วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด โศกนาฏกรรมทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ

ด่วน!! เฮลิคอปเตอร์เบลล์ ตกอีกเป็นลำที่ 3 ทหารเสียชีวิต 3 นาย รอด 1

เพชรบุรี - ช็อก!! เฮลิคอปเตอร์เบลล์ 212 ตกอีกเป็นลำที่ 3 ขณะบินไปรับศพนายทหารทั้ง 7 นายที่ประสบอุบัติเหตุแบล็กฮอว์กตกเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่ามีไฟลุกไหม้ที่ตัวเครื่องด้วยก่อนที่จะตก ล่าสุดเบื้องต้นมีรายงานทหารบาดเจ็บ 1 นาย เสียชีวิต 3 นาย เป็นนักบิน และช่างเครื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.35 น. เฮลิคอปนเตอร์รุ่นเบลล์ 212 ได้ตกที่บริเวณหมู่ 7 บ้านหนองเกตุ อำเภอแก่งกระจาน ขณะบินไปรับศพนายทหารทั้ง 7 นายที่ประสบอุบัติเหตุแบล็กฮอว์กตกเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่ามีไฟลุกไหม้ที่ตัวเครื่องด้วยก่อนที่จะตก

ล่าสุดมีเบื้องต้นมีรายงานว่า มีทหารบาดเจ็บ 1 นาย คือ ส.อ.พัฒนพร ต้นจันทร์ เป็นช่างเครื่องสังกัดกองบินปีกหมุน และมีผู้เสียชีวิต 3 นาย ประกอบด้วย พ.ต.ธีรวัฒน์ แก้วกมล นักบินที่ 1 ร.ท.บูรณา หวานใจ นักบินที่ 2 และ จ.ส.อ.วิเชียร จันทร์พัฒน์ ช่างเครื่อง ทั้งนี้ บนเครื่องมีทหารทั้งหมด 4 นาย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน กล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวได้บินขึ้นเพื่อตรวจสอบสภาพอากาศ จากนั้นขาดการติดต่อเป็นเวลานานกว่า 10 นาที จึงมีรายงานว่าเฮลิคอปเตอร์ประสบอุบัติเหตุตกในพื้นที่ป่า โดยจุดที่เฮลิคอปเตอร์ตกอยู่ห่างจากค่ายฝึกการรบพิเศษแก่งกระจานราว 5 กิโลเมตร

ล่าสุด พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ระบุถึงสาเหตุที่ทำให้เครื่องตกว่า เกิดจากการสูญเสียการบังคับ และอาจจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบเหตุอุบัติเหตุที่เครื่องตก

ส่วนความคืบหน้าของการลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์แบบแบล็กฮอว์กตกก่อนหน้านี้ ได้เพิ่มเติมอีก 3 ราย มายังค่ายฝึกการรบพิเศษแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ทำให้ในขณะนี้ยังเหลือร่างผู้เสียชีวิตอีก 4 คน ซึ่งคาดว่าน่าจะถูกลำเลียงมาทั้งหมดภายในวันนี้ ขั้นตอนต่อไปเจ้าหน้าที่จะนำร่างผู้เสียชีวิตที่ถูกลำเลียงมาเข้าสู่ขั้นตอนของการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลต่อไป

ทั้งนี้ เฮลิคอปเตอร์รุ่นเบลล์ได้ตกซ้ำอีกเป็นลำที่ 3 แล้ว โดยก่อนหน้านี้เฮลิคอปเตอร์รุ่นฮิวอี้ได้ตกเมื่อวันที่ 16 ก.ค. มีนายทหารเสียชีวิต 5 นาย หลังจากนั้นอีก 3 วัน เฮลิคอปเตอร์รุ่นแบล็กฮอว์กได้ตกอีกเป็นลำที่ 2 เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 9 นาย

