1.คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา
ประธานและผู้ก่อตั้งเครือบริษัทคิงพาวเวอร์ และสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ คุณวิชัยได้เสียชีวิตลง(พร้อมผู้ติดตาม) จากอุบัติภัยร้ายแรงกรณีเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของท่านตก
ที่ข้างสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม
2561 ขณะกำลังจะเดินทางกลับออกจากสนาม ภายหลังไปชมการแข่งขันฟุตบอลนัดที่เลสเตอร์ซิตี้เป็นทีมเหย้าเจอกับเวสต์แฮมยูไนเต็ด
ได้จบลง
การสูญเสียคุณวิชัยในครั้งนี้กลายเป็นการสุญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการกีฬา
โดยเฉพาะวงการฟุตบอลทั้งในไทยและอังกฤษ รวมถึงการสูญเสียปูชนียบุคคล
ผู้เสียสละทำความดีต่อสังคม และเป็นนักธุรกิจผู้ที่ให้แก่สังคมมากมายหลายวงการ
ความดีของท่านจะเป็นที่จดจำของแฟนบอลทั่วโลก และคนไทยตลอดไป
2.ท่านณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร อดีตผู้ว่าราชการจว.เชียงราย (ปัจจุบัน ผจว.น่าน) จากวีรกรรมที่ท่านเป็นผู้นำในปฏิการค้นหาและช่วยเหลือ
13 ทีมหมูป่าติดถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ที่จว.เชียงราย
โดยขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการ จว.เชียงราย
และทำหน้าที่เป็นผู้นำในปฏิบัติการค้นหา ประชุม วางแผน แก้ปัญหา คอยประสานงาน
และอำนวยความสะดวกให้แก่หน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ และหน่วยงานจากต่างประเทศ จิตอาสา
ตลอดจนสื่อมวลชนจากทุกแขนงทั่วโลก ที่เข้ามาติดตามทำข่าว จนประสบความสำเร็จ
สามารถนำพา 13 ชีวิตรอดปลอดภัยออกมาได้จนหมด
แม้ว่าจะสูญเสียบุคคลอยู่ 1 ท่าน (ก็คือจ่าแซม)
ด้วยเหตุสุดวิสัยก็ตาม แต่จากผลงาน วุฒิภาวะการเป็นผู้นำของท่านในปฏิบัติการถ้ำหลวงที่กินเวลา
1 เดือนกว่า สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับทั้งตัวจังหวัด
ประเทศไทย จนได้รับคำชื่นชม และยอมรับจากทั้งสื่อ มวลชน และคนทั่วโลก
3.นายวิเชียร ชิณวงษ์ หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
ด้านตะวันตก บุคคลผู้ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างเต็มกำลัง
ความสามารถ เที่ยงตรงและยึดมั่นในอุดมการณ์ ที่จะพิทักษ์ ป้องกัน และป้องปราม
การกระทำที่ถือเป็นภัยคุกคามสัตว์ทุกชนิดในพื้นป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
ซึ่งจัดเป็นสัตว์หายาก และใกล้สูญพันธุ์ ตามตัวบทกฎหมาย อย่างที่ไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพล
อำนาจบาตรใหญ่ นำเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการจับกุมนายเปรมชัย
กรรณสูตกับพวกที่เข้าไปล่าเสือดำ
ได้เป็นบทพิสูจน์ต่อสังคมทั้งสังคมไทยและสังคมโลกแล้วว่า
ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมและถูกต้องแล้ว แม้ว่าในทางคดี
จะยังไม่มีบทสรุปที่แน่ชัดออกมาว่า
ผู้กระทำความผิดจะได้รับบทลงโทษให้สาสมกับความผิดหรือไม่ แต่ในทางสังคม
ต้องถือว่าผู้กระทำความผิด ได้ถูกประณามจากคนทั่วโลกและคนในสังคมไทยไปหมดแล้ว
และนี่คือตัวอย่างของคนดีในยุคปี 2018 ที่ควรค่าแก่การเทิดทูนยกย่อง
อย่างไม่ต้องสงสัย
