วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

นกน้อยที่ชอบบินออกนอกลู่นอกทาง

นกน้อยที่ชอบบินออกนอกลู่นอกทาง

และบางครั้งแอบจิกกินผลส้มจนหมดไร่ด้วย

สื่อมวลชน เคยถูกเปรียบเทียบเป็นนกน้อยในไร่ส้ม มีอิสรภาพอย่างเต็มเปี่ยม มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์และหอมหวล สื่อมวลชน มีหน้าที่อย่างไร ปัจจุบันการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนทั้งในระดับโลก และสื่อมวลชนในประเทศ ต่างถูกตั้งคำถามถึงบทบาทหน้าที่ ที่ควรจะเป็น การทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง เอาความจริงมาเผยแพร่ต่อมวลชน อย่างตรงไปตรงมา การทำหน้าที่เยี่ยงมืออาชีพ ไม่มีผลประโยชน์เคลือบแฝง การทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เป็นไปดังอุดมการณ์ ปณิธานที่สื่อมวลชนที่ดีควรจะเป็น เริ่มมีข้อสงสัย และเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ๆ สำหรับสื่อบางสำนัก ไม่เว้นแม้แต่สื่อในกระแสหลัก สื่อที่เป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ สื่อที่มีเครือข่ายระดับโลก ระดับประเทศ หรือแม้แต่สื่อรายเล็กๆ หรือสื่อท้องถิ่น แต่ไม่ว่าจะเป็นสื่อในระดับใด แต่เป้าหมาย และอุดมการณ์ของสื่อก็เดินไปในระนาบเดียวกัน บนมาตรฐานวิชาชีพของสื่อแบบเดียวกัน หากจะนำไปเปรียบเทียบให้เป็นธรรม อาจนำไปเปรียบเทียบในประเภทของสื่อแบบเดียวกัน ในท้องถิ่น ในสังคมเดียวกัน ก็สามารถจะวัดมาตรฐานการทำงาน และความเป็นกลางได้ไม่ยาก ยังไม่นับรวมถึงจรรยาบรรณของวิชาชีพสื่อที่จะต้องมีเหมือนๆ กัน ไม่แยกแยะว่าเป็นสื่อประเภทใด อยู่ในสังคมแห่งใด เพราะจรรยาบรรณมีมาตรวัดที่ใกล้เคียงกันทั้งโลก เพราะวิชาชีพสื่อก็เป็นศาสตร์สากลที่ศึกษามาจากแม่แบบจากประเทศทางตะวันตกเหมือนๆ กัน จึงนำมาอ้างถึงมาตรฐานทางจริยธรรมที่แตกต่างกันไปในแต่ละสังคมได้ยาก เพราะโลกทุกวันนี้เป็นโลกในแบบโลกาภิวัฒน์แล้ว ข้อเท็จจริงทุกอย่างบนโลกนี้เชื่อมโยงถึงกันได้หมด และอยู่บนพื้นฐานของทุนนิยมหรือสังคมแบบเปิด ไม่ใช่เฉพาะสังคมที่มีระบอบการปกครองเป็นแบบประชาธิปไตยเท่านั้น สังคมนิยมแบบคอมมิวนิสต์ เช่น ประเทศจีน เวียดนาม หากมีลักษณะของสังคมแบบเปิด ก็ย่อมปฏิเสธบทบาทการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนไม่ได้ หนีไม่พ้นวัฒนธรรมการเสพติดข่าวของประชาชนไปได้ ดังนั้น สื่อมวลชนจึงเป็นกลุ่มคน กลุ่มอาชีพ หรือผู้มีบทบาททางสังคมที่สำคัญ เป็นตัวขับเคลื่อนสังคมให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้นได้ ไม่แพ้นักปกครอง นักการเมือง ครู อาจารย์ ปัญญาชน นักกฏหมาย ตำรวจ ทหาร หรืออาชีพหลักๆ สำคัญอื่นๆ เลยแม้แต่น้อย

"สื่อ" ในภาษาไทยกับคำในภาษาอังกฤษ พบว่ามีความหมายตรงกับคำว่า "media" (ในกรณีที่มีความหมายเป็นเอกพจน์จะใช้คำว่า "medium")

คำว่า "สื่อ" ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ได้ให้ ความหมายของคำนี้ไว้ดังนี้ "สื่อ (กริยา) หมายถึง ติดต่อให้ถึงกัน เช่น สื่อความหมาย, ชักนำให้รู้จักกัน สื่อ (นาม) หมายถึง ผู้หรือสิ่งที่ติดต่อให้ถึงกันหรือชักนำให้รู้จักกัน เช่น เขาใช้จดหมายเป็นสื่อติดต่อกัน, เรียกผู้ที่ทำหน้าที่ชักนำใหชายหญิงได้แต่งงานกันว่า พ่อสื่อ หรือ แม่สื่อ; (ศิลปะ) วัสดุต่างๆ ที่นำมาสร้างสรรค์งานศิลปกรรม ให้มีความหมายตามแนวคิด ซึ่งศิลปินประสงค์แสดงออกเช่นนั้น เช่น สื่อผสม"