รถไฟความเร็วสูง D3115 “หางโจว-เวินโจว” ตกราง ดิ่งลงสะพาน

ASTVผู้จัดการ/ซินหัว - รถไฟความเร็วสูงของจีนขบวน D3115 สายหางโจว-เวินโจว ตกราง โบกี้บางส่วนร่วงจากรางที่วางอยู่บนสะพานสูง 20-30 เมตร เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก สื่อจีนคาดอาจมีผู้เสียชีวิต


วันนี้ (23 ก.ค.) เวลา 20.34น. ตามเวลาในประเทศจีน เกิดอุบัติเหตุรถไฟความเร็วสูงของจีนขบวน D3115 ที่วิ่งจากเมืองหางโจวไปยังเมืองเวินโจว มณฑลเจ้อเจียงตกราง ทำให้โบกี้บางส่วนร่วงลงจากรางที่วางอยู่บนสะพานที่มีความสูงจากพื้นดินประมาณ 20-30 เมตร ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

สื่อจีนรายงานว่า รถไฟความเร็วสูงขบวน D3115 ซึ่งสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยวิ่งจากต้นทางเมืองหางโจวไปยังปลายทางเมืองเวินโจวเป็นระยะทางประมาณ 740 กิโลเมตร ออกเดินทางออกจากชานชลาเมืองหางโจวเมื่อเวลา 16.36น. ที่ผ่านมา และมีกำหนดถึงที่หมายเวลา 21.45น. เมื่อเวลาประมาณ 20.30น. ขณะที่รถไฟขบวนวิ่งผ่านบริเวณซวงอวี่เซี่ยอ้าว ในเขตของเมืองเวินโจวได้เกิดอุบัติเหตุตกรางจนทำให้โบกี้บางส่วนของขบวนรถดังกล่าวตกลงจากรางซึ่งวางอยู่บนสะพานสูงจากพื้นดินราว 20-30 เมตร โดยโบกี้หนึ่งได้กระแทกพื้นดินอย่างรุนแรง ขณะที่อีกโบกี้หนึ่งห้อยต่องแต่งอยู่บนสะพาน

รายงานจากสื่อเวินโจวที่อยู่ในที่เกิดเหตุระบุด้วยว่า ในแต่ละโบกี้ของขบวนรถไฟดังกล่าวบรรจุผู้โดยสารได้ราว 100 คน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยมีบางส่วนอาจถึงขั้นเสียชีวิต

จีนเพิ่งเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา ก่อนเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่ง และล่าสุดเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2554 ได้เปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงสายปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมสายหลักของประเทศจีน ทว่าหลังจากเปิดให้บริการได้ราวสิบวัน เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ก็เกิดเหตุขัดข้องทำให้รถไฟจำนวน 19 ขบวน ที่วิ่งระหว่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ต้องหยุดนิ่งระหว่างทางเป็นเวลากว่า 90 นาที เนื่องจากประสบกับพายุฝนและลมแรง ทำให้ระบบการจ่ายพลังงานของรถไฟมีปัญหา

การเร่งรัดก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจำนวนหลายสายในประเทศจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดการคอร์รัปชั่นอย่างมากในหมู่ข้าราชการและผู้รับเหมา นอกจากนี้การก่อสร้างอย่างเร่งรีบยังทำให้มีผู้ตั้งข้อสงสัยถึงมาตรฐานความปลอดภัยของระบบรถไฟความเร็วสูงในจีนอีกด้วย

ทั่วโลกประณามเหตุโจมตี 2 ครั้งซ้อนในนอร์เวย์ ยอดตายพุ่งเป็นไม่ต่ำกว่า 91 ราย

เอเอฟพี/เอเจนซี่ -อาเร ฟรีกโฮล์ม โฆษกตำรวจนอร์เวย์เผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันในขณะนี้ไม่ต่ำกว่า 84 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 80 คน และตัวเลขอาจเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยกล่าวถึงเหตุกราดยิงค่ายเยาวชนบนเกาะอูโทยา

ก่อนหน้านี้ ตำรวจยืนยันว่ามีผู้ถูกสังหาร 7 รายในเหตุระเบิดรุนแรงกลางกรุงออสโล ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักนายกรัฐมนตรีเยนส์ สโตลเทนเบิร์กของนอร์เวย์ และอาคารรัฐบาลหลายแห่ง โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 9 ราย

