สมการที่ว่า เงินมา = ผ้าหลุด
ไม่มี Text หรือตำราทางวิชาการเล่มใด เคยระบุไว้ว่าใครเป็นคนคิดทฤษฏีของสมการนี้
ทฤษฏีที่ 1 สมการ เงินมา = ผ้าหลุด
เงินมาที่ว่า จะมีปริมาณมากน้อยเพียงใด หล่ะ ตามทฤษฏีบอกว่า เงินจำนวนนั้นจะต้องมากกว่าหรือเท่ากับความต้องการที่เจ้าของผ้าอยากจะได้
ส่วนผ้าจะหลุดมากน้อยเท่าใด ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณของเงินด้วยเช่นกัน คือถ้าเงินมาก ผ้าก็หลุดมาก ถ้าเงินน้อย ผ้าก็หลุดน้อย
ถ้าเป็นไปตามทฤษฏีนี้ ถ้าหากเงินไม่มา หรือมาน้อยมาก ผ้าก็อาจจะไม่หลุด เลยก็เป็นไปได้
ทฤษฏีที่ 2 สมการ เงินไม่มา/ไม่มาก = ผ้าหลุด
ตามทฤษฏีนี้บอกว่า เงินแม้จำนวนน้อย หรือเงินไม่มีก็ได้ แต่ผ้าก็พร้อมที่จะหลุดได้เสมอ อันนี้คงเป็นความพอใจของผ้าที่พร้อมจะหลุดได้เลย ถ้าพึงพอใจ เจ้าของเงินที่ว่า เจ้าของเงินอาจไม่มีเงิน หรือมีเงิน จะมีน้อยมีมากก็ได้ เจ้าของผ้าไม่ได้สนใจที่เงิน แต่สนใจที่ตัวของเจ้าของเงินมากกว่า
ทฤษฏีที่ 3 สมการ เงินมาแล้ว/เงินพร้อมกองไว้ตรงหน้าเลย = ผ้าไม่มีทางหลุด
ตามทฤษฏีนี้บอกว่า ถึงเงินจะมาก มากองไว้ตรงหน้าเลย ไม่อั้น แต่ผ้าก็ไม่พร้อมจะหลุด หรือไม่มีทางหลุด เพราะไม่เต็มใจที่จะหลุด นอกจากบังคับขืนใจเอา เพราะเจ้าของผ้า ไม่พึงพอใจทั้งตัวเงินและเจ้าของเงินนั้น แต่ถ้าพึงพอใจ เจ้าของเงินนั้นเมื่อไหร่ เงินอาจไม่จำเป็นก็ได้ ตามทฤษฏีนี้ก็คือเจ้าของผ้า ไม่เต็มใจที่จะผ้าหลุด ดังนั้น เงินจะมากหรือน้อย จะมาหรือไม่มา ก็ไม่สนใจ
ในโลกปัจจุบันนี้ ทฤษฏี เงินมา ผ้าหลุด ได้ถูกนำมาใช้ในแง่การตลาดกันมาก จนกลายเป็นกระแส Talk of the Town กันมากขึ้น อย่างเช่น เมื่อปีกลาย กระแส จ๊ะ คันหู ดัง ด้วยเสียงเพลงที่มีภาษา2 แง่ 2 ง่าม ล่อแหลม ท่าเต้นที่เย้ายวนใจ พอมาปีนี้ กลายเป็น น้องปอนด์ Thailand’s Got Talent ที่มาสร้างกระแส ด้วยวิธีการเงินมาผ้าหลุด ในวงการแฟชั่น นั้นใช้ทฤษฏีนี้มาตั้งนมนานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนิตยสาร PlayBoy, PentHouse ในบ้านเราก็พวกนิตยสารปลุกใจเสือป่า และพวกปฏิทินเหล้า เบียร์ ทั้งหลายทำมานานแล้ว หรือดารา นายแบบ นางแบบ ลุกขึ้นมาถ่ายรูปเซ็กซี่ในช่วงซัมเมอร์ มีนิตยสารหลายหัวทำกันอยู่ ฝ่ายหญิง ที่เคยเป็นข่าวฮือฮา ก็อาทิ เพ็ญพักตร์ ศิริกุล ,ดาริน กรสกุล ,มรกต มณีฉาย ,ทัดทรวง มณีจันทร์ ,อังคณา ทิมดี , น้องแน๊ต เกศริน ,บี วัลวิภา โยคะกุล , เปิ้ล ไอริณ ,โยโกะ ทาคาโน่ , หมออ้อย , ตั๊ก บงกช ,น้องไอซ์ อภิษฏา ,เมย์ พิชนาฏ , เป้ย ปานวาด ,อุ้ม ลักขณา ฯลฯ ด้านฝ่ายชาย ที่เคยมีข่าวสร้างกระแส ก็อาทิ เช่น โอ๋ ไอศูรย์ ,ติ๊ก ฉัตรมงคล,เอ็กซ์ ปิยะ,อ้น สราวุธ, นิกกี้ พริ้ม ,แท็ค ภรัณยู ,นาธาน โอมาน ฯลฯ หรือแม้กระทั่งนำนักมวย ชื่อดังอย่าง สามารถ พยัคฆ์อรุณ และ ก็ศิริมงคล สิงห์วังชา ก็เคยผ้าหลุดเพื่อเงินมาแล้ว
ในด้านวงการเพลงนั้น แม้จะไม่กล้านำทฤษฏีนี้มาใช้อย่างโต้งๆ เพราะกลัวถูกแบนหรือเซ็นเซอร์ แต่ก็นำมาใช้แบบอ้อมๆ ผ่านมิวสิควีดีโอที่หวือหวา อาทิ วงเกิร์ลกรุ๊ป อย่าง เกิร์ลลี่เบอร์รี่ ,โฟร์ มด มิวสิควีดีโอของทาทายัง (ในอัลบั้มเพลงสากล) พวกบรรดานักร้องที่เน้นขายรูปลักษณ์มากกว่าเสียง จำนวนมาก สังเกตดูได้จากช่องเพลงของเคเบิ้ลทีวี
กรณีของภาพยนตร์ก็กำลังเป็นที่ฮือฮาอยุ่เวลานี้ 2 เรื่องก็ไม่พ้นกระแสนี้ ก็หยิบเอาทฤษฏีเงินมาผ้าหลุด มาใช้สร้างจุดขาย แม้ว่าเนื้อหาข้างในของภาพยนตร์จะต้องการสื่อสารทางด้านดราม่ามากกว่า และมีข้อคิดด้านดีๆ อยู่ แต่ก็จำเป็นจะต้องนำทฤษฏีนี้มาใช้เพื่อเป็นตัวเรียกกระแสความสนใจก่อน นั่นก็คือเรื่อง Magic Mike และ จันดารา
กำหนดฉาย : 28 มิถุนายน 2555
นำแสดง : แชนนิง เททัม, อเล็กซ์ เพ็ตติเฟอร์, แมทธิว แม็คคอนาเฮย์, โจ แมนเกนเนโล่
กำกับโดย สวีเว่น โซเดอร์เบิร์ก
Magic Mike เป็นหนังที่ได้ถูกดัดแปลงมาจากชีวิตของ Channing Tatum ก่อนเข้าวงการฮอลลีวูด (Hollywood) เมื่อเขา (Alex Pettyfer) เลือกที่อยากจะเต้นระบำเปลื้องผ้า ความเร่าร้อนของการเต้นเปลื้องผ้าบนเวทีจากนักเต้นรุ่นพี่อย่าง "ไมค์" (Channing Tatum) ซึ่งสาเหตุที่เขาเลือกเพราะเป็นงานที่หาเงินได้ง่ายเพียงแค่ใช้สรีระ รวมถึงผู้หญิงและปาร์ตี้
สาวน้อยสาวใหญ่เตรียมน้ำหลายไหลย้อยกันได้เลย เพราะ แชนนิง เททัม (Channing Tatum) จะสลัดผ้าให้เหลือน้อยชิ้นที่สุดในหนังเรื่องนี้ ด้วยบทบาทที่เขาจะเล่นเป็นหนุ่มระบำเปลื้องผ้า ซึ่งใครจะรู้หรือไม่ว่าหนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริง ชีวิตจริงของ แชนนิง เททัม เอง ก่อนที่เขาจะเข้ามาวงการฮอลลีวูดและโด่งดังกันอย่างที่เห็น
