วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2558

โลก 360 องศา - (โลกช็อกอีกครั้ง เหตุการณ์จับกุมตัวประกัน 2 จุด ที่ปารีสเกี่ยวพันกลุ่มก่อการร้ายกราดยิงหนังสือพิมพ์ในปารีส,ระเบิดพลีชีพที่เยเมน,พบซากส่วนหางของเครื่องบินแอร์เอเซีย)




รอยเตอร์/เอเอฟพี - ฟรังซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสแถลงยืนยันเมื่อวันศุกร์(9ม.ค.) ว่ามีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 4 รายในเหตุจับตัวประกันที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งทางตะวันออกของกรุงปารีส ส่วนผู้ก่อเหตุถูกวิสามัญเช่นเดียวกับ 2 ผู้ต้องสงสัยสังหารหมู่ที่สำนักงานนิตยสารรายสัปดาห์ ท่ามกลางข้อมูลที่ปรากฏชัดว่าทั้ง 3 คนร่วมมือกัน ขณะที่เหล่าผู้นำทั่วยุโรปเตรียมแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับแดนน้ำหอม ด้วยการตอบรับร่วมเดินขบวนสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น  ประธานาธิบดีฝรั่งเศสแถลงหลังเหตุจับตัวประกันสิ้นสุดลง โดยบอกว่า "พวกคนบ้าคลั่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับศาสนาอิสลาม" เขากล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ พร้อมเตือนว่า "ภัยคุกคามต่างๆของฝรั่งเศสต้องเผชิญคงไม่สิ้นสุดลงง่ายๆ" นอกจากนี้ออลลองด์ ยังประณามเหตุสังหารตัวประกัน 4 คนที่ซูเปอร์มาร์เก็ตโกเชร์ ทางภาคตะวันออกของกรุงปารีส ว่าเป็นพฤติกรรมต่อต้านยิวที่น่าสะพรึงกลัว  ผู้นำแดนน้ำหอมรายนี้บอกว่าเขาจะไปร่วมเดินขบวนแสดงความเป็นเอกภาพของชาติในวันอาทิตย์นี้(11ม.ค.) ที่คาดหมายว่าจะมีประชาชนหลายแสนคนเข้าร่วมเช่นเดียวผู้นำเยอรมนี อิตาลี อังกฤษ สเปน และเบลเยียมที่ตอบรับเรียบร้อยแล้ว ขณะที่นายโดนัลด์ ทัสก์ ประธานสภายุโรปและนายฌอง-โคลด ยุงเคอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป บอกว่าจะไปร่วมเดินขบวนในกรุงปารีสเช่นกันแม้แต่เกาหลีเหนือและคิวบาก็ยังส่งสารแสดงความเสียใจต่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่สหรัฐฯในวันศุกร์(9ม.ค.) ออกมาสนับสนุนฝรั่งเศส โดยประกาศพร้อมให้ความช่วยเหลือในทุกรูปแบบเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามของพวกนักรบอิสลามิสต์หัวรุนแรง  ความเคลื่อนไหวของนานาชาติ มีขึ้นหลังจากกองกำลังตำรวจของฝรั่งเศสบุกจู่โจมช่วยเหลือตัวประกัน 2 จุดในเวลาไล่เลี่ยกันในวันศุกร์(9ม.ค.) ปลิดชีพ 2 พี่น้องที่อยู่เบื้องหลังเหตุสังหารหมู่ที่สำนักงานนิตยสารรายสัปดาห์แนวเสียดสี ชาร์ลี เอ็บโดและผู้สมรู้ร่วมคิดอีกคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามในเหตุการณ์ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตโกเชร์ มีตัวประกันเสียชีวิต 4 คน
