วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2559

โลก 360 องศา - (ซาอุประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการฑูตต่ออิหร่าน,ต่อเหตุประท้วงบุกสถานฑูตซาอุ ที่สั่งประหารชีวิตผู้นำศาสนานิกายชีอะห์,คาร์บอมพ์ร้านอาหารฝรั่งเศสโดยฝีมือตาลีบัน,ไฟไหม้คืนเคาน์ดาวน์ที่ดูไบ)


เอเจนซีส์ / MGR online – อาเดล อัล-ญูเบอีร์ รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย แถลงในวันอาทิตย์ ( 3 ม.ค.) ยืนยันซาอุดีอาระเบียตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน หลังเกิดเหตุกลุ่มผู้ประท้วงชาวอิหร่านบุกเข้าโจมตีสถานเอกอัครราชทูตซาอุฯในกรุงเตหะราน นอกเหนือจากการประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างรัฐบาลริยาดห์และเตหะรานแล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบียยังสั่งให้เจ้าหน้าที่ทางการทูตทั้งหมดของอิหร่านต้องเดินทางออกจากแผ่นดินซาอุฯ ภายใน 48 ชั่วโมง  การประกาศของรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบียในการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านในคราวนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดต่ำสุดของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองที่ตึงเครียดมายาวนานหลายทศวรรษ โดยที่รัฐบาลซาอุฯซึ่งถือเป็นผู้นำโลกมุสลิมฝ่ายสุหนี่ มักกล่าวหาอิหร่านที่เป็นผู้นำชาติมุสลิมฝ่ายชีอะห์ว่า กระทำการแทรกแซงกิจการของโลกอาหรับ ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ (2 ม.ค.) กลุ่มผู้ประท้วงชาวอิหร่านซึ่งอยู่ในอารมณ์โกรธแค้น พากันบุกเข้าไปยังที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียในกรุงเตหะราน ก่อนจุดไฟเผาส่วนหนึ่งของอาคารสถานทูต หลังจากที่รัฐบาลริยาดห์ทำการประหารชีวิตอิหม่ามนิกายชีอะห์ชื่อดัง "ชีค นิมรา อัล-นิมรา" ที่มีชื่อเสียงในฐานะนักวิพากษ์วิจารณ์ฝีปากกล้าต่อการปกครองที่กดขี่ของทางการซาอุดีอาระเบียต่อชนกลุ่มน้อยที่เป็นมุสลิมชาวชีอะห์ในประเทศ รายงานข่าวระบุว่า ภายหลังจากกลุ่มผู้ประท้วงที่โกรธแค้น พากันขว้างระเบิดเพลิงเข้าไปภายในสถานเอกอัครราชทูตซาอุฯในกรุงเตหะราน ก่อนจะสามารถบุกเข้าไปภายในได้ และจากนั้นการทุบทำลายเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้สำนักงาน ตลอดจนหน้าต่างของอาคารสถานทูตซาอุฯ ก็ได้เปิดฉากขึ้นอย่างบ้าคลั่ง โดยผู้ประท้วงหลายรายได้ช่วยกันจุดไฟเผาห้องๆหนึ่งภายในอาคาร ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของอิหร่านจะเดินทางมาถึง และทำการผลักดันผู้ประท้วงออกไปนอกพื้นที่และเริ่มทำการดับเพลิงที่ลุกไหม้  เหตุบุกสถานทูตซาอุฯใจกลางเมืองหลวงของอิหร่านในครั้งนี้ ถือเป็นปฏิกิริยาต่อเนื่อง หลังจากที่ทางการซาอุฯทำการประหารชีวิตหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งผู้ที่ถูกประหารชีวิตในครั้งนี้ประกอบด้วย ชีค นิมรา อัล-นิมรา พร้อมกับชายอีก 47 คนในข้อหาเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย