วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เจ้าแม่เพลงโรแมนติก ตอนที่ 6 (ศิลปินชื่อ ส,ศ)

สุนิตา (ลีติกุล) จรรยาธนากร (โบ) เกิดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2518 โบเป็นลูกครึ่งไทยกับอัฟกานิสถาน คุณพ่อเป็นคนอัฟกานิสถาน และคุณแม่เป็นคนไทย และยังมีเชื้อสายจีน, มอญ และพม่า ด้วย หลังจากโบสอบเทียบจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้ตัดสินใจเดินถือเทปคาสเซ็ท ที่อัดเสียงร้องของเธอ ไปยื่นให้กับทางบริษัทแกรมมี่เพื่อที่จะสมัครเป็นนักร้องในสังกัด และได้เซ็นสัญญากับแกรมมี่ในปี พ.ศ. 2536 ในวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น ในระหว่างที่เข้าเรียนด้านการร้องเพลงอย่างจริงจัง ก็ได้ร้องคอรัสให้กับศิลปินมากมาย รวมทั้งได้ร้องเพลงประกอบละครต่างๆ เช่น ลัดฟ้ามาหารัก, พริกขี้หนูกับหมูแฮม ฯลฯ จนมีผลงานอัลบั้มชุดแรกชื่อชุด Beau มีเพลงที่ได้รับความนิยมมากมาย อาทิ ฉันรู้, ไม่อยากรัก (คนที่ไม่อยากรักเรา), ไม่มีอีกแล้ว ฯลฯ ถึงขนาดที่ทำให้โบมีอัลบั้มพิเศษที่ชื่อ Beau : Celebreation 1,000,000 copies เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองยอดขายครบล้านก็อปปี้ และต่อมามีผลงานอัลบั้มชุดพิเศษที่ชื่อ Beau Light ซึ่งเป็นการนำงานเพลงฮิตของเธอ มาเรียบเรียงใหม่ในสไตล์อะคูสติก และในปี พ.ศ. 2540 โบก็ออกผลงานอัลบั้ม Super Beau และมีเพลงฮิตมากมายเช่นเคย อาทิ รักซะแล้ว, เห็นน้ำตาฉันไหม ในปี พ.ศ. 2541 ออกผลงานชุดที่ 3 ที่ชื่อว่า Miracle โดยเพิ่มความหนักของร็อกเข้าไปกว่าชุดก่อน งานเพลงออกมาอีกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอัลบั้ม รักยิ่งใหญ่จากชายคนหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2544 อัลบั้ม Beau Enjoy ในปี พ.ศ. 2547 และอัลบั้ม Music ออกในปี พ.ศ. 2549

ด้านชีวิตส่วนตัว โบได้สมรสกับดารา นักแสดงชื่อ ฝันเด่น จรรยาธนากร ซึ่งทั้งคู่ได้พบรักและคบหาดูใจกันมายาวนานถึง 10 ปี ก่อนที่จะลงเอยด้วยการแต่งงานไป เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2548และในวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมาเพิ่งคลอดลูกสาวคือน้องฮานิ

ผลงานอัลบั้มเดี่ยว Beau (2539) SuperBeau (2540) Miracle (อัศจรรย์) (2541) รักยิ่งใหญ่จากชายคนหนึ่ง (2544) Enjoy (2547) Music (2549)

มินิอัลบั้ม (อีพี) Beau Light (2540)

อัลบั้มพิเศษ และอัลบั้มรวมเพลงฮิต 1,000,000 Copies Celebration (2539) The Very Best Of โบ สุนิตา (2543) Non Electric Project (2544) I Am Beau (2545) My Inspiration (2551)

เพลงที่มีชื่อเสียง และซิงเกิ้ลฮิต

1. ฉันรู้

2. เธอไม่เคยถาม

3. ไม่มีอีกแล้ว

4. อยู่คนเดียว

5. พรุ่งนี้ (จะไปกับเธอ)

6. อธิษฐาน

7. ขอเป็นคนของเธอ

8. พรุ่งนี้จะรักฉันไหม

9. อยากให้เธออยู่ตรงนี้

10. เสียใจ

11. เทน้ำบนกองทราย

12. เห็นน้ำตาฉันไหม

13. ตามใจ

14. ฉันจะจำเธอแบบนี้

15. อัศจรรย์

16. แค่คำว่ารัก

17. บอกอะไรป่านนี้

18. อย่าบอกให้ฉันไป

19. รักยิ่งใหญ่จากชายคนหนึ่ง

20. กีรติ (เพลงประกอบภาพยนตร์ ข้างหลังภาพ)

21. พี่ชายที่แสนดี

22. รักครั้งสุดท้าย

23. ยังรักกันอยู่ใช่ไหม

24. ค้นใจ

25. เมื่อไหร่ดีพี่

26. ถ้าเธอพร้อม ฉันก็พร้อม

27. เจ้าหญิงในนิยาย

28. เธอรู้ได้ยังไง

29. รักแท้หรือแค่เหงา

30. ฝากตามเขาที

31. หนึ่งในไม่กี่คน

ศิรินทิพย์ หาญประดิษฐ์ (โรส) เกิดเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2526 จบการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 1-3 จากโรงเรียนอาเวมารีอา อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ระดับประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียน Emmaus ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ระดับประถมศึกษาปีที่ 5 จาก ICS (International Christian School) เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ระดับประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนสวนนันทวัน (ปิดไปแล้ว) ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนคริสตธรรมศึกษา กรุงเทพมหานคร ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 จากโรงเรียนสายน้ำผึ้ง (ศิลป์ภาษาฝรั่งเศส) และปริญญาตรี เอกภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร

โรสได้รับรางวัลร้องเพลงรางวัลประกวดชนะเลิศ การประกวดร้องเพลงภาษาฝรั่งเศสประจำปีที่เซนต์จอห์น (St. John) จากสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ในตอนมัธยมปลาย และเคยได้รับรางวัลสีสันอวอร์ดสครั้งที่ 17 ในสาขาศิลปินหญิงเดี่ยวยอดเยี่ยม จากอัลบั้ม Time Machine ปี 2548 นอกจากนั้นโรสยังทำหน้าที่เป็นคอรัสและไกด์เพลงให้กับศิลปินคนอื่นๆ ในวงการดนตรีอีกมากมาย และโรสยังสามรถเล่นกีตาร์ เปียโน เบส และกลอง


ผลงานเพลงอัลบั้มเดี่ยว Time Machine 2547 ,Rose Line 2550 , Rose My Inspiration 2551 , Rose Show 2551 , Feel by Rose 2553 , Living Rose 2554 , Evening with Rose 2554 More Than 2555

เพลงคริสเตียน

1. ฝากใจไว้ที่กางเขน

2. How Excellent Your Name

3. We are the reason

4. บุตรแห่งรางหญ้า

5. รักไม่มีเงื่อนไข (feat. โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร)

6. วางใจเมื่อมีเธอ (อัลบั้ม the one)

7. ขอให้ลูก

ผลงานอัลบั้มพิเศษอื่นๆ

1. อัลบั้มพิเศษ The War เพลงฮิต "Tomorrow"

2. อัลบั้มพิเศษ GIFT เพลงฮิต "เกิดมาแค่รักกัน"

3. ซิงเกิ้ลเพลง"ฉันเป็นอะไรไป" (ประกอบละครเรื่อง "ลมหวน" ทางไทยทีวีสีช่อง3)

4. อัลบั้มพิเศษ เพลงประกอบละครซีรีส์เกาหลี เพลงฮิต "Perhaps Love"

5. อัลบั้มพิเศษ Sleepless Society 2 เพลงฮิต "นอนกับความเหงา"

6. อัลบั้มพิเศษ เพลงสากล Simply Emotions เพลงฮิต "Superman (It's not easy)"

7. อัลบั้มพิเศษ Beautiful Bossa เพลงฮิต "ไม่ต้องห่วงฉัน"

8. อัลบั้มพิเศษ Herspective 2 เพลงฮิต "เก็บใจเธอไว้" และ "ไม่เจอไม่จำ"

9. อัลบั้ม Melody of Rose เพลงฮิต "ขอจันทร์" (ประกอบละครเรื่อง "น้ำผึ้งขม" ทางไทยทีวีสีช่อง 3)

10. อัลบั้ม Feel by Rose อัลบั้ม Cover รวมเพลงสากลยุค 70's-90's

11. ซิงเกิ้ลเพลง "ฟ้าเปลี่ยนสี" (ประกอบละครเรื่อง "เมื่อวันที่ฟ้าเปลี่ยนสี" ทางช่อง5)

12. ซิงเกิ้ลเพลง ""อนิลทิตา"" (ประกอบละครเรื่อง "อนิลทิตา" ทางช่อง5)

13. ซิงเกิ้ลเพลง "ฉันไม่ได้รักเธอใช่ไหม"(ประกอบละครเรื่อง "สุดแต่ฟ้าจะกำหนด" ทางไทยทีวีสีช่อง3)

14. ซิงเกิ้ลเพลง "ทำดีต้องได้ดี" (ประกอบละครเรื่อง "สุดแต่ฟ้าจะกำหนด" ทางไทยทีวีสีช่อง3)

15. ซิงเกิ้ลเพลง "รักแท้หรือแค่ของเล่น" (ประกอบละครเรื่อง "เทพธิดาปลาร้า" ทางไทยทีวีสีช่อง 3)

16. ซิงเกิ้ลเพลง "แค่เรารักกันก็พอ" (ประกอบละครเรื่อง "สู้ยิบตา" ทางไทยทีวีสีช่อง3)

17. ซิงเกิ้ลเพลง "หนึ่งในไม่กี่คน" (ประกอบละครเรื่อง "เหลี่ยมรัก" ทางช่อง7สีทีวีเพื่อคุณ)

18. ซิงเกิ้ลเพลง "ทำดีกู้แผ่นดิน" (ประกอบรายการ "ทำดีกู้แผ่นดิน" )

19. ซิงเกิ้ลเพลง "เพราะฉันมีเธอดูแล" (เพื่อตำรวจ)

20. ซิงเกิ้ลเพลง "มากกว่ารัก" (ประกอบภาพยนตร์ "Sorry ซารังแฮโย เการักที่เกาหลี")

21. ซิงเกิ้ลเพลง "ถ้าหากไม่รัก" (ประกอบละครเรื่อง "4 หัวใจแห่งขุนเขา (วายุภัคมนตรา)" ทางไทยทีวีสีช่อง 3)

22. ซิงเกิ้ลเพลง "รักเอย" (ประกอบละครเรื่อง "ทาสรัก" ทางไทยทีวีสีช่อง 3)

ผลงานร่วมกับศิลปินอื่นๆ

• เพลง "มีเธอ" Calories Blah Blah feat.โรส ศิรินทิพย์ (อัลบั้ม Sugar added)

• เพลง "ทฤษฎี" ไอซ์ ศรัณยู feat.โรส ศิรินทิพย์ (อัลบั้ม ICE WITH U)

สุกัญญา มิเกล หรือชื่อจริงว่า สุกัญญา เขียนเอี่ยม เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2515 ที่สัตหีบ ต่อมาย้ายไปอยู่กับตายายที่จังหวัดนครสวรรค์ ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนรังสรรค์วิทยา โรงเรียนพิพัฒศึกษาและโรงเรียนตากฟ้าวิชาประสิทธิ์ ต่อมาเมื่ออายุได้ 14 ปี เดินเข้าสู่กรุงเทพ และเข้าสู่วงการนางแบบอาชีพเมื่ออายุ 16 ปี จนได้มีผลงานการแสดงภาพยนตร์และละครหลายเรื่อง รวมถึงถ่ายแบบนู้ด ในปฏิทินแม่โขงในปี พ.ศ. 2535 และนิตยสารเพ้นท์เฮาส์ฉบับภาษาไทย

ทางด้านผลงานเพลง ออกผลงานเพลงชุดแรกเมื่อปี พ.ศ. 2537 ชุด “หน้ากาก” สังกัด วี.ไอ.พี. อัลบั้มชุดนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสีสันอวอร์ด ในฐานะศิลปินหน้าใหม่ ต่อด้วยผลงานชุดที่สอง “เวดทาม สตอรี่” ที่มีเพลงดังอย่าง รักเธอจริง ๆ และ ดีดีกันไว้ และยังได้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลนักร้องหญิงยอดเยี่ยมในสีสันอวอร์ด และในปี พ.ศ. 2539 กับผลงานอัลบั้มชุดที่ 3 “ครอสโอเวอร์” และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสีสันอวอร์ด 7 รางวัล รางวัลที่ได้รับคือ โปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยมแห่งปี โดยคุณพรชัย ศรีขจร เป็นโปรดิวเซอร์ และรางวัลศิลปินหญิงร็อกยอดเยี่ยมแห่งปี ส่วนอัลบั้มชุดที่ 4 “บอร์นทูบีฟรี” เมื่อปี พ.ศ. 2540 และอัลบั้มชุดที่ 5 “ทูรีเทิร์น” เมื่อปี พ.ศ. 2542 กับค่ายเพลงของตัวเองในชื่อบริษัท ร็อกแอนด์โรลเฮ้าส์ โดยมี บริษัทซีเควาย เป็นตัวแทนจำหน่าย

ส่วนผลงานด้านการเขียน สุกัญญาเขียนเบื้องหลังโฆษณาชุด แห่นางแมวของพานาโซนิค และเขียนนิยายเรื่องสั้นลงนิตยสารของพานาโซนิค เขียนบันทึกเรื่องสั้นลงในหนังสือ “ชีวิตต้องสู้” บันทึกเรื่องสั้นลงในนิตยสาร “แสงอรุณ” และออกผลงานกับสำนักพิมพ์คำสมัย หนังสือรวมเล่มเรื่อง “ครั้งหนึ่งในชีวิต”

ในปี พ.ศ. 2550 ภาพยนตร์เรื่อง รักแห่งสยาม ได้นำบทเพลง เพียงเธอ ของสุกัญญา นำไปทำใหม่ขับร้องโดย วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงศ์กุล

ผลงานเพลงอัลบั้มเดี่ยว

• “หน้ากาก” (พ.ศ. 2537) สังกัด วี.ไอ.พี.

• “เวดทาม สตอรี่” (พ.ศ. 2538) สังกัด วอร์เนอร์มิวสิก

• “ครอสโอเวอร์” (พ.ศ. 2539) สังกัด วอร์เนอร์มิวสิก

• “บอร์นทูบีฟรี” (พ.ศ. 2540) สังกัด วอร์เนอร์มิวสิก

• “ทูรีเทิร์น” (พ.ศ. 2542) บริษัท ร็อกแอนด์โรลเฮ้าส์

• "นัมเบอร์ 6"(พ.ศ. 2550)บริษัท ร็อกแอนด์โรลเฮ้าส์

ผลงานมิวสิควีดีโอ

• เพลง ลาออก ของ บิลลี่ โอแกน

ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม ลีเดีย (Lydia) เกิดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 เป็นนักร้องหญิงสไตล์ R&B เจ้าของเพลงฮิต "ว่างแล้วช่วยโทรกลับ" คำว่า Lydia มีที่มาจากภาษาโปแลนด์ ซึ่งทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นมีความหมายเดียวกันว่า “ความสำเร็จ”

ลีเดีย เป็นบุตรสาวของ นายไชยยันต์ วิสุทธิธาดา นักธุรกิจสนามกอล์ฟและอุปนายกสมาคมกอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย กับนางศันสนีย์ วนะไชยเกียรติ มีน้องสาวชื่อ ศรัณย์พร วิสุทธิธาดา (ดั๊กกี้) ซึ่งลิเดียเคยเป็นนักร้องสังกัดค่ายอาร์เอส ปัจจุบันไม่ได้ต่อสัญญากันแล้ว และลีเดียได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดโพลีพลัส ด้านนักร้องเป็นศิลปินอิสระ แต่ได้ไปร่วมงานในโปรเจ็กท์พิเศษ เรื่องจริง จาก

ลีเดียเริ่มเรียนร้องเพลง แนว R&B ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ กับครูวสันต์ เกษแก้ว (ซึ่งเคยเป็นครูสอนร้องเพลงให้กับ ปาน ธนพร) โดยมีศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจในการเรียนแนว R&B เช่น บียอนเซ่, เจนนิเฟอร์ โลเปซ, คริสติน่า อากีเลร่า, มารายห์ แครี และ บริทนีย์ สเปียร์ส นอกจากรักการร้องเพลงแล้ว ในเรื่องการเรียน ลีเดียก็ยังสามารถทำได้ดีอีกด้วยโดยได้เกรดเฉลี่ย ตลอดช่วงการเรียนของไฮสคูล 3.9 (Honor Roll Student : 3.9 GPA and above) และสามารถสอบเข้าเรียนต่อได้ที่มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 11 ในอเมริกา โดยเลือกเรียนในสาขา Biological Sciences และ Business Institutions และยังชอบทำกิจกรรมของโรงเรียน โดยมีเครดิตเป็น Vice President [student Government] และ National Honor Society of Secondary Schools

ปี พ.ศ. 2549 ลีเดียถูกเสนอเข้าชิงรางวัล เอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส สาขาศิลปินยอดนิยมประเทศไทย แต่พ่ายให้กับทาทา ยัง

ต่อมาปี พ.ศ. 2550 ลีเดียได้เขียนพ็อกเกตบุ๊กที่มีชื่อ ลีเดีย...เฮียร์ ไอ แอม เธอได้ตกเป็นข่าวดังติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ในประเด็นที่ว่านักร้องสาว ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา สนิทสนมกับครอบครัว ชินวัตร โดยในช่วงแรกเธอตกเป็นข่าวกับ โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร และต่อมาตกเป็นข่าวกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งความจริงเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า ครอบครัวของลีเดียและครอบครัวของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตรนั้น มีความสนิทสนม และแนบแน่นกันมานานแล้ว เนื่องจากครอบครัววิสุทธิธาดา ประสบกับภาวะล้มละลาย และได้ขอความช่วยเหลือจากครอบครัวของพ.ต.ท.ทักษิณ จนมีบางกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เธอสนิทสนมกับอดีตนายกฯ เป็นอย่างมาก แต่เธอก็ปฏิเสธมาโดยตลอด และกล่าวว่าอดีตนายกฯ เปรียบเสมือนเป็นพ่อคนที่ 2

ปี 2554 ลีเดีย และในปี 2555 นี้ลีเดียเผยจะเรียนแอ็คติ้งเพิ่ม ผู้จัดอาจเป็นค่ายเดิม นอกจากนี้อาจมีผลงานเพลงใหม่ร่วมกับดีเจคนหนึ่ง ในเดือน มิถุนายน ลีเดีย ถูกวางตัวสำหรับละครเรื่องที่ 2 ก็คือ สุสานคนเป็น ทางช่อง 7 ซึ่งตอนนี้กำลังรอยืนยันจากทางผู้จัด และช่องอยู่

ผลงานเพลงอัลบั้ม

• Lydia (วางจำหน่ายเดือน มิ.ย. 2548)

• Dreams II A Little Dream Project (ลีเดีย/เม/ฝ้าย)

• Lydia 19

• ลูกของพ่อ (ร้องคู่ แอมมารี่ เพลง บอกด้วยใจ-ทำด้วยใจ)

• Ost.รักนะ 24 ชม. (เพลง Someday)

• Lydia Inside Out

• Lydia Moving On

• Fabulous Lydia

• Love Maker II by am:pm (ร้องคู่ บี พีระพัฒน์ เพลง ทั้งชีวิต)

ซิงเกิ้ลเพลง

• เพลง "Y.O.U."

• เพลง "ข้อความในใจ"

• เพลง "เธอไม่ยอมปล่อยหรือฉันไม่ยอมไป" จากอัลบั้ม Club Friday Base On True Story By เอิ้น พิยะดา



เสาวนิตย์ นวพันธ์ - กบ

• ศิลปินนักร้อง

• ครูสอนร้องเพลง (Vocal Teacher/ Vocal Coach)

• ผู้อำนวยการและ

ผู้ฝึกสอนเทคนิคการใช้เสียง สถาบันสอนร้องเพลง "Private Studio"

• อาจารย์ประจำสาขา Vocal Jazz ประจำวิทยาลัยดนตรี ม.รังสิต

• ผู้วางหลักสูตรการสอนร้องเพลง-ครูสอน "ปฏิบัติการนักล่าฝัน AF Season #6-#7 (Academy Fantasia 6-7)"

การศึกษา

• ปี 2538-2541: อนุูปริญญา (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) เอกสาขาดนตรี ระดับมืออาชีพ จากวิทยาลัย Berklee, Boston, MA, USA.
• ปี 2534 - 2538: ปริญญาตรีศิลปกรรมศาสตร์ เอกขับร้องตะวันตก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เกียรติประวัติและรางวัล

• ปี 2548 : รางวัลนักร้องหญิงยอดเยี่ยม สาขาเพลงไทยสากล จาก คม ชัด ลึก ประจำปี พ.ศ. 2547
• ปี 2547 : เป็นตัวแทนประเทศไทยไปฝึกนักร้องที่ประเทศเวียดนาม สำหรับโครงการประกวดร้องเพลง "SAO MAI DIEM HEN" ตำแหน่ง Grooming Director, GMM, THAILAND
• ปี 2537 : รางวัลนักร้องระดับมืออาชีพจากการประกวดร้องเพลงระดับมืออาชีพ จัดโดย สมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย
• ปี 2533 : รางวัลเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ สาขากิจกรรมสร้างสรรค์ดีเด่น
• ปี 2532 :รางวัลนักร้องดีเด่น จากการประกวดเพลงนิสสัน อวอร์ด "Nissan Awards 1989 Thailand Singing Contest

ประสบการณ์ด้านดนตรี
• ปี 2544 :

ร่วมเป็นศิลปินรับเชิญให้กับศิลปินระดับโลก ได้แ่ก่
• Manhattan Jazz  , Quintet (MJQ)
• Jim Brickman
• Dave Coz
• Philips Symphony Orchestra

• ปี 2542 - ปัจจุบัน:ร่วมเป็นศิลปินรับเชิญให้กับ Bangkok Symphony Orchestra (วงดุริยางค์ซิมโฟนี่กรุงเทพ)
2545 - รวมศิลปิน
Album : "บัวขาว ชุด 2"
by Bangkok Symphony Orchestra (BSO)

2544 - รวมศิลปิน
Album : "ความฝันอันสูงสุด"
by Bangkok Symphony Orchestra (BSO)

2541 - รวมศิลปิน
Album : "Reflection of H.M. Blues"
by TSAB กลุ่มนักเรียนไทยใน Boston, USA.