ไมค์ (แชนนิ่ง ทาทั่ม) เป็นนักธุรกิจ เขาเป็นชายหนุ่มมากความสามารถ มีเสน่ห์ล้นเหลือ ช่วงกลางวัน เขาใช้เวลาไปกับการไล่ตามความฝันของคนอเมริกัน ตั้งแต่การมุงหลังคาบ้าน ทำความสะอาดรถ ไปจนถึงการออกแบบเฟอร์นิเจอร์จากคอนโดบนชายหาดแทมป้า แต่กลางคืนเขาร่ายมนต์สะกัดสาวๆ ด้วยท่วงท่าการเต้น และซิกแพ็ค
เรื่องราวกล่าวถึงหนุ่มไมค์ นักแสดงหนุ่มสุดฮ็อตบนเวทีชายล้วน เขย่าเวทีของคลับเอ็กซ์ควิซิท ให้สั่นสะเทือนมานานหลายปีด้วยสไตล์การเต้นที่ไม่เหมือนใคร เร่าร้อน ยิ่งสาวๆ รักเขามากเท่าไหร่ พวกเธอก็ยิ่งต้องจ่ายเงินหนักมือมากขึ้นเท่านั้น ทำให้ดัลลัส (แมทธิว แม็คคอนาเฮย์) เจ้าของคลับแฮ็ปปี้มากขึ้นด้วย เมื่อไมค์ไปเจอหนุ่มคิด แล้วเห็นแววของเด็กหนุ่มที่เขาตั้งชื่อให้ว่า คิด (อเล็กซ์ เพ็ตติเฟอร์) ไมค์ได้ช่วยดูแลเด็กหนุ่มวัย 19 ปี คนนี้ และคอยสอนศิลปะการเต้นชั้นสูงให้เขา รวมถึงเรื่องเฮฮาปาร์ตี้ การจีบสาว และวิธีหาเงินง่ายๆ ไม่นาน นักแสดงหน้าใหม่ของคลับรายนี้ก็เริ่มมีแฟน ๆ ชื่นชม
ขณะเดียวกัน ไมค์ได้พบกับบรูค (โคตี้ ฮอร์น) พี่สาวคนงามของคิด เธอเป็นคนที่เขาอยากรู้จักสนิทสนม และดูเหมือนเขาจะมีโอกาส เว้นแต่วิธีการใช้ชีวิตของเขาได้กลายมาเป็นอุปสรรคขัดขวาง
ไอเดียในการสร้างหนังที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นในโลกของนักเต้นเปลื้องผ้าชาย วนเวียนอยู่ในความคิดของ แชนนิ่ง ทาทั่ม มาตั้งนานแล้ว ด้วยความที่เขาเคยเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนั้น เขาจึงรู้สึกว่ามันมีศักยภาพมากพอที่จะกลายเป็นหนังที่ดูสนุก โดดเด่น เพลิดเพลิน แต่สิ่งที่ทำให้ Magic Mike เดินหน้าขึ้นสู่จอเงินได้ในที่สุด ก็คือบทสนทนาที่เขาเคยพูดคุยกับสตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก ทาทั่มซึ่งเป็นทั้งนักแสดงนำ และผู้อำนวยการสร้างของหนังเรื่องนี้ด้วย เล่าว่า “ผมเคยทำงานเป็นนักเต้นระบำเปลื้องผ้าอยู่ 8เดือน ตอนอายุ 18-19ปี ผมคิดอยู่เสมอว่า อยากจะสร้างหนังเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตช่วงนั้น เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการพูดถึงเรื่องนี้ พวกผู้ชายก็จะอยากรู้เกี่ยวกับมันเสมอ ทำนองว่า คุณเข้าวงการนี้ได้อย่างไร มันเป็นยังไง คุณหาเงินได้เท่าไหร่ สตีเว่นบอกกับผมว่า “นายน่าจะทำมันนะ นายน่าจะเขียนบทเรื่องนี้ แล้วฉันจะเป็นคนกำกับให้เอง”
“ผมคิดว่ามันเป็นหนึ่งในไอเดียหนังที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมาเลย” โซเดอร์เบิร์กบอก “ทั้งเซ็กซี่ ทั้งตลก และเป็นมุมมองต่อสังคมได้ด้วย ลับเฉพาะที่น่าสนใจ ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน” ทาทั่มเล่าให้ฟังต่อว่า แทนที่จะเป็นเหตุการณ์จริงๆ “ สิ่งที่ผมอยากจะถ่ายทอดคือบรรยากาศ และพลังงงานของมัน และความรู้สึกของการอยู่ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่คุณทดลองทำสิ่งต่างๆ และพร้อมที่รับทุกสิ่ง คุณอาจมีแผนสำหรับอนาคต แต่ตอนนี้ มันเป็นเรื่องของเงินเดือนงวดถัดไป ปาร์ตี้ครั้งต่อไป และการสนุกสุดเหวี่ยง” ตามที่ทาทั่มเล่า ตอนอายุ 18 เขาเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น ตอนที่ได้ยินโฆษณาทางวิทยุ ประกาศหาตัวชายหนุ่มที่รักการเต้น เพื่อออดิชั่นสำหรับการเต้นชายล้วน “ผมคิดว่า ลองดูก็ได้ ก็ผมเต้นเป็นนี่ มันน่าจะเป็นสิ่งที่ผมสนุกได้สักพักเลย ผมไปขึ้นเวที 2ชั่วโมง และทำเงินได้ 150 เหรียญ บางครั้งก็มากถึง 600เหรียญต่อสัปดาห์เป็นเงินสด ถือเป็นเงินจำนวนมากมหาศาลสำหรับผมในตอนนั้น” ทาทั่มเล่าต่อ “ผมสนุกกับการแสดง แม้การสวมกางเกงในจีสตริงขึ้นเวที จะเป็นประสบการณ์ที่น่าอายอยู่บ้าง ยิ่งคุณพยายามจะทำตัวเซ็กซี่มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งแป้กมากขึ้นเท่านั้น นักเต้นเปลื้องผ้าเป็นคนที่เฉิ่มที่สุด เท่าที่คุณจะได้พบ ถ้ามันเป็นการล้อเลียนพนักงานดับเพลิง มันก็จะเป็นเวอร์ชั่นของพนักงานดับเพลิงที่เฉิ่มที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ แต่สาวๆ ก็ชอบนะ พวกเธอจะกรี๊ด หัวเราะ และยัดเงินเข้าไปในกางเกงในของคุณ มันบ้ามาก เราคิดว่าเราเป็นร็อคเกอร์สตาร์เลยนะตอนนั้น”
เรื่องย่อ ภ.ไทย เรื่อง จันดารา (ฉบับรีเมค และตีความใหม่ โดย มล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล)
กำหนดฉาย : ประมาณเดือนกันยายน 2555
นำแสดง : มาริโอ้ เมาเร่อร์ , รฐา โพธิ์งาม , สาวิกา ไชยเดช
กำกับโดย มล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล
จัน ดาราเป็นเรื่องของนายจัน ผู้เกิดมาท่ามกลางความคาวคลุ้งของกามาที่แวดล้อม เขาคือบุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของโลกีย์โลกในครัวเรือนซึ่งเป็นอาณาจักรเล็กๆล้อมรั้วบ้านวิสนันท์ไว้ (มีข้อสังเกตว่าเมื่อจันออกนอกบ้าน หรือไปไกลอยู่พิจิตรถึงสามปี กลับไม่มีเรื่องนี้มาสุงสิง) เขาไม่สามารถเติบโตโดยพ้นวิสัยที่จะหนีพ้นออกจากบ่วงกรรมอันน่าสมเพชแห่งนี้ได้ ที่ว่าน่าสมเพชเพราะตัวเขาเองรู้ตัวดีถึงจุดอ่อนในจิตใจแห่งอาการเหล่านี้ การแสดงออกทางเพศ บางครั้งเหมือนเป็นการแก้แค้น เป็นแรงกดดันที่ได้รับได้เห็นจากผู้เป็นพ่อมาตั้งแต่เด็กและเกิดอาการไม่เข้าใจ จึงต้องเลยตามเลยไปในเบ้าหลอมชีวิต ขณะเดียวกันก็เหมือนเป็นการแสดงออกเพราะปรารถนาในอาการขาดแม่ อยากได้รับความอบอุ่นจากผู้หญิงที่เป็นเพศเดียวกับแม่ ฟังเขาเล่าแล้วดูสมเหตุสมผลเมื่อสืบสาวไปถึงต้นตอที่เป็นสัมพันธภาพระหว่างเขากับบุคคลอื่นๆ และนี่คือส่วนที่เรียกว่าเหตุผลของตัวละคร ตรงนี้เองที่ทำให้เรื่องราวนี้ดูหนักแน่น เนียน และสะท้อนด้านลึก(อาจจะรวมคำว่ามืดด้วยก็ได้ ถ้านึกถึงคำถัดๆมา เช่นปกปิดหรือตีแผ่) ของมนุษย์ออกมาอย่างชัดเจนศิโรราบ
นายจัน (oedipus complex and sex obsessive man) เกิดมาตอนแม่ตายไปแล้ว คือแม่ตายระหว่างคลอด และพ่อซึ่งเป็นคุณหลวง (sex obsessive man) เกลียดมาตั้งแต่เกิดจนถึงกับเรียกลูกว่า"ไอ้จัญไร" เวลาไปตั้งชื่อลูกที่กองทะเบียน เลยใช้ชื่อ "จัน"เฉยๆเพื่อความสุภาพ เด็กจันถูกเลี้ยงมาแบบทิ้งๆขว้างๆ ถึงแม้จะถูกยกเป็น"คุณจัน"ของบ้านนี้ แต่สถานภาพก็ไม่ต่างกับบริวารอื่นๆ เขาถูกพ่อดุด่าว่ากล่าวตลอดเวลาที่มีโอกาส พ่อแสดงความรังเกียจโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่าทำไม ข้างแม่จากการบอกเล่า เป็นคนมีฐานะดีอยู่ในขั้นเศรษฐินีแห่งเมืองพิจิตร หลังจากที่แม่ตาย พ่อก็ค่อยๆครอบครองสมบัติของแม่ รวมทั้งกำจัดบริวารที่ไม่โอนอ่อนผ่อนตาม นำคนที่ตัวชอบมาเลี้ยงดูแล และเลี้ยงรวมไปถึงสาวๆตั้งแต่แรกรุ่นยันรุ่นดึก แล้วพ่อก็จะประกอบกิจในสนามกรีฑารัตน์ให้เป็นที่เลื่องลือ จันเคยพูดทำนองประชดขันว่า..ถ้าเด็กๆในบ้านหาพ่อไม่ได้ พ่อผมก็จะใจดีรับเขาไว้เป็นลูกหมด...จันนั้นเติบโตเพราะบารมีน้าวาดคุ้มครอง น้าวาดเป็นญาติข้างแม่ เป็นผู้หญิงที่มีจิตใจดีใฝ่ธรรมะและเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดของเขา น้าวาดเองก็ตกเป็นเมียของพ่อจนมีลูกสาวชื่อแก้ว (sex pervert) ซึ่งเธอคนนี้รับเชื้อดีจากพ่อเอาไว้หมด จันอยู่ในบ้านหลังเล็กกับเคน กระทิงทอง (sex expert) ลูกชายแม่พุ่มแม่ครัวในบ้าน ที่คอยสอนเรื่องราวกรีฑาการต่างๆในวิมานสโมสรให้เขา และมีตัวละครสำคัญอีกคู่หนึ่งคือ แม่บุญเลื่อง (object of desire) และคุณขจร (incest) ซึ่งเป็นภรรยาและลูกดั้งเดิมของพ่อที่เขารับเข้ามาอยู่ในบ้านภายหลัง ส่วนตัวละครอื่นๆก็เป็นตัวประกอบในเชิงบรรยายโลกีย์โลก ให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมที่นำกามตัณหามาแสดงความวิปริตในจิตใจมนุษย์แต่ละคน ความโดดเด่นของตัวเรื่องอ่านแล้วไม่รู้สึกก้าวร้าว(offensive) นอกจากความเข้าใจในการใช้ภาษาอย่างที่ผู้เขียนกล่าวไว้ น่าจะเป็นวิธีการเล่าเรื่องในเชิง "อัตถนิยม" ที่ในตอนท้ายนายจันก็บอกเองว่าเป็นการเขียนขึ้นเพื่อรักษาจิตใจจากการแนะนำของหมอประจำตัว เมื่อเล่าในลักษณะระบายทุกข์ใหญ่หลวงนี้ ตัวหนังสือจึงให้โทนเสียงไปในเชิงขบขัน บริสุทธิ์มาตั้งแต่เด็ก อ่านแล้วสนุกมาก ประกอบกับการผูกเรื่องที่ยอดเยี่ยม ผูกปม คลายปมที่สลับซับซ้อนในความสัมพันธ์ของตัวละครและเหตุการณ์เป็นไปที่แท้จริง ทำให้อยากรู้และชวนติดตามตลอดว่าชีวิตของนายจันจะเป็นอย่างไร เมื่อถูกกลั่นแกล้งจนต้องออกจากบ้าน และเมื่อต้องกลับเข้ามาบ้านอีกเพราะความจำเป็นบังคับชนิดที่หนักหนาพอที่จะสืบทอดเวรกรรมอันนี้
สร้างจากวรรณกรรมของคุณอุษณา เพลิงธรรม ซึ่งเป็นนามปากกาของคุณประมูล อุณหธูป เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๓ พระนคร กรุงเทพ เริ่มศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนเทวะกุญชร จบชั้นมัธยมปลายโรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยา หลังจากนั้นเข้าทำงานรับราชการที่กองรังวัด และไปรับราชการกรมสหกรณ์ที่ปากน้ำ สมุทรปราการ เริ่มมีงานเขียนมากมายในช่วงที่เข้าทำงานในแวดวงหนังสือ จนตอนหลังเป็นบรรณาธิการนิตยสารชาวกรุง มีผลงานในนามนี้อีกหลายเล่ม ขณะเดียวกันก็มีผลงานแปลชั้นครู ที่พอจะจำได้และประจำใจมาก เช่น โลงของอีส้า ปีศาจสันนิวาสที่แปลมาจากหนังสือของซิดนีย์ เชลดอน จ้าวแม่ทองดำ โลกียชน เป็นต้น
หนังสือของอุษณา เพลิงธรรมเล่มนี้ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปีพศ. ๒๕๐๙ นับนิ้วแล้วมีอายุยาวนานถึงสามสิบห้าปี เขียนตั้งแต่สมัยที่การพูดถึงเรื่องราวอีโรติกแบบนี้ในสังคมยังไม่เป็นที่รู้จัก ดังนั้นคงพอจะนึกออกว่าตัวหนังสือสร้างความฮือฮาในแง่ศีลธรรมขนาดไหน ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากนักอ่านตั้งแต่กรุงเทพฝั่งซ้ายยันฝั่งขวาจนกินพื้นที่ไปทั่วประเทศ แต่ความคลาสสิคของหนังสือเล่มนี้ไม่ได้สะท้อนถึงแต่ชีวิตที่หลงใหลไปในตัณหาเท่านั้น กลับสะท้อนด้านสำนึกดีงามของมนุษย์ และสะท้อนแง่มุมมนุษย์อย่างหมดเปลือกซึ่งก็แฝงมากับคำพูดของจัน ดาราเองแทบทุกตอน เรื่องนี้จึงคงความคลาสสิคไว้ด้วยประการทั้งปวง