นำมาซึ่งเสียงประณามจากรัฐบาลอิหร่าน และบรรดาพันธมิตรชีอะห์ทั่วโลก ก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคม 2015 ศาลสูงสุดของซาอุดีอาระเบียได้ปฏิเสธการยื่นอุทธรณ์โทษประหารชีวิตแก่นิมรา ที่เป็นหนึ่งในผู้นำการเรียกร้องให้มีการชุมนุมสนับสนุนประชาธิปไตยในซาอุดีอาระเบีย ก่อนที่เขาจะถูกจับกุมตัวได้ในปี 2012 นำไปสู่การประท้วงหลายครั้งที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย ชีค นิมรา อัล-นิมรา ถูกยกย่องว่าเป็นผู้นำมุสลิมนิกายชีอะห์ที่มีทักษะในการพูดในจังหวัดกอตีฟ ทางตะวันออกของซาอุฯ และเป็นนักวิจารณ์ฝีปากกล้าต่อการปกครองของราชวงศ์ อัล-ซาอุดที่เป็นพวกมุสลิมสุหนี่  ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยซาอุฯ ได้กล่าวหาเขาว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตี ร่วมกับกลุ่มผู้ต้องสงสัยอื่นๆ ที่ระบุว่าทำงานในนามของกลุ่มมุสลิมชีอะห์สุดโต่งจากอิหร่าน ซึ่งถือเป็นอริหมายเลขหนึ่งของซาอุดีอาระเบีย ในภูมิภาคตะวันออกกลาง

เอเจนซีส์ / MGR online – กลุ่มผู้ประท้วงชาวอิหร่านซึ่งอยู่ในอารมณ์โกรธแค้น พากันบุกเข้าไปยังที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียในกรุงเตหะรานก่อนจุดไฟเผาส่วนหนึ่งของอาคารสถานทูตในวันเสาร์ (2 ม.ค.) หลังจากที่รัฐบาลริยาดห์ทำการประหารชีวิตอิหม่ามนิกายชีอะห์ชื่อดัง "ชีค นิมรา อัล-นิมรา" ที่มีชื่อเสียงในฐานะนักวิพากษ์วิจารณ์ฝีปากกล้าต่อการปกครองที่กดขี่ของทางการซาอุฯต่อชนกลุ่มน้อยที่เป็นมุสลิมชาวชีอะห์ในประเทศ  รายงานข่าวระบุว่า ภายหลังจากกลุ่มผู้ประท้วงที่โกรธแค้น พากันขว้างระเบิดเพลิงเข้าไปภายในสถานเอกอัครราชทูตซาอุฯในกรุงเตหะราน ก่อนจะสามารถบุกเข้าไปภายในได้ และจากนั้นการทุบทำลายเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้สำนักงาน ตลอดจนหน้าต่างของอาคารสถานทูตซาอุฯ ก็ได้เปิดฉากขึ้นอย่างบ้าคลั่ง โดยผู้ประท้วงหลายรายได้ช่วยกันจุดไฟเผาห้องๆหนึ่งภายในอาคาร ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของอิหร่านจะเดินทางมาถึง และทำการผลักดันผู้ประท้วงออกไปนอกพื้นที่และเริ่มทำการดับเพลิงที่ลุกไหม้  เหตุบุกสถานทูตซาอุฯใจกลางเมืองหลวงของอิหร่านในครั้งนี้ ถือเป็นปฏิกิริยาต่อเนื่อง หลังจากที่ทางการซาอุฯทำการประหารชีวิตหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งผู้ที่ถูกประหารชีวิตในครั้งนี้ประกอบด้วย ชีค นิมรา อัล-นิมรา พร้อมกับชายอีก 47 คนในข้อหาเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายนำมาซึ่งเสียงประณามจากรัฐบาลอิหร่านและบรรดาพันธมิตรชีอะห์ทั่วโลก ก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคม 2015 ศาลสูงสุดของซาอุดีอาระเบียได้ปฏิเสธการยื่นอุทธรณ์โทษประหารชีวิตแก่นิมรา ที่เป็นหนึ่งในผู้นำการเรียกร้องให้มีการชุมนุมสนับสนุนประชาธิปไตยในซาอุดีอาระเบีย ก่อนเขาถูกจับกุมตัวในปี 2012 