วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2561

ยุทธจักรนักการเมือง ตอนโพเดี้ยมเย้ยยุทธจักร


ตอนโพเดี้ยมเย้ยยุทธจักร  (ดัดแปลงเค้าโครงมาจาก นิยายเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักรหรือเดชคำกีร์เทวดา) เพื่อให้เข้ากับการเมืองของประเทศสาระขัณฑ์ตอนนี้

เรื่องย่อโดยสังเขป
            
สุคานธี ศิษย์เอกของสำนัก กปปส.(หรือสสปก.) ได้พบและคบหากับอุจระ และสนธิลับ แกนนำ  แห่งพรรคพลังประชารัฐ โดยบังเอิญ และได้เข้าช่วยเหลือให้ความปรารถนาของ ป๋านาฬิกา แห่งสำนักบ้านป่ารอยแหว่ง และลุงตุ๊ดตู่ติ๊ดชึ่ง (ประมุขแห่งบ้านตะวันจันโอชา) ที่ต้องการล้างมือจากยุทธภพ (ชั่วคราว) บรรเลงเพลง นาฬิกาเย้ยยุทธจักร และ 6 single ที่ชาวบ้านอุดหูไม่อยากฟัง ที่ทั้ง 2 ลุงกับป๋า สานฝันอยากกลับมาเป็นเจ้ายุทธภพให้เป็นจริงขึ้นมาอีกสมัย ทำให้เริ่มขัดแย้งกับจอมยุทธฝ่ายธรรมะ และถูกอาจารย์ลงโทษให้ไปเก็บตัวอยู่บนผาสำนึกตนเป็นเวลา 1 ปี ห้ามลงจากเขาเด็ดขาด ที่ผาฯ นั้นเอง สุคานธี ได้พบกับ ปรมาจารย์จอมพลิกลิ้นหลักกูให้เป็นหลักการได้ ก็คือปรมาจารย์ด้านกฏหมายแห่งกรุงลงกาพิษณุ และได้รับการถ่ายทอด เก้ากระบี่ต๊กโกว (9 หลักกูให้เป็นหลักการสำเร็จ) ทำให้ฝีมือรุดหน้าอย่างรวดเร็ว จนถูกคนเข้าใจผิดว่า  ขโมยฝึกวิชา เพลงโพเดี้ยมปราบมาร ของตระกูลลิ้น
           
ด้วยเหตุที่ถูกเข้าใจผิด จึงได้มีวาสนาได้ใกล้ชิดกับ งามจันทร์ ธิดาเทพแห่งบ้านตะวันจันโอชาเข้า และก่อตัวเป็นความรัก ยิ่งทำให้ขัดแย้งกับชาวยุทธฝ่ายธรรมะมากยิ่งขึ้นไปอีก จนถูกอาจารย์ขับออกจากสำนักในที่สุด หลังจากนั้น ความรักของทั้งคู่ก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อช่วยอาการบาดเจ็บของ สุคานธี งามจันทร์ ยอมบุกเข้าวัดธรรมกายเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยไม่สนถึงฐานะธิดาเทพของตน ยอมอยู่วัดธรรมกาย 10 ปี แลกกับความช่วยเหลือสุคานธี
           








ต่อมา สุคานธี ได้เข้าช่วยเหลือพ่อของ งามจันทร์ ออกจากคุกใต้ทะเลทราย โดยไม่รู้ว่าที่แท้พ่อของนางก็คือ ลุงตุ๊ดตู่ติ๊ดชึ่ง อดีตประมุขบ้านตะวันจันโอชา และได้เรียนวิชา มหาเวทดูดดาว เข้าโดยบังเอิญ สุคานธี ทราบข่าวว่า งามจันทร์ ถูกกักตัวอยู่ที่วัดธรรมกาย จึงรวบรวมเหล่าชาวยุทธบุกธรรมกาย เพื่อช่วยนางออกมา ต่อมา สุคานธี ได้เข้าช่วยเหลือ งามจันทร์ ชิงตำแหน่งประมุขพรรคมารคืนจาก ไก่อูคลุกป้าย (นักการเมืองอีแอบข้างกายที่ชอบใส่ร้ายป้ายสีม็อบภาคประชาชน) และได้รับการชักชวนให้เป็นรองประมุขจาก ลุงตุ๊ดตู่ติ๊ดชึ่ง แต่ว่า สุคานธี ปฏิเสธ แล้วจากมา
           