มือปืนผู้ก่อเหตุจับตัวประกันในซูเปอร์มาร์เก็ตชาวยิวในกรุงปารีสเมื่อวันศุกร์(9ม.ค.) เผยกับสื่อมวลชนท้องถิ่นระหว่างหลบหนีว่าเขาร่วมมือกับ 2 พี่น้องผู้ต้องสงสัยโจมตีสำนักงานหนังสือพิมพ์นิตยสารรายสัปดาห์แนวเสียดสี ชาร์ลี เอ็บโดก่อนทั้งหมดจะถูกปลิดชีพในปฏิบัติการจู่โจม 2 จุดไล่เลี่ยกันของหน่วยคอมมานโด พร้อมกันนั้นยังบอกด้วยว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นภารกิจที่ดำเนินการในนามกลุ่ม AQAP หรืออัลกออิดะห์สาขาเยเมนและกบฏรัฐอิสลาม(ไอเอส)

 
สรุปเหตุการณ์
       - ตำรวจฝรั่งเศสกระจายกำลังไปในแถบชนบทเพื่อไล่ล่านายเชรีฟ กูอาชี นักรบอิสลามวัย 32 ปี ที่เคยถูกจำคุก 18 เดือนในปี 2008 โทษฐานมีส่วนเกี่ยวข้องในเครือข่ายลักลอบส่งนักรบไปยังอิรัก และซาอิด พี่ชายวัย 34 ปีของเขา โดยทั้งคู่เกิดในปารีส 2 ผู้ต้องสงสัยสังหารหมู่ที่สำนักงานนิตยสารรายสัปดาห์แนวเสียดสีชาร์ลี เอ็บโดเมื่อวันพุธ(7ม.ค.) ขณะที่ทั้งสองยังหลบหนีเป็นคืนที่ 2
       - พอถึงช่วงเช้าวันศุกร์(9ม.ค.) ตอนเวลาประมาณ ตำรวจขับรถยนต์ไล่ล่าด้วยความเร็วสูงและยิงตอบโต้รถยนต์คันหนึ่งบนทางหลวง N2 ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปารีส ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นยานพาหนะที่พี่น้องกำลังใช้หลบหนี
       - หลังจากจนมุมในช่วงสาย สองพี่น้องก็บุกจับตัวประกันคนหนึ่งที่โรงพิมพ์ CTD ในดามมาแตง ออง กูเลอ เมืองเล็กๆที่มีประชากรราว 8,000 คน ห่างจากท่าอากาศยานหลักของปารีส ชาร์ลส เดอ โกล แค่ 12 กิโลเมตร ทำให้ตำรวจต้องปิดล้อมเมืองดังกล่าวและส่งเฮลิคอปเตอร์บินตรวจตราวนไปวนมาอยู่ด้านบน พร้อมสั่งอพยพตามโรงเรียนที่อยู่โดยรอบและห้ามประชาชนที่อยู่ในละแวกดังกล่าวออกนอกบ้าน
       - เครื่องบินโดยสาร 2 ลำของสายการ "แอร์ ฟรานซ์" ต้องยกเลิกการลงจอดในสนามบิน ชาร์ลส เดอ โกล เนื่องจากเฮลิคอปเตอร์ของทางการที่ไล่ล่าตัวคนร้าย บินวนเวียนอยู่ในบริเวณนั้น
       - ถึงช่วงนั้น ประธานาธิบดี ฟรองซัวร์ โอลองด์ ได้เข้าร่วมการประชุมของกระทรวงมหาดไทย เพื่อรับฟังสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุด ส่วนนายกรัฐมนตรี มานูเอล วอลส์ ได้ประกาศว่า ฝรั่งเศสไม่ได้ทำสงครามกับศาสนา แต่กำลังทำสงครามกับผู้ก่อการร้าย
       - ระหว่างนั้นตอนเวลาประมาณ 13.00น.(ตรงกับเมืองไทย 19.00น.) ได้เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญอีกคดีแทรกขึ้นมา โดยมีมือปืนเปิดฉากยิงที่ซูเปอร์มาร์เก็ตนิวแห่งหนึ่งที่ปอร์เตอเดอ แวงซองน์ ทางตะวันออกของปารีสและจับตัวประกันไว้อย่างน้อย 5 คน โดยเชื่อกันว่ามือปืนคนนี้คือผู้ต้องสงสัยที่เพิ่งก่อเหตุยิงตำรวจหญิงนายหนึ่งเสียชีวิตทางใต้ของปารีสเมื่อวันพฤหัสบดี(8ม.ค.)และต่อมาก็ปรากฎความชัดเจนว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับสองพี่น้องกูอาชี