เรื่องความวิกลของปรีย์ ถ้าจะว่าไปก็ยังนับว่าเป็นการดีอย่างเอกแล้ว ที่ความไม่สมประกอบของเขาได้เป็นที่โจ่งแจ้งออกมาเช่นนั้น นั่นก็คือการดีกว่าคนที่ซุ่มซ่อนเอาความไม่สมประกอบเข้าไว้ในจิตใจ -- ในสังขาร ซึ่งดูก็เป็นผู้คนบริบูรณ์ดีจนมีสิทธิ์และโอกาสที่จะก่อกรรมทำเข็ญแก่สังคมได้สารพัด คนประเภทนี้มีอยู่มากและระวังยากเสียด้วย ผมจึงรักและนิยมปรีย์ของผมในประการเช่นนี้ (หมายเหตุ: ปรีย์ มาจาก..อัปปรีย์ที่นายจันผู้ดูแลตั้งให้ เพราะเห็นว่าเกิดมาก็ตกสถานะในเวรกรรมเดียวกับที่เขาเคยประสบ)
1. อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ 2.ชมพู่ อารยา เอ. ฮาร์เก็ต 3.พลอย เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์ 4.โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์ 5.ไอซ์ อภิษฏา เครือคงคา 6. อุ้ม ลักขณา วัธนวงศ์สิริ 7. เอ็มมี่ มรกต กิตติสาระ 8.เจนนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ 9. นาตาลี เดวิส 10.ซูซี่ สุษิรา แน่นหนา ที่มา : จากเว็บไซต์สนุกดอทคอม
10 ดาราชายไทยที่เซ็กซี่ที่สุด ในปี 2011
1.ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ 2.อ๋อม อรรคพันธุ์ นะมาตร์ 3. ณเดชณ์ คูกิมิยะ 4.กันต์ กันตถาวร 5.แทค ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม 6.อนันดา เอเวอริ่งแฮม 7.ยุกต์ สน ส่งไพศาล 8.อั๊ต อัษฏา พานิชกุล 9. หมาก ปริญ สุภารัตน์ 10. เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธุ์ ที่มา : จากเว็บไซต์สนุกดอทคอม
ตำนาน และความเป็นมาของการถ่ายนู๊ด ในประเทศไทย
เป็นที่ทราบกันดีว่าแม่โขงคือเจ้าแห่งปฏิทิน'นู้ด' แต่ใครจะรู้บ้างว่าจริงๆแล้วปฏิทินนู้ดมีจุดกำเนิดมาตั้งแต่ปี 2502 'ผู้จัดการปริทรรศน์' จะพาท่านย้อนรอยไปสัมผัสกับปฏิทินนู้ดฉบับแรกๆของไทย จนมาถึง 'ศิริขวัญ นันทศิริ' ดาราสาวคนแรกที่กล้าเปลือยกายถ่ายปฏิทิน 'ดาริน กรสกุล' ในยุคที่ตำรวจกวาดจับปฏิทินหวาม ตื่นตากับบรรดาเซ็กซ์บอมบ์ในช่วงนู้ดข้างฝาเฟื่องฟู จนถึงยุคที่นางแบบทิ้งแคตวอล์กแห่ถ่ายปฏิทิน และล่าสุดกับปฏิทินนู้ดภายใต้การดูแลของเจ้าแม่คลับเอฟ 'ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม'
ปี พ.ศ. 2502 ซึ่งเป็นปีแรกที่ผู้ผลิตสุราของไทยชื่อผลิตปฏิทินแบบแขวนซึ่งมีรูปนางแบบ แต่งตัวเซ็กซี่แจกจ่ายเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่บรรดาลูกค้า แต่ภาพที่วาบหวามที่สุดของนางแบบในยุคนั้นเป็นเพียงชุดกางเกงขาสั้น เสื้อเชิ้ตแขนสั้นพับแขน และเอาชายสองข้างมาผูกไว้ที่เอว และนั่งโพสท่ามกลางฉากทิวทัศน์อันสวยงาม
อีก 2 ปีต่อมา คือประมาณปี 2504 นางแบบเพิ่มความเซ็กซี่มากขึ้นโดยพัฒนาจากกางเกงขาสั้นมาเป็นชุดว่ายน้ำแบบ วันพีซรัดรูปรัดทรง แต่ชุดว่ายน้ำสมัยนั้นจัดว่าไม่โป๊เลยก็ว่าได้ เพราะขากางเกงสั้นเท่ากับกางเกงขาสั้น ไม่ได้เว้าสูงเหมือนชุดว่ายน้ำในปัจจุบัน ส่วนเสื้อก็ปิดหน้าอกไว้ค่อนข้างมิดชิด จึงไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งให้เสือหิวทั้งหลายได้เห็น
จนกระทั่งปี 2511 ซึ่ง เป็นช่วงที่วัฒนธรรมตะวันตกเริ่มเข้ามา นางแบบปฏิทินของไทยจึงเริ่มใส่ชุดว่ายน้ำแบบทูพีซ เปิดเผยให้เห็นถึงสรีระมากขึ้น ปฏิทินที่บรรดาแฟนหนังไทยจดจำได้ดีคงหนีไม่พ้นชุดที่ โขมพัสตร์ อรรถยา ดาราดาวยั่วที่ถ่ายปฏิทินชุดว่ายน้ำให้สุรากวางทอง (เครือเดียวกับแม่โขง) เมื่อปี 2514 ซึ่งสร้างความฮือฮาอย่างมากเพราะในยุคนั้นต้องถือว่าเธอเป็นสาวที่ใจกล้าสุด สุด
นู้ดเต็มรูปแบบ
แต่ปี ที่นับว่าเป็นการเปิดศักราชปฏิทินนู้ดอย่างเต็มรูปแบบน่าจะเป็นปี 2519 ซึ่งประวัติศาสตร์ปฏิทินแนวปลุกใจเสือป่าต้องจารึก เพราะภาพที่ปรากฏบนแผ่นปฏิทินปีนี้เป็นภาพเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของนางแบบ สาว 'ศิริขวัญ นันทศิริ' ดาราชื่อดังในสมัยนั้น ซึ่งเจ้าของไอเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตปฏิทินชุดนี้ก็คือเหล้าวิสกี้ยี่ห้อไก่แดง และนี่เองอาจกลายเป็นตำนานบทแรกของปฏิทินเหล้าแนว 'นู้ด' หรือเรียกกันสมัยนั้นว่า 'ภาพโป๊' และช่วงนั้นเป็นยุคที่มีดาราดาวยั่วมาถ่ายปฏิทินนู้ดกันหลายคน ไม่ว่าจะเป็น วาสนา พลากร , ดวงชีวัน โกมลเสน , รุ้งลาวัลย์ ศรีปฏิมากูล
'อุ้ง' อัญมณี สีชาด ตากล้องภาพนู้ดมืออาชีพซึ่งคลุกคลีกับการถ่ายภาพนู้ดมากว่า 20 ปี เท้าความถึงความโด่งดังของศิริขวัญว่า