ผลงานอัลบั้มที่ออกภายใต้ชายคาแกรมมี่
2552 - Solo Album Album : "Nobody Knows"
2549 - รวมศิลปิน Album : "Gift"
2548 - เสาวนิตย์ นวพันธ์(อัลบั้มคู่) Album : "Mars & Venus"
2547 - เสาวนิตย์ นวพันธ์(อัลบั้มเดี่ยว) Album : "From Voice Within"
2547 - รวมศิลปิน Album : "Romantic Showcase"
2547 - รวมศิลปิน Album : "Her Emotion"
2547 - รวมศิลปิน Album : "ฝากไว้ในแผ่นดิน 1"
2546 - รวมศิลปิน Album : "Meeting 2"
2546 - รวมศิลปิน (บันทึกการแสดงสด) Album : "เส้นใหญ่"
2546 - รวมศิลปิน Album : "Your Songs 1"
2546 - รวมศิลปิน Album : "Together"
2546 - รวมศิลปิน Album : "Your Songs 2"
2545 - รวมศิลปิน Album : "We Love Carpenters"
2545 - รวมศิลปิน Album : "ยินยอม-พี่น้องร้องเพลงอัสนี-วส&#"
2544 - เสาวนิตย์ นวพันธ์(อัลบั้มเดี่ยว) Album : "Make it Natural"

ศรีไศล สุชาตวุฒิ หรือ หม่อมศรีไศล วรานนท์ สุชาตวุฒิ นักร้องเพลงลูกกรุง มีผลงานที่เพลงที่มีชื่อเสียงคือ เพลง รักข้ามขอบฟ้า, เก็บรัก, คิดจะปลูกต้นรักอีกกอ, ชั่วฟ้าดินสลาย, จงรัก สมรสกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช ศรีไศล สุชาตวุฒิ วรานนท์ เคยมีผลงานแสดงภาพยนตร์เรื่อง เพลงรักเพื่อเธอ (2520) นำแสดงโดย สรพงศ์ ชาตรี และพิศมัย วิไลศักดิ์

หม่อม ศรีไศล สุชาตวุฒิ วรานนท์ เป็นธิดาคนที่ 8 ในจำนวน 10 คน ของนายสรร และนางถมยา สุชาตวุฒิ เข้าโรงเรียนศรีอยุธยา พญาไท จนจบ ขณะที่เป็นนักเรียนมัธยมได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดร้องเพลงในงานกาชาด ที่สวนอัมพรและได้รับพระราชทานรางวัลจากพระหัตถ์ของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เพลงที่ร้องชื่อเพลง “ดอกไม้” ประพันธ์โดย ท่านผู้หญิงพวงร้อย อภัยวงศ์ (หม่อมหลวงพวงร้อย สนิทวงศ์) ปีต่อมาได้รับรางวัลที่หนึ่งจากการประกวดเย็บปักถักร้อยในงาน “ศิลปหัตถกรรมนักเรียน” ที่โรงเรียนสวนกุหลาบ และด้วยความที่รักศิลปะ หลังจากจบการศึกษาในระดับมัธยม ศรีไศล จึงเลือกเรียนสาขาวิชาชีพไม่เลือกเข้ามหาวิทยาลัยเช่นพี่ๆ เข้าเรียนออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าจาก “สปัน” และได้รับการสอนโดยตรงจากคุณสปัน ภายหลังเมื่อจบจึงได้เริ่มทำงานกับ “สปัน” และต่อมาคุณสปันได้เปิดโรงเรียนสอนตัดเสื้อ คุณสปันเป็นผู้ชักนำเข้าร่วมร้องเพลงในรายการ “ชรินทร์โชว์” ที่ออกอากาศทุกๆเดือนทางโทรทัศน์ช่องบางขุนพรม (ในเวลานั้น) และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ ศรีไศล สุชาตวุฒิ ต่อมาได้ไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นที่ “โซเอน โตเกียว” และกลับมาเปิดร้านของตัวเอง งานออกแบบที่ถนัดคือชุดวิวาห์และชุดราตรี มีเหล่านักร้อง,นักแสดงชื่อดังที่ชื่นชอบในฝีมือเป็นจำนวนมากเป็นลูกค้าประจำเช่น สวลี ผกาพันธ์ เพ็ญศรี พุ่มชูศรี รวงทอง ทองลั่นทม จินตนา สุขสถิต รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส ลินจง บุญนากริน ตลอดถึงคนในและนอกวงการอีกมากมายหลายท่าน ได้ทำเสื้อประกอบภาพยนตร์ให้คุณดอกดิน กัญญามาลย์ และอัศวินภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง 10 ปีที่แต่งงานและการใช้ชีวิตคู่ของ ศรีไศล กับ คุณไพบูลย์ ลีสุวัฒน์ (ซึ่งต่อมาเสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2555) ต้องจบลงเมื่อตกลงแยกทางกันโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า2-3ปีหลังจากนั้นชีวิตของ ศรีไศล ได้พลิกผลันอย่างไม่น่าเชื่อ

ศรีไศล ได้ก้าวขึ้นเป็นนักร้องชั้นแนวหน้าอันดับ TOP TEN ในยุคนั้นโดยร้องเพลงประจำใน “คอกเทลเลาจน์” ซึ่งในสมัยนั้นเพิ่งเริ่มเป็นที่นิยมและเป็นสถานที่ที่เหล่าบรรดาสุภาพชนนิยมมานั่งฟังเพลง อาจจะเป็นเพราะลีลาการร้องและเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอทำให้เธอได้รับความสนใจจากแฟนๆและจากเจ้าของสถานที่ เธอตระเวนร้องเพลงถึง 3-4แห่งในแต่ละวัน เริ่มตั้งแต่งหกโมงเย็นถึงเที่ยงคืน แห่งละ1ชั่วโมง ศรีไศล เคยร้องอยู่โรงแรมแอมบาสเดอร์, ปี๊ปอินน์ , โรงแรมอมพีเรียล, ทิพย์ คอกเทลเลาจน์ สยามสแควร์, โซโห เพลินจิต, มาร์โคโปโล ทองหล่อ, The Green House ทองหล่อ, Your Place สุขุมวิท33, สีทันดร ลาดพร้าว และ โรงแรมแมนดาริน ศรีไศล เข้าสู่วงการภาพยนตร์โดย คุณเริงศิริ ลิมอักษร ในผลงานเรื่อง “เพลงรักเพื่อเธอ” ร่วมกับ คุณพิศมัย วิลัยศักดิ์ และ คุณสรพงษ์ ชาตรี และผลงานเรื่อง “หนามหยอกอก” ร่วมกับคุณวิฑูรย์ กรุณา ของ คุณเป๋ โปสเตอร์ และ “แก้ว” ร่วมกับคุณทูน หิรัญทรัพย์ และ คุณลินดา ค้าธัญเจริญของ คุณเปี๊ยก โปสเตอร์

ด้านผลงานโทรทัศน์ ผู้ช้กชวนคือ คุณภัทราวดี (ศรีไตรรัตน์) มีชูธน เรื่อง“ความรัก” และ “ประชาชนชาวแฟลต” และมีเรื่องอื่นๆต่อมาอีกหลายเรื่อง เพราะงานการแสดงและร้องเพลงที่มากขึ้นทำให้เธอต้องหยุดกิจการเสื้อผ้าโดยสิ้นเชิง ได้รับคำชมจากคอลัมล์ “ลัดดาซุบซิบ”ว่าเป็นนักร้องหญิงที่แต่งตัวดีที่สุดในจำนวน2-3คนในสมัยนั้น ได้รับคำวิจารณ์จากท่านผู้หญิงพวงร้อย อภัยวงศ์ ในการให้สัมภาษณ์ของท่านในนิติยสารฉบับหนึ่งว่า “ครั้งแรกๆที่ฟังเพลงของ ศรีไศล ยังไม่ค่อยชอบเพราะเธอร้องไม่ลงกับจังหวะห้องของดนตรี (คือ ล้อกับดนตรี ไปก่อนบ้าง ตามหลังบ้าง) ” ท่านวิจารณ์ต่อว่า “แต่ฟังไปแล้วชักชอบ เพราะเป็น “สไตล” ของเขาเอง, (คือสุดท้ายก็ลงได้พร้อมดนตรี) เคยมีคนถาม ศรีไศล ว่าไปเรียนร้องเพลงแบบนี้มาจากไหน เธอตอบว่า “ไม่เคยได้เรียนร้องเพลงเลย ฝึกมาด้วยตัวเอง อาศัยชอบฟังเพลงฝรั่งมาแต่เด็กๆเพราะมีพี่ชายคนโตไปเรียนที่ประเทศอังกฤษและกลับมาพร้อมกับแผ่นเสียงเพลงดีของ Frank Sinatra, Ella Fitzgerald, Nancy Wilson, Diane Schuur และอีกมากมาย เธอเริ่มรู้จักเพลง Jazz ตั้งแต่อายุ 13 – 14 ปี ตอนเด็กๆชอบอาษารีดผ้าให้คุณพ่อและคุณแม่เพราะจะได้เปิดเพลงฟังโดยไม่ต้องโดนเรียกไปทำอย่างอื่น นักร้องไทยที่ชื่นชอบมี คุณสวลี ผกาพันธ์, คุณพูลศรี เจริญพงค์, คุณเพ็ญศรี พุ่มชูศรี, คุณชรินทร์ นันทนาคร, คุณสุเทพ วงศ์กำแหง, คุณพิทยา บุญรัตนพันธ์ และอีกหลายท่าน ในปี 2524 ศรีไศล สุชาตวุฒิ เงีบยหายไปจากวงการอย่างฉับพลันแบบที่แฟนเพลงของเธอพากันงงงัน เธออพยพไป รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เพราะเหตุผลทางครอบครัว ในปี 2527 ศรีไศล ได้สมรสกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช ที่ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา และใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบที่เมือง Calabasas ทางเหนือของแอลเอ ในระหว่างที่เธอใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขดูแลครอบครัวที่รัก บุตร ธิดา ซึ่งกำลังอยู่ในวัยเรียน และเดินทางไปมาระหว่างแคลิฟอร์เนียและลอนดอนเพราะบุตรชายคนเล็กเรียนอยู่โรงเรียนประจำในประเทศอังกฤษ ปี 2533 เป็นปีแห่งการสูญเสีย “ท่านพระองค์ชาย” สิ้นชีพพิตักษัย ชีวิตของ ศรีไศล ดำเนินต่อไปกับลูกๆทั้ง 3 พิบูลศรี มัสโท นงนภา แอนเดอร์สัน และสัจจพร ลีสุวัฒน์ และหลานๆ ซึ่งปัจจุบันมีหลานยาย 3คน ศันสนีย์ (โดมินิค),อินทรีย์ (มาติน) มัสโท และ วสุ (คิลเลี่ยน) แอนเดอร์สัน อยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เพลงที่เป็นผลงานยอดนิยมเช่น เก็บรัก, รักข้ามขอบฟ้า, รักไม่รู้ดับ, รักริษยา, จงรัก, ชั่วฟ้าดินสลาย, รักที่เลือกไม่ได้, เสน่หา, ลมหวล, ลองรัก, รักและคิดถึง, คืนเหงา, ความรักครั้งสุดท้าย, พิษรัก, หยาดเพชร และอีกมากมาย ฟังเพลงได้ทุกประเภทแล้วแต่อารมณ์และสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันส่วนใหญ่ไปๆมาๆระหว่าง Chateau ชนบทในแคว้นนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส และคอนโดฯริมแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ และกลับบ้านที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ในบางครั้ง กิจกรรมประจำวัน ตื่นเช้า (สาย) เพราะนอนดึก สวดมนต์ ทานอาหารดูโทรทัศน์ปลูกต้นไม้ ชอบกุหลาบและกล้วยไม้เป็นพิเศษ ชอบเลี้ยงสุนัข เวลาว่างชอบลองทำอาหารแปลกๆ เขียนจดหมายถึงเพื่อน ชอบวาดรูป (ยังไม่ได้ดีซักที) ชอบทำงานฝีมือต่างๆอย่างแต่งบ้าน เอาเฟอนิเจอร์เก่าๆมาทำใหม่ และชอบฟังเพลง เคยชอบเรียนภาษาแต่ตอนนี่ความจำไม่ช่วยเลยไม่คิดจะเรียนอีกเพราะเกิดปีวอกเลยเป็นคนว่องไว ไม่อยู่เฉยว่างเมื่อไหร่ท่องเที่ยวเมื่อนั้นทั้งๆที่ตามปกติต้องเดินทางไปดูแลบ้านทั้งประเทศไทย อังกฤษ อเมริกา และฝรั่งเศส กลางคืนชอบแช่น้ำร้อนใส่ของหอมๆแล้วอ่านหนังสือ เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด เหมือนตอนเด็กๆที่ขอรีดเสื้อผ้าให้คุณพ่อกับคุณแม่เพื่อจะได้ฟังเพลงโดยไม่มีคนมากวน ก่อนนอนสวดมนต์ ทำวัดเย็น สวดพระคาถาชินบัญชรเสร็จแล้วนั่งวิปัสนาทุกคืน ความรัก มีมาก รักคุณพ่อ คุณแม่ คิดถึงท่านทีไรก็เกิดความรู้ถึงพระคุณ รู้ถึงความรักที่ท่านมีให้เรา แล้วใช้ความรู้สึกนี้ให้ลูกๆและหลานๆ รักพี่รักน้อง รักสัตว์ และที่สำคัญ ไม่ลืมทีจะรักตัวเอง







วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คนดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน ยุคนี้อันธพาลครองเมือง

คนดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน
ยุคนี้อันธพาลครองเมือง ใครจะทำไม หรือ ใครจะจัดการมันบ้างมั๊ย

จากข่าวหน้า 1 และออกทุกสื่อในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เกี่ยวกับโรงเรียนช่างกลคู่อริ ไล่ยิงกันบนท้องถนน โดยมีรถเมล์ประจำทางสาย 59 พร้อมประชาชนผู้โดยสารตกเป็นเหยื่อ มีทั้งผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต อีกตามเคย เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยและซ้ำซากมาก โดยต้นตอสาเหตุ ก็เกิดจากการทะเลาะเบาะแว้งจากกรณีใดก็ตาม เกิดบันดาลโทสะ ต้องการล้างแค้นกัน ในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ขี้หมูราขี้หมาแห้ง และเกี่ยวกับจิตสำนึกที่ดี ขาดความรับผิดชอบต่อสังคมของทั้งตัวเด็กและผู้เกี่ยวข้อง ขาดศีลธรรม ความตระหนักรู้ในบาปบุญคุณโทษ เจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองขาดความเอาจริงเอาจัง ขาดการบังคับใช้กฏหมายอย่างเข้มงวด จนเกิดการหย่อนยานในหน้าที่ ความไม่เกรงกลัวต่อกฏหมายบ้านเมือง ค่านิยมเรื่องศักดิ์ศรีสถาบันแบบผิดๆ ระบบการรับน้องพิเรนทร์ๆ โหดๆ ฝังหัวในหมู่นักเรียนสายอาชีวะ โดยเฉพาะช่างกล ระบบรุ่นพี่รุ่นน้องที่ปกครองกันเอง แบบสปอยด์กันผิดๆ ไม่ได้อยู่ในกรอบความคิดด้านศีลธรรม จรรยาบรรณ หรือตระหนักรู้เกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง ต่อครอบครัว และต่อสังคม ประเทศชาติ ไม่เคยปลูกฝังค่านิยมทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ในหมุ่เด็กนักเรียนอาชีวะ ทั้งหมดนี้คือบทสรุปทุกเรื่องราว ทุกปมประเด็นส่วนใหญ่ที่มักพบเจอ สุดท้ายจุดจบก็คือการสูญเสียของเหยื่อ หรือประชาชนที่ไม่มีส่วนเกียวข้อง ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย ต้องมาจบชีวิตลงอย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย หากบุคคลคนนั้นเกิดเป็นคนที่คุณรัก ต้องมาประสบเหตุการณ์อะไรแบบนี้ คุณจะรู้สึกอย่างไร

โศกนาฏกรรมในลักษณะวัยรุ่นอาชีวะตีกัน ไล่ยิงกัน นั้น เท่าที่ทราบน่าจะเป็นลักษณะเฉพาะของสังคมไทย แต่เพียงสังคมเดียวในโลกมั๊ง ที่เกิดขึ้นซ้ำซาก สาเหตุหรือต้นตอนั้นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก็น่าจะรู้ปัญหานะ แต่การขจัดหรือแก้ไขนั้นเกือบจะเรียกได้ว่าล้มเหลวมาโดยตลอด และมักจะพูดในทำนอง ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นความสูญเสียครั้งสุดท้าย ที่จะไม่ไปเกิดกับใครอีกในอนาคต

(ข่าวเช้านี้ที่หมอชิต - กรณีนักเรียนตีกันแล้วผู้บริสุทธิ์ต้องล้มตายกัน เกิดขึ้นมานาน เหตุเกิดขึ้นบนรถเมล์สาย 59 เมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ พบศพนายวันชัย ทองสองแก้ว หรือเจ๊ก อายุ 21 ปี นักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 1 โรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ เสียชีวิตอยู่บนรถูกยิงที่บริเวณใต้รักแร้ซ้าย ส่วนอีกรายทราบชื่อ นางยุพา พรายงาม อายุ 48 ปี ถูกยิงที่ศีรษะด้านซ้าย เสียชีวิตทันทีนั่งติดกับประตูทางขึ้นลง ล่าสุดที่ตำรวจได้คือภาพจากกล้องวงจรปิด ค่อนข้างชัดเจน กำลังแกะภาพผู้ที่ก่อเหตุว่าเป็นใครกันแน่ คาดว่าเป็นนักเรียนจาก เทคนิคดอนเมือง )

เศร้าใจมั๊ยครับ ที่เปิดประเด็นเรื่องวัยรุ่นช่างกลตีกัน เพื่อที่จะโยงเข้าสู่ภาพยนตร์ 2เรื่อง เรื่องนึงเป็นหนังไทย อีกเรื่องเป็นหนังฮอลลีวู้ด ที่มีปมประเด็นขัดแย้ง ในลักษณะเดียวกัน เรื่องราวที่เกี่ยวกับอาชญากรรมในโลกมืดของสังคมที่เราเรียกกันว่า อันธพาล หรือเจ้าพ่อมาเฟีย ที่ดูจะเป็นปัญหาของสังคมทุกที่ในโลก หากสังคมใดก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า อันธพาล หรือ เจ้าพ่อมาเฟีย สิ่งที่จะตามมาอย่างหลีกหนีไม่พ้นนั่นก็คือ อาชญากรรม นั่นเอง

เรื่องแรก เป็นงานกำกับของผู้กำกับคนเก่งของไทยอีกคนในวงการ นั่นก็คือ ก้องเกียรติ โขมศิริ

งานกำกับของเขาที่ผ่านมา มีลายเซ็นต์ที่ชัดเจนมาก เกือบทั้งหมดก็คือหนังที่ว่าด้วยเรื่องด้านมืดของคน ตีแผ่ด้านมืดในจิตใจมนุษย์ มุมมืดในสังคม อาทิ ลองของ , ไชยา ,เฉือน และมีส่วนในการร่วมเขียนบทให้กับเรื่องเปนชู้กับผี ของวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ด้วย เรื่องราวเกี่ยวกับ อันธพาล ในเวอร์ชั่นนี้ ไม่ได้เป็นงานรีเมค หรือภาคต่อของ ภ.เรื่อง 2499อันธพาลครองเมือง แต่อย่างใด แต่เป็นอีกเรื่องนึงในยุคสมัยเดียวกัน ผ่านการตีความในบริบทที่เป็นสไตล์ของตัวเขาเอง มุมมองที่ลึกและอิงกับข้อมูลจริงในอดีต ผ่านการรีเสิร์ชข้อมูลของจริงมากขึ้น การเขียนบทที่เจาะลึก มีมิติมากขึ้นของตัวแสดงหลักทุกตัว

นักแสดง : น้อย วงพรู กฤษดา สุโกศล แคลปป์, เต๋า สมชาย เข็มกลัด, พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง, สาครินทร์ สุธรรมสมัย, กฤษฎา สุภาพพร้อม, ภคชนก์ โวอ่อนศรี, วสุ แสงสิงแก้ว, บุญส่ง นาคภู่, นันทรัตน์ ชาวราษฎร์


เรื่องย่อ มีอยู่ว่า ยุคที่ “อันธพาล” โด่งดังไปทั่วราชอาณาจักรของเมืองไทย เหล่าอันธพาลต่างถูกยกย่องว่าเป็นฮีโร่ ผู้คนมากมายต่างนับหน้าถือตาในยุคนั้น ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อ “จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์” ประกาศออกกฎหมายซ่องโจร กวาดล้างและปราบปรามอันธพาลครั้งใหญ่ จากฮีโร่กลับกลายเป็นผู้ร้ายหนีคุกทันที บ้างก็ถูกยิงตายข้างถนนอย่างไม่เหลือเกียรติใดๆ รวมถึงอันธพาลดาวดังที่ชื่อ “แดง” กับ “จ๊อด” ก็ยังถูกจับติดคุกอยู่นานถึง 4 ปี มันคือสิ่งที่ถูกกล่าวขานกันมานาน จากยุคร็อกแอนด์โรล เข้าสู่ยุคฮิปปี้ การกลับมาของอันธพาลรุ่นเก๋า “จ๊อด” (รับบทโดย กฤษดา สุโกศล แคลปป์) และ “แดง” (รับบทโดย สมชาย เข็มกลัด) เมื่อเส้นทางแห่งการเป็นนักเลงอันธพาลถูกกำหนดเอาไว้เรียบร้อย แดงชวน จ๊อดร่วมงานกับแก๊งเจ้าพ่อใหญ่ โดยทำหน้าที่เป็นผู้คุมบาร์และตามเก็บทวงหนี้ จนทำให้ได้รู้จักกับอันธพาลรุ่นน้องสุดห้าว “ธง” (รับบทโดย สาครินทร์ สุธรรมสมัย) และ “เปี๊ยก” (รับบทโดย กฤษฎา สุภาพพร้อม) ที่ยกให้ทั้งคู่เป็นฮีโร่รุ่นพี่นักเลงในดวงใจ และฝันไว้สักวันจะต้องเป็นอันธพาลที่มีชื่อเสียงเหมือน แดง กับ จ๊อดให้ได้ แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อจ๊อดเริ่มเข้าใจและรู้ซึ้งถึงความหมายของวงการนักเลงอันธพาลอย่างถ่องแท้ การใช้กำลังไม่ใช่หนทางที่ทำให้ผู้คนนับถือ ทัศนคติและมุมมองที่ต่างกันของคน 2 วัย กลับเป็นกระจกสะท้อนของกันและกันให้ได้เรียนรู้ถึง "ชีวิตที่ผ่านพ้น" กับ “ชีวิตที่กำลังจะเติบโต" ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและขัดแย้งที่เกิดขึ้น ชะตากรรมของพวกเขาจะเป็นอย่างไร เมื่อพวกเขาเลือกเดินบนเส้นทางที่เรียกว่า “อันธพาล”

ก้องเกียรติ โขมศิริ (โขม) เกิดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2518 เป็นผู้กำกับ นักเขียนบท และในบางครั้งยังเป็นนักแสดง สำเร็จการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ทำงานเบื้องหลังวงการภาพยนตร์ โดยเป็นคนเขียนบทภาพยนตร์เรื่องต่างๆ เช่น บางระจัน , ขุนแผน , 7 ประจัญบาน ภาค 1 และ 2 , ขุนศึก , คนเล่นของ ยังร่วมกำกับและเขียนบท องค์บาก อีกด้วย จนสร้างชื่อกับการเป้นทีมกำกับและเขียนบทใน ลองของ

เคยได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 19 สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง เฉือน

ภาพยนตร์ที่กำกับเอง ลองของ (2548) ไชยา (2550) เฉือน (2552) หลุดสี่หลุด (2554) ตอน “ร้านของขวัญเพื่อคนที่คุณเกลียด” (2554) อันธพาล (2555)

เขียนบทภาพยนตร์ให้กับ ชุมเสือ แดนสิงห์ ตอน กระตุกติ่งเจ้าพ่อ (2543) บางระจัน (2543) 7 ประจัญบาน ภาค 1 (2544) แรกบิน (2545) ขุนแผน (2545) องค์บาก (2546) ขุนศึก (2546) คนเล่นของ (2547) 7 ประจันบาน 2 (2548) ลองของ (2548) รักจัง (2549) เปนชู้ กับผี (2549) ไชยา (2550) รักสยามเท่าฟ้า (2551) ลองของ 2 (2551) Coming Soon (2551)

