วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

โลกเหงาๆ ของเขาและเธอ 3

ความรักเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

-ดวงจิต 2 ดวง มีความผูกพันกันมาแต่ชาติปางก่อน
-ความผูกพันของคน 2 คน ที่เกิดขึ้นมาในชาติปัจจุบัน ทำให้มาใช้ชีวิตร่วมกัน
-ไม่เคยผูกพันกันมาก่อน แต่ถูกบังคับให้ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน ความใกล้ชิด และระยะเวลา ทำให้สามารถสร้างความผูกพันกันจนกลายเป็นความรักได้

ความรักเริ่มต้นที่คน 2 คน ต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นฝ่ายทอดสะพาน หรือขอเชื่อมสัมพันธไมตรีก่อนเสมอ และอีกฝ่ายต้องตอบรับด้วย จึงจะเกิดเป็นปฏิสัมพันธ์เริ่มต้นของการคบหาดูใจ หรือศึกษานิสัยใจคอซึ่งกันและกันได้

ความรัก ความปรารถนา ความใคร่ เป็นระดับของอารมณ์ที่แตกต่างกัน แต่ระดับสูงสุดก็คือความเสียสละ การให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนกลับมา


สัมผัสแรก หรือปฏิกิริยาเมื่อพบกันครั้งแรกนั้นจริงเสมอ เพราะเป็นสัญชาติญาณดิบของมนุษย์ที่แสดงออกไปตามธรรมชาติ โดยปราศจากความเสแสร้งและแต่งเติม มันจึงมีคำว่า (First Attraction,First Impression) ความประทับใจครั้งแรก

อย่ามัวมองหาความรักในอุดมคติกันอยู่เลย ปล่อยให้มันเป็นไปตามครรลอง ธรรมชาติของมัน แม้ว่าคนเราย่อมต้องมีคนที่ชอบในอุดมคติ หรือรสนิยมความชอบส่วนตัว หรือบุคลิกของคนในฝัน

 
ความรักต้องอาศัยระยะเวลาหรือไม่ ไม่จำเป็นหรอก ขอเพียงคน 2 คนเข้าใจกัน เรียนรู้ซึ่งกันและกันได้เร็ว ทำความเข้าใจกันได้ในระดับนึง ซึ่งเพียงพอต่อการใช้ชีวิตร่วมกัน มีความจริงใจต่อกัน
 

 
 แต่ห้วงเวลาของความรัก หรืออายุขัยของความรักในแต่ละคู่นั้น สั้น-ยาว แตกต่างกัน บางคู่คบกันได้ไม่ถึง 3 เดือนก็เลิก บางคู่คบกันตั้ง 10 ปี หรือแต่งงานกันไปมีลูกจนโตแล้ว ค่อยมาเลิกรากันก็มี สาเหตุนั้นไม่ต้องไปค้นหาเลย น้ำหนักของเหตุผลในแต่ละคู่ ย่อมมีเหตุปัจจัยที่แตกต่าง หนักเบา ไม่เท่ากันเสียด้วย แต่สรุปรวมความได้ว่า พอใจที่จะอยู่เป็นคู่รักกันก็อยู่ บางคู่ไม่สนไม่แคร์ในสถานภาพที่เป็นอยู่ หากไม่พอใจที่จะอยู่เป็นคู่รักกันแล้ว ต่อให้มีสถานภาพที่มั่นคงแล้วก็ยังเลิกรากันไปโดยง่ายก็มี เรื่องของเตียงหัก-รักร้าว จึงเป็นของคู่กันกับเรื่องของความสมหวัง ไม่สมหวังในความรัก เป็นอนิจจัง


ให้รักเดินทางมาเจอกัน
Artist : ดา เอ็นโดรฟิน,Instint
ต้นเหตุของความเสียใจ ก็คือความจริงที่สองเราไม่พูดกัน
ไม่เคยจะมองตากัน ได้แต่คิดและทำอะไรไปตามต้องการ โดยไม่สนใคร
ต้นเหตุของรอยน้ำตา ไม่เคยเยียวยารักษาด้วยความเข้าใจ
มันเป็นเพราะความไม่รู้ ไม่เคยดูให้ลึกลงไปข้างในหัวใจ
ได้แต่ทนเก็บไว้ ผิดอะไรไม่เคยคิดถาม
เมื่อไรจะเข้าใจ เมื่อไรจะรักกัน
หากเราทั้งสองไม่ยอมเปิดใจ ให้คำว่ารักเดินทางมาเจอกัน
เมื่อไรจะเข้าใจ ได้ไหมคนดี ช่วยพังทลายกำแพงที่มี
ให้ใจของเรามีวันที่ดี ที่สวยงาม
ถ้าหากว่าเราพูดกัน ก็คงไม่ทำให้สองเราต้องร้องไห้
และคงไม่เป็นเช่นนี้ คงจะมีทุกวันที่ดีให้กันและกัน
อยากให้เป็นอย่างนั้น พอจะทำให้กันได้ไหม
เมื่อไรจะเข้าใจ เมื่อไรจะรักกัน
หากเราทั้งสองไม่ยอมเปิดใจ ให้คำว่ารักเดินทางมาเจอกัน
เมื่อไรจะเข้าใจ ได้ไหมคนดี ช่วยพังทลายกำแพงที่มี
ให้ใจของเรามีวันที่ดี ที่สวยงาม
อยากจะลบลืมภาพเก่าเก่า อยากจะทำให้เรานั้นเข้าใจกันสักครั้ง
เมื่อไรจะเข้าใจ เมื่อไรจะรักกัน
หากเราทั้งสองไม่ยอมเปิดใจ ให้คำว่ารักเดินทางมาเจอกัน
เมื่อไรจะเข้าใจ ได้ไหม…ฮู้ ช่วยพังทลายกำแพงที่มี
ให้ใจของเรามีวันที่ดีที่สวยงาม ให้ใจของเรามีวันที่ดีที่สวยงาม

 
ความรักที่ดีนั้นต้องให้โอกาสกันได้หรือไม่ หากอดีตคนรักของเรา ขอหวนกลับมาคืนดี ถ้าเป็นคุณจะมีไมตรีจิตที่ดียื่นให้หรือเปล่า
  

หลังจากนี้ ความรัก ความเข้าใจ ก็คงเป็นสิ่งสำคัญ การทะนุถนอมความรู้สึกต่อกัน ย่อมต้องมีมากขึ้น ความอดทน และคำว่าให้อภัยกัน เป็นสิ่งที่ต้องทำเสมอ เพื่อประครองความรักให้มั่นคงต่อไป
 
 



วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ภาพสะท้อน ทุนนิยมสำเร็จรูป กับ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด

เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 หรือยุค 3G โลกก็เปลี่ยนโฉมหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสารไปอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าจะเป็น อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์สมาร์ทโฟน ดาวเทียม เครื่องมือสื่อสารไม่ได้มีเพียงแต่โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปอีกต่อไปแล้ว ยังมีแท็บเล็ต กล้องดิจิตอล โทรทัศน์ก็มีการพัฒนาเป็นทีวีดิจิตอล อินเตอร์เน็ตทีวี โรงภาพยนตร์ก็มีแบบดิจิตอล I-Max ,3มิติ,4มิติ และในอนาคตอีกมากมาย สุดที่จะคาดเดา โลกทุกวันนี้แข่งกันที่ความเร็วของข้อมูล, ความทันต่อเวลา หรือ realtime, แคร์ต่อการปฏิสัมพันธ์ร่วมกันแบบที่เรียกว่า (social network,web board) ,แคร์ต่อปฏิกิริยาตอบสนองแบบทันท่วงที (feedback,reality) ,แคร์ต่อการบอกต่อหรือแสดงทัศนะต่อกัน (share file,clip,picture,wording,feeling) ,ต้องการการแสดงออกให้คนบนโลกนี้รู้ว่าเราทำอะไร (youtube,ig,facebook,line) การลอกเลียน ขโมยไอเดีย ทำตามแบบอย่างคนที่เราชอบ เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ไม่ใช่สิ่งผิด (copy,download,share,hack,cover) เราจึงเห็นพฤติกรรมประเภทชอบโหลดบิท,ซื้อซีดี,ดีวีดีผี,ติดเคเบิ้ลทีวีเถื่อนกันมากมาย ซึ่งก็เป็นตัวทำลายอุตสาหกรรมบันเทิงทางอ้อมไปในตัว

ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่พัฒนาไปแบบก้าวกระโดด ในขณะที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ก็ได้อานิสงส์จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาด้านกระบวนการการผลิต อุปกรณ์การผลิต ถ่ายทำ ตัดต่อ ลำดับภาพ ถ่ายภาพ บันทึกเสียง แม้กระทั่งการทำเทคนิคด้านภาพหรือที่เรียกว่า CG ก็พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดมาก จะเห็นได้จากหนัง Box Office เรื่องดังๆ โปรแกรมใหญ่ๆ ทุกเรื่องของฮอลลีวู้ดนั้น มีองค์ประกอบของ CG ทุกเรื่อง มากน้อยตามแต่โปรดักชั่นและเนื้อหาแทบทุกเรื่อง ทำให้ภาพยนตร์ในยุคหลังๆ แข่งกันมากในเรื่อง CG,โปรดักชั่น ฉาก อลังการงานสร้าง นั่นทำให้ไปลดทอนองค์ประกอบที่สำคัญซึ่งเป็นหัวใจลงไปนั่นก็คือ เรื่องของเนื้อหา หรือบทภาพยนตร์ ถามว่าจะบาลานซ์ 2 ส่วนสำคัญนี้ได้อย่างลงตัวกลมกล่อม หรือให้น้ำหนักที่สมดุลหรือไม่มากไม่น้อยไปกว่ากันได้หรือไม่ ผู้เขียนคิดว่าในปีๆ นึง จะมีหนังที่ประสบความสำเร็จได้รับคำชมทั้ง 2 ส่วนคือด้านโปรดักชั่นและบท ไปพร้อมๆ กัน มีเพียงไม่กี่เรื่อง คือสัดส่วนน้อยมาก อัตราส่วนใน 10 เรื่องอาจมีเพียง 1 เรื่องเท่านั้นที่ทำได้ เหตุก็เพราะความสามารถของผู้กำกับและทีมเขียนบททำงานได้อย่างเข้าขา และเข้าอกเข้าใจกันมากน้อยเพียงใด หนังบางเรื่องผู้กำกับถนัดแต่ในทางด้านโปรดักชั่น บทจะอ่อนยวบและแทบไม่เน้นเนื้อหาเลยก็เป็นได้ แต่ในขณะที่ผู้กำกับที่เขียนบทเองได้ เก่งในทางเล่าเรื่องเนื้อหา ก็อาจไม่ถนัดด้านงานสร้างหรือโปรดักชั่นอ่อน หรืออาจจะไม่มีทุน ไม่มีนายทุนสนับสนุน ทำให้ผลิตงานออกมาได้ไม่สมบูรณ์ ไม่น่าสนใจก็เป็นได้


 
ด้านนายทุนหรือผู้กุมชะตากรรมด้านเงินลงทุน จะมีอุปนิสัยคล้ายๆ กันทั้งโลก นั่นก็คือมองไปที่ความคุ้มค่าด้านการลงทุน มองผลประโยชน์ที่จะได้รับ มองด้านรายได้ของหนัง มองแต่หนังสูตรสำเร็จ มองไปที่ความสำเร็จเดิมๆ เช่น หนังภาคต่อที่ขายได้ ไม่ชอบความเสี่ยง ไม่นิยมตลาดที่คาดเดาได้ยาก ไม่นิยมทุ่มงบประมาณจำนวนมากไปให้คนที่ไม่มีเครดิตอะไรมาก่อน นิยมเดินตามความสำเร็จของคนอื่นที่มีมาก่อน แนวทางไหนที่เคยทำสำเร็จจะทุ่มให้กับแนวทางนั้นอีกแบบไม่อั้น ไม่ยอมสรุปบทเรียนใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้สร้างความหายนะให้กับตนเองอย่างมโหฬาร

สิ่งที่เป็นอุปสรรคในการทำลายอุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยภาพรวม และโดยเฉพาะหนังทุนต่ำ/หนังทางเลือก
1.การโหลดบิท/ซีดี,ดีวีดีเถื่อน/ดูจากอินเตอร์เน็ต(ยูทูป) ซึ่งเป็นส่วนของพฤติกรรมผู้บริโภค
2.รัฐไม่สนับสนุน/นายทุนไม่สนใจ ซึ่งเป็นส่วนของผู้ผลิต
3.ระบบโรงฉาย ที่ให้จำนวนโรงแก่หนังฟอร์มใหญ่,การลดจำนวนรอบสำหรับหนังไม่ทำเงินรวมถึงการยืนระยะจำนวนวันของหนังที่ฉายในโรงที่มีอายุขัยที่สั้นมากในปัจจุบัน,ตั๋วหนังราคาแพงรวมถึงการยัดเยียดโฆษณาจำนวนมาก ซึ่งเป็นส่วนของผู้ประกอบการ

สรุปความสำเร็จของหนัง Box Ofiice ฮอลลีวู้ด จากสตูดิโอใหญ่ๆ ในปี 2010

สตูดิโอ                 หนังทำเงิน/สร้างชื่อ              หนังไม่ทำเงินมากแต่ไม่ถึงกับเจ๊ง             หนังทำเจ๊ง/โดนสับเละ

1.วอร์เนอร์      Inception,Harry Potter and the Deathly Hallows Part 1            

                                                                Clash of the Titans, Valentine’s Day

2.พาราเมาต์    Iron Man 2,Shrek Forever After                                                          The Last Airbender

                   How to Train Your Dragon,Megamind     Shutter Island,Jackass 3D        

3.ดิสนีย์         Toy Story 3,Alice in Wonderland              Tangled                                Tron Legacy

4.ฟ็อกซ์          Avatar  

4.ซัมมิต         Twilight Saga: Eclipse

5.โซนี่           The Karate Kid,Grown Ups              The Other Guys, Salt                      The Tourist

สรุปความสำเร็จของหนัง Box Ofiice ฮอลลีวู้ด จากสตูดิโอใหญ่ๆ ในปี 2011

สตูดิโอ                 หนังทำเงิน/สร้างชื่อ              หนังไม่ทำเงินมากแต่ไม่ถึงกับเจ๊ง             หนังทำเจ๊ง/โดนสับเละ

1.วอร์เนอร์      Harry Potter                     The Hangover 2,Sherlock Holmes                 Green Lantern

2.พาราเมาต์    Tranformers: Dark of the Moon         Kung Fu Panda 2,Thor,                       Super 8

                                                       Puss in Boots,Mission Impossible: Ghost Protocal            

                                           Captain America:The First Avenger,The Advenger of Tintin

3.ดิสนีย์       Pirates of the Caribbean: On Stranger Tides,Car 2,Real Steel,The Help              Gnomeo & Juliet

4.ซัมมิต       The Twilight Saga: Breaking Dawn Part 1

                                                The Three Musketeers(2011),Source Code

5.ยูนิเวอร์แซล   Fast Five                        Bridesmaids, Hop                                              Cowboys &  Aliens

5.โซนี่             The Smurfs                   The Green Hornet,Bad Teacher                            Jack & Jill

สรุปความสำเร็จของหนัง Box Ofiice ฮอลลีวู้ด จากสตูดิโอใหญ่ๆ ในปี 2012

สตูดิโอ                 หนังทำเงิน/สร้างชื่อ              หนังไม่ทำเงินมากแต่ไม่ถึงกับเจ๊ง             หนังทำเจ๊ง/โดนสับเละ

1.โซนี่           The Amazing Spider-man,Men in Black 3,Skyfall                                    Total Recall

2.วอร์เนอร์      The Dark Knight Rises,Argo        The Hobbit:An Unexpected Journey      The Dark Shadows

3.ดิสนีย์         Marvel’s The Avengers,Brave       Lincoln                                              John Carter

4.ยูนิเวอร์แซล   Ted,The Lorax                American Reunion,Les Miserables                  Battleship

5.ไลอ้อนเกต    Twilight Saga:Breaking Dawn Part 2, The Hunger Games,The Expendables 2

ปี 2013 นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือน มิ.ย.2013 มีหนังฮอลลีวู้ด Box Office ฟอร์มใหญ่เรื่องใดรุ่ง เรื่องใดร่วงกันบ้าง

หนังที่มีแววรุ่ง คือเก็บรายได้เป็นกอบเป็นกำ และมีอนาคตสร้างภาคต่อหรือเป็นที่พอใจของสตูดิโอ ส่วนหนังที่มีแววร่วง คือเก็บรายได้ไม่ค่อยดีนัก และไม่มีอนาคตในการสร้างภาคต่อหรือตัวหนังไม่เป็นที่พอใจของสตูดิโอและคนดู

สตูดิโอ                       หนังรุ่ง                                                      หนังร่วง

                    Hansel and Gretel:Witch Hunters                     The Man with The Iron Fists,Parker

                  Warm Bodies,Les Miserables,Zero Dark Thirty     The Last Stand,Killing Them Softly

                    Silver Linings Playbook,Flight,The Host          Beautiful Creatures, Jack the Giant Slayer

                OZ : The Great and Powerful,Django Unchained      Broken City,Stoker,Side Effect,Evil Dead

              G.I.Joe :Retaliation,Oblivion,Iron Man 3             Scary Movie 5,Safe Haven, Movie 43,Epic

            StarTrek:Into the Darkness,The Great Gatsby             After Earth

            Fast and Furious 6,The Hangover 3,Man of Steel

            Now You See Me, World War Z, Kick-Ass 2 

มองอนาคตอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดถึงกาลล่มสลาย โดย 2 กูรูผู้ยิ่งใหญ่วงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด


เอเอฟพี - สปีลเบิร์กและ จอร์จ ลูคัสเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี, ปัญหาทุนหนังเฟ้อ, ราคาตั๋ว และนโยบายของสตูดิโอ อาจทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์เข้าสู่ภาวะใกล้ล่มสลาย ที่จะเหลือหนังให้ดูกันไม่กี่แบบ และราคาค่าตั๋วก็จะพุ่งขึ้นไปอีก ส่วนงานที่มีเนื้อหาแตกต่างคงต้องไปหาช่องทางในการเผยแพร่ทางโทรทัศน์แทน

ผู้กำกับระดับตำนานฮอลลีวูดสตีเวน สปีลเบิร์กและ จอร์จ ลูคัสได้แสดงความเห็นที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั้งวงการ ด้วยการกล่าวเตือนผู้คนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ว่าด้วยปัญหาทุนสร้างเฟ้อ กำลังจะทำให้วงการหนังมีโอกาสที่จะพ่ายแพ้ต่อคู่แข่งอย่างโทรทัศน์ และเคเบิลทีวี อาจจะพูดได้ว่าวงการภาพยนตร์กำลังอยู่ในช่วงของการล่มสลายแล้วในตอนนี้

สปีลเบิร์ก เจ้าของหนัง E.T. และผลงานอมตะอีกมากมายเปิดเผยว่าผลงานเรื่องที่แล้วของเขาอย่าง Lincoln เกือบจะถึงขั้นไม่ได้เข้าโรงภาพยนตร์ เพราะความเปลี่ยนแปลงไปของวงการภาพยนตร์ในระยะหลัง ส่วน ลูคัส เจ้าของตำนาน Star Wars ก็แสดงความเห็นว่าถึงตอนนี้การสร้างหนังเพื่อฉายในโรงหนังทำได้ยากขึ้นทุกที

โดยหนึ่งในปัจจัยแห่งความเปลี่ยนแปลงของวงการหนัง ก็คือโครงสร้างของเรื่องราคาตั๋ว ที่ตอนนี้หนังฟอร์มใหญ่อย่าง Iron Man และ Man of Steel จะมาพร้อมด้วยการฉายในระบบสามมิติ ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้สร้างขายตั๋วด้วยราคาแพงถึง 25 เหรียญฯ ตรงข้ามกับหนังดรามาเข้มข้นว่าด้วยประวัติศาสตร์การเมืองอย่าง Lincoln ที่ไม่ได้มีอะไรหวือวา ที่ขายตั๋วด้วยราคาเพียง 8 เหรียญฯ เท่านั้น ซึ่งกลายเป็นว่าตอนนี้วงการหนังได้นำระบบเดียวกับละครบรอดเวย์มาใช้ ที่หนังบางเรื่องมีราคาตั๋วสูงกว่า และได้โอกาสยืนโรงนานกว่ามาก

ที่แล้วมาถือเป็นเรื่องปกติของวงการภาพยนตร์สหรัฐฯ หรือฮอลลีวูด ที่สตูดิโอผู้ผลิตหนังรายใหญ่พยายามการันตีความสำเร็จให้งานด้วยการใช้ดาราชื่อดัง หรือ สร้างหนังภาคต่อจากงานที่เคยประสบความสำเร็จไปแล้ว

แต่ความเปลี่ยนแปลงในระยะหลังไม่ได้เป็นผลโดยตรงของวงการหนังอีกแล้ว หากแต่เป็นความเปลี่ยนแปลงในธุรกิจบันเทิงโดยเฉพาะการชมภาพยนตร์ภายในบ้าน ที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนยุคของ DVD ไปสู่ BluRay และล่าสุดก็คือระบบการซื้อหนังจากบริการทางอินเตอร์เน็ตทั้งในแบบถูกต้องตามกฎหมาย และการลับลอบโหลดหนังแบบผิดกฎหมาย ที่เป็นปัญหาของฮอลลีวูดมาหลายปี และดูเหมือนว่าจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย

โดยในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งจัดขึ้นที่ วิทยาลัย School of Cinematic Arts ของ มหาวิทยาลัยเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย สปีลเบิร์ก กล่าวกับนักศึกษาที่เป็นคนทำหนังรุ่นต่อไปว่าความคิดใหม่ ๆ ที่พวกเขาพยายามทำกันอยู่อาจจะสุดโต่งเกินไปแล้วสำหรับหนังในยุคนี้

นี่คือเรื่องอันตรายมาก และอาจจะกำลังกลายเป็นการล่มสลาย หรือการสลายตัวครั้งใหญ่สปีลเบิร์ก กล่าวกับผู้สื่อข่าวของ The Hollywood Reporter

เขายังกล่าวต่อไปว่าพวกคุณกำลังอยู่ในจุดที่สตูดิโอคงอยากจะลงทุนเงิน 250 ล้านเหรียญฯ ไปกับหนังเรื่องหนึ่งที่มีโอกาสประสบความสำเร็จใหญ่โตจริงๆ ... มากกว่าการสร้างหนังที่น่าสนใจ เป็นงานส่วนตัวอันลึกซึ้ง
ยอดผู้กำกับแห่งฮอลลีวูดทำนายว่าในอนาคตอันใกล้จะมีหนังทุนสร้างสูงๆ ล้มเหลวให้เห็นอีก 3-4 เรื่อง และอาจจะถึง 6 เรื่องเลยทีเดียว ซึ่งนั่นจะมีผลไปถึงความเปลี่ยนแปลงของฮอลลีวูดอีกครั้ง

ลูคัส แห่งตำนาน Star Wars ก็สำทับว่า มันจะลงเอยด้วยการมีโรงหนังน้อยลง เหลือแต่โรงประเภทใหญ่ๆ ที่มีของเจ๋งๆ เยอะๆ การไปดูหนังอาจจะเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้เงินระดับ 50, 100 หรือ 150 เหรียญฯ เหมือนกับการไปดูละครบรอดเวย์ หรือฟุตบอลอะไรแบบนั้น ... ผมคิดว่าหนังแบบ Lincolns จะไม่มีอีกแล้ว และอาจจะไปโผล่ในจอโทรทัศน์แทน

ซึ่ง สปีลเบิร์ก ก็ยอมรับว่า ลูคัส พูดถูกเพราะ Lincoln เกือบไม่ได้ฉายในโรงภาพยนตร์ และเกือบลงเอยต้องเป็นหนังฉายทางโทรทัศน์อย่างที่ว่าจริงๆมันใกล้เคียงจะเป็นแบบนั้นมาก ถาม HBO ดูได้ ใกล้จริงๆ

ลูคัส อธิบายต่อไปว่า ยุคนี้งานอย่าง Lincoln และ Red Tails (หนังปี 2012 ที่เขาเป็นผู้สร้าง) เป็นภาพยนตร์ที่ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการผลักดันให้สามารถฉายในโรงภาพยนตร์ เขาพูดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นยุคที่แม้แต่คนอย่าง สตีเวน สปีลเบิร์ก และ จอร์จ ลูคัส "ก็ไม่สามารถพาหนังของตัวเองให้เข้าฉายในโรงได้แน่นอนอีกแล้ว

ซึ่งแนวโน้มแบบนี้ มีผลโดยตรงต่อภาพยนตร์ซึ่งมีเนื้อหาค่อนข้างจะสุดโต่ง โดยเฉพาะจากฝั่งผู้สร้างกระแสหลัก ซึ่งต้องการทำหนังเพื่อฉายในวงการ ที่ตอนนี้เนื้อหาของหนังบางประเภทไม่สามารถเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ได้อีกแล้ว กรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดก็คือ Behind the Candelabra หนังเกย์ที่มีดาราระดับ ไมเคิล ดักลาส และ แม็ต เดมอน ที่ต้องออกเผยแพร่ทาง HBO แทนที่จะเป็นโรงภาพยนตร์

Behind the Candelabra ผลงานของ สตีเวน โซเดอร์เบิร์ก ที่เล่าเรื่องนักดนตรีเกย์ผู้โด่งดัง และหนุ่มคนรักรุ่นลูก เป็นงานเกี่ยวกับคนรักเพศเดียวกัน ซึ่งเชื่อกันว่าสตูดิโอใหญ่ในฮอลลีวูดไม่ต้องการที่จะแตะต้อง จนผู้กำกับอย่าง โซเดอร์เบิร์ก ที่เคยคว้าออสการ์มาแล้ว ต้องไปพึ่งแหล่งเงินทุนจากสถานีเคเบิลดัง HBO จนสามารเข็นหนังออกมาได้ แต่ผลงานเรื่องนี้จะไม่มีโอกาสได้ลุ้นรางวัลออสการ์ในต้นปีหน้า เพราะหนังไม่ได้ฉายในโรงภาพยนตร์นั่นเอง

ถึงปัจจุบันหนังทุนสร้าง 250 ล้านเหรียญฯ คือมาตรฐานธรรมดาของหนังทุนสูงในฮอลลีวูดยุคนี้ไปแล้ว และในเวลาเดียวกัน ในทุกปีก็จะมีหนังที่ลงทุนสูงระดับนี้ล้มเหลวให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ อย่างปีก่อนที่ John Carter ทำให้ Disney เจ๊งยับจนผู้บริหารระดับสูงต้องลาออกไปพร้อมๆ กับผลขาดทุนที่ประเมินกันว่าสูงถึง 200 ล้านเหรียญฯ

