วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ท่องโลก (B) ทางความคิดไปกับคีย์เวิร์ดที่ขึ้นต้นจาก A-Z อักษร B


ท่องโลกด้วยอักษรตัว B


Battery
Bitcoin
Blockchain
BNK48





Battery 

ความฝันที่จะมีแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานนานตลอดชีวิตใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น เมื่อปีที่ผ่านมา ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เออร์วิน ในเมืองเออร์วิน รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ประสบผลสำเร็จในการออกแบบแบตเตอรี่ชนิดใหม่ ที่สามารถชาร์จใหม่ได้มากถึง 200,000 ครั้ง โดยสูญเสียความจุไปเพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น (แบตเตอรี่ทั่วไปชาร์จได้ประมาณ 5,0006,000 ครั้ง ซึ่งอย่างมากสุดชาร์จได้เพียง 7,000 ครั้งเท่านั้น) ทั้งนี้เว็บไซต์ Good ระบุว่าแบตเตอรี่ชนิดดังกล่าวสามารถให้พลังงานแก่สมาร์ทโฟนหรือแล็ปท็อปทั่วๆ ไป ได้เป็นเวลาถึง 400 ปีเลยทีเดียว  เรจินาลด์ เพนเนอร์ หนึ่งในทีมวิจัย เปิดเผยว่า การค้นพบครั้งนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญระหว่างการทดลองเพื่อหาทางผลิตแบตเตอรี่แบบใหม่สำหรับทดแทนแบตเตอรีลิเธียม-ไอออนที่ใช้กันอยู่ โดยทีมวิจัยเชื่อว่าการใช้เส้นลวดนาโน ตามทฤษฎีน่าจะช่วยยืดอายุของแบตเตอรี่ออกไปให้ใช้งานได้นานขึ้น เนื่องจากปริมาณพื้นผิวสำหรับยึดกุมประจุไฟของลวดนาโนมีมากกว่า อย่างไรก็ตามปัญหาที่เจอก็คือตัวลิเธียมจะกัดกร่อนลวดนาโนไปในทันทีที่ผ่านการชาร์จเพียง 2,000-3,000 ครั้งเท่านั้น

โดยทั่วไป แบตเตอรี่จะแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ด้วยกัน ได้แก่

1.แบตเตอรี่ที่ทำการชาร์จจนเต็มมาจากโรงงาน เช่นแบตเตอรี่นาฬิกา(ถ่านนาฬิกา), แบตเตอรี่ไฟฉาย(ถ่านไฟฉาย)เป็นต้น ซึ่งเมื่อใช้ไฟในแบตเตอรี่จนหมดแล้วก็หมดเลยไม่สามารถกลับนำมาใช้ใหม่ได้ เราเรียกแบตเตอรี่นี้ว่า แบตเตอรี่ปฐมภูมิ(Primary Battery)

2.แบตเตอรี่ที่ทำการชาร์จใหม่ได้เมื่อแบตเตอรี่มีไฟที่อ่อนลง เช่นแบตเตอรี่รถยนต์ เราเรียกแบตเตอรี่นี้ว่า แบตเตอรี่ทุติยภูมิ(Secondary Battery)

ในระบบผลิตไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์นั้นจะใช้แบตเตอรี่แบบทุติยภูมิซึ่งสามารถชาร์จได้ใหม่เมื่อแบตเตอรี่มีกำลังไฟที่อ่อนลง ในระบบแบตเตอรี่จะทำงานเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซล่าเซลล์เข้ามาไว้ แล้วปล่อยกำลังไฟฟ้าออกไปให้กับโหลดในเวลาที่ไม่มีแสงอาทิตย์ เช่นในช่วงเวลากลางคืนหรือเมฆครึ้มตลอดวัน

รถยนต์ที่เราใช้งานอยู่ทุกวันเมื่อเปิดวิทยุหรือพัดลมในรถยนต์โดยที่เราไม่สตาร์ทเครื่องยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้นก็ทำงานได้ปกติ แต่เมื่อเปิดไปนานๆจนไฟในแบตเตอรี่เริ่มหมดลง แรงดันในแบตเตอรี่ก็จะเหลือน้อยลง ต้องทำการชาร์จแบตเตอรี่ใหม่ การชาร์จประจุของแบตเตอรี่ในรถยนต์ทำได้โดยการสตาร์ทเครื่องยนต์รถ เพื่อจะทำให้เพลาขับไปหมุนเอาเตอเนเตอร์ผลิตไฟกระแสตรงชาร์จให้กับแบตเตอรี่ต่อไป จนแบตเตอรี่กลับมามีแรงดันไฟฟ้าที่เต็มเหมือนเดิม ซึ่งเวลาเครื่องยนต์กำลังทำงานอยู่เราก็สามารถเปิดวิทยุและพัดลมได้เหมือนเดิม เพราะว่าทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ โหลด เครื่องยนต์ และเอาเตอเนเตอร์ต่อทำงานร่วมกันอยู่ในระบบ ถ้าเปรียบเทียบหน้าที่การทำงานของแบตเตอรี่ของระบบผลิตไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ก็คล้ายกับแบตเตอรี่ในรถยนต์นั่นเอง เพียงแต่ไฟฟ้าที่นำมาชาร์จประจุจะผลิตจากแผงโซล่าเซลล์โดยผ่านเครื่องควบคุมการชาร์จ ส่วนโหลดอาจจะเป็นโหลดไฟฟ้ากระแสตรง หรือถ้าต้องการใช้งานกับโหลดไฟฟ้ากระแสสลับก็ต้องต่อผ่านอินเวอร์เตอร์อีกทีหนึ่ง

แบตเตอรี่ที่ใช้กับระบบผลิตไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์จะมีหลายชนิด เช่น ลีดเอซิด(Lead-Acid Battery), อัลคาไลน์(Alkaline), นิคเกิลแคดเมียม(Nickel-cadmium) แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดก็คือ แบตเตอรี่ลีดเอซิด เพราะมีอายุการใช้งานที่ยืนยาวและมีการปล่อยประจุ(กระแสไฟฟ้า)ที่สูง

