วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ภาษาเพลงกับกลุ่มเป้าหมาย - Hotel California

คอลัมน์ ภาษาเพลงกับกลุ่มเป้าหมาย ได้ห่างหายไปจากบล็อกหยิกแกมหยอกนานแล้ว เนื่องจากยังหาเพลงที่ถูกใจหรือมีเนื้อหาเพลงที่น่าสนใจ จนอยากจะนำเอามาเขียนไม่ได้ จึงห่างหายไปนาน และเมื่อไม่นานมานี้ ผู้เขียนได้หยิบเอา DVD คอนเสิร์ตของ The Eagles : hell freezes over มาดูและฟังอีกรอบนึง เกิดความประทับใจ อิ่มเอมมากกับเสียงเพลง Hotel California จึงอยากนำเอาบทเพลงอมตะและถือเป็นเพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพลงนึงในใจผู้เขียนมาลองกระเทาะเปลือกและเนื้อหาของมันอย่างลงลึกดู ซึ่งรายละเอียดได้มีผู้รู้ กูรูด้านเพลงเคยได้เขียนเอาไว้ ผู้เขียนจึงขอรวบรวมมาอรรถาธิบาย ดังนี้



เนื้อเพลง Hotel California

On a dark desert highway,

Cool wind in my hair,

Warm smell of "colitas"

Rising up through the air,

Up ahead in the distance

I saw a shimmering light,

My head grew heavy and my sight grew dim,

I had to stop for the night.


There she stood in the doorway,

I heard the mission bell

And I was thinkin' to myself :

"This could be heaven and this could be hell"

Then she lit up a candle,

And she showed me the way,

There were voices down the corridor,

I thought I heard them say


Welcome to the Hotel California,

Such a lovely place, (Such a lovely place) Such a lovely face

Plenty of room at the Hotel California,

Any time of year, (Any time of year) You can find it here


Her mind is Tiffany-twisted,

She got the Mercedes bends

She got a lot of pretty, pretty boys

she calls friends

How they dance in the courtyard,

Sweet summer sweat

Some dance to remember,

Some dance to forget


So I called up the Captain

"Please bring me my wine"

He said, "We haven't had that spirit here

Since nineteen sixty-nine"

And still those voices are calling from far away,

Wake you up in the middle of the night

Just to hear them say:


Welcome to the Hotel California,

Such a lovely place, (Such a lovely place) Such a lovely face

They're livin' it up at the Hotel California,

What a nice surprise, (What a nice surprise) Bring your alibis


Mirrors on the ceiling,

and pink champagne on ice, and she said:

"We are all just prisoners here,

Of our own device"

And in the master's chambers

They gathered for the feast,

They stabbed it with their steely knives,

But they just can't kill the beast


Last thing I remember, I was running for the door,

I had to find the passage back to the place I was before,

"Relax," said the night man, "We are programmed to receive,

You can check out anytime you like... but you can never leave"


คำแปลเนื้อหาของเพลง

ในความมืดบนถนนท่ามกลางทะเลทราย สายลมเย็นระเยือกพัดโชยเส้นผม

กลิ่นอันอบอุ่นของ โคลิตาส กระจายไปทั่วทั้งอากาศ

เบื้องหน้าของเส้นทาง เห็นเป็นแสงสว่างกระพริบพราว

หัวของฉันหนักอึ้ง สายตาก็เริ่มหรี่ลง คงถึงเวลาที่ต้องหยุดพักกลางทาง สำหรับคืนนี้

เธอยืนรอตรงที่หน้าประตู ฉันได้ยินเสียงกระดิ่งรับแขก

ฉันคิดกับตัวเองว่า นี่ถ้าไม่ใช่สวรรค์ มันก็ต้องเป็นนรกเป็นแน่แท้

แล้วเธอคนนั้นก็จุดเทียน นำฉันเดินไปตามทาง

มีเสียงพูดมากมายตามทางเดิน ได้ยินเหมือนเขาเหล่านั้นต้องการจะบอกว่า

ยินดีต้อนรับสู่ โฮเต็ล แคลิฟอร์เนีย เป็นที่ๆน่าอยู่

เป็นที่ๆ น่าอยู่ ผู้คนก็น่ารัก

มีห้องว่างมากมาย ในโฮเต็ล แคลิฟอร์เนีย เวลาไหนก็ได้ของปี ห้องพักที่นี่ไม่มีวันเต็ม

