วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Brand Ultimatum -Case Study Hermes

Brand Ultimatum -Case Study Hermes



กระเป๋ารุ่นเบอร์กิ้นและรุ่นเคลลี่ที่นิยมสุดตลอดกาล

ตำนานแอร์เมสเริ่มต้นมาตั้งแต่ ค.ศ. 1837 ด้วยการเป็นผู้ผลิตอานม้าและบังเหียนม้า เมื่อเทียรี่ แอร์เมส (Thierry Hermes) ชาวฝรั่งเศส ก่อตั้งบริษัทผลิตอานม้าของเขาในปีค.ศ. 1837 ที่ rue Basse du Rempart ในปารีส เขาก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการผลิตเครื่องใช้สำหรับการขี่ม้า และกระเป๋าใหญ่ที่ใช้ในเดินทางด้วยรถม้าที่พิถีพิถันตั้งแต่การเลือกหนังคุณภาพดีมาใช้ และการเย็บแบบ 2 เข็ม ฝีเย็บจึงแน่นและทนทาน เทคนิคเหล่านี้กลายเป็นทรัพย์สินที่แอร์เมสใช้ต่อยอดผลิตเป็นสินค้าอื่นๆ โดยนำเอาความรู้เรื่องหนังหลากหลายชนิดและเทคนิคการเย็บแบบพิเศษมาใช้สร้างมูลค่า ด้วยคุณภาพและความมีฝีมือ ในเวลาเพียงไม่กี่ปี อานม้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆของเขาก็ได้รับกลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ราชวงศ์และชนชั้นสูงของฝรั่งเศส

จากนั้นในปีค.ศ. 1879 เอมิลี่ ชาร์ล แอร์เมส (Emile-Charles Hermes) ลูกชายของเขาได้ย้ายกิจการไปยัง 24 rue du Faubourg St. Honore ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของแอร์เมสในปัจจุบัน (The House of Hermes) และได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าถือ และผลิตภัณฑ์เครื่องหนังสำหรับใช้ในการเดินทางต่างๆ กระทั่งปีค.ศ. 1978 เขาจึงได้รับช่วงบริหารกิจการต่อจากบิดา
และต่อมา โรเบิรต ดูมาส์ (Robert Dumas) สามีของทายาทรุ่นที่ 3 ของแอร์เมสก็ได้เพิ่ม เนคไท น้ำหอม ผ้าเช็ดตัว และผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคลไว้ในไลน์สินค้าของแอร์เมสด้วย

สินค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดของแอร์เมส คือ ผ้าพันคอไหม ซึ่งผลิตครั้งแรกในปีค.ศ. 1928 โดยได้รับแรงบันดาลมาจากผ้าพันคอของทหารในกองทัพนโปเลียน

ในการทำผ้าพันคอของแอร์เมสในปัจจุบัน ที่มีขนาด 90 ตร.เซนติเมตร หนัก 65 กรัมนั้น เริ่มต้นจากคัดเลือกเส้นไหมที่มีคุณภาพ โดยต้องใช้รังไหมแท้ถึง 250 รัง และเทคนิคการทอแบบ16 รังไหม ขณะที่ของคนอื่นใช้แค่ 8 รังไหม ทอโดยช่างฝีมือของโรงงานแอร์เมสในลียง ประเทศฝรั่งเศส

ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่พิถีพิถัน โดยช่างฝีมือชาวฝรั่งเศส พิมพ์ลายด้วยการซิลสกรีนด้วยมือล้วนๆ ซึ่งในผืนหนึ่งๆอาจมีถึง 30 กว่าสี การพิมพ์ลายให้เนียนสวยและงดงามได้ขนาดนี้ จึงต้องใช้ช่างฝีมือระดับเซียนจริงๆ และมีขั้นตอนการทำกว่า 40 ขั้นตอนกว่าจะมาเป็นผ้าพันคอแต่ละผืน เรียกได้ว่าการผลิตผ้าพันคอของแอร์เมสเทียบชั้นได้กับงานศิลปะภาพพิมพ์ต่างๆนั่นเลย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมผ้าพันคอของแอร์เมสบางผืนจึงมีราคาเหยียบแสน
ตั้งแต่ปีค.ศ. 1937 เป็นต้นมา แอร์เมสออกผ้าพันคอมาแล้วกว่า 25,000 ลาย โดยในแต่ละปีแอร์เมสจะออกผ้าพันคอมา 2 คอลเลคชั่น และอาจมีรุ่น limited edition มาเสริมในโอกาสพิเศษต่างๆ นอกจากนี้ผ้าพันคอของแอร์เมสยังเป็นที่นิยมมากในหมู่สะสม โดยเฉพาะรุ่นหายากต่างๆนั้น เป็นที่ต้องการและไล่ล่ากันไม่แพ้งานศิลปะของศิลปินดังๆนั่นเลยเทียว