โครงสร้างภายในของแบตเตอรี่แบบลีดเอซิด(Lead-Acid Battery)

ภายในลีดเอซิดแบตเตอรี่จะประกอบด้วยเซลล์อยู่ภายในโดยต่อกันแบบอนุกรม จำนวนเซลล์ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบแบตเตอรี่นั้นๆว่าให้มีค่าแรงดันใช้งานที่เท่าไร โดยทั่วไปหนึ่งเซลล์มีแรงดันประมาณ 2 โวลท์ ตัวอย่างเช่นแบตเตอรี่รถยนต์มีแรงดันใช้งานที่ 12 โวลท์ ดังนั้นข้างในแบตเตอรี่จะประกอบด้วยเซลล์ 6 เซลล์ต่ออนุกรมกันอยู่

ลักษณะของการปล่อยประจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่  จะแบ่งออกเป็นสองแบบด้วยกัน ได้แก่  1.แบตเตอรี่ที่สามารถปล่อยประจุ(กระแส)ไฟฟ้าได้น้อย(Shallow-Cycle Battery) คือแบตเตอรี่ที่ออกแบบมาให้ปล่อยประจุไฟฟ้าได้ประมาณ 10-20 เปอร์เซนต์ของประจุไฟฟ้ารวมก่อนจะทำการชาร์จประจุใหม่ การปล่อยประจุไฟฟ้าจะมีหน่วยเป็นแอมอาวด์(Ahr) , 100 Ahr  หมายถึงแบตเตอรี่สามารถปล่อยประจุกระแสไฟฟ้า 100 หน่วยได้ 1 ชั่วโมง(ในความเป็นจริงไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เพราะเมื่อปล่อยประจุจากแบตเตอรี่จนหมด แบตเตอรี่จะเสียทันที) ตัวอย่างถ้ามีแบตเตอรี่แบบปล่อยประจุได้น้อย(Shallow cycle battery) ที่สามารถปล่อยประจุไฟฟ้าได้ 100 แอมอาวด์อยู่หนึ่งตัว แบตเตอรี่ตัวนี้ควรที่จะปล่อยประจุไฟฟ้า(หรือใช้กระแสไฟฟ้า) ได้เพียง 10-20 แอมอาวด์ หลังจากนั้นจะต้องทำการชาร์จประจุให้เต็มก่อนการคลายประจุครั้งต่อไป ถ้าการปล่อยประจุมากเกินกว่าที่กำหนดไว้ เช่นทำการปล่อยประจุที่ 50 แอมอาวด์ จะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการที่ใช้งานที่สั้นลง(เสื่อมเร็ว)อย่างมากเช่นตามสเปคอายุการใช้งานของแบตเตอรี่สามารถชาร์จได้ 3000 ครั้งอาจจะลดเหลือเพียงแค่ 1000 ครั้ง ดังนั้นการออกแบบระบบโดยรวมควรคำนึงถึงลักษณะการปล่อยประจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่ด้วย   2.แบตเตอรี่ที่สามารถปล่อยประจุ(กระแส)ไฟฟ้าได้มาก(Deep-Cycle Battery) คือแบตเตอรี่สามารถปล่อยประจุได้ถึง 60-80 เปอร์เซนต์ของประจุรวมก่อนที่จะทำการชาร์จประจุใหม่ ส่วนมากแล้วจะนำมาใช้กับระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าในบ้านพักอาศัย แบตเตอรี่ชนิดนี้จะมีราคาที่สูงกว่าแบบแรกมาก แต่ใช้เพียงไม่กี่ตัวก็สามารถทดแทนประจุไฟฟ้ารวมจากแบตเตอรี่แบบแรกได้ แบตเตอรี่แบบนี้จะมีความคุ้มค่าในระยะยาว   คำถามที่มักจะพบบ่อยคือ เราจะสามารถใช้แบตเตอรี่รถยนต์แทนแบตเตอรี่กับระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้หรือไม่ ถ้าระบบเล็กๆ ใช้กระแสไฟที่จะไปจ่ายโหลดไม่มาก ก็สามารถใช้แบตเตอรี่รถยนต์ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องคำนวนให้ดีว่า ไม่ควรที่จะปล่อยกระแสไฟออกจากแบตเตอรี่ให้มากเกินไปกว่าสเปคที่กำหนดไว้ด้วยเพราะถ้าปล่อยกระแสไฟออกจากแบตมากเกินไปจะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลง จนไม่สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้อีกต่อไป คล้ายกับแบตคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่เสื่อมแล้ว ไม่สามารถที่จะจ่ายกระแสให้กับเครื่องได้นานนัก  แบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปีแต่ถ้าเป็นแบตเตอรี่ดีพไซเคิลที่สามารถปล่อยประจุไฟฟ้าได้มากจะมีอายุการใช้งาน 4-5 ปีเลยทีเดียว ถ้าใช้งานกับระบบโซล่าเซลล์แล้ว แบตเตอรี่แบบดีพไซเคิลมีความคุ้มค่ามากกว่าและราคา ณ ปัจจุบัน(2556) ถือว่าลดลงมาจากที่ผ่านมามาก อีกทั้งยังจ่ายกระแสไฟให้กับโหลดได้มากกว่าแบตรถยนต์ก่อนที่จะทำการชาร์จประจุใหม่ด้วย   เครื่องควบคุมการชาร์จ แบตเตอรี่จะต่อกับเครื่องควบคุมการชาร์จซึ่งทำหน้าที่ปรับแรงดันให้เหมาะสมไม่ให้สูงไปเพราะอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้ ถ้าแบตเตอรี่มีแรงดันที่ต่ำมากกว่าค่าที่ตั้งไว้ในเครื่องควบคุมการชาร์จ เครื่องควบคุมการชาร์จจะปลดโหลดออกไปทันทีเพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้แล้วประจุที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่จะถูกปล่อยไปจนหมด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อแบตเตอรี่เพราะจะทำให้เซลล์ที่อยู่ข้างในไม่สามารถกลับมาชาร์จประจุได้อีก