นำไปสู่การประท้วงหลายครั้งที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย  ชีค นิมรา อัล-นิมรา ถูกยกย่องว่าเป็นผู้นำมุสลิมนิกายชีอะห์ที่มีทักษะในการพูดในจังหวัดกอตีฟ ทางตะวันออกของซาอุฯ และเป็นนักวิจารณ์ฝีปากกล้าต่อการปกครองของราชวงศ์ อัล-ซาอุดที่เป็นพวกมุสลิมสุหนี่  ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยซาอุฯ ได้กล่าวหาเขาว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตี ร่วมกับกลุ่มผู้ต้องสงสัยอื่นๆ ที่ระบุว่าทำงานในนามของกลุ่มมุสลิมชีอะห์สุดโต่งจากอิหร่าน ซึ่งถือเป็นอริหมายเลขหนึ่งของซาอุดีอาระเบีย ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
รอยเตอร์ - มือคาร์บอมบ์ฆ่าตัวตายตอลิบาน จุดชนวนระเบิดถล่มร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติในกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถานในวันศุกร์ (1 ธ.ค.) เหตุโจมตีระลอกล่าสุดของนักรบกลุ่มนี้ ซึ่งเกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนหน้าการเจรจาสันติภาพ ขณะที่เบื้องต้นตำรวจเผยมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 5 คน  เหตุมือระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีเมืองหลวงของอัฟกานิสถานหนล่าสุด มีเป้าหมายที่่ร้าน “Le Jardin” หนึ่งในร้านอาหารเล็กๆ ในกรุงคาบูลที่ยังคงมีชาวต่างชาติแวะเวียนไปใช้บริการอยู่เป็นประจำ ขณะที่เหตุรุนแรงคราวนี้เกิดขึ้นเกือบ 1 ปี หลังมีผู้เสียชีวิต 21 ราย ในนั้น 13 คนเป็นชาวต่างชาติ จากเหตุโจมตีร้านอาหารเลบานอนชื่อดังในเมืองแห่งนี้  ตำรวจและบุคลากรด้านความมั่นคงจำนวนมากเข้าปิดกั้นพื้นที่ ซึ่งบางส่วนยังคงสว่างไสวจากเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ตามหลังเหตุระเบิด ขณะที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเปิดเผยว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 คน ส่วนตอลิบานออกมาอ้างความรับผิดชอบ โดยระบุบนทวิตเตอร์ว่า "มีผู้รุกรานบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจำนวนมาก"  ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ตอลิบานเพิ่งออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีฆ่าตัวตายใกล้สนามบินคาบูล คร่าชีวิตอย่างน้อย 1 ศพ และบาดเจ็บ 33 คน เช่นเดียวกับปฏิบัติการโจมตีอีกแห่งในสัปดาห์นี้ที่ปลิดชีพทหารอเมริกา 6 นาย ซึ่งกำลังลาดตระเวนใกล้กับฐานทัพอากาศบากรัม รอบนอกเมืองหลวง  เหตุโจมตีต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับความพยายามฟื้นฟูกระบวนการสันติภาพกับตอลิบานที่พังครืนลงไปในเดือนกรกฎาคม ตามหลังมีข่าวหลุดออกมาว่านายมุลเลาะห์ โมฮัมหมัด โอมาร์ ผู้นำตอลิบาน เสียชีวิตเมื่อ 2 ปีก่อน  เจ้าหน้าที่จากอัฟกานิสถาน ปากีสถาน สหรัฐฯและจีน มีกำหนดพบปะกันในปากีสถานในวันที่ 11 มกราคม ในการประชุมที่มีเป้าหมายวางกรอบการเจรจากับพวกกบฏ อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ฝ่ายตอลิบานที่กำลังพยายามระงับเหตุสู้รบนองเลือดแย่งชิงสืบทอดอำนาจกันภายใน ปฏิเสธเข้าร่วมโต๊ะเจรจา หากว่ากองกำลังต่างชาติยังอยู่ในอัฟกานิสถาน
   