นักเทคโนโลยีการศึกษาได้มีการนิยามความหมายของคำว่า "สื่อ" ไว้ดังต่อไปนี้

Heinich และคณะ (1996) Heinich เป็นศาสตราจารย์ ภาควิชาเทคโนโลยีระบบการเรียนการสอน ของมหาวิทยาลัยอินเดียน่า (Indiana University) ให้คำจำกัดความคำว่า "media" ไว้ดังนี้ "Media is a channel of communication." ซึ่งสรุปความเป็นภาษาไทยได้ดังนี้ "สื่อ คือช่องทางในการติดต่อสื่อสาร" Heinich และคณะยังได้ขยายความเพิ่มเติมอีกว่า "media มีรากศัพท์มาจากภาษาลาติน มีความหมายว่า ระหว่าง (between) หมายถึง อะไรก็ตามซึ่งทำการบรรทุกหรือนำพาข้อมูลหรือสารสนเทศ สื่อเป็นสิ่งที่อยู่ระหว่างแหล่งกำเนิดสารกับผู้รับสาร"

A. J. Romiszowski (1992) ศาสตราจารย์ทางด้านการออกแบบ การพัฒนา และการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน ของมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ (Syracuse University) ให้คำจำกัดความคำว่า "media" ไว้ดังนี้ "the carriers of messages, from some transmitting source (which may be a human being or an inanimate object) to the receiver of the message (which in our case is the learner)" ซึ่งสรุปความเป็นภาษาไทยได้ดังนี้ "ตัวนำสารจากแหล่งกำเนิดของการสื่อสาร (ซึ่งอาจจะเป็นมนุษย์ หรือวัตถุที่ไม่มีชีวิต ) ไปยังผู้รับสาร (ซึ่งในกรณีของการเรียนการสอนก็คือ ผู้เรียน)"

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า สื่อ หมายถึง สิ่งใดๆ ก็ตามที่เป็นตัวกลางระหว่างแหล่งกำเนิดของสารกับผู้รับสาร เป็นสิ่งที่นำพาสารจากแหล่งกำเนินไปยังผู้รับสาร เพื่อให้เกิดผลใดๆ ตามวัตถุประสงค์ของการสื่อสาร

การสื่อสารมวลชน หมายถึง การส่งผ่านสื่อเพื่อให้ไปถึงมวลชน การสื่อสารมวลชนจะบรรลุเป้าหมายได้ต้องมีผู้ส่งสาร มีสาร มีผู้รับสาร และมีสื่อหรืออุปกรณ์ประเภทต่างๆ ที่ใช้ในการส่งสาร เช่น วิทยุ โทรทัศน์ สิ่งตีพิมพ์ และภาพยนตร์ เป็นต้น

การสื่อสารมวลชน คือ หน่วย (agencies) ในการสื่อด้วยการพิมพ์หรือระบบอิเล็กทรอนิคส์ ซึ่งทำให้การกระจายข่าวสารไปสู่ผู้รับจำนวนมาก ในที่ต่างๆที่ห่างไกลเป็นไปได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบการทำงาน ที่ซับซ้อน

สื่อมวลชน หมายถึง เครื่องมือคมนาคมสื่อสารที่สามารถจะนำเรื่องราวต่างๆ อย่างเดียวกัน ไม่ว่าเรื่อราวนั้นจะเป็นสิงที่เราอาจรับรู้ได้ด้วยการฟัง การเห็นหรือวิธีการสัมผัสอย่างอื่นๆ ไปสู่บุคคลเป็นจำนวนมากโดยบุคคลเหล่านี้ อาจจะแยกกันอยู่ณ แห่งหนตำบลใดก็ได้

สรุปการสื่อสารมวลชน หมายถึง การใช้สื่อมวลชน เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุและ โทรทัศน์ เป็นช่องทางในการนำสาระ เรื่องราวต่างๆ ไปยังคนจำนวนมากหลากหลาย อยู่กระจายห่างไกลกันออกไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเป็นไปในรูปของกระบวนการที่มีการส่งผลย้อนกลับได้ แต่อาจช้าไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด

ตัวอย่างของสื่อมวลชนต่างประเทศที่ไม่ยอมทำหน้าที่ตามบทบาทสำคัญของตนเอง ไม่รักษาสถานภาพความเป็นกลางที่เป็นมาตรวัดที่สำคัญ ไม่มีจริยธรรมที่บ่งบอกถึงคุณค่าความเป็นสื่อ ซึ่งเป็น core business ของตนเองเอาไว้ ในระดับโลกที่ถือเป็นกรณีศึกษาไปแล้วก็คือ case ของสิ่งพิมพ์ News of The World นสพ.ที่เดิมเป็น นสพ.ที่เก่าแก่ที่สุดของอังกฤษ แต่เมื่อผ่านช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้เปลี่ยนมือมาสู่นักธุรกิจ นายทุนในคราบของสื่อมวลชนจอมปลอมอย่าง รูเพิร์ท เมอร์ด็อก ทำให้ภาพลักษณ์ มาตรฐานความน่าเชื่อถือของสื่อนี้ ลดหายลงไป และกลายเป็นจุดจบ อวสานของสื่อเก่าแก่ และทรงอิทธิพลรายนี้ กลายเป็นข่าวดังทั่วโลก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง จากวีรกรรมหรือพฤติกรรมต่างๆ ที่ไร้จริยธรรมที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ส่วนกรณีของสื่อมวลชนในบ้านเรานั้น ท่านผู้อ่านที่ติดตามข่าวสารอยู่เป็นประจำ หรือมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับบทบาท การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในไทย ก็จะทราบว่า สื่อมวลชนไทยจำนวนไม่น้อยก็อยู่ในข่ายเดียวกับ News Corp หรือ News of The World เช่นเดียวกัน (ไม่ขอระบุชื่อหรือเจาะจงลงไป แล้วแต่ทัศนคติของท่านผู้อ่านจะวิเคราะห์เองได้) โดยสื่อมวลชนบ้านเราจะแยกออกเป็นสื่อมวลชนประเภทกระแสหลัก แยกตามประเภทดังนี้ สื่อทีวี,สื่อวิทยุ สื่อหนังสือพิมพ์ สื่ออินเตอร์เน็ต สื่อทีวีดาวเทียม ถ้าเป็นสื่อกระแสหลัก ก็จะเป็นประเภท เช่น ทีวีก็ 3,5,7,9,11,TPBS ถ้าเป็นวิทยุก็จะเป็นวิทยุที่แยกตามค่ายสังกัด เช่น กรมประชาสัมพันธ์ อสมท ยานเกราะ กองทัพบก หน่วยงานรัฐต่างๆ ที่ให้สัมปทานแก่เอกชนไปทำเป็นรายการวิทยุต่างๆ ที่ไม่นับพวกวิทยุชุมชนที่ผิดกฏหมายหรือแอบตั้งเสาออกอากาศเอง ,สื่อหนังสือพิมพ์ก็พวกที่เป็นหัวสีหลักๆ เช่น ไทยรัฐ เดลินิวส์ บ้านเมือง มติชน คมชัดลึก ไทยโพสต์ โพสต์ทูเดย์ กรุงเทพธุรกิจ astvผู้จัดการ ยังแยกเป็น นสพ.หัวต่างประเทศด้วย เช่น บางกอกโพสต์ เนชั่น ซิงเสียนเยอะเป้า และมีแยกเป็นนสพ.ประเภทธุรกิจรายสัปดาห์ ราย 3 วัน หรือนิตยสารรายปักษ์ รายสัปดาห์ด้วย ,สื่ออินเตอร์เน็ตนั้นเป็นอีกช่องทางใหม่ของพวก นสพ.หรือสื่อโทรทัศน์ที่ลงมาทำเป็น channel นึง หรือบทบาทใหม่อย่าง social media หรือ social network ด้วย และที่กำลังมาแรงก็คือสื่อทีวีดาวเทียม ซึ่งตอนนี้มีสื่อมวลชนหลักๆ ในประเทศกระโดดลงมาที่ channel นี้กันเกือบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสำนักข่าวหลักๆ บริษัทบันเทิงหลักๆ เช่น ช่อง 3.5,7,9 กระโดดลงมากันครบ แต่ที่โดดเด่นต้องยกให้สำนักข่าวหลักๆ ทางช่องทีวีดาวเทียม เช่น TNN ของค่ายทรู , New1 ของ Astvผู้จัดการ , Nation tv ของเครือเนชั่น, spring news, voice tv,T-news, moneys channel เป็นต้น ด้านค่ายบันเทิง ก็มีช่องหลักๆ เช่น เครือแกรมมี่ มีช่องหลักๆ เช่น green, bang, acts ,fan tv และเร็วๆ นี้จะมีเพิ่มอีก ของมีเดีย์ส์ออฟมีเดีย มีช่องมีเดีย ,RS ก็มี you และ สบายดี ทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเป็นสื่อมวลชนกระแสหลักทั้งสิ้น นอกนั้นรายเล็กรายน้อยจะเป็นสื่อกระแสรอง ซึ่งต่างก็ทำหน้าที่ของตน แข่งขันกันนำข้อเท็จจริง สาระ บันเทิงมาสู่ประชาชน ซึ่งกลายเป็นธุรกิจสื่อและการเสพติดสื่อไปแล้วในโลกทุนนิยม และบริโภคนิยมนี้

