วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2561

10 สุดยอดปรากฏการณ์ทางการตลาดแห่งปี 2018 (อันดับที่ 4,3,2)


อันดับ 4  ตลาด OTT ในไทย ยังอยู่ในขั้นเพิ่งคลอดออกจากท้องแม่ (เริ่มต้น) แต่บรรดาคุณแม่ของน้องๆ เริ่มออกอาการตบตีแย่งแฟนคลับกันแล้ว (Pre-War)

OTT หรือ Over-the-top คือการให้บริการใดๆ ผ่านอินเทอร์เน็ตเปิด โดยที่ผู้ให้บริการ OTT ไม่ได้ลงทุนหรือเป็นเจ้าของโครงข่ายอินเทอร์เน็ตเอง เช่น facebook Uber AirBnb เป็นต้น เมื่อนำคำนี้มารวมกับคำว่า TV หรือโทรทัศน์เป็น OTT TV (Over-the-top TV) แล้ว ในที่นี้จะหมายความรวมถึงบริการสื่อวีดิโอและโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต




10 ข้อ ย่อดราม่า 'สงครามผู้กุมอำนาจ' เมื่อขาใหญ่แข็งเมือง

เมื่อ กสทช.มีคำสั่งให้เฟซบุ๊กและยูทูบต้องมาขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการ OTT (Over the Top) ซึ่งเป็นบริการสื่อสารแพร่ภาพและเสียงผ่านแอปพลิเคชันบนอินเทอร์เน็ต หากไม่มาอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย หลายคนจึงมีคำถามในใจว่า เกิดอะไรขึ้น? และอะไรคือข้อดี-ข้อเสียของเหตุการณ์นี้
1.เมื่อต้นปีที่ผ่านมารัฐฯ เกิดความตื่นตัวในเรื่องการกำกับแนวทางดูแลบริการประเภท OTT  ซึ่งการกำกับบริการเหล่านี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย มีทั้งแนวทางที่ทำได้และแนวทางที่ทำไม่ได้ เมื่อ OTT ในตอนนี้ยังไม่มีกฎหมายควบคุม 
2.บริการสื่อสารภาพและเสียงบนอินเทอร์เน็ต โดยผู้ให้บริการไม่จำเป็นต้องลงทุนโครงข่ายสัญญาณเอง โดยแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1. OTT อิสระ อาทิ เฟซบุ๊ก และยูทูบ 2. OTT ผู้ผลิตคอนเทนต์ อาทิ HBO 3.ช่องรายการโทรทัศน์ทีให้บริการ OTT เช่น เวิร์คพอยท์, 3HD ฯลฯ 4. ผู้ประกอบการโทรคมนาคมที่ให้บริการOTT ได้แก่ AIS Play 5. เพย์ทีวีในแบบ OTT และ 6. OTT ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างผู้ให้บริการต่างๆ
3.ประเด็นทั้งหมดเกิดจาก ผู้ให้บริการ OTT จำนวนหนึ่งเรียกเก็บค่าสมาชิกหรือค่าบริการเสริมจากผู้ชมอยู่แล้ว แต่การทำรายได้ของผู้ให้บริการ OTT อีกกลุ่มหนึ่งเกิดจากค่าโฆษณาจากแบรนด์ที่นำสินค้าและบริการมาลงโฆษณาผ่านแพลตฟอร์ม ดังนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุให้เกิดผลกระทบต่อสังคมและอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลบางส่วน
4. ต่อมา กสทช.จึงเข้ามาควบคุมดูแล โดยมีมติให้ OTT เป็นกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ โดยมีอนุกรรมการฯเป็นผู้กำกับดูแล นำโดย พ.อ.นที ศุกลรัตน์ 
5. จากการสำรวจของ DAAT หรือ สมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) พบว่า ผู้ให้บริการ AVoD (Advertising Video On Demand) ที่มีรายได้สูงที่สุดคือเฟซบุ๊ก (2,842 ล้านบาท) ตามมาด้วย YouTube (1,663 ล้านบาท) และผู้ให้บริการ OTT อื่นๆ อาทิ Line TV และผู้ประกอบการช่องโทรทัศน์อื่นๆ (502 ล้านบาท)
6. ใครบ้าง...คือผู้ซื้อโฆษณา? สำหรับในประเทศไทยธุรกิจ 7 ธุรกิจหลักนี้เป็นเจ้าของเม็ดเงินโฆษณา ได้แก่ 1. ธุรกิจยานยนต์ 2. ธุรกิจการเงินและธนาคาร 3. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 4. ธุรกิจประกันภัย 5. ธุรกิจโทรคมนาคม 6. ธุรกิจสินค้าอุปโภคและบริโภค สุดท้าย 7. ธุรกิจพลังงาน ทั้งหมดนี้เป็นกลุ่มธุรกิจที่เป็นผู้สนับสนุนสำคัญของบริการ OTT
7. กสทช. ได้มีมติอย่างเป็นทางการว่าหาก เฟซบุ๊กและ ยูทูบไม่มาลงทะเบียนเป็นผู้ให้บริการ OTT ภายในวันที่ 22 กรกฎาคม 2560 หากธุรกิจไหนมาซื้อโฆษณาจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย หากเป็นบริษัทมหาชน จะถูกแจ้งว่าเป็นบริษัทที่ไร้ธรรมาภิบาล แต่หากบริษัทไหนเป็นรัฐวิสาหกิจ กสทช. ก็จะส่งจดหมายรูปแบบเดียวกันแจ้งไปยังหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจนั้นๆ (อันนี้ เป็นเหตุการณ์เมื่อปี 2560 ปัจจุบันทั้ง 2 ราย ได้มีการเจรจากับทาง กสทช.แล้ว)
 8. ดราม่าบังเกิดอีกทีตรงที่ เมื่อ AIC หรือ สหพันธ์อินเทอร์เน็ตแห่งเอเชีย มีการออกจดหมายแสดงความกังวลถึง กสทช. ว่าประเทศไทยกำลังหันหลังให้กับนวัตกรรมเพราะข้อบังคับใหม่เกี่ยวกับการให้บริการ OTT เนื่องจากข้อบังคับเหล่านี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับธุรกิจในประเทศไทยเป็นอันดับแรก อีกทั้งยังเพิ่มขอบเขตการดูแลที่อาจทำให้เกิดการจำกัดการเติบโตของอุตสาหกรรม ที่ไม่ให้คนไทยที่ทำธุรกิจใช้งานแพลตฟอร์มระดับโลก
9. ในขณะนี้มีผู้ให้บริการ OTT มาขึ้นทะเบียนแล้วกว่า 10 ราย อาทิ MONOmaxxx, AIS Play, PRIMETIME, HOLLYWOOD HDTV เป็นต้น ส่วน NETFLIX นั้นไม่มีสำนักงานในไทย จึงขอพบในช่วงเดือนกรกฎาคม 
10. เหตุการณ์นี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร ยูทูบและเฟซบุ๊กจะยอมมาลงทะเบียนภายในกำหนดหรือไม่  (เครดิตข้อมูลบทความจาก ไทยรัฐออนไลน์)