ในขณะเดียวกัน จ้อ(ทุกเวที)เฮียกวง เจ้าสำนักทาสเจ้าสัว ผู้นำแห่ง 5 ขุนเขาโพเดี้ยม (ตระกูลเจ้าสัวใหญ่) ได้เริ่มดำเนินแผนรวมห้าขุนเขาโพเดี้ยมเป็นหนึ่ง เพื่อก้าวสู่ความเป็นใหญ่ในประเทศ แต่ รสนาซือไถ้ เจ้าสำนัก NGO คัดค้านไม่ยอมคล้อยตามกับโครงการ EEC รสนาซือไถ้ จึงถูก จ้อเฮียกวง ลอบทำร้าย (ใส่ร้ายหาว่าขวางความเจริญประเทศ) โชคดีที่ได้ สุคานธี เข้าช่วยเหลือจึงรอดมาได้ แต่ในที่สุด รสนาซือไถ้ ก็ถูกสังหาร (ปิดไมค์ในสภาจับตัวโยนออกจากสภาไป) จนได้ โดยคนชุดดำ (ขรก.ในสภา) และได้ทิ้งคำสั่งเสียให้สุคานธี รับสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก NGOต่อจากเธอ หลังจากรับตำแหน่งเจ้าสำนัก NGO และชักชวนชาวยุทธให้เข้าสำนักภาคประชาชนแล้ว จ้อเฮียกวง ได้เรียกประชุม 5 ตระกูลเจ้าสัวใหญ่ เรื่องการรวมตัวกันของสำนัก 5 ตระกูลเจ้าสัว โดยการประลองโพเดี้ยมกัน ผลคือ ลุงกำนัน สามารถเอาชนะและสังหาร จ้อเฮียกวง ลงได้ แต่วิชาที่ใช้นั้น กลับเป็น เพลงโพเดี้ยมปราบมาร ไม่ใช่เพลงโพเดี้ยม กปปส. (สสปก.) แต่อย่างใด แผนการที่วางมานานของ ลุงกำนัน จึงได้ถูกเปิดเผยออกมาในการประลองครั้งนี้
           
หลังจากลุงกำนัน ได้ตำแหน่งประมุขพรรค 5 ตระกูลเจ้าสัวแล้ว ก็ได้เริ่มแผนการขั้นต่อไป คือกำจัดพรรคมาร เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่ตนเอง ลุงกำนัน ชักชวน สุคานธี ให้เข้าร่วมกับตนเพื่อช่วยกำจัดพรรคมาร สุคานธี หลีกเลี่ยง โดยอ้างการส่ง ศิษย์สำนักภาคประชาชน กลับสำนักภาคประชาชนก่อน แล้วจึงจะมาช่วยงาน พรรค 5 ตระกูลเจ้าสัวโพเดี้ยม ระหว่างทาง ได้พบเข้ากับ ลิ้มมีชัย (ซือแป๋เจ้าตำราเขียนรัฐธรรมนูญ) กำลังจะสู้กับ ดื้อสมชัย เจ้าสำนักองค์กรกลาง และ วีระสม เพื่อแก้แค้นให้นักเลือกตั้ง ที่ตรอมใจตายไป โดยเพลงโพเดี้ยมที่ใช้รวดเร็วและร้ายกาจ เป็น เพลงโพเดี้ยมปราบมารนั่นเอง ลิ้มมีชัย มีฝีมือร้ายกาจ แม้ ดื้อสมชัย และ วีระสม ร่วมมือกัน ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ ในที่สุด แม้ว่า ลิ้มมีชัย จะเอาชนะและสังหารทั้งคู่ได้สำเร็จ แต่ก็ต้องพลาดท่าถูกน้ำลายพิษของ วีระสม ทำให้กลายเป็นคนแก่มืดบอดทางจริยธรรม
          