Goodfellas คนดีเหยียบฟ้า

หนังปี 1990 เรื่องนี้สร้างมาจากหนังสือชื่อว่า Wiseguy ของนิโคลัส พิเลคจี ซึ่งสกอร์เซซีได้อ่านต้นฉบับก่อนที่จะได้รับการตีพิมพ์แล้วเขาก็ตัดสินใจท่จะทำหนังเรื่องนี้ทันทีโดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “Goodfellas” ผลงานของสกอร์เซซีเรื่องนี้เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวจริงของ “เฮนรี ฮิลส์” มาเฟียชื่อดังของกรุงนิวยอร์ก หลังจากที่เฝ้ามองเพื่อนบ้านและเห็นชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของการเป็นมาเฟีย เฮนรีก็ต้องการที่จะเข้าร่วมและมีชีวิตแบบนั้น เขากล่าวว่า “ตั้งแต่ที่ผมจำความได้ ผมก็อยากจะเป็นแก๊งค์สเตอร์อยู่เสมอ” เขาเริ่มไต่เต้าในตำแหน่งระดับล่างจนก้าวมาเป็นที่ยอมรับในองค์กรอาชญากรรม แม้สุดท้ายแล้วเขาจะถูกจับได้ แต่ก็ถูกกันตัวไว้ในฐานะพยานซึ่งทำให้เขารอดจากการติดคุก เรย์ ลีออตต้า คือผู้ที่มารับบทเป็น เฮนรี่ ฮิลส์ ผู้ซึ่งอยากจะมีชีวิตที่ดี แต่เลือกเส้นทางเดินที่ผิดให้ตัวเอง ร่วมด้วยนักแสดงคุณภาพเกรดเอ อย่างโรเบิร์ต เดอนีโร มาแสดงเป็น จิมมี คอนเวย์ ชายผู้ได้รับการยอมรับนับถือในแก๊งค์ และโจ เพสซี มาเล่นเป็น ทอมมี เดอ วิโต้ คนที่ทำให้ผู้ชมหัวเราะในนาทีก่อนหน้านี้ และมาสะเทือนใจได้ในนาทีต่อมา ซึ่งจากการแสดงที่ยอดเยี่ยมนี้เอง ทำให้โจ เพสซี คว้ารางวัลออสการ์ในสาขาผู้แสดงสมทบฝ่ายชายยอดเยี่ยมมาครองได้ในปี 1991 ด้วยภาษา และภาพของความรุนแรงที่มีปรากฏให้เห็นอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ทำให้ทางวอร์เนอร์ บราเธ่อร์ สตูดิโอผู้สร้างค่อนข้างที่จะกลัวว่าหนังจะไม่ประสบความสำเร็จ อีกทั้งในรอบปฐมทัศน์ก็มีผู้ตอบรับมาร่วมชมน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสตูดิโอ ซึ่ง มาร์ติน สกอร์เซซี เคยกล่าวไว้ว่า “คนยิ่งน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งสนุกเท่านั้น” และจากความที่เขาไม่กลัวกับเรื่องกระแส และรายได้ของหนัง สกอร์เซซีก็เลยส่ง Goodfellas ฉบับ Directors Original Cut ออกฉาย ซึ่งนักวิจารณ์ก็ต่างพากันส่งเสียงชื่นชม และยกย่องให้ Goodfellas เป็นหนึ่งในหนังแก๊งสเตอร์ ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งเทียบเคียงกับ Public Enemy และ The Godfather ฉากที่กล้องถ่ายไปรอบๆ ใน Copacabana Nightclub โดยมีเสียงของเรย์ ลีออตต้า อธิบายเรื่องราวของสมาชิกแต่ละคนในแก๊งค์นั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นการถ่ายทำช็อตที่ดีที่สุดตลอดกาล อีกช็อตหนึ่ง

ตลอดความยาวกว่า 2ชั่วโมงครึ่ง สกอร์เซซีได้ตีแผ่ชีวิตและการถ่ายทำงานของเหล่าอาชญากรได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งเรื่อง ผู้ชมจะได้เห็นภาพของผู้คนที่ถูกฆ่าในหลายสาเหตุ บ้างก็เป็นศัตรูของเหล่ามาเฟียโดยตรง บ้างก็เป็นคนบริสุทธิ์ที่เข้ามาอยู่ผิดที่ผิดเวลา และบ้างก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการต่อรองเพื่อผลประโยชน์ ตัวหนังได้ตีแผ่ ให้เห็นชีวิตของมาเฟียในแต่ละวัน วิถีทางที่จะนำพาตนเองให้ขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่ การแก่งแย่งชิงอำนาจ การหลงใหลในอำนาจนั้น จนไม่ยอมให้ใครเข้ามาขวางทาง แม้ว่าตัวของเฮนรี ฮิลส์อาจจะโล่งใจและรู้สึกโชคดีที่มีชีวิตรอดมาจากการใช้ชีวิตอย่างอาชญากรได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้สึกผิดในสิ่งที่เขาทำลงไป ซึ่งต่อให้ย้อนเวลากลับไปใหม่ได้ เฮนรี่ ฮิลส์ก็จะยังคงเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งสเตอร์อยู่ดี เพราะเขาบอกว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นและทำในสิ่งนี้จริงๆ เท่านั้น

ประวัติชีวิตและผลงานของผู้กำกับ link 
http://en.wikipedia.org/wiki/Martin_Scorsese

Marketing Begin จุดเริ่มต้นของการตลาด

เคยได้ร่ำเรียนมาว่าวิชาการตลาดนั้นแตกแขนงออกมาจากวิชาเศรษฐศาสตร์ แต่ดั้งเดิมเลยการตลาดเคยเป็นแขนงวิชานึงของเศรษฐศาสตร์ ภายหลังต่อมาความสำคัญและบทบาทของมันใหญ่เกินกว่าจะเป็นเพียงแค่แขนงวิชาของเศรษฐศาสตร์ จึงมีการแตกแขนงออกมาเป็นวิชา และภาควิชาเอก และปัจจุบันมันกลายเป็นสาขาวิชาเอกของโลกด้านการค้า การพาณิชย์ การจัดการ และบริหารธุรกิจ กล่าวโดยสรุปรวมก็คือ ทันทีที่คุณต้องเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับคำว่า ธุรกิจ การค้าขาย การบริการ แล้วหล่ะก็ คุณต้องรู้จักคำว่า การตลาด ควรจะต้องทำความเข้าใจ หรือรู้จักมันบ้าง เพื่อจะเข้าใจบริบทสำคัญของกรอบ กติกา ความเป็นสากล หรือ เครื่องมือ ตัวเชื่อม หรืออะไรก็ตาม ที่จะทำให้บุคคลที่ไม่รู้จักกันเลย มาติดต่อ ปฏิสัมพันธ์ และก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนสิ่งของหรือบริการใดๆ โดยใช้เงินตราเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน เราเรียกกระบวนต่างๆ ทั้งหมดว่า การตลาด


เศรษฐศาสตร์ คือวิชาที่ว่าด้วยการบริหาร จัดการ การตัดสินใจ หรือแสวงหา เครื่องมือใดๆ ก็ตาม เพื่อมาแก้ไขปัญหา หรือจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดในโลกใบนี้ หรือในองค์กรให้เกิดอรรถประโยชน์สูงสุด หรือผลกระทบน้อยที่สุด

การตลาด คือวิชาที่ว่าด้วยการค้นหามูลค่าของอะไรบางอย่าง การแสวงหาโอกาสที่คนอื่นยังมองไม่เห็น กำหนดคุณค่าของสิ่งที่คุณค้นพบนั้น ออกมาในรูปของตัวผลิตภัณฑ์ และหากรรมวิธีทีจะนำเสนอตัวผลิตภัณฑ์นั้นไปสู่ผู้บริโภคคนสุดท้ายให้ได้ มูลค่าส่วนเกินหรือส่วนต่างนั้น เราเรียกมันว่ามูลค่าทางการตลาด หรือเม็ดเงินมหาศาล และต้องเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคก็ยินดีที่จะจ่ายหรือได้รับความพึงพอใจด้วยในระดับนึง


ปรมาจารย์ท่านแรกที่บัญญัติ หลักการตลาดสำคัญที่เป็นพื้นฐานของการตลาดเอาไว้ ก็คือ ฟิลลิป คอตเลอร์ ซึ่งคิดค้น 4 P’s (ประกอบไปด้วย product,price,place,promotion) ซึ่งนักการตลาดทั่วโลก ก็นำมันมาใช้อย่างได้ผลเป็นเวลายาวนานแล้ว แต่ในปัจจุบัน สินค้าไม่ได้เพียงมีแต่สินค้าที่จับต้องได้หรือเป็นในรูปวัตถุสิ่งของ แต่สินค้าในโลกปัจจุบัน ประกอบไปด้วยสินค้าที่มาในรูปของบริการ สิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่สัมผัสได้ มีรูปแบบที่สลับซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ทฤษฏี 4 P’s ไม่สามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจหรือการตลาดได้อย่างชัดเจน จึงมีการคิดหลักการตลาดออกมาอีก 1ตัวเรียกว่า 4 C’s (ประกอบไปได้วย Customer Solution, Cost, Convenience ,Communication )

Customer Solution ความหมายก็คือ การผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค หรือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหาในสิ่งที่ผู้บริโภคยังไม่ได้รับการตอบสนองหรือไม่

Cost ความหมายก็คือ ต้นทุนที่ต่ำที่สุด ผู้ผลิตหรือนักการตลาดที่เก่ง ต้องสามารถควบคุมหรือบริหารต้นทุนของสินค้าให้ต่ำที่สุด โดยเฉพาะต่ำกว่าคู่แข่ง ในขณะที่สามารถตั้งราคาสินค้าได้สูงสุด ส่วนต่างของต้นทุนและราคาตั้งขายนี้ ถ้ามากเท่าไร นั่นคือผลกำไรสูงสุดที่จะได้รับ โดยที่ผู้บริโภคไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ ที่จะจ่าย หรือทำให้ผู้บริโภครุ้สึกได้ว่าจ่ายซื้อสินค้าได้ในราคาที่คุ้มค่า แต่ต้องระวังและ เป็นคนละประเด็นกับการสร้างการรับรู้ให้เกิดกับสินค้านั้นว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นของถูก เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาตรฐานอีกเกรดนึง อันนี้จะเสียหายต่อภาพลักษณ์ของสินค้าในระยะยาวได้

Convenience ความหมายก็คือ ความสะดวก รวดเร็ว หรือช่องทางการกระจายสินค้ามีหลากหลายและกว้างขวาง มีอยู่ทั่วถึงทุกที่ ทุกหัวระแหง หรือไม่ ปัจจุบันช่องทางการจำหน่ายสินค้าไม่ได้จำเป็นต้องมีหน้าร้าน หรือตัวสถานที่ ก็สามารถทำการค้าขายกันได้ เช่น ในโลกออนไลน์ การซื้อสินค้าทางไปรษณีย์ การซื้อสินค้าทางทีวีไดเร็กท์ สินค้าขายตรงผ่านพนักงาน ทำให้คำจำกัดความของคำว่า place นั้นกินความที่ขยายออกไปมาก และไม่จำเป็นต้องมีสถานที่อีกต่อไปแล้ว

Communication ความหมายก็คือ การติดต่อสื่อสาร การสื่อข้อความ ประชาสัมพันธ์ ส่งข่าว การส่งเสริมการตลาดทุกรูปแบบ ซึ่งครอบคลุมความหมายที่มากไปกว่าคำว่า โฆษณา ส่งเสริมการขาย ดังนั้น คำว่า promotion จึงเป็นความหมายที่แคบเกินไปสำหรับยุคนี้เสียแล้ว

ตัวอย่างของ สินค้าหรือ product ยุคใหม่ ที่ไม่สามารถนำเอาทฤษฏีหลักการตลาด 4 P’s มาอธิบายได้อย่างเข้าใจง่ายๆ ได้แล้ว ก็เช่น Facebook ,Twitter, ศิลปินด้านศิลปะบางแขนงบางคน เป็นต้น


มิติทางการตลาดในส่วนที่เกี่ยวกับกลยุทธ์ทางการตลาดที่น่าสนใจ มีดังนี้

-สินค้าที่เป็นแฟชั่น หรือเน้นอารมณ์,ความปรารถนา (fashion,emotional,passion) มักจับจองทำเลด้านหน้าของตัวร้านหรือลานชั้นล่าง ชั้นโถงของห้าง เพราะเป็นทำเลที่ดีที่สุด ที่จะสร้าง first impact, first impression ได้ เช่น แผนกเสื้อผ้า นาฬิกา น้ำหอม กระเป๋า มักอยุ่ในส่วนชั้นล่างของห้าง แผนกเครื่องสำอางค์สตรี มักจองพื้นที่ประตูทางเข้าด้านหน้าห้าง

-สินค้าที่เป็น Luxury Brand หรือบ่งบอกสถานะ ความเป็นตัวตนของบุคคลชั้นสูงได้ ลูกค้าจะไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะซื้อ หรือยินดีที่จะจ่ายได้ทุกราคา อาทิ กระเป๋า Hermes , นาฬิกา Rolex, รถยนต์ Lamborqhini , จิวเวลรี่ หรือเครื่องเพ็ชร ,การรักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เป็นต้น

-สินค้าที่ผลิตออกมาในปริมาณมากๆ และไม่มีลักษณะเฉพาะที่ใช้ควบคุมรหัส หรือรุ่น เสี่ยงต่อการถูกลอกเลียน ทำซ้ำ (copy) ได้โดยง่าย อาทิ แผ่นหนัง DVD, CD เพลง แม้กระทั่งปัจจุบันลุกลามไปจนถึง copy รถยนต์ ,tablet pc, โทรศัพท์ smartphone ยี่ห้อดัง ,กระเป๋าสตรียี่ห้อดัง

-สินค้าที่มีคุณค่าทางจิตใจสูง หรือมีมูลค่าที่หาค่าไม่ได้ หรือตีค่าได้ยาก จะสามารถตั้งราคาได้ในระดับราคาที่สูง และไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ เช่น ภาพวาดของศิลปินระดับโลก อาทิ แวนโก๊ะ ,ลีโอนาร์โด้ ดาวินชี่ , ภาพวาดของศิลปินไทย อาทิ อ.เฉลิมชัย , อ.ถวัลย์

-สินค้าชนิดใดบ้าง ที่เน้นมาให้ความสำคัญด้านราคา เช่น สินค้าในหมวด Consumer Product หรือของใช้ในชีวิตประจำวัน ,สินค้าวัตถุดิบ อะไหล่ ในโรงงานอุตสาหกรรม, สินค้าทางด้านพืชผลทางการเกษตร , สินค้าในหมวดโภคภัณฑ์ , สินค้าทางด้านการลงทุน อาทิ หุ้น ทอง ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

-ทำไมร้านค้าประเภทโมเดิร์นเทรด หรือ ร้านค้าส่ง Wholesale จึงซีเรียสเรื่องการตั้งราคา หรือเน้นกลยุทธ์ด้านราคาในการแข่งขันกัน แต่ในขณะที่ร้านค้าประเภท convenience store หรือร้านสะดวกซื้อ จึงไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เพราะเขาเน้นกลยุทธ์ P หรือ C คนละตัวกัน ร้านค้าอย่างบิ๊กซี ,โลตัส, แม็คโคร เน้นด้านราคา คือ ใช้ P price หรือ C cost เป็นกลยุทธ์การแข่งขันกันเพื่อช่วงชิงลูกค้า แต่ในขณะที่ ร้านอย่าง 7-eleven, Tops ,Lotus Express เขาไม่เน้นราคา แต่จะไปเน้นที่ P place หรือ C convenience ก็คือ เน้นการกระจายตัวไปในทำเลต่างๆ ใกล้บ้าน ใกล้แหล่งชุมชน เน้นการเข้าถึงได้ง่าย ใกล้บ้าน มีทุกหัวระแหง และสะดวก เป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันกัน แม้ว่าจะตั้งราคาแพงกว่าโมเดิร์นเทรดบ้าง ลูกค้าก็ยินดีที่จะจ่าย

-ทำเลซ้อนทำเลอีกที ที่ดีที่สุด ก็คือ ชั้นวางสินค้าด้านหน้า หรือด้านบนของทุกชั้นวางในร้านสะดวกซื้อหรือแม้แต่ในโมเดิร์นเทรดก็ตาม ถือเป็นทำเลทอง ที่มีการช่วงชิงกันของ supplier และจะต้องมีค่าแป๊ะเจี๊ยะ สำหรับการจับจองพื้นที่ดีที่สุด ให้กับเจ้าของห้าง ร้าน นั้นในอัตราสูงเป็นพิเศษ กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันไปแล้ว หากผู้ผลิตใดทุนไม่ใหญ่พอ ก็จะถูกบีบ กีดกัน ไม่ให้สินค้าเข้าไปวางในร้านค้า ในตำแหน่งที่ดี และก็มีผลต่อยอดขายด้วย ซึ่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ จึงเป็นการยากที่สินค้าจากผู้ผลิตรายเล็กๆ จะแจ้งเกิดได้ง่ายๆ ถ้าสินค้าไม่มีคุณภาพที่ดีจริง และผู้บริโภคไม่ตอบรับในอัตราเร่ง หรือคงที่สม่ำเสมอ

-สินค้าที่วางขายบนโลกออนไลน์หรือ อี-คอมเมิร์ซ บางอย่างก็ประสบความสำเร็จ บางอย่างก็ไม่ประสบความสำเร็จ ขึ้นอยู่กับส่วนผสมของตัว P, C ที่มองข้ามไม่ได้ เช่น สินค้าเป็นที่รู้จักยอมรับของตลาดดีอยู่แล้ว ซื้อข้างนอกราคาสูงกว่าซื้อผ่านออนไลน์ ก็จะมาซื้อทางออนไลน์ ,สินค้าตัวนั้นไม่ได้ทำการโฆษณาผ่านสื่อมากนัก ไม่มีหน้าร้านเป็นหลักแหล่ง ทำให้ต้องมาซื้อผ่านทางออนไลน์ ,สินค้านั้นซื้อผ่านออนไลน์จะได้ส่วนลดของแถมในราคาพิเศษ และสามารถเปลี่ยนคืนได้ หากไม่พอใจหรือมีปัญหา ก็จะมาซื้อออนไลน์ สินค้าประเภทบริการ จะใช้ออนไลน์เป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์ ติดต่อสื่อสาร หรือเป็นสื่อกลางในการให้ข้อมูล และเป็นเครื่องมือในการการจองซื้อ ซื้อขายชำระราคา หรือหักบัญชี ตัดบัตรเครดิต  เท่านั้น แต่เวลาจะไปใช้บริการ ต้องไปยังสถานที่ของสินค้านั้น อาทิ สปา ศูนย์ความงาม คลินิก โรงพยาบาล โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว บันเทิง ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ สถานที่ออกกำลังกาย ผับ เลาจน์ อาบอบนวด ดูคอนเสิร์ต ละครเวที การเดินทางทางเครื่องบิน เรือสำราญ เป็นต้น

-สินค้าที่ใช้กลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการตลาดมาใช้อยู่สม่ำเสมอ หรือ P promotion ,C communication เช่น สินค้าประเภท consumer product ของใช้ในชีวิตประจำวัน ,สินค้าที่มีวันหมดอายุเป็นตัวกำหนด , สินค้าแฟชั่น , สินค้าใหม่ สินค้าทดลองเปิดตัวใหม่ ,สินค้าที่ต้องการกระตุ้นยอดขาย ทำอีเว้นท์ หรือออกแคมเปญชิงโชค จับรางวัล เป็นต้น





วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ประชาชนได้อะไรจากการดูบอล และดูมวยการตลาดไปด้วยในตัว

เมื่อคืนผู้เขียนได้นั่งชมบอลยูโร 2012 คุ่ระหว่างฮอลแลนด์กะเดนมาร์ก และก็ยาวต่อไปคู่ระหว่างเยอรมันและโปรตุเกสไปเลย ไหนๆ ก็ตั้งหน้าตั้งตาว่าจะดูแล้ว ยอมอดตาหลับขับตานอนซักคืน เพราะเห็นว่าเป็นคืนวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดด้วย พอดูจบก็ต้องถือว่าคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปจริงๆ เพราะทั้ง 2 คู่ ให้อรรถรส ความมันส์ มิติมุมมองของรูปเกมส์ ความดราม่าที่ครบรสจริงๆ นี่ขนาดพึ่งเป็นแม็ทซ์แรก ของทั้ง 4 ทีม ในรอบแรกเท่านั้นเอง แต่เนื่องจากทั้ง 4 ทีมดันเป็นทีมที่อยู่ในสายหิน (กรุ๊ปออฟเดต) หรือกลุ่มแห่งความตาย ทำให้ทุกเกมส์มีความสำคัญต่อผลในการที่จะเข้ารอบต่อไป คู่แรกนั้น (ฮอลแลนด์กะเดนมาร์ก) เป็นการสู้กันด้วยแทกติคจริงๆ คือเป็นการสู้ระหว่างทีมที่มีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกันสุดขั้วคนละแบบ ฮอลแลนด์นั้นเป็นเจ้าตำรับแห่งโททอลฟุตบอล หรือทีมที่เล่นเกมรุกได้หลากหลายหรือครบเครื่องนั่นเอง และมีผู้เล่นมากฝีเท้า ทั้งในแผงมิดฟิลด์ และกองหน้าตัวจี๊ด ในขณะที่เดนมาร์กนั้นเล่นในสไตล์เกมรับที่เหนียวแน่นไว้ก่อน และหาโอกาสสวนกลับอย่างรวดเร็วในบางจังหวะที่คู่ต่อสู้ผิดพลาด (เล่นในสไตล์เดียวกับทีมชาติอิตาลี) มันจึงเป็นเกมส์ที่สู้กันระหว่างทีมบุ๋นและทีมบู๊ ดูว่ากุนซือของทีมใดจะเก่งกว่ากัน ถ้าจะดูที่ความสามารถเฉพาะตัวนั้น ทีมฮอลแลนด์นั้นเหนือกว่าอยู่แล้วโดยรวม ทำให้ความคาดหวังของคนดูโดยทั่วไป หรือเกจิอาจารย์ด้านฟตุบอลมองว่าฮอลแลนด์นั้นมีฟอร์มที่เหนือกว่า และเป็นต่ออยู่มากที่จะพิชิตชัยชนะในนัดนี้ไป และทีมฮอลแลนด์ถูกวางตัวว่าเป็นทีมเต็ง 1ใน 4 ทีม ในยูโรหนนี้อีกด้วย แต่เมื่อเกมส์แข่งขัน เล่นกันจริงๆ เกิดขึ้นแล้ว เราได้เห็นแล้วว่าทีมเดนมาร์กนั้นเล่นได้ตามแผนที่โค้ชวางเอาไว้ได้ทุกประการ คือเกมส์รับเหนียวแน่น มีการประกบตัวผู้เล่นของฮอลแลนด์ทุกตำแหน่งได้อยู่หมัด จนครึ่งแรกของเกมส์ เราไม่ได้เห็นฟานเปอร์ซี่ย์ ดาวยิงของฮอลแลนด์ได้บอลเลย การจบสกอร์ของร็อบเบน ไม่ได้ลุ้นอะไรเลยจนครึ่งหลังต้องปรับแผนมีการส่งแนวรุกเพิ่มเข้ามา อีก 2 ตัว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก แม้ว่าจะเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าเดิม และมีโอกาสทำเกมรุกได้มากขึ้น แต่การจบสกอร์ก็ไม่เฉียบคมพอ อีกทั้งประตูของเดนมาร์กนั้นเล่นแบบทุ่มสุดตัว เซฟลูกสำคัญที่เกือบจะเสียประตูไว้ได้ (ทำให้นึกไปถึงปีเตอร์ ชไมเคิล หรือว่าภาพเก่ากำลังจะกลับมา) ในขณะที่เดนมาร์กได้บุกน้อยกว่าก็จริงแต่เฉียบคมกว่า เล่นด้วยความใจเย็นมาก และก็ได้1 ประตูอันมีค่าอย่างง่ายดายไป เพียงพอต่อชัยชนะ ผู้เขียนกำลังจะบอกว่าทีมเดนมาร์ก ไม่มีซุปเปอร์สตาร์ในทีมเลยแต่เล่นด้วยวินัย ด้วยสปิริตของทีม เล่นกันเป็นทีม เพราะทุกตำแหน่งมีความสำคัญต่อรูปเกมส์ทั้งสิ้น การทุ่มเทของผู้เล่นทุกตัว ทำให้ผู้เขียนทึ่งมาก ทั้งๆ ที่ตัวผู้เขียนเป็นแฟนทีมฮอลแลนด์ มานับแต่ยุค 3ทหารเสือ แต่ผลที่ออกมาทำให้ยอมรับได้ ทำให้ผู้เขียนได้สัจจธรรมจากการดูเกมส์เมื่อคืนว่า เราจะชนะคนเก่งได้ ไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ใข่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าคุณมีวินัย และฝึกฝนมามากพอ คนเก่งมักจะกลัวคนขยัน ถ้าคุณเก่งแต่คุณประมาท หรือบางทีคนเก่งจะมีบางเวลาที่เขาจะไม่ใช่วันของเขา ไม่สามารถดึงเอาศักยภาพอันแสนอัจฉริยะของตนมาใช้ในแบบที่เรียกได้ทุกเวลา หรือสัญชาติญาณความเก่งก็มีวันแป้กได้ ดูอย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ของโปรตุเกส เก่งอยู่คนเดียวในทีม ไม่สามารถสู้กับแผงกองหน้าที่เล่นกันเป็นทีมของเยอรมันได้อย่างทัดเทียม สุดท้ายก็ปราชัย แม้ว่าการครองบอลของทั้ง 2ทีมจะสูสีกันมาก แต่ชนะกันด้วยระบบเล่นกันเป็นทีมของเยอรมันนั้นสุดยอดมาก แต่ไม่ใช่ว่าทีมโปรตุเกสเล่นได้ไม่ดี แต่ทีมนี้ขาดมิดฟิลด์ตัวทำเกมส์เจ๋งๆ คอยจ่ายบอลให้โรนัลโด้ เข้าไปจบสกอร์ทำให้โรนัลโด้ ต้องมาควานหาลูกเอาเอง ไม่มีตัวช่วย พอหมดยุคหลุยส์ ฟิโก้ กับผองเพื่อน ก็ทำให้ทีมโปรตุเกส ในชุดปัจจุบันยังไม่ใช่ทีมที่ดีที่สุดหรือเป็นตัวเต็งในรายการสำคัญๆ และยูโรหนนี้ ทีมโปรตุเกสกว่าจะผ่านเข้ารอบมาได้ก็หืดจับต้องไปเตะเพลย์ออฟ เข้ารอบมาแบบเส้นยาแดงแบบเฉียดฉิวอีกด้วย