ฟรีทีวีดิจิตอลรับศึกอย่างไร OTT อย่างไร ที่ผ่านมา ช่องหลัก อย่าง 7,3,Workpoint ,Mono29, One+GMM25 ต่างมีช่องทางออนไลน์เป็นของตนเอง ทั้งในส่วนแฟนเพจของช่อง หรือช่องทีวีออนไลน์ใหม่ ที่เอาไว้ดูละครโดยเฉพาะ เช่น ช่อง 7 มี Bugaboo TV, ช่อง 3 มี Mello TV, Workpoint มีช่อง Youtube ที่มีคนติดตามเป็นหลัก 10 ล้านวิว ใหญ่สุดในอาเซียน, หรืออย่างช่อง One+GMM25 ใช้บริการ Line TV เป็นช่องทางหลักเผยแพร่รายการ เพราะร่วมกันปลุกปั้นกันมากับ Line TV แต่ต้น และนับวัน Line TV จะเป็น OTT ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เทียบชั้น Youtube
พาดหัวข่าวในปีนี้ สงครามชิงผู้ชม LINE TV ครองแชมป์ TV Rerun ท้าชน YouTube – FB ด้วยจุดแข็งมีพันธมิตร และ Exclusive Contnet ที่แข็งแกร่ง
Netflix ประกาศเปิดตัว Original Content 10 เรื่องจากฝั่งยุโรป และ 5 เรื่องจากฝั่งเอเซีย (ในจำนวนนี้มีของไทย 2 เรื่องด้วย)


สำหรับผู้เล่นรายหลักๆ ของ ตลาด OTT ในไทย มีใครบ้าง และค่าบริการสมาชิก ต่างกันอย่างไร  อาทิ
-Line TV ให้บริการคอนเท็นต์รายการทุกประเภท อาทิ ข่าว สารคดี เกมส์โชว์ วาไรตี้ ละคร ซีรีส์ ปกิณกะจากช่องทีวีดิจิตอล เกือบทุกช่อง  และ Original Content ที่ชมได้เฉพาะในช่องทางของ Line TV เท่านั้น และในอนาคตอาจมีการเก็บค่าบริการสมาชิกที่ต้องการเลือกชม Content แบบ exclusive
-MONO MAXX  ให้บริการคอนเท็นต์สุด exclusive ทั้ง หนัง ซีรีส์ตปท. กีฬา สารคดี ที่ไม่มีหรือซ้ำกับในช่อง Mono29 หรือ Mono Plus ซึ่งเป็นช่องฟรีทีวี  สำหรับ Mono Maxx มีให้เลือกทั้งหมด 2 แพ็กเกจ  คือ 
   • แพ็กเกจ 1 เดือน ราคา 250 บาท
   • แพ็กเกจ 12 เดือน ราคา 2,500 บาท 

-TrueID   สมัคร App TrueID พร้อมรับสิทธิ์ ดูฟรี 12 เดือน พิเศษรับสิทธิ์ ดูบอลโลกฟรีๆ ตลอดทัวร์นาเม้นต์ แอปเดียวครบสุดทุกความสนุกและสิทธิพิเศษ