ส่วนในปีนี้ After Earth ผลงานเรื่องใหม่ของนักแสดงแถวหน้า วิล สมิธ ก็เปิดตัวอย่างน่าผิดหวังเก็บเงินใน 3 วันแรกแค่ 27.5 ล้านเหรียญฯ จากทุนสร้างสูงถึง 130 ล้านเหรียญฯ เป็นงานที่เรียกได้ว่าล้มเหลวที่สุดในรอบ 20 ปีของ สมิธ เลยทีเดียว

สถานการณ์ภาพยนตร์ไทยและอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยก็อยู่ในอาการวูบหรือขาลงในช่วง 2-3 ปีมานี้

สรุปความสำเร็จของหนังไทย จากสตูดิโอใหญ่ๆ ในปี 2010

สตูดิโอ                 หนังทำเงิน/สร้างชื่อ              หนังไม่ทำเงินมากแต่ไม่ถึงกับเจ๊ง             หนังทำเจ๊ง/โดนสับเละ

1.จีทีเอช               กวนมึนโฮ                          บ้านฉัน...ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้)

2.เอ็ม 39              32 ธันวา                           

3.สหมงคลฟิล์ม      สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก,สะระแนสิบล้อ,ตุ๊กกี้ เจ้าหญิงขายกบ                         โป๊ะแตก, องค์บาก 3

                                                                 ชั่วฟ้าดินสลาย,นาคปรก          

4.เอ็มพิคเจอร์        ผู้ชายลัลล้า                       

5.พระนครฟิล์ม      หลวงพี่เท่ง 3                      ตายโหง                                         กองพันครึกครื้น ท.ทหารคึกคัก

สรุปความสำเร็จของหนังไทย จากสตูดิโอใหญ่ๆ ในปี 2011

สตูดิโอ                 หนังทำเงิน/สร้างชื่อ              หนังไม่ทำเงินมากแต่ไม่ถึงกับเจ๊ง             หนังทำเจ๊ง/โดนสับเละ

1.สหมงคลฟิล์ม       ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 :ยุทธหัตถี                        จั๊กกะแหล๋น,ชิปหาย,ก้านคอกัด

                           ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 4 :ศึกนันทบุเรง

                           30+โสด on Sale,  เท่งโหน่ง จีวรบิน ,สาระแน เห็นผี,หลุด 4 หลุด

                                                                       พุ่มพวง,อุโมงค์ผาเมือง
                                                                                   

2.เอ็ม 39          สุดเขตสเลดเป็ด,30 กำลังแจ๋ว                เลิฟจุลินทรีย์ รักมันใหญ่มาก

3.จีทีเอช           ลัดดาแลนด์,Suck Seed ห่วยขั้นเทพ          Top Secret วัยรุ่นพันล้าน

4.พระนครฟิล์ม                                                          หอแต๋วแตก แหวกชิมิ,เหลือแหล่    

5.ไฟว์สตาร์                                                                                                                   ฮาศาสตร์
5.เอ็มพิคเจอร์                                                            รักตะลอนออนเดอะบีช
                                                     
สรุปความสำเร็จของหนังไทย จากสตูดิโอใหญ่ๆ ในปี 2012

สตูดิโอ                 หนังทำเงิน/สร้างชื่อ              หนังไม่ทำเงินมากแต่ไม่ถึงกับเจ๊ง             หนังทำเจ๊ง/โดนสับเละ

1.จีทีเอช          ATM เออรักเออเร่อ,รัก 7 ปี ดี 7 หน

2.เอ็ม 39         ส.ค.ส สวีทตี้,วาเลนไทน์ สวีทตี้       I Miss U รักฉัน อย่าคิดถึงฉัน,สาระแน โอเซกไก

3.สหมงคลฟิล์ม                                 คนโขน,ยักษ์,จันดารา ปฐมบท,ยอดมนุษย์เงินเดือน        สูบคู่กู้โลก,ปัญญาเรณู 3:รูปู รูปี,รักสุดทีน
                                      คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์,อันธพาล,Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ,ชัมบาลา

4.ไฟว์สตาร์                                                    ตีสาม (3D),407 เที่ยวบินผี

5.พระนครฟิล์ม                              หมาแก่อันตราย,มึงกู เพื่อนกันจนวันตาย                  หอแต๋วแตก แหกมว๊ากมว๊าก

5.เอ็มพิคเจอร์และค่ายหนังอิสระ           It Gets Better ไม่ได้ขอให้มารัก,My Only Own แต่เพียงผู้เดียว,yes or no 2   Fighting Fish ดุ ดวล ดิบ

ปี 2013 นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือน มิ.ย.2013 มีหนังไทยเข้าฉาย เรื่องใดรุ่ง เรื่องใดร่วงกันบ้าง

หนังที่มีแววรุ่ง คือเก็บรายได้เป็นกอบเป็นกำ หรือได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ เป็นที่พอใจของค่ายหนัง ส่วนหนังที่มีแววร่วง คือเก็บรายได้ไม่ค่อยดีนัก เข้าขั้นขาดทุน ตัวหนังยังไม่เป็นที่พอใจของค่ายหนังและคนดู

สตูดิโอ/ค่ายหนัง                        หนังรุ่ง                                                      หนังร่วง

1.จีทีเอช                                 พี่มาก..พระโขนง                                          เคาน์ดาวน์

2.เอ็ม 39                                 คุณนายโฮ                                                คู่กรรม (2013)

3.สหมงคลฟิล์ม                       จันดารา ปัจฉิมบท,นางฟ้า,เกรียนฟิคชั่น               ฤดูที่ฉันเหงา

4.ค่ายหนังอิสระอื่นๆ                  ทองสุก 13,ประชาธิปไทย,เธอ เขา เรา ผี     เมนูของพ่อ,หล่อลากไส้,มหัศจรรย์รัก 

                                             เซ็นเซอร์ต้องตาย,ปิตุภูมิ                          Choice คู่ซี้ดีแต่ฝัน,ยังบาว          
   
หมายเหตุ  สำหรับปีนี้ ถ้าไม่นับเรื่องพี่มาก.พระโขนง หนังไทยส่วนใหญ่อยู่ในอาการทรงกับทรุด คือยังไม่มีภาพยนตร์เรื่องใดเก็บรายได้เป็นกอบเป็นกำ คงต้องรอครึ่งปีหลังที่จะมีหนังฟอร์มใหญ่อย่างตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาคจบ และเรื่องต้มยำกุ้ง ซึ่งก็ยังไม่สามารถคาดคะเนรายได้ว่าจะมากแบบถล่มทลายเหมือนพี่มาก..พระโขนง ได้หรือไม่ อีกทั้งสถานการณ์ทางการเมืองช่วงครึ่งหลังของปี อาจเป็นตัวฉุดรั้งบรรยากาศและกำลังซื้อที่เกี่ยวเนื่องเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังอีกด้วย
                           

โลก 360 องศา - (เหตุประท้วงในบราซิลลุกลาม, จีนขวางส่งตัวสโนว์เดน , โอบาม่ากล่อมปูตินไม่สำเร็จ)



การประท้วงในบราซิลเริ่มบานปลาย ประชาชนลุกฮือออกมาเพิ่มขึ้นนับล้านคน

เอเอฟพี - ประธานาธิบดีหญิง ดิลมา รูสเซฟฟ์ ต้องเรียกประชุมฉุกเฉินคณะรัฐมนตรีเมื่อวันศุกร์(21) เพื่อชั่งน้ำหนักถึงแนวทางตอบสนองต่อการชุมนุมใหญ่ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 สัปดาห์และปะทุขึ้น 1 ปีก่อนหน้าที่บราซิล จะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก

รูสเซฟฟ์ ต้องตัดสินใจยกเลิกกำหนดการเยือนญี่ปุ่นในสัปดาห์หน้า หลังรัฐบาลของเธอต้องเผชิญแรงกดดันหนักหน่วงจากเหตุจลาจลต่อต้านรัฐครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี แต่การประชุมฉุกเฉินที่กรุงบราซิเลีย ที่ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ยุติลงด้วยไม่มีถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการใดๆ กระนั้นก็ดีผู้สื่อข่าวคาดเดาว่าผู้นำรายนี้อาจแถลงผ่านสถานีวิทยุแห่งชาติในภายหลัง

ประมาณการณ์ว่ามีประชาชนมากถึง 1.25 ล้านคน ออกมาเดินขบวนตามเมืองต่างๆในค่ำคืนวันพฤห้สบดี(20) เพื่อเรียกร้องปรับปรุงการบริการสาธารณะและตำหนิการละเลงงบประมาณมหาศาลจัดศึกฟุตบอลโลก ซึ่งจนถึงตอนนี้มีผู้เสียชีวิตเกี่ยวข้องกับการชุมนุมแล้ว 2 ราย


ด้านนายกิลแบร์โต คาร์วัลโญ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดี เตือนว่าบราซิลจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการชุมนุมประท้วงใหญ่ต่อไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเสด็จเยือนของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เนื่องในโอกาสวันเยาวชนโลก ที่เมืองริโอเดจาเนโร ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม

นายคาร์วัลโญ สรุปด้วยว่าการประท้วงที่ลุกลามไปทั่วประเทศ สะท้อนถึงความไม่พอใจของประชาชนอย่างกว้างขวาง "เราต้องเข้าใจว่าการชุมนุมนี้เรียกร้องการเปลี่ยนแปลง พวกเขาส่งสัญญาณถึงความไม่พอใจ ชาวบราซิลกลุ่มใหญ่ที่ถูกกีดกันจากการเป็นผู้บริโภคต่างต้องการสิทธิใหม่ๆ และนั่นเป็นเรื่องดี"

การชุมนุมครั้งนี้บดบังรัศมีของการแข่งขันฟุตบอลคอนเฟเดอเรชันส์คัพ ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ทดสอบความพร้อมก่อนจัดศึกฟุตบอลโลกในปีนี้ ขณะที่ผู้ประท้วงจำนวนมากแสดงความขุ่นเคืองต่อเหตุรัฐบาลทุ่มงบประมาณมหาศาลสำหรับจัดเวิลด์คัพและกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2016 แทนที่จะให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชาชน


ทั้งนี้การเดินขบวนเมื่อวันพฤหัสบดี(20) ส่วนใหญ่แล้วเป็นไปอย่างสันติ แต่ก็ต้องมามีมลทินจากเหตุความรุนแรงและพฤติกรรมก่อความวุ่นวายของพวกหัวรุนแรงกลุ่มเล็กๆ โดยเฉพาะที่รีโอและบราซิเลีย ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิต 2 ราย

รายงานข่าวระบุว่าวัยรุ่นชายวัย 18 ปีรายหนึ่งถูกรถชนตายขณะที่ร่วมชุมนุมที่เมืองริเบเรา เปรโต ทางภาคใต้ และสตรีวัย 54 ปีรายหนึ่งหัวใจวายตาย หลังจากเกิดระเบิดใกล้ๆสถานที่ชุมนุมในเมืองเบเลม ทางเหนือของประเทศ

ที่รีโอ ซึ่งมีประชาชนราว 30,000 คน ร่วมเดินขบวนบริเวณใจกลางเมือง นายกเทศมนตรีเอดูอาร์โก ปาเอส เมื่อวันศุกร์(21) บอกว่าได้ทำการประเมินความเสียหายจากเหตุรุนแรงแล้ว ขณะเดียวกันก็พบผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 62 ราย ในนั้นเป็นตำรวจ 8 นาย


"ผมไม่สงสัยว่าผู้ประท้วงส่วนใหญ่ล้วนมีเจตนาที่ดีและแค่ต้องการรักษาสิทธิของตนเองเท่านั้น" เขาแถลงกับผู้สื่อข่าวที่ศาลากลางเมือง "แต่เคราะห์ร้ายที่บางคน ซึ่งเป็นกลุ่มคนเล็กๆ กลับสร้างมลทินแก่การชุมนุมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยของเมือง ด้วยการก่อความวุ่นวาย" พร้อมบอกด้วยว่าอาคารราชการและสาขาธนาคารหลายแห่งได้รับความเสียหาย ร้านค้าถูกปล้นสะดม รถยนต์ถูกทุบทำลาย 7 คัน

เดิมทีการประท้วงที่เริ่มต้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อนจุดชนวนมาจากความไม่พอใจของประชาชนในนครเซาเปาโล ต่อการขึ้นค่าโดยสารรถประจำทางจากเดิมราคา 3 เรอัล (คิดเป็นเงินไทยราว 42.2 บาท) เป็น 3.20 เรอัล (ราว 45 บาท)

จากนั้นก็ลุกลามบานปลายสู่การเดินขบวนต่อต้านคอรัปชันทั่วประเทศที่โหมกระพือความโกรธเคืองจากกรณีรัฐบาลมุ่งแต่ทุ่มงบประมาณมหาศาลแก่โครงการก่อสร้างและปรับปรุงสนามต่างๆสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดศึกฟุตบอลโลกปี 2014 และกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2016 โดยให้ความใส่ใจต่อโครงการทางสังคมต่างๆเพียงน้อยนิด


สหรัฐต้องการให้จีนส่งตัวนายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดนกลับสหรัฐ แต่จีนขวาง งานนี้ไม่ง่าย

เอเยนซี - ทำเนียบขาวติดตามจับ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน หลังแฉผ่านคลิปจากฮ่องกง เปิดโปงโครงการลับของเอ็นเอสเอ (NSA) ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้สอดแนมอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ของประชาชน โดยเชื่อว่าน่าจะอยู่ระหว่างขอลี้ภัยในฮ่องกง

ซั่งไห่อีสต์ สื่อออนไลน์จีนรายงาน (11 มิ.ย.) ว่า เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตลูกจ้างซีไอเอผู้ออกมาแฉโครงการปริซึม ที่รัฐบาลสหรัฐฯสอดแนมการใช้อินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ของประชาชน โดยการถ่ายคลิปวิดีโอจากฮ่องกงเมื่อวันอาทิตย์ (9) เปิดเผยว่า เขาเป็นคนเปิดโปงโครงการลับของเอ็นเอสเอ (NSA) เพราะไม่สามารถทนเห็น และช่วยรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้ระบบสอดแนมที่ถูกสร้างขึ้นอย่างลับๆ ชื่อว่า ปริซึม” (PRISM) นี้ รุกล้ำเสรีภาพในอินเทอร์เน็ต และเสรีภาพพื้นฐานของผู้คนทั่วโลก จนฉาวเป็นข่าวใหญ่กระทบความมั่นคงของสหรัฐฯ และหลายฝ่ายคาดกันว่า สโนว์เดนอาจถูกรัฐบาลฮ่องกงเนรเทศ และส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในสหรัฐฯ

รายงานข่าวกล่าวว่า เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ซึ่งกล่าวว่าไม่ต้องการอยู่ในสังคมที่รัฐบาลสามารถทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ได้หลบหนีมาที่ฮ่องกงและจากการสืบสวน โดยมีผู้วิเคราะห์ว่า เขาน่าจะเข้าพักที่โรงแรมมิร่า (Mira Hotel) ในย่านจิมซาจุ่ย เกาลูน ฮ่องกง แต่เมื่อข่าวแพร่ออกไป เดอะเดลี่เทเลกราฟ ซึ่งติดตามข่าวใกล้ชิด ก็ได้รับการยืนยันจากพนักงานซึ่งไม่เผยนาม 2 คนของโรงแรมฯ ว่า "เขาได้ย้ายออกไปแล้ว"

รายงานข่าวกล่าวว่า ณ เวลานี้ ยังไม่สามารถระบุที่อยู่ของ สโนว์เดน ได้ ขณะที่สื่อรัสเซีย ได้รายงานว่า ทางการเครมลินให้ความสนใจและคาดว่า สโนว์เดน น่าจะใช้สิทธิขอลี้ภัย ขณะที่ในประเทศสหรัฐฯ นั้น มีประชาชนจำนวนมากกว่า 30,000 คนได้ร่วมกันเข้าชื่อลงนามสนับสนุนคำร้องขออภัยโทษแก่ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ผ่านเว็บไซต์ทำเนียบข่าวฯ โดยระบุว่า เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน คือวีรบุรุษของชาติ และสมควรได้รับการอภัยโทษอย่างสมบูรณ์จากอาชญากรรมใดๆ ที่เขาได้กระทำ หรืออาจจะกระทำเกี่ยวกับการเผยความลับของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA)”

เบน คาร์ลสัน จาก โกลบอลโพสต์ อธิบายว่า ฮ่องกงเป็นที่ๆ เหมาะที่สุดสำหรับการลี้ภัยของสโนว์เดน ซึ่งจะช่วยเขาซื้อเวลาผ่านการต่อรองด้วยบารมีของจีน

ไซมอน ยัง ผู้อำนวยการกฎหมายมหาชน มหาวิทยาลัยฮ่องกง กล่าวกับ โกลบอลโพสต์ ว่า กระบวนการยุติธรรมของศาลฮ่องกง คงจะใช้เวลาในการทบทวนขั้นตอนลี้ภัยในกรณีนี้ และระหว่างเวลานั้น ผู้ขอลี้ภัยยังคงได้รับอนุญาตให้อยู่ในฮ่องกงได้ ซึ่งรับประกันได้ว่าเขาจะยังไม่ถูกส่งตัวกลับตามคำขอของรัฐบาลสหรัฐฯ จนกว่ารัฐบาลจะได้เสร็จสิ้นกระบวนการพิจารณาคำขอฯ ที่ค่อนข้างจะใช้เวลานาน

