ผลงานเพลงภายใต้ชายคาไนท์สปอต มาลีวัลย์และชรัส (2528) , กับฉัน (2529) , ณ จุดนี้ของหัวใจ (2531)
ผลงานเพลงภายใต้ชายคาแกรมมี่ ปรารถนา และอารมณ์ (2534) , คืนวันพระจันทร์เต็มใจ (2536) , Reflection of Love (2537) , เพลงของเขา...ใต้เงาพระจันทร์(2538) , เสียงจากหัวใจ (2539) , รู้ไหม..ไม่เคยลืมเธอ (2540) , Maleewan Acoustic (2541) , ที่รัก...เรายังรักกันใช่ไหม (2541) , ฝากดูแลผู้ชายคนนี้สักคน (2542) , Vol.12 ฉันรักของฉันจริงๆ (2544), Secound Love (2545) , Me มาลีวัลย์ (2546) A Corner of Memories (2550) , Always (เพลงสากล) , Sensation , Hurt Actually รวมเพลงฮิตของมิ้นท์ กับตั้ม สมประสงค์ (2554)
มาช่า วัฒนพานิช เกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2513 เป็นนักร้อง, นักแสดง, นางแบบ และเคยมีธุรกิจค่ายเพลงส่วนตัว เป็นลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ชื่อแรกที่ใช้ในวงการภาพยนตร์ คือ พิม วัฒนพานิช อดีตศิลปินในสังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เธอเคยสมรสกับคุณหนุ่ย อำพล ลำพูน ต่อมาได้หย่าร้างในปี พ.ศ. 2540 มีบุตรชายด้วยกัน 1 คนคือ กาย นวพล ลำพูน ปี 2529 มาช่า วัฒนพานิช ได้เริ่มเข้าสู่วงการภาพยนตร์ และภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้แสดงเป็นบทบู๊เรื่อง "ตำรวจเหล็ก" ปี 2530 มาแจ้งเกิดแบบสุดๆ กับบทบาทที่ท้าทาย และต้องถือว่าแรงมากในสมัยนั้น ในภาพยนตร์เรื่อง "กว่าจะรู้เดียงสา" และนั่นทำให้เธอกลายเป็นดาราดาวรุ่ง พุ่งแรงคนใหม่ ปี 2531 จากภาพยนตร์เรื่อง "จงรัก" ทำให้เธอคว้ารางวัล นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี รางวัลตุ๊กตาทอง ปี 2534 มาถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตของมาช่า เมื่อเธอมีผลงานเพลงกับค่าย GMM Grammy เป็นศิลปินนักร้อง ออกอัลบั้มชุดแรก "ถามดาว" ในช่วงที่กระแสนักแสดงคนไหนดัง ก็เกือบจะทั้งวงการ ผันตัวเองมาออกอัลบั้มร้องเพลง และเธอก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก ในอัลบั้มมีเพลงโดนใจอย่าง "เหนื่อยไหมดาว, ขอเวลาตั้งตัว, “แตกหัก" ถือว่าเธอสามารถแจ้งเกิดเป็นนักร้องได้สำเร็จปี 2535 ถึงจะเป็นนักร้องเต็มตัวแต่ภาพความเป็นนักแสดงของมาช่าก็ยังเต็มเปี่ยม จึงทำให้เธอมีโอกาสกลับมาแสดงละครอีกครั้งในเรื่อง "วังน้ำวน" ประชันกับ ใหม่ เจริญปุระ และเรื่อง "ไฟโชนแสง" ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ จากละครเรื่องนี้ ปี 2536 อัลบั้มชุดที่ 2 ของมาช่าก็คลอดออกมาในชื่อ "รสชาติความเป็นคน" ซึ่งกลายเป็นอัลบั้มที่จัดจ้านกว่าเดิม และกลมกล่อมไปด้วยแนวเพลงบวกกับเนื้อหาที่ลงตัว ความสำเร็จที่ต่อยอดจากงานชุดแรก ผลักดันให้ชื่อของมาช่ากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์หญิงในช่วงนั้น ด้วยยอดขายเกินล้านตลับ ซึ่งในยุคนั้นมีนักร้องหญิงไม่กี่คนที่ทำสถิตินี้ได้ เพลงที่ติดหูคนฟังได้แก่ "ความดัน (ทุรัง) สูง" กับ "ผิดไปแล้ว" ปี 2537 ในโอกาสครบรอบ 10 ปีแกรมมี่ มาช่าเลยได้ขึ้นโชว์บนเวทีคอนเสิร์ตกับศิลปินร่วมค่ายอีกมากมาย อาธิ เบิร์ด-ธงไชย, ใหม่ เจริญปุระ, คริสติน่า, แอม-เสาวลักษณ์, เจ-เจตริน, อัสนี & วสันต์ ฯลฯ ใน "คอนเสิร์ต 10 ปี แกรมมี่" ได้ร่วมออกอัลบั้มงาน “ซน” คนดนตรี กับศิลปินรายชื่อข้างต้นด้วย ปี 2538 เธอเป็นแขกรับเชิญพิเศษในอัลบั้ม "ขนนกกับดอกไม้" ของ ธงไชย แมคอินไตย์ โดยร่วมกัน Feat. กับพี่เบิร์ด ในเพลง "ฟากฟ้าทะเลฝัน" ปี 2539 มาช่ามีอัลบั้มชุดที่ 3 ชื่อ "Room No.3" ใน look ที่เปลี่ยนไป แนวเพลงมีกลิ่มของความเป็นอัลเทอร์เนทีฟ ให้เข้ากับกระแสในช่วงนั้น มีเพลงฮิตติดหูอย่างเพลง "รอ" มาเอาใจคนฟัง และเพลงเร็วอย่าง "อย่ายอมฉัน" ปี 2540 เธอมีโอกาสกลับมาเล่นละครอีกครั้ง