ข้อควรระวัง!  ไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่ปล่อยประจุ(กระแสไฟ)จนหมด เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการเก็บประจุของแบตเตอรี่ลดลงไปอย่างมาก และบางครั้งจะไม่สามารถนำกลับมาชาร์จประจุได้อีกต่อไป ควรติดตั้งแบตเตอรี่ที่อุณภูมิที่กำหนดไว้ในสเปค โดยส่วนใหญ่แล้วแบตเตอรี่จะทำงานได้ดีที่อุณภูมิ 25 องศาเซลเซียส ถ้าอุณหภูมิสูงกว่านี้จะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลดลง ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่านี้ จะทำให้ประสิทธิภาพในการเก็บประจุลด  ควรเลือกขนาดความจุของแบตเตอรี่ให้มีการชาร์จประจุเต็มทุกวัน เพราะถ้าแบตเตอรี่แบบลีดเอซิดไม่เคยชาร์จเต็มเลย จะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลง  การติดตั้งขนาดของโซล่าเซลล์รวมต้องมีความเหมาะสมกับขนาดของแบตเตอรี่ด้วย มิฉะนั้นแล้วโซล่าเซลล์จะผลิตไฟฟ้ามากหรือน้อยเกินไป อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วและทำให้เราเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ชุดใหม่ การออกแบบขนาดโซล่าเซลล์ที่เหมาะสมตาม คู่มือออกแบบ ติดตั้งและใช้งานโซล่าเซลล์ จะช่วยให้แบตเตอรี่มีการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพและใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น

นักวิจัยค้นพบต้นแบบแบตเตอรี่ชนิดใหม่ อายุการใช้งานยืนยาวกว่าของเดิม 400 เท่า! 

นับว่าเป็นอีกหนึ่งสัญญาณดีในแวดวงเทคโนโลยี เมื่อไม่นานมานี้นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เออร์ไวน์ (UC Irvine) ได้ค้นพบต้นแบบแบตเตอรี่ที่สามารถมีอายุการใช้งานยืนยาวกว่าปัจจุบันถึง 400 เท่าโดยบังเอิญ ขณะกำลังคิดค้นดีไซน์แบตเตอรี่ Lithium-ion แบบใหม่กันอยู่ โดยว่ากันว่า แบตเตอรี่แบบใหม่นี้สามารถชาร์จได้มากกว่า 200,000 รอบโดยไม่เสื่อมสภาพ จากแบตเตอรี่รุ่นเดิมๆ ในปัจจุบันที่สามารถชาร์จได้สูงสุดเพียง 7,000 รอบเท่านั้น  เดิมทีทีมวิจัยเคยได้ตั้งเป้าหมายคิดค้นแบตเตอรี่ที่ไม่ต้องพึ่งของเหลวในการชาร์จไฟ เพราะของเหลวภายในนั้นตอบสนองกับอุณหภูมิและติดไฟได้ง่าย เป็นสาเหตุให้อันตรายต่อการเก็บรักษาและขนส่ง จนกรมการบินนานาชาติ ไม่ยอมให้โหลดแบตเดตออรี่ใต้ท้องเครื่อง ดังนั้นแทนที่จะใช้ของเหลวแบบเก่า ทีมวิจัยจึงเลือกใช้ Electrolyte Gel บวกกับเส้นลวดนาโนทอง (Gold Nanowires) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเส้นผมคนเราถึง 1,000 เท่า  อธิบายกันต่ออีกนิดนึงว่า จริงๆ แล้วลวดนาโนไม่ใช่สิ่งใหม่ในแบตเตอรี่เลย แต่ลวดนาโนในแบตเตอรี่ Lithium-ion ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นมักจะขาดง่ายและสูญเสียคุณสมบัติในการเก็บพลังงานซึ่งเป็นสาเหตุทำให้แบตเตอรี่มีการเสื่อมอายุ แต่การใช้เส้นนาโนเคลือบทองจะทำให้ยับยั้งไม่ให้ลวดเสื่อมสภาพ จากการวิจัยแบตเตอรี่ชนิดใหม่ใน 3 เดือนที่ผ่านมาและผ่านการชาร์จ 200,000 ครั้ง ทีมวิจัยพบว่าแบตเตอรี่ที่ใช้ Electrolye Gel + Gold nanowires นั้นไม่มีร่องรอยการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ หรือพูดง่ายๆ ว่าความจุแบตไม่ได้ลดลงเลย ซึ่งผลการทดลองในตอนนี้ยังอยู่แค่ในห้องแลบเท่านั้น คงต้องมีการตรวจสอบในเรื่องความปลอดภัยเพิ่มเติม และอาจใช้เวลาเป็นปีๆ กว่าจะผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมและนำมาผลิตให้เราได้ใช้งานกันครับ


Bitcoin



Bitcoin คือสกุลเงินในรูปแบบของดิจิทัล ถูกสร้างขึ้นมาด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ Bitcoin ไม่มีรูปร่างและไม่สามารถจับต้องได้เหมือนธนบัตรหรือเหรียญเงินบาท Bitcoin ถูกสร้างขึ้นมาด้วยกลุ่มนักพัฒนาเล็กๆกลุ่มหนึ่งตลอดจนบริษัทใหญ่ๆทั่วโลก โดยระบบของ Bitcoin ถูกรันโดยคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานทั่วโลก โดยใช้ระบบซอฟต์แวร์ในการถอดสมการคณิตศาสตร์

Bitcoin ถือเป็นสกุลเงินแรกของโลกที่ถูกเรียกว่าคริปโตเคอเรนซี (cryptocurrency)

อะไรทำให้ Bitcoin แตกต่างจากสกุลเงินทั่วๆไป Bitcoin สามารถใช้แทนเงินสดซื้อสินค้าออนไลน์ อาจคล้ายกับระบบซื้อขายผ่านอินเทอร์เนตทั่วๆไปที่ใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต

อย่างไรก็ตาม ความพิเศษของ Bitcoin ที่เป็นตัวช่วยให้มันเป็นที่นิยมคือมันถูกควบคุมแบบกระจาย (decentralize) กล่าวคือไม่มีสถาบันการเงินไหนสามารถควบคุมบิมคอยได้ ซึ่งนั่นทำให้ผู้คนที่เลือกใช้ Bitcoin ส่วนใหญ่สบายใจเนื่องจากแม้แต่ธนาคารก็ไม่สามารถควบคุม Bitcoin ได้

นักพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ผู้ใช้นามแฝงว่าซาโตชิ นาคาโมโตะเป็นผู้พัฒนา Bitcoin ขึ้นมาซึ่งเป็นระบบจ่ายเงินที่อ้างอิงอยู่บนการถอดสมการคณิตศาสตร์ โดยจุดประสงค์ของเขาคือการสร้างสกุลเงินที่เป็นอิสระจากรัฐบาลและธนาคาร, สามารถส่งหากันผ่านระบบอินเทอร์เนตและมีค่าธรรมเนียมที่ถูกมากๆ

ไม่มีใครพิมพ์ Bitcoin  ได้ เพราะมันเป็นสกุลเงินที่ไม่สามารถจับต้องได้เหมือนกับธนบัตรที่ถูกพิมพ์โดยรัฐบาล, ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้สอดคล้องกับจำนวนประชากร และมันมีกฏเกณฑ์ในตัวของมันเอง ในขณะที่ธนาคารกลางบางประเทศสามารถที่จะพิมพ์เงินได้เองเพื่อกู้วิกฤติหนี้แห่งชาติ หรือประกาศอ่อนค่าเงินของตัวเอง แต่ Bitcoin ถูกสร้างขึ้นโดยเป็นเหมือนกับไฟล์คอมพิวเตอร์ โดยกลุ่มนักพัฒนาอิสระที่ใครๆก็สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ การจะผลิต Bitcoin ขึ้นมาได้นั้นต้องใช้วิธีการ ขุดโดยการใช้คอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่บนเครือข่ายที่จัดวางไว้ให้เท่านั้น โดยเครือข่ายนี้ยังสามารถที่จะใช้เพื่อช่วยในการจัดการการโอนส่ง Bitcoin ให้กันได้ ซึ่งหากจะเรียกแล้ว มันก็คือเครือข่ายส่วนตัวของ Bitcoin นั่นเอง

ถ้างั้น Bitcoin ก็สามารถถูกสร้างขึ้นมาแบบมีจำนวนจำกัด ด้วยการมีอยู่ของระบบ Bitcoin โพรโตคอล ซึ่งเปรียบเสมือนกับผู้คุมกฏแห่งเครือข่าย Bitcoin ได้กล่าวไว้ว่า Bitcoin จะสามารถที่จะถูกผลิตขึ้นมาได้เพียงแค่ 21 ล้าน Bitcoin เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เจ้า Bitcoin พวกนี้สามารถที่จะถูกแบ่งออกเป็นจำนวนย่อยๆได้ (โดยหน่วยที่เล็กที่สุดของ Bitcoin คิดเป็นหนึ่งร้อยล้านต่อ 1 Bitcoin โดยหน่วยนี้ถูกเรียกว่า ซาโตชิเพื่อเป็นเกียรติให้กับผู้สร้าง Bitcoin )  ราคา Bitcoin ถูกอ้างอิงหน่วยเงินที่เราคุ้นเคยกันดีนั้นมักจะถูกนำมาผูกติดกับราคาของทองหรือเงิน โดนทฤษฎีแล้ว ถ้าคุณเดินไปซื้อทองที่ร้านทองด้วยเงินบาท คุณก็จะได้ทองกลับบ้าน แต่ในขณะเดียวกัน Bitcoin นั้นไม่ได้ถูกอ้างอิงกับทอง แต่ถูกอ้างอิงด้วยสมการทางคณิตศาสตร์

ผู้คนทั่วโลกกำลังใช้ซอต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ช่วยในการถอดสมการทางคณิตศาสตร์เพื่อผลิต Bitcoin โดยสูตรทางคณิตศาสตร์เหล่านี้มีอยู่ให้หาได้แบบไม่คิดเงิน ทำให้แม้แต่คุณก็สามารถเข้าไปตรวจเช็คได้แบบฟรีๆ โดยซฟอต์แวร์ที่ว่านั้นเป็นระบบ open source แปลว่าทุกคนสามารถที่จะตรวจสอบความโปร่งใสได้


หากนึกถึง Bitcoin ควรจะนึกถึงอะไร  Bitcoin มีความพิเศษในตัวมันเองที่ทำให้แม้แต่ค่าเงินของรัฐบาลก็ไม่อาจเลียนแบบได้



1.มันใช้เทคโนโลยีการกระจาย เครือข่ายของ Bitcoin ไม่ได้ถูกควบคุมโดยศูนย์กลางที่ไหนหรือใครคนใดคนหนึ่ง เครื่องขุด Bitcoin ทุกๆเครื่องมีส่วนช่วยในการทำธุรกรรมในการจ่ายเงินของ Bitcoin และเครื่องขุดเหล่านี้ทำงานด้วยกันทั่วโลก ซึ่งแปลว่าในทางทฏษฎีแล้ว ทางรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจไม่สามารถที่จะเข้ามายึดหรือสั่งทำลายเครื่องขุด Bitcoin เพียงแค่เครื่องใดเครื่องหนึ่งเพื่อหวังให้ระบบเครือข่ายของ Bitcoin ล่มสลายได้ หรือแม้แต่พยายามที่จะยึดเอา Bitcoin มาเป็นของตัวเองแบบที่ธนาคารกลางแห่งยุโรปเคยพยายามลองทำมาแล้วที่ Cyprus ในปี 2013 แต่ก็ล้มเหลว ประเด็นคือถ้าอยากจะทำลาย Bitcoin ให้หมดไปจากโลกนี้ ทางรัฐบาลอาจต้องไล่ทำลายเครื่องขุด Bitcoin ที่มีกระจายไปอยู่ทั่วโลกนั่นเอง

2.มันง่ายต่อการติดตั้ง ธนาคารส่วนใหญ่มักจะพยายามหลอกล่อและเชิญให้คุณมาเปิดบัญชีธนาคารที่มีขั้นตอนการเปิดที่ยุ่งยาก ลืมเรื่องการเปิดบัญชีธนาคารเพื่อการค้าขายแบบง่ายๆไปได้เลย ในขณะเดียวกันการเปิดใช้งานกระเป๋า Bitcoin สามารถที่จะทำได้ให้เสร็จได้ง่ายในระดับวินาที ไม่มีคำถามมาถามให้กวนใจ และไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น