AIS PLAY Package ความบันเทิงครบรส ทุกที่ ทุกเวลา PLAY PREMIUM PACKAGE
ที่สุดของความบันเทิงกับแพ็กเกจสุดคุ้มจาก 27 ช่องชั้นนำระดับโลก พร้อมด้วย Video on Demand จาก HBO GO, Warner TV, Food Channel, Cartoon Network พร้อมคลังหนังและซีรีส์ ทั้งไทย และฮอลลีวูดที่ใหญ่ที่สุดอย่าง HOOQ
299 บาท/เดือน
PLAY PREMIUM UNLIMITED PACKAGE ให้คุณดูทีวี หนัง ซีรีส์ การ์ตูน และข่าว จากช่องดังระดับโลก ผ่านแอป AIS PLAY Unlimited Internet สำหรับแพ็กเกจ PLAY PREMIUM และ แอป AIS PLAY พร้อมคลังหนังและซีรีส์ ทั้งไทย และฮอลลีวูดที่ใหญ่ที่สุดอย่าง HOOQ
499 บาท/เดือน
PLAY MOVIES PACKAGE ให้คุณเต็มอิ่มกับหนัง ซีรีส์ และความบันเทิง ระดับโลก จากช่องในเครือ HBO , Warner TV,BLUE ANT ENTERTAINMENT และ BLUE ANT EXTREME และรายการย้อนหลังอีกมากมาย
199 บาท/เดือน
PLAY SERIES PACKAGE
แพ็กเกจ PLAY SERIES ให้คุณรับชมซีรีส ์ชื่อดังจาก Warner TV, BLUE ANT ENTERTAINMENT และ BLUE ANT EXTREME รวมรายการเรียลลิตี้แนวผจญภัยตื่นเต้น และกีฬาผาดโผนไว้ในที่เดียว
99 บาท/เดือน
PLAY LIFESTYLE PACKAGE
แพ็กเกจ PLAY LIFESTYLE เต็มอิ่มกับสาระความรู้ และเทคนิคการทำอาหารและเชฟที่คุณชื่นชอบจากหลากหลายประเทศ จากช่องชั้นแนวหน้าอย่าง Food Network และ Asian Food Channel
99 บาท/เดือน
PLAY SPORTS PACKAGE แพ็กเกจ PLAY SPORTS เชียร์มันส์กับกีฬาดัง ที่ทุกคนต้องชื่นชอบจากทั่วทุกมุมโลก เช่น ฟุตบอล เทนนิส กอล์ฟ มวย รถแข่ง และอีกมากมาย จาก ช่อง Fox Sports และ Golf Plus
99 บาท/เดือน
PLAY KIDS PACKAGE
แพ็กเกจ PLAY KIDS ช่องการ์ตูนยอดนิยมอย่าง Cartoon Network และ Nick JR: ที่เหมาะสำหรับ คุณหนูๆ ที่โด่งดังทั่วโลก ช่วยเสริมสร้างจินตนาการ และส่งเสริมภาษาให้กับลูกๆ
99 บาท/เดือน
PLAY NEWS PACKAGE
แพ็กเกจ PLAY NEWS ให้คุณรับชมข่าวจากทั่วทุก มุมโลกจาก ช่องข่าวระดับโลกทั้ง CNN และ HLN ทั้งข่าวทั่วไป การเมือง กีฬา หรือข่าวธุรกิจได้ทันที ทุกที่ ทุกเวลา
99 บาท/เดือน
บริการของ Netflix
เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ให้คุณชมภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ สารคดี หลากหลายจากทั่วโลก ผ่านแอปพลิเคชั่น Netflix มีค่าบริการรายเดือน ที่เก็บทุกๆ 30 วัน ผ่านระบบ Paypal โดยเลือกแพ็คเกจตามจำนวนอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อ
• Free Package รับชมเดือนแรกฟรี, ยกเลิกได้ทุกเมื่อ, ภาพยนตร์และรายการทีวีแบบไม่จำกัด, รับชมในแล็ปท็อป สมาร์ททีวี สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต ได้
• 280 บาท - 1 อุปกรณ์ รับชมเดือนแรกฟรี, ยกเลิกได้ทุกเมื่อ, ภาพยนตร์และรายการทีวีแบบไม่จำกัด, รับชมในแล็ปท็อป สมาร์ททีวี สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต ได้
• 350 บาท - 2 อุปกรณ์ รับชมเดือนแรกฟรี, ยกเลิกได้ทุกเมื่อ, ภาพยนตร์และรายการทีวีแบบไม่จำกัด, รับชมในแล็ปท็อป สมาร์ททีวี สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต, รับชมในรูปแบบ HD ได้
• 420 บาท - 4 อุปกรณ์ รับชมเดือนแรกฟรี, ยกเลิกได้ทุกเมื่อ, ภาพยนตร์และรายการทีวีแบบไม่จำกัด, รับชมในแล็ปท็อป สมาร์ททีวี สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต, รับชมในรูปแบบ HD ได้ และ รับชมในรูปแบบ Ultra HD ได้
เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) เปิดให้ดูฟรีใน 30 วัน แรก และเก็บค่าบริการในทุก 30 วัน โดยหากคุณไม่ต้องการต่ออายุสมาชิกแล้ว ให้คลิกเลือก ยกเลิก ที่เว็บไซต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งแพ็คเกจเริ่มต้นราคา 280 บาท และสูงสุด 420 บาท ต่อเดือน ซึ่งถือว่าไม่แพงเลยสำหรับการดูหนังต่อเดือน และระบบ Ultra HD หากเปิดกับ Smart TV จอใหญ่ๆ ก็ให้ความบันเทิงได้ไม่ต่างจากดูในโรงภาพยนตร์เลยทีเดีย
Hollywood TV ค่าบริการ ก็อยู่ที่เดือนละ 199 บาท แต่หากจ่ายทีเดียวครึ่งปี หรือ ปีนึงไปเลย ก็จะได้รับส่วนลดค่าบริการไป อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : 
https://www.kafaak.com/2015/03/02/review-hollywood-hdtv/
App Viu ดูซีรีส์เกาหลีสดๆ ใหม่ๆ แบบมีซับไทยและถูกกฏหมาย
VIU Premium code 30 days (30 วัน)
฿119.00
VIU Premium code 3 Months (3 เดือน)
฿315.00
ยังมี Good TV, PRIMETIME TV, IPTV ,LOOX TV  และแพล็ตฟอร์ม OTT อีกหลายเจ้า ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ 