กับบทคอมเมดี้สุดน่ารักในเรื่อง "นางสาวไม่จำกัดนามสกุล" พร้อมด้วยผลงานเพลงชุดพิเศษ "Re-Entry" ซึ่งเพลงที่ได้รับการตอบรับที่ดีคือเพลง "ใครสักคน" และเพลงที่มาช่าเขียนเอง ชื่อเพลง "ไม่เป็นไรคนดี" นอกจากนี้ในอัลบั้มเรายังได้ยินเสียงของมาช่านำหลายบทเพลงของศิลปินชายมาขับร้องใหม่ ปี 2542 มาถึงอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 4 (นับเฉพาะงานที่เป็นเพลงแต่งใหม่) ชื่อชุด "Maya" โดยมาช่าปล่อยเพลง "อดใจไม่ไหว" มากล่อมคนฟัง ก่อนจะส่งเพลงโชว์จังหวะอย่าง "มายา" และเพลงในสไตล์ที่เธอถนัดอย่างเพลง "คนใจแตก" ตามออกมาเรียกคะแนนโหวตจากคลื่นวิทยุ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาก ปิดท้ายอัลบั้มด้วยเพลง "เวลากับคนสองคน" เพลงช้าที่มาช่าร้องได้เศร้าสุดอารมณ์คนฟังมาก ปี 2543 มาช่ารวมตัวกับเพื่อนศิลปินสาวออกอัลบั้มพิเศษชุด "Seven" อาทิ พี่แอม, ใหม่, นิโคล, อุ๊ หฤทัย, นัท มีเรีย และ ตอง ภัครมัย และมีเพลง "เหตุการณ์ไม่เคยเปลี่ยน" กับ "ห้องนี้" เป็นเพลงโซโล่เดี่ยวที่มาช่าร้องในอัลบั้มนี้ นอกจากนี้มาช่ายังมีงานละครเรื่อง "หงส์เหนือมังกร" ที่เธอฝากฝีไม้ลายมือด้านการแสดงเอาไว้อีกด้วย ปี 2544 และมาช่าก็กลับมามีผลงานเพลงชุดต่อมา คือ "Fine Days" แนวดนตรีไปในทาง Irish Rock ลุคที่เซอร์และติสท์มากขึ้น ความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทั้งเนื้อเสียง การร้อง และสไตล์การแต่งตัว แบบที่ไม่ต้องปรุงแต่งใดๆ เธอก็สามารถสื่อสารออกมาได้อย่างชัดเจน และเป็นธรรมชาติ ผลงานเพลงที่ฮิตในอัลบั้มชุดนี้ได้แก่ "จากคนอื่นคนไกล, ไม่อยากนอนคนเดียว, มืออาชีพยังยอม, อีกคนที่รักเธอ" เป็นต้น ปี 2545 เป็นช่วงเวลาพักจากงานเพลงกลับมาเล่นละครถึง 2 เรื่องด้วยกัน คือ "สายลมกับแสงดาว" และ "บ่วงบรรจถรณ์" ปี 2546 อัลบั้มชุดที่ 6 "The River of Life" ตามออกมา เริ่มต้นด้วยการปล่อยเพลงเพราะอย่าง "สายน้ำไม่ไหลกลับ" มากล่อมคนฟังอีกเช่นเดิม ในงานชุดนี้ มาช่ายังยึดภาพที่ดูเป็นธรรมชาติ เรียบง่าย แต่แฝงมุมเซ็กซี่ในแบบมาช่าเอาไว้เช่นเดิม นอกจากนี้มาช่ายังมีเพลงสนุกอย่าง "จะไม่เกรงใจ" และ "โลกนี้ต้องมีผู้ชายอย่างเธอ" ปี 2547 เธอกลับมารับงานละครอีกครั้งในเรื่อง "ขอพลิกฟ้าตามล่าเธอ" ประกบพระเอกสุดฮอต วิลลี่ แมคอินทอช ออกอากาศทางช่อง 3 และมาช่ายังหวนคืนเวทีคอนเสิร์ตอีกครั้งใน "คอนเสิร์ต Marsha My Reflection" ที่สะท้อนเรื่องราวในรอบ 13 ปีในการเป็นศิลปินของเธอ โดยจัดขึ้น ณ อิมแพคอารีน่าฯ ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีมาก ปี 2548 อัลบั้มชุดที่ 7 "In Love" ที่ปล่อยเพลงเอาใจสาวกชาวสีม่วงอย่างเพลง "Music Lover" ถือเป็นเพลงจังหวะเต้นรำที่เป็นไม้ตายของมาช่า และสามารถปลุกกระแสให้กับแฟนเพลงชาวสีม่วงเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นเพลงคลาสสิคสุดอมตะอีกเพลงของเธอ นอกจากนี้เธอยังมีเพลงฟังอย่าง "ไม่อยากให้เธอไว้ใจ" ในสไตล์ที่แตกต่างไปจากเดิม แต่โดนใจคนฟังเป็นอย่างมาก กับเพลงเพราะๆ ชื่อเดียวกับชื่ออัลบั้มคือเพลง "In Love" ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากเช่นกัน ปี 2549 งานเพลงพิเศษชุด "Selection" ที่รวบรวมพลงเพราะๆ ในอดีตมาขับร้องใหม่ โดยเอาเพลง "เชื่อฉัน" เปิดตัวในจังหวะสนุกๆ และในช่วงปลายปี มาช่าก็มีคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้งกับ "Marsha Open Heart Concert" จัดแสดงในออิมแพคอารีน่าที่เดิม ปี 2550 ในที่สุดมาช่าก็กลับมารับงานแสดงภาพยนตร์อีกครั้ง ในเรื่อง "แฝด" ผลงานที่ทำให้มาช่าได้รับรางวัลมากมาย อาธิ รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ , รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากเทศกาลหนัง Fantastic Fest และรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากเทศกาลหนัง The New York city horror film festival สหรัฐอเมริกา ส่วนงานเพลงก็ยังมีต่อเนื่องในชุด "Let's have fun tonight" ในสไตล์ที่หวือหวากว่าเดิม เพลงเปิดตัวอย่าง "รักยังไม่ต้องการ" ไปสะดุดต่อมชาวสีม่วงทั่วประเทศจนยกตำแหน่งให้มาช่าเป็นตัวแม่กันเลยทีเดียว ปี 2551 มาช่ามีผลงานภาพยนตร์โฆษณา "Lay Selection" ปี 2552 เธอกลับมากับภาพยนตร์สยองขวัญ เรื่อง ห้าแพร่ง ของ ค่าย จีทีเอช ในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ รับบทแสดงนำในตอน "คนกอง" หนังสยองขวัญติดตลก ที่ทำสถิติรายได้เปิดตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการหนังไทย ปี 2553 เธอร่วมแจมในคอนเสิร์ต "This is It" ที่ไว้อาลัยการจากไปของราชาเพลงป๊อบอย่าง "ไมเคิ่ล แจ๊คสัน"ปี 2554 มาช่า กลับมีข่าวดังทางสื่อมวลชนอีกครั้งเกี่ยวกับกรณีคลิปลับที่ถูกนำมาเผยแพร่ ซึ่งมาช่า ยอมรับและเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เผยแพร่ดังกล่าว ในเรื่องงานเพลง เธอก็กลับมาทำอัลบั้มอีกครั้งภายใต้สังกัดของเธอเองในอัลบั้ม "Alive" โดยมีเพลงเปิดตัวอย่าง "I'm Back" ต่อด้วย "ข่าวลือหรือเรื่องจริง" แต่เพลงที่ทำให้คนจดจำได้ น่าจะเป็นเพลง "App Story" ปี 2555 เธอกลับมารับงานภาพยนตร์อีกครั้งในเรื่อง "407 เที่ยวบินผี" และกลับมารวมตัวกับเพื่อนสาวในกลุ่ม Seven ขึ้นคอนเสิร์ต "I am What I Amp" ของ เสาวลักษณ์ ลีละบุตร ในฐานะแขกรับเชิญ ร่วมกับ ใหม่ เจริญปุระ, นิโคล เทริโอ, นัท มีเรีย, หฤทัย ม่วงบุญศรี และภัครมัย โปตระนันท์
อัลบั้มเดี่ยวภายใต้สังกัด จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่
• ถามดาว พ.ศ. 2534
• รสชาติความเป็นคน พ.ศ. 2536
• Room Number Three พ.ศ. 2539
• Re-entry พ.ศ. 2540
• Marsha Maya พ.ศ. 2542
• Fine Days - Fine Days พ.ศ. 2544
• The River Of Life พ.ศ. 2546
• Marsha In Love พ.ศ. 2548
• Marsha Selection พ.ศ. 2549
• Let's Have Fun Tonight พ.ศ. 2550
อัลบั้มที่ร่วมทำกับศิลปินท่านอื่นๆ
• งาน "ซน" คนดนตรี นานที 10 ปีหน (10 ปี แกรมมี่) - (30 กันยายน 2536)
• ขนนกกับดอกไม้ (24 กุมภาพันธ์ 2538)
• ร็อก (โซน) - (20 เมษายน 2538)
• Rock for Life (23 มกราคม 2542)
• ลงเอย (พี่น้อง ร้องเพลง อัสนี-วสันต์) - (18 มกราคม 2543)
• X-Track 4 เพลงประกอบละครหงส์เหนือมังกร - (เมษายน 2543)
• Seven (30 พฤศจิกายน 2543)
• X-Track 7 เพลงประกอบละครสายลมกับแสงดาว - (กุมภาพันธ์ 2545)
• มาช่า In Drama (10 สิงหาคม พ.ศ. 2547)
• The Guitar Man (กันยายน พ.ศ. 2547)
• Sleepless society by narongvit (15 มีนาคม พ.ศ. 2548)
• สีฟ้า Deep Blue (ตุลาคม พ.ศ. 2549)
ใหม่ เจริญปุระ เกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2512 นักร้องและนักแสดงชาวไทย ที่มีผลงานอัลบั้มชุดแรก ในชุด "ไม้ม้วน" ในปี พ.ศ. 2532 ใหม่ เจริญปุระ เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของนาย สุรินทร์ เจริญปุระ (รุจน์ รณภพ) และนางวินีย์ สนธิกุล มีพี่สาว 3 คน คือ เวณิก เจริญปุระ (ปู) วิภาวี เจริญปุระ (กุ้ง) มีน้องสาวต่างมารดาคือ ทราย เจริญปุระ ใหม่จบไฮสคูลจาก Farringtons School ประเทศอังกฤษ และอยู่ที่ประเทศอังกฤษ กว่า 5 ปี ก็กลับเมืองไทย และเข้าสู่วงการบันเทิง ปี 2527 "ใหม่ เจริญปุระ" แสดงภาพยนตร์เรื่องแรก โดยเข้าสู่วงการภาพยนตร์จากการชักชวนของ ไพจิตร ศุภวารี จากเรื่อง "ขอแค่คิดถึง" ด้วยวัย 15 ปี ใช้ชื่อในการแสดงว่า "ใหม่ สิริวิมล" ปี 2528 กลายเป็นนางเอกที่มีงานชุก เพราะมีภาพยนตร์ที่เข้าฉายมากกว่า 5 เรื่องภายในปีเดียว ปี 2529 ในภาพยนตร์เรื่อง "ดวงยิหวา" เธอได้รับรางวัลตุ๊กตาทองพระสุรัสวดี สร้างชื่อของเธอให้เป็นที่รู้จัก อย่างกว้างขวางในวงการบันเทิง