หลังจากตาบอดแล้ว อมรศักดิ์ ติดตามดูแล ลิ้มมีชัย อยู่ไม่ห่าง ลิ้มมีชัย เล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เขาฟัง รวมทั้งเรื่องการเฉือนมโนสำนึกความเป็นคนเพื่อฝึกวิชาในคัมภีร์ทานตะวัน (ร่างรัฐธรรมนูญ60) เพลงโพเดี้ยมปราบมาร อมรศักดิ์ มีความเคารพมั่น แม้เสียใจ แต่เขาก็ยังภักดีต้องการที่จะดูแล ลิ้มมีชัย ต่อไป แต่เพื่อแก้แค้น ลุงกำนัน ที่ขโมยคัมภีร์ทานตะวัน (ร่างรัฐธรรมนูญ60) ไป ลิ้มมีชัย จึงได้ลงมือสังหาร อมรศักดิ์ อย่างเลือดเย็น (ตีตกร่างรัฐธรรมนูญฉบับอมรศักดิ์) แล้วหนีไปหลบซ่อนตัวเพื่อรอการแก้แค้น ลุงกำนันต่อไป หลังจาก ลุงกำนัน ดำเนินการที่จะกำจัดพรรคมาร โดยหวังใช้ สุคานธี มาช่วยตนกำจัด ลุงตุ๊ดตู่ติ๊ดชึ่ง แต่เมื่อถูก สุคานธีปฏิเสธ จึงหันกลับมาหวังกำจัดแทน และเข้าขอความช่วยเหลือจาก วัดธรรมกาย และ สำนักธรรมปากน้ำ แต่ถูกปฏิเสธ ลุงกำนัน จึงต้องสู้กับ พรรคมาร เพียงลำพัง ทางฝ่าย ลุงตุ๊ดตู่ติ๊ดชึ่ง เองก็ต้องการให้ สุคานธี มาเข้ากับฝ่ายตนเช่นเดียวกัน จึงปล่อยข่าวเรื่องที่ สุคานธีช่วยเหลือ ลุงตุ๊ดตู่ติ๊ดชึ่ง ถึง 2 ครั้ง 2 ครา หลังจากนั้นก็ได้พาตัว สุคานธี มาที่ผาไม้ดำ (บ้านตะวันจันโอชา) และเสนอเรื่องการแต่งงานกับงามจันทร์ และรับตำแหน่งรองประมุขพรรคบ้านตะวันจันโอชา แต่เพื่อไม่ให้ผิดต่อคุณธรรม สุคานธี จึงปฏิเสธอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ ลุงตุ๊ดตู่ติ๊ดชึ่ง โกรธเป็นอย่างมาก เอาโพเดี้ยมฟาดสุคานธี ถึงกับประกาศว่าจะไปถล่มสำนัก NGO ด้วยตนเอง สุคานธี จึงจำต้องจาก งามจันทร์ ณ ผาไม้ดำ (บ้านตะวันจันโอชา) มา
           
ข่าวการปฏิเสธตำแหน่งรองประมุขพรรคบ้านตะวันจันโอชา และตัดใจจากงามจันทร์ ของ สุคานธี เป็นที่ชื่นชมไปทั่วยุทธภพในความมีคุณธรรม ถึงกับยอมตัดใจจากคนรัก หลังจากกลับมาถึง สำนัก NGO แล้ว ไต้ซือพุทธอิสระเจ้าอาวาสวัดธรรมกาย และนักพรตพยอมเจ้าสำนักธรรมปากน้ำ ได้พาศิษย์มาช่วยเหลือต้านการบุกโจมตีของพรรคมาร ไต้ซือพุทธอิสระได้มอบ คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น (เปลี่ยนจากรักผลประโยชน์มาเป็นรักศักดิ์ศรี,รักชาติ) เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจาก วิชามหาเวทดูดดาว (วิชามารที่ดูดเอานักการเมืองรุ่นลายครามยุคบ้านเชียง จากหลายมุ้ง หลายพรรค หลายขั้ว ให้มาอยู่รวมกันเป็นพวกเดียวกัน และสนับสนุนลุงตุ๊ดตุ๋ติ๊ดชึ่งขึ้นเป็นเจ้ายุทธภพ) โดยอ้างว่าเป็นคัมภีร์ของป๋านาฬิกา
          
หลังจากที่ สุคานธี สร้างกระท่อมไม้ไผ่บนเขา NGO เพื่อหวังเป็นกระท่อมพักกายอยู่อย่างสงบ งามจันทร์ได้มาหา สุคานธี หลังจากที่จากกันที่ผาไม้ดำ (บ้านตะวันจันโอชา)