นาทีนี้ ต้องถือว่าเป็นเพียง ปฐมบทของสงคราม OTT ในบ้านเรา ซึ่งกระทบไปถึง FREE TV DIGITAL แน่ๆ หากว่าฟรีทีวีไม่ปรับตัว ในอนาคต ไม่รู้ว่าจะเหลือฟรีทีวีอีกกี่ช่องให้ดู เพราะว่า OTT มี content มากมายและหลากหลาย และสามารถเลือกดูได้ตามความชอบ หรือสนใจ จ่ายในราคาไม่แพงมากด้วย เพราะว่าอย่างไรเสีย ในอนาคตต้องเกิดสงครามราคา ดังนั้น ตลาดจะเป็นของคนดู ยังไม่นับรวม Facebook TV,Google,Amazon และ Youtube ที่เตรียมจะกระโดดลงมาเล่นในสมรภูมินี้อย่างเต็มตัว ในเร็วๆ นี้



อันดับ 3  Rare Items Intrend โดนใจคนรุ่นใหม่ ต้อง สวย ทน ดี และ Limited Edition ,แพงไม่ว่า ชนิดที่หาซื้อไม่ได้ทั่วไป นำไปเก็งกำไร ปั่นราคา อวดรวยเว่อร์ๆๆ ได้!!! จนมีกระแสข่าว talk of the town เนื่องจากเพจดัง หมิง ขั้วโลก ตั้งข้อสังเกต วัยรุ่นสยามยุคนี้ เครื่องหน้า เครื่องแต่งตัว ทั้งตัวเหยียบแสน บางคนเหยียบครึ่งล้านเข้าไปแล้ว









อาทิ รองเท้าผ้าใบ sneaker (สำหรับผู้ชาย อาทิ Nike Air Vapor Max Flyknit iD , Adidas NMD R1 , Onitsuka Tiger Mexico 66 สำหรับผู้หญิง  อาทิ Nike Air Force 1 Velcro Swoosh Pack , Fila Disruptor 2 , Fila Classic Kicks B )  แว่นตากันแดดผู้หญิงทรง Cat Eye ยี่ห้อ Gentle Monster รุ่น Not to Day ,แว่นตากันแดดผู้ชาย แบรนด์ Zilingo , GAMT SQUARE FULL FRAME Polarized sunglasses แว่นกันแดด ทรงสี่เหลี่ยม เลนส์โพราไรซ์ ขนาด 58 mm สีดำ  ,กระเป๋าถือผู้ชายสไตล์เกาหลี ,กระเป๋าถือผู้หญิงสไตล์ชิควัสุดุเป็นไม้สาน,หวายสานสุดเก๋ ,หูฟังลำโพงสุดชิค กิ๊ฟเก๋ อินเทรนด์ ยังมีบลาๆๆๆๆ......เป็นต้น  ซึ่งสนนราคา ไม่ต้องพูดถึง แพงโคตร ชนิดที่ว่า ถ้าไม่ใช่ลูกคนรวย หรือคนมีรายได้สูง อย่าบังอาจเอื้อมไปซื้อเลย เพราะคุณจะเสี่ยงที่จะหมดค่าขนมไปอีกหลายเดือน หรือบางรายถึงกับเป็นหนี้เป็นสิน จากค่ารูดบัตรเครดิต บานตะไท


ดราม่าวัยรุ่นไทย! เที่ยวสยาม แต่งตัวร่วมแสน (มีคลิปให้ดูแนบ)