ใครไม่เกี่ยว ก็ถอยไป
ที่บ้านของผุ้เขียนไม่มีจานดาวเทียมทุกสี แต่ก็สามารถดูได้จากเสาหนวดกุ้งแบบเสาในตัวขนาดพกพา ส่วนที่ทำงานเป็นเคเบิ้ลทีวีแบบมาตามสาย ไม่ได้ใช้ดาวเทียม แต่ก็ดูบอลยูโรได้เช่นเดียวกัน ไม่เห็นต้องไปซื้อไอ้กล่องบ้า GmmZ อะไรนี่มาเพิ่มเนื้อที่ในบ้านเลย จึงไม่เข้าใจว่า ที่ออกมาตีโพยตีพายว่าดูไม่ได้เป็นจอดำนั้น มันเยอะขนาดไหน เพราะเท่าที่ทราบ คนที่ดูไม่ได้ก็น่าจะเป็นพวกจานดาวเทียมของทรูวิชั่นส์ ค่ายเดียว ที่ทรูวิชั่นส์ไม่ยินดีที่จะจ่าย โดยอ้างเรื่องที่ว่าแกรมมี่เจ้าของลิขสิทธิ์ยิงสัญญาณไปให้ฟรีทีวีดูได้ เพราะฉะนั้นทรูก็ดึงสัญญาณมาจากฟรีทีวี ทำไมถึงดูไม่ได้ แล้วทำไมต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วยหล่ะ แต่โดยความคิดของผู้เขียนไม่ได้เข้าข้างแกรมมี่นะ เพราะจริงๆ ก็ไม่ชอบทั้งทรูและแกรมมี่นั่นแหละ แต่สำหรับเรื่องนี้ ก็ไม่เห็นด้วยกับทรูในประเด็นนี้เท่าไหร่ คุณจะไปอ้างเรื่องฟรีทีวีได้ยังไง เขาถ่ายทอดเพียงบางช่อง คือหลักๆ คือ ช่อง 3 และก็มีบ้างทางช่อง 5,9 แต่ไม่ได้ถ่ายทอดผ่านทางช่อง 7 ,Nbt ,TPBS จะเรียกได้ว่าเป็นฟรีทีวีทั้งหมดเหรอ นั่นแสดงว่าเขามีข้อตกลงกับเพียงบางช่อง และก็มีผลประโยชน์ร่วมกันอยู่ มันไม่ใช่ทีวีพูลนะงานนี้ แล้วที่คุณทรูบอกว่า ตอนที่คุณได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดพรีเมียร์ลีคก็ยังให้ฟรีทีวีดึงสัญญาณไปใช้ได้เลย ใช่เรื่องนี้จริง แต่เป็นเพียงบางช่อง และบางรายการเช่นเดียวกัน (คือบางแม็ทช์ บางทีม และบางทัวร์นาเม้นท์) คือทรูพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว ผู้เขียนไม่เห็นถึงความจริงใจของทรูในประเด็นดังกล่าว ที่ผ่านมาทรูก็มีปัญหากับสมาชิกของตนเองจำนวนมากมายหลายกรณีอยู่ ดังนั้น ข้ออ้างเรื่องจอดำของทรูในครั้งนี้ จะไปโทษทางแกรมมี่เขาฝ่ายเดียวคงจะไม่ถูก มันคงเป็นเรื่องที่ผลประโยชน์มันไม่ลงตัวของทั้ง 2 ฝ่าย แต่มาทะเลาะให้ประชาชนคนดูได้สมเพชเวทนาผ่านทางสื่อ น่ารังเกียจด้วยกันทั้งคู่ ทั้งๆ ที่เป็นบริษัทมหาชนด้วยกันทั้งคู่ และสำหรับในกรณีของ RS ค่ายคู่แข่งได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทางแกรมมี่ผ่านทางทวิตเตอร์ ผู้เขียนคิดว่าคุณฉวยโอกสโจมตีและบลั๊ฟคู่แข่งได้อย่างน่ารังเกียจด้วยเช่นกัน เพราะตอนคุณได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลก คุณก็ไม่ได้ดีเด่อะไรไปกว่าแกรมมี่เขาเลย ผมเห็นมีคนด่า และวิจารณ์คุณมากเช่นกันในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในประเด็นที่คุณไปเรียกเก็บเงินจากร้านอาหารเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาเปิดให้บริการแขกที่มาชม แบบน่ารังเกียจไม่แพ้กัน สรุปแล้วมันเป็นเกมส์ทางการตลาดที่ช่วงชิงฐานคนดูกันก็เท่านั้นเอง บนโปรดักท์(สินค้า)ตัวเดียวกันก็คือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลจากต่างประเทศ ขอชื่นชมโมเดลธุรกิจใหม่ของแกรมมี่ที่คิดผลิตกล่อง GMMZ มาเพื่อสร้างฐานรายได้ใหม่ๆ เข้าบริษัท อันนี้ถ้าเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทคุณผมคงแฮ็ปปี้แน่ ที่มีผู้บริหารฉลาด มิวิสัยทัศน์กว้างไกล แต่ขอตำหนิเรื่องการบริหารจัดการ การสื่อสารองค์กร กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กรหรือธุรกิจ ทำไมคุณสื่อสารไปแล้วคนยังไม่เข้าใจ หรือมองว่าคุณเอาเปรียบ หรือว่าจะเป็นแผนจับมือกันสกัดคู่แข่งดาวรุ่ง ของทรูร่วมหัวกับ RS แต่ไม่ว่าเกมส์จะออกมาเป็นเช่นไร เป็นการจงใจที่จะสร้างกระแส เกมส์สกัดดาวรุ่ง โดยใช้กลยุทธ์เรื่องจอดำในทรูมาเล่นงาน หรือเปล่า แต่งานนี้บอกให้นะครับทรู คุณทำอย่างไร เขาก็ได้เกิดอยู่ดี เขาลงทุนไปขนาดนี้ คอนเท้นต์ก็ดีกว่าหรือดีเทียบเท่า แต่จ่ายในราคาที่น้อยกว่าคุณมากเลย (ทุยวิชั่น) แกรมมี่เขาใช้เกมส์โตในฐานรากหญ้า แล้วค่อยๆ ขยับไปบี้กับคุณในส่วนบน วันหนึ่งคุณก็ต้องกระเพื่อมอยู่ดี ถ้าไม่คิดจะปรับปรุงตัวใหม่ จะไปว่าเขา หัดดูตัวเองเสียก่อนนะทั้งทรู และ RS ตามอ่านข่าวเรื่องนี้แล้วเพลียกับผู้ประกอบการบ้านเราจริงๆ

จานแดง แท้งแล้วตรู
 ข่าวที่เกี่ยวข้องกับกรณีจอดำ จอดับ วิวาทะกัน ของค่ายทรูส์ กับเจ้าของลิขสิทธ์ GMM grammy
จากกรณีที่ทางผู้บริหารทรูวิชั่นส์ ได้ออกมาร้องขอให้ทาง แกรมมี่ เจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดศึกฟุตบอลยูโร 2012 ปลอดล็อกสัญญาณ จอดำการถ่ายทอดยูโร 2012 ให้กับทรูวิชั่นส์ เพื่อที่จะทำให้แฟนฟุตบอลที่บ้านเป็นระบบจานดาวเทียม หรือรับชมจากทรูวิชั่นส์ สามารถชมเกมฟุตบอลดังกล่าวได้ โดยไม่ต้องปรับทีวีไปดูแบบระบบเสาอากาศแบบเก่า คือ ก้างปลา หรือ หนวดกุ้ง หรือชมผ่านทางกล่องของ จีเอ็มเอ็ม แซท เพียงเท่านั้น

ล่าสุด นายธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับกรณีลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโร 2012 ว่า สำหรับการที่เราต้องบล็อกสัญญาณเนื่องจากทางแกรมมี่ ได้ซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทดสดจากสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า)
โดยยูฟ่ามีกฎกติกาเข้มงวดให้ผู้รับสิทธิ์เผยแพร่ในแต่ละประเทศควบคุมสัญญาณการออกอากาศครอบคลุมเฉพาะพื้นที่ประเทศตัวเอง เพื่อมิให้สัญญาณหลุดลอดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นกล่องดาวเทียมที่ไม่มีระบบควบคุมสัญญาณ (ไม่มีระบบ Encryption) จึงไม่สามารถดูได้
อาทิเช่น กล่องที่ราคาถูกกว่า 1,000 บาท เป็นต้น ส่วนผู้ชมทั่วไปสามารถรับชมฟุตบอลยูโรได้จากเสาอากาศก้างปลา, เคเบิลทีวี CTH และ COA, และกล่อง GMM Z, กล่อง GMM Z by DTV (HDTV), โทรศัพท์เคลื่อนที่ AIS และบนเว็บไซต์ที่ได้รับการมอบสิทธิ์เท่านั้น ทำให้ประชาชนสามารถรับชมได้ถึง 17-18 ล้านครัวเรือน คิดเป็นจำนวนมากกว่า 80% ของทั้งประเทศ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ นายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด ได้มีการเรียกร้องให้ปลดล็อกจอดำยูโรให้กับทรูวิชั่นส์นั้น จีเอ็มเอ็ม แซท ขอชี้แจงว่า แม้กล่องทีวีดาวเทียมของทรูวิชั่นส์นั้นจะมีระบบการควบคุมสัญญาณออกอากาศได้จริงก็ตาม แต่ทาง จีเอ็มเอ็ม แซท ได้ติดต่อทาบทามเพื่อเจรจาทางธุรกิจการค้าขายลิขสิทธิ์บอลยูโรตั้งแต่เดือนธันวาคม 2554 แต่กลับไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างใดจากทรูวิชั่นส์ ทั้งๆ ที่ทรูวิชั่นส์เองเป็นผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบปิด ที่มีการเรียกเก็บเงินจากสมาชิกเพื่อรับชมคอนเทนต์ระดับสากล ที่ทางทรูวิชั่นส์ต้องซื้อลิขสิทธิ์มา แต่กลับจะมาขอ จีเอ็มเอ็ม แซท ปลดล็อกจอดำให้สมาชิกทรูวิชั่นส์ดูฟรี เรื่องนี้จึงไม่อาจเป็นไปได้ เพราะฉะนั้นยูโร 2012 ทรูวิชั่นส์จึงจำเป็นต้องจอดำแน่นอน

ขณะเดียวกันทาง DTV (HD), CTH, COA, AIS และเว็บไซต์ต่างๆ ได้ติดต่อเจรจาทางการค้าเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดบอลยูโรตามกติกา โดย จีเอ็มเอ็ม แซท ได้มอบสิทธิ์การรับชมยูโร 2012 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นกติกามารยาทในการซื้อขายสิทธิ์ตามปกติ
"ส่วนกรณีที่ ทรูวิชั่นส์ ตอบโต้ว่าจะบล็อกสัญญาณ จีเอ็มเอ็ม แซท ให้เป็นจอดำ ในการเผยแพร่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ผ่านทางฟรีทีวีนั้น ทาง จีเอ็มเอ็ม แซท ขอเรียนว่า เรายินดีเจรจาขอซื้อสิทธิ์จากทรูวิชั่นส์ เพื่อปลดล็อกไม่ให้ จีเอ็มเอ็ม แซท ต้องจอดำ หากทรูวิชั่นส์พร้อมจะขาย ทั้งนี้เนื่องจาก จีเอ็มเอ็ม แซท เข้าใจในกติกาการซื้อขายลิขสิทธิ์ดี กรณีนี้น่าจะเข้าใจกันได้ดีกับเหตุผลที่เราชี้แจง"
"สุดท้ายนี้ จีเอ็มเอ็ม แซท ยังยินดีที่จะร่วมมือทางธุรกิจกับ ทรูวิชั่นส์ ในรายการกีฬาระดับโลก รวมทั้งลิขสิทธิ์คอนเทนต์บันเทิงระดับสากลอื่นๆ ด้วยกัน ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนของทรูวิชั่นส์เอง และเปิดโอกาสให้ จีเอ็มเอ็ม แซท ได้ทำแพ็กเกจราคาถูกไปขาย เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย และที่สำคัญ ประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการร่วมมือกันในอนาคตนี้" ธนา เธียรอัจฉริยะ กล่าวทิ้งท้าย

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรม​การกิจ​การกระจาย​เสียง กิจ​การ​โทรทัศน์ ​และกิจ​การ​โทรคมนาคม​แห่งชาติ (กสทช.) ​ในฐานะประธานคณะกรรม​การกิจ​การกระจาย​เสียง ​และ​โทรทัศน์ (กสท.) ​เปิด​เผยว่า ​เปิด​เผยภายหลัง​การประชุมบอร์ด กสท.​เมื่อวันที่ 6มิ.ย.55 ที่ผ่านมาว่า บอร์ดมีมติ​ให้ บริษัท ทรู วิชั่นส์ บริษัท​ใน​เครือ บมจ.ทรู คอร์ปอ​เรชั่น (TRUE) ​ผู้​ให้บริ​การ​โทรทัศน์​แบบบอกรับสมาชิก ต้องดำ​เนิน​การ​ใดๆ ​ก็​ได้ที่จะ​ทำ​ให้ลูกค้าของทรูวิชั่นส์สามารถรับชม​การถ่ายทอด​การ​แข่งขันฟุตบอลยู​โรที่จะ​เริ่มขึ้น​ในวันที่ 8 มิ.ย.นี้​ได้


เนื่องจาก​การ​แพร่ภาพสัญญาณดังกล่าว​เป็น​การ​แพร่ภาพผ่านฟรีทีวี คือ ช่อง 3 ,5 ​และ 9 ​ซึ่งช่องฟรีทีวีถือว่า​เป็นช่องทางที่ทุกคนสามารถ​เข้า​ถึง​ได้ ​และตามหลัก​การ​แล้วช่องฟรีทีวีจะต้องดำ​เนิน​การต่อ​ผู้รับ​ใบอนุญาต​ในกิจ​การ​แบบบอกรับสมาชิก​ในลักษณะ​เดียวกันต้อง​ไม่มีลักษณะของ​การ​เลือกปฏิบัติ ​และ​ไม่ก่อ​ให้​เกิดผลกระทบต่อสิทธิของประชาชนด้วย  ​ทั้งนี้ ทรู วิชั่นส์ จะต้อง​ทำทุกวิถีทางที่จะ​ทำ​ให้​ผู้ชมที่รับชมผ่าน​เซ็ท ท็อป บอกซ์ ของทรู ​ให้​ได้ดูฟุตบอลยู​โร​เทียบท่ากับคนที่ดูผ่านฟรีทีวี ​เพราะถ้า​ไม่​ใช่ฟรีทีวี กรณีนี้จะ​ไม่มีปัญหา ​แต่​เมื่อฟรีทีวีสามารถรับชม​ได้ ทุกคนที่ดูฟรีทีวี​ไม่ว่าช่องทาง​ใด​ก็ต้องรับชม​ได้​เช่นกัน
นอกจากนี้ ​ในวันที่ 7 มิ.ย.55 บอร์ด กสท.​ได้​เรียก​ผู้บริหาร ทรู วิชั่น ช่อง 3, 5 ​และ 9 ที่​ได้รับสิทธิ์​การถ่ายทอดครั้งนี้​เข้ามาชี้​แจงสัญญา​ถึง​การ​ให้บริ​การต่างๆ ​ซึ่งหากพบว่า​แพค​เกจที่ทรู วิชั่นส์ ​ได้​ทำสัญญากับลูกค้าระบุว่าต้องชมฟรีทีวี​ได้ ทรู วิชั่นส์ จะต้องรับผิดชอบ​ในสัญาที่​ได้ดำ​เนิน​การ​ไว้
"​การ​เข้ามาดู​แล​ใน​เรื่องนี้จะ​เกี่ยวข้อง​เฉพาะ​ผู้ที่​ได้รับ​ไล​เซ่นส์ของ กสทช.​เท่านั้น นั่น​ก็คือ ทรู วิชั่นส์ ฟรีทีวี ​และ​ผู้ประกอบ​การ​เค​เบิลท้องถิ่นจำนวน 923 ราย ​ไม่​เกี่ยวกับจี​เอ็ม​เอ็ม ​แซท ​ซึ่งถือ​เป็นคอน​เทนต์ ​โพรวาย​เดอร์ ​และ​ไม่อยู​ในอำนาจควบคุม" พ.อ.นที กล่าว
พ.อ.นที กล่าวว่า ​เมื่อวันที่ 31 พ.ค.55 ที่ผ่านมา ทรู มีหนังสือร้อง​เรียนว่าลูกค้าของทรู​ไม่สามารรับชมราย​การฟุตบอลยู​โร​ได้ผ่านทรู​ได้ ​โดยจะรับชม​ได้ผ่าน​เสาก้างปลา​เท่านั้น ​ซึ่ง​การที่ฟรีทีวีดำ​เนิน​การ​ในลักษณะนี้อาจขัดต่อ พ.ร.บ.กสทช.มาตรา 27 ​และ 31​ได้ ​จึงขอ​ให้ตรวจสอบ​การดำ​เนิน​การของฟรีทีวี​ในครั้งนี้ด้วย

นางสาวดีนิจ จิตตนูนท์ เจ้าหน้าที่กสทช. กล่าวไว้ในทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า กสทช. มีมติเรียกให้ช่องสามและทรูวิชันส์เข้ามาชี้แจงเพื่อแก้ปัญหากรณีลิขสิทธิ์บอลยูโร จากการที่ทรูวิชั่นส์ ทำหนังสือร้องเรียนไปทางกสทช. เรื่องกรณีไม่สามารถออกอากาศรายการที่ถ่ายทอดทางฟรีทีวี เช่น ฟุตบอลยูโร 2012 ได้ ทำให้กสทช. ต้องเรียกประชุมบอร์ดกระจายเสียงเป็นการด่วน และล่าสุดกสทช. มีมติให้เรียกทรูวิชั่นส์และช่องสามเข้ามาชี้แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ เวลา 13.30 น.
"ดร.นทีเเถลงข่าวมติบอร์ด กสทช. วันนี้ ในประเด็นการเเพร่ภาพรายการฟุตบอล ยูโร2012 ในฟรีทีวีเเละทรูวิชั่นส์" นางสาวดีนิจ กล่าวไว้ในทวิตเตอร์ส่วนตัว
"ประเด็นคือ ทรูวิชั่นส์มีหนังสือร้องเรียนต่อ กสทช. เรื่องไม่สามารถออกอากาศฟรีทีวี (เช่นรายการฟุตบอลยูโร2012) ได้ในช่องของทรูวิชั่นส์ กสทช. จึงให้ฟรีทีวีเเละทรูวิชั่นส์มาชี้เเจงที่สำนักงานกสทช. พรุ่งนี้เวลา 13.30 น. เพื่อไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค" 3 ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ 1. สัญญาระหว่างฟรีทีวีกับ channel provider (ให้บริการทั้งเนื้อหา+ออกอากาศ) 2. สัญญาระหว่าง channel provider กับทรูวิชั่นส์ 3. สัญญาระหว่างทรูวิชั่นส์กับผู้บริโภค  "ทรูวิชั่นต้องเเก้ปัญหาให้ผู้บริโภค/ลูกค้าสามารถดูฟรีทีวีในช่องทรูวิชั่นส์ให้ได้ โดยทรูอาจต้องจ่ายเงินให้ช่อง 3 เพื่อให้คนดูบอลได้ เพราะช่อง 3 ไปซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดบอลมาจากแกรมมี่ หรือทรูอาจจะซื้อหนวดกุ้งเเจก ซึ่งต้องพิจารณาจากสัญญาของทรูวิชั่นส์กับลูกค้า"
ก่อนที่ศึกยูโร 2012 จะเปิดฉากฟาดแข้งกันในวันที่ 8 มิถุนายน 2555 แต่ศึกของสิทธิในการชมฟุตบอลทัวร์นาเมนต์นี้ก็เร้าใจไม่แพ้กัน โดยเดิมพันในครั้งนี้อยู่ที่ฐานสมาชิกของทรูวิชั่นส์ที่จ่ายเงินเพื่อชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ของอังกฤษเป็นหลัก


ประเด็นสำคัญคือ ฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรปในครั้งนี้ทางบริษัทแกรมมี่ ทุ่มเงิน 400 ล้านบาทคว้าสิทธิในการถ่ายทอดมา แกรมมี่จะออกอากาศผ่านฟรีทีวีในช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 9 ขณะเดียวกันได้ให้สิทธิในการรับชมผ่านจานดาวเทียมเฉพาะผู้ที่ซื้อกล่องรับสัญญาณจีเอ็มเอ็มแซท ของแกรมมี่เท่านั้น และให้สิทธิกับผู้รับชมจากจานดาวเทียมดีทีวีเฉพาะกล่องที่เป็น HD ภาพความคมชัดสูง รวมถึงลูกค้าที่เป็นสมาชิกของเคเบิลท้องถิ่นเท่านั้น
ส่วนจานประเภทอื่นหรือกล่องรับสัญญาณของค่ายต่างๆ ไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ครั้งนี้ได้ เว้นแต่จะซื้อกล่องจีเอ็มเอ็มแซท มาติดตั้งที่ราคา 1,590 บาท หรือผู้ที่รับชมทั่วไปที่ไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายต้องหันมาใช้เสาอากาศรับสัญญาณแทน
ลูกค้าราว 8 แสนรายของทรูวิชั่นส์ ตั้งตารอว่าในที่สุดคงเจรจากับทางแกรมมี่สำเร็จในช่วงก่อนแข่ง เพียงเพื่อให้ช่วงนี้ทางแกรมมี่ขายกล่องรับสัญญาณได้มากที่สุดก่อน เพราะที่ผ่านมากล่องรับสัญญาณของแกรมมี่ก็วางขายในร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ทุกสาขา ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของซีพีเช่นเดียวกับทรูวิชั่นส์ แต่สถานการณ์มีแนวโน้มว่าลูกค้าจานแดงของทรูวิชั่นส์ อาจจะต้องทำใจกับผลสรุปที่ออกมาว่าไม่สามารถตกลงกันได้ หากอยากดูก็มีทางเลือก 2 ทางคือซื้อกล่องของแกรมมี่หรือซื้อเสาอากาศมารับชมแทน