ปี 2530 มาถึงภาพยนตร์เรื่อง "นางนวล" และ "เรือมนุษย์" ที่เปลี่ยนมาใช้ชื่อ ""ใหม่ เจริญปุระ"" ในวงการบันเทิง ก่อนที่ยุคทองของภาพยนตร์จะปิดตัวลง ในช่วงเวลาที่ได้รับการชักชวนจาก บุษบา ดาวเรือง ให้ไปเซ็นต์สัญญาเป็นศิลปินในสังกัด GMM Grammy นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ปี 2531 ใหม่ประเดิมละคร "คนเริงเมือง" เป็นเรื่องแรก ทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ปี 2532 อัลบั้มแรก "ไม้ม้วน" ในแนวดนตรีป๊อปร็อก เสียงแหบห้าวแต่ทรงพลัง และการถ่ายทอดอารมณ์ และได้รับฉายาว่า "แหบเสน่ห์" จนทำให้เพลงฮิตทั้งอัลบั้มจนต้องถูกถ่ายทำเอ็มวีทุกเพลง ถือเป็นศิลปินหญิงคนแรก และคนเดียวที่มีเอ็มวีของตัวเองทั้งอัลบั้ม ซึ่งยอดขายอัลบั้มแรกของเธอ สูงกว่า 8 แสนตลับในเวลาไม่นาน และในปีเดียวกัน เธอได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม จากนิตยสารสีสัน และครองตำแหน่งนักร้อง ยอดนิยมอันดับ 1 นานถึง 2 เดือนติดต่อกันจากรายการ สตาร์ มิวสิก ปี 2533 ในปีถัดมาอัลบั้ม "ไม้ขีดไฟ" ก็ตามออกมา ด้วยแนวเพลง ที่หนักแน่น และชัดเจน อัลบั้มชุดนี้ฉีกภาพไม้ม้วนไปจนไม่เห็นหลัง ถึงไม่เปรี้ยงปร้างเท่าเดิม แต่ใหม่ก็กลายเป็นศิลปินหญิงที่ได้รับการตอบรับที่ดีใน 2 อัลบั้มติดต่อกัน ซึ่งในชุดที่ 2 มีเพลงดังเช่น เพลง "ควักหัวใจ" "อยากจะร้องไห้" "กลับดึก" และ "ฟังซิฟัง" ถือได้ว่าเพลงฮิตเกือบทั้งอัลบั้ม ยังรักษาระดับเพดานนักร้องหญิงเบอร์หนึ่งไว้ได้ ปี 2534 มีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกที่ชื่อว่า "คอนเสิร์ต ใหม่ ร้อง เต้น เล่นละคร" ณ MBK Hall หรือ เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ในปัจจุบัน ซึ่งนักร้องในยุคนั้นต้องฮอตจริงๆ ถึงจะจัดคอนเสิร์ตที่นี่ได้ ใหม่จึงกลายเป็นศิลปินหญิงคนแรกๆ ที่ออกอัลบั้มเพียง 2 ชุดก็สามารถจัดคอนเสิร์ตใหญ่ที่นี่ได้ นับว่าแฟนเพลงของเธอเหนียวแน่นของจริง ปี 2535 ใหม่กลับมามีผลงานละครอีกครั้ง ในเรื่อง "วังน้ำวน" ต่อมาอัลบั้มชุดที่ 3 ในชื่อ"ความลับสุดขอบฟ้า" ก็ตามติดออกมาอีกเช่นกัน เธอเปิดอัลบั้มนี้ด้วยเพลง "เสียใจได้ยินไหม" มิวสิกวิดีโอที่บินไปถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ ถึงประเทศอียิปต์ และได้เผยแพร่ชื่อเสียง ไปยังต่างประเทศ โดยผ่านทางช่อง MTV ASIA ผลตอบรับต่ออัลบั้มนี้ของเธอ ด้วยยอดขาย 5 แสนตลับในเวลาสิบวัน และทำยอดได้กว่า 2.5 ล้านตลับในเวลาอันรวดเร็ว ถือเป็นนักร้องหญิงที่มียอดขายสูงที่สุด และเป็นนักร้องหญิงไทยคนแรกที่มียอดขายสูงกว่า 2 ล้านตลับ แถมใหม่ยังมีคอนเสิร์ตใหญ่ของตัวเองถึง 2 ครั้ง คือ "คอนเสิร์ต Mai สุดขอบ" และ "คอนเสิร์ต Mai Encore for Thank You" จัดขึ้นที่ MBK Hall ที่เดิม ปี 2536 งานเพลงอัลบั้มที่แล้วยังแรงข้ามปี จนทำใหม่เธอต้องจัดคอนเสิร์ตใหญ่คู่กับ เสาวลักษณ์ ลีละบุตร ซึ่งเป็นคู่ศิลปินหญิงที่แรงทั้งคู่ภายในช่วงนั้น นอกจากนี้ เธอก็ยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในศิลปิน "จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่" ออกอัลบั้มฉลอง 10 ปีแกรมมี่ ทำอัลบั้มพิเศษ "ซน" โดยใหม่นำเพลง "ด้วยรักและผูกพัน" ของ ธงไชย แมคอินไตย์ มา cover ใหม่ ปี 2537 หลังจากหายไป 2 ปีก็กลับมามีอัลบั้ม "ผีเสื้อกับพายุ" เป็นชุดที่ 4 โดยแนวเพลงในอัลบั้มชุดนี้เต็มไปด้วยดนตรีที่เข้มข้น ร้อนแรง ร้อนลึก จัดจ้าน กว่าผลงานทุกชุดที่ผ่านมา อัลบั้มชุดนี้จึงมีแนวทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เสียงของใหม่กลายเป็นนักร้องมืออาชีพไปซะแล้ว ซึ่งมีเพลงดังๆ อาทิ "อ๋อเหรอ" "ขอร้อง" "สัญญา" ฯลฯ โดยปล่อย CD Single เพื่อซาวดน์เช็คก็ดังไปตามระเบียบ ปี 2538 ใหม่มีโอกาสเป็นศิลปินรับเชิญในอัลบั้ม "ขนนกกับดอกไม้" ของ ธงไชย แมคอินไตย์ ร่วมกับศิลปินสาวอีกหลายท่าน และใหม่ก็ได้ร่วมร้องเพลงกับเบิร์ด-ธงไชย โดยหยิบเพลง "ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ" ของ อินคา (วงดนตรี) มาร้องร่วมกัน และใหม่ยังมีอัลบั้มรวมเพลงละคร "จุดนัดฝัน" ตามออกมาด้วย เพื่อคลายความคิดถึงที่แฟนเพลงมีต่อเธอ ปี 2539 ใหม่กลับมาสู่จอแก้วอีกครั้งในละคร "แผ่นดินของเรา" เป็นผลงานละครพีเรียตสุดปราณีต ซึ่งแสดงร่วมกับ ยุรนันท์ ภมรมนตรี, จอนนี่ แอนโฟเน่, ภัสสร บุณยเกียรติ และ จารุณี สุขสวัสดิ์ เป็นการกำกับของ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ก่อนจะมีข่าวภาพหลุดลงหน้าหนังสือพิมพ์ สร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ผ่านช่วงนั้นมาได้อย่างสวยงาม และเข้มแข็ง จากกำลังใจแฟนเพลงที่รักเธออย่างมากมายมหาศาลทั่วฟ้าเมืองไทย ปี 2540 อัลบั้ม "ชีวิตใหม่" ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ 5 ของเธอ ในครั้งนี้เป็นการบอกกับทุกคนว่าเธอไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต ทำให้ใหม่มีอัลบั้มมาให้ทุกคนได้ฟังกัน ครั้งนี้เธอมาพร้อมกับภาพใหม่ สดใส ไม่ร้อนแรงหรือหวือหวาเหมือนภาพเก่า เพลงในอัลบั้มนี้ดูจะเบาลงบ้าง มีเพลงอย่าง "อยากให้รู้ว่ารักเธอ "เรียนรู้" "ถนนสายนี้" "ชีวิตใหม่" และเพลง "ขอ" ที่เธอเป็นคนแต่ง เนื้อร้องเอง ซึ่งถือว่าเป็นอีกอัลบั้มที่มีเมโลดี้ที่ลงตัวและสวยงามที่สุดของเธอก็ว่าได้ ปี 2541 อัลบั้ม "แผลงฤทธิ์" ของเธอได้มีโปรดิวเซอร์ฝีมือดีชาวอิตาเลียน ชื่อ บรูโน บรูญาโน แนวป๊อปร็อกประจำตัวของ "ใหม่" ให้เข้ากับแนว ร็อกแอนด์โรล ยุคทศวรรษที่ 70 มีเพลงดังอย่าง "แพ้ใจ" ที่ทำให้เธอก้าวขึ้นไปคว้ารางวัลพระภิฆเนศทอง พระราชทาน และสีสันอะวอร์ดส ผู้ขับร้องหญิงยอดเยี่ยมกับนักร้องหญิงยอดเยี่ยม และเพลงแรงอย่าง "ผู้หญิงใจร้าย" ส่งให้เธอก้าวขึ้นมายืนในฐานะราชินีป๊อบร็อคของเมืองไทย ความแรงในอัลบั้มที่กระหน่ำมากยิ่งขึ้น ส่งให้ใหม่กลับมาทวงบัลลังค์นักร้องหญิงอันดับหนึ่งอีกครั้ง ปี 2542 ใหม่เปิดตัวอัลบั้มภาพพร้อมเรื่องราวครั้งแรกในชีวิตที่ชื่อ "Mai 's Life" ซึ่งจัดทำขึ้นโดยนิตยสาร Image นอกจากภาพถ่ายแล้วยังรวบรวมประวัติ ความในใจกับเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตพร้อมคำขอบคุณต่อแฟนๆ ที่ติดตามผลงานของเธอมาตลอดสิบกว่าปี ปี 2543 โปรเจคท์พิเศษ "Rock for Life" และ "ลงเอย...พี่น้องร้องเพลง" ก็เป็นอีกผลงานที่เธอทำร่วมกับศิลปินร่วมค่าย เป็นช่วงคั่นเวลาในการทำเพลงชุดต่อไป และเธอยังได้รวมตัวกับเพื่อนศิลปินสาวๆ นักร้องจากค่ายแกรมมี่แกรนด์ ทั้ง 7 คนประกอบด้วย เสาวลักษณ์ ลีละบุตร,หฤทัย ม่วงบุญศรี,มาช่า วัฒนพานิช,นิโคล เทริโอ,นัท มีเรีย และตอง ภัครมัย ออกอัลบั้มพิเศษ "Seven" มีเพลง "ดอกไม้กับแจกัน" ที่ใหม่ร้องเดี่ยว ปี 2544 ใหม่ และเพื่อนศิลปินสาวๆ ทั้ง 7 คนประกอบด้วย เสาวลักษณ์ ลีละบุตร,หฤทัย ม่วงบุญศรี,มาช่า วัฒนพานิช,นิโคล เทริโอ,นัท มีเรีย และตอง ภัครมัย รวมตัวกันขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ที่ชื่อ "Seven Live in Bankok" จัดขึ้นที่ อินดอร์สเตเดียม สนามกีฬาหัวหมาก ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตสุดประทับใจแห่งปี ปี 2545 เธอได้ออกผลงานเพลงชุดที่ 7 "คนเดียวในหัวใจ" เปิดตัวด้วยเพลง"เรื่องของเธอ" เพลงเร็ว หนักด้วยดนตรีร็อกและเพลงช้า "อย่างน้ำค้างตอนเช้า" และยังมีเพลง "ใครสักคน" ที่ถูกนำมาประกอบภาพยนตร์ "Three อารมณ์ อาถรรพ์ อาฆาต" นอกจากนี้ เพลง "คนเดียวในหัวใจ" ก็ยังทำให้ใหม่คว้ารางวัลพระภิฆเนศทอง พระราชทาน อีกครั้งกับรางวัลผู้ขับร้องหญิงยอดเยี่ยม ปี 2546 เธอมีอัลบั้มพิเศษ"พุ่มพวงในดวงใจ" ชุด 1-2 ที่รวบรวมเพลงที่ดีที่สุดของ "พุ่มพวง