ความคิดของเธอเหมือนทิฟฟานี่ที่บิดเบี้ยว เธอมีรถเมอร์ซีเดส เบ็นซ์

เธอมีเด็กหนุ่มๆ หน้าตาดีๆ หลายคนรุมล้อม ที่เธอเรียกว่า เพื่อน

วิธีที่พวกเขาเต้นในสวนน่ะหรือ มันช่างหวานล้ำไปด้วยชุ่มเหงื่อแห่งฤดูร้อน

บางลีลาก็น่าจดจำ.... บางลีลาก็น่าลืม

ฉันจึงหันไปบอกกันกัปตันว่า ขอไวน์มาดื่มหน่อย

เขากลับกล่าวตอบมาว่า เราไม่มีเครื่องดื่มอย่างนี้มาตั้งแต่ปี 1969

และมีเสียงดังมาจากที่ใดที่หนึ่ง อันแสนไกล

ปลุกขึ้นมากลางดึก เพียงเพื่อจะได้ยินมันบอกว่า

ยินดีต้อนรับสู่ โฮเต็ล แคลิฟอร์เนีย ...ที่ๆน่าอยู่ ผู้คนก็น่ารัก พวกเขาปักหลักกันอยู่ในที่แห่งนี้....แปลกใจหรือเปล่า....ที่คุณก็ได้มาเป็นหนึ่งในพยานรู้เห็น

กระจกบนเพดาน มองดูแล้วเหมือนแชมเปญสีชมพู

และเธอก็กล่าวว่า พวกเราคือนักโทษที่ถูกขังอยู่ในที่ๆ ของตัวเอง

บรรดาพวกพ่อบ้าน พวกเขาพยายามอย่างหนักที่จะปลดปล่อย

เขาแทงมันด้วยมีดเหล็กกล้าอันคมกริบ แต่ก็มิอาจฆ่าเจ้าอสูรร้ายตนนั้นได้

สิ่งสุดท้ายที่จำได้ คือวิ่งลิ่วไปที่ประตู

ฉันไม่ลืมที่จะหอบเอาข้าวของติดตัวมาด้วย

ใจเย็นไว้....เสียงจากบุรุษแห่งราตรีกล่าวขึ้น ...เรากำลังจัดใบเสร็จให้

คุณจะเช็คเอ้าท์ เมื่อไหร่ก็ได้ ...แต่อย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากที่นี่.......

เพลงนี้ อยู่ในอัลบั้มชื่อเดียวกัน Hotel California ออกวางขายในปี 1976-1978

ผลงานอัลบั้มเพลงทั้งหมดของวง The Eagles

Eagles (1972), Desperado (1973) ,On the Border (1974) ,One of These Nights (1975) ,Hotel California (1976–1978) ,The Long Run and breakup (1979–1980) ช่วงหยุดพักวง (1980–1994)

ช่วงกลับมาฟอร์มวงใหม่ (Reunion 1994–present) ,Hell Freezes Over (1994–1999) ,New millennium (1999–2001) ,Don Felder sues (2001–2002) ,"Hole in the World" (2003–2006) ,Long Road Out of Eden (2007–2011) ,History of the Eagles Documentary and 2013 Summer Tour (2013 – present)