โอกาสทองของแกรมมี่

ผู้ที่คร่ำหวอดกับวงการนี้ประเมินว่า ใครที่ถือลิขสิทธิ์ไว้ในมือก็ได้เปรียบทั้งนั้น ทุกวันนี้กีฬาเป็นเรื่องของธุรกิจ ต้องประมูลลิขสิทธิ์มาแล้วทำตลาดเพื่อให้มีกำไร ทรูวิชั่นส์ก็ได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกของอังกฤษมาเช่นกัน ที่ผ่านมาใครที่ไม่จ่ายเงินก็ดูไม่ได้ จากเดิมที่เคยมีการปล่อยการแข่งขันในคู่ที่ไม่สำคัญออกทางฟรีทีวีบ้าง แต่ 1-2 ฤดูกาลที่ผ่านมาไม่มี ไม่มีแม้กระทั่งภาพการทำประตูที่เคยนำเสนอในช่วงข่าวกีฬา เราคงได้เห็นเฉพาะภาพนิ่งเท่านั้น
ครั้งนี้แกรมมี่ได้ลิขสิทธิ์ยูโร 2012 มา การให้สิทธิกับใครก็เป็นเรื่องของข้อตกลงทางธุรกิจ เมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมการรับชมรายการโทรทัศน์ของคนไทยในปัจจุบันที่เน้นติดจานดาวเทียมกันเป็นส่วนใหญ่ หลายบ้านถอดเสาอากาศออกเพราะเห็นว่าไม่จำเป็น รับชมรายการได้แค่ 6 ช่องเมื่อเทียบกับจานดาวเทียมที่มีเป็นร้อยช่อง  ตรงนี้จึงกลายเป็นช่องว่างให้แกรมมี่ใช้เรื่องของลิขสิทธิ์เข้ามาเสียบด้วยการทำกล่องสัญญาณของตนเองออกขาย โดยสัญญาณการแพร่ภาพในระบบดาวเทียมจะล็อกไว้เฉพาะผู้ที่ซื้อกล่องของแกรมมี่เท่านั้น ด้วยข้ออ้างเรื่องของลิขสิทธิ์ที่ไม่ให้เผยแพร่ออกไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่ได้ซื้อลิขสิทธิ์

แกรมมี่ตั้งเป้าที่จะขายกล่องรับสัญญาณให้ได้ 1 ล้านเครื่อง เสนอขายที่กล่องละ 1,590 บาท หากทำได้ตามเป้าก็จะมีรายได้ 1,590 ล้านบาท ไม่นับรวมส่วนที่ขายสิทธิ์ให้กับเคเบิลท้องถิ่นผ่านทางสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทยและจานเหลืองของดีทีวีอีกส่วนหนึ่ง และยังมีการทำตลาดขายโฆษณาในช่วงก่อนและพักการแข่งขันทางฟรีทีวีอีก เมื่อเทียบกับค่าลิขสิทธิ์ที่ประมูลมา 400 ล้านบาท งานนี้ในช่วงเวลาประมาณ 1 เดือนของการแข่งขัน ทางแกรมมี่น่าจะมีกำไรจากการบริหารจัดการลิขสิทธิ์ยูโร 2012 ครั้งนี้ไม่น้อย  เป้าหมายหลักของกล่องจีเอ็มเอ็มแซท คือ ลูกค้าที่ชื่นชอบการแข่งขันฟุตบอล มีจานดาวเทียมอยู่แล้ว แค่ซื้อกล่องก็รับชมการแข่งขันฟุตบอลได้ทันที เมื่อจบทัวร์นาเมนต์ครั้งนี้ก็มีช่องรายการที่ทางแกรมมี่จัดสรรไว้ให้
งานนี้แกรมมี่กะกวาดเรียบทั้งลูกค้าจานดำ จานแดงหรือจานเหลือง โดยเฉพาะจานแดงของทรูวิชั่นส์ ถือว่าเป็นลูกค้าที่มีกำลังจ่าย ไม่ต่างจากการชิงฐานลูกค้าของทรูวิชั่นส์โดยตรง เพราะแกรมมี่เน้นขายกล่องรับสัญญาณเป็นหลัก ไม่เน้นขายตัวจานดาวเทียม เพราะทราบดีว่าคนส่วนใหญ่ติดจานดาวเทียมกันมากแล้ว ไม่ต้องมาทำตลาดจานให้เสียเวลาที่ต้องแบกทั้งต้นทุนและค่าติดตั้ง  ช่วงนี้อาจจะมีลูกค้าจานส้มของค่ายไอพีเอ็ม ที่มีหลายแสนราย ที่อาจจะต้องปรับหน้าจานใหม่จากเดิมที่รับดาวเทียม NSS6 เปลี่ยนมาเป็นรับไทยคม 5 แล้วยอมซื้อกล่องจีเอ็มเอ็มแซทมารับสัญญาณ

บีบทรูวิชั่นส์

แต่หากดูจากเป้าหมายของแกรมมี่ที่ต้องการรุกรายการทางทีวีแทนธุรกิจเพลงที่เริ่มอยู่ในช่วงขาลง เห็นได้จากการจับมือกับสมาคมเคเบิลทีวี และกลุ่มวัชรพล เพื่อประมูลลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษในครั้งต่อไปแล้ว จึงกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญของทรูวิชั่นส์ที่ได้ลิขสิทธิ์ของพรีเมียร์ลีกมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการเชิญชวนให้มาร่วมธุรกิจกัน แต่ทางทรูวิชั่นส์ยังไม่มีคำตอบในเรื่องนี้  ถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับการบริหารจัดการลิขสิทธิ์ฟุตบอลยูโรในครั้งนี้ ได้ลูกค้าเพิ่มอย่างรวดเร็ว ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับฐานลูกค้าของทรูวิชั่นส์ เพราะในเมื่อเสียเงินรายเดือนแล้ว ดูฟุตบอลยูโรครั้งนี้ไม่ได้ ลูกค้าก็จะไปโวยกับทรูวิชั่นส์ว่าทำไมไม่แก้ปัญหานี้ และมีบางส่วนที่น่าจะยกเลิกการเป็นสมาชิก  “เรื่องการเจรจาระหว่างแกรมมี่กับทรูวิชั่นส์น่าจะตกลงกันไม่ได้ในเรื่องของราคา ถึงอย่างไรแกรมมี่ก็ต้องเสนอราคาให้พิจารณา แต่น่าจะเป็นราคาที่สูงไม่น้อย ทางทรูวิชั่นส์จึงไม่ตกลง ว่ากันว่าประมาณ 1 ใน 4 ของราคาที่แกรมมี่ประมูลมาได้”

แกรมมี่กองหลังแน่น

แม้การแข่งขันกันในทางธุรกิจนับว่าเป็นเรื่องปกติระหว่างรายเก่ากับรายใหม่ แต่ครั้งนี้แกรมมี่มาแบบไม่ธรรมดา สามารถเดินเกมบีบทรูวิชั่นส์เจ้าตลาดใหญ่ของธุรกิจ Pay TV ได้ เห็นได้จากในช่วงที่ผ่านมาแกรมมี่มีความพยายามหลายครั้งที่จะทำธุรกิจด้านสื่อประเภทข่าว แต่ก็ไม่ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง และที่สร้างความฮือฮาคือได้เข้าไปถือหุ้นใหญ่ในบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์ด้านการเมือง ที่หลายฝ่ายจับตามองว่าแกรมมี่น่าจะเป็นตัวแทนของนักการเมืองสายไทยรักไทยที่พุ่งเป้าไปที่ตัวของทักษิณ ชินวัตร   หลังจากนั้นสื่อสิ่งพิมพ์ค่ายนั้นก็ได้เปลี่ยนทิศทางการนำเสนอข่าวไปในทางเดียวกับพรรคการเมืองดังกล่าวเรื่อยมา
อำนาจของแกรมมี่เริ่มมากขึ้นหลังจากที่จับมือทางธุรกิจกับสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ซึ่งภายในองค์กรนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากเดิมที่เป็นการรวมตัวกันของผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่น  หลังจากที่เพิ่มทุนแล้วกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่คือวิชัย ทองแตง อดีตทนายความคดีซุกหุ้นของทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มวัชรพลจากไทยรัฐ โดยแกรมมี่ได้เข้าไปเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ ขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นถือหุ้นรวมกัน 30%
ล่าสุดการเลือกตั้งนายกสมาคมเคเบิลทีวีเมื่อ 5 มิถุนายน 2555 ได้ตัวนายกสมาคมฯ คนใหม่คือ สุพจน์ ซีทรัพย์ ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจเคเบิลท้องถิ่นที่ย่านแม่กลอง และเป็นญาติสนิทของวิชัย ทองแตง ที่ชักชวนให้เข้ามาร่วมงานในสมาคมเคเบิลทีวี  นอกจากนี้นายกสมาคมเคเบิลทีวีคนใหม่ยังเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ปิคนิคแก๊ส ร่วมกับวิชัย ทองแตง ที่เข้าไปถือหุ้นใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการ โดยที่ปิคนิคฯ ยังมีบริษัทลูกที่ครองส่วนแบ่งตลาดแก๊ส LPG อันดับ 2 รองจาก ปตท.คือเวิลด์แก๊ส ที่มี วิมลรัตน์ กุลดิลก ภรรยาของ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมจากพรรคเพื่อไทย และยังถือหุ้นใหญ่ในบริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) จำกัด (มหาชน) หรือ SLC ที่เป็นบริษัทแม่ของทีวีดาวเทียมช่องสปริงนิวส์
ความร่วมมือกับแกรมมี่นอกจากสมาคมเคเบิลฯ ยังมีจานเหลืองของดีทีวี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทไทยคม ที่อดีตผู้บริหาร อารักษ์ ชลธาร์นนท์ เข้าไปนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  การเกื้อกูลในการรับชมการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ทางแกรมมี่ได้มอบให้กับหุ้นส่วนทางธุรกิจและลูกค้าที่ต้องมาซื้อกล่องรับสัญญาณจีเอ็มเอ็มแซท ที่น่าสนใจคือเปิดให้รับชมผ่านทางโทรศัพท์มือถือสำหรับผู้ที่ใช้บริการของเอไอเอสเท่านั้น ดังนั้น เกมบีบเจ้าตลาดอย่างทรูวิชั่นส์ในครั้งนี้จึงเป็นเรื่องไม่ธรรมดา และยังหมายรวมเรื่องลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกอีก 3 ฤดูกาลหน้าที่ค่ายแกรมมี่ยื่นข้อเสนอขอเป็นทั้งผู้ร่วมประมูลกับทรูวิชั่นส์และก็พร้อมเป็นคู่แข่งเข้าประมูลเช่นเดียวกัน ส่วนในวันที่ 8 มิถุนายนเป็นต้นไป ลูกค้าจานแดงทรูวิชั่นส์จะได้รับชมฟุตบอลยูโร 2012 หรือไม่คงต้องลุ้นกัน แต่หากได้รับชมเท่ากับว่างานนี้ทั้งทรูวิชั่นส์และแกรมมี่ร่วมกันฮั้ว เพื่อให้กล่องรับสัญญาณจีเอ็มเอ็มแซทขายได้มากที่สุดก่อนการแข่งขันจะเริ่ม


ทรูส์วิชั่น แถลงขอโทษสมาชิกที่ทำให้จอดำ
ความคืบหน้ากรณีปัญหาการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2012 ภายหลังจากเกมนัดเปิดสนามได้ผ่านพ้นไปแล้วล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 55 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ทรูวิชั่นส์ แจ้งว่า ทรูวิชั่นส์ต้องขออภัยผู้ชมในระบบของทรูวิชั่นส์ ที่ไม่สามารถรับชมฟุตบอลยูโร 2012 ผ่านช่องฟรีทีวี 3, 5, 9 ที่ถ่ายทอดผ่านระบบของทรูวิชั่นส์ได้ เนื่องจากการระงับการเผยเเพร่จากช่องฟรีทีวี 3, 5, 9 ตามข้อตกลงกับผู้ถือลิขสิทธิ์ โดยจำกัดสิทธิ์การถ่ายทอดต่อ หรือ rebroadcast ฟุตบอลยูโร ไม่ให้เผยเเพร่ในทุกระบบทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้ชมจะรับชมบอลยูโรบนฟรีทีวีโดยผ่านระบบเสาสัญญาณ หนวดกุ้ง หรือระบบคลื่นสัญญาณเเนวราบ (terrestrial tv) เท่านั้น ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างทำให้ผู้ชมในระบบดาวเทียมกว่าสิบล้านครัวเรือนไม่สามารถรับชมได้

ประชาสัมพันธ์ทรูวิชั่นส์ย้ำว่า บริษัทมีความรู้สึกผิดหวังต่อการจํากัดสิทธิ์ของฟรีทีวีในครั้งนี้ เพราะตลอดมานั้นไม่เคยมีการจํากัดสิทธิ์สาธารณชน ในการเผยเเพร่ในกรณีช่องฟรีทีวีมาก่อน ผู้ชมในระบบจานหรือเคเบิลต่างๆ สามารถรับชมการส่งต่อการเผยเเพร่รายการถ่ายทอดสด ฟุตบอลยูโร
หรือฟุตบอลอื่นบนช่องฟรีทีวีได้ในอดีต ตามที่ทรูวิชั่นส์ เป็นผู้ถือสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกก็ไม่จำกัดสิทธิ์ในกรณีที่ให้สิทธิ์ฟรีทีวีเผยแพร่ เพราะตระหนักดีว่าช่องฟรีทีวีเป็นระบบเปิดที่เป็นสิทธิ์ที่สาธารณชนพึงได้รับชมไม่ว่าบนระบบอะไรก็ตาม ด้วยสาเหตุนี้ ที่ผ่านมาทรูวิชั่นส์จึงมิได้มีการเจรจา หลังจากทราบว่าผู้ถือสิทธิ์ได้ให้สิทธิ์กับฟรีทีวีไปเเล้ว เพราะเข้าใจว่าเมื่อถ่ายทอดผ่านฟรีทีวีแล้ว ก็สามารถแพร่ภาพต่อได้โดยเสรีดังที่ยึดปฏิบัติกันมาในสากล

ทั้งนี้ทรูวิชั่นส์ต้องการเรียกร้องให้ ภาครัฐหรือ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) สร้างความชัดเจนเเละสร้างมาตรฐานต่อฟรีทีวีให้เผยเเพร่รายการที่ไม่จํากัดสิทธิ์คนดูในทุกระบบ ตลอดจนสร้างมาตรฐาน ต่อผู้ถือลิขสิทธิ์ในการให้สิทธิ์ต่อฟรีทีวี โดยมิให้จํากัดสิทธิ์ในการเผยเเพร่ต่อจากฟรีทีวี

อย่างไรก็ตาม ทรูวิชั่นส์ ก็ยังใช้ความพยายามในการเจรจากับเจ้าของลิขสิทธิ์และหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้เพื่อประโยชน์ต่อสมาชิกทรูวิชั่นส์และผู้บริโภคโดยรวม ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในต้นสัปดาห์นี้




เจ้าแม่เพลงโรแมนติก ตอนที่ 5 (ศิลปินชื่อ ก.)

ศรัณย่า ส่งเสริมสวัสด์ หรือ พี่ก้อย,ยะหยา เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ.2501 จบการศึกษา มัธยมปลาย จากโรงเรียนราชินี และด้วยเหตุที่ศรัณย่าเติบโตมา ในครอบครัวคนทำหนังสือ (ตระกูล "ส่งเสริมสวัสดิ์" เป็นผู้ผลิตนิตยสารหลายเล่ม เช่น สกุลไทย หญิงไทย และกุลสตรี ) เธอจึงเลือกเรียน คณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ โทฝรั่งเศส ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นจึงไปเรียนศิลปะจนจบ Fine Arts จาก Abilene Christian University, Texas USA.เครื่องดนตรีที่เล่นได้ กีตาร์ แนวเพลงโปรด Country, Pop Rock, Pop Jazz ศิลปินที่ชื่นชอบ เรวัต พุทธินันทน์ ซึ่งศรัณย่าแอบเรียกว่า "คุณพ่อหนวด" งานอดิเรก ปักผ้า อ่านหนังสือ ว่ายน้ำ  ก้าวแรกของการเข้าสู่ทำเนียบนักร้องคุณภาพของศรัณย่าเกิดจากความบังเอิญ เมื่อไปทานข้าวที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ และโดนเพื่อนๆ แกล้งให้ขึ้นไปร้องเพลงบนเวที ด้วยเพลง “หนี้รัก” ทำให้หัวหน้าวงดนตรีสนใจในน้ำเสียงหวานใสและแนะนำให้ศรัณย่าไปร้องเพลงเสนอกับเรวัต พุทธินันท์ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้รู้จักสาวเสียงสวย ใส หวานคนนี้ “ศรัณย่า ส่งเสริมสวัสดิ์” หากแต่แท้จริงประสบการณ์ในการร้องเพลงของศรัณย่านั้นสั่งสมมาตั้งแต่เป็นเด็กนักเรียนในโรงเรียนราชินี โดยเริ่มจากการเป็นนักร้องเพลงไทยเดิมของโรงเรียน มีโอกาสแสดงในงานสำคัญๆ หลายครั้ง เช่น ขับร้องสดกับวงมโหรีทางวิทยุในวันเฉลิมพระชนมพรรษา และเหตุการณ์ที่ประทับใจที่สุดคือ ร้องกับวงมโหรีหน้าพระที่นั่ง สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี นอกจากนี้เด็กหญิงศรัณย่ายังได้เป็นนักร้องร้องนำเพลงชาติหน้าเสาธงเสมอ และเธอก็มีใจฝักใฝ่ในการร้องเพลงเริ่มมา โดยตั้งวงโฟล์คซองรับเล่นตามงานคนรู้จัก จนกระทั่งเข้าเป็นนิสิตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็สมัครเข้าชมรมประสานเสียงของจุฬาฯ และตั้งวงสตริงชื่อ “เมลาดอนน่า” ที่ศรัณย่ารับหน้าที่เล่นกีตาร์และร้องนำ ร่วมกับ “ผุสชา โธนวนิก” และ “พิไลวรรณ บุญล้น” ที่กลายมาเป็นอีกสองคนคุณภาพของวงการบันเทิง

อัลบั้มชุดแรก "แปลกตรงที่หัวใจ" ในปี 2532 โดยมีสมชาย กฤษณะเศรณี เป็นโปรดิวเซอร์ ตามด้วยอัลบั้ม "ต่างกันที่เวลา" ในปี 2534 อัลบั้ม "จดเธอไว้ในใจ" ปี 2536 อัลบั้ม "ศรัณย่า ปี 2538 งานแต่ละชุดของเธอจะเว้นระยะห่างประมาณ 2 ปี จนกระทั่งถึงอัลบั้ม "เรื่องดี ดี" ที่ทิ้งช่วงห่างนานถึง 4 ปี ระหว่างงานอัลบั้มเดี่ยวแต่ละชุดนั้น เธอยังอัลบั้มพิเศษ อัลบั้มที่ทำร่วมกับศิลปินอื่นๆ อีกหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเพลงเก่า กลับมาเรียบเรียง และขับร้องใหม่ เช่นร้องร่วม ธงไชย แมคอินไตย ใน “ขนนกกับดอกไม้” ร้องร่วมกับวงพิงค์แพนเตอร์ในอัลบั้ม “ศรัณย่า แอนด์ พิงค์แพนเตอร์” และชุดสุดท้ายเป็นอัลบั้มรวมเพลงเก่า ของสุนทราภรณ์ ในอัลบั้ม "แกรมมี่ โกลด์ สุนทราภรณ์ ชุด 1-15" ผลงานของศรัณย่า ไม่ใช่งานที่ดังระเบิดเปรี้ยงปร้าง แต่เป็นเพลงที่ฟังได้นาน มีจุดเด่นคือน้ำเสียงพลิ้ว หวาน ผลงานเพลงที่สร้างความสำเร็จ มักเป็นเพลงรัก โรแมนติก มีท่วงทำนองของความร้าวราน เช่น เพลง "น้อยไปอีกหรือ" , "อยู่นานๆ ได้ไหม"   และวันนี้ศรัณย่ากลับมาอีกครั้งกับผลงานที่คุ้มค่ากับการรอคอยของแฟนเพลงทุกคนด้วยอัลบั้ม “ความเหงาเล่าเรื่อง” ผลงานที่พิสูจน์การเป็นนักร้องคุณภาพอย่างแท้จริง เชื่อว่าแฟนเพลงทุกคนของศรัณย่ายังคงประทับใจกับเสียงสวยๆ ใสๆ ในบทเพลงที่ละมุนละไม อบอุ่น อ่อนหวานปนเหงาเศร้าแบบโรแมนติกของเธออยู่เช่นเดิม

(ข้อมูลบางส่วนจากเว็บ eotoday ,http://www.eotoday.com/ )

ผลงานเพลงอัลบั้มเดี่ยว แปลกตรงที่หัวใจ (2532) ต่างกันที่เวลา (2534) จดเธอไว้ในใจ (2536) รวมเพลงรักสามเวลา (2537) ศรัณย่า (2538) เรื่องดีดี (2542) คิดถึงศรัณย่า (2546) ความเหงาเล่าเรื่อง (2547) การเดินทางของความคิดถึง (2550)

อัลบั้มบันทึกวรรณกรรมเพลง แม่ไม้เพลงไทย ไหมไทย ชุด สุนทราภรณ์ (2533) กล่อมกรุง 1-3 (2539) U – Chorus Project ดาวร้อยเดือน ชุดที่ 2 และ 5 (2540) ในนามของความรัก 1-3 (2541) Grammy Gold Series สุนทราภรณ์ ชุดที่ 1, 6, 10, 11, 12, 13, 14 และ15 (2542) ลำนำรัก 1-2 (2547) เมื่อหัวใจยังมีรัก 1-2 (2548) รวมเพลง 12 ปี แกรมมี่โกลด์ (2550)

อัลบั้มพิเศษ

• บทเพลงพระราชนิพนธ์ใน สมเด็จพระเทพฯ (กลางพนา) (พ.ศ. 2533)

• แม่ไม้เพลงไทย ไหมไทย ชุด สุนทราภรณ์ (ฝากหมอน, ไม่ใกล้ไม่ไกล) (พ.ย. 2533)

• งานซนคนดนตรี 10 ปีแกรมมี่ (ฝังไว้ในผืนดิน) (ก.ย. 2536)

• 80 ปี กองทัพอากาศ (แด่เธอ, แดนนภา, รำวงชาวฟ้า, ลูกฟ้ากล้าสมร) (พ.ศ. 2537)

• ขนนกและดอกไม้ (เพียงแค่ใจเรารักกัน) (ก.พ. 2538)

• ธ สถิตในดวงใจนิรันดร์ (บทเพลงพระราชนิพนธ์ฯ สายฝน) (พ.ศ. 2539)