รายงานข่าวกล่าวว่า สโนว์เดนอาจได้รับการยื่นทางเลือกลี้ภัยไปยังไอซแลนด์ แต่ที่นั่นน่าจะไม่ใช่ทางเลือกแรกๆ เพราะแม้ว่า จูเลียน อาสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์ จะให้คำมั่นว่า สามารถเดินสายล็อบบี้โน้มน้าวให้รัฐบาลไอซแลนด์รับคำร้องขอลี้ภัยไว้ได้ แต่คงจะลำบากใจอยู่ หากผู้ลี้ภัยฯ คนนี้ อาจเป็นต้นเหตุสะเทือนความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ


ฮ่องกง/วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - นายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตซีไอเอ ผู้เปิดเผยนโยบายการสอดแนมประชาชนของรัฐบาลสหรัฐ ประกาศต่อสู้กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างถึงที่สุด โดยให้ศาลและประชาชนฮ่องกงตัดสินชะตากรรมของตน  นายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ ณ สถานที่ลับแห่งหนึ่งบนเกาะฮ่องกง ว่า ตนไม่ใช่คนขายชาติหรือวีรบุรุษ เป็นแค่คนธรรมดา และที่หนีมาหลบซ่อนตัวอยู่ในฮ่องกง มิได้มีเจตนาหลีกเลี่ยงระบบยุติธรรม แต่เพราะต้องการเปิดเผยการก่ออาชญากรรมของรัฐบาลสหรัฐ และต้องการให้ศาลฮ่องกงกับประชาชนฮ่องกงตัดสินชะตากรรมว่าจะคุ้มครองตน หรือส่งตัวให้รัฐบาลสหรัฐจัดการ เพราะตนเชื่อถือในระบบกฎหมายของฮ่องกงที่ให้ความคุ้มครองผู้ที่แฉการกระทำที่ไม่ถูกต้องอย่างเต็มที่

ด้านนักวิเคราะห์ระบุว่า แม้สิ่งที่นายสโนว์เดนทำจะทำให้รัฐบาลสหรัฐไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ยังไม่มีการตั้งข้อหา หรือขอตัวนายสโนว์เดนในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน และความพยายามที่จะนำตัวนายสโนว์เดนกลับสหรัฐต้องใช้เวลานานหลายเดือน และที่แน่ๆ ก็คือ รัฐบาลจีนต้องยื่นมือเข้าขัดขวางอย่างแน่นอน ทั้งนี้ นายสโนว์เดนเปิดเผยการสอดแนมประชาชนด้วยการดักฟังโทรศัพท์ แอบเข้าไปดูในอีเมล และล้วงข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตจากผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายกระทำ ภายใต้รหัสปฏิบัติการที่มีชื่อว่า ปริซึมซึ่งสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐ อ้างว่าโปรแกรมปริซึมเป็นโปรแกรมธรรมดาบนอินเทอร์เน็ต มิใช่โปรแกรมสำหรับการล้วงความลับแต่อย่างใด แต่กระนั้นก็มีกระแสกดดันอย่างรุนแรงจากทุกฝ่ายให้ยุติการกระทำดังกล่าว และสหภาพคุ้มครองเสรีภาพชาวอเมริกันก็ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลในการกระทำดังกล่าวแล้ว   ขณะที่นายคีธ อเล็กซานเดอร์ ผู้อำนวยการสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นเอสเอ) แถลงต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกว่า การที่สหรัฐต้องคอยติดตามข้อมูลความเคลื่อนไหวต่างๆ ของประชาชน มีส่วนช่วยสกัดแนวโน้มการก่อเหตุโจมตีได้หลายสิบครั้ง หลังจากที่มีผู้เปิดโปงโครงการสอดแนมข้อมูลประชาชนของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งทางเอ็นเอสเอก็พยายามที่จะรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงของชาติกับความเป็นส่วนตัวของประชาชน

 
โอบาม่า กล่อม ปูติน ให้ช่วยยุติสงครามซีเรียไม่สำเร็จ
 
หลังจากการประชุมนอกรอบแบบตัวต่อตัวเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ว่า จุดยืนของทั้งรัสเซียและสหรัฐฯไม่เป็นไปในทางเดียวกันนัก แต่ต่างก็มีจุดยืนร่วมกันที่ต้องการยุติความรุนแรง เพื่อหยุดยั้งตัวเลขผู้เสียชีวิต เพื่อสะสางปัญหาด้วยแนวทางสันติ ที่รวมถึงการหารือที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ทั้งนี้ ทั้งรัฐบาลซีเรียและฝ่ายต่อต้าน ต่างไม่มีฝ่ายได้ออกมาให้คำมั่นอย่างเต็มที่ที่จะจัดการประชุมดังกล่าว ที่มีวัตถุประสงค์ยุติเหตุรุนแรงในซีเรียที่ดำเนินมานานกว่า 2 ปี ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 93,000 คน ส่วนประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ กล่าวยอมรับว่า แม้ทั้งสองฝ่ายอาจจะมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่ก็มีผลประโยชน์ร่วมกัน ในอันที่จะยุติเหตุนองเลือดในประเทศซีเรีย จึงพยายามที่จะแก้ปัญหานี้ผ่านกระบวนการเจรจาในทางการเมือง ถ้าหากเป็นไปได้ และ จะสั่งการให้ทีมงานติดตามการทำงานเพื่อจัดให้มีการเจรจาที่นครเจนีวา โดยผู้นำทั้งสอง กล่าวว่าได้เห็นชอบให้มีการหารือกันที่กรุงมอสโก ในเดือนกันยายนนี้ ประธานาธิบดีโอบามาและประธานาธิบดีปูติน กล่าวว่าได้เห็นชอบให้มีการเจรจาระดับทวิภาคี ที่กรุงมอสโก ในวันที่ 3-4 ก.ย.นี้ ก่อนที่จะเข้าร่วมประชุมสุดยอด จี20 ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ในระหว่างวันที่ 5-6 ก.ย.นี้

ทำเนียบขาวยังประกาศว่า ผู้นำสหรัฐฯจะแจ้งให้ผู้นำกลุ่มจี8 ชาติอื่นๆทราบว่า สหรัฐฯจะมอบเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก้ผู้ลี้ภัยทั้งในและนอกซีเรีย

วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Brand Identity - Case Study Apple

Steve Jobs กับ Steve Wozniak สองผู้ก่อตั้งบริษัท Apple ได้รู้จักกันที่โรงเรียน Homestead High School ในเมือง Cupertino ในบริเวณ Santa Clara Valley รัฐแคลิฟอร์เนีย อันเป็นแหล่งไร่ผลไม้ (ซึ่งต่อมาก็กลายมาเป็นย่านซิลิค่อนแวลลีย์) จากความสนใจที่ตรงกันในด้านอิเล็คทรอนิคส์ Jobs มีนิสัยกล้าคิดกล้าทำและมีหัวการค้ามาตั้งแต่เด็ก ส่วน Wozniak มีแววอัจฉริยะด้านวิศวกรรม ตั้งแต่รู้จักกันทั้งสองก็วนเวียนอยู่ในวงการอิเล็คทรอนิคส์มาตลอด โดยหลังจาก Jobs ได้ศึกษาวิชาอักษรวิจิตร (calligraphy) ที่ Reed College เป็นระยะสั้นๆ เขาได้มาทำงานด้านเทคนิคในบริษัท Atari ส่วน Wozniak หลังจากเข้าศึกษาด้านวิศวกรรมที่มหาวิทยาลัย Berkeley ก็เข้าทำงานที่ HP ในระยะนั้น Wozniak ได้ใช้ความสามารถทางวิศวกรรมช่วยงานออกแบบของ Jobs ที่ Atari มาตลอด


จนกระทั่งในปี 1975 เมื่อ Homebrew Computer Club ได้ถือกำเนิดขึ้นในหมู่มือสมัครเล่น ผู้สนใจการออกแบบสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้เอง (ในยุคนั้นโลกยังไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ PC ) ด้วยความเป็นอัฉริยะทางการออกแบบ Wozniak ได้ทดลองออกแบบคอมพิวเตอร์ด้วยแนวทางของเขาเอง โดยใช้ชิปหน่วยประมวลผลที่พอจะหาได้ มีคีย์บอร์ด QWERTY มาตรฐานเป็นอุปกรณ์ input ส่วนอุปกรณ์output ก็ใช้ต่อเข้ากับจอทีวีในยุคนั้น โดย Jobs เป็นผู้ที่ออกความคิดให้ลองผลิตบอร์ดคอมพิวเตอร์นี้ออกมาขาย ลูกค้าใหญ่รายแรกของพวกเขาก็คือร้าน The Byte Shop ในย่านนั้น หลังจากเจ้าของร้านได้ชมการสาธิตของพวกเขาที่ Homebrew Computer Club โดยประเดิมสั่งซื้อถึง 50 เครื่อง และนั่นคือจุดกำเนิดของเครื่อง Apple I อันเป็นจุดเริ่มต้นของผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกของบริษัท Apple ซึ่งเพิ่งก่อตั้งในเดือน เมษายน ปี 1976 ในขณะนั้น Steve Jobs มีอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น