       - เมื่อถึงเวลา 17.00น.(ตรงกับเมืองไทย 23.00น.) หน่วยคอมมานโดฝรั่งเศส ก็บุกจู่โจมเข้าไปยังอาคารที่สองพี่น้องกูอาชีจับตัวประกันและหลบซ่อนอยู่ ท่ามกลางเสียงปืนและระเบิดที่ดังขั้นสนั่นหวั่นไหว ต่อมาพบว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ถูกกองกำลังความมั่นคงวิสามัญ ส่วนตัวประกันเป็นอิสระโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
       - ระหว่างนั้นตอนประมาณ 17.15 น.(ตรงกับเมืองไทย 23.15 น.) หน่วยคอมมานโดอีกชุดก็บุกจู่โจมซูเปอร์มาร์เก็ตยิวเพื่อช่วยตัวประกัน แต่คราวนี้มีผู้เสียชีวิต 5 คน ในนั้นรวมถึงมือปืน นอกจากนี้แล้วยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 4 คน

เอพี/เอเอฟพี - ตำรวจนายหนึ่งเผยวันศุกร์(9ม.ค.) ว่ามือปืนที่จับตัวประกันอย่างน้อย 5 คนที่ซูเปอร์มาร์เก็ตโกเชร์ ทางภาคตะวันออกของกรุงปารีส ขู่ฆ่าตัวประกันหากว่าเจ้าหน้าที่จู่โจมสองพี่น้องผู้ต้องสงสัยสังหารหมู่นิตยสารรายสัปดาห์แนวเสียดสีชาร์ลี เอ็บโดช่วงกลางสัปดาห์ ที่กำลังถูกตำรวจต้อนจนมุม  สำนักข่าวเอพีอ้างคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่นายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยสถานการณ์จับตัวประกันต่อสาธารณะ ระบุชัดเจนว่า "ทั้งสองเหตุการณ์เชื่อมโยงกัน" เจ้าหน้าที่เผยว่ามีประชาชนได้รับบาดเจ็บหลายคนตอนที่มือปืนเปิดฉากยิงในซูเปอร์มาร์เก็ตของชาวยิว ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของเมืองหลวงฝรั่งเศส ในช่วงบ่ายวันศุกร์(9ม.ค.) โดยเหล่านั้นสามารถหลบหนีออกมาก่อนได้รับรักษาทางการแพทย์ แต่ไม่ชัดเจนว่ายังมีผู้ได้รับบาเจ็บคนอื่นๆลงเหลืออยู่ภายในหรือไม่  ตำรวจแพร่ภาพถ่ายชายหญิงคู่หนึ่ง ที่เชื่อว่าเป็นผู้ลงมือจับตัวประกันไว้ภายในซูเปอร์มาร์เก็ตดังกล่าว โดยทั้งสองคนมีชื่อว่าอาเมดี คัวลิบาลี วัย 32 ปี และ ฮายัต บัวเมดดีน วัย 26 ปี ที่ถูกพิจารณาในฐานะบุคคลอันตรายและมีอาวุธ และเชื่อว่าคนผู้ชายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดียิงตำรวจหญิงเสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดี(8ม.ค.)  อย่างไรก็ตามในรายงานของสำนักข่าวเอพี บอกว่าไม่ชัดเจนว่าคนผู้หญิงที่ถูกระบุว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในประกาศจับของตำรวจอยู่ภายในซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยหรือเปล่า ก่อนหน้านี้ในวันศุกร์(9ม.ค.) พลซุ่มยิงถูกส่งเข้าประจำการบนหลังคาและเฮลิคอปเตอร์บินวนโดยรอบย่านธุรกิจเล็กๆในเมืองดามมาแตง ออง กูเลอ ห่างจากท่าอากาศยานหลักของปารีส ชาร์ลส เดอ โกล แค่ 12 กิโลเมตร หลังสองพี่น้องผู้ต้องสงสัยว่าก่อเหตุโจมตีนิตยสารเชิงเสียดสีรายสัปดาห์ "ชาร์ลี เอ็บโด" ได้จับตัวประกันเอาไว้ 1 คน หลังจากถูกตำรวจไล่ต้อนจนมุม  แต่ระหว่างนั้นก็เกิดเหตุระทึกขวัญซ้อนขึ้นมาทางตะวันออกของเมืองหลวงฝรั่งเศส เมื่อมีรายงานว่าชายหญิงคู่หนึ่ง ก่อเหตุยิงและจับตัวประกันอย่างน้อย 5 คนไว้ภายในซูเปอร์มาร์เก็ตโกเชร์ โดยเชื่อว่าคนผู้ชายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดียิงตำรวจหญิงเสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดี(8ม.