กรณีข่าวครึกโครมที่ทำลายภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือของสือมวลชนไทยก็คืออีเมลล์ลับ ที่ถูกมือดีเข้าไปแฮ็กค์ได้ในโลกไซเบอร์ ซึ่งไม่ทราบต้นตอของผู้ปล่อยข่าวด้วย แต่อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นำมาเปิดเผยให้สื่อมวลชนทราบ เกี่ยวกับข้อความในอีเมลล์ลับที่เป็นบทสนทนาในจดหมายโต้ตอบระหว่างอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 111 คน ผู้ซึ่งทำงานใกล้ชิดอดีตนายกชื่อดังที่อยู่แดนไกล กับ ส.ส.ลูกพรรคมือทำงานใต้ดินให้กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งพูดถึงการสร้างความสัมพันธ์กับสื่อหลักชื่อดังของไทย 5 ราย ให้ช่วยให้ความร่วมมือลงข่าวของพรรคเพื่อไทย โดยมีการพูดถึงตัวเงินค่าวิ่งเต้น น้ำร้อนน้ำชา และชื่อบุคคลซึ่งเป็นระดับ head หรือคอลัมน์นิสต์ชื่อดังไว้ด้วย ซึ่งเป็นบุคคลที่รู้จักกันดีในวงการ ในอีเมลล์ลับ ซึ่งไม่ขอพูดถึงรายละเอียดลงไป เพราะท่านผู้อ่านสามารถไปค้นหา หรือหาอ่านได้เองจากสื่อหรือหน้าข่าวหนังสือพิมพ์หรือเว็บไซต์ย้อนหลังได้เอง แต่พลันที่ข่าวชิ้นนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้ทำลายภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือของสื่อมวลชนทั้ง 5 รายไปเรียบร้อยแล้ว จนสมาพันธ์ หรือสมาคมผู้สื่อข่าวและหนังสือพิมพ์ต้องตั้งคณะกรรมการหาคนที่ทรงคุณวุฒิ มีความน่าเชื่อถือ มาสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่ามีมูลหรือข้อเท็จจริงอย่างไร เพื่อหาต้นตอสาเหตุ และเอาผิดกับสื่อมวลชนคนนั้น ไม่ให้กลายเป็นปลาตัวเดียวตาย ทำให้เน่าตายทั้งคอก ซึ่งจะมีผลสอบออกมาเผยแพร่ในภายหลังให้สาธารณะชนได้รับทราบ แต่ในกรณีนี้เข้าข่าย ไม่มีมูลสุนัขคงไม่อุจจาระเป็นแน่ ถ้ามองในแง่ดี จึงน่าจะถือวิกฤติเป็นโอกาส โดยถือโอกาสสะสางความสะอาดในแวดวงสื่อสารมวลชนไทยเสียที เพราะเป็นที่รับรู้ของประชาชนวงนอกอยู่แล้วว่า มีสื่อที่รับเงิน รับงาน เป็นสื่อเลือกข้าง และทำตัวไม่เป็นกลาง ไม่มีจริยธรรมในวิชาชีพ แต่กลับเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลในวงกว้าง ที่สามารถชี้นำกระแส หรือชักจูงประชาชนได้ ตัวอย่างก็ที่เห็นกันอยู่ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมานี้ไง ปัญญาชนที่ไหนเขาก็ดูออกว่า สื่อไหนเชียร์ใคร และรับงานจากใคร มาโน้มน้าวให้คนไปเลือกตั้ง ถึงขนาดมีการลงไปรณรงค์ตามสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งๆ ที่มันใช่หน้าที่ของสื่อมวลชนที่ควรจะลงไปทำหรือเปล่า หรือมันหน้าที่ของ กกต. แต่ กกต.ดันไม่ทำ มัวไปทัวร์เมืองนอกกันอยู่ร่วมๆ 2 อาทิตย์ อะไรอย่างนี้เป็นต้น

สื่อมวลชนสมัยนี้เลือกที่จะทำหน้าที่เป็นบางเรื่อง และลงลึกเป็นบางเรื่อง บางเรื่องแตะนิดๆ หน่อย พอให้เป็นข่าวฉาบฉวยแล้วก็เลิกเจาะลึกไปเลย แต่ในบางเรื่องที่ไม่มีข้อเท็จจริงที่เป็นสาระอะไร กับสร้างให้เป็นกระแสขึ้นมาเพื่อขายข่าว สร้างกระแสให้อึกทึก ครึกโครม เพื่อชี้นำหรือให้ประชาชนหันไปสนใจ แต่พอไม่มีมูลข้อเท็จจริงใดๆ กับไม่ออกมาขอโทษประชาชน แล้วอ้างตัวว่าเป็นสื่อมวลชน มีหลายมิติ เจาะลึก รอบด้าน ขอยกตัวอย่าง ดังนี้