3.มันไร้ตัวตน ซึ่งก็ใช่ เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถที่จะถือบัญชี Bitcoin ได้ทีละหลายๆบัญชี และบัญชีเหล่านั้นก็ไม่ได้มีชื่อหรือข้อมูลส่วนตัวของคุณมาเชื่อมกับมัน แต่ทว่า

4.มันโปร่งใสแบบ 100% รายละเอียดการเก็บ Bitcoin นั้นละเอียดในระดับถึงขั้นที่สามารถตรวจจับไปจนถึงการโอนครั้งแรกตั้งแต่มี Bitcoin มาเลยทีเดียว โดยสมุดบัญชีการโอนของ Bitcoin นั้นเราจะเรียกมันว่าบล็อกเชน (Blockchain) โดยบล็อกเชนที่ว่านี้จะเปรียบเสมือนสมุดบัญชีธนาคารกลางที่สามารถบอกการเคลื่อนไหวของบัญชี Bitcoin ทั่วโลกถ้าหากคุณมีบัญชี Bitcoin ที่เคยใช้ส่งหรือรับ Bitcoin ละก็ ทุกคนสามารถที่จะเข้ามาตรวจได้ว่าแต่ละบัญชีเคยมีการเคลื่อนไหวของจำนวน Bitcoin เข้าออกมาแล้วกี่ Bitcoin แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าอันไหนเป็นของคุณมีเทคนิคที่ผู้ใช้ Bitcoin บางคนนำมาแนะเพื่อเพิ่มความไร้ตัวตนให้คุณด้วยการไม่ใช้กระเป๋าเงิน Bitcoin ใบเดียวตลอดหลายๆครั้ง และการโอน Bitcoin ไปทีละเยอะๆกระจายๆไปทีละหลายๆกระเป๋า

5.ค่าธรรมเนียมที่ต่ำติดดิน ธนาคารอาจจะคิดค่าธรรมเนียมในการโอนเงินกับคุณประมาณ 35-500 บาท แต่ Bitcoin ไม่

6.การโอนที่รวดเร็วมาก คุณสามารถที่จะส่ง Bitcoin ไปหาใครก็ได้บนโลกนี้โดย Bitcoin ที่คุณส่งข้ามโลกไปหาอีกคนนั้น จะไปปรากฏที่กระเป๋าเงินของเขาในระดับนาที

7.เรียกคืนไม่ได้ เมื่อ Bitcoin ของคุณถูกส่งออกไปนั้น มันจะไม่มีวันกลับมาหาคุณอีก หรือนอกจากผู้ได้รับจะส่งมันกลับคืนมาหาคุณ

สรุปคือ Bitcoin นั้นมีข้อดีที่มากอยู่พอสมควรในทางทฤษฎี แต่มันทำงานอย่างไรล่ะ ลองอ่านบทความนี้ดูเกี่ยวกับวิธีการที่ Bitcoin ถูกสร้างขึ้น และจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีการส่ง Bitcoin กันเกิดขึ้นรวมไปถึงวิธีที่เครือข่าย Bitcoin ทำงาน

สถานที่ๆคุณสามารถซื้อ Bitcoin ได้ในไทย  ปัจจุบัน ตลาดการแลกเปลี่ยน Bitcoin ในประเทศไทยเริ่มบูมมากขึ้น และมีผู้ให้บริการหลายๆที่เปิดตัวกันมามากขึ้น ทำให้ตัวเลือกสำหรับผู้บริโภคนั้นก็มีเยอะขึ้นตาม ทางสยามบล็อกเชนได้วิเคราะห์ประเภทของเว็บแลกเปลี่ยน Bitcoin ในประเทศไทย และวิธีการเลือกดูผู้ให้บริการซื้อขาย Bitcoin ในไทยแบบครบถ้วน




Blockchain

Blockchain (บล็อกเชน) คำศัพท์ใหม่ ที่เราเริ่มได้ยินตามสื่อต่างๆ รวมถึงตามงานสัมมนากันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน FinTech บทความนี้ผู้เขียนตั้งใจจะขออธิบาย concept ของมัน โดยเฉพาะเรื่องประโยชน์และการนำเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้  bitcoin-green

Blockchain (บล็อกเชน) คืออะไร และสำคัญอย่างไร

“Blockchain นั้นเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยนำมาซึ่งความปลอดภัย น่าเชื่อถือ โดยไม่ต้องอาศัยคนกลาง

โดยปกติแล้วเรามักต้องพึ่งพิงบุคคลที่สาม (centralized trusted party) มาช่วยทำหน้าที่เป็นคนกลางคอยตรวจสอบความน่าเชื่อถือเวลาทำธุรกรรม  ถ้าท่านผู้อ่านเคยทำธุรกรรมออนไลน์ จะสังเกตเห็นว่า มักจะต้องมีคำที่ระบุว่า Secured by หรือ Protected by ตามด้วยชื่อตัวกลางใดๆ  แน่นอนว่า Trust เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่อย่างนั้นเราจะกล้ากรอกข้อมูลบัตรเครดิตได้อย่างไร โดยที่ยังมั่นใจว่ามันจะไม่รั่วไหล หรือถูกทำให้เปลี่ยนแปลง

การมาของบล็อกเชนมีส่วนช่วยอย่างมาก เพราะบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่ประโยชน์ของมันคือมันเป็นเทคโนโลยีที่นำมาซึ่งความปลอดภัย น่าเชื่อถือ โดยไม่ต้องอาศัยคนกลาง ทีนี้ธุรกรรมออนไลน์ใดๆ ก็จะสามารถทำได้อย่างสะดวกมากขึ้น ใส่ความคิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น creative มากขึ้น innovative มากขึ้น ประหยัดขึ้น รวดเร็วขึ้น มันเรียกได้ว่าเป็น “transfer of trust in a trustless world” เพราะถึงแม้สองบุคคลจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ด้วยความมั่นใจ พูดถึงคำว่าแลกเปลี่ยนข้อมูล ก็มีการประยุกต์ใช้ได้อย่างกว้างขวางทีเดียว เราจึงตื่นเต้นกันว่าบล็อกเชนนี่แหละ ต่อไปจะเป็น Game changer

