วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Brand Supremacy -Case Study IKEA

Brand Supremacy -Case Study IKEA






แบรนด์ IKEA เป็นที่รู้จักทั่วโลก ในฐานะซุปเปอร์มาร์เก็ตของผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้าน หรือก็คือ Homepro,Index Living Mall ในระดับโลก IKEA มีช็อปอยู่กว่า 30 ประเทศทั่วโลก 200 กว่าสาขา และมีพนักงานมากกว่า 85,000 คน สาขาในย่านอาเซี่ยนนี้ IKEA มาเปิดที่มาเลเซีย และเร็วๆ นี้กำลังจะมาเปิดที่ประเทศไทย ผู้ก่อตั้ง IKEA เป็นชาวสวีเดน ชื่อนาย Ingvar Kamprad คำว่า IKEA มาจากตัวย่อ 4 ตัว คือ I และ K มาจากตัวหน้าของชื่อและนามสกุลของเขา ส่วน E กับ A มาจากคำว่า Elmtaryd และ Agunnaryd ซึ่งเป็นชื่อของฟาร์มและหมู่บ้านที่นายอิงค์วาร์เติบโตขึ้นมา หมู่บ้านที่นายอิงค์วาร์อาศัยอยู่นี้ มีผืนดินที่ค่อนข้างบาง และไม่ค่อยมีแร่ธาตุดีๆ เท่าไร ความด้อยของทรัพยากรที่มีอยู่มีส่วนช่วยให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ ณ ที่นี้ อยู่อย่างพอเพียง รู้ถึงคุณค่าและการใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาดกับทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด “เราจะสร้างห้างสรรพสินค้าเฟอร์นิเจอร์ให้มีการใช้งานที่เหมาะสมและมีงานออกแบบที่ประณีต ราคาไม่แพง สามารถแข่งขันในตลาดได้ โดยเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม แล้วลูกค้าทุกระดับจะซื้อหาสินค้า IKEA ได้” จุดนี้เองเป็นหัวใจสำคัญของแนวคิดแบรนด์ IKEA

อิงค์วาร์ใช้หลากหลายวิธีในการทำให้สินค้ามีราคาต่ำ แต่มีอยู่สองส่วนด้วยกันที่เขาไม่ยอมที่จะลดต่ำลง ในทางตรงกันข้าม เขากลับพยายามทุ่มเทกับ 2 ส่วนอย่างมากก็คือ งานออกแบบ และคุณภาพของสินค้า เพราะเขาเชื่อว่างานออกแบบที่ดีนั้น นอกจากจะทำให้สินค้าสวยงามแล้ว ยังมีส่วนช่วยเสริมกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น นอกจากจะทำให้สินค้าสวยงามแล้ว ยังช่วยส่งเสริมกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นด้วย การขนส่งที่ง่ายขึ้น รวมทั้งถอดหรือประกอบได้ง่าย ใช้สอยได้อย่างง่ายดาย แม้ลูกค้าจะไม่มีความรู้ทางด้านเฟอร์นิเจอร์ก็ตาม จุดนี้เองเป็นจุดที่เขาฝากไปถึงเราบรรดาผู้ประกอบ SME’s ให้คำนึงถึงงานออกแบบให้มากขึ้น เพราะสินค้าในปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงมาก อีกทั้งสินค้ามีความแตกต่างกันค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค งานออกแบบที่ดีจะช่วยให้คุณมีรูปแบบที่โดดเด่น พร้อมแข่งขันกับตลาด โดยยกตัวอย่างสินค้า OTOP ของไทย ที่ยังไม่สามารถขยายตลาดไปอย่างกว้างขวาง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะงานออกแบบและคุณภาพของสินค้ายังไม่โดนใจ สินค้า OTOP หลายตัวมีคุณภาพที่ดี และงานออกแบบที่ดีแล้ว ก็ยังต้องเผชิญกับสินค้าคู่แข่งจากต่างชาติที่มีจุดแข็งด้าน design เช่นกัน ดังนั้นการวิจัยและพัฒนาจึงไม่สามารถหยุดนิ่งได้

