กาเหว่าอึกทึก
(นิยายล้อการเมือง ที่ใช้เค้าโครงเรื่องจากนวนิยายดัง 2 เรื่องคือบุพเพสันนิวาสกับกาหลมหรทึก โดยนำมาผสมกัน แล้วใช้ชื่อตัวละครร่วม โดยเล่าเรื่องผ่านเกศสุรางค์ ที่เป็นผู้สื่อข่าวสายอาชญกรรมและการเมืองจากโลกอนาคตมาสิงร่างพะนอนิจ แฟนของ พ.ต.ท.เวทางค์ แฟนของพะนอนิจ ส่วนหมื่นสุนทรเทวาเสียชีวิตแล้วมาเกิดเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวนนครบาลในพระนคร ในยุคสมัยปัจจุบัน โดยสวมร่างของ พ.ต.ท.เวทางค์ แต่ยังคงใช้ชื่อเดิมของตนคือ พ.ต.ท.สุนทรเทวา (สารวัตรเดช)
บทเกริ่นนำ
ประเทศสาระขัณฑ์ ช่วงปี พ.ศ.2557 ได้มีการจับกุมนักการเมือง นักเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มคนเสื้อแดง
และแกนนำ แนวร่วมของพรรคเพื่อไทย ไปคุมขังเอาไว้ที่เกาะกง
ซึ่งรัฐบาลไทยขอเช่าเอาจากรัฐบาลกัมพูชา เพื่อนำคนเหล่านี้ไปรวมตัวกันอยู่
เพื่อไม่ให้ก่อความวุ่นวายในประเทศอีก
1 ในจำนวนนั้น
มีนายโกตี๋ ซึ่งเป็นแกนนำฮาร์ดคอร์ แกนนำคนสำคัญของกลุ่ม นปช.
ซึ่งได้หลบหนีออกจากประเทศไปก่อนหน้าที่จะมีการจับกุมใหญ่เหล่านักเคลื่อนไหวเหล่านี้
ไม่มีใครรู้ว่าโกตี๋ ได้ไปอยู่รวมกับเพื่อน ๆ ที่เกาะกง หรือไม่ หรือว่าอยู่ที่
สปป.ลาว และมีข่าวลือหนาหูอยู่ตลอดเวลาว่าเขาได้เสียชีวิตลงแล้ว
จากการถูกอุ้มไปฆ่า หรือว่าเสียชีวิตจากการถูกล่าสังหารจากพวกเดียวกันเอง
และบางกระแสก็บอกว่าเขาถูกทางการของประเทศ สปป.ลาว ขับออกนอกประเทศไปแล้ว
แต่นางสาว พะนอนิจ
ซึ่งเป็นบุตรสาวของ โกตี๋ ได้รับจดหมายจากบิดาของตนว่าเป็นไข้โป้ง
ลูกตะกั่วเข้าร่างจนเสียชีวิต หนูนิจได้แต่เก็บงำความเจ็บช้ำใจ
เพราะคิดว่าพ่อของตนถูกใส่ร้ายป้ายสี จากทางการ ถูกข้อหาเป็นกบฏ
และกลุ่มก่อการร้าย จนทำให้ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน
ต้องหนีจาการตามล่าของรัฐบาลทหารในเวลานั้น จนต้องไปจบชีวิตอยู่ที่ สปป.ลาว ก่อนตายโกตี๋ได้ฝากฝังให้หนูนิจ
บุตรสาวไปอยู่กับ หมอปรีด์เปรม เพลียธุระ รับไว้เป็นลูกเลี้ยง ตั้งแต่วัย 14 ขวบปี เมื่อหมอปรีด์เปรมเห็นครั้งแรกถึงกับตะลึงงัน
เพราะหนูนิจซึ่งอยู่ในวัยขบเผาะเสียเหลือเกิน
หมอปรีด์เปรมอดใจไม่ไหว เมื่อเห็นลูกเลี้ยงหน้าตาสะสวยเช่นนี้
จึงคิดมิดีมิร้าย จนคุณนายเฉลียว ภรรยาของหมอปรีด์เปรมจับได้ และคอยระแวดระวัง ต่อมาหมอปรีด์เปรมคิดแผนชั่วกระทำชำเราหนูนิจจนสำเร็จความใคร่แล้ว คุณนายเฉลียวภรรยาของหมอปรีด์เปรมโกรธมาก ตั้งใจว่าจะเอาหนูนิจไปฝากไว้ที่บ้านเพื่อนของตนแทน
เพื่อไม่ให้สามีขี้หื่นของตน ได้เสียลูกเลี้ยง จนกลายเป็นภรรยาน้อยมีลูกขึ้นมา
ในขณะที่หนูนิจก็ไปแอบชอบ พ.ต.ท.สุนทรเทวา สารวัตรหนุ่มรูปงาม พ่อหม้ายเนื้อหอมแห่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลพระนคร
เมื่อคุณนายเฉลียวล่วงรู้จึงรีบทาบทาม
สารวัตรหนุ่มพ่อหม้ายคนนี้ให้แต่งงานกับลูกเลี้ยงของตน
เพื่อปิดทางไม่ให้สามีตนมายุ่งกับหนูนิจ ซึ่งตอนแรก พ.ต.ท.สุนทรเทวา
ก็ไม่ได้มีใจชมชอบหนูนิจเท่าไหร่ แต่พอเห็นว่าหนูนิจมีจริตก้าน
ความเป็นแม่ศรีเรือนครบถ้วนบริบูรณ์ เก่งทั้งงานบ้าน งานเรือน
อีกทั้งยังทำงานเป็นครูสอนหนังสือเด็ก ก็เลยมีใจให้ จึงเปิดใจลองคบหาดูใจกันก่อน 1
ปี ก่อนจะตกลงปลงใจแต่งงานกันในที่สุด
EP.1 คดีเด็กหญิงแดง
ประเทศสาระขัณฑ์ ปี.พ.ศ.