สำหรับมือปืน วัย 32 ปี ผู้ก่อเหตุกราดยิงที่ประชุมค่ายเยาวชนของพรรคเลเบอร์ บนเกาะอูโทยา ชานกรุงออสโลนั้น ถูกจับกุมตัวแล้ว โดยสถานีโทรทัศน์ทีวี 2 รายงานว่า เขาคือแอนเดอร์ส เบห์ริง ไบรวิก ชาวนอร์เวย์ ซึ่งมีส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มขวาจัด และครอบครองอาวุธ 2 ชิ้น ซึ่งจดทะเบียนเป็นชื่อของเขาเอง

ในฐานะที่นอร์เวย์มีส่วนร่วมกับปฏิบัติการทั้งในอัฟกานิสถาน และลิเบีย แอนเดอร์ส ฟอกห์ ราสมุสเซน ผู้บัญชาการของนาโตจึงกล่าวว่า ชาติพันธมิตรจะรวมกันเป็นหนึ่งเพื่อต่อต้านการกระทำอันรุนแรงโหดเหี้ยมในนอร์เวย์

ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้หลายประเทศทั่วโลกเพิ่มความร่วมมือกันด้านข่าวกรอง เพื่อต่อต้านการก่อการร้าย และป้องกันไม่ให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอีก   ด้านบันคีมุน เลขาธิการสหประชาชาติแสดงความตกใจ และประณามเหตุรุนแรง พร้อมส่งความเห็นอกเห็นใจไปถึงประชาชนชาวนอร์เวย์สำหรับช่วงเวลาอันเลวร้ายนี้ เฮอร์แมน แวน รอมปาย ประธานสหภาพยุโรป ซึ่งรู้สึกตกใจอย่างมาก ก็ได้ประณามเหตุรุนแรงครั้งนี้เช่นกัน โดยว่าเป็นการกระทำที่ขี้ขลาด และไร้เหตุผล พร้อมกันนี้ เขาได้ส่งข้อความแสดงความเสียใจ และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของ 27 ประเทศสมาชิกอียูไปยังนายกฯ สโตลเทนเบิร์กแล้ว   ส่วนโฮเซ มานูเอล บาร์รอสโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปก็รู้สึกตกใจกับภาพน่าสยดสยองของเหตุระเบิดบริเวณอาคารสำนักงานรัฐบาลในกรุงออสโลไม่ต่างกัน โดยว่าเป็นเรื่องไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในนอร์เวย์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีถึงความสงบสุข  ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลประเทศในละแวกบ้านใกล้เรือนเคียงของนอร์เวย์ ไม่ว่าจะเป็นสวีเดน อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี หรือแม้แต่แคนาดา นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และจีน ต่างก็แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์รุนแรงไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน


เอเอฟพี/เอเจนซี - นายกรัฐมนตรีเยนส์ สโตลเทนเบิร์กของนอร์เวย์ประกาศให้เหตุโจมตี 2 ระลอก ทั้งกราดยิง และระเบิด ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไม่ต่ำกว่า 91 ราย เป็นโศกนาฏกรรมระดับชาติ และได้เปลี่ยนสวรรค์ของคนหนุ่มสาวให้กลายเป็นนรก