IKEA SHOP “Make yourself at home” การทำตัวสบายๆ ให้เหมือนกับอยู่ในบ้านของคุณเอง วลีนี้แหละที่ถือเป็นแนวคิดหลักในงานออกแบบและการจัดระเบียบการเดินและเลือกซื้อสินค้าสินค้าภายใน IKEA Shop งานตกแต่งภายในของร้าน เปรียบเหมือนคุณกำลังเดินอยู่ในงานจัดแสดงสินค้าหรือนิทรรศการ งานโฮมเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ โดยพื้นที่ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือส่วนจัดแสดงสินค้า (Exhibitions) ส่วนรับประทานอาหาร (Restaurant) ส่วนของสินค้าตกแต่งบ้าน (Home Accessories) และคลังสินค้า (Storage) ส่วนแรกเป็นส่วนที่กระตุ้นต่อมโลภได้เป็นอย่างดี เพราะนักออกแบบได้สร้างสรรค์ห้องเล็กๆ มากกว่า 20 ห้อง โดยแต่ละห้องมีขนาดประมาณ 10 ตารางเมตร ไปจนถึง 30 ตารางเมตร ทุกๆ ห้องนอกจากจะตกแต่งด้วยสินค๋าจาก IKEA แล้ว นักออกแบบยังทำให้ห้องทุกห้องราวกับว่ามีคนอาศัยอยู่จริง สังเกตได้จากเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ ของเล่นเด็กที่วางเกลื่อนตามเตียง กระดานที่เขียนข้อความฝากถึงคนรัก และอื่นๆ อีกมากมาย ผู้ซื้อสามารถนั่งบนโซฟา นอนสัมผัสความนุ่มของเตียง แม้แต่เด็กเล็กๆ สามารถลองปีนขึ้นไปบนเตียงนอน 2 ชั้น โดยมิได้ถูกห้ามจากพนักงานขาย นั่นต่างจากการเดินเข้าร้านขายเฟอร์นิเจอร์ในบ้านเรา ที่พอเดินเข้าไปแล้วรู้สึกว้าเหว่ เหมือนกับขาดสิ่งมีชีวิตอยู่ ดูไร้ชีวิตชีวา ครั้นจะลองนั่งหรือนอนเอกเขนก ก็มักมีสายตาขวางๆ จ้องอยู่ เพราะเขาเกรงว่าสินค้าจะบุบสลายหรือขายต่อไม่ได้

นอกจากจุดเด่นในเรื่องของการตกแต่งแล้ว IKEA ยังมีพนักงานที่ให้บริการอย่างดีเยี่ยม คอยให้คำปรึกษาอยู่ ถ้าลูกค้าต้องการสอบถามข้อมูลใดๆ เพิ่มเติมจากการเดินเลือกซื้อสินค้า สินค้าทุกชิ้นที่มีการจัดวางขายจะมีป้ายบอกรายละเอียดสินค้า เช่น สี ขนาด หมายเลขสินค้า อย่างครบถ้วน ถ้าเราสนใจซื้อสินค้าตัวไหนก็จดหมายเลขสินค้าไว้ เพื่อจะใช้เป็นข้อมูลในการหยิบสินค้า ซึ่งส่วนแรกนี้สร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เป็นการสร้าง Brand Experience และการสร้าง Brand Relationship ได้เป็นอย่างดี เสมือนร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ที่ลูกค้าหลายคนยอมจ่ายเงินซื้อกาแฟแก้วละเกือบ 100 บาทเพื่อชิมรสชาติของกาแฟและบรรยากาศที่ถูกจัดไว้อย่างลงตัว ลูกค้าจะไม่มีความรู้สึกว่าสินค้าของเราแพงเมื่อเทียบกับราคาและสิ่งที่เขาได้รับอีกเลย

Design Trends ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในรอบ 10 ปีมานี้ ได้แก่ Hybrids , Natural and Artificial , Traditionals and Classics และ The Return of the 80’s

Trends : Hybrids เกิดจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่นำมารับใช้ความสะดวกสบายของมนุษย์ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างการสื่อสารกับผู้บริโภคเริ่มมีการหลอมรวมกันมากขึ้น เป็นการออกแบบเฟอร์นิเจอร์รวมกับอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลำโพงที่ติดอยู่ภายในเก้าอี้ โซฟา หรือการติดตั้งอุปกรณ์สื่อสาร DVD พร้อมกับเครื่องเสียงชั้นดีกับเก้าอี้เอกเขนกตัวโปรด และจัดเป็นการสร้าง นวัตกรรมแบบใหม่ของงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ที่เมื่อก่อนเรานึกว่าเป็นแค่เพียงจินตนาการที่ไม่มีทางเป็นไปได้