2760
เกศสุรางค์เป็นหญิงร่างท้วม
ขาบู๊ เธอมีอาชีพเป็นนักข่าวสายการเมืองและอาชญากรรม วัย 25 ปี ทำงานให้กับสถานีโทรทัศน์ช่องนนทรี
แม้งานในอาชีพต้องเผชิญแต่เรื่องราวดาร์กๆ โหดร้ายทารุณ แต่เธอเป็นคนโรแมนติก
และมีทัศนคติแบบมองโลกในแง่บวก หรือพวกโลกสวย เธอมีความรู้ในหลากหลายแขนง
เพราะจบปริญญา 2 ใบ สาขาอาชญวิทยา กับโบราณคดี ปวศ.
จากรัฐศาสตร์จุฬาใบหนึ่ง และจากศิลปากรใบหนึ่ง และยังชอบศึกษาเรื่องพุทธศาสนา
ภาษาสันสกฤติ บาลี เป็นงานอดิเรกอีกด้วย วันนี้เธอไปทำข่าวที่ทำเนียบตามเคย
และเกิดการโต้เถียงกับคณะผู้บริหารประเทศคนใหม่ ซึ่งเป็นนักธุรกิจ
และนักการเมืองรุ่นใหม่ ที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยี และกำลังได้รับความนิยม
เนื่องจากมีวาระประเทศที่จะเข้ามาปราบปรามการคอร์รัปชั่นทุจริตของประเทศ
โดยคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ เป็นคนรุ่นใหม่เกือบทั้งหมด วัยไม่เกิน 40 ปี อายุเฉลี่ยอยู่ราวๆ 38 ปี และส่วนใหญ่มีดีกรีจบนอก มีทั้งระดับ
ดร.หรือปริญญาโท และยังเคยเป็น start up หรือนักธุรกิจระดับประเทศที่ประสบความสำเร็จในภาคธุรกิจมาแล้ว
และยังเป็นบรรดาลูกท่านหลานเธอของบรรดาตระกูลเจ้าสัวรายใหญ่ของประเทศแทบทั้งสิ้น
หาใช่ลูกตาสีตาสา ไต่เต้าขึ้นมามีอำนาจหาใช่ไม่ เวลานักข่าวถามเป็นภาษาไทย บรรดา
พณ.จะตอบเป็นภาษาอังกฤษสลับไทยบ้าง หรือบางทีก็ไล่ยาวเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย
แล้วให้นักข่าวงงตาแตกไปแปลความกันเอาเอง เกศสุรางค์เริ่มเบื่อกับบรรดาผู้นำ
ผู้บริหารประเทศเหล่านี้ ที่ดูภายนอกเหมือนเป็นคนมีกึ๋น มีสมอง หัวนอกทั้งหลาย
แต่พอถามลึกๆ ลงไป หาได้มีแก่นสาระไม่ ระบบคิดยังคงเป็นแบบนายทุน ที่ถนัดสั่งการ
และพูดจาดูมีหลักการ แต่อยู่บนหอคอยงาช้าง จับต้องไม่ได้ และส่วนใหญ่เท้าไม่เคยสัมผัสพื้นหรือหัวใจคนจนตามชนบทเลย
มีวิถีแบบนายทุน คนเมืองและ อยู่ในโลกศิวิไลซ์ ที่เต็มไปด้วยศัพท์สูงและถูกครอบด้วยเทคโนโลยีท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอดตลอดศก
คอยเป็นข้าทาสของประเทศเจริญแล้วอยู่ร่ำไป
“เฮ้ย เรืองฤทธิ์
วันนี้เราไปกินข้าวกันที่สวนอาหารบุพเพสันนิวาสกันดีกว่า
เพื่อรื้อฟื้นความหลังครั้งที่สยามประเทศยังอบอุ่น ผู้คนรักใคร่กัน
ไม่เห็นแก่ตัวกันเช่นนี้ดีกว่า”
ระหว่างทางขับรถ
ตรงบริเวณสี่แยกตัวเมืองอยุธยา มีรถมอเตอร์ไซด์เด็กแว้นต์โผล่ออกมา
ตัดหน้ารถของเธอ เธอจึงหักหลบไม่ให้ชน แต่ทิศทางดันไปเผชิญกับรถบรรทุกสินค้าที่พุ่งตรงมา