" เท่าที่จำได้ภาพที่ศิริขวัญเป็นแบบในสมัยนั้นสร้างความไม่พอใจให้แก่ตำรวจ ไทยทั่วประเทศ ถึงขั้นยื่นหนังสือประท้วง เนื่องจากเสื้อผ้าบางชุดที่ศิริขวัญใส่ถ่ายแบบเป็นชุดที่เลียนแบบชุดของ ตำรวจ และโพสท่าเซ็กซี่โดยปลดกระดุมเสื้อออก 2-3 เม็ด เผยให้เห็นเสื้อชั้นในและเนินอกอวบอิ่ม เรื่องนี้เป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์อยู่หลายวัน" ต่อ มาเป็นช่วงที่เริ่มเข้าสู่ยุคที่นางเอกมาถ่ายปฏิทินนู้ด (ช่วงหลังจากปี 2520) ซึ่งปฏิทินที่สร้างความฮือฮาอย่างมากคือปีที่ เนาวรัตน์ ซื่อสัตย์ นางเอกเรื่อง 'อีโล้นซ่าส์' เป็นนางแบบปฏิทินแม่โขงเมื่อปี 2522 โดยเนาวรัตน์เปลือยทั้งตัวแต่ไม่เห็นหน้าอกหรือของสงวน"
"ตอนที่ เนาวรัตน์ ซื่อสัตย์ ถ่ายปฏิทินนั้นเปลือยหมด แต่เปลือยแบบไม่เห็นอะไร คือเอามือบังหน้าอก เห็นแค่โครงร่างเป็น curve มีส่วนเว้าส่วนโค้ง แต่ที่หวือหวาเพราะเธอโกนหัว เป็นผู้หญิงที่โกนหัวแต่สวย เซ็กซี่ มีหน้าอก มีเอว แล้วหน้าตาก็สวยมากด้วย" อัญมณี สีชาด พูดถึงปฏิทินของนางเอกโล้นซ่าส์ด้วยความชื่นชม
และปฏิเสธไม่ได้ว่าปฏิทินแม่โขงได้สร้างชื่อให้หลายต่อหลายคนโด่งดังในวงการ บันเทิง แม้แต่นางแบบบรรดาโนเนม ถ้าพูดถึง แพรว มาศมารุต หรืออีกชื่อหนึ่งว่า จุติมา ดาวจรัส น้อยคนนักที่จะรู้จัก แต่ถ้าเอ่ยชื่อ 'ติ๊ก แม่โขง' หลายๆคนโดยเฉพาะหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่คงร้องอ๋อ... เพราะเธอคือนางแบบปฏิทินแม่โขงเมื่อปี 2525 ซึ่งโด่งดังมากถึงขนาดที่คำว่า 'แม่โขง' กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของฉายาของเธอ
ขณะที่ในปี 2528 เพ็ญพักตร์ ศิริกุล และ สุพรรณี จิตเที่ยง นางแบบ-ดาวยั่วที่ถ่ายปฏิทินนู้ดให้นิตยสารหนุ่มสาว นิตยสารสำหรับชายหนุ่มโดยเฉพาะ ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีเช่นกัน ด้วยท่าทีที่มั่นใจ หน้าตาสะสวย และหุ่นอันอวบอัด ทำให้ทั้งสองคนกลายเป็นเซ็กส์บอมบ์อันดับต้นๆของเมืองไทยในขณะนั้น
ยุคที่ใกล้เคียงกันคือยุคที่เริ่มเห็นหน้าอกของนางแบบอย่างชัดเจน โดย ผุสรัตน์ ดารา นางเอกภาพยนตร์จักรๆวงศ์ๆ เป็นผู้สร้างตำนานเป็นคนแรก โดยตัดสินใจหันถ่ายปฏิทินนู้ดให้กับสุราแม่โขง เมื่อปี 2528 ด้วยค่าตัว 100,000 บาท เพราะต้องการนำเงินไปรักษาพ่อที่เป็นมะเร็ง แต่เนื่องจากผุสรัตน์เป็นนางเอกที่มีภาพลักษณ์ดี สวยแบบเศร้าๆ และเรียบร้อยตามแบบฉบับกุลสตรีไทย การถ่ายปฏิทินนู้ดเปลือยอกครั้งนี้จึงก่อให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก และน่าเศร้าที่การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้เธอต้องออกจากวงการบันเทิง ผันตัวเองไปเป็นนักร้องคาเฟ่แทน
เซ็กซ์บอมบ์แห่ถ่าย
ในช่วงปี 2530 เป็นต้นมา นับว่าเป็นยุคที่นางแบบดาวยั่วทั้งหลายแห่แหนมาถ่ายปฏิทินนู้ดมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ขวัญภิรมย์ หลิน ที่ถ่ายปฏิทินให้ถุงยางอนามัยคิงเท็คในปี 2533 และในปีเดียวกัน ดาริน กรสกุล ก็เป็นแบบให้ปฏิทินแม่โขง โดยปฏิทินทั้ง 2 ชุดเป็นผลงานของตากล้องนู้ดฝีมือฉกาจ 'อุ้ง' อัญมณี สีชาด
ต่อมาปี 2535 ต้องนับว่าปฏิทินในปีนี้เป็นชุดที่ทำให้บรรดาเสือสิงห์กระทิงแรดน้ำลายสอได้ มากที่สุดชุดหนึ่งเพราะในปีนี้แม่โขงจับนางแบบเซ็กซ์บอมบ์มาไว้ในปฏิทินชุด เดียว เช่น สุกัญญา มิเกล นางแบบลูกครึ่งซึ่งภายหลังผันตัวมาจับไมค์เป็นนักร้องอาชีพ , ทัดทรวง มณีจันทร์ ดาวยั่วหุ่นทรมานใจชาย รวมทั้งนางแบบหุ้นสบึมอีกหลายคน
เช่นเดียวกับปี 2538 ที่เสือป่าต้องครางฮือเมื่อผู้ผลิตรถยนต์พร้อมใจกันดึงเซ็กซ์บอมบ์อันดับ ต้นๆของเมืองไทยมาถ่ายปฏิทินหวิวพร้อมๆกัน โดยรถบรรทุก FUSO เลือกนางแบบทรงโต 'แอน มรกต มณีฉาย' มาโชว์หน้าอกขนาด 38 นิ้ว บนแผ่นปฏิทิน ขณะที่รถจักรยานยนต์ KAWASAKI ให้ 'อุ้ยอ้าย อัครนี แดงใส' นางแบบนัยตาเซ็กซี่ ผิวสีแทน มาใส่ยีนส์สั้นเต่อ ปลดกระดุมโชว์หน้าท้องแบนราบ
ตำรวจกวาดจับปฎิทิน'ดาริน'
ในช่วงเดียวกันนี้นางแบบปฏิทินที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดอีกคนหนึ่งคือ ดาริน กรสกุล นางเอกหนังแนวอีโรติก เด็กในสังกัดของ ทรนง ศรีเชื้อ ซึ่งมีผลงานถ่ายปฏิทินแม่โขง เมื่อปี 2533 เมื่อนอกจากปฏิทินชุดนี้จะสร้างความฮือฮาให้แก่วงการบันเทิงแล้ว ยังเป็นยุคเดียวที่กระทรวงมหาดไทยออกกฎเหล็กห้ามตีพิมพ์และเผยแพร่ภาพที่มี ลักษณะยั่วยุทางเพศ ทำให้ปฏิทินชุดนี้ถูกกวาดล้างจากทางการ รวมทั้งมีการสอบสวนผู้จัดทำและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
"สำหรับผุสรัตน์ถือว่าเป็นยุคที่เห็นหน้าอกแล้ว ตอนนั้นผุสรัตน์ใส่บิกินีตัวเล็กๆ ส่วนท่อนบนเปลือยหมด ตอนนั้นก็โดนวิพากษ์วิจารณ์เยอะมาก ส่วนปฏิทินชุดของ ดาริน กรสกุล เป็นปฏิทินของปี 2533 ซึ่งพี่เป็นคนถ่ายภาพเอง คือพี่เริ่มถ่ายรูปนู้ดเมื่อปี 2525 ซึ่งเป็นปีที่ถาพนู้ดของไทยเริ่มให้เห็นหน้าอกของนางแบบได้แล้ว จริงๆแล้วรูปของดารินนี่ไม่ได้เห็นโชว์หน้าอกทั้งหมดด้วยซ้ำ แต่ตำรวจกวาดเก็บหมด สมัยนั้นปฏิทินชุดนี้ที่เยาวราชแอบขายกันชุดละ 200 บาท ซึ่งเงิน 200 เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วก็ถือว่าเยอะนะ" อัญมณี สีชาด เล่าอย่างออกรสออกชาติ
แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา ปี 2539 เป็น ปีที่มิตรรักคอสุราต่างต้องน้ำตาตกไปตามๆกัน เพราะเป็นปีที่คณะผู้บริหารของบริษัทสุรามหาราษฎร์เหล้าต้นตำรับนู้ดข้างฝา ออกมาประกาศปิดตัวปฏิทินนู้ดแม่โขง ด้วยเหตุผลที่ว่า " ต้องการสร้างภาพลักษณ์ใหม่" โดยหันมาทำปฏิทินตั้งโต๊ะแนวอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย
โดยในปีนั้นมี ' ลูกนัท กฤติยาภรณ์ ศรีรัตนพันธ์' นางแบบสะโพกสวย เป็นแบบปฏิทินนู้ดแม่โขงคนสุดท้าย ประกอบกับในช่วงปี 2540-2541 ประเทศไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจอย่างหนักส่งผลให้งบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์ สินค้านานาชนิดถูกหั่นถูกตัดจนไม่สามารถจ้างนางแบบค่าตัวสูงลิ่วมาสร้างความ สยิวบนแผ่นปฏิทินได้ ทำให้ปฏิทินนู้ดหายไปจากตลาดอยู่หลายปี และถือว่าช่วงเวลาดังกล่าวเป็นยุคซบเซาของปฏิทินนู้ดก็ว่าได้ และแม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาปฏิทินนู้ดจะกลับมาให้เห็นอีกครั้งแต่ก็ไม่หวือหวาฟู่ฟ่าเท่ากับสมัยก่อน
"ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจนี่ปฏิทินนู้ดหายไปถึง 80% จากก่อนหน้านี้พี่จะมีงานถ่ายปฏิทินนู้ดปีละประมาณ 6 ชิ้น มาปี 2541 พี่เหลืองานแค่เจ้าเดียว แต่ปี 2542 นี่ไม่มีเลย" อัญมณี สีชาด เล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น
การกลับมาของปฏิทินนู้ด
หลัง จากช่วงวิกฤตเศรษฐกิจได้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ในแวด วงน้ำเมา คือ นอกจากเจ้าของสินค้าที่มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าผู้ชายหลายต่อหลายเจ้าจะใช้ ปฏิทินนู้ดเป็นของสมนาคุณแก่ลูกค้าแล้ว ผู้ผลิตและผู้นำเข้าสุราต่างประเทศยี่ห้อใหม่ๆยังใช้ปฏิทินนู้ดเป็นตัวสร้าง กระแสเพื่อโปรโมตสินค้าให้เป็นที่รู้จักในตลาดอีกด้วย โดยเจ้าของสินค้าเหล่านี้ยอมลงทุนจ้างนางแบบชื่อดังด้วยค่าตัวไม่ต่ำกว่า 6 หลัก เพื่อแลกกับการเปลื้องผ้าถ่ายปฏิทินยั่วน้ำลายเสือหิวทั้งหลาย
เริ่ม จากปี 2543 ที่ 'บลู อีเกิ้ล' ดึง 'แชมเปญ เอ็กซ์' นางแบบลูกครึ่งผิวสีแทนมาถ่ายปฏิทินติดปีกขนนกสีเริ่มจากขาวซึ่งเป็สัญลักษณ์ของพญาอินทรีอันเป็นโลโก้ของสุรายี่ห้อนี้ ทำให้ปฏิทินนู้ดกลับมาคึกคักอีกครั้ง ขณะเดียวกัน'บลู อีเกิ้ล'ก็กลายเป็นที่รู้จักของบรรดานักดื่มอย่างรวดเร็ว และในปีนี้ 2 นางแบบฮอต 'ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม' และ 'เฮเลน ปทุมรัตน์ วรมาลี' ก็ถ่ายปฏิทินชุด 'เกิร์ลเฟรนด์ 2000' ออกมาเขย่าวงการเช่นกัน
ด้วยค่าตัว 7 หลัก
จากนั้นในปี 2544 พญาอินทรีทำตลาดซ้ำอีกครั้งโดยให้ 'วิชุดา พินดัม' ดาราละครชื่อดังมาเป็นนางแบบปฏิทิน ด้วยค่าตัวกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับเกินความคาดหมายจนสินค้าผลิตไม่ทันกับความต้องการ ของตลาด และปี 2545 'บุ๋ม...ตรีรัก รักการดี' เป็นนางแบบปฏิทินคนสุดท้ายของสุราค่ายนี้ เนื่องจาก'บลู อีเกิ้ล' มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริหารและกลยุทธ์การตลาดใหม่
แต่ปีเดียวกันนี้ (2545) 'โนเบิล สก็อต' วิสกี้ราคาถูกในกลุ่มเซกันดารี่ ได้เริ่มนำกลยุทธ์แจกปฏิทินหวือหวาเพื่อกระตุ้นตลาดเหล้าที่มีอายุการหมัก บ่ม 3 ปีมาใช้ โดยกล่อม 'มิเชล วอร์กอร์ด' นักร้องและวีเจลูกครึ่งสาวสวยมาเปลื้องผ้าเรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาคอทองแดง ด้วยตัวเลขไม่มากมาย แค่ 1.5 ล้านบาท ตามด้วย 'หญิงจุฬาลักษณ์ กฤติยารัตน์' ที่เข้ามาโชว์สัดส่วนบนปฏิทินให้กับเหล้านอก 'คราวน์ 99' ในปี 2546 โดยฟันค่าตัวไปเกือบ 4 ล้าน และผลจากการออกปฏิทินก็ทำให้ผู้ผลิตสุราทั้ง 2 ค่ายมียอดขายทะลุเกินเป้า
ปี 2547 นับว่าเป็นปีที่กระแสปฏิทินนู้ดคึกคักอย่างมาก เพราะนอกจาก 'โนเบิล สก็อต' ที่เคยผิดหวังจากการดึงโอเด็ตมาอวดหวือในปี 2546 เพราะเธอกำลังจะมีงานเพลงกับค่ายแกรมมี่ จึงทุ่มงบในปี 2547 ถึง 9 ล้านบาท เพื่อดึงนางแบบชื่อดัง 'ซินดี้- สิรินยา เบอร์บริดจ์' ที่มีดีกรีเคยสวมมงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2539 มาเป็นนางแบบปฏิทินปี 2004 ในคอนเซ็ปต์สไตล์โรมัน ที่เน้น'อีโรติก อาร์ต' ด้านถุงยางอนามัย 'Durex' ก็ได้ 'เปียโน จงรัก' อดีตสามบอมบ์จูเนียร์ มาเป็นนางแบบปฏิทินที่ทำแจกหนุ่มๆนักรักทั้งหลาย