เอเอฟพี - เปลวเพลิงมหึมาโหมไหม้โรงแรมหรูแห่งหนึ่งในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในค่ำคืนวันพฤหัสบดี (31 ธ.ค.) ระหว่างที่ผู้คนรวมตัวกันชมงานเฉลิมฉลองปีใหม่อยู่ใกล้ ๆ กัน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคน  ศูนย์สื่อมวลชนของรัฐบาลดูไบ ระบุบนทวิตเตอร์ว่า ได้รับแจ้งไฟไหม้ที่โรงแรมแอดเดรส ดาวน์ทาวน์ เวลานี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ ณ จุดเกิดเหตุเพื่อจัดการกับเหตุการณ์นี้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า โรงแรมสูง 63 ชั้น ซึ่งอยู่ติดกับเบิร์จ คาลิฟา อาคารสูงที่สุดในโลก ถูกไฟลุกท่วมปกคลุมหลายชั้น ท่ามกลางเสียงไซเรนดังลั่นทั่วเมือง และมีเฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่ด้านบน พลตำรวจเอก คามิส มาตาร์ อัล-เอ็มเซมา ผู้บัญชาการตำรวจดูไบ เปิดเผยว่า แขกและพนักงานของโรงแรมได้รับการอพยพออกจากจุดเกิดเหตุหมดแล้ว ขณะที่ไฟยังคงลุกไหม้อยู่แม้เวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมงแล้ว  ทุกคนออกมาหมดแล้ว และจนกว่าจะดับไฟได้สำเร็จ เราจะยังไม่มีข้อมูลว่าอะไรคือต้นตอของเหตุเพลิงไหม้คราวนี้เขากล่าว ในส่วนของจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น ตัวเลขเบื้องต้นยังคงสับสน โดยเอเอฟพีอ้างคำข้อมูลบนทวิตเตอร์ของเจ้าหน้าที่แพทย์ ระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 14 ราย บาดเจ็บปานกลาง 1 คน และล้มฟุบด้วยอาการโรคหัวใจอีก 1 คน สืบเนื่องจากผู้คนเบียดเสียดหนีออกมาท่ามกลางกลุ่มควันอย่างไรก็ตาม ทางรอยเตอร์อ้างคำสัมภาษณ์ของแพทย์คนหนึ่งซึ่งอยู่ ณ จุดเกิดเหตุบอกว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 60 ราย โดยทั้งหมดบาดเจ็บแค่เล็กน้อย ไล่ตั้งแต่สำลักควันและจากการเบียดเสียดขณะกำลังอพยพลงทางบันไดของอาคาร  เอเอฟพีอ้างผู้เห็นเหตุการณ์ บอกว่า ไฟได้เริ่มลุกไหม้ตอน 21.30 น. (ตรงกับเมืองไทย 00.30 น.) จากนั้นก็แผ่ลามขึ้นด้านบนอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมบริเวณหลายสิบชั้น ขณะที่รัฐบาลระบุในทวิตเตอร์ว่าไฟปะทุขึ้นที่ชั้น 20 แต่ก่อผลกระทบแค่ส่วนนอกของอาคารเท่านั้น เจ้าหน้าที่ดับเพลิง 4 ทีมถูกส่งเข้าควบคุมไฟ”  ก่อนหน้านี้ ในวันพฤหัสบดี (31 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่เผยว่าได้กระจายกำลังบุคลากรด้านความมั่นคงหลายพันนาย เพื่อรับประกันความปลอดภัย ให้นักท่องเที่ยวและพลเรือนสนุกสนานกับงานเทศกาลต้อนรับปีใหม่อย่างเต็มที่ คณะผู้บริหารเมืองดูไบ วางแผนสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ประชาชนที่เข้าร่วมงาน ด้วยการแสดงพลุไฟประกอบแสงสีเสียง โดยเริ่มต้นจากตึกเบิร์จคาลิฟา ก่อนแผ่ขยายต่อเนื่องไปยังจุดอื่น ๆ ทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นเบิร์จอาหรับ และใกล้ ๆ กับดูไบ มารินา  ทั้งนี้ แม้มีเหตุเพลิงไหม้ แต่รัฐบาลประกาศเดินหน้างานเฉลิมฉลองต่อไป งานฉลองปีใหม่จะเดินหน้าตามกำหนดผู้บริหารเมืองระบุในทวิตเตอร์