ทันทีที่คลิปสำรวจการแต่งกายของวัยรุ่นสยามเผยแพร่ในโลกโซเชียล นอกจากกระแสดราม่าแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ตามมาคือ คำถามที่ว่าดอกมุราคามิ หรือ Murakami flower ที่เหล่าวัยรุ่นในคลิปใช้กันมันคืออะไร ทำไมถึงกลายเป็นเทรนด์ฮอตฮิตและมีราคาแพงถึงหลักพันบาท ลองมาทำความรู้จักกันว่าดอกไม้หน้ายิ้มสีฉูดฉาดนี้มีที่มาอย่างไร ดอกมุราคามิเป็นผลงานการออกแบบของทาคาชิ มุราคามิ (Takashi Murakami) ซึ่งเขาใช้ชื่อของเขาเรียกแทนชื่อดอกไม้หน้ายิ้มนี้ ซึ่งศิลปินคนนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นศาสดาแห่งป๊อปอาร์ตในวงการออกแบบญี่ปุ่น และผลงานของเขาก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือการ์ตูนอานิเมะ หรือมังงะ ซึ่งจะมีสีสันสดใส ฉูดฉาด และถ่ายทอดออกมาทั้งผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม หรือภาพพิมพ์ สำหรับเหตุผลที่ทำให้เจ้าดอกมุราคามินี้กลับมามีมูลค่า และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย นั่นเป็นเพราะมีคนดังของเมืองไทยอย่างเช่นน้องโมบายล์ BNK48 หยิบเอาเจ้าดอกไม้หน้ายิ้มนี้มาประดับบนเสื้อผ้า รวมไปถึงจากคลิปวิดีโอการแต่งกายของวัยรุ่นสยามที่กลายเป็นกระแสชั่วข้ามคืนก็พบว่าวัยรุ่นสยามจำนวนมากก็กำลังหันมาฮิตดอกมุราคามิ รวมไปถึงดาราหนุ่มโทนี่ รากแก่น และศิลปินจียง G-Dragon จากวง BigBang จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมอยู่ๆ ดอกไม้หน้ายิ้มสีสดนี้จึงมีราคาสูงขึ้น โดยปกติดอกมุราคามิที่วางขายอยู่ในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีราคาอยู่ที่ประมาณ 700 บาท (ราคาในช่วงที่กำลังฮิต)  เมื่อนำมาขายในประเทศไทยราคาจึงสูงขึ้นเป็นธรรมดา บวกกับกำลังอยู่ในกระแสความนิยมด้วย




ข่าวพาดหัว เกี่ยวกับ Rare Items Intrend ในปีนี้
#ของมันต้องมี ! 5 รุ่นรองเท้าผ้าใบใหม่มาแรว๊งส์ แซงทุกกระแส....ได้แก่  
รองเท้าผ้าใบผู้ชาย 2018 เปิดลิสต์ 8 รองเท้าผ้าใบที่ควรมีไว้ในครอบครองปีนี้
อัปเดต ! เทรนด์แว่นกันแดดรับซัมเมอร์ 2018 ทรงไหนฮิต ทรงไหนปัง มาดูกัน
อยากเท่ห์ต้องมี 15  แว่นตาผู้ชาย ที่ดีที่สุดในเมืองไทย
2018 It-bags: รวมพลกระเป๋าสุดอินเทรนด์ที่ปีนี้คุณไม่มีไม่ได้
ดอกมุราคามิคืออะไร ทำไมถึงฮิตในกลุ่มวัยรุ่น และราคาแพงไปถึงหลักพัน
รวมภาพบรรยากาศ การเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ของ harman kardon และ JBL (หูฟัง,ลำโพงอินเทรนด์)
ดราม่า-แต่งตัวเหยียบแสน!  วัยรุ่นเดินเล่นสยาม เสื้อผ้าจัดเต็ม หัวจรดเท้ามูลค่าทะลุ 6หลัก

ในภาวะเศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่อยู่เวลานี้ อย่าไปคิดว่าสินค้าที่จับกลุ่มวัยรุ่น หรือคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง จะขายไม่ได้ แต่อย่างที่เกริ่นหัวเอาไว้ คือต้องเป็นสินค้า สวย ทน ดี และ Limited Edition ,แพงไม่ว่า ชนิดที่หาซื้อไม่ได้ทั่วไป นำไปเก็งกำไร ปั่นราคา อวดรวยเว่อร์ๆๆ ได้!!!   สินค้าเหล่านี้จะมีที่ทางหรือ เฉพาะกลุ่ม segmentation ของมัน  คนโดยทั่วไปอาจคิดว่ามันแพงแบบไร้เหตุผล หรือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย แนวแฟชั่น แต่เชื่อมั๊ยว่า บางอย่าง กลายเป็นสินทรัพย์ที่นำไปสะสมหรือขายต่อแบบทำกำไรได้ แต่คนทำสินค้าขาย ก็ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ และไอเดีย นวัตกรรม วัตถุดิบที่นำมาใช้ มหาศาล มันถึงเป็นที่มาของการตั้งราคาสูง ส่วนคนซื้อก็พร้อมจะจ่าย เพราะมันตอบสนองความพึงพอใจสูงสุด สินค้าเป็นตัวบ่งบอก แสดงตัวตน และบ่งบอกถึงฐานะทางรายได้และสังคมของเขาได้ นับวันมุลค่าของสินค้าแนว Luxury Rare Items เหล่านี้ จะเติบโตได้ในตลาดทุกตลาดที่มีกำลังซื้อสูง และผลักดันให้คนที่ไม่ได้มีกำลังซื้อสูง (รสนิยมสูงแต่รายได้ต่ำ) ก็อยากได้อยากมี หรือทะเยอทะยานที่จะใคว่คว้าหามันมาครอบครองเช่นกัน ซึ่งก็ต้องประเมินว่า มันจะนำมาซึ่งภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่จำเป็น ยังมีทางเลือกของสินค้าแนวใกล้เคียง ที่ถูกกว่า และคุณภาพก็ไม่ได้ด้อยกว่าให้เลือกซื้ออีกมาก
อันดับ 2  สมรภูมิค้าปลีกต้องสะเทือน เมื่อยานแม่ลง การปรากฏขึ้นของโครงการอภิมหาโปรเจ็คท์   ICON SIAM