เพื่อให้ธุรกิจของ Apple เติบโตไปได้ Jobs ได้รับคำแนะนำจาก Nolan Bushnell ผู้ก่อตั้ง Atari ที่เขาเคยทำงานด้วยให้ลองติดต่อ Don Valentine แห่ง Sequoia Capital ซึ่งเป็น venture capital (VC) ของ Atari เพื่อขอเงินลงทุน (Sequoia เป็นหนึ่งใน VC ที่มีบทบาทสูงที่สุดต่อการลงทุนในธุรกิจต่างๆในซิลิค่อนแวลลีย์) โดยในครั้งแรก Valentine ไม่ให้ความสนใจ Apple มากนัก แต่ได้แนะนำ Mike Markkula ที่ Valentine เคยทำงานด้วยให้รู้จักกับ Jobs โดย Markkula ซึ่งเกษียณตัวเองเมื่ออายุเพียงสามสิบกว่าปี หลังจากมีฐานะจากหุ้นจำนวนไม่น้อยที่เขาได้รับขณะทำงานที่ Intel และ Fairchild Semiconductor ก็ได้ตกลงร่วมลงทุนกับ Apple ในที่สุด หลังจากนั้นด้วยความที่ Markkula ค่อยๆ เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสามารถของทั้ง Jobs และ Wozniak รวมทั้งเล็งเห็นว่าโอกาสแห่งความรุ่งเรืองของ Apple ในอนาคตนั้นมีความเป็นไปได้ เขาก็เลิกคิดเกษียณและลงมาร่วมวางแผนอย่างเต็มตัวด้วยชั่วโมงบินในวงการไฮเทคที่สูงกว่า Steve ทั้ง 2 มาก เขาจึงเป็นผู้ช่วยวางรากฐานองค์กรให้ Apple ในยุคแรก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำแผนธุรกิจ การเฟ้นหาคนที่จะมาเป็นประธานบริษัท รวมทั้งเป็นซีอีโอในบางช่วงของประวัติศาสตร์ Apple ด้วย Markkula นั้นมีบทบาทอย่างมากในช่วง implement บริษัท หรือเป็นผู้ set up , start-up บริษัทไฮเทคแห่งนี้ เพราะถึงแม้ผู้ก่อตั้งบริษัทอย่าง Jobs และ Wozniak จะเป็นผู้มีทักษะทางเทคนิคและไอเดียที่ดีก็ตาม แต่ยังขาดประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการธุรกิจและองค์กร ระหว่างนั้น Wozniak ซึ่งชอบความท้าทายด้านเทคโนโลยี ก็ได้ปรับปรุงเครื่อง Apple I เรื่อยมา จนกลายเป็นเครื่อง Apple II ซึ่งสามารถแสดงผลภาพสีบนจอและมีสล็อตสำหรับต่อขยายความสามารถของเครื่องได้ โดย ณ จุดนั้น Jobs ได้เริ่มแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจใน form ไม่น้อยไปกว่า function ทำให้เคสซึ่งทำด้วยพลาสติกและมีคีย์บอร์ดในตัวของ Apple II ได้รับการออกแบบอย่างลงตัวโดยมืออาชีพ แตกต่างโดยสิ้นเชิงจาก Apple I ซึ่งอยู่ในกล่องไม้ตามมีตามเกิด และ Apple II นี้เองที่เป็นผลิตภัณฑ์แรกของ Apple ที่มีโลโก้เป็นรูปแอปเปิ้ลอย่างที่เห็นในปัจจุบัน แต่มีแถบสีหกแถบ (เพื่อสื่อถึงความสามารถของ Apple II ที่แสดงภาพสีบนจอได้) ผลก็คือหลังจากเปิดตัวในปี 1977 ในงาน West Coast Computer Faire ที่ซานฟรานซิสโก เครื่อง Apple II ก็กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่โด่งดังไปทั่วโลก เพราะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ออกแบบเพื่อให้คนทั่วไปใช้งานได้อย่างแท้จริง

ลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญของบริษัท Apple และ Steve Jobs โดยสังเขป

1979 นาย Jef Raskin ชักชวน Jobs ให้ไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัย Xerox Parc จนเกิดไอเดียที่จะสร้างแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Macintosh โดยคำนึงถึง human factors หรือความสะดวกสบายของการใช้สอยที่คนธรรมดาทั่วไปก็สามารถใช้งานได้ง่ายๆ

1980 หุ้นบริษัท Apple จดทะเบียนเข้าตลาด Nasdaq เป็นบริษัทมหาชนเปิด IPO ภายใต้สัญลัษณ์ชื่อย่อหุ้นว่า AAPL พร้อมๆ กับออกคอมพิวเตอร์รุ่น Apple II plus และตามมาด้วย Apple III

1981 บริษัทIBM ชิงเปิดตัวPC เครื่องแรกของ IBM จนเกิดการใช้งาน PC อย่างกว้างขวางที่เรียกว่า IBM PC

1983 ล้อนช์คอมพิวเตอร์รุ่น Lisa ตามชื่อภรรยาของจ็อบส์ Apple III รุ่นนี้เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ออกแบบมาให้ตอบสนองการใช้งานในระดับองค์กรธุรกิจ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ มีปัญหาเรื่องคุณภาพการออกแบบและคุณภาพการผลิต เนื่องจากเร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่เร็วเกินไปให้ทันกำหนด ส่วนรุ่น Lisa ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องการใช้เม้าส์ และระบบ graphical user interface (GUI) เลียนแบบมาจากเครื่อง Alto ของ Xerox Alto Research Center(PARC) ก็มีปัญหาเรื่องซอฟท์แวร์ที่เข้ากันไม่ได้กับซอฟท์แวร์ที่มีอยู่ในตลาด ทำให้ต้องมีการพัฒนาปรับฟีเจอร์เพิ่มเรื่อยๆ จนไปมีผลกระทบกับต้นทุนและราคาขายที่สูงขึ้นมากกว่าที่ประมาณการไว้หลายเท่าตัว

1984 Apple เปิดตัว Macintosh PC เครื่องที่สวยที่สุดในโลก โดยออกแคมเปญโฆษณาในช่วงคั่นเวลาแข่งขัน Super Bowl XVIII ผลก็คือประสบความสำเร็จยอดขายถล่มทลาย ดังไปทั่วโลก

John Sculley ซึ่งเป็นซีอีโอที่ถูกซื้อตัวมาจาก Pepsi มาให้นั่งบริหารงานบริษัท Apple ตั้งแต่ปี 1983 ในช่วงปีแรกทำงานได้ดี เข้าขากับ Jobs แต่เข้าสู่ปีที่ 2 ก็เริ่มเห็นขัดแย้งกัน มีการทับไลน์กัน หรือมีการล้ำเส้นการบริหารงานของ Jobs แต่สิ่งที่ Jobs ไม่คาดคิดก็คือ

1985 บอร์ดบริหารมีมติบีบให้ Steve Jobs ลาออกจากบริษัท ทั้งๆ ที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทมากับมือ ซึ่งจ็อบส์เสียใจและสะเทือนใจมาก แต่ก็เดินหน้าต่อไปด้วยการตั้งบริษัท Next ร่วมกับพนักงานที่ลาออกตามจ็อบส์มาด้วยกัน 5 คน ร่วมกันสร้างคอมพิวเตอร์ เวิร์คสเตชั่น เน็กซ์ (เครื่อง NeXT นี้เองที่ Tim Berners-Lee บิดาแห่ง World Wide Web ได้ใช้พัฒนาโปรโตคอล HTTP ภาษา HTML และเว็บบราวเซอร์ ขณะทำงานวิจัยอยู่ที่ศูนย์ศึกษาอนุภาคฟิสิกส์ (CERN ในยุโรป จนเกิดเป็นระบบอินเตอร์เน็ตในที่สุด) ในช่วงเวลานั้น Jobs ได้เล็งเห็นโอกาสของธุรกิจภาพยนตร์แอนิเมชัน จึงตัดสินใจซื้อกิจการของ Pixar ซึ่งเป็นแผนกคอมพิวเตอร์กราฟฟิคในบริษัท Lucasfilm ของ George Lucas ผู้สร้าง Star Wars เนื่องจากมองออกว่าความต้องการคอมพิวเตอร์แอนิเมชั่นจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต

1989 Apple เปิดตัว Mac Portable ซึ่งเป็นโน๊ตบุ้คเครื่องแรก ซึ่งก็ประสบความสำเร็จแต่ไม่ได้ตามเป้าไว้

1993 Apple เปิดตัว Newton ซึ่งเป็น PDA (Personal Digital Assistant) เครื่องแรกที่ใช้เงินลงทุนไปอย่างมหาศาลในการพัฒนา แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวังไว้ Sculley ยังเอาเวลาไปทุ่มกับการช่วยหาเสียงให้กับ Bill Clinton ทำให้เขาถูกบอร์ดของ Apple ปลดออกจากตำแหน่ง แล้วแต่งตั้ง Michael Spindler ซึ่งเดิมเป็น COO ของบริษัทอยู่แล้ว ขึ้นเป็น CEO แทน