ดวงจันทร์-ราชินีลูกทุ่ง" มาร้องและเรียบเรียงใหม่ทั้งหมด โดยได้โปรดิวเซอร์ 9 คน มาดูช่วยแลผลงานเพลงชุดนี้ เช่น วรฤทธิ์ เล่ห์วิสุทธิ์, ชนชิต จรรย์สืบศรี, พิเชษฐ์ เครือวัลย์, วุฒิไกร อิ่มเจริญ, อดิศร ปานสมบัติ, สมคิด ประดิษฐ์ฝัน, อภิสิษฏ์ ณ ตะกั่วทุ่ง, บุญฤทธิ์ สุขเสรีทรัพย์ และกรรณศิริ อาญาเมือง แนวดนตรีผสมผสานหลากหลายทั้ง ร็อก ละติน อะคูสติก ฯลฯ ปี 2547 ความฮ็อตของอัลบั้ม "พุ่มพวงในดวงใจ" ส่งผลให้เธอมีชุดต่อมาคือ 3 และ 4 แถมต่อยอดไปถึงคอนเสิร์ตใหญ่ "Mai in Memories Live Concert" จัดแสดงที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งเป็นเวทีที่ใหญ่ที่สุด และใหม่เป็นศิลปินหญิงคนแรกที่ได้ขึ้นโชว์บนเวทีนี้ แถมบนเวทีใหม่ยังแสดงโชว์ได้อย่างมืออาชีพ สมบูรณ์แบบไปกับผลงานเพลงตลอด 15 ปีของเธอ ที่คัดเอาโชว์เด็ดๆ ทั้งเพลงสตริง และลูกทุ่ง เธอขนขึ้นไปโชว์อย่างอลังการงานสร้าง สมศักดิ์ศรีซุปเปอร์สตาร์หญิงของไทยที่นานๆ จะมีคอนเสิร์ตใหญ่สักที ปี 2548 เธอกลับมาร้องเพลงให้ทุกคนได้ฟังกันอีกครั้ง ในอัลบั้มพิเศษ "Then And Now" ซึ่งเอาเพลงเก่าๆ ของตัวเองมา Cover ใหม่ถึง 2 อัลบั้ม ปี 2549 หลังจากห่างหายไปถึง 4 ปี นับจากอัลบั้มเดี่ยวชุดล่าสุด ใน "Always ใหม่เสมอ" ที่ "ใหม่" ทุ่มสุดตัว เพราะเธอได้เข้ามามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการทำงาน และเป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง กับโปรดิวเซอร์ อภิไชย เย็นพูนสุข ซึ่งเคยโปรดิวซ์ให้ตั้งแต่อัลบั้มชุดที่ 1 จนถึงชุดที่ 4 แล้วยังเป็นผู้ดูแลคำร้อง-เนื้อหาของเพลงในอัลบั้มนี้ด้วย ซึ่งงานเพลงชุดนี้ทำให้ใหม่กลับมามีคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้งใน "Mai The Return of Green Concert" ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อีกครั้ง แถมยังเป็นคอนเสิร์ตปลายปีที่ทุบสถิติบัตรขายเกลี้ยงอย่างรวดเร็วเหมือนเดิมในแบบที่ทุกคนรอคอย ปี 2550 เธอรวมตัวกับ เจตริน วรรธนะสิน, คริสติน่า อากีล่าร์ และ โดม ปกรณ์ ลัม ขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ "Dare to Dance Concert" จัดขึ้นที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ปี 2551 กลับมาแสดงภาพยนตร์ ใน "เมมโมรี่ รักหลอน" แสดงคู่กับ อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ในบทที่ยาก ท้าทายอาชีพนักแสดงอย่างเธอ แต่ในที่สุดภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้ใหม่ชนะใจกรรมการ จนคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จาก สตาร์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ อวอร์ด ในขณะเดียวกัน ใหม่ก็กลับมาจับไมค์ออกอัลบั้มอีกครั้ง เป็นการนำบทเพลงของ อัสนี โชติกุล มาขับร้องใหม่ ในชื่อชุด "Mai Sings Asanee" ปี 2552 ในฐานะ Queen of Pop Rock เธอจับมือกับ"คริสติน่า อากีล่าร์" Queen of Dance อีกครั้ง เปิดคอนเสิร์ตใหญ่ในชื่อ "Mai & Tina Beauty on the Beat Concert" จัดขึ้นที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมด้วยอัลบั้มพิเศษ "Mai & Tina Beauty on the Beat" ช่วงปลายปี ซึ่งมีเพลง "Burn" เปิดตัวคู่กับคริสติน่า และเพลงเดี่ยวได้แก่เพลง "ฝุ่น" และ "มีใจก็รักกันได้" ที่ถูกพูดถึงในอัลบั้มนี้ ปี 2553 ใหม่กลับมารับงานภาพยนตร์เรื่อง "ตายโหง" ซึ่งกำกับการแสดงโดย พจน์ อานนท์ ในชื่อตอน "ขึ้นครู" ใหม่แสดงร่วมกับ คชาภา ตันเจริญ และ รัชชานนท์ สุขประกอบ และมีปาร์ตี้คอนเสิร์ตเดี่ยวริมทะเลครั้งแรกของเธอใน "Concert Mai on the Beach" ที่ "Ocian Marina Yacht Club Pattaya" ปี 2554 ใหม่จัดนิทรรศกาลครบรอบ 27 ปีของเธอในชื่อ "Born 2 Love U" ระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคม ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งแสดงรูปถ่ายในงานตั้งแต่วันแรกที่ใหม่เข้าวงการ แถมยังมีแฟชั่นเซทใหม่สุดหวือหวาจัดแสดงในงานด้วย หลังจากนั้นใหม่ก็ปล่อยพ็อคเก็ตบุ๊คเต็มรูปแบบอีกครั้งที่ชื่อเดียวกับงาน "Born 2 Love U" เป็นเรื่องราวแบบเจาะลึกตลอด 27 ปีของเธอ อาธิเรื่องวิกฤติชีวิตทัวร์คอนเสิร์ตในแอลเอ เรื่องราวรักๆ แบบลับๆ และเปิดเผยหมดเปลือก เจาะลึกทุกคำถามที่หลายคนอยากรู้ !!! พร้อมออกผลิตภัณฑ์น้ำดื่มและน้ำแร่ ภายใต้ชื่อของตัวเอง ปี 2555 เธอประเดิมขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ ใน "คอนเสิร์ต Dee & Seefa : The Lyrics of Love" ซึ่งนำบทเพลงจากปลายปากกาของ นิติพงษ์ ห่อนาค และ นิ่ม สีฟ้า มาขับร้อง ร่วมแสดงกับศิลปินมากมาย และอีกคอนเสิร์ตที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากคือ "คอนเสิร์ต I am What I Amp 30 Year of Saowaluck" ของ เสาวลักษณ์ ลีละบุตร ซึ่งใหม่เป็นแขกรับเชิญร่วมกับเพื่อนสาวในอัลบั้ม "Seven" ได้แก่ หฤทัย ม่วงบุญศรี, มาช่า วัฒนพานิช, นิโคล เทริโอ, นัท มีเรีย และภัครมัย โปตระนันท์
อัลบั้มเดี่ยว
• ปี 2532 อัลบั้ม ไม้ม้วน
• ปี 2533 อัลบั้ม ไม้ขีดไฟ
• ปี 2535 อัลบั้ม ความลับสุดขอบฟ้า
• ปี 2537 อัลบั้ม ผีเสื้อกับพายุ
• ปี 2540 อัลบั้ม ชีวิตใหม่
• ปี 2541 อัลบั้ม แผลงฤทธิ์
• ปี 2545 อัลบั้ม คนเดียวในหัวใจ
• ปี 2549 อัลบั้ม Always ใหม่เสมอ
อัลบั้มพิเศษ
• ปี 2544 อัลบั้ม Mai Special
• ปี 2546 อัลบั้ม Mai Blue, Mai
• ปี 2546 อัลบั้ม พุ่มพวงในดวงใจ ชุด 1-2
• ปี 2547 อัลบั้ม พุ่มพวงในดวงใจ ชุด 3-4
• ปี 2548 อัลบั้ม Then & Now Vol.1-2
• ปี 2551 อัลบั้ม Mai sings Asanee
อัลบั้มที่ออกร่วมกับศิลปินคนอื่นๆ
• ปี 2536 อัลบั้ม รวมเพลงละคร "ตะกายดาว"
• ปี 2536 อัลบั้ม งาน "ซน" คนดนตรี นานที 10 ปีหน
• ปี 2538 อัลบั้ม ขนนกกับดอกไม้
• ปี 2538 อัลบั้ม รวมเพลงละคร "จุดรวมฝัน"
• ปี 2538 อัลบั้ม Rock Zone Vol.1-2
• ปี 2539 อัลบั้ม รวมเพลงละคร "มงกุฎดอกส้ม"
• ปี 2542 อัลบั้ม X-Change
• ปี 2542 อัลบั้ม The Spesial 4
• ปี 2543 อัลบั้ม Rock For Life
• ปี 2543 อัลบั้ม "ลงเอย" พี่น้องร้องเพลง อัสนี-วสันต์
• ปี 2543 อัลบั้ม Seven Vol.1-2
• ปี 2551 อัลบั้ม Sleepless Society Vol.3 By Narongwit "One Night Stand"
• ปี 2552 อัลบั้ม Mai & Tina Beauty On The Beat
• ปี 2552 อัลบั้ม รวมเพลงละคร "น้ำตาลไหม้"
• ปี 2554 อัลบั้ม Forever Love Song Vol.1-2
มิ้นท์ อรรถวดี จิรมณีกุล นักร้องสาว เสียงดี สวย รวยทรัพย์ การศึกษาดี
มิ้นท์ เกิดเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2525 มิ้นท์ไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ยังเด็ก ที่สวิส ต่อด้วยอังกฤษ พูดได้ถึง 5 ภาษา ไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาเลียน และ สเปน ความสามารถทางด้านดนตรี นอกจากการเรียนร้องเพลงแล้ว เธอยังสามารถเล่นเปียโน และ เป่าฟลุทได้ดีทีเดียว
นักร้องไทยที่เธอชื่นชอบ คือ แอม เสาวลักษณ์ ลีละบุตร ส่วนนักร้องสากลที่เธอชื่นชอบ คือ Gloria Estefan ,Mariah Carey และ Whitney Houston ด้วย เพลงที่แจ้งเกิดมิ้นท์ก็คือ รักเธอที่สุด ในอัลบั้มแรกของเธอนั่นเอง ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย
ผลงานเพลง
อัลบั้ม Mint (2544) สังกัด เมกเกอร์เฮด , อัลบั้ม Special One (2544) สังกัด เมกเกอร์เฮด , อัลบั้ม รางวัลที่ยิ่งใหญ่ สังกัด เมกเกอร์เฮด (2545) , อัลบั้ม Mint Closer สังกัด โซนี่ บีเอ็มจี มิวสิค (2549) , อัลบั้ม Girl Talk (2552) สังกัด โซนี่ มิวสิค
มัม ลาโคนิคส์ (Mum and Laconics) เป็นนักร้องสาวประเภทสอง ที่มีชื่อเสียงจากการร้องเพลงประจำตามโรงแรมชั้นหนึ่งในกรุงเทพ มีวงดนตรีแบคอัพชื่อวง "ลาโคนิคส์" มัมมีเอกลักษณ์เฉพาะคือ สวมสูทเรียบร้อย แต่แต่งหน้าเป็นหญิง