ปีนี้ในช่วงครึ่งปีแรก มีเพียงโปรเจ็คท์ของเครือเซ็นทรัล คือเซ็นทรัลชลบุรีและเซ็นทรัลชัยภูมิ พอมาช่วงปลายปี มีโครงการของกลุ่มเสี่ยเจริญ ก็คือ ศูนย์การค้าเกตเวย์-บางซื่อ และที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด ชนิดกลบทุกกระแสในช่วงนั้น ก็คือ ศูนย์การค้า ไอคอนสยาม ของกลุ่ม C.P แม็กโนเลีย ร่วมกับ สยามพิวรรธน์  บริเวณริมฝั่งเจ้าพระยา ถ.เจริญนคร ฝั่งธนบุรี ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 54,000 ล้านบาท เทียบเท่าโครงการสยามพารากอน ที่สยามแสควร์ และบริหารงานโดยกลุ่มเดียวกัน
ไอคอนสยาม
    อภิมหาโครงการที่กำลังจะกลายมาเป็นสัญลักษณ์อีกหนึ่งแห่งของสยาม ซึ่งวัตถุประสงค์หลักๆจากทางโครงการนั้น เป็นการสร้างขึ้นมาเพื่อที่จะแนะนำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของสยาม 

ทำเลที่ตั้ง ไอคอนสยาม
ถนนเจริญนคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

เจ้าของโครงการ
    โดยสำหรับโครงการไอคอนสยาม เรียกได้ว่าเป็นอภิมหาโครงการสำหรับห้างเปิดใหม่เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นแล้วจึงมีบริษัทที่จะเข้ามาร่วมทุนถึง 3 บริษัท คือ
1. สยามพิวรรธน์ เป็นผู้บริหาร Mixed-use development โดยมีการบริหารห้างดังๆที่มีชื่อเสียงอย่างเช่น สยามเซ็นเตอร์ สยามพารากอน 
2. แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์คอร์ปอเรชั่น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีทั้งคุณภาพและชื่อเสียง
3. เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำ ที่มีธุรกิจที่หลากหลาย
                  
พื้นที่ทั้งหมด
ในส่วนพื้นที่ทั้งหมดของทางโครงการ คือ 750,000 ตารางเมตร แต่สามารถที่จะแบ่งออกมาเป็น 2 ส่วน ได้แก่
- 500,000 ตารางเมตร (ไอคอนสยามเมนรีเทล)
- 25,000 ตารางเมตร (ไอคอนลักซ์)

กำหนดการสร้างเสร็จเร็ว  ซึ่งสำหรับระยะเวลาที่มีการกำหนดว่าโครงการจะสร้างเสร็จ คือ ปลายปี 2560 โดยในปัจจุบันนั้นก็ใกล้กับความเป็นจริงแล้วนั่นเอง

การเดินทาง สำหรับการเดินทางมาที่ห้างเปิดใหม่สามารถที่จะเดินทางมาโดย รถShuttle Bus ซึ่งทางโครงการได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ในการเดินทางไปยังสถานีรถไฟฟ้าธนบุรี รวมไปถึงยังมีท่าเรือ เพื่อที่จะรองรับในการเดินทางที่หลากหลาย ซึ่งรวมไปถึงท่าเรือส่วนตัวอีกด้วย แต่ถ้าหากว่าต้องการที่จะเดินทางโดย รถไฟฟ้าก็สามารถที่จะแบ่งได้เป็น 2 เส้นทาง ดังนี้
1. สถานีสะพานตากสิน ซึ่งถ้าหากว่าลงสถานนีนี้ก็เพียงแค่เดินทะลุเข้าซอยไป แล้วหลังจากนั้นก็นั่งเรือเฟอร์รี่ไปลงท่าวัดสวนพลู แล้วทำการเดินไป เพียง 24 นาทีก็ถึงที่หมาย(ในอนาคตเมื่อห้างเปิดนั้นก็จะมีท่าเรือส่วนตัวที่สามาถที่ไปลงที่ห้างได้เลย)
2. สถานีกรุงธนบุรี สามารถที่จะเลือกนั่งเป็นรถ Shuttle Bus หรือหากว่าจะต่อรถประจำทางไปนั้น ให้ขึ้น รถเมล์ สาย 111 และ 149ร ก็สามารถที่จะเดินทางไปถึงได้เช่นกัน


จุดเด่นของห้าง สำหรับในเรื่องของจุดเด่นของ ไอคอนสยาม ก็คือ การออกแบบที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับห้างสรรพสินค้า โดยจุดเด่นที่แท้จริงเลยนั้นเป็นการยกระดับให้กับกรุงเทพมหานครในการเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว เพราะเนื่องจากว่าที่ไอคอนสยามมีการรวบรวมไว้ทั้งแหล่งชอบปิ้ง สถานที่เพื่อความบันเทิง รวมไปถึงที่พักอาศัยและนอกจากนี้ยังมี 7 สิ่งมหัศจรรย์ของไอคอนสยาม ที่ยังไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมาให้ได้ทราบ ซึ่งไม่เพียงเท่านั้นเพราะที่นี่ก็ยังมีสวนสนุกอีกด้วย