การทำงานของ Blockchain  บล็อกเชน เป็นรูปแบบการเก็บข้อมูล (Data structure) แบบหนึ่ง ที่ทำให้ข้อมูล Digital transaction ของแต่ละคนสามารถแชร์ไปยังทุกๆ คนได้ เป็นเสมือนห่วงโซ่ (Chain) ที่ทำให้ block ของข้อมูลลิ้งก์ต่อไปยังทุกๆ คนเป็น โดยที่ทราบว่าใครที่เป็นเจ้าของและมีสิทธิในข้อมูลนั้นจริงๆ

เมื่อบล็อกของข้อมูลได้ถูกบันทึกไว้ในบล็อกเชน  มันจะเป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลง เวลาที่มีใครต้องการจะเพิ่มข้อมูล ทุกๆ คนในเครือข่ายซึ่งล้วนแต่มีสำเนาของบล็อกเชน สามารถรัน Algorithm เพื่อตรวจสอบ Transaction โดย Transaction ใหม่นี้จะได้รับอนุญาต ต่อเมื่อในเครือข่ายส่วนใหญ่เห็นด้วยว่ามันถูกต้อง

Bitcoin (บิทคอยน์) กับ Blockchain (บล็อกเชน) เกี่ยวข้องกันอย่างไร  บล็อกเชน เป็นเทคโนโลยี ด้านความปลอดภัยของข้อมูล  ส่วน บิทคอยน์ ว่าด้วยเรื่องสกุลเงินบนโลกดิจิตอล

จะเห็นได้ว่า บล็อกเชน ไม่ใช่ บิทคอยน์ และบิทคอยน์ ก็ไม่ใช่บล็อกเชน แต่โมเดลบิทคอยน์ มีความต้องการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ เพื่อให้การซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลนี้ มีความปลอดภัย

และเพราะว่า บล็อกเชน ว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องได้กับทุกอุตสาหกรรม ไม่เจาะจงเฉพาะบิทคอยน์ หรือ FinTech เพียงแต่เทคโนโลยีนี้เรียกได้ว่าส่งผลกระทบต่อวงการ FinTech ค่อนข้างเห็นได้ชัดเจน และการบูมของเทคโนโลยีตัวนี้ มาจากความพยายามในการทำบิทคอยน์

ยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้  เช่น วงการอสังหาริมทรัพย์ สามารถประยุกต์ใช้ทำ Smart contract โดยถ้าสัญญาอยู่ในบล็อกเชน ทุกคนจะเห็นข้อมูลตรงกัน เราจึงสามารถไว้ใจให้ระบบ Automate ปฏิบัติงานใดๆ ตามที่ระบุไว้ในสัญญาได้ นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์ใช้ได้อีกมากมาย

ทิ้งท้าย ขอแนะนำให้นำคีย์เวิร์ดต่างๆ บนภาพข้างต้นนี้ ไปลองศึกษาเพิ่มเติมนะคะ ความจริงเรื่องของบล็อกเชน มีข้อมูลอีกมากมายที่รอให้ท่านศึกษา ทั้งนี้ท่านสามารถเซิร์จอ่านได้ทั้ง Financial blockchain และ Non-financial blockchain จะพบกับตัวอย่างการประยุกต์ใช้มากมาย หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจคอนเซปต์ของเทคโนโลยีบล็อกเชนมากขึ้น ไว้มีโอกาสจะนำเสนอคำศัพท์อื่นๆ เพิ่มเติมอีกค่ะ

ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก letstalkpayments.com, cryptocoinsnews.com

(เครดิตข้อมูลบทความจากเพจ techsuace.co.)

 


Bnk48

บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต (BNK48) เป็นกลุ่มไอดอลหญิงของประเทศไทย และเป็นวงน้องสาวของกลุ่มไอดอลญี่ปุ่นเอเคบีโฟร์ตีเอต (AKB48) ลำดับที่ 3 ภายใต้แนวคิดร่วมกันคือ "ไอดอลที่คุณสามารถไปพบได้" ก่อตั้งโดย บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต ออฟฟิศ เริ่มเปิดออดิชันครั้งแรกเมื่อกลางปี พ.ศ. 2559 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ด้วยสมาชิก 30 คน และเปิดตัวซิงเกิลแรกออกมาในชื่อ "อยากจะได้พบเธอ" เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมในปีเดียวกัน สมาชิกของวงมีจำนวนไม่แน่นอนเพราะมีการเปิดรับสมาชิกรุ่นใหม่และมีการจบการศึกษาอยู่เรื่อยๆ ปัจจุบันวงมีสมาชิกทั้งหมด 53 คน ชื่อของวงนั้นตั้งตามชื่อย่อของ บางกอก (Bangkok) หรือ กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย มีสีประจำวงเป็นสีม่วงอ่อนของดอกกล้วยไม้

พ.ศ. 25542559: ก่อนการเปิดตัวและการออดิชัน

ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการจัดตั้งวงบีเอ็นเคโฟร์ตีเอตในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2554 ยะซุชิ อะกิโมะโตะ ผู้ก่อตั้งแฟรนไชส์เอเคบีโฟร์ตีเอต ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารจีคิว (GQ) และรายการทีวี วะรัตเตะ อีโตะโมะ ของประเทศญี่ปุ่นถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งวงน้องสาวนอกประเทศญี่ปุ่นต่อจากวงเจเคทีโฟร์ตีเอต (JKT48) ซึ่งประเทศที่เป็นไปได้ก็คือประเทศไต้หวันและประเทศไทย