• รวมใจถวายชัย ธ ครองไทย 50 ปี (บทเพลงพระราชนิพนธ์ฯ ยามเย็น) (พ.ศ. 2539)

• เทียบเสียง (ฉันจะฝันถึงเธอ) (พ.ค. 2539)

• Feminine (พ.ศ. 2539)

• เห็นด้วยหูรับรู้ด้วยหัวใจ

• Tribute to เรวัติ พุทธินันท์ (คงจะมีสักวัน)

• หนึ่งในสยาม ชุดที่ 2 ของ จักรพรรณ์ อาบครบุรี (ใต้ร่มมลุลี, จุฬาตรีคูณ, ปองใจรัก)

• แทนหัวใจ…ให้พ่อ (เดินตามพ่อ) (ธ.ค. 2542)

• Exchange Special (รักเธอทั้งหมดของหัวใจ)

• Saranya & The Pink Panther 1-2 (ปี พ.ศ. 2543)

• ฝากไว้ในแผ่นดิน ๑ เรียงร้อยคำรัก (ชายเดียวในดวงใจ) (22 ต.ค. 47)

• ฝากไว้ในแผ่นดิน ๓ สานใจคารวะ (ชั่วนิจนิรันดร) (22 ต.ค. 47)

• 10 ปีแกรมมี่โกลด์ ดนตรีไม่มีพรมแดน (อยู่กับความคิดถึง) (26 ก.ค. 48)

• Sweet Love Songs vol.1 รักเธอ...คือคำตอบ (14 ส.ค. 51)

• Sweet Love Songs Vol.2 "HAPPINESS" (8 ต.ค. 54)

เพลงประกอบละคร

• จากดาวคนละดวง จากละคร สามหนุ่มสามมุม ส.ค. 2535

• ดาวพระศุกร์ จากละคร “ดาวพระศุกร์” เม.ย. 2537

• ฝันเลือนลาง จากละคร "บัวสีน้ำเงิน"(ละครสั้น ปากกาทองมินิซีรีส์) ต.ค. 2537

• คือหัตถาครองพิภพ จากละคร “คือหัตถาครองพิภพ” พ.ค. 2538

• ดาวแต้มดิน จากละคร “ดาวแต้มดิน” พ.ค. 2538

• จันทร์กระพ้อ จากละคร “แผ่นดินของเรา” ปี 2539

• จันทร์เจ้าขา จากภาพยนตร์ “คู่กรรม” พ.ย. 2538

• อยากบอกให้รู้ จากเพลงละคร “สุดสายป่าน”

• สีสันแห่งชีวิต จากละคร “ เบญจรงค์ห้าสี” ต.ค. 2539

• เพียงใจคงเดิม จากละคร “ทัดดาว บุษยา” เวอร์ชันแรก มี.ค. 2540

• บ่วงรัก จากละคร “บ่วงบรรจถรณ์” พ.ค. 45

• ไม่มีตัวตน จากละคร “แฝดล่องหน” พ.ค. 45

• รักเธอเสมอ จากละคร “มิตร ชัยบัญชา มายาชีวิต” พ.ค. 45

• ทำไมไม่รักกัน จากละคร “ดงดอกเหมย”

• ผิดตรงไหน จากละคร “เจ้าสาวสลัม”

กันยารัตน์ ติยะพรไชย หรือ ลุลา,ตุ๊กตา ลุลาเกิดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2523 เป็นที่รู้จักจากการมีผลงานเพลงเป็นครั้งแรกในอัลบั้ม "2 Become 1" หลังจากนั้นมีผลงานเพลงในแนว Bossa Nova ซึ่งเธอได้ศึกษาหาข้อมูล ฟังเพลง และฝึกฝนการร้องมากว่า 3 ปี โดยได้ร้องเพลงในอัลบั้ม "Bossa Blossom 2" ในเพลง ขอบฟ้า และ ฤดูร้อน จากนั้นมีผลงานอัลบั้มเดี่ยวเป็นครั้งแรก ในแนวเพลงที่เธอเรียกว่า Urban Bossa Nova ในชื่ออัลบั้มชื่อ "Urban Lullaby" ที่มี โตน Sofa (จักรธร ขจรไชยกุล) เป็น Producer มีเพลงอย่าง ตุ๊กตาหน้ารถ เป็นต้น และอัลบั้มพิเศษ "Swing Swing" และอัลบั้มล่าสุด "Twist"

อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก Urban Lullaby (2551) มีรายชื่อเพลงดังนี้

1. ตุ๊กตาหน้ารถ

2. เวลาจะช่วยอะไร

3. Mobile Love Song

4. รักไม่รัก

5. ทะเลสีดำ Feat.ต้าร์ Paradox

6. ดาวเสาร์

7. ในวันที่เราต้องไกลห่าง

8. นานๆ นะๆ

9. Baby I Love Feat.โตน Sofa

10. Nite My Love

11. อยากรู้...แต่ไม่อยากถาม Feat.บอม D.I.Y

(ประกอบละคร อเวจีสีชมพู)

12. Hidden Track

อัลบั้มเดี่ยว Twist (2553) มีรายชื่อเพลงดังนี้

1. Love me before sunset Feat.โตน Sofa

2. ราตรีนี้ (ยังอีกแสนไกล)

3. แค่เพียงได้รู้ Feat.จีน มหาสมุทร

4. อย่ามองมาได้มั้ย Feat.ติ๊ก Playground

5. Down

6. แม่ไม่เข้าใจ Feat.สวีทนุช

7. เนื้อคู่

8. เหนื่อยนัก พักนะ

9. อธิษฐาน

10. ความเหงา

11. Hidden Track

อัลบั้มพิเศษ Swing Swing (2552) , JOY (2554)

อัลบั้มรวมศิลปิน 2 Become 1 (2547) , Replay 1-2 (2547) , Behind The Songs by เอิ้น พิยะดา (2549), Bossa Blossom 2 (2550), Summer Hippie (2554), Re-feel by Narongvit (2554) , Lazy Sunday 2 by Krit Krissanavarin (2555)

ซิงเกิ้ลพิเศษ

• ปี 2552 เพลง มงกุฎดอกไม้

• ปี 2554 เพลง รักปาฏิหาริย์ (ประกอบละคร รักปาฏิหาริย์)

• ปี 2554 เพลง มองได้แต่อย่าชอบ Feat.เต๋อ ฉันทวิชช์, ป๊อป Calories Blah Blah, โจ๊ก So Cool (ประกอบภาพยนตร์ ATM เออรัก เออเร่อ)

หมายเหตุ - นำเพลง "ในวันที่เราต้องไกลห่าง" จากอัลบั้ม Urban Lullaby มาทำใหม่

• ปี 2555 เพลง รักประกาศิต (ประกอบละคร รักประกาศิต)

• ปี 2555 เพลง สักมุมบนโลกใบนี้ (ประกอบละคร แม่แตงร่มใบ)

• ปี 2555 เพลง ฤดูความรักผลิ





ผลงาน Featuring

• ปี 2552 เพลง Will You Marry Me? (ปั๊บ Potato)

• ปี 2552 เพลง สองเวลา (Calories Blah Blah อัลบั้ม Sugar Added)

• ปี 2555 เพลง ที่สุดในโลก (Instinct อัลบั้ม Endless)

• ปี 2555 เพลง รักลอยลม (Crescendo อัลบั้ม Continue)

วิชญาณี เปียกลิ่น หรือ แก้ม เดอะสตาร์ นักร้องและนักแสดงชาวไทย ผู้ชนะเลิศจากการแข่งขันในรายการ "เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 4" (พ.ศ. 2551) โดยเป็นผู้หญิงคนแรกที่ชนะรายการนี้ และเป็นผู้หญิงคนแรกของไทยที่ชนะการแข่งขันรายการประกวดร้องเพลงแนวเรียลลิตี้โชว์ที่ตัดสินด้วยคะแนนโหวตจากประชาชนทั่วประเทศ ปัจจุบันเป็นนักร้องสังกัด เอ็กแซ็กท์ เครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ แก้มได้รับรางวัลนักร้องหญิงยอดนิยม ประเภทเพลงไทยสากล ประจำปี พ.ศ. 2551 จากการประกาศผลสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส 2008 ครั้งที่ 7 โดยสมาคมนักข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย  แก้มสามารถร้องเพลงได้หลายประเภท แนวเพลงที่เธอถนัด ได้แก่ ป็อป อาร์แอนด์บี โอเปร่า แจ๊ส โซล และ ลูกทุ่ง เอกลักษณ์การร้องของแก้มคือ การถ่ายทอดอารมณ์เพลง การใช้พลังเสียง การด้นสด (Improvisation) เป็นต้น นักร้องไทยที่เป็นแรงบันดาลใจของเธอ คือ เจนนิเฟอร์ คิ้ม และปองศักดิ์ รัตนพงษ์ ส่วนนักร้องสากลที่เธอชื่นชอบเป็นพิเศษ คือ บียอนเซ่ และเกิลส์เจเนอเรชัน เพลงที่สร้างชื่อเสียงให้แก้ม ได้แก่ "ความผูกพัน (ซื้อความรักไม่ได้)", "แสงและเงา" (เพลงประกอบละครเงาอโศก), "ไม่เหลือเหตุผลจะรัก", "ใบไม้", "แค่คำคำเดียว" (เพลงประกอบละครมาลัยสามชาย),'มหันตภัย เป็นต้น  แก้ม วิชญาณีอาศัยอยู่กับมารดาและน้องสาวเพียงลำพังตั้งแต่อายุ 3 ปี ที่จังหวัดภูเก็ต มารดาของแก้ม คือ ญาดา เปียกลิ่น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายประสานงานการพยาบาล ณ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โดยมารดาของแก้มเป็นผู้ช่วยเหลือสนับสนุนแก้มด้านการร้องเพลงอย่างจริงจังมาโดยตลอด น้องสาวของแก้ม คือ จิณภัค เปียกลิ่น หรือ ลูกเกต เดอะสตาร์ 6 ก็เป็นนักร้องในสังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เช่นกัน  แก้มเริ่มร้องเพลงตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เพลงแรกที่แก้มร้องได้ คือ เพลง "ต้องสู้" ของเจินเจิน บุญสูงเนิน เนื่องจากแก้มชอบดูโทรทัศน์และสามารถจดจำเพลงต่าง ๆ ได้ดี จึงทำให้ชื่นชอบการร้องเพลงมาโดยตลอด ในขณะที่เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ณ โรงเรียนเทศบาลบ้านสามกอง จังหวัดภูเก็ต อาจารย์ที่โรงเรียนคัดเลือกให้แก้มเป็นตัวแทนประกวดร้องเพลงเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นจุดเริ่มของการก้าวสู่การประกวดร้องเพลง เพลงที่ใช้ประกวดในครั้งแรก คือ เพลง "สั่งนาง" ของมนต์สิทธิ์ คำสร้อย แก้มได้รับคัดเลือกจากคณาจารย์ให้เข้าร่วมวงดนตรีลูกทุ่ง "สามกองซุปเปอร์แด็นซ์" ของโรงเรียนเทศบาลบ้านสามกอง จังหวัดภูเก็ต โดยเป็นนักร้องนำ แก้มจึงได้เดินสายไปประกวดตามเวทีต่าง ๆ โดยมีอาจารย์ไพรัตน์ คำเลี้ยง อาจารย์โรงเรียนเทศบาลบ้านสามกอง คอยให้คำแนะนำและสนับสนุน อาจารย์ไพรัตน์ได้เน้นการฝึกฝนให้แก้มร้องเพลงลูกทุ่งที่ต้องใช้ทักษะในการร้องสูง เพื่อให้เกิดความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ แก้มจึงได้พัฒนาทักษะการร้องมาโดยลำดับ เมื่อเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษา ณ โรงเรียนสตรีภูเก็ต แก้มได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนเดินสายประกวดร้องเพลงในเวทีต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีอาจารย์ฉวีวงศ์ สกุลตัน อาจารย์สอนศิลปะเป็นผู้สนับสนุน แก้มได้รับรางวัลชนะเลิศหลายรายการ ระหว่างนี้ แก้มได้ฝึกฝนการร้องทั้งเพลงไทยและสากลในแนวเพลงอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะแนวป็อป อาร์แอนด์บี และโอเปร่า ในการประกวดร้องเพลงรายการต่าง ๆ มารดาของแก้มเป็นผู้ดูแลอยู่เสมอ ทั้งการค้นหาข่าวสารการประกวด การเดินทาง ตลอดจนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมทั้งให้กำลังใจ แนวคิด และการอบรมสั่งสอนด้านการวางตัวที่ถูกต้อง

ในปี พ.ศ. 2551 ขณะเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ณ โรงเรียนสตรีภูเก็ต แก้มได้เข้าร่วมแข่งขันในรายการ "เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 4" ขณะอายุ 18 ปี โดยได้แรงบันดาลใจจากผู้ชนะการแข่งขัน "เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว" ปีที่ 1 คือ "สน" สนธยา ชิตมณี ซึ่งมาจากภาคใต้เช่นเดียวกัน โดยแก้มได้รับหมายเลขประจำตัวในการแข่งขัน คือ หมายเลข 4 ในวันประกาศผลการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ อาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2551 แก้มได้รับตำแหน่ง "เดอะสตาร์" จากคะแนนโหวตของประชาชนทั่วประเทศ โดยชนะด้วยคะแนนร้อยละ 61.17 ต่อ 38.83 ซึ่งนับเป็นประวัติศาสตร์ของรายการ เนื่องจากแก้มเป็นผู้หญิงคนแรกที่ชนะรายการนี้ และเป็นผู้หญิงคนแรกของไทยที่ชนะการแข่งขันรายการประกวดร้องเพลงแนวเรียลลิตี้โชว์ที่ตัดสินด้วยคะแนนโหวตจากประชาชนทั่วประเทศ  หลังจากจบรายการเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 4 แก้มได้เข้าเป็นนักร้องในสังกัดเอ็กแซ็กท์ ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และได้ผ่านการสอบคัดเลือกตรง เข้าศึกษา ณ คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร สาขาวิชาดนตรีแจ๊ส อัลบั้มแรกของแก้มมีชื่อว่า "GAM" วางแผงเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2551 อัลบั้มนี้สะท้อนตัวตนของแก้มที่ชื่นชอบและสามารถร้องเพลงได้หลายแนว จึงทำให้อัลบั้มนี้เป็นแนววาไรตี้ คือ ประกอบด้วยแนวเพลงที่หลากหลาย ทั้ง ป็อป อาร์แอนด์บี อคูสติก ฮิปฮอป เป็นต้น และในปี 2552 แก้มได้รับรางวัล "นักร้องหญิงยอดนิยม ประเภทเพลงไทยสากล" ในการประกาศผลรางวัลสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส 2008 ครั้งที่ 7 จากสมาคมนักข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย และอีกรางวันอื่น ๆ อีกหลายรางวัล

อัลบั้มเดี่ยว GAM (2551) มีรายชื่อเพลงดังนี้

1. "ไม่สวยเลือกได้"

2. "ไม่เหลือเหตุผลจะรัก"

3. "ไม่ไหวจะเคลียร์"

4. "ใบไม้" (ร่วมกับ วีทรีโอ)

5. "เธอไม่เคยไว้ใจ"

6. "Help Me"

7. "ความรักต้องเผื่อใจ"

8. "Leave Me Alone"

9. "ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว"

10. "พระจันทร์ดวงเดียวกัน"

11. "แสงและเงา"

อัลบั้มเดี่ยว ชุดต่อมา Baby, It’s You มีรายชื่อเพลงดังนี้

1. "คนที่ใช่ก็ไม่รัก คนที่รักก็ไม่ใช่"

2. "Baby, it's you"

3. "มหันตภัย"

4. "รักแพ้...แม้ใกล้ชิด(Feat.Vietrio)

5. "เพิ่งรู้ตัวเอง"

6. "รักคือการให้"

7. "ฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันอีกเลย"

8. "ใช่ที่สุด หยุดที่เธอ"

9. "ยามเมื่อลมพัดหวน

10. "อย่าให้เขารู้"

11. "หน้า 113"



อัลบั้มร่วมงานกับศิลปินอื่น

The Star 4, Women Series ,The Very Best of Cover Night Live & Easy, GMM Grammy Best of the Year (4 อัลบั้มนี้ปี 2551) , Beautiful Day Afternoon delight by the terrace ,Top Radio Chart ,GMM Grammy Summer Dance Party ,GMM Grammy Hot Single Vol.5 ,GMM Grammy Big Love, GMM Grammy Loving You,เพลงประกอบละคร บริษัทบำบัดแค้น, Single Female, Single Female 2, ACTS Track 2 รวมเพลงประกอบละคร, Voice of Love (11 อัลบั้มนี้อยู่ในปี 2552) , ACTS Track 4 เพลงประกอบละครหัวใจพลอยโจร, VieTrio & Friends, When She Hurts, Cover Night Green Wave 20th Anniversary

(อัลบั้มพิเศษครบรอบ 20 ปีของกรีนเวฟ), Cover Night Plus Voice from The Star, Boy Story

(อัลบั้มพิเศษครบรอบ 20 ปีการทำงานของ "บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ"), The Eight (7อัลบั้มนี้อยู่ในปี 2553)

เพลงประกอบละคร

เงาอโศก – เพลงแสงและเงา (2551) , สกุลกา – เพลงแล้วฉันจะรักเธอได้อย่างไร และมีแค่หัวใจ (2552) , หัวใจพลอยโจร – เพลงนอกสายตา,นักร้องบ้านนอก,โทรหาครั้งสุดท้าย (2553) , มาลัยสามชาย – เพลงแค่คำคำเดียว (2553) , ตลาดอารมณ์ – เพลงไม่เหลืออะไรเลย (2554) , เงาพราย – เพลงเพิ่งรู้ตัวเอง (2554)


เหมือนแพร พานะบุตร หรือ กิ่ง เกิดวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2531 ปัจจุบันกำลังศึกษา ปี 4 คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เอก Voice Jazz นอกจากนี้ กิ่งยังเป็นผู้เข้ารอบ 8 คนสุดท้ายและได้อันดับที่ 4 ในการประกวดรายการ The Star ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 5 (ปี 2552) ก่อนหน้านั้นในปี พ.ศ. 2551 กิ่งได้เข้าร่วมการประกวด "5 Live MC Huntee-Hunter Contest" ซึ่งเป็นกิจกรรมการประกวดเฟ้นหาพิธีกรหน้าใหม่พร้อมกับแมวมองคู่ใจ และได้รับการคัดเลือกเป็นผู้เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย โดยผู้เข้ารอบทั้งหมด 20 คนจะมาแข่งขันกันดำเนินรายการในรูปแบบสถานการณ์จำลองในสตูดิโอรายการ “5 Live” การประกวดตัดสินคะแนนจากการโหวตทาง SMS โดยกิ่งได้รหัส FD2 และในรายการนี้กิ่งได้รางวัลรองชนะเลิศ

ผลงานเพลงอัลบั้มเดี่ยว A LITTLE BIG THING (2554) ภายใต้สังกัด work gang มีรายชื่อเพลงดังนี้

1. ฉันว่างงาน หรือเธอเหงา

2. มีเรื่องอยากปรึกษา

3. ละไว้ในฐานที่ไม่เข้าใจ

4. ฉันผิดที่คิดว่าเรารักกัน

5. อยากบอกเขาหรืออยากบอกฉัน

6. แด่เธอผู้อดทน

7. แฟนหาย

8. ปล่อย

9. ไหน

10. Love's growth...ให้มันโตเหมือนกับต้นไม้

11. บุคคลปริศนา

อัลบั้มรวม The Star 5 (2552) , ACTS TRACK 2 (2552) เพลงประกอบละคร ชิงชัง (ผิดเพราะรัก) , Star Voice (2552) single ฮิต ขอโทษแล้วหายเจ็บไหม , Summer Hippie (ร้องเป็นกลุ่มร่วมกับลุลา, แอน ธิติมา, แนน วาทิยา,ติ๊ก Playground, แอมมี่ The Bottom Blues และที Jetset'er)

ผลงาน cover เพลงศิลปินท่านอื่น อัลบั้ม The Emotions , LUCKY IN LOVE ? VOL.1-2

1. เดียวดาย (วิยะดา โกมารกุล ณ นคร)

2. เสียงของหัวใจ (แอน ธิติมา)

3. เจ้าเวลา (นิว-จิ๋ว)

4. คิดถึงเธอทุกที (ที่อยู่คนเดียว) (เจนนิเฟอร์ คิ้ม)

5. รักเราไม่เก่าเลย (รักเรายังใหม่) (กบ ทรงสิทธิ์)

6. เพลงพิเศษ (นิว-จิ๋ว)

7. เกิดมาร้องเพลง (ผุสชา โทณะวณิก)

8. คนในฝัน (Mr.Team)

9. ลืม (Etc.)

10. ใครสักคน (Paradox)

I'm Stone In Love With You (The Stylistics , I Need You (America)

ผลงานเพลงอื่นๆ

• เพลง ไม่รู้ อัลบั้ม "Remind ละมุน" ของค่าย Impression Records (ก่อนประกวด The Star)

• เพลง Stay'in Alive

• เพลง Inside

• เพลง เธอคนเดียว

• เพลง สับสน (วง Giwii not shake)

• เพลง สร้างภาพ

• เพลง LOVE

• เพลง แฟนหาย

• เพลง I Love You ณ ทะเล (ร้องเป็นกลุ่มร่วมกับลูกปัด ชลนรรจ์, แนน วาทิยา และวฤตดา ภิรมย์ภักดี)

 


เจ้าแม่เพลงโรแมนติก ตอนที่ 4 (ศิลปินชื่อ ม.)