ข่าวพาดหัวเกี่ยวกับโครงการไอคอนสยาม ในปีนี้ ได้แก่

พาชม ไอคอนสยามอภิมหาโครงการริมแม่น้ำเจ้าพระยาสุดอลังการ
ไอคอนสยาม 54,000 ล้าน เปิดแน่ต.ค.นี้ ล่าสุดอวด เมืองสุขสยามชูวิถีไทย 1 ใน 7 แม่เหล็กสำคัญ
ไอคอนสยามทุบสถิติขายคอนโดแพงสุด
ไอคอนสยาม ดีเดย์ 9 พ.ย.นี้ อัดงบ 1,000 ล้านเปิดตัวสร้างชื่อทั่วโลก
สะเทือนฝั่งธนฯ สยามพิวรรธน์ เคาะวันเปิด ไอคอนสยามโปรเจ็กต์ยักษ์ 5.4 หมื่นล้าน 9 พ.ย. 61 นี้





ไอคอนสยาม” ...ใหญ่ขนาดไหน?
วันศุกร์นี้ที่ 9 พ.ย.2561 และเย็นวันนี้...น่าจะเป็นเย็นอีกวันหนึ่งที่การจราจรในกรุงเทพมหานครและธนบุรีจะมีสภาพติดขัดมากที่สุดวันหนึ่งของปีนี้
เพราะจะเป็นวันที่เปิดอภิมหาโครงการ ไอคอนสยามดังนั้นผมจึงอยากพาคุณผู้อ่านไปดูกันว่า อภิมหาโครงการแห่งนี้มีความเป็นมาอย่างไร มีความยิ่งใหญ่อย่างไร และในแง่ของความยิ่งใหญ่ในระดับประเทศนั้น...มีผลงานอะไรกันบ้าง ดังนี้ครับ
หนึ่ง จากโรงสี...สู่อภิมหาโปรเจคต์
ไอคอนสยาม เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์บนที่ดินพื้นที่ 50 ไร่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างในพื้นที่อันเคยเป็นที่ตั้งของโรงสีสิบเก้า และตลาดศิรินทร์ ซึ่งต่อมาเป็นกรรมสิทธิ์ของ บริษัท สยามอรุณ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในเครือศรีกรุงวัฒนา ก่อนที่เครือเจริญโภคภัณฑ์จะซื้อที่ดินนี้รวมถึงบริเวณใกล้เคียง
ไอคอนสยาม เป็นโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชยกรรมแบบผสมริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยความร่วมมือของ สยามพิวรรธน์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซีพี) เพื่อให้คุณผู้อ่านเห็นภาพที่ง่ายขึ้น เวลาเราพูดถึงสยามพิวรรธน์ ก็ให้คุณผู้อ่านคิดถึง...สยามพารากอน...สยามเซ็นเตอร์...สยามดิสคัฟเวอรี ส่วนซีพี...ก็จะเป็นร้านเซเว่น ห้างแมคโคร กลุ่มทรู และสุดท้ายแมกโนเลียทำหมู่บ้านไฮเอนด์ และอาคารสำนักงานแม็กโนเลีย ดังนั้นงานนี้จึงเป็น...งานอภิมหายักษ์ใหญ่ที่สุด...งานหนึ่งของเมืองไทย
สอง ใน “ไอคอนสยาม” มีอะไรบ้าง?
โครงการไอคอนสยามประกอบไปด้วย 4 อาคาร บนพื้นที่ 525,000 ตารางเมตร
อาคารศูนย์การค้า 2 อาคารคือ ไอคอนสยาม (Main retail & Entertainment) และไอคอนลักซ์ (Luxury Wing)  ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมของร้านค้า ร้านอาหาร พื้นที่จัดแสดง พื้นที่ความบันเทิง และเป็นศูนย์การค้าที่เป็น Iconic Flagship Store โดยมีพื้นที่สำคัญมากมาย อาทิ ห้างสรรพสินค้าสยามทาคาชิมาย่า สาขาแรกในประเทศไทย พื้นที่ 36,000 ตารางเมตร โดยเป็นสาขานอกประเทศญี่ปุ่นที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุด แอปเปิลสโตร์ สาขาแรกในประเทศไทย ตลาดสุขสยาม ไอคอนแอคทีฟ โซนจำหน่ายอุปกรณ์กีฬา แฟชันด้านกีฬา และอุปกรณ์กลางแจ้ง ไอคอนคราฟต์ แหล่งรวมงานหัตถศิลป์ฝีมือคนไทย ศูนย์ประชุมและโรงมหรสพอเนกประสงค์ ทรูไอคอน ฮอลล์ ประกอบด้วยโถงประชุมหลัก 3,000 ที่นั่ง และห้องประชุมย่อยอีก 14 ห้อง โรงภาพยนตร์ไอคอน ซีเนคอนิค 14 โรง ในจำนวนนี้มีโรงภาพยนตร์โฟร์ดีเอ็กซ์และไอแมกซ์ระบบละ 1 โรง สถานออกกำลังกายไอคอนบายฟิตเนสเฟิรส์ท และริเวอร์มิวเซียมแบงค็อก พิพิธภัณฑ์มาตรฐานสากลแห่งแรกของประเทศไทยที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้า นอกจากนั้นยังรวบรวมร้านค้าของหรูระดับ World Class Brands ตั้งแต่สินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ อัญมณี และนาฬิกา โดยที่แต่ละแบรนด์จะนำเสนอร้านในรูปแบบ Global Iconic Store
แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ (Magnolias Waterfront Residences at ICONSIAM)  คอนโดมิเนียมหรู 70 ชั้น จำนวน 379 ยูนิต
เดอะ เรสซิเดนท์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล (The Residences at Mandarin Oriental Bangkok)  โครงการที่พักอาศัยระดับ super luxury ที่เกิดจากการร่วมมือกันระหว่าง ไอคอนสยาม กับ แมนดาริน โอเรียนเต็ล โฮเต็ล กรุ๊ปมีจำนวน 146 ยูนิต บนความสูง 52 ชั้น
สาม “ไอคอนสยาม” ...ใหญ่ขนาดไหน?
ขนาดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ไอคอนสยามมีมูลค่าการลงทุนเมื่อเริ่มโครงการ 35,000 ล้านบาท ต่อมาเพิ่มเป็น 50,000 ล้านบาท และ 54,000 ล้านบาทตามลำดับ นับเป็นการลงทุนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ด้านอสังหาริมทรัพย์ของไทยในช่วงเปิดตัว (ปัจจุบันสถิตินี้เป็นของโครงการวันแบงค็อก) โดยครึ่งหนึ่งเป็นเงินลงทุนของบริษัทพันธมิตรทั้งสาม ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นสินเชื่อที่ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารธนชาต เป็นผู้สนับสนุน
พื้นที่ที่พักอาศัยต่อตารางเมตรราคาสูงที่สุดในประเทศไทย  เดอะ เรสซิเดนท์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล (The Residences at Mandarin Oriental Bangkok) โครงการที่พักอาศัยระดับ super luxury ที่เกิดจากการร่วมมือกันระหว่าง ไอคอนสยาม กับ แมนดารินโอเรียนเต็ล โฮเต็ลกรุ๊ปโดยตั้งมาตรฐานเป็นโครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุด เทียบเท่าที่พักอาศัยหรูใน นิวยอร์ค ลอนดอน โตเกียว หรือเซี่ยงไฮ้ เปิดให้จองไปเมื่อปลายปี 2558 และเป็นโครงการที่พักอาศัยที่เปิดราคาได้แพงที่สุดในประเทศไทย
อาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย  แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนเซส แอท ไอคอนสยาม ความสูง 317.95 เมตร ได้ทำลายสถิติอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทยของตึกคิง เพาเวอร์ มหานคร ที่ 314.2 เมตร เมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561
ขนาดของศูนย์การค้า  ในปัจจุบันประมาณการกันว่า ศูนย์การค้าที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย 3 อันดับแรกคือ เซ็นทรัลเวิร์ล เซ็นทรัลเวสต์เกต และสยามพารากอน และหากนับรวมไอคอนสยามเข้าไปด้วย ก็คาดว่าไอคอนสยามจะมีพื้นที่พอๆกับสยามพารากอน จึงคาดว่าไอคอนสยามก็น่าจะเป็นศูนย์การค้าที่มีพื้นที่มากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศไทย  (เครดิตบทความโดย ดร.วีระพงษ์ ชุติภัทร์ ,วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต www.CsiSociety.com คอลัมน์: ก้าวไกลไปกับนวัตกรรมสังคม , คุยให้คิด ,Bangkokbiznews.com)