4.นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของบุคคลที่ออกหน้าเป็นหัวหอก
ในการนำเหยื่อผู้ถูกกระทำในคดีอาชญากรรมหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความอยุติธรรมในสังคม
โดยถ้านับเฉพาะผลงานในปีนี้ที่เด่นๆ ก็มีหลายเรื่อง อาทิ
ออกมาเปิดโปงการช่วยเหลือวิ่งเต้นคดียาเสพติดของดารานักแสดงท่านนึง
ที่มีทนายคนหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องในการรับเงินเพื่อวิ่งเต้นคดีให้ดารานักแสดงผู้นี้พ้นผิด
หรือได้รับความผิดเพียงเล็กน้อยจนหลุดคดี โดยมีจนท.ตำรวจและอัยการ
สมรู้ร่วมคิดอยู่ในขบวนการนี้ด้วย
ซึ่งการออกมาเปิดโปงในครั้งนี้ทำให้ทั้งตัวทนายคนดังและ จนท.ตำรวจคนที่ถูกกล่าวหา
ต้องติดร่างแหถูกสอบ และดำเนินคดีอยู่ในเวลานี้ , การเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลในคดีมหากาพย์หวยอลเวง
30 ล้าน , และที่โด่งดังและถือเป็นข่าวใหญ่โตอยู่เกือบ 2
สัปดาห์ ก็คือคดีผู้เสียหาย สตรีท่านนึง จากเหตุการณ์ถูกทำร้ายด้วยน้ำกรดจากสามีของตนเอง
และเดินทางไปยัง รพ.พระราม 2 แต่เกิดกรณีพิพาทกันระหว่างสตรีผู้เคราะห์ร้ายกับโรงพยาบาล
เนื่องจากทาง รพ.พระราม2 ไม่มีแพทย์เวรอยู่ประจำ รพ.ณ
ขณะเกิดเหตุ (ตี 3) จนเป็นเหตุให้การรักษาล่าช้า
จนทำให้สตรีผู้เคราะห์ร้ายเสียชีวิต และคุณอัจฉริยะ
ได้เข้ามาอาสาในการเรียกร้องขอความเป็นธรรม
จนเป็นที่มาของการเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลของ รพ.พระราม 2 ทั้งข้อหาด้านจริยธรรมในวิชาชีพ
การไม่รับรักษาคนไข้เมื่ออยู่ในภาวะฉุกเฉินอย่างทันท่วงที
โดยต้องการโอนไปยังสถานพยาบาลที่มีสิทธิรักษา ตามมาด้วยการถูกขุดคุ้ยไปถึง
วิธีการปฏิบัติต่อคนไข้ฉุกเฉิน การไม่มีแพทย์ประจำในห้องฉุกเฉิน
การวินิจวิเคราะห์อาการของคนไข้ไม่ละเอียดหรือถูกต้อง
ตลอดจนไปถึงการสร้างอาคารผู้ป่วยนอก ฉุกเฉินผิดแบบ ยังไม่ได้การอนุญาตจากเขต เพราะต่อเติมอาคารที่จอดรถเป็นห้องฉุกเฉินอย่างพลการ
ฯลฯ แม้ว่าทาง รพ.จะไม่ถูกสั่งปิดแบบถาวร
แต่ก็ได้รับบทลงโทษอยู่หลายกรณีตามข่าว ที่ได้ติดตาม
5.ทนายรณรงค์
แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เป็นทนายขวัญใจคนยาก
ที่อาสาช่วยเหลือในหลายคดี โดยเฉพาะคดีเมจิกสกิน ที่ทนายรณรงค์
ได้เข้าไปมีส่วนรวบรวมหลักฐานและผู้เสียหาย ยื่นฟ้องเอาผิดเจ้าของโปรดักท์
ที่เข้าข่ายหลอกลวง และฟอกเงิน ทำกันเป็นขบวนการใหญ่โต
มีมูลค่าเสียหายนับหลักร้อยล้าน และมีผู้เกี่ยวข้องที่เป็นผู้สูญเสีย
หรือเป็นเหยื่อร่วมๆ พันคน ยังมีอีกหลายคดี
ที่ทนายรณรงค์ได้เข้าไปให้การช่วยเหลือลูกความจำนวนมากให้สามารถสู้คดี
ทวงความยุติธรรมจนพ้นผิด หรือชนะคดี โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน
6.น.ส.ปนิดา ยศปัญญา นศ.ฝึกงาน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ข่าวนี้
“นศ.ฝึกงานแฉ! ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งฯ สั่งปลอมเอกสาร เบิกเงิน6.9ล้าน – ไทยรัฐ”
ได้ทำให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
ได้กลายเป็นที่พูดถึงและโด่งดังในชั่วข้ามคืน
และกลายเป็นผู้จุดประกายให้สื่อมวลชนตามต่อ ตีแผ่
ความไม่ชอบมาของขบวนการทุจริตในกระทรวงพัฒนาสังคมและความยั่งยืนของมนุษย์