ค.) เบื้องต้นมีมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยแล้ว 2 คน แหล่งข่าวตำรวจเปิดเผยว่ามีความเชื่อมโยงกันระหว่างมือปืนคนผู้ชายกับสองพี่น้องที่ถูกกล่าวหาว่าลงมือสังหารหมู่ที่สำนักงานนิตยสารรายสัปดาห์ชาร์ลี เอ็บโดโดยอาเมดี คัวลิบาลี เคยถูกพบเห็นอยู่กับนายเชรีฟ กูอาชี ผู้ลงมือสังหารโหด ณ สำนักงานนิตยสาร เมื่อปี 2010 ระหว่างการสืบสวนเหตุพยายามแหกคุกในฝรั่งเศส ทั้งนี้ คัวลิบาลี ถูกตัดสินว่ามีความผิดต่อบทบาทในความพยายามดังกล่าวและ คัวลิบาลี เป็นที่รู้จักดีของตำรวจต่อต้านก่อการร้าย

คนร้ายใช้ไรเฟิลบุกยิงสำนักพิมพ์การ์ตูนเสียดสีในกรุงปารีส ฝรั่งเศส คาด ไม่พอใจที่ตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนศาสนาอิสลาม เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2558 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เกิดเหตุคนร้ายพร้อมอาวุธปืนไรเฟิล บุกถล่มกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์การ์ตูนเสียดสีรายสัปดาห์ ชาร์ลี เอ็บโด ทำให้เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตประมาณ 12 ราย เป็นตำรวจ 2 นาย สำหรับรายละเอียดอื่น ๆ หลังจากที่คนร้ายได้โจมตี ก็ได้ขโมยรถยนต์ก่อนขับหลบหนีไป พร้อมกับพุ่งชนคนบนทางเท้าอีกหลายคน ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้น คาดว่าน่าจะมาจากสำนักพิมพ์ตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนศาสดาของศาสนาอิสลามของหนังสือพิมพ์เดนมาร์กซ้ำ ซึ่งเรื่องนี้เคยสร้างความโกรธแก่ชาวมุสลิมเมื่อปี 2549 มาแล้ว ก่อนถูกวางระเบิดในปี 2554 ต่อมา เรื่องนี้ถูกนำขึ้นศาลคดีเหยียดชาติพันธุ์ (racism) แต่สำนักพิมพ์ก็ยังคงตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนต่อไปในปี 2555 ด้วยเหตุนี้ ทำให้เกิดกระแสประท้วงต่อต้านจากชาวมุสลิมในหลายประเทศ และบรรณาธิการก็ต้องให้ตำรวจช่วยคุ้มกันความปลอดภัยเพราะกลัวอันตราย ก่อนที่จะมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอีกครั้ง
 

วันนี้(6 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดพลีชีพในเมือง Ibb ทางตอนใต้ของประเทศเยเมน ระหว่างพิธีการทางศาสนา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 33 ราย และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือผู้ว่าการเมือง Ibb ล่าสุดยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่คาดว่า  เป็นฝีมือ เครือข่ายอัลกออิดะห์ มีรายงานว่า เกิดเหตุคนร้ายขับรถมินิบัสบรรทุกวัตถุระเบิดก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย ใกล้วิทยาลัยตำรวจกลางกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน มีผู้เสียชีวิต 30 คน และบาดเจ็บหลายสิบคน ขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายใดอ้างว่าเกี่ยวข้อง แต่ที่ผ่านมาเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ในเยเมน ซึ่งสหรัฐฯ ระบุว่า เป็นกลุ่มก่อการร้ายที่อันตรายที่สุดในโลก และเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรงโจมตีสหรัฐฯ หลายครั้ง
 

เอเอฟพี - หัวหน้าทีมค้นหาอินโดนีเซียแถลงยืนยันวันนี้ (7 ม.ค.) ว่าทีมค้นหาซากเครื่องบินโดยสารของสายการบิน "แอร์เอเชียตรวจพบส่วนหางของเที่ยวบิน QZ8501 ที่ตกลงสู่ในทะเลชวาแล้ว ในยามที่ปฏิบัติการค้นหาย่างเข้าสู่วันที่ 11   บัมบัง โซลิสต์โย ผู้อำนวยการสำนักงานค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติอินโดนีเซียระบุกับผู้สื่อข่าว ณ กรุงจาการ์ตาว่า เราค้นพบชิ้นส่วนเครื่องบินตรงตามเป้าหมาย โดยเราขอยืนยันว่า พบส่วนหาง (ของเครื่องบินลำนี้) แล้ว  ทั้งนี้ การค้นพบซากเครื่องบินบริเวณก้นทะเลนั้นอาจช่วยผ่าทางตันของภารกิจค้นหาครั้งนี้ เนื่องจากโดยปกติแล้วส่วนหางของเครื่องบินนั้นเป็นจุดที่มีการติดตั้งอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบิน หรือ กล่องดำเอาไว้ ซึ่งเป็นเบาะแสสำคัญที่สามารถชี้ชัดได้ว่า เครื่องบินลำน้ำดิ่งลงทะเลได้อย่างไร  เมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา เครื่องบินลำนี้อันตรธานหายไปจากหน้าจอเรดาร์ขณะเกิดพายุ ระหว่างออกเดินทางจากเมืองสุราบายา ของอินโดนีเซีย ไปยังสิงคโปร์ พร้อมลูกเรือและผู้โดยสารรวม 162 ชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองแดนอิเหนา  แม้ว่าปฏิบัติการกู้ซากเครื่องบินครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้จะได้รับความช่วยเหลือจากหลายชาติ ทว่า ภารกิจก็ยังคงดำเนินไปอย่างกะท่อนกระแท่น เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการค้นหา โดยในเวลานี้ ทีมค้นหาพบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 39 ราย โดยศพทั้งหมดที่พบลอยขึ้นสู่ผิวน้ำก่อนหน้านี้ บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยค้นหาและกู้ภัยแถลงว่า ได้ตรวจพบชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของเครื่องบินแล้ว 5 ชิ้น แต่ยังไม่ได้ระบุแน่ชัดว่า วัตถุเหล่านั้นคือส่วนใดของอากาศยาน ทั้งนี้ อินโดนีเซียแถลงว่า เที่ยวบิน QZ8501 ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นบนในวันที่ตก นอกจากนี้อินโดนีเซียยังได้สั่งห้ามไม่ให้เที่ยวบินใดๆ ของแอร์เอเชียให้บริการในเส้นทางสุราบายา - สิงคโปร์อย่างไม่มีกำหนดนับตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา (3)เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (7) กระทรวงคมนาคมแดนอิเหนาระบุว่า