ผู้นำนอร์เวย์กล่าวว่า "หลายคนที่สูญเสียชีวิตเป็นคนที่ผมก็รู้จัก ผมรู้จักเด็กๆ เหล่านั้น และผมก็รู้จักพ่อแม่ของพวกเขา"
"และสิ่งที่ร้ายกว่านั้นคือสถานที่แห่งนี้ ที่ซึ่งผมไปอยู่ทุกๆ หน้าร้อนตั้งแต่ปี 1979 และที่ที่ผมเจอแต่ความสนุกสนาน ความไว้วางใจ และปลอดภัย กลับถูกโจมตีด้วยความรุนแรงป่าเถือน สวรรค์ของเยาวชนเปลี่ยนไปกลายเป็นนรก" เขากล่าว
นอกจากนี้ เขายังประกาศว่า เหตุโจมตีที่เกิดขึ้นบนเกาะอูโทยา สถานที่พักผ่อน และตั้งแคมป์ประจำปีของเยาวชนพรรคเลเบอร์ เป็นโศกนาฏกรรมร้ายแรงระดับชาติ โดยที่นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา นอร์เวย์ไม่เคยเผชิญเหตุอาชญากรรมร้ายแรงเช่นนี้  สโตลเทนเบิร์กระบุว่า เขาไม่อยากคาดคิดถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุโจมตีหลายระลอก ที่เกิดขึ้นในนอร์เวย์ แต่เสริมว่า เมื่อเทียบกับประเทศอื่นแล้ว เขาไม่อาจพูดได้ว่านอร์เวย์กำลังเผชิญปัญหาใหญ่จากพวกกลุ่มหัวรุนแรงขวาจัด

อย่างไรก็ตาม ผู้นำนอร์เวย์ชี้ว่า กลุ่มหัวรุนแรงภายในประเทศมีหลายกลุ่ม แต่จากการติดตามกลุ่มเหล่านั้นมาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคาดว่าเป็นฝีมือของกลุ่มขวาจัดบางกลุ่ม ทว่า จำเป็นต้องรอการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับกรณีนี้เสียก่อน
ด้าน คนุต สตอร์เบอร์เกท รัฐมนตรียุติธรรมนอร์เวย์ ซึ่งแถลงข่าวพร้อมนายกรัฐมนตรี ระบุว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีเหตุผลที่จะต้องยกระดับการเตือนภัยก่อการร้ายภายในประเทศ  ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า มีเด็กหนุ่มสาวอย่างน้อย 84 คนเสียชีวิต เช่นเดียวกับพนักงานของทำเนียบรัฐบาลในกรุงออสโล ที่ซึ่งถูกโจมตีด้วยระเบิดจนมีผู้เสียชีวิต 7 รายในวันศุกร์ (22) ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น   ยิ่งไปกว่านั้น ตำรวจยังระบุว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวนอร์เวย์ อายุ 32 ปี ขณะที่สื่อท้องถิ่นเผยว่าเขาชื่อ แอนเดอร์ส เบห์ริง ไบรวิก และมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มฝ่ายขวา รวมถึงมีอาวุธ 2 รายการที่จดทะเบียนในชื่อของเขา