แฟนพันธ์แท้ของผ้าพันคอแอร์เมสก็หาใช่ใครอื่นไกล ล้วนเป็นบุคคลดังๆที่เรารู้จักกันดีอย่าง สมเด็จพระราชินีอลิซาเบทที่ 2 (ในภาพวาดที่อยู่บนแสตมป์ของอังกฤษ ก็ทรงสวมผ้าพันคอของแอร์เมสด้วย) ส่วนเกรซ เคลลี่ก็ใช้ผ้าพันคอของแอร์เมสมาดามแทนผ้าพันเฝือกตอนที่แขนหัก นอกจากนี้ คนดังอย่าง ออเดย์ แฮปเบริน, แคทารีน เดอนูฟ, แจคกี้ โอนาซิส , ชารอน สโตน์, ซารา เจสสิก้า ปาร์คเกอร์, ฮิลลารี่ คลินตัน, แอล แมคเฟอร์สัน และป้ามาดอนน่า ก็ล้วนแต่นิยมผ้าพันคอของแอร์เมสกันทั้งนั้น

ส่วนกระเป๋าของแอร์เมสที่ติดอันดับยอดนิยมตลอดกาลอย่างเบอร์กิ้น และเยลลี่นั้น การผลิตโดยการตัดเย็บด้วยมือด้วยความประณีตและละเอียดอ่อน โดยหนังที่ใช้ต้องเป็นเกรดเอเท่านั้น ซึ่งมีหนังหลายชนิด อาทิ หนังจระเข้ นกกระจอกเทศ ในการทำกระเป๋าแต่ละใบต้องใช้เวลานานมาก อย่างกระเป๋าเบอร์กิ้นช่างเย็บกระเป๋าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 18 ชั่วโมง รุ่นเคลลี่ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 16 ชั่วโมง ช่างทำกระเป๋าแต่ละคนต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างน้อย 3 ปี จึงจะได้รับอนุญาตให้ผลิตกระเป๋าได้ และเมื่อลูกค้าใช้กระเป๋าไปนาน ๆ และต้องการส่งซ่อม ผู้ที่ผลิตกระเป๋าใบนั้น ๆ จะเป็นผู้รับผิดชอบดูแล ซ่อมแซมกระเป๋าให้ และที่สำคัญ ถึงจะมีเงินก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อกันได้ง่ายๆนะครับ แต่ละใบต้องสั่งจองล่วงหน้าเป็นปีๆ กว่าจะได้มาครอบครองสมใจอยาก

นอกจากนี้.. กระเป๋าในรุ่นยอดนิยมต่างๆของแอร์เมสยังมีตำนานสุดคลาสสิก ที่ช่วยเสริมบรรยากาศในการสวมใส่ อย่างกระเป๋าเคลลี่นั้น มีที่มาจากชื่อของเกรซ เคลลี่ ซึ่งเป็นผู้ที่ทำให้กระเป๋ารุ่นนี้โด่งดังจากการสะพายไปขึ้นปกนิตยสารไลพ์ ในปีค.ศ. 1956 ส่วนรุ่นเบอร์กิ้น มาจากชื่อของ เจน เบอร์กิ้น ซึ่งเป็นผู้ร่วมออกแบบกระเป๋ารุ่นนี้ร่วมกับชอง-หลุยซ์ ดูมาส์ เนื่องจากเธอเห็นว่ากระเป๋าเยลลี่ของเธอไม่เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน  ด้วยความพิถีพิถันเหล่านี้เองที่เป็นคุณสมบัติความพรีเมียมของแอร์เมส ที่ทำให้แบรนด์ Hermes กลายเป็นแบรนด์สุดยอดในเรื่องของกระเป๋าสะพาย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมทุกวันนี้กระเป๋าใบหรูที่ราคาแสนแพงของแอร์เมสจึง กลับมียอดสั่งจองเยอะที่สุด ทั้งยังต้องรอคอยนานข้ามปี ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่แบรนด์เท่านั้น ที่สามารถสร้างปรากฏการณ์แบบนี้ได้

ปัจจุบัน แอร์เมสมีสินค้าหลากหลายชนิด ตั้งแต่เครื่องม้า กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า ผ้าพันคอ เนกไท จิวเวลรี่ นาฬิกา จานชาม เครื่องเขียน เสื้อผ้าของใช้เด็ก ยันไปถึงของใช้จุกจิก เช่น ที่เปิดขวดไวน์ ตลับเมตร สายคล้องมือถือ ฯลฯ แอร์เมสมีของเกือบทุกอย่างแต่ที่ไม่มีก็คือแว่นตา
ด้วยราคาและคุณภาพการตัดเย็บ ทำให้ตอนนี้ยังถือเป็นแบรนด์เดียวที่ยังคงเอกลักษณ์การเย็บด้วยมือแบบร้อยทีละรูด้าย  (ตอนนี้หลุยส์วิตตอง เลือกทำเฉพาะสินค้าบางรุ่น นอกนั้นเย็บจักรหมดแล้วครับ) จึงทำให้เป็นที่ต้องการอย่างมาก เพราะลูกค้ารู้สึกได้ถึงความมีรสนิยมที่แตกต่างจากการเลือกใช้แบรนด์อื่นๆครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น