ช่วงปลายปี พ.ศ. 2556 โรส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ แพ้การประมูลทีวีดิจิทัล หมวดหมู่เด็ก เยาวชน และครอบครัว ของกสทช. ทำให้เดินหน้าทำงานเกี่ยวกับดูแลศิลปิน จิรัฐ บวรวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรส อาร์ทิสท์ แมเนจเม้นท์ (ปัจจุบัน) ได้ติดต่อ เอเคเอส บริษัทที่จัดการและบริหารกลุ่มไอดอลญี่ปุ่น เอเคบีโฟร์ตีเอต เพื่อขอสิทธิ์มาทำวงน้องสาวในประเทศไทย ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559 ในงานคอนเสิร์ตจบการศึกษาของ มินามิ ทากาฮาชิ สมาชิกวงเอเคบีโฟร์ตีเอต ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการถึงการก่อตั้งวงน้องสาวต่างประเทศของเอเคบีโฟร์ตีเอตวงใหม่อีกสามวงด้วยกัน ซึ่งได้แก่วงทีพีอีโฟร์ตีเอต (TPE48) ประเทศไต้หวัน, เอ็มเอ็นแอลโฟร์ตีเอต (MNL48) ประเทศฟิลิปปินส์ และบีเอ็นเคโฟร์ตีเอต (BNK48) ประเทศไทย  เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 โรส อาร์ทิสท์ จัดกิจกรรม "บีเอ็นเคโฟร์ตีเอตวีนีดยู" ที่เอ็มควอเทียร์ เพื่อประกาศเปิดรับสมัครรุ่นที่ 1 อย่างเป็นทางการ โดยเปิดออดิชันครั้งแรกสำหรับรุ่นที่ 1 ผ่านทางเว็บไซต์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ถึง 31 สิงหาคม มีผู้สมัครทั้งหมด 1,357 คน ทีมงานได้คัดเลือกผู้เข้าสมัครจำนวน 330 คนให้ผ่านเข้ารอบออดิชันครั้งต่อไปในวันที่ 5 กันยายน และคัดเหลือ 80 คนในวันที่ 23 กันยายน นอกจากนี้วงยังมีแผนที่จะเปิดตัวสมาชิกรุ่นแรกภายในปี พ.ศ. 2559 แต่เนื่องจากเหตุการณ์สวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงทำให้วงต้องระงับกิจกรรมทั้งหมดชั่วคราวถึงวันที่ 18 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันออดิชันรอบสุดท้ายที่คัดเลือกเหลือ 29 คนเป็นสมาชิกรุ่นแรกของวง[โน้ต 1]

พ.ศ. 2560: การเปิดตัวครั้งแรกกับซิงเกิล อยากจะได้พบเธอ และ คุกกี้เสี่ยงทาย  เจนนิษฐ์, น้ำหนึ่ง, เมษา, น้ำหอม, ไข่มุก, และมิโอริ ที่เดอะมอลล์บางกะปิ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2560  เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 วงได้เปิดตัวสมาชิกรุ่นแรกในงาน "เจแปนเอกซ์โปไทยแลนด์ 2017" ต่อมาในวันที่ 13 เมษายน รินะ อิซึตะ สมาชิกวงเอเคบีโฟร์ตีเอต ประกาศว่าจะเข้าร่วมวงด้วย ทำให้สมาชิกในวงทั้งหมดเพิ่มเป็น 30 คน และเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน วงได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน "บีเอ็นเคโฟร์ตีเอตเดอะเดบิวต์" พร้อมกับซิงเกิลแรกในชื่อ "อยากจะได้พบเธอ" ซึ่งประกอบด้วยเพลง 3 เพลงด้วยกัน อันได้แก่ "อยากจะได้พบเธอ" "ก็ชอบให้รู้ว่าชอบ" และ "365 วันกับเครื่องบินกระดาษ" พร้อมกับประกาศสมาชิกเซ็มบัตสึ[โน้ต 2]ชุดแรกจำนวน 16 คน ซึ่งวงได้เปิดขายแผ่นซีดีของซิงเกิลนี้ในเฉพาะระยะเวลาสั้น ๆ โดยออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม และขายได้ 13,500 ชุดนอกจากนี้ วงยังได้จัดกิจกรรมงานจับมือเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่เซ็นทรัลพลาซา บางนา มีผู้เข้าร่วมงานเกือบ 4,000 คน ต่อมาวงได้เปิดตัวเพลง "คุกกี้เสี่ยงทาย" เป็นครั้งแรกในคอนเสิร์ต "2017 โฟร์วันวัน แฟนดอมปาร์ตีอินแบงคอก" ร่วมกับ ผลิตโชค อายนบุตร และ ไอคอน ที่รอยัลพารากอนฮอลล์ ซึ่งเป็นเพลงหลักของซิงเกิลในชื่อเดียวกันที่วางจำหน่ายในวันที่ 20 ธันวาคม จากนั้นวงได้แสดงเพลงนี้อีกครั้งในงาน "เจแปนเอกซ์โปอินไทยแลนด์ 2017" เมื่อวันที่ 1 และ 3 กันยายน ร่วมกับกลุ่มดนตรีญี่ปุ่น เวิลด์ออเดอร์ (World Order) พร้อมกับเปิดตัวเพลงใหม่ในชื่อ "บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต"[โน้ต 3]  ในวันที่ 10 กันยายน วรรษมณฑ์ พงษ์วานิช (คิตแคต) หนึ่งในสมาชิกรุ่นแรกของวง เป็นคนแรกที่ได้ประกาศจบการศึกษาเนื่องจากเหตุผลที่ต้องการศึกษาต่อทางสายแพทยศาสตร์ ซึ่งวงก็ได้จัดคอนเสิร์ตอำลาในวันที่ 23 กันยายน ที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ไอรดา ธวัชผ่องศรี (ซินซิน) ได้ประกาศจบการศึกษาเช่นกัน โดยงานที่เธอเข้าร่วมเป็นครั้งสุดท้ายคือคอนเสิร์ตชื่อ "บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต มินิไลฟ์แอนด์แฮนด์เชค" ซึ่งตรงกับวันที่ 18 พฤศจิกายน และภายในงานนี้วงก็ได้เปิดตัวเพลงใหม่ในชื่อ "พลิ้ว" แสดงโดยสมาชิกยูนิตพิเศษ 7 คน ซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายที่ใช้ประกอบในซิงเกิล "คุกกี้เสี่ยงทาย"  เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ในงานคอนเสิร์ต "บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต วีวิชยู" วงได้ประกาศก่อตั้งทีมบีทรี (BIII) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 24 คน รวมถึงเปิดตัวซิงเกิลลำดับที่ 3 ในชื่อ "วันแรก" และเปิดการแสดงลำดับแรกของทีมบีทรีในชื่อ ปาร์ตี้ในฝัน ในโรงละครของวงภายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2561