มาลีวัลย์ เจมีน่า หรือพี่มิ้นท์,มิล่า เกิดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2505 เกิดที่ประเทศไทย สัญชาติไทย เดิมนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก แต่ภายหลังได้หันมานับถือศาสนาพุทธ พี่มิ้นท์ ,มิล่าได้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี  มิล่าเริ่มหัดร้องเพลงตั้งแต่ 6 ขวบ และตามคุณพ่อไปเล่นดนตรีเสมอ และเมื่ออายุ 15 ปี ได้ร้องเพลงที่โรงแรมดุสิตธานี และยึดอาชีพนักร้องเต็มตัวหลังเรียนจบมัธยม พี่มิ้นท์จัดเป็น Divas ตัวแม่ของวงการติด 1 ใน 5 ของเมืองไทย ผลงานอัลบั้มแรกที่ร่วมงานกับพี่แต๋มชรัส เฟื่องอารมย์ ชุด "มาลีวัลย์และชรัส" ปี 2528 ภายใต้สังกัดไนท์สปอต และผลงานอัลบั้มเพลงชุดต่อๆ มาคือ อัลบั้ม กับฉัน, ณ จุดนี้ของหัวใจ, ปรารถนาและอารมณ์, คืนวันพระจันทร์เป็นใจ, Reflection of Love, เพลงของเขาใต้เงาพระจันทร์, เสียงจากหัวใจ, รู้ไหม..ไม่เคยลืมเธอ, Maleewan Acoustic., ที่รัก..เรายังรักกันใช่ไหม, ฝากดูแลผู้ชายคนนี้สักคน , ME มาลีวัลย์ เจมีน่า ,Second Love ,A Corner of Memories, Always (เพลงสากล),Sensation และอัลบั้มล่าสุด Hurt Actually มิ้นท์ และตั้ม (รวมเพลงมาลีวัลย์และตั้มสมประสงค์) สิ่งที่เป็นความประทับใจของพี่มิ้นท์,มิล่า ก็คือบทเพลง ขอเพียงที่พักใจ ซึ่งเป็นผลงานในอัลบั้ม ปรารถนาและอารมณ์ นั้น เป็นบทเพลงที่พี่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ (ราชินีเพลงลูกทุ่งที่ล่วงลับไปแล้ว) ได้เคยนำมาร้องก่อนเสียชีวิต ด้วยเนื้อหาของเพลงตรงกับชีวิตของเธอ เป็นการระบายความในใจ ความเก็บกด บางอย่างออกมา และเป็นเพลงไทยสากลที่พี่พุ่มพวงชื่นชอบที่สุด ณ ขณะนั้น และสามารถร้องเพลงนี้ได้ และได้เคยร้องให้น้องเพ็ชร บุตรชายพี่ผึ้งในวินาทีก่อนเสียชีวิต เมื่อพี่มิ้นท์,มิล่า ทราบในภายหลังก็รู้สึกตื้นตัน และปลื้มที่สุดในชีวิต ถึงขนาดพี่มิ้นท์,มิล่า เคยได้นำมาเล่าให้ฟังบนเวทีคอนเสิร์ตถึงความประทับใจในตัวพี่ผึ้งต่อบทเพลงนี้ ทำให้บทเพลงนี้กลายเป็นบทเพลงที่ทรงคุณค่าที่สุดเพลงนึงของพี่มิ้นท์,มิล่า และอัลบั้ม ปรารถนาและอารมณ์ก็เป็น 1 ในอัลบั้มขายดีตลอดกาลของพี่มิ้นท์ ,มิล่า และศิลปินหญิงในเครือจีเอ็มเอ็มแกรมมี่อีกชุดนึงทีเดียว

ผลงานเพลงภายใต้ชายคาไนท์สปอต มาลีวัลย์และชรัส (2528) , กับฉัน (2529) , ณ จุดนี้ของหัวใจ (2531)

ผลงานเพลงภายใต้ชายคาแกรมมี่ ปรารถนา และอารมณ์ (2534) , คืนวันพระจันทร์เต็มใจ (2536) , Reflection of Love (2537) , เพลงของเขา...ใต้เงาพระจันทร์(2538) , เสียงจากหัวใจ (2539) , รู้ไหม..ไม่เคยลืมเธอ (2540) , Maleewan Acoustic (2541) , ที่รัก...เรายังรักกันใช่ไหม (2541) , ฝากดูแลผู้ชายคนนี้สักคน (2542) , Vol.12 ฉันรักของฉันจริงๆ (2544), Secound Love (2545) , Me มาลีวัลย์ (2546) A Corner of Memories (2550) , Always (เพลงสากล) , Sensation , Hurt Actually รวมเพลงฮิตของมิ้นท์ กับตั้ม สมประสงค์ (2554)

มาช่า วัฒนพานิช เกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2513 เป็นนักร้อง, นักแสดง, นางแบบ และเคยมีธุรกิจค่ายเพลงส่วนตัว เป็นลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ชื่อแรกที่ใช้ในวงการภาพยนตร์ คือ พิม วัฒนพานิช อดีตศิลปินในสังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เธอเคยสมรสกับคุณหนุ่ย อำพล ลำพูน ต่อมาได้หย่าร้างในปี พ.ศ. 2540 มีบุตรชายด้วยกัน 1 คนคือ กาย นวพล ลำพูน  ปี 2529 มาช่า วัฒนพานิช ได้เริ่มเข้าสู่วงการภาพยนตร์ และภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้แสดงเป็นบทบู๊เรื่อง "ตำรวจเหล็ก" ปี 2530 มาแจ้งเกิดแบบสุดๆ กับบทบาทที่ท้าทาย และต้องถือว่าแรงมากในสมัยนั้น ในภาพยนตร์เรื่อง "กว่าจะรู้เดียงสา" และนั่นทำให้เธอกลายเป็นดาราดาวรุ่ง พุ่งแรงคนใหม่ ปี 2531 จากภาพยนตร์เรื่อง "จงรัก" ทำให้เธอคว้ารางวัล นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี รางวัลตุ๊กตาทอง ปี 2534 มาถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตของมาช่า เมื่อเธอมีผลงานเพลงกับค่าย GMM Grammy เป็นศิลปินนักร้อง ออกอัลบั้มชุดแรก "ถามดาว" ในช่วงที่กระแสนักแสดงคนไหนดัง ก็เกือบจะทั้งวงการ ผันตัวเองมาออกอัลบั้มร้องเพลง และเธอก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก ในอัลบั้มมีเพลงโดนใจอย่าง "เหนื่อยไหมดาว, ขอเวลาตั้งตัว, “แตกหัก" ถือว่าเธอสามารถแจ้งเกิดเป็นนักร้องได้สำเร็จปี 2535 ถึงจะเป็นนักร้องเต็มตัวแต่ภาพความเป็นนักแสดงของมาช่าก็ยังเต็มเปี่ยม จึงทำให้เธอมีโอกาสกลับมาแสดงละครอีกครั้งในเรื่อง "วังน้ำวน" ประชันกับ ใหม่ เจริญปุระ และเรื่อง "ไฟโชนแสง" ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ จากละครเรื่องนี้ ปี 2536 อัลบั้มชุดที่ 2 ของมาช่าก็คลอดออกมาในชื่อ "รสชาติความเป็นคน" ซึ่งกลายเป็นอัลบั้มที่จัดจ้านกว่าเดิม และกลมกล่อมไปด้วยแนวเพลงบวกกับเนื้อหาที่ลงตัว ความสำเร็จที่ต่อยอดจากงานชุดแรก ผลักดันให้ชื่อของมาช่ากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์หญิงในช่วงนั้น ด้วยยอดขายเกินล้านตลับ ซึ่งในยุคนั้นมีนักร้องหญิงไม่กี่คนที่ทำสถิตินี้ได้ เพลงที่ติดหูคนฟังได้แก่ "ความดัน (ทุรัง) สูง" กับ "ผิดไปแล้ว" ปี 2537 ในโอกาสครบรอบ 10 ปีแกรมมี่ มาช่าเลยได้ขึ้นโชว์บนเวทีคอนเสิร์ตกับศิลปินร่วมค่ายอีกมากมาย อาธิ เบิร์ด-ธงไชย, ใหม่ เจริญปุระ, คริสติน่า, แอม-เสาวลักษณ์, เจ-เจตริน, อัสนี & วสันต์ ฯลฯ ใน "คอนเสิร์ต 10 ปี แกรมมี่" ได้ร่วมออกอัลบั้มงาน “ซน” คนดนตรี กับศิลปินรายชื่อข้างต้นด้วย ปี 2538 เธอเป็นแขกรับเชิญพิเศษในอัลบั้ม "ขนนกกับดอกไม้" ของ ธงไชย แมคอินไตย์ โดยร่วมกัน Feat. กับพี่เบิร์ด ในเพลง "ฟากฟ้าทะเลฝัน" ปี 2539 มาช่ามีอัลบั้มชุดที่ 3 ชื่อ "Room No.3" ใน look ที่เปลี่ยนไป แนวเพลงมีกลิ่มของความเป็นอัลเทอร์เนทีฟ ให้เข้ากับกระแสในช่วงนั้น มีเพลงฮิตติดหูอย่างเพลง "รอ" มาเอาใจคนฟัง และเพลงเร็วอย่าง "อย่ายอมฉัน" ปี 2540 เธอมีโอกาสกลับมาเล่นละครอีกครั้ง กับบทคอมเมดี้สุดน่ารักในเรื่อง "นางสาวไม่จำกัดนามสกุล" พร้อมด้วยผลงานเพลงชุดพิเศษ "Re-Entry" ซึ่งเพลงที่ได้รับการตอบรับที่ดีคือเพลง "ใครสักคน" และเพลงที่มาช่าเขียนเอง ชื่อเพลง "ไม่เป็นไรคนดี" นอกจากนี้ในอัลบั้มเรายังได้ยินเสียงของมาช่านำหลายบทเพลงของศิลปินชายมาขับร้องใหม่ ปี 2542 มาถึงอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 4 (นับเฉพาะงานที่เป็นเพลงแต่งใหม่) ชื่อชุด "Maya" โดยมาช่าปล่อยเพลง "อดใจไม่ไหว" มากล่อมคนฟัง ก่อนจะส่งเพลงโชว์จังหวะอย่าง "มายา" และเพลงในสไตล์ที่เธอถนัดอย่างเพลง "คนใจแตก" ตามออกมาเรียกคะแนนโหวตจากคลื่นวิทยุ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาก ปิดท้ายอัลบั้มด้วยเพลง "เวลากับคนสองคน" เพลงช้าที่มาช่าร้องได้เศร้าสุดอารมณ์คนฟังมาก ปี 2543 มาช่ารวมตัวกับเพื่อนศิลปินสาวออกอัลบั้มพิเศษชุด "Seven" อาทิ พี่แอม, ใหม่, นิโคล, อุ๊ หฤทัย, นัท มีเรีย และ ตอง ภัครมัย และมีเพลง "เหตุการณ์ไม่เคยเปลี่ยน" กับ "ห้องนี้" เป็นเพลงโซโล่เดี่ยวที่มาช่าร้องในอัลบั้มนี้ นอกจากนี้มาช่ายังมีงานละครเรื่อง "หงส์เหนือมังกร" ที่เธอฝากฝีไม้ลายมือด้านการแสดงเอาไว้อีกด้วย ปี 2544 และมาช่าก็กลับมามีผลงานเพลงชุดต่อมา คือ "Fine Days" แนวดนตรีไปในทาง Irish Rock ลุคที่เซอร์และติสท์มากขึ้น ความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทั้งเนื้อเสียง การร้อง และสไตล์การแต่งตัว แบบที่ไม่ต้องปรุงแต่งใดๆ เธอก็สามารถสื่อสารออกมาได้อย่างชัดเจน และเป็นธรรมชาติ ผลงานเพลงที่ฮิตในอัลบั้มชุดนี้ได้แก่ "จากคนอื่นคนไกล, ไม่อยากนอนคนเดียว, มืออาชีพยังยอม, อีกคนที่รักเธอ" เป็นต้น ปี 2545 เป็นช่วงเวลาพักจากงานเพลงกลับมาเล่นละครถึง 2 เรื่องด้วยกัน คือ "สายลมกับแสงดาว" และ "บ่วงบรรจถรณ์" ปี 2546 อัลบั้มชุดที่ 6 "The River of Life" ตามออกมา เริ่มต้นด้วยการปล่อยเพลงเพราะอย่าง "สายน้ำไม่ไหลกลับ" มากล่อมคนฟังอีกเช่นเดิม ในงานชุดนี้ มาช่ายังยึดภาพที่ดูเป็นธรรมชาติ เรียบง่าย แต่แฝงมุมเซ็กซี่ในแบบมาช่าเอาไว้เช่นเดิม นอกจากนี้มาช่ายังมีเพลงสนุกอย่าง "จะไม่เกรงใจ" และ "โลกนี้ต้องมีผู้ชายอย่างเธอ" ปี 2547 เธอกลับมารับงานละครอีกครั้งในเรื่อง "ขอพลิกฟ้าตามล่าเธอ" ประกบพระเอกสุดฮอต วิลลี่ แมคอินทอช ออกอากาศทางช่อง 3 และมาช่ายังหวนคืนเวทีคอนเสิร์ตอีกครั้งใน "คอนเสิร์ต Marsha My Reflection" ที่สะท้อนเรื่องราวในรอบ 13 ปีในการเป็นศิลปินของเธอ โดยจัดขึ้น ณ อิมแพคอารีน่าฯ ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีมาก ปี 2548 อัลบั้มชุดที่ 7 "In Love" ที่ปล่อยเพลงเอาใจสาวกชาวสีม่วงอย่างเพลง "Music Lover" ถือเป็นเพลงจังหวะเต้นรำที่เป็นไม้ตายของมาช่า และสามารถปลุกกระแสให้กับแฟนเพลงชาวสีม่วงเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นเพลงคลาสสิคสุดอมตะอีกเพลงของเธอ นอกจากนี้เธอยังมีเพลงฟังอย่าง "ไม่อยากให้เธอไว้ใจ" ในสไตล์ที่แตกต่างไปจากเดิม แต่โดนใจคนฟังเป็นอย่างมาก กับเพลงเพราะๆ ชื่อเดียวกับชื่ออัลบั้มคือเพลง "In Love" ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากเช่นกัน ปี 2549 งานเพลงพิเศษชุด "Selection" ที่รวบรวมพลงเพราะๆ ในอดีตมาขับร้องใหม่ โดยเอาเพลง "เชื่อฉัน" เปิดตัวในจังหวะสนุกๆ และในช่วงปลายปี มาช่าก็มีคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้งกับ "Marsha Open Heart Concert" จัดแสดงในออิมแพคอารีน่าที่เดิม ปี 2550 ในที่สุดมาช่าก็กลับมารับงานแสดงภาพยนตร์อีกครั้ง ในเรื่อง "แฝด" ผลงานที่ทำให้มาช่าได้รับรางวัลมากมาย อาธิ รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ , รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากเทศกาลหนัง Fantastic Fest และรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากเทศกาลหนัง The New York city horror film festival สหรัฐอเมริกา ส่วนงานเพลงก็ยังมีต่อเนื่องในชุด "Let's have fun tonight" ในสไตล์ที่หวือหวากว่าเดิม เพลงเปิดตัวอย่าง "รักยังไม่ต้องการ" ไปสะดุดต่อมชาวสีม่วงทั่วประเทศจนยกตำแหน่งให้มาช่าเป็นตัวแม่กันเลยทีเดียว ปี 2551 มาช่ามีผลงานภาพยนตร์โฆษณา "Lay Selection" ปี 2552 เธอกลับมากับภาพยนตร์สยองขวัญ เรื่อง ห้าแพร่ง ของ ค่าย จีทีเอช ในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ รับบทแสดงนำในตอน "คนกอง" หนังสยองขวัญติดตลก ที่ทำสถิติรายได้เปิดตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการหนังไทย ปี 2553 เธอร่วมแจมในคอนเสิร์ต "This is It" ที่ไว้อาลัยการจากไปของราชาเพลงป๊อบอย่าง "ไมเคิ่ล แจ๊คสัน"ปี 2554 มาช่า กลับมีข่าวดังทางสื่อมวลชนอีกครั้งเกี่ยวกับกรณีคลิปลับที่ถูกนำมาเผยแพร่ ซึ่งมาช่า ยอมรับและเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เผยแพร่ดังกล่าว ในเรื่องงานเพลง เธอก็กลับมาทำอัลบั้มอีกครั้งภายใต้สังกัดของเธอเองในอัลบั้ม "Alive" โดยมีเพลงเปิดตัวอย่าง "I'm Back" ต่อด้วย "ข่าวลือหรือเรื่องจริง" แต่เพลงที่ทำให้คนจดจำได้ น่าจะเป็นเพลง "App Story" ปี 2555 เธอกลับมารับงานภาพยนตร์อีกครั้งในเรื่อง "407 เที่ยวบินผี" และกลับมารวมตัวกับเพื่อนสาวในกลุ่ม Seven ขึ้นคอนเสิร์ต "I am What I Amp" ของ เสาวลักษณ์ ลีละบุตร ในฐานะแขกรับเชิญ ร่วมกับ ใหม่ เจริญปุระ, นิโคล เทริโอ, นัท มีเรีย, หฤทัย ม่วงบุญศรี และภัครมัย โปตระนันท์

อัลบั้มเดี่ยวภายใต้สังกัด จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่

• ถามดาว พ.ศ. 2534

• รสชาติความเป็นคน พ.ศ. 2536

• Room Number Three พ.ศ. 2539

• Re-entry พ.ศ. 2540

• Marsha Maya พ.ศ. 2542

• Fine Days - Fine Days พ.ศ. 2544

• The River Of Life พ.ศ. 2546

• Marsha In Love พ.ศ. 2548

• Marsha Selection พ.ศ. 2549

• Let's Have Fun Tonight พ.ศ. 2550

อัลบั้มที่ร่วมทำกับศิลปินท่านอื่นๆ

• งาน "ซน" คนดนตรี นานที 10 ปีหน (10 ปี แกรมมี่) - (30 กันยายน 2536)

• ขนนกกับดอกไม้ (24 กุมภาพันธ์ 2538)

• ร็อก (โซน) - (20 เมษายน 2538)

• Rock for Life (23 มกราคม 2542)

• ลงเอย (พี่น้อง ร้องเพลง อัสนี-วสันต์) - (18 มกราคม 2543)

• X-Track 4 เพลงประกอบละครหงส์เหนือมังกร - (เมษายน 2543)

• Seven (30 พฤศจิกายน 2543)

• X-Track 7 เพลงประกอบละครสายลมกับแสงดาว - (กุมภาพันธ์ 2545)

• มาช่า In Drama (10 สิงหาคม พ.ศ. 2547)

• The Guitar Man (กันยายน พ.ศ. 2547)

• Sleepless society by narongvit (15 มีนาคม พ.ศ. 2548)

• สีฟ้า Deep Blue (ตุลาคม พ.ศ. 2549)