ถามว่าเมืองไทยจะมีโปรเจ็คท์ศูนย์การค้าใหญ่ระดับโลกนี้อีกหรือไม่ หรือนี่คือที่สุดของเมืองไทยแล้ว บอกเลย ว่ามี ในอนาคต หากว่ามีพื้นที่หรือ LandBank สำคัญอยู่ในจุดของ Prime Area ใดๆ เกิดขึ้นมาอีก นักพัฒนาโครงการในบ้านเรา ก็พร้อมที่จะปั้นโปรเจ็คท์เว่อร์วัง อลังการแบบนี้ได้อีก เอาแบบที่ใกล้ที่สุด ในอีกปี 2 ปีนี้ บริเวณแถวบางนา ก็จะมีโครงการ Bangkok Mall Bangna ซึ่งเป็นโครงการศูนย์การค้าของกลุ่มเดอะมอลล์กรุ๊ป ที่เคลมว่าจะเป็นศูนย์การค้าที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในไทยและในอาเซียนเปิดขึ้นมาอีก พลอยทำให้แถวบางนารถติดหนักกว่าเดิมแน่ เมืองไทยนี้อย่างน้อยขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีศูนย์การค้าเยอะที่สุดในโลกแล้วกระมัง เฉพาะในกรุงเทพฯ นี่ก็แทบทุกหัวระแหง จน นทท.ฝรั่งค่อนขอดเมืองไทยว่า Amazing Thailand Shopping Center,The Most of the World!!! โครงการ ไอคอนสยาม จริงๆ แล้วจับกลุ่มลูกค้าไฮเอ็นด์ที่มีกำลังซื้อสูง และกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง และสิ่งที่สร้างขึ้นมาทั้งหมด เพื่อตอกย้ำให้ไทยอยู่ในตำแหน่ง  





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น