ได้สั่งปลดเจ้าหน้าที่ในกระทรวงหนึ่งคน รวมทั้งลงโทษเจ้าหน้าที่อีกหลายคน ตามมาตรการลงโทษขั้นรุนแรง หลังเกิดเหตุเครื่องบินตก ขณะที่กระทรวงคมนาคมกำลังเร่งตรวจสอบว่า อากาศยานลำนี้ขึ้นบินโดยไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างไร  ฮาดี มุสโตฟา เจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมกล่าวกับเอเอฟพีว่า จนถึงตอนนี้เราได้ใช้มาตรการลงโทษเจ้าหน้าที่ไปแล้ว 8 คน โดย 2 คนเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคม ส่วนอีก 4 คนเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการเดินอากาศ AirNav และอีก 2 คนที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่สนามบินสุราบายา    เจ้าหน้าที่ของกระทรวงคมนาคมถูกไล่ออกหนึ่งคน ขณะที่อีกคนถูกสั่งพักงาน ส่วนเจ้าหน้าที่อีก 6 คนที่เหลือไม่ถูกสั่งพักงานก็ถูกโยกย้าย

ทางด้าน สายการบินแอร์เอเชียอินโดนีเซียยังคงปฏิเสธที่จะออกมาให้คำชี้แจงใดๆ ภายหลังถูกกล่าวหาว่านำเครื่องบินออกให้บริการทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยทางการสิงคโปร์กล่าวว่า แอร์เอเชียมีสิทธิ์บินในเส้นทางสุราบายา - สิงคโปร์ เฉพาะวันจันทร์ อังคาร พฤหัสบดี และวันเสาร์ เท่านั้น ขณะที่วันเกิดเหตุเป็นวันอาทิตย์  ทั้งนี้ อากาศยานลำดังกล่าวอยู่ภายใต้การบริหารงานของ แอร์เอเชียอินโดนีเซียกิจการในเครือของ แอร์เอเชียซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่ในมาเลเซีย และสามารถรักษาประวัติความปลอดภัยในการบินไว้ได้ดีมาโดยตลอด  มุสโตฟากล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ ทางกระทรวงจะตรวจสอบใบอนุญาตและตารางบินของสายการบินทั้งหมดที่ให้บริการในอินโดนีเซียเพื่อดูว่า มีการละเมิดกฎระเบียบหรือไม่  ที่เมืองปังกาลันบุน บนเกาะบอร์เนียว อันเป็นที่ตั้งของทางวิ่งเครื่องบินซึ่งอยู่ใกล้จุดตกของแอร์เอเชียมากที่สุด เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมส่งอากาศยานออกค้นหาร่างผู้เสียชีวิต และซากเครื่องบิน  จากการประเมินเบื้องต้นโดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินโดนีเซียพบว่า อากาศเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เที่ยวบิน QZ8501 ดิ่งทะเล โดยภาพถ่ายดาวเทียมชี้ว่า อากาศยานลำนี้บินผ่านกลุ่มเมฆที่มีอุณหภูมิติดลบ 80-85 องศา จึงมีความเป็นไปได้ว่า อาจมีน้ำแข็งเกาะอุปกรณ์สำคัญต่างๆ กระทั่งเครื่องยนต์เสียหาย  อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า เหตุใดเครื่องบินลำอื่นๆ ที่บินในเส้นทางเดียวกันนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ และนักวิเคราะห์คนอื่นๆ ทักท้วงว่า ยังมีข้อมูลไม่เพียงพออธิบายสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้จนกว่าจะพบกล่องดำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น