รถเกิดการประสานงาเข้าอย่างจัง ทำให้เกศสุรางค์เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที
เนื่องจากศีรษะของเธอไปกระแทกเข้าอย่างจังกับแผงกันชนของรถบรรทุก ส่วนเรืองฤทธิ์ที่นั่งอยู่ด้านข้าง
กระเด็นออกจากตัวรถ ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีหน่วยกู้ภัยเอาตัวไปถึงยังโรงพยาบาล
ช่วยชีวิตไว้ได้ทัน และต้องอยู่ในห้องไอซียู ร่วมเดือน กว่าจะพ้นขีดอันตราย
เกศสุรางค์ ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควร แต่เดชะบุญ วิญญาณของเธอได้ไปสิงอยู่ในร่างของนางสาวพะนอนิจ
ปี พ.ศ. 2557 ในช่วงที่สาระขัณฑ์ปกครองโดยรัฐบาลทหาร คสช.
ปี พ.ศ. 2557 ในช่วงที่สาระขัณฑ์ปกครองโดยรัฐบาลทหาร คสช.
พะนอนิจ “ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย
ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย
ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืนฯ”
สารวัตรเดช “แหม คุณครูนิจ
ต้องการจะว่ากระทบกระเทียบใครหรือเปล่าจ๊ะ”
พะนอนิจ “ก็ใครบางคน นั่นแหละที่ชอบ ดื่มสุรา
เมามายอยู่เรื่อย แล้วอ้างว่าเครียดเรื่องงาน”
สารวัตรเดช “ก็นิดหน่อยอ่ะจ้ะ มันก็ต้องมีบ้าง
เวลาสังสรรค์กับลูกน้อง หรือจะให้พี่ชวนกันดื่มนมกัน”
พะนอนิจ “อย่าให้รู้นะว่าไปดื่มนม จากแม่วัวตัวเป็นๆ
เอ๊าะๆ สดๆ ที่ไหน
แม่จะตามอาละวาดถึงชีวิตเชียว”
สารวัตรเดช “ โถๆๆ.....พี่มีเมียสวยและสาวขนาดนี้
จะไปหาเศษหาเลย ทำไมอีกหล่ะจ๊ะ พี่ยังอยากให้เรามีลูกด้วยกันเร็วๆ เลย แต่นิจอ่ะ
ไม่เปิดโอกาสให้พี่บ้างเลย”
พะนอนิจ “พี่เดช รู้มั๊ยว่าวันนี้
ในโรงเรียนกำลังเครียดกันอยู่ ไม่มีกระจิตกระใจ จะพูดคุยเล่นกันเลย”
สารวัตรเดช “มีเรื่องอะไรกันหรือจ๊ะ หรือว่าเด็กมันเฮี้ยว
จนคุณครูปราบไม่อยู่อีก”
พะนอนิจ “ไม่ใช่หรอกค่ะ แต่ว่ามีเด็กหาย ไม่มาเรียนร่วมสัปดาห์แล้ว
พอถามไปทางผู้ปกครอง ก็บอกว่า เด็กหายออกจากบ้านไปตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา
แล้วก็ไม่ได้กลับมาบ้านอีกเลย”
สารวัตรเดช “อ้าว! แล้วทางผู้ปกครองไปแจ้งความเรื่องคนหายหรือยัง”
พะนอนิจ “แจ้งแล้วค่ะ แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ทางผู้ปกครองก็เลยมาปรึกษานิจ ว่าจะทำอย่างไรดี”
สารวัตรเดช “แล้วตอนนี้ คดีไปอยู่ที่ไหน ใครรับผิดชอบหล่ะ”
พะนอนิจ “ก็หมวดกบี่ ลูกน้องพี่เดชนั่นแหละ
เป็นคนทำคดีนี้ ช่วยเร่งสืบให้หน่อยสิคะ สงสารหัวอกคนเป็นพ่อแม่
ที่ไม่รู้ว่าลูกสาวของตนหายไปไหน”