เอเอฟพี - เอกสารความยาว 1,500 หน้าซึ่งเขียนโดยชายผู้ต้องสงสัยกราดยิงและวางระเบิดเมืองหลวงของนอร์เวย์บ่งชี้ว่า เขาวางแผนก่อวินาศกรรมมาตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2009  เอกสารออนไลน์ฉบับนี้เป็นทั้งไดอารี, คู่มือทำระเบิด และบทความการเมือง ซึ่ง แอนเดอร์ส เบห์ริง บรีวิก สาธยายความเกลียดชังที่ตนมีต่อศาสนาอิสลาม, ลัทธิมาร์กซิส และความปรารถที่จะเป็นอัศวินเทมพลาร์ (Knight Templar)  เอกสารชุดหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า “ฤดูใบไม้ร่วง 2009 – ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลง” เล่าถึงการที่เขาเปิดธุรกิจทำเหมืองและฟาร์มบังหน้า เพื่อเตรียมก่อเหตุโจมตีในครั้งนี้  “เหตุผลที่ตัดสินใจเช่นนี้ก็เพื่อสร้างฉากบังหน้าที่น่าเชื่อถือ ในกรณีที่ผมถูกจับฐานซื้อและลักลอบนำเข้าระเบิดหรือสารที่ใช้ทำระเบิด เช่น ปุ๋ย” เอกสารระบุ เหตุกราดยิงที่ค่ายเยาวชนพรรคเลเบอร์บนเกาะอูโตยา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 85 คน และก่อนหน้านั้นยังมีผู้เสียชีวิตอีก 7คนจากเหตุคาร์บอมบ์ถล่มอาคารสถานที่ราชการหลายแห่งในกรุงออสโล เมื่อวันศุกร์(22) “ผมจะถูกตราหน้าว่าเป็นเดรัจฉานที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2” ชายผู้เขียนเอกสารระบุ โดยบอกว่าแผนการที่เขาวางไว้เป็น “ปฏิบัติการอันทุกข์ทรมานเพื่อความเชื่อ” (Matyrdom Operation) แม้จะใช้นามแฝงว่า แอนดรูว์ เบอร์วิก ทว่าผู้เขียนก็ยังอธิบายที่มาของชื่อ แอนเดอร์ส เบห์ริง บรีวิก ซึ่งเป็นชื่อจริงของเขาไว้ด้วย  “ชื่อ บรีวิก มีมาตั้งแต่ก่อนยุคไวกิ้ง เบห์ริง มาจากคำว่า เบห์ร ซึ่งเป็นชื่อภาษาเยอรมนิกที่ใช้กันตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ส่วน แอนเดอร์ส (แอนเดรียส) เป็นภาษาสแกนดิเนเวียน เทียบได้กับ แอนดรูว์”   เอกสารชุดนี้ยังกล่าวถึงเพื่อนฝูงของ บรีวิก, พฤติกรรมของพวกเขา, สาวๆที่เคยคบหา, กิจกรรมทางเพศ ตลอดจนเรื่องราวทั่วไปในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่เรื่องที่ บรีวิก ไปดื่มไวน์ราคาแพงก่อนจะลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญในนอร์เวย์ ก็มีบันทึกไว้เช่นกัน  ข้อความในวันเกิดเหตุระบุว่า “นี่คงเป็นบันทึกสุดท้ายที่จะเขียน วันนี้วันที่ 22 กรกฎาคม เวลา 12.51 น. ขอแสดงความนับถือ แอนดรูว์ เบอร์วิก, ผู้บัญชาการอัศวินตุลาการ, อัศวินเทมพลาร์ยุโรป, อัศวินเทมพลาร์นอรเวย์”ทนายของ บรีวิก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของนอร์เวย์วานนี้(23)ว่า บรีวิก ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ
“เขาทราบดีว่ามันโหดร้ายมาก แต่บอกว่าจำเป็นต้องทำ” เกร์ ลิปเปสตัด ทนายของ บรีวิก กล่าว พร้อมระบุว่าลูกความของเขาวางแผนก่อวินาศกรรมครั้งนี้มานานแล้ว

'บึ้มจ่อทำเนียบ-ยิงถล่มค่ายเยาวชน'นอร์เวย์ระส่ำเจอก่อการร้ายหนแรก!!

เอเอฟพี - เหตุระเบิดนองเลือดถล่มอาคารราชการกลางกรุงออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์เมื่อวันศุกร์(22) ส่อเค้าเป็นการโจมตึก่อการร้ายครั้งแรกของประเทศ ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 7 คน บาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย แถมหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุโจมตีค่ายเยาวชนบนเกาะอูโทยา สังเวยอีกอย่างน้อย 10 ศพ ตำรวจคาดมีความเชื่อมโยงกัน
"เรายืนยันว่ามีผู้เสียชีวิต 7 รายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 คน" โฆษกตำรวจบอกกับผู้สื่อข่าวสั้นๆในกรุงออสโล หลังจากก่อนหน้านี้ออกมาระบุว่ามีพยานพบเห็นรถยนต์คันหนึ่งขับอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวด้วยความเร็วสูง แต่ยังไม่อาจยืนยันว่าเหตุระเบิดดังกล่าวมีต้นตอมาจากคอร์บอมบ์หรือไม่  นอร์เวย์ ตกอยู่ในวงล้อมของความโกลาหลยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุมือปืนรายหนึ่งปลอมเป็นตำรวจเปิดฉากยิงเข้าสู่ที่ประชุมค่ายเยาวชนของพรรคเลเบอร์ พรรครัฐบาล บนเกาะอูโทยา ชานกรุงออสโล ซึ่งตำรวจยืนยันภายหลังว่ามีผู้เสียชีวิตมากถึง 10 คน  โฆษกตำรวจระบุ "ข้อมูลที่เราได้รับคือมีผู้เสียชีวิต 10 รายและบาดเจ็บ 7 คน" เขากล่าว "อย่างไรก็ตามนี่ยังไม่ใช่ตัวเลขท้ายที่สุด แต่มันเป็นข้อมูลที่นิ่งที่สุดที่เรามีในตอนนี้"