แต่ที่มีการพูดถึงกันมากที่สุดในปี 2547 เห็นจะเป็นปฏิทินของ 'สีเดลต้า' ที่เปลี่ยนคอนเซ็ปต์จากการทำปฏิทินแนวอนุรักษ์มาทำปฏิทินนู้ด โดยดึง "อุ้ง อัญมณี สีชาด" ตากล้องนู้ดชื่อดังมาลั่นชัตเตอร์อีกครั้ง และงานนี้เป็นกลับมาถ่ายปฏิทินนู้ดอีกครั้งของ 'แอน มรกต มณีฉาย' ซึ่งแม้ว่าเธอจะผ่าตัดทำหน้าอกให้เล็กลงแล้วก็ยังไม่คลายความเซ็กซี่ นอกจากนั้นปฏิทินชุดนี้ยังมี 'กีต้าร์ ชุลีพร อาจปรุ' สาวน้อยเจ้าของตำแหน่งรองสาวเปรียวปี 1998 และ 'ดาวใจ ถนอมเมือง' นางแบบโฆษณาที่เวลานี้โกอินเตอร์เพราะผลงานเข้าตาโมเดลลิ่งทั้งจากอิตาลีและ ฝรั่งเศส
ยุคเจ้าแม่คลับเอฟ
สำหรับปฏิทินปี 2548 และ 2549 ต้องจัดว่าเป็นปีของเจ้าแม่คลับเอฟ 'ลูกเกด เมทินี กิ่งโพยม' เพราะในปี 2547 ลูกเกดได้รับความไว้วางใจจาก 'เบียร์ลีโอ' ให้ดูแลการจัดทำปฏิทินชุด 'ลีโอ บอดี้เพนต์ 2005' โดยนำ 3 นางแบบสาวสุดเซ็กซี่ โบ-เบญจศิริ วัฒนา ที่โด่งดังจากบท 'น้องหนิม' ในโฆษณาก๊อกน้ำยี่ห้อหนึ่ง , ลูกหมี-รัศมี ทองสิริไพศรี และ ลีน่า คริสเตนเซ่น มาเปลื้องผ้าทำบอดี้เพนต์
'เบียร์ลีโอ' ได้จัดทำปฏิทินปี 2549 โดยให้ลูกเกดเป็นผู้ดูแลอีกครั้ง และปีนี้ลูกเกดเลือก 3 นางแบบสาวสุดฮอตอย่าง โอเด็ต เฮนเรียต แจ็คโคมิน , แองจี้-อัจฉรา หรือแอนเจล่า แมคคาย อดีตมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2005 และดาว-ภารตี อำภรรัตน์ นางแบบหน้าใหม่ไฟแรงแห่งค่ายคลับเอฟ มาเป็นนางแบบนุ่งน้อยห่มน้อยในชุดลายเสือ
และล่าสุด ลูกเกด เมทินี ร่วมกับ บ.บุญรอด ฯ ทำปฏิทินโปรโมตลีโอปี 2010 เพื่อหลีกเลี่ยงกฏหมายห้ามโฆษณาแอลกอฮอลล์
อุ้ม - ลักขณา กล่าวว่า การถ่ายทำนั้นสนุกมาก แปลกดี เป็นบอดี้เพนต์ ก่อนถ่ายนั้นตนได้ขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยนำคอนเซปต์ในการถ่ายไปเล่าให้ท่านฟัง "ตอนที่พี่ลูกเกดโทร.มา ก็คุยคอนเซปต์กันว่าประมาณไหน ถ่ายแบบไหน ซึ่งพี่เขาก็ได้อธิบายให้ฟังว่า เป็นการถ่ายแบบเพนต์บอดี้ หลังจากที่คุยกันเรียบร้อยแล้ว อุ้มก็ได้นำคอนเซปต์ที่คุยไปเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ" เมื่อถามว่าสาวอุ้มได้พูดคุยกับอดีตหวานใจอย่างเอ็กซ์บ้างหรือเปล่าเกี่ยวกับเรื่องการถ่ายปฏิทิน สาวอุ้ม กล่าวว่า ก็มีคุยบ้างค่ะ ก็เล่าให้เขาฟังว่า ถ่ายอะไรยังไง ซึ่งพี่เอ็กซ์เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเขาเป็นนายแบบอยู่แล้วเข้าใจงานถ่ายอย่างนี้ดี นอกจากนี้ "อุ้ม" ยังได้เล่าถึงรายละเอียดในการถ่ายปฏิทินเซ็กซี่ครั้งนี้ว่าใช้เวลาในการถ่าย ประมาณ 4 วัน เพราะงานในเรื่องของการเพนต์บอดี้นั้นใช้เวลาค่อนข้างมาก นอกจากนี้ยังแอบบ่นว่า หนาวมากเพราะไม่ได้ใส่อะไรเลยเวลาอยู่ในห้อง ส่วนเรื่องของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่จะตามมาหลังคนเห็นภาพในปฏิทินแล้วนั้น เจ้าตัวกล่าวว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้น ตนเองก็พร้อมที่จะรับคำติชม แต่เท่าที่ตนได้เห็นผลงานนั้น เป็นแนวออกสปอร์ตน่ารักไม่ได้ดูเซ็กซี่จนเกินไป
ผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยจากสาว "อุ้ม" อีกว่า ค่าเหนื่อยของตน และเพื่อนนางแบบคนอื่น ๆ ในการถ่ายเซ็กซี่ครั้งนี้นั้นเป็นเงินสูงถึง 7 หลักเลยทีเดียว โดยเจ้าตัวขอไม่ระบุเป็นตัวเลขชัดเจน ส่วนอีกรายที่ เป็น 1 ใน 6 นางแบบที่ได้สร้างความฮือฮาในการถ่ายปฏิทินในครั้งนี้เช่นกันคือสาว ครี - พัสวีพิชญ์ ศรณ์อัครภา ที่เคยมีข่าวว่าแย่ง นิกกี้ - สุระ ธีระกล กับไฮโซรุ่นพี่ และเป็นอดีตหวานใจหนุ่มฮิพฮอพอย่าง เดย์ ไทเทเนี่ยม กล่าวว่า ได้รับการชักชวนจากพี่ลูกเกด ซึ่งตนก็รู้สึกตกใจมาก เพราะไม่ได้รู้จักกับพี่ลูกเกดเป็นการส่วนตัว แต่คงไม่มีใครปฏิเสธงานที่พี่ลูกเกดชวนแน่นอน เมื่อตนได้ทราบถึงคอนเซปต์ต่าง ๆ แล้วจึงได้ตกลง แต่ยอมรับว่าตนขอทางคุณแม่อยู่นานเหมือนกันว่าท่านจะอนุญาต เพราะท่านกลัวว่าภาพที่ออกมาจะดูโป๊มากเกินไป นอกจากนี้สาวครียังกล่าวถึงเรื่องของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่จะตามมานั้นว่า ตนพร้อมที่จะรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่จะเกิดขึ้นเพราะเข้าใจว่าคงมีทั้งแง่ลบและแง่บวก ตนเป็นคนที่ไม่ได้เอาคำพูดของคนอื่นมาหยุดตัวเองอยู่แล้ว และเข้าใจงานที่ทำดี ตนมองว่างานที่ทำในครั้งนี้มันเป็นอาร์ต มันเป็นงานศิลปะ