เอเอฟพี - มอสโกในวันพุธ (30 ธ.ค.) เรียกร้องอังการาจับกุมกบฏรายหนึ่งที่ระบุเป็นคนลงมือฆ่านักบินรัสเซียที่เครื่องบินถูกตุรกียิงตกตามแนวชายแดนซีเรียเมื่อเดือนก่อน หลังนักรบรายนี้โผล่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนตุรกี อ้างถึงความชอบธรรมในการลงมือแก้แค้น  เราเรียกร้องเจ้าหน้าที่ตุรกีดำเนินมาตรการต่างๆในทันทีเพื่อจับกุมนายอัลพาร์สลาน เซลิคและผู้สมคบคิดของเขา พาตัวพวกเขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมฐานฆาตกรรมนักบินรัสเซียมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุในถ้อยแถลง  ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เฮอร์ริเยตของตุรกีเมื่อวันอาทิตย์ (27 ธ.ค.) กบฏเติร์กเมนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพลเมืองตุรกี บอกว่า ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขามิอาจเพิกเฉยต่อบุคคลคนหนึ่งที่ทิ้งระเบิดใส่พลเรือนเติร์กเมนทุกๆ วันได้โดยอ้างถึงนักบินชาวรัสเซียที่ถูกสังหาร  สองนักบินของเครื่องบินทิ้งระเบิด ซู-24 ที่ถูกเครื่องบินรบเอฟ-16 ของตุรกียิงตก ดีดตัวและกระโดดร่มลงสู่แนวชายแดนฝั่งซีเรีย อย่างไรก็ตาม หนึ่งในนั้นถูกสาดกระสุนใส่จากกลุ่มกบฏที่อยู่บนภาคพื้นจนเสียชีวิต การแก้แค้นคือสิทธิโดยธรรมชาติของมนุษย์เซลิคให้สัมภาษณ์  มอสโกและอังการาตกอยู่ท่ามกลางสงครามน้ำลายเกี่ยวกับเหตุเครื่องบิน ซู-24 ของรัสเซียถูกยิงตกเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ด้วยเครมลินได้ออกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อตุรกีเป็นชุดๆเพื่อแก้แค้น  ซาคาโรวาบอกว่า การเผยแพร่คำสัมภาษณ์นายเซลิค ของสื่อมวลชนหลักตุรกีได้กระพือความโกรธเคืองและสร้างความประหลาดใจแก่รัสเซีย พร้อมกล่าวหาหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ว่ามีนโยบายเผยแพร่คำคุยโวของพวกก่อการร้ายและอาชญากร และแพร่กระจายความเกลียดชังที่มีต่อรัสเซียและประชาชนชาวรัสเซีย ผ่านอุดมการณ์ชาตินิยม เธอระบุด้วยว่าความเห็นของนายเซลิคเท่ากับยอมรับว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในเหตุฆาตกรรมนักบินรัสเซีย  ตุรกีกล่าวหารัสเซียว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทางเชื้อชาติในซีเรีย โดยมีเป้าหมายที่ชาวเติร์กเมนและประชากรสุหนี่ ที่ต่อต้านรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด พันธมิตรเก่าแก่ของมอสโก อังการาอ้างว่าเครื่องบินรัสเซียละเมิดน่านฟ้าของพวกเขาและเพิกเฉยต่อคำเตือนหลายรอบ ขณะที่มอสโกยืนกรานว่าเครื่องบินไม่ได้ข้ามไปจากฝั่งซีเรียและกล่าวหาตุรกีว่าวางแผนยั่วยุ
       

(เครดิตอ้างอิง : คัดลอกจากเนื้อหาคอลัมน์ข่าวต่างประเทศ ,เว็บไซต์ MGR online )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น