สายน้ำคือแหล่งพักพิง และวิถีชีวิตของคนไทยมาช้านานดึกดำบรรพ์แล้ว คนไทอพยพหนีตายมาเรื่อยๆ เพื่อมาตั้งรกรากกันอยู่ใกล้บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ที่สุดในภูมิภาคเอเซียอาคเณย์
เมื่อแรกเริ่มน้ำเริ่มไหลหลากมา คนไทยจึงต้อนรับสายน้ำกันอย่างอบอุ่น ลูกเล็กเด็กดำ(แดง) ดีใจ พากันลิงโลด กระโดดเล่นน้ำกัน บ้างก็นำเรือมาพายเล่นกัน เป็นที่สนุกสนาน
จึงร้องเพลงนี้กัน
เพลง สายชล ศิลปิน จันทนีย์ อูนากูล
เหม่อมองดูสายน้ำวน
เหม่อมองสายชลที่ไหลริน
เหม่อมองดูนกผกผินบินลับไป
ยามเหงาเราถอนใจ
บินไปไม่กลับมา
เปล่าเปลี่ยวจริงหนอหัวใจ
อยากจะรักใครเศร้าใจทุกครา
หมดแรงกำลังอ่อนล้า
และหลงทางเจ็บนั้นยังเจ็บไม่จาง
อ้างว้างดังสายชล
อดีตช่างงามล้ำล้น
มิเคยลืมภาพเราสองคน
มิเคยลืมยังหลอกลวงตน
มิเคยลืม
ว่าเคยรักเธอสายชล
หลั่งรินไหลวนมาพานพบเจอ
เหตุการณ์ผ่านไปยังเพ้อพะวงทุกวัน
อกเอ๋ยขมขื่นตื้นตันจากกันหรือฝันไป
มิเคยลืม
ว่าเคยรักเธอสายชล
หลั่งรินไหลวนมาพานพบเจอ
เหตุการณ์ผ่านไปยังเพ้อพะวงทุกวัน
อกเอ๋ยขมขื่นตื้นตันจากกันหรือฝันไป
เพลง น้ำเอย น้ำใจ
ศิลปิน อัสนี วสันต์ โชติกุล
ไม่มีใคร คนใด
หัว ใจดวงใด ไม่มีความหมาย
ต่างมุ่งหมาย ตามสาย ทางเดิน
คนเอ๋ย คนเอ๋ย คน
ต่างก็รู้ อยู่
ใจของใครก็ รู้รู้ใจ
ไม่แตกต่างกัน
..จะมีใคร คนใด
หรือ ใจดวงใด
อยากพ่ายอยากแพ้
ใครอยากอ่อนแอ เรื่องราว
ใครต่างคนต่างใคร
ก็ต่าง มุ่งหมาย มั่น
คนเหมือนกันแหละหนา ฟ้าดิน
ดิ้นรนหา ความ
ของ ใคร ให้มา
เหมือน การ พึ่ง พา
ภาษา ความ เข้าใจ
(น้ำ เอย น้ำ ใจ)
(ของ ใคร ให้มา)
(เหมือน การ พึ่ง พา)
(ภาษา ความ เข้าใจ)
..มันก็เป็น เช่นนั้น
นะเออ ฉันเธอต่างมุ่งต่างสาย
สิ่งที่วายร้าย มุ่งหมาย ว่าดี
เพียงแค่ความเข้าใจ
ก็แบ่งกันไว้มั่ง
เป็นเช่นดังของขวัญให้กัน
โลกอันโสภา
ก็ใช่ ว่าใคร ไม่มี จิตใจ
ก็ใช่ ว่าใคร อยากไร้ คุณค่า
ก็ใช่ ว่าใคร อยากเสียน้ำตา
นะ เอย
..น้ำ เอย น้ำ ใจ
ของ ใคร ให้มา
เหมือน การ พึ่ง พา
ภาษา ความ เข้าใจ
(น้ำ เอย น้ำ ใจ)
(ของ ใคร ให้มา)
(เหมือน การ พึ่ง พา)
(ภาษา ความ เข้าใจ)
..(น้ำ เอย น้ำ ใจ)
(ของ ใคร ให้มา)
(เหมือน การ พึ่ง พา)
(ภาษา ความ เข้าใจ)...
เพลง มหันตภัย
ศิลปิน แก้ม The Star
ไม่รู้เมื่อไร ไม่รู้เมื่อไรที่ชีวิตฉันจะดีสักที
ไม่ต้องเงียบเหงาอย่างนี้
ไม่รู้เมื่อไร ไม่รู้ว่ามรสุมนี้มันจะผ่านพ้นไปเสียที
เจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน
ไม่โทษใคร ไม่ได้โทษฟ้าดิน
ที่ฉันเดียวดายอ้างว้าง โทษตัวเอง ต้องโทษตัวเอง
ที่ทําผิดจนต้องทําให้เธอจากไปครั้งนี้
จะมีชีวิตยังไง เมื่อไม่มีใครตรงนี้สักคน
จะเดินไปยังไง อยู่ไปยังไง เมื่อไม่มีเธอ
นี่คือการเดินทางสู่อันตราย สู่มหันตภัยเลวร้าย
ฉันจะมีชีวิตต่อไปยังไง ฉันจะมีชีวิตนี้ไปเพื่อใคร
ไม่รู้เมื่อไร ไม่รู้เมื่อไรที่ฉันจะลุกขึ้นได้สักที
มันเหมือนคนใจสลาย
ไม่รู้เมื่อไร ไม่รู้ว่านานแค่ไหนนํ้าตาฉันมันจะแห้งหายไป
โดดเดี่ยวเดียวดายเหลือเกิน
อยากให้รู้ อยากให้รู้เหลือเกิน ว่าฉันเสียใจแค่ไหน
โทษตัวเองต้องโทษตัวเอง
ที่ทําผิดจนต้องทําให้เธอจากไปครั้งนี้
จะมีชีวิตยังไง เมื่อไม่มีใครตรงนี้สักคน
จะเดินไปยังไง อยู่ไปยังไง เมื่อไม่มีเธอ
นี่คือการเดินทางสู่อันตราย สู่มหันตภัยเลวร้าย
ฉันจะมีชีวิตต่อไปยังไง ฉันจะมีชีวิตนี้ไปเพื่อใคร
ฉันจะมีลมหายใจ...หายใจไปทําไม
ผู้เขียนเองคงได้แต่ให้กำลังใจผู้ที่กำลังทำงานขะมักเขม่น เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ประสบชะตากรรมทุกข์ยาก ขอให้กำลังใจทหาร พลเรือน กลุ่มจิตอาสาทั้งหลาย จนท.มูลนิธิ อาสาสมัครต่างๆ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง รวมถึงให้กำลังใจแก่ประชาชนร่วมชาติ ที่กำลังเผชิญมหันตภัยร้านแรงของประเทศ เราจะต้องฝ่าฟันมหันตภัยครั้งใหญ่นี้ไปให้ได้ และพร้อมๆ กันด้วยความรัก ความเสียสละ และสามัคคีต่อกัน เราจะไม่โทษฝ่ายนั้นฝ่ายนี้อีกแล้ว เพราะธรรมชาติกำลังให้บทเรียนแก่ชาวไทยในครั้งนี้ร่วมกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น