พ.ศ. 2561ปัจจุบัน: อัลบั้ม ริเวอร์ และการเปิดตัวรุ่นที่ 2  อิสึรินะ, ตาหวาน, เฌอปราง, เจนนิษฐ์, น้ำหนึ่ง, และมิโอริ ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ในงานจับมือประจำซิงเกิล "คุกกี้เสี่ยงทาย" เมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2561 มีการประกาศเพลงรองอีก 2 เพลงที่จะใช้ประกอบในซิงเกิล "วันแรก" ซึ่งได้แก่ "ประกายน้ำตาและรอยยิ้ม" และ "คำสัญญาแห่งคริสต์มาสอีฟ" ต่อมาเมื่อวันที่ 29 มกราคม เจตสุภา เครือแตง (แจน) ได้ประกาศจบการศึกษา เพราะได้รับโอกาสไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้นมีการเปิดออดิชันสำหรับสมาชิกรุ่นที่ 2 ผ่านทางเว็บไซต์ตั้งแต่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560 จนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 มีผู้เข้าสมัครเป็นจำนวน 10,782 คน เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ วงได้จัดงานมินิคอนเสิร์ตขึ้นในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 โดยแสดงหน้าอัฒจันทร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ คริสติน ลาร์เซ่น (น้ำหอม) ได้ประกาศจบการศึกษา เพื่อไปศึกษาต่อที่ประเทศเดนมาร์ก ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้เป็นบริษัทแรกที่ตั้งให้วงเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ และในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ทีมงานได้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบออดิชันรอบที่หนึ่งของรุ่นที่ 2 จำนวน 300 คน ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ วงได้รับเลือกเป็นทีมเชียร์หลักให้แก่ฟุตบอลทีมชาติไทย เมื่อวันที่ 21 มีนาคม วงได้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบออดิชันรอบสุดท้ายจำนวน 94 คน โดยผู้เข้ารอบทั้งหมดได้ไปปรากฏตัวที่ดิจิตอลไลฟ์สตูดิโอเมื่อวันที่ 2629 มีนาคม และ 23 เมษายน วันที่ 22 มีนาคม วงแสดงเพลง "วันแรก" ครั้งแรกในงานฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 46 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน และในวันที่ 31 มีนาคม และ 1 เมษายน วงได้แสดงคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในชื่อ "สตาร์ตโตะ" ณ เอ็กซิบิชัน ฮอลล์ 106 ไบเทค บางนา ได้มีการเปิดตัวและแสดงเพลงใหม่ เช่น "ประกายน้ำตาและรอยยิ้ม" และ "ปาร์ตี้ในฝัน" ซึ่งจะเป็นเพลงที่ใช้แสดงในโรงละคร และเพลง "ริเวอร์" ซึ่งจะเป็นเพลงในอัลบั้ม ในวันที่ 24 ถึง 27 มีนาคม วงเอเคบีโฟร์ตีเอตได้เปิดโอกาสให้สมาชิกจากวงบีเอ็นเคโฟร์ตีเอตสามารถเข้าร่วมสมัครงานเลือกตั้งเซ็มบัตสึประจำซิงเกิลที่ 53 ได้ โดยผู้ที่ติด 16 อันดับแรกจะได้รับตำแหน่ง "เวิลด์เซ็มบัตสึ" มีผู้ลงสมัครจากวงเป็นจำนวน 10 คน ได้แก่เฌอปราง, ไข่มุก, อิสึรินะ, มิโอริ, เจนนิษฐ์, จ๋า, นิ้ง, ซัทจัง, เคท, และมิวสิค เป็นครั้งแรกที่มีการอนุญาตให้วงน้องสาวนอกประเทศญี่ปุ่นเข้าร่วมได้ ต่อมาวันที่ 24 เมษายน วงได้รับเชิญจากนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ไปประชาสัมพันธ์สถานีวิทยุของรัฐ ซึ่งมีผู้คนจำนวนหนึ่งมองว่าการกระทำนี้เป็นการหาเสียงจากสมาชิกวงในการเลือกตั้งของประเทศไทยที่กำลังจะถึง แต่วงได้ออกมาปฏิเสธในภายหลังว่ากิจกรรมนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใด  เมื่อวันที่ 29 เมษายน ในงาน Tokyo Idol Festival in Bangkok Comic Con 2018 ที่รอยัลพารากอนฮอลล์ สยามพารากอน วงได้เผยแพร่มิวสิควีดีโอเพลง "ริเวอร์" ให้ผู้เข้าชมในงานได้ชมเป็นครั้งแรก ก่อนให้ได้ชมผ่านสื่อสังคมต่าง ๆ ในวันที่ 30 เมษายน โดยมีการประกาศล่วงหน้าในวันเดียวกัน นอกจากนี้วงยังเปิดตัวสมาชิกรุ่นที่ 2 อย่างเป็นทางการจำนวน 27 คนในงานนี้เช่นกัน  ทั้ง 27 คนนี้ได้ไปร่วมชมการแข่งขันฟุตบอลอุ่นเครื่องที่ทีมชาติไทยพบกับทีมชาติจีนเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานด้วย โดยมีการประกาศล่วงหน้าเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม และเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ได้ประกาศการวางจำหน่ายอัลบั้มแรกในชื่อ ริเวอร์  วันที่ 17 กรกฎาคม ในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรุ่นที่ 2 ได้ประกาศซิงเกิลที่สี่ในชื่อ คิมิวะเมโลดี และเพลงรอง ฤดูใหม่ ซึ่งเป็นเพลงที่มีเซมบัตสึเฉพาะรุ่นที่ 2

(เครดิตข้อมูลจากเพจ วิถีพีเดีย สารานุกรมออนไลน์)

 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น