สารวัตรเดช
เมื่อเข้ามายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็รีบถามเอาความจากหมวดกบี่ว่า มีเบาะแสอะไรคืบหน้ามั๊ย
“ผัวนางชะลอ ไปหาของในป่า
ได้กลิ่นซากเน่าอยู่บริเวณนั้น จึงเดินลงไปดูที่ก้นเหวของป่า
พบมีกองดินทับฝังอะไรอยู่ จึงลองขุดดู พบมีศพผู้หญิงถูกฝังอยู่ ประกอบกับนางชะลอบอกว่า
เมื่อคืนมีคนมาเข้าเฝ้า เป็นเด็กผู้หญิง บอกว่าเจ็บปวดทรมานมาก ให้มาช่วยหนูหน่อย
หนูอยู่ในป่าข้างล่าง”
“ฆาตกรรมอำพรางงั้นเหรอ” สารวัตรเดช
“เราพบว่ามีร่องรอยถูกแทงด้วยมีดและทุบด้วยหินที่ศีรษะ
และบริเวณอวัยวะเพศมีร่องรอยถูกข่มขืน ญาติของเหยื่อเล่าว่า ก่อนจะมาพบศพ
ล่าสุดเด็กหญิงแดงนั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์ออกไปกับเพื่อนชายคนสนิท ที่คาดว่าจะเป็นแฟน
โดยมีการชักชวนกันของเพื่อนสนิทอีกกลุ่มหนึ่ง
ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจจะนัดไปเคลียร์ใจกัน แต่เพื่อนชายของเหยื่อเป็นผู้ถูกทำร้ายแทนจนเสียชีวิต” หมวดกบี่
“คนทำเป็นเพื่อนของเหยื่อ
ถ้าอย่างนั้นก็ตามตัวไม่ยาก รีบไปตามสืบว่า กลุ่มเด็กพวกนี้มีใครบ้าง”
“ไม่น่ายากครับ
เพราะจริงๆ แล้วเด็กหญิงแดงคือผู้ที่รอดชีวิต และตะเกียกตะกายจากหลุมที่ถูกฝัง
มาแจ้งความเองครับ” หมวดกบี่
“ฮะ....แล้วศพที่เจอหล่ะ” สารวัตรเดช
“เป็นนายดำ
แฟนของเหยื่อเอง และที่น่าแปลกใจก็คือ เราพบรอยสักบนร่างกายของศพเหยื่อด้วยครับ” หมวดกบี่
“รอยสักงั้นเหรอ
เป็นอย่างไร” สารวัตรเดช
“งั้นเชิญสารวัตรไปยังห้องชันสุตรศพ
คุณหมอจะเป็นผู้ชี้แจงครับ” หมวดกบี่
“ผู้ตายเป็นเด็กหนุ่มวัยฉกรรจ์
อายุราว 18 ปี รูปร่างล่ำสัน กำยำ หน้าตาดี
มีรอยสักตามตัวแบบพิมพ์นิยมทั่วไป มีเจาะหูด้วย แต่ที่เพิ่มมาก็คือรอยสัก 5
จุด ตรงหน้าผาก หลังฝ่ามือ และหลังฝ่าเท้าครับทั้ง 2 ข้าง มีคำว่า ขี้ – ไหล – ฝน – หมู – ตก ซึ่งเราไม่รู้ว่า
ฆาตกรสักคำเหล่านี้ไปเพื่ออะไร มีนัยยะแอบแฝงอะไรครับ” หมอแล็บแพนด้า
“ผู้ตายคือแฟนของเหยื่อ
ถูกลวงมาฆ่างั้นเหรอ” สารวัตรเดช
“ใช่ครับ
มูลเหตุจูงใจน่าจะมาจากความหึงหวงครับ”
หมวดกบี่
“กระทำโหดเหี้ยมมาก
ทั้งแทง และเอาหินทุบหัว จากนั้นก็นำไปฝังดินเพื่ออำพรางศพอีกที
แล้วร่องรอยถูกข่มขืนนี่มันของศพที่ตายหรือของเหยื่อกันแน่ครับ” สารวัตรเดช
“ทั้งคู่เลยครับ
แฟนของเหยื่อที่เป็นหนุ่มก็ถูกรุมข่มขืนทางทวาร ส่วนเหยื่อสาวก็ถูกข่มขืนเช่นกัน
และจากนั้นพอสังหารเหยื่อชายแล้ว ก็ทำร้ายจนเหยื่อผู้หญิงสลบ จากนั้นก็ฝังทั้งเป็น