ในช่วงต้นและกลางทศวรรษ 90 ในช่วงการบริหารงานของทั้ง Sculley และ Spindler บริษัทอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ เคยจะถูกนำไปควบรวมกิจการกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Sun Microsystems,Kodak, Canon, Phillip, AT&T หรือแม้กระทั่ง IBM มาแล้ว
Spindler ต้องปลดพนักงานออกถึง 1 ใน 6 การที่ไม่สามารถควบคุมชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์ใน supply chain ทำให้ไม่สามารถส่งมอบเครื่อง Mac ได้ตามกำหนด ทำความเสียหายให้ถึง 1 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ นอกจากนั้นยังไม่สามารถทำให้ Newton MessagePad เอาชนะ เครื่อง Palmpilot ของบริษัท Palm ซึ่งเพิ่งเปิดตัวบริษัทเมื่อมี 1992 ได้ ยอดขายถูกแซงไปต่อหน้าต่อตา

1996  Apple ตัดสินใจเปลี่ยนตัว CEO คนใหม่อีกครั้งเป็น Gil Amelio (ซึ่งก่อนหน้านั้นเป็น CEO ของ National Semiconductor เป็นบริษัทชิปที่ใหญ่ทีสุด และยังเป็น 1 ในบอร์ดบริหารของบริษัทอยู่ก่อนแล้ว)

Bill Gates แห่ง Microsoft เป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งของ Jobs ในช่วงเริ่มต้นทำ Macintosh อยู่นั้น Microsoft อยู่ในฐานะบริษัทพาร์ทเนอร์ที่ช่วยพัฒนาซอฟท์แวร์ และโปรแกรม Basic ให้ แต่หลังจากนั้นไม่นาน Microsoft ก็เริ่มพัฒนาซอฟท์แวร์ให้กับ IBM PC คู่ขนานกันไปแบบเงียบๆ ด้วย และ Microsoft ยังพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ที่เรียกว่า "Windows"  ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ (OS) แบบกราฟฟิคในลักษณะเดียวกับระบบของ Macintosh ให้รองรับ IBM PC ด้วย

1988 Apple ได้ยื่นฟ้อง Microsoft ในข้อหาลอกเลียนรูปแบบ รูปลักษณ์ระบบปฏิบัติการของ Macintosh ถึงกระนั้น Microsoft ก็ชนะคดีต่อ Apple  หลังจากคดียืดเยื้อยาวนานมากว่า 7 ปี ไม่นานหลังจากตัดสินคดี Microsoft ก็เปิดตัว Windows 95 ซึ่งเป็น 1 ในผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาลของ Microsoft และยังตอกย้ำความพ่ายแพ้ด้าน OS ของ Apple ในช่วงกลางทศวรรษ 90

แม้ว่า Jobs และทีมงานจะทุ่มเทสุดพลังแต่ก็ไม่สามารถผลักดันให้ NeXT ประสบความสำเร็จในธุรกิจ workstation ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ NeXT ได้ทิ้งไว้ให้แก่วงการคอมพิวเตอร์ก็คือระบบปฏิบัติการ NEXTSTEP อันเลื่องชื่อในวงการในช่วงทศวรรษ 90  และได้พัฒนาต่อมาเป็น OPENSTEP ด้วยความร่วมมือกับ Sun Microsystems อีกทั้งในช่วงนั้น Amelio  แห่ง Apple ถูกกดดันอย่างหนักให้ประกาศแผนปฏิวัติระบบปฏิบัติการของ Apple เสียใหม่ เพื่อให้สามารถเหนือกว่า Windows 95 อย่างเป็นรูปธรรม ต่อสาธารณชน  Amelio พิจารณาทางเลือกต่างๆ แล้วจึงตัดสินใจเลือก OPENSTEP ของ NeXT เป็นระบบปฏิบัตการใหม่ และได้ซื้อกิจการของ NeXT มาอยู่ใต้ชายคา Apple 

1996  และเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจุดพลิกผันที่ทำให้ Steve  Jobs กลับคืนสู่อาณาจักร Apple อีกครั้ง ในฐานะของที่ปรึกษาของ Amelio 

1997 บอร์ด Apple ตัดสินใจปลด Amelio ออก และคืนตำแหน่ง CEO ให้กับ Steve Jobs ในช่วงที่ยังไม่สามารถสรรหา CEO ที่เหมาะสมและเขาก็ได้เป็น CEO อย่างถาวรในปี 2000

การกลับมาของ Steve Jobs เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ก่อให้เกิดการวางรากฐานของ Apple ยุคใหม่ และเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายใน Apple อาทิ เช่น เปลี่ยนบอร์ดบริหารใหม่ทั้งหมด,  จับมือกับ Microsoft เพื่อพัฒนา Microsoft Office เพื่อใช้กับ Mac ,ลดกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักให้เหลือเพียง 4 กลุ่ม,ออกแคมเปญ  "Think Different"  , ค้นหานักออกแบบระดับพระกาฬทั่วทั้งปฐพี เพื่อให้มากุมบังเหียนโครงการ Industrial Design  และก็มาได้ Jonathan Ive  ซึ่งเป็นคนภายในองค์กรเอง

1998  ผลิตภัณฑ์ iMac  ซึ่งรูปลักษณ์เป็น PC ล้ำสมัยมีสีสันสดใสถึง 5สี เป็นไอเดียของ Jony (Jonathan Ive)
1999  ผลิตภัณฑ์ iBook เปิดตัว
2000  เปิดตัว Power Mac G4 Cube

แต่สิ่งที่นำ Apple เข้าสู่ยุคใหม่เพื่อเป็น "Digital Lifestyle Hub"  อย่างเต็มตัวก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า iPod ซึ่งกลายมาเป็นเสาหลักเสาที่ 2 ต่อจากโปรดักส์ตระกูล Mac ที่ร่วมกันผลักดันให้ Apple เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงต้นและกลางทศวรรษที่ผ่านมา Jobs ได้ค้นพบผู้ที่มาผ่าตัดใหญ่แก้ไขระบบ supply chain ของ Apple ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นจุดอ่อนอยู่ในขณะนั้นเพื่อให้มีประสิทธิภาพไม่แพ้ระบบของ Dell นั่นคือเขาได้พบกับ Tim Cook ซึ่งขณะนั้นเขาบริหารงานด้าน supply chain ให้กับ Compaq อยู่ ซึ่งเป็นบริษัทผลิต PC ยักษ์ใหญ่อยู่ในเวลานั้น  Tim Cook ตัดสินใจร่วมงานกับ Apple และมีบทบาทอย่างสูงในด้าน operations จนได้รับตำแหน่ง COO ในเวลาต่อมา

ช่วงปี 2000 ถึงปี 2006 Apple ภายใต้การนำของ Jobs ก็ได้ล้อนช์โปรดักส์ที่ถือเป็นนวัตกรรมออกสู่ท้องตลาดมากมาย นับตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ iPod, iPod Mini, iPod Nano, iPod Shuffle, Flat-panel iMac, Xserve, Mac Mini และ MacBook Pro , ระบบปฏิบัติการ OS  X , ปั้นธุรกิจใหม่ที่เรียกว่า iTunes, ร้านค้าปลีก Apple Store จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ทำให้ market cap ของ Apple มีมูลค่าแซงหน้า market cap  ของ Dell ในปี 2006 ซึ่งลบคำสบประมาทของ Michael Dell ลงได้ ที่เคยกล่าวหาในทำนองว่า Apple นั้นหมดอนาคตแล้ว และเคยแนะนำให้ Jobs นั้นปิดบริษัท Apple ทิ้ง แล้วเอาเงินมาเฉลี่ยจ่ายคืนให้กับผู้ถือหุ้นจะดีกว่า

ส่วนในช่วง 5 ปีให้หลังก่อนที่ Steve Jobs จะเสียชีวิตก็คือนับตั้งแต่ปี 2007-2012 ต้องถือว่าเป็นยุคทอง ยุครุ่งเรืองสุดๆ ของ Apple จวบจนปัจจุบัน ก็เป็นช่วงที่ Apple ได้พัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ iPhone, iPod, Touch, MacBook Air, Apple TV, LED Cinema Display, Magic Mouse,Magic Trackpad, Time Capsule, iPad และ Retina MacBook Pro ,ระบบปฏิบัติการ iOS ,ธุรกิจ App Store และ iCloud ถือเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดสุดท้ายที่ Jobs มีส่วนร่วมในการคิดค้นพัฒนาออกมา ก่อนที่เขาจะมาเสียชีวิต

ปัจจุบันบริษัท Apple Inc,นั้นเทรดอยู่ในตลาดหุ้นทั้ง Nasdaq100 และ S&P500 ผู้บริหารสูงสุดประกอบด้วย Arthur D. Levinson เป็นประธานบริษัท, และ Tim Cook เป็น CEO คนปัจจุบัน ,มีรายได้รวม 158,508 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ มีสินทรัพย์รวมมูลค่าทั้งสิ้น 178,084 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีพนักงาน 72,800 คนทั่วโลก (ข้อมูลล่าสุดของปี 2012) มีร้านค้า Apple Store 408 ร้านใน 14 ประเทศ (นับถึงเดือนพฤษภาคม 2013)