เป็นอัลบั้มเพลงที่นักวิจารณ์ดนตรีทั่วโลก ต่างยอมรับและขนานนามให้เป็นสุดยอดอัลบั้มตลอดกาล การตีความหมายของ Hotel California เป็นสิ่งที่น่าขบคิด นักฟังเพลงทุกยุคทุกสมัย ต่างหยิบยกประเด็นต่างๆมาวิเคราะห์อย่างหลากหลายแง่มุม แต่ความเห็นที่ชัดเจนที่สุดก็คือ Hotel California น่าจะเป็นสถานที่ๆ มีอยู่จริง มันตั้งอยู่ละแวก Todos Santos ซึ่งเป็นเมืองๆ นึงในประเทศเม็กซิโก ชื่อว่า Baja California Peninsula (ซึ่ง ดอน เฮ็นเล่ย์ ได้ส่งแฟ็กซ์มา พร้อมกับข้อความที่กล่าวว่าชื่อของโรงแรมแห่งนี้ ถูกตั้งขึ้นหลังจากที่ Hotel California ได้กลายเป็นเพลงฮิตไปแล้ว โดยไม่ปรากฏว่าสมาชิกของดิอีเกิ้ลส์ คนใดเคยได้เข้าไปพัก แต่เอาเข้าจริงๆ Hotel California กลับเป็นชื่อเล่นของ Carmarillo State Hospital อันเป็นสถานที่บำบัดของผู้ที่ติดยาเสพติด ซึ่งมันได้ปิดตัวไปเมื่อปี 1997 หลังจากเปิดทำการเป็นระยะเวลาถึง 16 ปีเต็มๆ การตีความด้วยแนวคิดนี้ดูจะเป็นที่ยอมรับและเข้าเป้าที่สุด เพราะหลายๆท่อนในเนื้อเพลงได้กล่าวถึงการตกเป็นทาส (เราเป็นนักโทษในบ้านของตัวเอง)รวมไปถึงประโยคที่กล่าวว่า พวกเขาได้ปักหลักกันอันกินความหมายถึงการบำบัดในแบบพักรักษาตัวที่นี่ ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานหรือแม้กระทั่งการพูดเสียดสีว่า ถ้าที่นี่ไม่ใช่สวรรค์มันก็คงต้องเป็นนรกอย่างไม่ต้องสงสัย มีความเชื่อว่าเพลงๆ นั้มีการกล่าวถึงลัทธิซาตานในแบบอ้อมๆ ด้วย โดยมีการลือต่อๆกันมาว่า หลายๆท่อนของเนื้อเพลงจับไปยังประเด็นพิธีบูชาซาตาน และการพยายามที่จะ Kill the Beast นั้นได้มีการผูกกับ The Spirit here since 1969 อันเป็นปีที่ “คัมภีร์ซาตาน” ได้ถูกเขียนขึ้นเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ(แน่นอนว่ามันถูกเขียนที่ Hotel California)

เชิงอรรถ/นัยยะ/ตีความ ความหมายของเพลง

คำว่า Colitas มีการตีความไปเป็น 4ความหมายใหญ่ๆ ดังนี้

1 เป็นชื่อเล่นของกัญชาชนิดนึง ที่ส่งกลิ่นตลบอบอวลไปทั่ว

2 เป็นชื่อของพันธุ์ไม้ประเภทนึง ที่มักขึ้นได้บริเวณทะเลทราย

3 เป็นเรื่องเล่าจากนาย Thomas Dzubin ที่มาของชื่อนี้เกิดจาก โรงงานทำดอกไม้ไฟแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจาก Hotel California ไปแค่ 3 บล็อกถนน เกิดระเบิดขึ้น และคนงาน 1 ในนั้นที่ถูกชะตากรรมเล่นงานคือ Wurn Snell ที่มาจากเมือง Colitas ในประเทศกรีซ (Don Henley)

สมาชิกคนหนึ่งของวง The Eagles และเป็น1 ในผู้แต่งเพลงนี้ จึงแปลงเนื้อร้องมาจาก คำว่า เวิร์น สเนลจากโคลิตาส ถูกระเบิดร่างบินและลอยลิ่วไปบนอากาศ (Wurn Snell of Colitas...rising up through the air)

4 ก่อนที่จะมีการตีความกันไปไกลมากกว่านี้ ผู้จัดการวง The Eagles ชื่อ Irving Azoff ได้เฉลยออกมาว่า Colitas นั้นมีที่มาจาก Road Manager ของวง ที่มีเชื้อสายเม็กซิกัน และคำว่า “Colitas” นั้นก็คือการเล่นคำที่มาจากการล้อเลียนเขาว่า “ไอ้ตูดปอด”

อีกคำนึงที่น่าสนใจ ก็คือ Tiffany ในที่นี้ มีการเชื่อมโยงไปถึง Tiffany Country House สถานที่พักอันร่มรื่น อันโด่งดังและให้บริการมาตั้งแต่ปี 1898 ตั้งอยู่ที่ 1323 De La Vina Street Santa Barbara รัฐแคลิฟอร์เนีย การพูดถึง ทิฟฟานี่ที่บิดเบี้ยว น่าจะเป็นการเล็งไปยังภาพ ด้านตรงกันข้ามและไม่เพียงแค่นั้น สถานที่แห่งนี้ ยังขึ้นชื่อในเรื่องของการเสิร์ฟไวน์ d oeuvres ให้กับแขกในทุกๆบ่าย ซึ่งก็ตรงกับเนื้อเพลงในท่อนที่ว่า Please Bring me my wine อย่างไรก็ตาม การตีความเนื้อหาของเพลง Hotel California นั้น ใครจะมองอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคน ซึ่งทุกความเห็นไม่มีใครถูกหรือผิดที่สุด เพียงแต่แง่มุมคือสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ

อารี แท่นคำ หรือนามปากกา พายุหินกูรู นักวิจารณ์ดนตรีชื่อดัง กล่าวว่า ช่วงนั้น ดิ อีเกิ้ลส์ ลงตัวมากที่สุด ตอนนั้น โจ วอลซ์ เพิ่งเข้ามา คือ ต้องบอกก่อนว่า สมาชิกยุคที่สามของ อี เกิ้ลส์ ซึ่งถือเป็นยุคสุดท้ายแล้วมันมาจากหลายๆคน และก็มาจากเวสต์ โคสต์ มันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวมากและถือว่าเป็นช่วงที่มีไฟในการทำงานอีกครั้งหนึ่ง อย่าง ดอน เฟลเดอร์ นั้นสำหรับผม เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากคือ line guitar ของเฟลเดอร์นั้นจะหรูหราอลังการมาก ถ้าจะฟัง Hotel California ให้ถึงอารมณ์จริงๆ ต้องฟัง5รอบ รอบแรกฟังริธึ่ม ก่อน รอบสองฟังโซโล่กีตาร์แต่ละท่อน รอบสามฟังประสานเสียง ส่วนรอบ4ฟังดีเทลต่างๆ เช่น โซโล่ท่อนแรก และดนตรีแต่ละช่วง และสุดท้ายฟังรอบที่ 5 ฟังโดยรวม การที่มันมีส่วนผสมหลายๆ อย่างนั้นทำให้เพลงมันยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ในความรู้สึกของผม เขาบอกว่าเพลง hotel ฟังแค่กีตาร์ก็รักแล้ว ต้องบอกว่ามันเป็นมหากาพย์แห่งบทเพลงเลย ถือว่ายิ่งใหญ่เทียบได้กับอีก 4เพลง ที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล นั่นคือ Stairway to Heaven ของ Led Zeppelin เพลงที่สองคือ Bohemian Rhapsody ของ Queen เพลงที่สามคือ Tommy ของ The Who และเพลงที่สี่คือ Money ของวง Pink Floyd และเพลงสุดท้ายคือ Hotel California ของ The Eagles ยกให้เป็นมหากาพย์แห่งบทเพลงคลาสสิกตลอดกาล

ทิวา สาระจูทะ บรรณาธิการบริหารนิตยสาร สีสัน และนักวิจารณ์เพลงชื่อดังอีกท่านนึง กล่าวว่า เพลงนี้มันลงตัวหลายอย่าง จากชุด Desperado มาเป็น On The Border มันก็มีการเปลี่ยน producer ด้วยจาก Glyn Johns ซึ่งถนัดทางอะคูสติค มาเป็น Bill Szymczyk และก็อยู่มาจนถึงอีเกิ้ลส์วงแตก บิลลี่เขามีลูกของร็อคและริธึ่มแอนด์บลูส์ด้วย ในวงประกอบด้วยนักดนตรีหมดและก็ชอบหลายอย่าง เกล็นน์ ฟรายมาจากดีทรอยด์ แหล่งกำเนิดโมทาวน์ ส่วนดอน เฮนลีย์มาจากเท็กซัส จึงมีส่วนผสมของคันทรีและริธึ่มแอนด์บลูส์ ทำให้ส่วนผสมมันลงตัว ด้านเนื้อหา มันพูดถึงโลก พูดถึงสังคมอเมริกัน อยู่ในวังวนของทุนนิยม ตัวพวกเขาก็รู้ เพราะเป็นนักธุรกิจกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายของเพลงมีนัยยะสำคัญที่ร้องว่า you can check out anytime you like . but you can never leave มันเหมือนโรงแรมผีสิง คือคุณจะเช็คเอ้าท์ออกเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เอ็งไปไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องอยู่ เราคิดว่ามันหมายถึงทุนนิยม คือโลกของทุนนิยม คือหนีไปไหนก็ไม่พ้น เสร็จมัน และร้องมาเรื่อยๆ ไม่มีเบรก แล้วเอาโซโล่มาใส่ ยาวมาก ซึ่งไม่เคยมีเพลงไหนทำมาก่อน การโซโล่ทิ้งท้ายแบบนี้อาจต้องการจะบอก หมดยุคของการโซโล่แล้ว นี่จะเป็นเพลงสุดท้ายแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่มีเพลงไหนทำโซโล่ยาวๆ อีก ยกเว้นการแสดงสด

(ถอดความบางส่วนจาก บทความ “ปริศนาเพลงคลาสสิกของ The Eagles และ กะเทาะนัยยะ Hotel California" ; วารสาร Entertrend ฉบับวันที่ 17 ,8 ตุลาคม 2547 ,Bizweek)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น