบ รูปลักษณ์ระบบปฏิบัติการของ Macintosh ถึงกระนั้น Microsoft ก็ชนะคดีต่อ Apple หลังจากคดียืดเยื้อยาวนานมากว่า 7 ปี ไม่นานหลังจากตัดสินคดี Microsoft ก็เปิดตัว Windows 95 ซึ่งเป็น 1 ในผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาลของ Microsoft และยังตอกย้ำความพ่ายแพ้ด้าน OS ของ Apple ในช่วงกลางทศวรรษ 90
แม้ว่า Jobs และทีมงานจะทุ่มเทสุดพลังแต่ก็ไม่สามารถผลักดันให้ NeXT ประสบความสำเร็จในธุรกิจ workstation ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ NeXT ได้ทิ้งไว้ให้แก่วงการคอมพิวเตอร์ก็คือระบบปฏิบัติการ NEXTSTEP อันเลื่องชื่อในวงการในช่วงทศวรรษ 90 และได้พัฒนาต่อมาเป็น OPENSTEP ด้วยความร่วมมือกับ Sun Microsystems อีกทั้งในช่วงนั้น Amelio แห่ง Apple ถูกกดดันอย่างหนักให้ประกาศแผนปฏิวัติระบบปฏิบัติการของ Apple เสียใหม่ เพื่อให้สามารถเหนือกว่า Windows 95 อย่างเป็นรูปธรรม ต่อสาธารณชน Amelio พิจารณาทางเลือกต่างๆ แล้วจึงตัดสินใจเลือก OPENSTEP ของ NeXT เป็นระบบปฏิบัตการใหม่ และได้ซื้อกิจการของ NeXT มาอยู่ใต้ชายคา Apple
1996 และเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจุดพลิกผันที่ทำให้ Steve Jobs กลับคืนสู่อาณาจักร Apple อีกครั้ง ในฐานะของที่ปรึกษาของ Amelio
1997 บอร์ด Apple ตัดสินใจปลด Amelio ออก และคืนตำแหน่ง CEO ให้กับ Steve Jobs ในช่วงที่ยังไม่สามารถสรรหา CEO ที่เหมาะสมและเขาก็ได้เป็น CEO อย่างถาวรในปี 2000
การกลับมาของ Steve Jobs เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ก่อให้เกิดการวางรากฐานของ Apple ยุคใหม่ และเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายใน Apple อาทิ เช่น เปลี่ยนบอร์ดบริหารใหม่ทั้งหมด, จับมือกับ Microsoft เพื่อพัฒนา Microsoft Office เพื่อใช้กับ Mac ,ลดกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักให้เหลือเพียง 4 กลุ่ม,ออกแคมเปญ "Think Different" , ค้นหานักออกแบบระดับพระกาฬทั่วทั้งปฐพี เพื่อให้มากุมบังเหียนโครงการ Industrial Design และก็มาได้ Jonathan Ive ซึ่งเป็นคนภายในองค์กรเอง
1998 ผลิตภัณฑ์ iMac ซึ่งรูปลักษณ์เป็น PC ล้ำสมัยมีสีสันสดใสถึง 5สี เป็นไอเดียของ Jony (Jonathan Ive)
1999 ผลิตภัณฑ์ iBook เปิดตัว
2000 เปิดตัว Power Mac G4 Cube
แต่สิ่งที่นำ Apple เข้าสู่ยุคใหม่เพื่อเป็น "Digital Lifestyle Hub" อย่างเต็มตัวก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า iPod ซึ่งกลายมาเป็นเสาหลักเสาที่ 2 ต่อจากโปรดักส์ตระกูล Mac ที่ร่วมกันผลักดันให้ Apple เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงต้นและกลางทศวรรษที่ผ่านมา Jobs ได้ค้นพบผู้ที่มาผ่าตัดใหญ่แก้ไขระบบ supply chain ของ Apple ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นจุดอ่อนอยู่ในขณะนั้นเพื่อให้มีประสิทธิภาพไม่แพ้ระบบของ Dell นั่นคือเขาได้พบกับ Tim Cook ซึ่งขณะนั้นเขาบริหารงานด้าน supply chain ให้กับ Compaq อยู่ ซึ่งเป็นบริษัทผลิต PC ยักษ์ใหญ่อยู่ในเวลานั้น Tim Cook ตัดสินใจร่วมงานกับ Apple และมีบทบาทอย่างสูงในด้าน operations จนได้รับตำแหน่ง COO ในเวลาต่อมา
ช่วงปี 2000 ถึงปี 2006 Apple ภายใต้การนำของ Jobs ก็ได้ล้อนช์โปรดักส์ที่ถือเป็นนวัตกรรมออกสู่ท้องตลาดมากมาย นับตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ iPod, iPod Mini, iPod Nano, iPod Shuffle, Flat-panel iMac, Xserve, Mac Mini และ MacBook Pro , ระบบปฏิบัติการ OS X , ปั้นธุรกิจใหม่ที่เรียกว่า iTunes, ร้านค้าปลีก Apple Store จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ทำให้ market cap ของ Apple มีมูลค่าแซงหน้า market cap ของ Dell ในปี 2006 ซึ่งลบคำสบประมาทของ Michael Dell ลงได้ ที่เคยกล่าวหาในทำนองว่า Apple นั้นหมดอนาคตแล้ว และเคยแนะนำให้ Jobs นั้นปิดบริษัท Apple ทิ้ง แล้วเอาเงินมาเฉลี่ยจ่ายคืนให้กับผู้ถือหุ้นจะดีกว่า
ส่วนในช่วง 5 ปีให้หลังก่อนที่ Steve Jobs จะเสียชีวิตก็คือนับตั้งแต่ปี 2007-2012 ต้องถือว่าเป็นยุคทอง ยุครุ่งเรืองสุดๆ ของ Apple จวบจนปัจจุบัน ก็เป็นช่วงที่ Apple ได้พัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ iPhone, iPod, Touch, MacBook Air, Apple TV, LED Cinema Display, Magic Mouse,Magic Trackpad, Time Capsule, iPad และ Retina MacBook Pro ,ระบบปฏิบัติการ iOS ,ธุรกิจ App Store และ iCloud ถือเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดสุดท้ายที่ Jobs มีส่วนร่วมในการคิดค้นพัฒนาออกมา ก่อนที่เขาจะมาเสียชีวิต
ปัจจุบันบริษัท Apple Inc,นั้นเทรดอยู่ในตลาดหุ้นทั้ง Nasdaq100 และ S&P500 ผู้บริหารสูงสุดประกอบด้วย Arthur D. Levinson เป็นประธานบริษัท, และ Tim Cook เป็น CEO คนปัจจุบัน ,มีรายได้รวม 158,508 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ มีสินทรัพย์รวมมูลค่าทั้งสิ้น 178,084 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีพนักงาน 72,800 คนทั่วโลก (ข้อมูลล่าสุดของปี 2012) มีร้านค้า Apple Store 408 ร้านใน 14 ประเทศ (นับถึงเดือนพฤษภาคม 2013)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น