มีสื่อมวลชนอยู่รายนึง สร้างกระแสข่าวว่ามีศพจำนวนมาก สงสัยว่าจะถูกนำไปฝังอยู่ใต้ทะเลในอ่าวไทย ถึงขนาดทำเป็นสกู๊ปรายงานพิเศษอย่างต่อเนื่องอยู่เป็นอาทิตย์ ส่งเฮลิคอปเตอร์อันทันสมัยของตนเอง บินลงไปสำรวจเองเลย โดยมีหลักฐานว่ามีตู้คอนเทนเนอร์ใหญ่จำนวนหนึ่ง ไปจมอยู่ใต้ทะเล โดยชี้ประเด็นแบบอ้อมๆ นั่นแหละ ตั้งข้อสงสัยว่าจะเป็นศพจำนวนมากที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์เหล่านั้น โดยทิ้งปริศนาไว้ให้ประชาชนสงสัยเอาเองว่าจะเป็นศพจากเหตุการณ์อะไรซักอย่างถูกขนย้ายมาซ่อนหรือฝังไว้ใต้ทะเล จนหน่วยงานของรัฐ กองทัพเรือ กรมสืบสวนคดีพิเศษ นิติเวชวิทยา (ก็คือคุณหมอผ่าตัดศพชื่อดังนั่นแหละ) ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางทะเล ต้องดำน้ำลงไปสำรวจดูอยู่หลายๆ เดือน จนหาบทสรุปได้ว่าตู้คอนเทนเนอร์นั้น ไม่มีสิ่งชีวิตใดๆ และคงจะเป็นการยาก ถ้าจะมีใครคิดจะทำเช่นนั้น กลายเป็น โอละพ่อ ไป ถามว่าสื่อมวลชนรายนั้น ทำไปเพื่ออะไร รับงานใครมาหรือมีใบสั่งหรือไม่ แล้วถ้าเป็นเจตนาบริสุทธิ์ ทำไมกับกรณีอื่นๆ เช่น เขาพระวิหาร ท่านไม่เห็นทำข่าวเชิงลึก เช่นนี้บ้าง สื่อมวลชนรายเดียวกันนี้ ไม่ทำสกู๊ปเจาะลึกเรื่องกรณีพิพาทไทย-เขมร เรื่องไทยเสียดินแดน หรือให้ความรู้กับประชาชนไม่ว่าประเด็นใดๆ เกี่ยวกับเขาพระวิหาร เท่าที่ควรจะให้ มีแต่ทำข่าวแบบแตะๆ ให้พอมีรายงานบ้าง ไม่ให้ตกกระแสเท่านั้น ซึ่งผิดกับช่อง TPBS ที่บก.ข่าวการเมืองลงไปทำข่าวเองถึงสถานที่เลย ,หรือแม้แต่นักข่าวสายการเมือง อย่างคุณวาสนา นาน่วม ก็หันมาเล่นข่าวนี้ด้วย ซึ่งเดิมทีถนัดแต่ข่าวสายทหารเท่านั้น ยังไม่นับรวมเว็บไซต์เล็กๆ อย่าง 15moves หรือสื่อในเครือ astv ผู้จัดการ,fmtv ของสันติอโศก ที่เกาะติดข่าวเรื่องเขาพระวิหารอยู่แทบจะเป็นสื่อเดียว แม้ว่าจะไม่ใช่สื่อกระแสหลัก แต่ก็ตามเรื่องสำคัญนี้อย่างไม่ยอมลดละ

อันนี้ชี้ประเด็นให้เห็นชัดว่าการให้น้ำหนักของสื่อกระแสหลักกับเรื่องที่ควรจะให้ความสำคัญยังมีน้อย ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์เบื้องหลังที่จะมีผลมายังนายทุนเจ้าของสื่อนั้นหรือไม่ โดยไม่คำนึงถึงมาตรฐานการทำงาน ความเป็นมืออาชีพ ความเป็นกลาง จริยธรรมที่มีต่อประชาชนที่เป็นทั้งลูกค้า ผู้เสพบริโภคข่าว และยังเป็นเจ้านายทางอ้อมหรือเจ้าของสื่อนั้นทางอ้อม เพราะเงินภาษีของสื่อมวลชนบางแห่ง เช่น ช่อง 5 นั้นมาจากประชาชน แต่คุณทำข่าวเรื่องเสียดินแดนน้อยมาก และทำแบบฉาบฉวย ไม่รอบด้าน ไม่ลึกพอ แต่กลับเอาเวลาไปให้เอกชนสัมปทานเวลาทำรายการบันเทิงไร้สาระ มอมเมาประชาชนเสียมากกว่า ถ้ามีการประเมินผลด้านประสิทธิภาพ ความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อสื่อของรัฐ ในมาตรวัดแบบ KPI’s แล้วหล่ะก็ สื่อมวลชนของรัฐทั้งหมดนั้น สอบตกเกือบทั้งหมดแบบยกกระบิอย่างแน่นอน เพราะการทำหน้าที่บกพร่องและคุณภาพต่ำแบบไม่น่าให้อภัยเป็นอย่างยิ่ง