มัม เกิดวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2501 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นคนกลางจากจำนวนพี่น้องสามคน คุณพ่อและคุณแม่เป็นนักร้องนักดนตรีอาชีพ ตอนเรียนชั้นประถมเคยเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปร้องเพลงออกรายการทางโทรทัศน์ จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนอำนวยศิลป์ และครุศาสตร์บัณฑิต เอกภาษาอังกฤษ โทภาษาไทย จากวิทยาลัยครูจันทรเกษม(มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ในปัจจุบัน)
เริ่มร้องเพลงกับเพื่อนหญิงคนหนึ่งโดยเล่นแนวโฟล์กซองใช้ชื่อวงว่า "Abnormal" เล่นประจำที่ ฟรีเวย์ เอเชียไอค์ ศาลาไอศกรีม ดรายฟลาย สยามสแควร์ เพื่อนหญิงของมัมทำหน้าที่เล่นกีต้าร์ ส่วนมัมทำหน้าที่ร้องนำ ซึ่งชื่อมัมตั้งโดยเพื่อนหญิงคนนั้นซึ่งเป็นทอม ส่วนชื่อวงต้องการสื่อถึงความแอ๊บของทั้งสองคน
ต่อมา เพื่อนนักดนตรีอีกสองคนซึ่งเล่นประจำที่ ไฮไลท์ และ บิสกิต คาเฟ่ ได้ชวนมัมทำวง "ลาโคนิคส์" โดยเล่นประจำที่ Ocean Club และ Your Place Entertainment Complex จนกระทั่ง วิโรจน์ ควันธรรม ดีเจแห่งไนท์สปอต ได้ผลักดันและประสานงานให้ลาโคนิคส์ออกเทปกับสังกัดไนท์สปอตเป็นผลสำเร็จ
สมาชิกของลาโคนิคส์ในช่วงปี 2527-2529 คือ มัม (ร้องนำ), วิชัย ไตรวินิจศรีสุข (กีต้าร์), วิจัย รัศมีจันทร์ (กีต้าร์), บุญเรือง ฤกษ์พัฒนกิจ (เบส), สุวุฑฒ์ แสงระยับ (คีย์บอร์ด), นพพร อิ่มทรัพย์ (กลอง) และ สมบัติ พรหมมา โดยได้รับอิทธิพลจากวง Culture Club ของประเทศอังกฤษซึ่งนำโดย Boy George ที่มีตัวตนเป็น "หนุ่มสวย"
ผลงานในยุคร้องนำวงลาโคนิคส์
มัม และลาโคนิคส์ มีผลงานบันทึกแผ่นเสียงกับ ไนท์สปอต 2 ชุด ในปี พ.ศ. 2528 และ พ.ศ. 2529 คือ ขอเพียง.....เข้าใจ และ เหนื่อย หรือยัง
ขอเพียง..เข้าใจ
o วันที่มาไม่ถึง
o สุข...สุดหัวใจ
o วณิพก • เหนื่อยหรือยัง (Weary)
o เหนื่อยหรือยัง
o อยากจะเป็นคนว้าเหว่ ?
o ฝันไปก่อน
o เอาไว้ไม่อยู่
o ขอเดินด้วยคน
o มีแต่เสียงเพลง
งานชุด "ขอเพียงเข้าใจ" และ "เหนื่อยรึยัง" ทำการบันทึกเสียงที่ประเทศอังกฤษทั้งสองชุด ชุดแรกอัดที่ Woodbine Streets Studios, Leamington Spa ชุดที่สองอัดที่ Village Recorders, Dagenham ทั้งสองชุดโปรดิวซ์โดย Simon Tittley ใช้นักดนตรีมือปืนรับจ้างประจำสตูดิโอเป็นผู้เล่น วงลาโคนิคส์ไม่ได้มีส่วนร่วมในการไปบันทึกเสียงเพียงแต่ร่วมเล่นตอนออกแสดงสดเท่านั้น โดยมี นุภาพ สวันตรัจฉ์ และ อัสนี โชติกุล แต่งเพลงในชุด ขอเพียงเข้าใจ (ยกเว้นเพลง วณิพก เป็นของ ยืนยง โอภากุล) ส่วนชุด เหนื่อยรึยัง เป็นงานของ ประชา พงศ์สุพัฒน์ (ผู้แต่งเพลงจำนวนมากให้กับ เอ็กซ์ วาย แซด) คุณภาพงานของทั้งสองชุดอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ดนตรีอยู่ในเทรนด์ของนิวมิวสิกซึ่งเข้มข้นไปด้วยเสียงซินธีไซเซอร์และดรัมแมชชีน ซาวนด์ออกจะใหม่และไม่เป็นที่คุ้นหูกับแมสคนไทยขณะนั้น ยกเว้นผู้ที่ฟังเพลงสากลเป็นประจำอยู่แล้ว
ผลงานเดี่ยว
หลังจากได้ออกอัลบั้มร่วมกับวงลาโคนิคส์ และทางค่ายไนท์สปอตต้องหยุดดำเนินธุรกิจด้านเสียงเพลง มัมได้ออกงานเดี่ยวในเวลาต่อมาเป็นงานคัฟเวอร์เสียส่วนใหญ่ แต่มาดังอีกครั้งตอนที่ได้ร้องเพลง "เติมใจให้กัน" ซึ่งเป็นเพลงนำจากภาพยนตร์เรื่อง "พริกขี้หนูกับหมูแฮม" เมื่อปีพ.ศ. 2532 และในปี พ.ศ. 2549 ได้เป็นหนึ่งในกลุ่มศิลปินเรโทร ออกอัลบั้ม "Be My Guest" จำนวน 4 ชุด และเมื่อวันที่ 21-22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ที่ CENTERPOINT PLAYHOUSE @ Central World ชั้น 8 มัมได้แสดงคอนเสิร์ตของตัวเองในชื่อ "MUM SHOW MAN COMEDY CONCERT" อีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น