โดยมัดมือมัดเท้ามัดปิดปากเหยื่อผู้หญิงไม่ให้สามารถหนีหรือรอดจากการถูกฝังได้
แต่เหยื่อผู้หญิงอาศัยความพยายามสุดชีวิต จนแก้เชือกมัดมือกับเท้าได้สำเร็จ
พอรุ่งเช้าก็ตะโกนเรียก
จนคุณลุงหมายแฟนของป้าชะลอมาพบเจอเข้าจึงช่วยเหลือชีวิตขึ้นมาได้” หมวดกบี่
“แล้วตอนนี้
พ่อแม่ของเด็กหญิงแดงไปไหน” สารวัตรเดช
“นางเรือน
แม่ของเด็กหญิงแดง พอเกิดเรื่องก็กลัวความผิด หนีไปหลบบ้านญาติ
ส่วนนายฉมพ่อของเด็กหญิงแดง เป็นคนจรจัด ขี้เหล้าเมายา เล่นการพนันจนหมดตัว
เป็นหนี้พนันของบ่อนนายฮวด จนต้องเอาเด็กหญิงแดงไปขาย จนมาเกิดเรืองเสียก่อนครับ” หมวดกบี่
“น่าเวทนาแท้
เราต้องติดตามตัวพวกแก๊งค์เด็กวัยรุ่น เพื่อนๆ ของเด็กหญิงแดงมาสอบปากคำให้หมด
ว่าใครมีส่วนร่วมในการลงมือข่มขืน และสังหารเด็กหญิงแดงกับแฟนหนุ่มให้ได้” สารวัตรเดช
“หมวดกบี่ แล้วหมวดแชน
หายไปไหน”
“มานู่นแล้วครับ”
“หมวดแชน
ผมจะให้คุณไปสืบดูนะว่า ในกลุ่มวัยรุ่นเพื่อนของเด็กหญิงแดง มันมีเรื่องอะไรกัน
แล้วใครเป็นหัวโจกย์”
“ได้ครับ เรื่องเอา....เด็กนี่ผมถนัดเลยครับ....เอิ่ม
ผมหมายถึงเอาความกับเด็ก”
“แล้วไปสืบเรื่องนายฉมกับนางเรือนด้วย
ว่าเหตุใดลูกสาวเกิดเรื่องขนาดนี้ ยังไม่มาปรากฏตัวเลย”
สารวัตรกลับไปถึงบ้านตอนช่วงค่ำ
ก็นำเรื่องคดีความของเด็กหญิงแดง เล่าให้พะนอนิจฟัง
รวมถึงคำสักปริศนาบนตัวของแฟนหนุ่มผู้ตายของเด็กหญิงแดงด้วย
“มันมีคำว่า ขี้ – ไหล – ฝน – หมู – ตก
มันต้องการจะสื่ออะไรนะ”
“โดยคำแต่ละคำ
มันมีความหมายอยู่ในตัว แต่เมื่อจับมาผสมกัน ยังบอกไม่ได้ค่ะว่า
มันต้องการสื่ออะไร พอดีเกด มาจากโลกอนาคต
ไม่เข้าใจคำเหล่านี้เหมือนกัน ในยุคก่อน มันมีคำพวกนี้ด้วยเหรอคะ”
“อ๋อ...ผมรู้แล้ว
มันน่าจะเป็นคำว่า ฝนตกขี้หมูไหล แต่เราก็ไม่ทราบอยู่ดีว่า
ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่”
“แล้วมันมีความหมายว่าอะไรค่ะ
คำๆ นี้”
“หมายถึง ทำตัวเหลวไหลคล้อยตามไปด้วยกัน
ชักชวนกันไปทำในสิ่งที่ไม่ดี ครับ”
“ถ้าอย่างนั้น
เกดเข้าใจแล้วค่ะ พี่เดช มันต้องมีนัยยะแฝงบางอย่างที่ต้องการบอกแน่ๆ ค่ะ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่รู้”
โปรดติดตามต่อใน ep. ต่อไป
อ้างอิง คดีนี้ ผู้เขียนได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริง ของคดี 4 โจ๋พัทลุงรุมโทรมเพื่อนสาวและแฟน หวังฆ่าปิดปากด้วยการฝังและโยนร่างลงจากเหว แต่เหยื่อรอดปาฏิหารย์ ตามคลิปข้างล่างนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น