หากสื่อของรัฐหรือสื่อกระแสหลักยังคงทำงานในมาตรฐานเช่นนี้ต่อไป วันนึงสื่อกระแสรองที่มีคุณภาพคงจะก้าวขึ้นมาชี้นำและสร้างมาตรฐานใหม่ของสื่อมวลชนได้ดีกว่า ถึงเวลานั้นประชาชนก็คงหันไปดูสื่อกระแสรองกันหมด และแนวโน้มก็กำลังจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ จากการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคคนรุ่นใหม่พบว่า คนรุ่นใหม่เสพความบันเทิงผ่านอินเตอร์เน็ตมากกว่าดูทีวี และนับวันก็จะมีแนวโน้มมากขึ้นด้วย

ข่าวพาดหัวของสื่อฉาวที่ปิดกิจการของตัวเองลงไปแล้ว นั่นคือ News of The World

10 ก.ค. 54 สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ หนังสือพิมพ์แทบลอยด์ที่ขายดีในอังกฤษ ได้ปิดตัวลงอย่างถาวร และได้วางแผงขายหนังสือพิมพ์ฉบับสุดท้ายในวันนี้ (10 ก.ค.) ซึ่งได้พาดหัวด้วยถ้อยคำสั้นๆง่ายๆว่า “ขอบคุณและขออำลา”  โดยในเนื้อหาหนังสือพิมพ์ได้ตีพิมพ์คำขอโทษเต็มทั้ง 3 หน้ากรณีการขโมยข้อมูลทางโทรศัพท์ ซึ่งก็มีเนื้อหาว่า ‘เราชื่นชมกับการทำงานที่มีมาตรฐานสูง,และแน่นอนเราก็ต้องการมีมาตรฐานสูงด้วย แต่ในช่วงไม่กี่ปีก่อนปี 2006 พนักงานบางคนที่ทำงานกับเรา หรือไม่นามของเราไม่สามารถรักษามาตรฐานในการทำงานได้ เราได้สูญเสียแนวทางทำงานของเรา มีการดักฟังโทรศัพท์เกิดขึ้น  ซึ่งเรารู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีเหตุผลแก้ตัวใดๆต่อความผิดพลาดที่น่าตกใจเช่นนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ที่ต้องตกเป็นเหยื่อ เราขอชดเชยความผิดที่เกิดขึ้น ขณะที่ในหน้าอื่นๆของนิวส์ ออฟ เดอะ เวิล์ด ฉบับสุดท้ายเป็นการนำภาพการทำสกู๊ปและบทความเอ็กซ์คลูซีฟต่างๆ ในอดีตมาลงรวมกัน  สำหรับนิวส์ ออฟ เดอะ เวิล์ดถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกรณีอื้อฉาวทั้งการดักฟังโทรศัพท์ ขโมยข้อมูล เหยื่ออาชญากรรม คนดังและนักการเมือง ซึ่งทางการอังกฤษเผยว่า มีบุคคลที่ตกเป็นเหยื่อสูงถึง 4,000 คน

“นิวส์ คอร์ป” มีแผนขายกิจการ นสพ.ในอังกฤษยกแผง หลังเผชิญมรสุม “นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์”