ใหม่ เจริญปุระ เกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2512 นักร้องและนักแสดงชาวไทย ที่มีผลงานอัลบั้มชุดแรก ในชุด "ไม้ม้วน" ในปี พ.ศ. 2532 ใหม่ เจริญปุระ เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของนาย สุรินทร์ เจริญปุระ (รุจน์ รณภพ) และนางวินีย์ สนธิกุล มีพี่สาว 3 คน คือ เวณิก เจริญปุระ (ปู) วิภาวี เจริญปุระ (กุ้ง) มีน้องสาวต่างมารดาคือ ทราย เจริญปุระ ใหม่จบไฮสคูลจาก Farringtons School ประเทศอังกฤษ และอยู่ที่ประเทศอังกฤษ กว่า 5 ปี ก็กลับเมืองไทย และเข้าสู่วงการบันเทิง   ปี 2527 "ใหม่ เจริญปุระ" แสดงภาพยนตร์เรื่องแรก โดยเข้าสู่วงการภาพยนตร์จากการชักชวนของ ไพจิตร ศุภวารี จากเรื่อง "ขอแค่คิดถึง" ด้วยวัย 15 ปี ใช้ชื่อในการแสดงว่า "ใหม่ สิริวิมล" ปี 2528 กลายเป็นนางเอกที่มีงานชุก เพราะมีภาพยนตร์ที่เข้าฉายมากกว่า 5 เรื่องภายในปีเดียว ปี 2529 ในภาพยนตร์เรื่อง "ดวงยิหวา" เธอได้รับรางวัลตุ๊กตาทองพระสุรัสวดี สร้างชื่อของเธอให้เป็นที่รู้จัก อย่างกว้างขวางในวงการบันเทิง ปี 2530 มาถึงภาพยนตร์เรื่อง "นางนวล" และ "เรือมนุษย์" ที่เปลี่ยนมาใช้ชื่อ ""ใหม่ เจริญปุระ"" ในวงการบันเทิง ก่อนที่ยุคทองของภาพยนตร์จะปิดตัวลง ในช่วงเวลาที่ได้รับการชักชวนจาก บุษบา ดาวเรือง ให้ไปเซ็นต์สัญญาเป็นศิลปินในสังกัด GMM Grammy นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ปี 2531 ใหม่ประเดิมละคร "คนเริงเมือง" เป็นเรื่องแรก ทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ปี 2532 อัลบั้มแรก "ไม้ม้วน" ในแนวดนตรีป๊อปร็อก เสียงแหบห้าวแต่ทรงพลัง และการถ่ายทอดอารมณ์ และได้รับฉายาว่า "แหบเสน่ห์" จนทำให้เพลงฮิตทั้งอัลบั้มจนต้องถูกถ่ายทำเอ็มวีทุกเพลง ถือเป็นศิลปินหญิงคนแรก และคนเดียวที่มีเอ็มวีของตัวเองทั้งอัลบั้ม ซึ่งยอดขายอัลบั้มแรกของเธอ สูงกว่า 8 แสนตลับในเวลาไม่นาน และในปีเดียวกัน เธอได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม จากนิตยสารสีสัน และครองตำแหน่งนักร้อง ยอดนิยมอันดับ 1 นานถึง 2 เดือนติดต่อกันจากรายการ สตาร์ มิวสิก ปี 2533 ในปีถัดมาอัลบั้ม "ไม้ขีดไฟ" ก็ตามออกมา ด้วยแนวเพลง ที่หนักแน่น และชัดเจน อัลบั้มชุดนี้ฉีกภาพไม้ม้วนไปจนไม่เห็นหลัง ถึงไม่เปรี้ยงปร้างเท่าเดิม แต่ใหม่ก็กลายเป็นศิลปินหญิงที่ได้รับการตอบรับที่ดีใน 2 อัลบั้มติดต่อกัน ซึ่งในชุดที่ 2 มีเพลงดังเช่น เพลง "ควักหัวใจ" "อยากจะร้องไห้" "กลับดึก" และ "ฟังซิฟัง" ถือได้ว่าเพลงฮิตเกือบทั้งอัลบั้ม ยังรักษาระดับเพดานนักร้องหญิงเบอร์หนึ่งไว้ได้ ปี 2534 มีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกที่ชื่อว่า "คอนเสิร์ต ใหม่ ร้อง เต้น เล่นละคร" ณ MBK Hall หรือ เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ในปัจจุบัน ซึ่งนักร้องในยุคนั้นต้องฮอตจริงๆ ถึงจะจัดคอนเสิร์ตที่นี่ได้ ใหม่จึงกลายเป็นศิลปินหญิงคนแรกๆ ที่ออกอัลบั้มเพียง 2 ชุดก็สามารถจัดคอนเสิร์ตใหญ่ที่นี่ได้ นับว่าแฟนเพลงของเธอเหนียวแน่นของจริง ปี 2535 ใหม่กลับมามีผลงานละครอีกครั้ง ในเรื่อง "วังน้ำวน" ต่อมาอัลบั้มชุดที่ 3 ในชื่อ"ความลับสุดขอบฟ้า" ก็ตามติดออกมาอีกเช่นกัน เธอเปิดอัลบั้มนี้ด้วยเพลง "เสียใจได้ยินไหม" มิวสิกวิดีโอที่บินไปถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ ถึงประเทศอียิปต์ และได้เผยแพร่ชื่อเสียง ไปยังต่างประเทศ โดยผ่านทางช่อง MTV ASIA ผลตอบรับต่ออัลบั้มนี้ของเธอ ด้วยยอดขาย 5 แสนตลับในเวลาสิบวัน และทำยอดได้กว่า 2.5 ล้านตลับในเวลาอันรวดเร็ว ถือเป็นนักร้องหญิงที่มียอดขายสูงที่สุด และเป็นนักร้องหญิงไทยคนแรกที่มียอดขายสูงกว่า 2 ล้านตลับ แถมใหม่ยังมีคอนเสิร์ตใหญ่ของตัวเองถึง 2 ครั้ง คือ "คอนเสิร์ต Mai สุดขอบ" และ "คอนเสิร์ต Mai Encore for Thank You" จัดขึ้นที่ MBK Hall ที่เดิม ปี 2536 งานเพลงอัลบั้มที่แล้วยังแรงข้ามปี จนทำใหม่เธอต้องจัดคอนเสิร์ตใหญ่คู่กับ เสาวลักษณ์ ลีละบุตร ซึ่งเป็นคู่ศิลปินหญิงที่แรงทั้งคู่ภายในช่วงนั้น นอกจากนี้ เธอก็ยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในศิลปิน "จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่" ออกอัลบั้มฉลอง 10 ปีแกรมมี่ ทำอัลบั้มพิเศษ "ซน" โดยใหม่นำเพลง "ด้วยรักและผูกพัน" ของ ธงไชย แมคอินไตย์ มา cover ใหม่ ปี 2537 หลังจากหายไป 2 ปีก็กลับมามีอัลบั้ม "ผีเสื้อกับพายุ" เป็นชุดที่ 4 โดยแนวเพลงในอัลบั้มชุดนี้เต็มไปด้วยดนตรีที่เข้มข้น ร้อนแรง ร้อนลึก จัดจ้าน กว่าผลงานทุกชุดที่ผ่านมา อัลบั้มชุดนี้จึงมีแนวทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เสียงของใหม่กลายเป็นนักร้องมืออาชีพไปซะแล้ว ซึ่งมีเพลงดังๆ อาทิ "อ๋อเหรอ" "ขอร้อง" "สัญญา" ฯลฯ โดยปล่อย CD Single เพื่อซาวดน์เช็คก็ดังไปตามระเบียบ ปี 2538 ใหม่มีโอกาสเป็นศิลปินรับเชิญในอัลบั้ม "ขนนกกับดอกไม้" ของ ธงไชย แมคอินไตย์ ร่วมกับศิลปินสาวอีกหลายท่าน และใหม่ก็ได้ร่วมร้องเพลงกับเบิร์ด-ธงไชย โดยหยิบเพลง "ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ" ของ อินคา (วงดนตรี) มาร้องร่วมกัน และใหม่ยังมีอัลบั้มรวมเพลงละคร "จุดนัดฝัน" ตามออกมาด้วย เพื่อคลายความคิดถึงที่แฟนเพลงมีต่อเธอ ปี 2539 ใหม่กลับมาสู่จอแก้วอีกครั้งในละคร "แผ่นดินของเรา" เป็นผลงานละครพีเรียตสุดปราณีต ซึ่งแสดงร่วมกับ ยุรนันท์ ภมรมนตรี, จอนนี่ แอนโฟเน่, ภัสสร บุณยเกียรติ และ จารุณี สุขสวัสดิ์ เป็นการกำกับของ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ก่อนจะมีข่าวภาพหลุดลงหน้าหนังสือพิมพ์ สร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ผ่านช่วงนั้นมาได้อย่างสวยงาม และเข้มแข็ง จากกำลังใจแฟนเพลงที่รักเธออย่างมากมายมหาศาลทั่วฟ้าเมืองไทย ปี 2540 อัลบั้ม "ชีวิตใหม่" ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ 5 ของเธอ ในครั้งนี้เป็นการบอกกับทุกคนว่าเธอไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต ทำให้ใหม่มีอัลบั้มมาให้ทุกคนได้ฟังกัน ครั้งนี้เธอมาพร้อมกับภาพใหม่ สดใส ไม่ร้อนแรงหรือหวือหวาเหมือนภาพเก่า เพลงในอัลบั้มนี้ดูจะเบาลงบ้าง มีเพลงอย่าง "อยากให้รู้ว่ารักเธอ "เรียนรู้" "ถนนสายนี้" "ชีวิตใหม่" และเพลง "ขอ" ที่เธอเป็นคนแต่ง เนื้อร้องเอง ซึ่งถือว่าเป็นอีกอัลบั้มที่มีเมโลดี้ที่ลงตัวและสวยงามที่สุดของเธอก็ว่าได้ ปี 2541 อัลบั้ม "แผลงฤทธิ์" ของเธอได้มีโปรดิวเซอร์ฝีมือดีชาวอิตาเลียน ชื่อ บรูโน บรูญาโน แนวป๊อปร็อกประจำตัวของ "ใหม่" ให้เข้ากับแนว ร็อกแอนด์โรล ยุคทศวรรษที่ 70 มีเพลงดังอย่าง "แพ้ใจ" ที่ทำให้เธอก้าวขึ้นไปคว้ารางวัลพระภิฆเนศทอง พระราชทาน และสีสันอะวอร์ดส ผู้ขับร้องหญิงยอดเยี่ยมกับนักร้องหญิงยอดเยี่ยม และเพลงแรงอย่าง "ผู้หญิงใจร้าย" ส่งให้เธอก้าวขึ้นมายืนในฐานะราชินีป๊อบร็อคของเมืองไทย ความแรงในอัลบั้มที่กระหน่ำมากยิ่งขึ้น ส่งให้ใหม่กลับมาทวงบัลลังค์นักร้องหญิงอันดับหนึ่งอีกครั้ง ปี 2542 ใหม่เปิดตัวอัลบั้มภาพพร้อมเรื่องราวครั้งแรกในชีวิตที่ชื่อ "Mai 's Life" ซึ่งจัดทำขึ้นโดยนิตยสาร Image นอกจากภาพถ่ายแล้วยังรวบรวมประวัติ ความในใจกับเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตพร้อมคำขอบคุณต่อแฟนๆ ที่ติดตามผลงานของเธอมาตลอดสิบกว่าปี ปี 2543 โปรเจคท์พิเศษ "Rock for Life" และ "ลงเอย...พี่น้องร้องเพลง" ก็เป็นอีกผลงานที่เธอทำร่วมกับศิลปินร่วมค่าย เป็นช่วงคั่นเวลาในการทำเพลงชุดต่อไป และเธอยังได้รวมตัวกับเพื่อนศิลปินสาวๆ นักร้องจากค่ายแกรมมี่แกรนด์ ทั้ง 7 คนประกอบด้วย เสาวลักษณ์ ลีละบุตร,หฤทัย ม่วงบุญศรี,มาช่า วัฒนพานิช,นิโคล เทริโอ,นัท มีเรีย และตอง ภัครมัย ออกอัลบั้มพิเศษ "Seven" มีเพลง "ดอกไม้กับแจกัน" ที่ใหม่ร้องเดี่ยว ปี 2544 ใหม่ และเพื่อนศิลปินสาวๆ ทั้ง 7 คนประกอบด้วย เสาวลักษณ์ ลีละบุตร,หฤทัย ม่วงบุญศรี,มาช่า วัฒนพานิช,นิโคล เทริโอ,นัท มีเรีย และตอง ภัครมัย รวมตัวกันขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ที่ชื่อ "Seven Live in Bankok" จัดขึ้นที่ อินดอร์สเตเดียม สนามกีฬาหัวหมาก ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตสุดประทับใจแห่งปี ปี 2545 เธอได้ออกผลงานเพลงชุดที่ 7 "คนเดียวในหัวใจ" เปิดตัวด้วยเพลง"เรื่องของเธอ" เพลงเร็ว หนักด้วยดนตรีร็อกและเพลงช้า "อย่างน้ำค้างตอนเช้า" และยังมีเพลง "ใครสักคน" ที่ถูกนำมาประกอบภาพยนตร์ "Three อารมณ์ อาถรรพ์ อาฆาต" นอกจากนี้ เพลง "คนเดียวในหัวใจ" ก็ยังทำให้ใหม่คว้ารางวัลพระภิฆเนศทอง พระราชทาน อีกครั้งกับรางวัลผู้ขับร้องหญิงยอดเยี่ยม ปี 2546 เธอมีอัลบั้มพิเศษ"พุ่มพวงในดวงใจ" ชุด 1-2 ที่รวบรวมเพลงที่ดีที่สุดของ "พุ่มพวง ดวงจันทร์-ราชินีลูกทุ่ง" มาร้องและเรียบเรียงใหม่ทั้งหมด โดยได้โปรดิวเซอร์ 9 คน มาดูช่วยแลผลงานเพลงชุดนี้ เช่น วรฤทธิ์ เล่ห์วิสุทธิ์, ชนชิต จรรย์สืบศรี, พิเชษฐ์ เครือวัลย์, วุฒิไกร อิ่มเจริญ, อดิศร ปานสมบัติ, สมคิด ประดิษฐ์ฝัน, อภิสิษฏ์ ณ ตะกั่วทุ่ง, บุญฤทธิ์ สุขเสรีทรัพย์ และกรรณศิริ อาญาเมือง แนวดนตรีผสมผสานหลากหลายทั้ง ร็อก ละติน อะคูสติก ฯลฯ ปี 2547 ความฮ็อตของอัลบั้ม "พุ่มพวงในดวงใจ" ส่งผลให้เธอมีชุดต่อมาคือ 3 และ 4 แถมต่อยอดไปถึงคอนเสิร์ตใหญ่ "Mai in Memories Live Concert" จัดแสดงที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งเป็นเวทีที่ใหญ่ที่สุด และใหม่เป็นศิลปินหญิงคนแรกที่ได้ขึ้นโชว์บนเวทีนี้ แถมบนเวทีใหม่ยังแสดงโชว์ได้อย่างมืออาชีพ สมบูรณ์แบบไปกับผลงานเพลงตลอด 15 ปีของเธอ ที่คัดเอาโชว์เด็ดๆ ทั้งเพลงสตริง และลูกทุ่ง เธอขนขึ้นไปโชว์อย่างอลังการงานสร้าง สมศักดิ์ศรีซุปเปอร์สตาร์หญิงของไทยที่นานๆ จะมีคอนเสิร์ตใหญ่สักที ปี 2548 เธอกลับมาร้องเพลงให้ทุกคนได้ฟังกันอีกครั้ง ในอัลบั้มพิเศษ "Then And Now" ซึ่งเอาเพลงเก่าๆ ของตัวเองมา Cover ใหม่ถึง 2 อัลบั้ม ปี 2549 หลังจากห่างหายไปถึง 4 ปี นับจากอัลบั้มเดี่ยวชุดล่าสุด ใน "Always ใหม่เสมอ" ที่ "ใหม่" ทุ่มสุดตัว เพราะเธอได้เข้ามามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการทำงาน และเป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง กับโปรดิวเซอร์ อภิไชย เย็นพูนสุข ซึ่งเคยโปรดิวซ์ให้ตั้งแต่อัลบั้มชุดที่ 1 จนถึงชุดที่ 4 แล้วยังเป็นผู้ดูแลคำร้อง-เนื้อหาของเพลงในอัลบั้มนี้ด้วย ซึ่งงานเพลงชุดนี้ทำให้ใหม่กลับมามีคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้งใน "Mai The Return of Green Concert" ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อีกครั้ง แถมยังเป็นคอนเสิร์ตปลายปีที่ทุบสถิติบัตรขายเกลี้ยงอย่างรวดเร็วเหมือนเดิมในแบบที่ทุกคนรอคอย ปี 2550 เธอรวมตัวกับ เจตริน วรรธนะสิน, คริสติน่า อากีล่าร์ และ โดม ปกรณ์ ลัม ขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ "Dare to Dance Concert" จัดขึ้นที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ปี 2551 กลับมาแสดงภาพยนตร์ ใน "เมมโมรี่ รักหลอน" แสดงคู่กับ อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ในบทที่ยาก ท้าทายอาชีพนักแสดงอย่างเธอ แต่ในที่สุดภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้ใหม่ชนะใจกรรมการ จนคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จาก สตาร์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ อวอร์ด ในขณะเดียวกัน ใหม่ก็กลับมาจับไมค์ออกอัลบั้มอีกครั้ง เป็นการนำบทเพลงของ อัสนี โชติกุล มาขับร้องใหม่ ในชื่อชุด "Mai Sings Asanee" ปี 2552 ในฐานะ Queen of Pop Rock เธอจับมือกับ"คริสติน่า อากีล่าร์" Queen of Dance อีกครั้ง เปิดคอนเสิร์ตใหญ่ในชื่อ "Mai & Tina Beauty on the Beat Concert" จัดขึ้นที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมด้วยอัลบั้มพิเศษ "Mai & Tina Beauty on the Beat" ช่วงปลายปี ซึ่งมีเพลง "Burn" เปิดตัวคู่กับคริสติน่า และเพลงเดี่ยวได้แก่เพลง "ฝุ่น" และ "มีใจก็รักกันได้" ที่ถูกพูดถึงในอัลบั้มนี้ ปี 2553 ใหม่กลับมารับงานภาพยนตร์เรื่อง "ตายโหง" ซึ่งกำกับการแสดงโดย พจน์ อานนท์ ในชื่อตอน "ขึ้นครู" ใหม่แสดงร่วมกับ คชาภา ตันเจริญ และ รัชชานนท์ สุขประกอบ และมีปาร์ตี้คอนเสิร์ตเดี่ยวริมทะเลครั้งแรกของเธอใน "Concert Mai on the Beach" ที่ "Ocian Marina Yacht Club Pattaya" ปี 2554 ใหม่จัดนิทรรศกาลครบรอบ 27 ปีของเธอในชื่อ "Born 2 Love U" ระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคม ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งแสดงรูปถ่ายในงานตั้งแต่วันแรกที่ใหม่เข้าวงการ แถมยังมีแฟชั่นเซทใหม่สุดหวือหวาจัดแสดงในงานด้วย หลังจากนั้นใหม่ก็ปล่อยพ็อคเก็ตบุ๊คเต็มรูปแบบอีกครั้งที่ชื่อเดียวกับงาน "Born 2 Love U" เป็นเรื่องราวแบบเจาะลึกตลอด 27 ปีของเธอ อาธิเรื่องวิกฤติชีวิตทัวร์คอนเสิร์ตในแอลเอ เรื่องราวรักๆ แบบลับๆ และเปิดเผยหมดเปลือก เจาะลึกทุกคำถามที่หลายคนอยากรู้ !!! พร้อมออกผลิตภัณฑ์น้ำดื่มและน้ำแร่ ภายใต้ชื่อของตัวเอง ปี 2555 เธอประเดิมขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ ใน "คอนเสิร์ต Dee & Seefa : The Lyrics of Love" ซึ่งนำบทเพลงจากปลายปากกาของ นิติพงษ์ ห่อนาค และ นิ่ม สีฟ้า มาขับร้อง ร่วมแสดงกับศิลปินมากมาย และอีกคอนเสิร์ตที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากคือ "คอนเสิร์ต I am What I Amp 30 Year of Saowaluck" ของ เสาวลักษณ์ ลีละบุตร ซึ่งใหม่เป็นแขกรับเชิญร่วมกับเพื่อนสาวในอัลบั้ม "Seven" ได้แก่ หฤทัย ม่วงบุญศรี, มาช่า วัฒนพานิช, นิโคล เทริโอ, นัท มีเรีย และภัครมัย โปตระนันท์

อัลบั้มเดี่ยว

• ปี 2532 อัลบั้ม ไม้ม้วน

• ปี 2533 อัลบั้ม ไม้ขีดไฟ

• ปี 2535 อัลบั้ม ความลับสุดขอบฟ้า

• ปี 2537 อัลบั้ม ผีเสื้อกับพายุ

• ปี 2540 อัลบั้ม ชีวิตใหม่

• ปี 2541 อัลบั้ม แผลงฤทธิ์

• ปี 2545 อัลบั้ม คนเดียวในหัวใจ

• ปี 2549 อัลบั้ม Always ใหม่เสมอ

อัลบั้มพิเศษ

• ปี 2544 อัลบั้ม Mai Special

• ปี 2546 อัลบั้ม Mai Blue, Mai

• ปี 2546 อัลบั้ม พุ่มพวงในดวงใจ ชุด 1-2

• ปี 2547 อัลบั้ม พุ่มพวงในดวงใจ ชุด 3-4

• ปี 2548 อัลบั้ม Then & Now Vol.1-2

• ปี 2551 อัลบั้ม Mai sings Asanee

อัลบั้มที่ออกร่วมกับศิลปินคนอื่นๆ

• ปี 2536 อัลบั้ม รวมเพลงละคร "ตะกายดาว"

• ปี 2536 อัลบั้ม งาน "ซน" คนดนตรี นานที 10 ปีหน

• ปี 2538 อัลบั้ม ขนนกกับดอกไม้

• ปี 2538 อัลบั้ม รวมเพลงละคร "จุดรวมฝัน"

• ปี 2538 อัลบั้ม Rock Zone Vol.1-2

• ปี 2539 อัลบั้ม รวมเพลงละคร "มงกุฎดอกส้ม"

• ปี 2542 อัลบั้ม X-Change

• ปี 2542 อัลบั้ม The Spesial 4

• ปี 2543 อัลบั้ม Rock For Life

• ปี 2543 อัลบั้ม "ลงเอย" พี่น้องร้องเพลง อัสนี-วสันต์

• ปี 2543 อัลบั้ม Seven Vol.1-2

• ปี 2551 อัลบั้ม Sleepless Society Vol.3 By Narongwit "One Night Stand"

• ปี 2552 อัลบั้ม Mai & Tina Beauty On The Beat

• ปี 2552 อัลบั้ม รวมเพลงละคร "น้ำตาลไหม้"

• ปี 2554 อัลบั้ม Forever Love Song Vol.1-2

มิ้นท์ อรรถวดี จิรมณีกุล นักร้องสาว เสียงดี สวย รวยทรัพย์ การศึกษาดี

มิ้นท์ เกิดเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2525 มิ้นท์ไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ยังเด็ก ที่สวิส ต่อด้วยอังกฤษ พูดได้ถึง 5 ภาษา ไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาเลียน และ สเปน ความสามารถทางด้านดนตรี นอกจากการเรียนร้องเพลงแล้ว เธอยังสามารถเล่นเปียโน และ เป่าฟลุทได้ดีทีเดียว

นักร้องไทยที่เธอชื่นชอบ คือ แอม เสาวลักษณ์ ลีละบุตร ส่วนนักร้องสากลที่เธอชื่นชอบ คือ Gloria Estefan ,Mariah Carey และ Whitney Houston ด้วย เพลงที่แจ้งเกิดมิ้นท์ก็คือ รักเธอที่สุด ในอัลบั้มแรกของเธอนั่นเอง ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย

ผลงานเพลง

อัลบั้ม Mint (2544) สังกัด เมกเกอร์เฮด , อัลบั้ม Special One (2544) สังกัด เมกเกอร์เฮด , อัลบั้ม รางวัลที่ยิ่งใหญ่ สังกัด เมกเกอร์เฮด (2545) , อัลบั้ม Mint Closer สังกัด โซนี่ บีเอ็มจี มิวสิค (2549) , อัลบั้ม Girl Talk (2552) สังกัด โซนี่ มิวสิค

มัม ลาโคนิคส์ (Mum and Laconics) เป็นนักร้องสาวประเภทสอง ที่มีชื่อเสียงจากการร้องเพลงประจำตามโรงแรมชั้นหนึ่งในกรุงเทพ มีวงดนตรีแบคอัพชื่อวง "ลาโคนิคส์" มัมมีเอกลักษณ์เฉพาะคือ สวมสูทเรียบร้อย แต่แต่งหน้าเป็นหญิง

มัม เกิดวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2501 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นคนกลางจากจำนวนพี่น้องสามคน คุณพ่อและคุณแม่เป็นนักร้องนักดนตรีอาชีพ ตอนเรียนชั้นประถมเคยเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปร้องเพลงออกรายการทางโทรทัศน์ จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนอำนวยศิลป์ และครุศาสตร์บัณฑิต เอกภาษาอังกฤษ โทภาษาไทย จากวิทยาลัยครูจันทรเกษม(มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ในปัจจุบัน)

เริ่มร้องเพลงกับเพื่อนหญิงคนหนึ่งโดยเล่นแนวโฟล์กซองใช้ชื่อวงว่า "Abnormal" เล่นประจำที่ ฟรีเวย์ เอเชียไอค์ ศาลาไอศกรีม ดรายฟลาย สยามสแควร์ เพื่อนหญิงของมัมทำหน้าที่เล่นกีต้าร์ ส่วนมัมทำหน้าที่ร้องนำ ซึ่งชื่อมัมตั้งโดยเพื่อนหญิงคนนั้นซึ่งเป็นทอม ส่วนชื่อวงต้องการสื่อถึงความแอ๊บของทั้งสองคน

ต่อมา เพื่อนนักดนตรีอีกสองคนซึ่งเล่นประจำที่ ไฮไลท์ และ บิสกิต คาเฟ่ ได้ชวนมัมทำวง "ลาโคนิคส์" โดยเล่นประจำที่ Ocean Club และ Your Place Entertainment Complex จนกระทั่ง วิโรจน์ ควันธรรม ดีเจแห่งไนท์สปอต ได้ผลักดันและประสานงานให้ลาโคนิคส์ออกเทปกับสังกัดไนท์สปอตเป็นผลสำเร็จ

สมาชิกของลาโคนิคส์ในช่วงปี 2527-2529 คือ มัม (ร้องนำ), วิชัย ไตรวินิจศรีสุข (กีต้าร์), วิจัย รัศมีจันทร์ (กีต้าร์), บุญเรือง ฤกษ์พัฒนกิจ (เบส), สุวุฑฒ์ แสงระยับ (คีย์บอร์ด), นพพร อิ่มทรัพย์ (กลอง) และ สมบัติ พรหมมา โดยได้รับอิทธิพลจากวง Culture Club ของประเทศอังกฤษซึ่งนำโดย Boy George ที่มีตัวตนเป็น "หนุ่มสวย"

ผลงานในยุคร้องนำวงลาโคนิคส์

มัม และลาโคนิคส์ มีผลงานบันทึกแผ่นเสียงกับ ไนท์สปอต 2 ชุด ในปี พ.ศ. 2528 และ พ.ศ. 2529 คือ ขอเพียง.....เข้าใจ และ เหนื่อย หรือยัง

ขอเพียง..เข้าใจ

o วันที่มาไม่ถึง

o สุข...สุดหัวใจ

o วณิพก • เหนื่อยหรือยัง (Weary)

o เหนื่อยหรือยัง

o อยากจะเป็นคนว้าเหว่ ?

o ฝันไปก่อน

o เอาไว้ไม่อยู่

o ขอเดินด้วยคน

o มีแต่เสียงเพลง

งานชุด "ขอเพียงเข้าใจ" และ "เหนื่อยรึยัง" ทำการบันทึกเสียงที่ประเทศอังกฤษทั้งสองชุด ชุดแรกอัดที่ Woodbine Streets Studios, Leamington Spa ชุดที่สองอัดที่ Village Recorders, Dagenham ทั้งสองชุดโปรดิวซ์โดย Simon Tittley ใช้นักดนตรีมือปืนรับจ้างประจำสตูดิโอเป็นผู้เล่น วงลาโคนิคส์ไม่ได้มีส่วนร่วมในการไปบันทึกเสียงเพียงแต่ร่วมเล่นตอนออกแสดงสดเท่านั้น โดยมี นุภาพ สวันตรัจฉ์ และ อัสนี โชติกุล แต่งเพลงในชุด ขอเพียงเข้าใจ (ยกเว้นเพลง วณิพก เป็นของ ยืนยง โอภากุล) ส่วนชุด เหนื่อยรึยัง เป็นงานของ ประชา พงศ์สุพัฒน์ (ผู้แต่งเพลงจำนวนมากให้กับ เอ็กซ์ วาย แซด) คุณภาพงานของทั้งสองชุดอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ดนตรีอยู่ในเทรนด์ของนิวมิวสิกซึ่งเข้มข้นไปด้วยเสียงซินธีไซเซอร์และดรัมแมชชีน ซาวนด์ออกจะใหม่และไม่เป็นที่คุ้นหูกับแมสคนไทยขณะนั้น ยกเว้นผู้ที่ฟังเพลงสากลเป็นประจำอยู่แล้ว

ผลงานเดี่ยว

หลังจากได้ออกอัลบั้มร่วมกับวงลาโคนิคส์ และทางค่ายไนท์สปอตต้องหยุดดำเนินธุรกิจด้านเสียงเพลง มัมได้ออกงานเดี่ยวในเวลาต่อมาเป็นงานคัฟเวอร์เสียส่วนใหญ่ แต่มาดังอีกครั้งตอนที่ได้ร้องเพลง "เติมใจให้กัน" ซึ่งเป็นเพลงนำจากภาพยนตร์เรื่อง "พริกขี้หนูกับหมูแฮม" เมื่อปีพ.ศ. 2532 และในปี พ.ศ. 2549 ได้เป็นหนึ่งในกลุ่มศิลปินเรโทร ออกอัลบั้ม "Be My Guest" จำนวน 4 ชุด และเมื่อวันที่ 21-22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ที่ CENTERPOINT PLAYHOUSE @ Central World ชั้น 8 มัมได้แสดงคอนเสิร์ตของตัวเองในชื่อ "MUM SHOW MAN COMEDY CONCERT" อีกด้วย