ทางด้าน มิกซ์ - เจนจิรา เกิดประสพ กล่าวว่า ตนเองได้รับการชักชวน จากพี่ลูกเกด เมื่อ 2 - 3 ปีที่แล้ว แต่เวลานั้นตนยังไม่พร้อม ครอบครัวอยู่เมืองไทยก็ไม่อยากให้ถ่าย แต่คอนเซปต์ในครั้งนี้นั้นถูกใจมากเลยตอบตกลงไปซึ่งพอภาพออกมาก็ดูน่ารักดีถูกใจ ทั้งนี้ในวันอังคารที่ 15 ธันวาคม ต๊อด - ปิติ ภิรมย์ภักดี หนุ่มไฟแรงแห่งลีโอเบียร์ เตรียมจัดงานเลี้ยงปาร์ตี้ขอบคุณประจำปี กับผู้ให้การสนับสนุนกิจกรรมของบริษัทสิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และผลิตภัณฑ์ลีโอเบียร์มาโดยตลอด นอกจากปาร์ตี้สุดมันส์แล้ว ผู้ที่ไปร่วมงานจะได้ร่วมเพิ่มอุณหภูมิความร้อนในตัวดับหนาวปีใหม่กับการเปิดตัวปฏิทินโปรเจกต์ยักษ์แห่งปี "ปฏิทินลีโอเบียร์ 2010" โดยเหล่านางแบบยกขบวนมาเปิดอกเปลือยใจกันแบบหมดเปลือกว่าทำไมจึงได้ตกลงมาร่วมงานเป็นนางแบบให้ปฏิทินเบียร์ลีโอชุดนี้ รวมทั้งส่งท้ายความมันส์เขย่าหัวใจกับมินิคอนเสิร์ตของนักร้องสาวปาล์มมี่ สำหรับ 6 นางแบบที่มาถ่ายปฏิทินลีโอครั้งนี้ล้วนแต่เป็นสาวฮอตทั้งสิ้น เริ่มจาก อุ้ม - ลักขณา วัธนวงส์ศิริ จบการศึกษา คณะศิลปกรรมศาสตร์ มศว ประสานมิตร สาขาการแสดง ผลงานที่ผ่านมาแสดงเป็น "อะตอม" ใน "นัดกับนัด" ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานกระสือ, อุกกาบาต, ชุมทางรถไฟผี ผลงานถ่ายแบบ แรงบันดาลใจ vol. 1 no. 4 April 2008 Zoo Weekly FHM
แอนนา รีส (Anna Reese) เป็นนักแสดงชาวไทย ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงจากการถ่ายโฆษณาสบู่เด็ก เมื่ออายุ 4 ปี มีผลงาน ละครเรื่อง กุหลาบตัดเพชร แสดงในมิวสิกวิดีโอเพลง "ทำอะไรสักอย่าง" และผลงานแสดงภาพยนตร์ เรื่อง เดอะเลตเตอร์ เขียนเป็นส่งตาย และเรื่อง ปืนใหญ่จอมสลัด รับบทเป็น เจ้าหญิงอูงู ภาพยนตร์ฟ้าทะลายโจร และมหา'ลัยสยองขวัญ
ครี - พัสวีพิชญ์ ศรณอัครภา (ติยะดา ติยะวงศ์สกุล หรือ แจ๋ว) ไฮโซสาวเคยผ่านการประกวด มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2006 เป็นนางแบบ นางเอก MV presenter ให้สินค้าหลายชิ้น อาทิ ซันซิล คลอเร็ท แคทเทเลคอม เลย์ ตะวัน ไบกอน โลตัส คลินิค เวดดิ้ง บิ๊กแตงค์เซลล์ ภาพนิ่ง ทรู อีซูซุ หมู่บ้านภัคภิรมย์วิลล่า เอ็มวีเพลงอะเดย์ ช่วงเวลาของโมโนโทน เอ็มวีเพลง "ที่รัก" ของพลาสม่า ผลงานที่สร้างชื่อมากที่สุด คือ โฆษณา ต่อต้านการสูบบุหรี่ ของ สสส. กับประโยคเด็ด แล้วคุณมาทำร้ายชั้นทำไม นอกจากนี้เคยมีข่าวเปิดศึก แย่งหนุ่มนิคกี้กับไฮโซชื่อดัง และเคยเป็นแฟนกับหนุ่มฮิพฮอพ จากวงไทเทเนี่ยม เดย์ ไทเทเนี่ยม
แพม - ปานพิมพ์ เตชะธนชัยพัฒน์ ชื่อเดิมก่อนเข้าวงการ "การ์ตูน" ชุลีรัตน์ จบการศึกษา สันติราษฎร์ บริหารธุรกิจ ผลงานที่ผ่านมา ชนะการประกวด Gossip Star Contest 2006 ส่วนผลงานการแสดง, เดอะกิ๊ก 2, เพื่อนกันเฉพาะวันพระ และเดอะกิ๊ก 3
แอม - สุทธิกานต์ หวังเจริญทวีกุล จบการศึกษา บริหารธุรกิจ สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศภาคภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย เคยคว้าตำแหน่ง เปรียว ซูเปอร์โมเดล 2002 และแสดงภาพยนตร์ ถอดรหัส...วิญญาณ
มิกซ์ - เจนจิรา เกิดประสพ สาวลูกครึ่งไทย-สวีเดน อดีตมิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2003 และอดีตนักยิงธนูทีมชาติไทย เธอเติบโตที่ประเทศสวีเดน ผลงานเคยออกอัลบั้ม กับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของสวีเดน "เมอร์ลิน โปรดักชั่น" ที่เคยผลิตงานให้ศิลปินดัง ๆ อย่าง เจนิเฟอร์ โลเปซ, บริตนีย์ สเปียร์ส, มาดอนน่า และ ซิลีน ดีออน
จากปรากฏการณ์ดังกล่าวคงพอจะยืนยันคำพูดที่ว่า "ปฏิทินนู้ดไม่มีวันตาย" ได้เป็นอย่างดี เพราะเชื่อว่าตราบใดที่ผู้ชายยังหลงใหลส่วนเว้าส่วนโค้ง การทำตลาดโดยใช้ปฏิทินหวามสร้างความน่าสนใจให้สินค้าก็ยังคงอยู่ต่อไป ตราบนานเท่านาน...
หากจะพูดถึงภาพนู้ดทั้งหลายคงละเลยที่จะไถ่ถามถึงมุมมองของผู้ได้รับฉายาว่า 'เกจินู้ด'อย่าง 'นิวัติ กองเพียร' เสียมิได้ นิวัติพูดถึงปรากฏการณ์นู้ดข้างฝาไว้อย่างน่าฟังว่า
"ถ้าจะวิวัฒนาการของปฏิทินนู้ดจากอดีตถึงปัจจุบันก็คงไม่มีอะไรแตกต่างกัน มากนัก คือในประเทศไทยไม่มีใครทำปฏิทินนู้ดเพื่อศิลปะ เพราะต้องยอมรับว่าการผลิตปฏิทินนู้ดนั้นทำเพื่อเป้าหมายทางการตลาด เจ้าของสินค้าแจกปฏิทินเพื่อให้แบรนด์ของตัวเองเป็นที่รู้จัก ขณะที่ผู้รับซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายก็ชอบภาพที่มีลักษณะวับๆแวมๆ โดยไม่ได้สนใจว่าจะมีศิลปะหรือเปล่า สำหรับผู้ชายแล้วยิ่งเปิดมากเท่าไรยิ่งดี"
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติ แต่กระแสที่เกิดนั้นเกิดจากสื่อมากกว่า จริงๆสื่อเองก็ชอบดู ก็ไม่เข้าใจว่าแล้วไปถามเรื่องศีลธรรมเขาทำไม ถามเรื่องจริยธรรมทำไม ไปด่าคนที่เป็นนางแบบทำไม คนก็ประณามเขาอีก เสนอข่าวไปเฉยๆได้ไหม ว่าเขาไปถ่ายปฏิทิน แล้วผู้ผลิตปฏิทินเขาก็ทำเพื่อแจกลูกค้าเท่านั้น ไม่ได้ไปเผยแพร่หรือวางขายเลย ดังนั้นจะไปว่าเป็นสื่อลามกอนาจารก็ไม่น่าจะถูกต้อง
ด้านสายตานักสะสม ต้องยอมรับว่าปฏิทินนู้ดเป็นสิ่งหนึ่งที่บรรดาชายหนุ่มนิยมสะสมกันมาก แม้ว่าหลายคนจะไม่อยากเปิดเผยเพราะเกรงจะถูกมองในแง่ลบมากกว่าจะมองว่าเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น