เอเอฟพี - บริษัท นิวส์ คอร์ป ของเจ้าพ่อสื่อชาวอเมริกันเชื้อสายออสซี่ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก กำลังพิจารณาขายกิจการหนังสือพิมพ์ทั้งหมดในอังกฤษ หลังเชผิญมรสุมข่าวฉาวที่สื่อซุบซิบ นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ก่อขึ้น หนังสือพิมพ์ วอลสตรีท เจอร์เนิล รายงานวันนี้(13)  วอลสตรีท อ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อว่า นิวส์ คอร์ป กำลังมองหาผู้รับซื้อกิจการ นิวส์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งมีหนังสือพิมพ์ในเครืออยู่หลายฉบับ เช่น เดอะ ซัน, เดอะ ไทม์ส ออฟ ลอนดอน, เดอะ ซันเดย์ ไทม์ส รวมไปถึง นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ซึ่งตีพิมพ์ฉบับสุดท้ายไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(10) หลังถูกกระแสกดดันอย่างหนักเรื่องพฤติกรรมดักฟังโทรศัพท์   วอลสตรีท ซึ่งเป็นสื่อในเครือ นิวส์ คอร์ป ด้วย ระบุว่า เมอร์ด็อก คัดค้านแผนการนี้มาโดยตลอด เนื่องจาก นิวส์ อินเตอร์เนชันแนล เป็นหนึ่งในบริษัทลูกที่เขาโปรดปรานมากที่สุด   อย่างไรก็ดี ดูเหมือนจะยังไม่มีผู้ใดสนใจซื้อบริษัทนี้ต่อ เนื่องจากความซบเซาของธุรกิจหนังสือพิมพ์ ทว่า นิวส์ อินเตอร์เนชันแนล อาจจะพิจารณาแผนการนี้อีกครั้งใน 6 เดือนข้างหน้า  ผู้บริหาร นิวส์ คอร์ป หยิบยกประเด็นการขาย นิวส์ อินเตอร์เนชันแนล มาถกกันหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทว่าแนวคิดดังกล่าวก็ตกไปทุกครั้ง เนื่องจาก เมอร์ด็อก ไม่เห็นด้วย วอลสตรีท เผย สมาชิกสภานิติบัญญัติอังกฤษทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลร่วมกันหาทางสกัดกั้นข้อเสนอของ เมอร์ด็อก ที่ต้องการฮุบสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมยักษ์ใหญ่ บีสกายบี โดยจะมีการลงมติกันในวันนี้ (13) ขณะที่ข่าวการดักฟังโทรศัพท์ที่สะท้านสะเทือนอาณาจักรสื่อของ เมอร์ด็อก ก็มีท่าทีว่าจะลุกลามข้ามไปยังสหรัฐฯด้วย  เจย์ ร็อกกีเฟลเลอร์ ประธานคณะกรรมาธิการการพาณิชย์แห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ ออกโรงเตือนเมื่อวันอังคาร(12)ว่า อาจเกิดผลเสียใหญ่หลวง หากพบว่าสื่อในอาณาจักรของ เมอร์ด็อก มีพฤติกรรมดักฟังโทรศัพท์ในสหรัฐฯ

ฉาวข้ามทวีป! FBI สืบข่าว “นิวส์ออฟเดอะเวิลด์” แฮกโทรศัพท์เหยื่อ 9/11

เอเอฟพี - สำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ เอฟบีไอ วานนี้ (14) เปิดแฟ้มสืบสวนข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวหาว่า “นิวส์ออฟเดอะเวิลด์” หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ของอักฤษที่เพิ่งปิดตัวลง เคยติดต่อให้นักสืบเอกชนคนหนึ่งในสหรัฐฯ หาทางแฮกข้อความเสียงโทรศัพท์ของชาวอังกฤษที่เสียชีวิตในเหตุวินาศกรรมตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์
เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แถลงว่า การสืบสวนของเอฟบีไออยู่ในขั้นแรกและยังไม่เป็นทางการ แต่ยืนยันว่าข่าวอื้อฉาวที่สั่นคลอนอาณาจักรสื่อของรูเพิร์ต เมอร์ด็อก ในอังกฤษ ได้ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังฝั่งสหรัฐฯ แล้วในขณะนี้
นิวส์ อินเตอร์เนชันแนล บริษัทเจ้าของนิวส์ออฟเดอะเวิลด์ กำลังตกอยู่วังวนของวิกฤตการณ์ หลังจากถูกกล่าวหาว่าดักฟังโทรศัพท์เหยื่อคดีฆาตกรรมหลายราย และติดสินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอข้อมูล อนึ่ง นิวส์ อินเตอร์เนชันแนล เป็นบริษัทสาขาของ นิวส์ คอร์ปอเรชัน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในมหานครนิวยอร์ก  ส่วน นิวส์ คอร์ปอเรชัน ต้องเผชิญมรสุมอีกหนึ่งลูกใหญ่ เมื่อสมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐฯ เรียกร้องให้มีการสืบสวนข้อกล่าวหาที่ว่ามีความพยายามแฮกโทรศัพท์ของเหยื่อ 9/11 รวมทั้งให้พิจารณาว่าการติดสินบนตำรวจอังกฤษของบริษัทที่มีฐานในสหรัฐฯ ละเมิดกฎหมายแห่งอเมริกันชนหรือไม่
“เรารับทราบข้อกล่าวหาต่างๆ แล้วและกำลังตรวจสอบอยู่” โฆษกหญิงของสำนักงานเอฟบีไอในนิวยอร์กให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี หน่วยงานแห่งนี้ขึ้นชื่อเป็นพิเศษเรื่องการทำคดีอาชญากรรมไซเบอร์ ทั้งนี้ สื่อสหรัฐฯ หลายสำนักรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเอฟบีไอจะหาทางตรวจสอบบันทึกข้อความเสียงโทรศัพท์ของชาวอังกฤษ 66 ราย ซึ่งเสียชีวิตในเหตุวินาศกรรมตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ และอาจหาลู่ทางตรวจสอบบันทึกต่างๆ เพิ่มเติมจากทางอังกฤษ  ต้นตอเรื่องราวในสหรัฐฯ นี้เริ่มมาจากการรายงานของหนังสือพิมพ์เดลีมิร์เรอร์ในอังกฤษ เมื่อวันจันทร์ (11) ซึ่งเปิดโปงว่า คนของนิวส์ออฟเดอะเวิลด์ได้ติดต่อนักสืบเอกชนในสหรัฐฯ คนหนึ่งให้หาทางแฮกข้อความเสียงของเหยื่อ 9/11 แม้ เดลีมิร์เรอร์ สื่อคู่แข่งโดยตรงของเมอร์ด็อก มีแหล่งข่าวที่ไม่ได้ระบุชื่อสนับสนุนข้อมูลเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่รายงานชิ้นนี้ก็ทำให้สมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงวุฒิสมาชิกระดับอาวุโส กระวนกระวายใจและเสนอให้มีการสอบสวนคดีอาญาอย่างเป็นทางการ  แหล่งข่าวในหนังสือพิมพ์เดลีมิร์เรอร์อ้างว่า มีอดีตตำรวจนิวยอร์กนายหนึ่ง ซึ่งตอนนี้กลายเป็นนักสืบเอกชน บอกกับเขาว่ามีคนจ้างให้หาข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของเหยื่อ 9/11 ในช่วงก่อนเสียชีวิตใต้ซากตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์  “นักสืบคนนี้เล่าว่าดูเหมือนบรรดานักข่าวสนใจเป็นพิเศษกับข้อความเสียงของผู้เสียชีวิตชาวอังกฤษ” แหล่งข่าวของเดลีมิร์เรอร์เปิดเผย