Trends : Natural and Artificial เป็นการผสมผสานการออกแบบสิ่งของ 2 สิ่งที่ตรงกันข้ามกัน ระหว่างสิ่งของธรรมชาติ(Natural) กับสิ่งของที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมา (Artificial) เพราะต้องการสื่อถึงวิถีความเป็นอยู่ของมนุษย์ในปัจจุบัน ที่พยายามดึงธรรมชาติให้เข้ามาสู่ในเมืองป่าคอนกรีต และใช้วิธีการนำรูปทรงจากธรรมชาติมาปรับรูปทรงให้ง่ายขึ้น แล้วสร้างสรรค์เป็นงานออกแบบ เช่น การออกแบบฉากกั้นห้องเป็นรูปทรงต้นไม้ โดยใช้โลหะเป็นโครงสร้างของกิ่งไม้ หรือการใช้วัสดุประเภทหวาย มาถักทอสานต่อกับรูปทรงที่ทันสมัยในการสร้างเก้าอี้ดีไซน์เก๋ๆ ซึ่งการออกแบบในลักษณะนี้คนไทยมีพรสวรรค์และมีฝีมืออยู่แล้ว ดังจะเห็นจากงานสินค้าหัตถกรรมต่างๆ งาน OTOP ของไทยที่มีการดีไซน์ได้โดดเด่นจนชาวต่างชาติมักมียอดสั่งซื้อในงาน OTOP จำนวนมาก

Trends : Traditonals and Classics คือการนำงานออกแบบที่มีความสวยงามจากสมัยก่อน มาดัดแปลงให้เกิดความเรียบง่ายมากขึ้น ถือเป็นแนวทางที่สามารถทำให้เฟอร์นิเจอร์ของคุณเพิ่มความคลาสสิคลงไป เช่น ฟิลิปป์ สตาร์ค เป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์ชื่อดังก้องโลก ได้เสนอผลงานในแบบ traditionals and classics ไว้ในงานเฟอร์นิเจอร์ที่เมืองมิลานในปี 2004 โดยนำงานเก้าอี้ในสมัย “บาร็อค” มาทำการดัดแปลงให้งานออกแบบเป็นเก้าอี้สีเขียวมะนาว มีความเรียบง่ายตามสไตล์ ฟิลิปป์ สตาร์ค นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในการสร้าง trends ใหม่ขึ้นมา ถ้าตัวอย่างกรณีศึกษาในบ้านเราก็อย่างการตลาดเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ตลาดเพลินวาน เป็นการนำงานออกแบบที่นำมาปรับใช้เพื่อสร้างบรรยากาศ โดยการออกแบบ สิ่งของเครื่องใช้ ให้ดูเก่า คลาสสิค แม้ว่าบางสิ่งเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ โดยใช้วัสดุใหม่ๆ นำมาดีไซน์ให้ดูเก่าๆ เพื่อสร้างความเก่า แต่คลาสสิค ดูเรียบง่ายตรงตามคอนเซ็ปต์ เพราะกระแสนิยมของเก่ามาแรงมากในรอบ 10 ปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นตลาดสามชุก ตลาดอัมพวา เมืองปาย เมืองน่าน ล้วนเป็นต้นแบบของรากฐานทางวัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวไทยๆ ในบรรยากาศแบบย้อนยุค ที่หาไม่ได้ที่ไหนในโลก นอกจากประเทศไทยเท่านั้น

Trends : The Return of the 80’s หรือกระแสยุค 80 เป็นการนำผลิตภัณฑ์ในปี 80 มาทำการออกแบบใหม่ จุดเด่นของงานออกแบบในแนวนี้เป็นการใช้ สีดำและขาว เป็นสีคู่ตรงข้ามที่ถูกนำมาใช้กันอย่างมากที่สุด ในขณะที่สีเขียวมะนาว หรือสีแดงนั้น ถูกนำมาใช้เป็นตัวเสริม ในงานเฟอร์นิเจอร์เพื่อให้เกิดความน่าสนใจมากขึ้นในชิ้นงาน รูปทรงจะเป็นเรขาคณิต ไม่ว่าจะเป็นเส้นตรง มุมแหลม วงกลม หรือวัสดุทรงเหลี่ยม ในขณะที่วัสดุก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน วัสดุที่ใช้จะมีความมันวาวทั้งหมด ได้แก่ พลาสติกแบบเงา หนัง หรือแม้แต่โลหะ

เทรนด์ดีไซน์ของงานเฟอร์นิเจอร์นั้นมีความหลากหลาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการว่า จะนำเทรนด์แบบใดไปใช้กับการพัฒนาสินค้าของตนเอง ซึ่งต้องมีการศึกษาความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่ผู้ประกอบการได้ตั้งเป้าเอาไว้ ให้ได้ประสิทธิผลดีที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น