วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ผีหลอกคน หรือ คนนั่นแหละที่ชอบหลอกผี

เรื่องของผีๆ ที่คนชอบยุ่ง


ผีหลอกคน หรือ คนนั่นแหละที่ชอบหลอกผี


ขอออกตัวก่อนว่าผู้เขียนเอง ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญการดูหนังผี หรือเป็นคอหนังผีอะไร และก็ไม่ใช่หนังในหมวดที่ผู้เขียนเองชื่นชอบดูนัก แต่ถึงกระนั้นก็มีประสบการณ์ผ่านการดูหนังผีมาเยอะพอสมควร อันเนื่องมาจากเป็นภาพยนตร์ในหมวดยอดนิยม และมีปริมาณหนังที่ผ่านตามามากมายจริงๆ แม้ว่าตัวผู้เขียนจะเลือกดูเป็นบางเรื่องที่โด่งดังจริงๆ แล้วนั้น จึงไม่จัดว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้หนังผีก็แล้วกัน แต่ที่ถือวิสาสะมาเขียนบทความชิ้นนี้ เพราะเหตุว่าระยะหลังได้มีโอกาสซื้อหาหนังผีมาดูหลายเรื่องโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่ได้สังเกตว่ามันเป็นหนังผี หรือไม่ได้ซื้อเพราะว่ามันเป็นหนังผี แต่ชอบพล็อตของเรื่องหรือประเด็นที่หนังต้องการสื่อ ซึ่งมีมุมมองในแบบดราม่าเสียด้วยซ้ำ ผีเป็นเพียงพาหะหรือตัวเชื่อม ศูนย์กลางของเรื่องที่นำพาเราเข้าไปสู่ประเด็นของหนังที่ต้องการจะสื่อแค่นั้นเอง บางเรื่องผีเป็นตัวเล่าเรื่องให้เราดูติดตามไป ส่วนความน่าสะพรึงกลัวเป็นเพียงบรรยากาศของเรื่อง เอ็ฟเฟ็คท์ ส่วนประกอบของหนัง หรือองค์ประกอบที่จำเป็นต้องมีในหนังประเภทนี้เท่านั้น ที่สำคัญมันมีประเด็นในหนังที่ซ่อนอยู่ และผู้เขียนคิดว่ามีมุมมองที่น่าสนใจ น่าจะเอามานำเสนอเท่าที่อยากจะถ่ายทอดดังนี้

จำไม่ได้แล้วว่าหนังผีเรื่องแรกที่ผู้เขียนเคยดู ได้รับชมเป็นเรื่องแรกในชีวิตเป็นเรื่องอะไร โดยเฉพาะหนังผีต่างประเทศ แต่ถ้าเป็นหนังผีไทยก็น่าจะเป็นเรื่องแม่นาคพระโขนง จัดอยู่ในกลุ่มแรกๆ ที่ผู้เขียนได้รับชม แล้วยังมีประเภทละครทีวีก็น่าจะเป็นพวกปอบผีฟ้า ห้องหุ่น และก็ผีกระสือ แต่ละเรื่องน่ากลัวในระดับที่บางวันภาพติดตาจนนอนไม่ค่อยหลับก็มี อะไรทำนองนี้ และเมื่อสมัยก่อนจะมีรายการหนังผีตอนช่วงดึกคือหลังเที่ยงคืน ชื่อรายการช็อกซีนีม่า ที่จะนำเอาหนังผีต่างประเทศมาฉาย ถ้าจำไม่ผิดรายการนี้อยู่ทางช่อง 7 นี่แหละ ซึ่งผู้เขียนเองไม่ค่อยได้ดูหรอก ยกเว้นมีเหตุให้ต้องนอนดึกก็อาจนั่งดูเป็นเพื่อนพี่ชายไปด้วยโดยไม่รู้ตัว


หนังผีในยุคแรกๆ ที่เข้ามาฉายในโรงภาพยนตร์บ้านเราที่ผู้เขียนจำได้น่าจะเป็นพวกมนุษย์หมาป่า แฟรงเค่นสไตน์ ท่านเคาน์แดร็กคูล่า กล่มนี้จะมีการสร้างออกมาหลายเวอร์ชั่นมาก แต่สร้างออกมาฉายทีไรก็ยังดูสนุกทุกครั้ง ทั้งๆ ที่เนื้อเรื่องและเดาทางของหนังได้หมด แต่ก็ยังดูสนุกอยู่ดี เพราะเทคนิคการถ่ายทำตลอดจนวิธีการนำเสนอ และบรรยากาศของหนังพาไป ถ้าจะนับหนังผีที่ผู้เขียนได้ดูจริงๆ ในโรงภาพยนตร์น่าจะอยู่ในยุค 80’sท้ายๆ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น Bram Stoker’s Dracula , The Lost Boys, A Nightmare on Elm Street (นิ้วเขมือบ) หลายภาค, Fright Night, Ghostbusters, Poltergeist, Betlejuice , Interview with the Vampire, The Addam Family, Evil Dead, The Return of the Living Dead (ผีลืมหลุม), From dust till dawn เป็นต้น ในกลุ่มแรกๆ ที่ดู ยังมีหนังผีขึ้นหิ้งได้รับการยอมรับในวงการภาพยนตร์ว่าขึ้นชั้นคลาสสิคนั่นก็คือ The Exorcist ผู้เขียนก็มีโอกาสได้ดูเมื่อตอนเป็นวีดีโอแล้ว หรือมาฉายทางทีวี ส่วนทางฟากฝั่งเอเชียก็ไม่น้อยหน้า มีหนังผีในยุคแรกๆ ที่ผู้เขียนได้มีโอกาสได้ชมบ่อยก็ตระกูลผีกัดอย่ากัดตอบ ,โปเยโปโลเย เป็นต้น

หนังผีในยุคต่อมาซึ่งผู้เขียนขอเรียกว่าเป็นยุค 2000 ก็แล้วกัน คือกลางเก่ากลางใหม่ พวกนี้จะเริ่มมีพล็อตมีประเด็นของหนังที่น่าสนใจ มีวิธีการนำเสนอแปลกๆ อย่างเช่น ในกลุ่มของ The Six Sense ,The Others ,Resident Evil , UnderWorld ,The Blair Witch Project, The Haunting, Twilight ,Zombieland, Paranormal Activity ,Let the right one in ในฟากฝั่งของเอเชีย ก็จะมีพวก Ju-On, Kairo(Pulse) ,The Ring ,A Tale of 2 sisters ที่เป็นผู้ปลุกกระแสหนังผีเอเซียขึ้นมา

ทางด้านหนังผีไทย ผู้เขียนคิดว่าก็มีวิวัฒนาการมาอย่างน่าสนใจไม่แพ้หนังผีต่างประเทศ ในยุคแรกก็เช่นบ้านผีปอบ สร้างมาสิบกว่าภาค จัดเป็นหนังไทยที่มีจำนวนภาคมากที่สุดก็ว่าได้ นอกจากนี้ก็มีแม่นาคพระโขนง หลายเวอร์ชั่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนังเกรดบี ต่อมาเมื่อคุณนนทรี นิมิบุตรได้นำบทประพันธ์แม่นาคมาปัดฝุ่นและทำการสร้างใหม่ในรูปลักษณ์ อัตลักษณ์และวิธีคิด ตีความใหม่ที่มีการตกผลึกแล้ว เป็นเวอร์ชั่นใหม่ชื่อ นางนาก ได้ปลุกกระแสหนังผีของบ้านเรากลับมาใหม่ หลังจากนั้นเกิดกระแสสร้างหนังผีตามกันออกมามากมาย อาทิ หนังผีในยุคเดียวกันนี้ ได้แก่ ของอ็อกไซด์แปง เช่น The Eye, ปอบหวีดสยอง , 333 กลัว กล้า อาฆาต ,ผีสามบาท ,วิญญาณ อาถรรพ์ อาฆาต ,ขุนกระบี่ ผีระบาด,ผีหัวขาด, เป็นชู้กับผี,ผีคนเป็น,ผีจ้างหนัง,ผีช่องแอร์,รถไฟผี, ผีเลี้ยงลูกคน,ตายโหง ฯลฯ

ผู้กำกับภาพยนตร์ไทยหลายคนในบ้านเราแจ้งเกิดหรือมีผลงานมาสเตอร์พีซจากหนังผีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอุดม อุดมโรจน์  จากคู่แท้ 2โลก หรืออย่างต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค จาก บุปผาราตรี ,กระสือวาเลนไทน์ ,โกยเถอะเกย์ ,คุณต้อมเป็นเอก รัตนเรือง ก็มีนางไม้ ,คุณวิศิษฐ์ ศาสนเที่ยงมี เป็นชู้กับผี

ทีนี้มาถึงเจ้าแห่งหนังผีในยุคปัจจุบันต้องยกให้ GTH ต้นตำรับหนังผีแบบมีพล็อต และมีประเด็น หนังผีที่แจ้งเกิดทั้งตัวผู้กำกับและแจ้งเกิดค่าย GTH ก็คือ เรื่อง ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ ,และต่อมาก็มี body ศพ 19, เด็กหอ, สี่แพร่ง, ห้าแพร่ง, แฝด,โปรแกรมหน้าวิญญาณอาฆาต, และก็ผลงานล่าสุดลัดดาแลนด์ สาเหตุที่ทำให้หนังผีของค่ายนี้ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และรางวัลหรือ ได้ทั้งเงินและกล่องก็คือมีพล็อตเรื่องทีดี มีโครงสร้างที่แข็งแรง ทีมงานเก่ง วิธีการนำเสนอ ถ่ายทำดี มุมกล้อง ภาพสวย ที่สำคัญคือการตลาดและสร้างกระแสให้กับตัวหนังได้เก่ง ใช่ว่าจะมีแต่ gth ที่ทำหนังผีได้ดี ค่ายอื่นๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน อาทิ RS ประสบความสำเร็จจากผีสามบาท แฟนเก่า แฟนใหม่,ผีคนเป็น ค่ายสหมงคลฟิมล์ ก็มีอาทิ หนังยุทธเลิศ กลุ่มเปิ้ลหอย ก็สร้างสาระแนเห็นผี ,ผีจ้างหนัง ค่ายพระนครฟิมล์ ก็มี ศพเด็ก 2002