CEO บ.นิวส์ อินเตอร์ฯ ผู้ตีพิมพ์ “นิวส์ออฟเดอะเวิลด์” ยอมลาออก หลังถูกกดดันหนัก

เอเอฟพี - รีเบกาห์ บรูกส์ ประธานบริหารบริษัทนิวส์ อินเตอร์เนชันแนล ลาออกจากตำแหน่งแล้ว วันนี้ (15) ท่ามกลางกระแสข่าวอื้อฉาวการดักฟังโทรศัพท์ที่บ่อนทำลายบริษัทหนังสือพิมพ์อังกฤษแห่งนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทลูกของรูเพิร์ต เมอร์ด็อก บรูกส์ระบุในจดหมายถึงพนักงาน  ด้าน นิวส์ คอร์ปอเรชัน ของเมอร์ด็อก ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของนิวส์ อินเตอร์เนชันแนล ได้ยืนยันการลาออกของรีเบกาห์ บรูกส์ แล้วเช่นกัน  “ดิฉันยืนยันได้ว่าเธอลาออกแล้ว” โฆษกหญิงของนิวส์ คอร์ป บอกกับเอเอฟพี “ดิฉันยืนยันได้ว่ามีการเปิดเผยเป็นการภายในต่อพนักงานของนิวส์ อินเตอร์เนชันแนล”  ในจดหมายแจ้งการลาออกนี้ บรูกส์อธิบายว่าเธอจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบ ต่อวิกฤตที่เกิดขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้นิวส์ อินเตอร์เนชันแนล ต้องปิดนิวส์ออฟเดอะเวิลด์ หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ที่ขายดีที่สุดในอังกฤษ  บรูกส์ระบุในสาสน์ที่ส่งถึงพนักงานนิวส์ อินเตอร์เนชันแนลว่า “ดิฉันได้ยื่นจดหมายลาออกถึง รูเพิร์ต และเจมส์ เมอร์ด็อก แล้วตั้งแต่ตอนที่เรื่องนี้เป็นหัวข้อให้ถกเถียงกันอยู่ และตอนนี้จดหมายลาออกได้รับการอนุมัติแล้ว”

“ในฐานะประธานบริหารบริษัท ดิฉันรู้สึกถึงความรับผิดชอบอย่างยิ่งต่อผู้คนที่เราได้ทำร้าย และขอกล่าวอีกครั้งว่ารู้สึกเสียใจเพียงใดกับสิ่งที่เรารู้ตอนนี้ว่ามันได้เกิดขึ้น”

“ดิฉันเชื่อว่าการกระทำด้วยความรับผิดชอบและความถูกต้องได้นำเราข้ามผ่านจุดวิกฤต อย่างไรก็ตาม ความต้องการรั้งตำแหน่งประธานบริหารอาจกลายเป็นประเด็นให้ถกเถียงกันต่อไป”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น