ลุงกำนัน จึงถือโอกาสนี้จับตัว งามจันทร์ไปสำนัก กปปส. (สสปก.) เพื่อบีบให้ สุคานธี ไปติดกับ ในเวลาเดียวกัน ลิ้มมีชัย เองก็ตรงมายังสำนัก กปปส. (สสปก.) เพื่อแก้แค้นเช่นกัน ในระหว่างการต่อสู้ของ ลิ้มมีชัย กับ ลุงกำนัน นั้นเอง ด้วยความช่วยเหลือของ ป้ากำนัน ทำให้ช่วย งามจันทร์ ออกมาได้ แต่แล้วด้วยความหมดอาลัยตายอยากต่อ ลุงกำนัน ผู้เป็นสามีแล้ว จึงได้ฆ่าตัวตาย ระหว่างที่ สุคานธี และ งามจันทร์ ฝังศพของ ป้ากำนัน แล้ว ก็เดินทางกลับสำนัก NGO แต่กลับพบว่าสำนัก NGO ถูกลุงกำนัน ถือโอกาสโจมตีและบังคับพาตัวศิษย์ NGO ไปผาไม้ดำ (บ้านตะวันจันโอชา)   สุคานธี และ งามจันทร์ จึงตามไปที่ผาไม้ดำ   ลุงกำนัน ได้เข้าจู่โจมผาไม้ดำ และได้ประมือกับ ลุงตุ๊ดตู่ติ๊ดชึ่ง แม้ ลุงตุ๊ดตู่ติ๊ดชึ่ง และทูตซ้าย พล.อ.พี่นก จะลงมือพร้อมกัน ก็ไม่อาจเอาชนะ ลุงกำนัน ได้ เมื่อสุคานธี และงามจันทร์ มาถึงที่ผาไม้ดำ  งามจันทร์ เห็นผู้เป็นพ่อกำลังเสียท่า จึงยื่นมือเข้าช่วย แต่สุดท้ายก็ยังสู้ ลุงกำนันไม่ได้ งามจันทร์ได้รับบาดเจ็บ  พล.อ.พี่นก บาดเจ็บสาหัส ส่วน ลุงตุ๊ดตู่ติ๊ดชึ่ง ต้องจบชีวิตการเมืองลง (แบบสุนัขจนตรอก)  


ลุงกำนัน ได้ขึ้นครองยุทธภพ (กุมอำนาจในสภา) ในสิ่งที่ตนปรารถนา คือ ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในแผ่นดิน และแล้วการต่อสู้ระหว่าง สุคานธี กับ ลุงกำนัน ก็เริ่มขึ้น ในครั้งนี้ ทั้งคู่ต่างใช้ฝีมือที่มีอยู่ทั้งหมดเข้าสู้กัน แม้ เพลงโพเดี้ยมปราบมาร จะร้ายกาจ แต่ก็ไม่อาจตั้งรับการบุกโจมตีของ เก้ากระบี่ต๊กโกว (9 หลักกูให้เป็นหลักการ) ได้ จึงต้องพ่ายแพ้และจบชีวิตทางการเมืองลงไปในที่สุดเช่นกัน ก่อนตายลุงกำนันก็ได้เปิดเผยความลับให้สุคานธีรู้ว่า ตนเองนี่แหละที่เป็นคนขโมยคัมภีร์ทานตะวัน (ร่างรัฐธรรมนูญปี 60) มา ฝึกวิชาโพเดี้ยมปราบมาร จนต้องเฉือนมโนสำนึกทางด้านจริยธรรมออก กลายเป็นนักการเมืองพรรคมารเสียเอง



หลังจากศึกบนผาไม้ดำจบลง สุคานธี ได้สละตำแหน่งเจ้าสำนักขุนเขาโพเดี้ยม ให้แก่ น้องไอติม (พลิษฏิ์) ศิษย์เอกแห่งสำนัก NGO รับสืบทอดตำแหน่งต่อไป และไปใช้ชีวิตอยู่ยัง Home Stayไม้ไผ่ จิบไวน์ บรรเลงบทเพลงโพเดี้ยมเย้ยยุทธจักร กับ งามจันทร์ ใช้ชีวิตพอเพียงเป็น smart farmer อย่างสงบ ส่วนยุทธภพก็กลับมาสงบสุข รอดพ้นจากเงื้อมมืออวิชชาของพวกนักการเมืองจังไรเหล่านั้น และสงบสุขมาตลอดอีกหลายสิบปี

หมายเหตุ  ผู้เขียนใช้ภาพประกอบ จากซีรีส์ เดชคำภีร์เทวดา เวอร์ชั่นปี 1996 ของสถานีโทรทัศน์ TVB

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น