จึงขอสรุปวิวัฒนาการของหนังผีให้เห็นแบบคร่าวๆ ได้ดังนี้ หนังผีในยุคแรกหรือยุคบุกเบิกนั้น ก็คือย้อนไปสมัย 50-60 ปีก่อนนั้น หนังผียุคนั้นจะออกแนวน่ากลัวจริง ซีเรียสจริงจังมาก เวลาผีปรากฏตัวออกมาก็จะเป็นช่วงไคลแม็กซ์ อารมณ์ร่วมจึงเกิดเยอะ และจะมีอารมณ์เดียวคือน่ากลัว อย่างเช่น The Exorcist , Amen , Bram Stoker's Dracula ,Psycho เป็นต้น

หนังผียุคต่อมาเรียกว่าย้อนหลังไปซัก 20-30 ปีมานี้ แนวทางได้เปลี่ยนไปแบ่งเป็น 2 แนวทาง แนวทางแรก มีมุกแบบอารมณ์ขันแทรกเข้ามาที่ทั้งต้วละครที่เป็นคนหรือแทรกเข้าไปในตัวผีนั่นแหละ บางครั้งนำผีมาเป็นตัวร้ายหรือบางทีก็เป็นตัวตลกก็มี อาทิ The Addam Family, Zombieland , Resident Evil,  Underworld  ,ผีกัดอย่ากัดตอบ, โปเยโปโลเย เป็นต้น


หนังผีในแนวทางที่ 2 เป็นแบบ นำผีมาเป็นตัวแทน เป็นสื่อกลางเพื่อสื่อถึงจิตใจมนุษย์ เป็นเหยื่อของมนุษย์ หรือมีความรักกับมนุษย์ เช่น กลุ่มของ The Six Sense, The Others, The Blair Witch Project ,Twilight ทั้ง 3 ภาค ,เป็นชู้กับผี ,นางนาก เป็นต้น

หนังผีในยุคปัจจุบันมาในรูปแบบของดราม่า หรือไม่ก็เป็นเรียลลิตี้โชว์มากขึ้น เช่น Paranormal Activity , ลัดดาแลนด์ ,The Amityville Horror

บางครั้งเราจึงหวนกลับมาคิดว่าบางทีผีที่อยู่ในหนังไม่น่ากลัวเท่ากับคน ซึ่งเป็นต้นตอสาเหตุที่ทำให้วิญญาณของผีอยู่ไม่สุขก็เป็นไปได้ เช่น ในนางนาก บุปผาราตรี หรืออย่างใน Twilight ตัวละครที่เป็นคน (นางเอก)ในเรื่องก็เป็นสาเหตุให้ผี 2 ตัว คือแวมไพร์กับหมาป่า มาลงชอบหัวปักหัวปำ ถึงขนาดแย่งชิง แล้วใจเธอก็ประดุจนางวันทอง ว่าจะหันไปรักใครดี ถ้าไปชอบฝั่งไหน อีกฝั่งก็จะเป็นทุกข์ ไม่น่าเชื่อว่าผีจะอกหักเป็นด้วย และก็โดนคนหลอกจนได้ เราจึงสรุปได้ว่าผีไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่หรอก คนต่างหากที่น่ากลัว ตราบใดที่คนหรือมนุษย์ยังมีความโลภ โกรธ หลง มีกิเลสไม่สิ้นสุด ผีใดๆ ก็ไม่สู้จิตใจมนุษย์หรอก ยกเว้นมีผีอยู่ประเภทนึงน่ากลัวมาก นั่นคือผีขนุนที่โผล่ออกมาจากพุ่มต้นไม้ เวลากลางคืน ทำเอาตกใจได้เหมือนกัน แต่ก็เห็นใจ ผีขนุนก็มีหัวใจและก็ต้องทำมาหากินเหมือนกับมนุษย์อื่นๆ ทั่วๆ ไป อันนี้ต้องให้อภัย แต่ที่ให้อภัยไม่ได้ก็คือผีพนันและผีนักการเมืองที่กินบ้านกินเมือง และไม่ยอมตายเสียที คือพวกนี้มีลักษณ์คล้ายซอมบี้คือฆ่าไม่ตาย ตายยาก เราจึงได้แต่สาปแช่ง อโหสิกรรมและกรวดน้ำไปให้เท่านั้นเอง


ใบปิด,โปสเตอร์หนังของยุค 80's อันโด่งดัง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น