ว่ามีข้าราชการตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับสูง มีส่วนเกี่ยวข้องและรู้เห็นการทุจริตงบในรูปแบบต่างๆ
นาๆ และทำกันมานานแล้ว จนเป็นที่มาที่ทำให้ท่านนายกลุงตู่ ออกคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบงบในกระทรวงทุกรูปแบบ
และเอาผิดข้าราชการทุกระดับชั้น ไม่ว่าตำแหน่งใด จนเป็นที่มาของการสืบสวนจนรู้ว่า
ต้นตอสูงสุดเป็นถึงปลัดกระทรวง และในที่สุดท่านได้ทำอัติวินิบาตกรรมเพื่อหนีคดีและความผิดไป
อานิสงส์ความดีของ น.ส.ปนิดา ทำให้เธอได้รับการยกย่องชื่นชมจากหลายหน่วยงาน ได้รับโล่เกียรติคุณ
ยกย่องความดี และได้เข้าทำงานในที่ที่เธอต้องการไปเรียบร้อยแล้ว
7.โปรเม เอรียา จุฑานุกาล นักกีฬากอล์ฟอาชีพหญิง มืออันดับ 1 ของโลกชาวไทย ไม่บ่อยครั้งที่ประเทศไทยจะมีนักกีฬาในระดับโลก หรือนักกีฬาที่ไปสร้างชื่อเสียงในระดับโลก และยิ่งภายในรอบปี สามารถสร้างเกียรติประวัติเป็นสถิติโลกอีกด้วย แต่ปีที่ผ่านมา กลายเป็นปีทองของ เอรียา จุฑานุกาล หรือที่เรียกว่าโปรเม โปรเม นับเป็นนักกอล์ฟคนแรกในประวัติศาสตร์ที่กวาดทุกรางวัลใหญ่ของ LPGA Tour ในรอบปีเดียวกันขณะที่ครองมือ 1 ของโลก โดยก่อนหน้านี้ โปรเมการันตีรางวัลใหญ่ ๆ อื่น ๆ ไปแล้ว ได้แก่ นักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปี Rolex Player of the Year, รางวัลผลงานดีที่สุดในรายการระดับเมเจอร์ Rolex Annika Major Award, ตำแหน่งนักกอล์ฟทำเงินรางวัลสูงสุด และโบนัส 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ ในฐานะนักกอล์ฟที่จบอันดับท็อป 10 มากที่สุดตลอดปี เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 มีรายงานว่า โปรเม เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟสาวมือ 1 ของโลก กวาดรางวัลใหญ่ของ LPGA Tour ครบทุกรางวัลในรอบปี 2018 หลังจากคว้าอีก 2 รางวัลใหญ่ คือ โบนัส 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากคะแนนสะสม Race to CME Globe รวมทั้งรางวัลสกอร์เฉลี่ยยอดเยี่ยม ถ้วยแวร์ โทรฟี่ ไปครอง หลังจบรอบสุดท้าย ศึก CME Group Tour Championship ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน โดยทำผลงาน 12 อันเดอร์พาร์ 276 คว้าอันดับ 5 ร่วม ส่วน โปรโม โมรียา จุฑานุกาล ปิดฉากการแข่งขันในอันดับ 58 ร่วม สกอร์ 5 โอเวอร์พาร์ 293 ผลงานของโปรเมในรายการนี้ยังการันตีอีกรางวัลใหญ่ อย่างถ้วย "แวร์ โทรฟี่" สำหรับนักกอล์ฟที่ทำสกอร์เฉลี่ยต่ำที่สุดของฤดูกาลอีกด้วย โดยโปรเม มีสถิติ 69.415 ตามด้วย มินจี ลี โปรชาวออสเตรเลีย ซึ่งคว้าอันดับ 37 ร่วม ตีเกิน 1 โอเวอร์พาร์ 289 โดยลีมีสกอร์เฉลี่ยมากกว่าโปรเม 0.332 คนไทยทั้งประเทศจึงไม่อาจจะไม่ยินดีกับความสำเร็จของเธอ ที่ได้สร้างชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทย นอกเหนือจากผลงานการเป็นนักกีฬาอาชีพแล้ว ประวัติการดำเนินชีวิตของเธอ และหลักคิด แนวคิดของโปรเม ก็น่าสนใจ และคู่ควรแก่การนำเอาไปเป็นแบบอย่างของเยาวชนหรือคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี
หยิกแกมหยอกจึงขอปรบและสดุดี ยกย่องบุคคลเหล่านี้ ไว้ในทำเนียบบุคคลแห่งปี 2
บทความโดย บล็อกหยิกแกมหยอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น