"มือปืนปลอมเป็นตำรวจได้ลงมือสังหารผู้เข้าค่ายกลุ่มเยาวชน ใกล้กรุงออสโล" หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอ้างคำสัมภาษณ์ของผู้เข้าร่วมประชุม ขณะที่มีรายงานว่านายกรัฐมนตรี เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก มีกำหนดการเข้าร่วมด้วย  ต่อมาสื่อมวลชนนอร์เวย์รายงานเพิ่มเติมว่ามือปืนรายดังกล่าวถูกจับกุมตัวแล้ว และทางตำรวจก็เชื่อว่าเหตุระเบิดในกรุงออสโลและเหตุกราดยิงนี้มีความเชื่อมโยงกัน  ย้อนกลับไปที่เมืองหลวง สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งของนอร์เวย์เผยแพร่ภาพสำนักนายกรัฐมนตรีและอาคารอื่นๆได้รับความเสียหายรุนแรงจากเหตุระเบิด ทางโดยเท้าถูกปกคลุมไปด้วยเศษกระจกกระจัดกระจายและกลุ่มควันลอยพวยพุ่งออกจากพื้นที่   ตำรวจปิดกั้นพื้นที่อันเป็นที่ตั้งของสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลังและ Verdens Gang หนังสือพิมพ์แทบลอยด์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ พรัอมกันนั้นพวกเขาร้องขอให้ประชาชนอยู่แต่ในที่พักอาศัยเพื่อความปลอดภัย
พื้นที่แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงออสโลและปกติแล้วจะพลุกพล่านไปด้วยฝูงชน แต่เคราะห์ดีที่เหตุระเบิดเมื่อวันศุกร์(22) เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผู้คนในเมืองหลวงเดินทางออกไปพักผ่อนตามสถานที่ต่างๆ  สโตลเทนเบิร์ก นายกรัฐมนตรีของนอร์เวย์ ให้สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่ก็ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ที่เลวร้าย
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครอยู่เบื้องหลังการโจมตี แต่สำนักงานข่าวกรองตำรวจนอร์เวย์ระบุเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่ากลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรงคือภัยคุกคามใหญ่หลวงของประเทศ โดยในรายงานของสำนักข่าวกรองระบุว่าแม้มีประชาชนเล็กน้อยในนอร์เวย์ที่สนับสนุนกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง แต่ก็มีความเคลื่อนไหวภายในคนบางกลุ่มที่สุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคง  นอร์เวย์หนึ่งในชาติสมาชิกของนาโตและส่งกำลังทหารเข้าประจำการในอัฟกานิสถาน 500 นาย แต่ประเทศแห่งนี้ก็ไม่เคยประสบเหตุโจมตีก่อการร้ายเลยสักครั้ง อย่างไรก็ตามเมื่อปีที่แล้ว ตำรวจนอร์เวย์ได้จับกุมชาวมุสลิม 3 คน ฐานต้องสงสัยวางแผนโจมตีครั้งใหญ่ภายในประเทศ   ขณะเดียวกันในค่ำวันศุกร์(22) รัฐบาลชาติตะวันตกเรียงแถวกันออกมาประณามเหตุโจมตีสองระลอกในนอร์เวย์ ที่คร่าชีวิตผู้คนรวมกันอย่างน้อย 17 ราย ระบุเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดและปราศจากความเมตตา








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น